INTRO
ภายในห้องนอนที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟเล็ดลอดมาจากทางใต้ประตูห้อง ชายหนุ่มร่างกำยำในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า เขานั่งอยู่ปลายเตียงในท่าเดิมนานนับวัน ถอดถอนหายใจแรงถี่ ๆ ราวกับคนวิตกกังวลกับอะไรบางอย่าง ดวงตาคมลุ่มลึกเหี้ยมเกรียมปรากฏใยบาง ๆ ของความเศร้า ชายหนุ่มนั่งกระสับกระส่าย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“แม่งเอ้ย” คำสบถหยาบถูกตะเบงออกจากลำคอ ปลดปล่อยอารมณ์ที่แสนจะอึดอัดและกดดัน มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ พลางก้มมองที่ข้อขา เสียงของโซ่เหล็กครืดไปมาบนพื้นทำให้เขาเกิดอารมณ์โมโห
“ปล่อยกูสิวะ กูจะออกไปหาเธอ” แผดเสียงคำรามสั่งลูกน้องพ่อที่ยืนเฝ้าประตูหน้าห้องอยู่ด้านนอก
น้ำตาร่วงรินหยดกระทบหน้าเท้า เสียงสะอื้นร่ำไห้ราวกับคนใกล้หมดลมหายใจ ชายหนุ่มไหลตัวลงจากที่นอน นั่งชันเข่าขึ้นทั้งสองข้างอย่างสิ้นหวัง
“พ่อปล่อยผม”
รู้ซึ้งแล้วถึงความผิดหวัง ลิ้มรสรสชาติความทรมาน คล้ายถูกมีดนับร้อยปักเข้ากลางอก
ริมฝีปากแห้งผากขึ้นเป็นรอยยิ้มขม ๆ เมื่อส่วนลึกของหัวใจมันปวดหนึบ ใบหน้าหล่อระทมทุกข์หดหู่และเปล่าเปลี่ยวเมื่อไม่มีเธอ...
มีเพียงเครื่องดื่มมึนเมาที่ช่วยย้อมใจ เขากลายเป็นโรคแอลกอฮอล์ริซึ่ม คิดว่านี่คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาลืมเธอได้บ้าง
แต่เปล่าเลย เขาลืมเธอไม่ได้แม้แต่วินาที
อึก อึก อึก~
เคร้ง~
ขวดสีชาที่ตั้งวางอยู่เป็นเพื่อน ถูกชายหนุ่มเขวี้ยงลงบนพื้นขวดแล้วขวดเล่า ให้มันได้เป็นที่ระบายความโศกเศร้าเสียใจ
“จะตายอยู่แล้ว” เสียงคำรามอย่างทนทุกข์ทรมาน มือหนักยกขึ้นทุบลงบนกลางอกแรง ๆ ย้ำ ๆ เอาให้เจ็บช้ำแทบเจียนตาย ในเมื่ออยู่ไปเธอก็ไม่กลับมา
นับวันทุกอย่่างกลับแย่ลง สภาพหัวใจที่แห้งเหี่ยวราวกับใบไม้แห้งกรอบที่รอคนมาเหยียบย่ำให้กลายเป็นเศษผง
“คุณเคนโซครับ อาหาร...” ลูกน้องคนสนิทของชายหนุ่มถือถาดอาหาร พลางเคาะประตูห้องเพื่อแสดงตัวตน แต่ทว่ากลับไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป เมื่อผู้เป็นนายไม่ต้องการ
“กูไม่กิน มึงจะเอาไปให้ห่าเหี้ยตัวไหนก็ไป”
“ทานหน่อยเถอะครับนาย”
“ก็บอกว่าไม่กินไงวะ”
ปึก~ ชายหนุ่มหยิบสิ่งของที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงใส่ประตูเสียงดัง คนถูกไล่หันไปส่งสารขอความเห็นจากชายวัยกลางคนที่ยืนมองขึ้นมายังชั้นบนห้องของลูกชาย
“มันเป็นแบบนี้มานับเดือน ตั้งแต่วันที่เธอจากมันไป”
“...”
“สะใจเธอพอหรือยัง”
“แค่เดือนเดียวเองเหรอคะ”
“หมายความว่ายังไง” มาเฟียใหญ่ขมวดคิ้วชิดมองพินิจใบหน้าหวาน แม้กระทั่งคำพูดที่เธอเปล่งออกมา ไม่หลงเหลือแม้แต่ความห่วงหาอาทร
“คุณท่านทราบดีค่ะ”
“ยังไงมันก็ลูกชายฉัน ฉันคงปล่อยให้มันเป็นบ้าแบบนั้นนานไม่ได้”
“ให้เขาอดทนอีกหน่อยสิคะ เบลยังอดทนมาได้ เขาก็ต้องอดทนได้” หญิงสาวเก็บความรู้สึกในแววตา เขาเคยเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรัก รักจนหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผล
ชายวัยกลางคนจับจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า คำพูดของเธอช่างเย็นชาไร้เยื่อใย ในอดีตลูกชายเขาทำกับเธอมากเกินไป ตอนนี้มันได้รับผลกรรมอย่างเจ็บปวดเหมือนคนตายทั้งเป็น
“นายท่านครับ...คุณเคนอาละวาดหนักแล้ว” ลูกน้องส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากนายใหญ่ของบ้าน
“เปิดประตู”
“แต่...”
“สั่งให้เปิดก็เปิด”
“เบลขอตัวกลับก่อน สวัสดีค่ะ”
“พ่อผมขาดเบลไม่ได้ ผมอยากเจอเบล พ่อได้ยินไหม”
เรียวเท้าเล็กหยุดชะงักทันที เมื่อได้ยินเสียงของชายคุ้มคลั่งชัดเจน ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูห้อง ชายหนุ่มคำรามอาละวาดจนหัวใจมันปวดร้าว
“ให้มันได้เจอหน้าเธอสักครั้งไม่ได้เลยหรือไง”
“เจอไปก็เท่านั้น คุณท่านอย่าพยายามยื้อเวลาเบลเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
“มาเบลใช่ไหม เสียงเธอใช่ไหมไอ้ฟาร์ม”
“เอ่อ...”
เสียงโซ่ครืดบนพื้นแรง ๆ พยายามพาตัวเองเดินออกจากห้องเพื่อหาความจริงว่าเสียงที่เขาได้ยินใช่เธอหรือไม่ แต่เขากลับเดินถึงแค่หน้าประตู เมื่อถูกโซ่ตรวนล็อคข้อขาเอาไว้
ชายหนุ่มถูกผู้เป็นพ่อกักขังอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยวราวกับผู้ต้องหา ดวงตาคมแดงก่ำมีมวลน้ำขึ้นอยู่รอบตา เหมือนเห็นภาพลาง ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากบ้าน
“นั่นเธอใช่ไหม มาเบลเธอมาหาฉัน” ตะโกนเรียกเธอที่รักย้ำ ๆ ความรู้สึกโทษตัวเองระรอกใหญ่ ถาโถมใส่ราวกับทะเลคลั่ง
“อย่าทิ้งฉัน ฉันขอโทษ” ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคออย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่เขาจะหมดสติล้มลง
“นายท่านครับ คุณเคนสลบไปแล้ว”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม สาแก่ใจเธอพอหรือยัง!” มาเฟียใหญ่ตะโกนถามหญิงสาวที่เดินออกจากบ้านไม่แม้แต่จะหันกลับ เรียวเท้าเล็กวิ่งขึ้นรถยนต์คันหรูทันทีที่รู้ว่าชายที่เธอเคยรักหมดสติลง
“เรียกรถโรงพยาบาล เร็ว”
EP.1เรื่องราวก่อนหน้ามูลนิธิสถานสงเคราะห์ BK ไม่แสวงหาผลกำไร เป็นมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเจ้าของรายใหญ่อย่าง ท่านเมธัส พัฒนาวรวงศ์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทั้งด้วยอำนาจและบารมีอันน่าเกรงขาม แม้แต่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยังต้องเคารพคำนับอีกทั้งยังมีธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะดำ เทา หรือขาวสะอาด และโดดเด่นในเรื่องการบริจาค มอบทุนทรัพย์แก่เด็กนับหมื่นคน ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือแม้แต่สัตว์สี่ขา มักจะมีชื่อของ เมธัสร่วมบริจาคอยู่ในนั้นเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปี กับการเปิดมูลนิธิแห่งนี้ และถือเป็นฤกษ์ดีของการเปิดตึกใหม่ 19 ชั้นภายใต้นามสกุลของครอบครัวตึกพัฒนาวรวงศ์ ทางองค์กรได้เชิญเมธัสพร้อมภรรยาเป็นประธานเปิดงานในพิธี และอีกหนึ่งคนสำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือลูกชาย[ เคนโซ ] รามิล พัฒนาวรวงศ์ ลูกชายคนเดียวของเมธัส และภรรยา ธิติมา พัฒนาวรวงศ์ชายหนุ่มคิ้วเข้ม จมูกโด่งคมสัน นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากเรียวหยักได้รูป ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกในนิยายสาว ๆ ส่งเสียงกรี๊ดเชียร์ข้างสนาม กับจังหวะการเตะและท่วงท่าในการเลี้ยงลูกฟุตบอลของมาเฟียรุ
EP.2[ มาเบล ] ขวัญพิชชา วรภิรมย์ อายุ 23 ปี เธอเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ และเป็นเด็กกำพร้าของมูลนิธิแห่งนี้ขวัญพิชชา ได้ทุนการศึกษาจากเมธัสจนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งของประเทศ คณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษหญิงสาวผูกพันกับสถานที่แห่งนี้มาก อยากทำคุณประโยชน์ให้กับองค์กรที่เธอเติบโตมาแต่เล็ก จึงได้มาเป็นครูสอนให้กับเด็ก ๆ ในมูลนิธินามสกุลที่เธอใช้เป็นนามสกุลกลางของมูลนิธิ เนื่องด้วยตอนเกิด พ่อแม่แท้ ๆ เธอไม่ได้ทิ้งประวัติอะไรไว้ให้ ทางมูลนิธิจึงเป็นคนตั้งชื่อเธอขึ้นมาใหม่การเรียนการสอนเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นแทรกในระหว่างที่เธอตัั้งใจสอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ“คุณ...”“เคนโซ ลูกชายเมธัส”“สวัสดีค่ะ” ขวัญพิชชายกมือไหว้อย่างสุภาพ เผยยิ้มแรกออกมาส่งให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังได้เชยชมเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองคน เธอทราบว่าท่านเมธัสมีลูกชาย แต่ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาเลยสักครั้ง จนได้เจอกันในวันนี้เขาดูดีมาก ๆ จวบกระทั่งเสียงเรียกชื่อเธอทางฝั่งซ้าย กวักมือให้ขวัญพิชชาเดินเข้ามาหาท่านเมธัส และกล่าวแนะนำตัว“สวัสดีค่ะท่าน”“ขอบใจหนูมากที่เข้ามาเป็นหนึ่ง
EP.3ทันทีที่มาเฟียหนุ่มเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขวัญพิชชายืนตัวแข็ง สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ แล้วดึงสติตัวเองกลับมาเมื่อรามิลเรียกชื่อเธอ“มาเบล”ก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลัก ถึงเขาจะหล่อเหลาแค่ไหนแต่กลับไม่น่าเฉียดเข้าใกล้เลยสักนิด สองมือบางบีบเข้าหากัน พลันคิดหาวิธีเอาตัวรอดในการออกจากห้องนี้“กลัวฉัน” หัวคิ้วขยับชิดเข้าหากัน รามิลเริ่มแสดงความไม่พอใจบนใบหน้า เมื่อขวัญพิชชายืนห่างจากเขาอยู่มาก เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงไม่เล่นตัวมากแบบเธอ มีแต่จะเข้าหา เอาอกเอาใจ อยากมี อยากได้เงินทอง อยากเป็นเจ้าของเขาทั้งนั้น“เปล่าค่ะ”“เปล่าก็เดินมาหาฉันใกล้ ๆ ”“เบลยืนตรงนี้ดีอยู่แล้วค่ะ"“งั้นฉันเดินเข้าไปหาเธอเอง” เรือนกายสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน สองเท้าก้าวยาวและมั่นคงอย่างไม่รีบร้อน รีโมทสีดำอันเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ในอุ้งมือ ปลายนิ้วยาวขยับกดปุ่มล็อคห้องทำงานอัตโนมัติประตูห้องนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยระบบเซนเซอร์ ควบคุมด้วยรีโมทจากเจ้าของห้อง และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะคนที่จำเป็นเท่านั้นหญิงสาวเห็นรองเท้าหนังสีดำราคาแพงเดินสืบเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นทุกทีขวัญพิชชาเริ่มหายใจลำบาก เมื่อเ
EP.4 ทันทีที่เธอเปิดลำโพง เสียงทุ้มจากไมโครโฟนผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้รามิลได้ยินเสียงคนในสายชัด ใบหน้าหล่อจัดเคร่งขรึม ดวงตาคมสาดความอำมหิตบนหน้าจอโทรศัพท์ของหญิงสาว“เดี๋ยวเบลลงไปนะคะ”[ ครับ ผมรอคุณที่เดิม ]“เบลไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอเห็นว่ารามิลไม่พูดอะไร เมื่อเธอได้วางสายจากชายหนุ่มอีกคน ขวัญพิชชาจึงได้เอ่ยขอตัวลา บิดรอยยิ้มเพียงนิดแล้วหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ทว่าประตูมันกลับถูกล็อคเอาไว้“ปะ เปิดไม่ออกค่ะ”“ก็ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอออก”ขวัญพิชชาจึงหมุนตัวกลับมา “ทำไมคะ คุณจะเอาอะไรจากเบลอีก”“...กับมัน รู้จักกันได้ยังไง ตอนไหน เมื่อไหร่” เสียงทุ้มห้าวเย็นเยียบแฝงความโทสะ รามิลอยากรู้จักคนในสายของเธอเหลือเกินไม่เจอกันนาน เพื่อนรัก “เบลขอไม่ตอบคำถาม” เขาถามเยอะเกินไป เธอจะตอบยังไง มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด“งั้นเธอเป็นอะไรกับมัน” ดวงตาคมคู่สบลึกเข้าไปในดวงตาหวานอย่างต้องการหาคำตอบ มาเบลหลุบตามองพื้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุในแววตาเขา“เบลก็ขอไม่ตอบเหมือนกัน”“แต่ฉันถาม”“ถัาเบลตอบ คุณจะปล่อยเบลไปใช่ไหมคะ” เสียงใสร้อนรน เงยหน้าขึ้นพลางส่งสายตาประวิงวอน เธออยากหลุดพ้นจาก
EP.5หลังจากที่รามิลได้ส่งคนไปติดตามเลขรถทะเบียนคันนั้น ฟาร์มลูกน้องคนสนิทได้คอยโทรรายงานความเคลื่อนไหว ถึงได้ทราบว่าอคิราห์ พาขวัญพิชชาไปที่บ้านเดี่ยวแห่งหนึ่งย่านชานเมือง รูปภาพถูกส่งเข้าเครื่องมือสื่อสาร รามิลรีบกดเปิดดู มีภาพขวัญพิชชา อคิราห์ และเด็กผู้หญิงน่าจะเป็นแค่เด็กประถมนั่งอยู่ด้วยกันจากในภาพ เขาคาดว่าขวัญพิชชากำลังนั่งสอนการบ้านให้กับเด็กหญิงคนนั้น ไอ้อคิราห์ก็นั่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งมองก็ยิ่งหมั่นไส้ ทำไมมันเหมือนภาพครอบครัวนัก“หรือเธออยากเป็นเมียน้อยมัน มาเบล” รามิลเอ่ยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างดูถูก ริมฝีปากหนายิ้มร้ายมองภาพนั้นแล้ววางเครื่องมือสื่อสารลง หยิบเบียร์กระป๋องที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามาดื่มให้ชื่นใจรามิลควงกระป๋องไปมาซ้ำ ๆ นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาแม่งโคตรเจ็บและผิดหวัง แววตาคมดุลุกวาวอย่างน่ากลัว ซดเบียร์ดื่มจนหมดแล้วบีบกระป๋องที่อยู่ในมือจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง แล้วเขวี้ยงมันลงบนพื้นอย่างระบายอารมณ์“มึงมันมีอะไรดีนักวะ” รามิลตวาดลั่นเมื่อเริ่มคุมสติไม่อยู่ ความครุกรุ่นในใจที่ติดมาตลอดสิบปี เขาไม่เคยลืมมันรามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำชับลูกน้องอีกครั้ง ให้คอยติดตามคว
EP.6พริตตี้สาวใช้ร่างกายยั่วยวนมาเฟียหนุ่มชวนให้เคลิบเคลิ้ม และใช้เธอเป็นที่บำบัดความใคร่ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล อยากให้เขามาอยู่ใกล้ชิด แบบชนิดที่ว่าเนื้อแนบสัมผัส จับตรงไหนก็น่าขย้ำ แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นดั่งหวัง เมื่อเขาใช้มือกระชากกลุ่มเส้นผมเธอ“อ๊าย คุณเคนโซ”“กูไม่ลดตัวมาเอาผู้หญิงอย่างมึง จำเอาไว้” ดวงตาคมเข้มทั้งเย็นเยียบและแหลมคม แต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มปีศาจร้าย รามิลรู้ทันความคิดเธอ จำต้องบอกให้รู้ตัวเสียงของหญิงสาวร้องโหยหวน เมื่อถูกมาเฟียหนุ่มเล่นงาน แต่ไม่วายยังคงมีคำถามที่คาใจ“โอ๊ย! แล้วแบบไหนคะ ที่คุณเคน...ชอบ”“แบบไหนน่ะเหรอ...” สิ้นคำบอกกล่าวจากปากมาเฟียหนุ่ม รามิลผลักเธอล้มไปบนพื้น ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินวนไปรอบ ๆ เธอ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งใช้มือบีบแก้มพริตตี้สาวแรง ๆ“แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่คนอย่างมึง จะไปไหนก็ไป แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก”พริตตี้สาวรีบวิ่งออกจากห้องด้วยความเจ็บแค้นมาเฟียหนุ่ม เขาเรียกให้เธอมาเต้นยั่ว อวดสัดส่วนในเรือนกาย ออกลวดลายส่ายสะโพกอยู่หลายเสต็ป แต่เขากลับไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมา รางวัลอะไรก็ไม่มีให้ ไม่รู้จะเรียกมาทำบ้าอะไรในทันทีที่อีตัวเดินออกไป รามิล
EP.7ขวัญพิชชาไม่คิดเชื่อคำพูดของรามิลแม้แต่น้อย เมื่อกี้เขายังตะคอกใส่หน้าเธออยู่เลย แล้วนี่ผีออกไปแล้วงั้นสิถึงกลับคำทำมาเป็นพูดดีใส่เธอ“บอกแล้วไงคะ ว่าเบลไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ”“วันนี้ไม่ใช่ วันหน้าก็ต้องใช่”“จะวันไหนก็ไม่ใช่ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว เชิญค่ะ” ขวัญพิชชาเดินไปเปิดประตูหน้าห้องรอเพื่อไล่แขก รามิลไม่ได้คิดสนใจ มาเฟียหนุ่มเดินสำรวจในห้องพักของเธอถึงจะเล็กแต่ก็ดูสะอาด ผิดกับชั้นล่างที่เขาเดินผ่านมา คงเพราะเจ้าของห้องทำความสะอาดเป็นอย่างดี“ทำไมถึงไม่อยู่ที่มูลนิธิ ในเมื่อที่นั่นมีที่พักให้”“เบลอยากออกมาใช้ชีวิตข้างนอกค่ะ เบลมีเงินเดือนที่ได้จากมูลนิธิ และสอนพิเศษ” มันก็พอให้เธอได้ออกมาอยู่ข้างนอกได้ แต่ก็ต้องประหยัด ไหนจะค่าเช่าห้อง ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง และแบ่งเก็บออมไว้ต่างหากอีกจำนวนหนึ่ง“มันให้เงินเดือนเธอเท่าไหร่”“คะ”“ไอ้ซีนายมันให้เงินเดือนเธอเท่าไหร่”“คุณซีนายไม่ได้ให้ค่ะ พี่สาวคุณซีนายเป็นคนให้”“ก็แล้วมันเท่าไหร่”“หนึ่งหมื่นบาทค่ะ”“ฉันให้เธอเดือนละล้าน เลิกเป็นครูสอนพิเศษกระจอก ๆ แล้วมาดูแลฉัน” รามิลสืบเท้าเข้าหาเธอใกล้ ๆ แล้วยื่นข้อเสนอที่เขาเองก็ไม่
EP.8เช้าในวันต่อมา เมื่อคืนขวัญพิชชาตั้งนาฬิกาปลุกไว้หกโมงเช้า แต่ทว่าเธอหลับไม่สนิทเลยสักชั่วโมงเดียว เมื่อนึกถึงคำพูดที่คอยหลอกหลอนวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหายไปไหน ทั้งที่เธอพยายามข่มตาหลับพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ อย่าคิดหนีขวัญพิชชานอนคิดจนหัวแทบระเบิด จะทำยังไงให้เขาไม่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอ แต่แล้วความคิดที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ค่อย ๆ หายไปทันทีที่ได้ยินเสียงดังจากหน้าห้องปึง“เปิดประตู” รามิลใช้เท้าถีบประตูเพื่อส่งเสียง พร้อมกับขานเรียกขวัญพิชชาเช่นเดิมเหมือนเมื่อวาน“ทำไมมาเช้าขนาดนี้เนี่ย” ใบหน้าสวยหวานตระหนก คนที่ไม่อยากเจอกลับมาให้เจอในเวลาที่เธอต้องการจะหลบหน้า“ตื่นได้แล้ว” รามิลตะโกนเรียกเธอเสียงดัง เพื่อนข้างห้องขวัญพิชชาถึงกับเปิดออกมาดู แต่แล้วก็ต้องรีบหดหัวกลับเข้าไป เมื่อเห็นเขาถือกระบอกปืนอยู่ในมือรามิลแค่ถือเอาไว้ขู่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าไอ้พวกกระจอกต้องโผล่หัวออกมาดูแน่“ฉันบอกให้เปิดประตู”“คนไร้มารยาท” เสียงใสค่อนขอดต่อว่าคนด้านนอก แล้วหันไปมองนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเศษ ๆขวัญพิชชาถอนหายใจอย่างคนปลงตก เมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องเผชิญหน้า ร่างเล็กลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ท
SPECIAL 3“สวัสดีค่ะคุณลุง เมื่อไหร่คุณลุงจะมาหาวีนัสคะ วีนัสคิดถึงคุณลุงม๊ากมากค่ะ วีนัสอยากอยู่กับคุณลุง วีนัสอยากไปเที่ยวเกาะค่ะ”[ ไม่น่าจะอยากมาหาลุงหรอก อยากมาเล่นน้ำมากกว่า ถามคุณพ่อหนูก่อนไหม ว่าอนุญาตหรือเปล่า ]อาชวะโดนหลานสาวตัวน้อยออดอ้อน มีเหรออาชวะจะไม่ใจอ่อน แค่เธอเปิดปากขอ อาชวะก็จัดหาให้ได้ทุกอย่าง แต่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่คนหนึ่งที่ชอบมาขัดขวาง เหตุเพราะกลัวลูกไม่รักตัวเอง แล้วมารักเขามากกว่า“พ่อไม่ให้หนูไปไหนทั้งนั้นค่ะ” พูดไม่ทันไร เสียงรามิลก็ลอยมาให้คนในสายได้ยินเต็มสองหู วีนัสหันไปมองค้อนคุณพ่อ ก่อนจะฟ้องอาชวะ“คุณพ่อไม่น่ารักเลยค่ะ แต่วีนัสอนุญาตให้คุณลุงมารับนะคะ พรุ่งนี้เลย”สิ้นคำลูกสาว รามิลแย่งโทรศัพท์จากมือวีนัสแล้วตัดสายทิ้ง ลูกสาวโวยวายลั่นทุบตีคนเป็นพ่อ ร้องไห้อาละวาดหนัก เธอรักคุณลุงอาชวะมาก เพราะตามใจเธอทุกอย่าง แถมคุณลุงของเธอก็หล่อมาก ๆ ด้วย“ฮือ คุณพ่อนิสัยไม่ดี”“วีนัส หนูตีคุณพ่อไม่ได้นะคะ ขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้” ขวัญพิชชาจับลูกสาวตัวน้อยมาสงบสติอารมณ์ แล้วสั่งสอนวีนัสพร้อมกับให้เธอเข้ามุม“ยิ่งโต ก็ยิ่งเอาแต่ใจ เหมือนใครคะ” ลูกทั้งสองถูกตามใจตลอด มี
SPECIAL 2วิคเตอร์ลูกชายคนโตวัย 8 ปี เดินเท้ามาพร้อมกับคุณพ่อ วัย 38 ปี ทั้งท่วงท่าและการเดิน หรือแม้แต่ใบหน้าทุกส่วนที่จัดวางเรียงเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิดเพี้ยน ตอนนี้สองพ่อลูกหยุดยืนอยู่ต่อหน้าบอดี้การด์นับสิบ พวกเขาแบ่งกันเป็นสองฝั่ง แต่ทว่ากลับมีบุคคลหนึ่ง นั่งคุกเข่่าสวมหมวกไอ้โม่งอยู่ตรงหน้า โดยมีบอดี้การ์ดจับตัวมันไว้ เพื่อเค้นเอาความจริงออกจากปาก ว่าใครเป็นคนสั่งให้มันกล้้ารุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต“ใครใช้แกมา”“ไม่มี”“ฉันไม่เชื่อ”“ก็บอกไปหมดแล้ว”“โกหก! ถ้าแกยังไม่ยอมบอก ฉันจะใช้ดาบสตาวอร์ฟันหัวแกเดี๋ยวนี้” แสงของดาบฉายประกายไฟเป็นสีเรืองแสงออกมา เมื่อเจ้าของดาบชูขึ้นสูงแล้วตั้งท่าด้วยความมุ่งมั่นและจริงจัง มองไปยังคนร้ายที่นั่งอยู่ตรงหน้า“ยะ อย่านะ อย่า...เฮือก~” ปลายดาบถูกตวัดลงบนลำคอคนร้ายแล้วเฉือนถูกอวัยสิ่งนั้นอย่างช้า ๆ ชายที่สวมหมวกไอ้โมง ค่อย ๆ เอนตัวล้มบนพื้นเมื่อถูกฆ่า“เป็นไงครับพ่อ ผมเก่งไหม” วิคเตอร์กระโดดดีใจหันไปถามผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าตื่นเต้น วันนี้ลูกชายคนโตและคุณพ่อ สวมบทบาทเป็นมาเฟียสุดโหดส่วนไอ้โม่งก็คือฟาร์มลูกน้องคนสนิทของรามิล รับบทเ
SPECIAL 1ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อก่อน รามิลรู้ข่าวของอคิราห์และณิลินเมื่อคนที่เคยรักหักหลังกำลังจะไปหย่ากันที่เขต ลูกน้องถ่ายภาพส่งมารายงาน ในระหว่างที่เขากำลังเดินทางไปสนามบิน“ในที่สุด” เสียงทุ้มเรียบเย็นเอ่ยขึ้นเบา ๆ มองภาพคู่รักที่เพิ่งแตกหักกันสด ๆ ร้อน ๆแต่ในขณะเดียวกัน เขาเองก็คิดเรื่องขวัญพิชชา ในช่วง 3 วันที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศนั้น รามิลต้องการตัดช่องทางการสื่อสารกับเธอ แต่มันติดอยู่ที่ว่า...เขารักเธอไปแล้ว รามิลรู้สึกเจ็บที่อกซ้ายยังไงไม่รู้ ยามที่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปล่อยเธอไป“ไอ้ฟาร์ม มึงว่ากูจะรักเบลได้ไหมวะ”“ผมคิดว่านายรักคุณมาเบลอยู่แล้วนะครับ” คำตอบของลูกน้องทำให้เขาต้องตระหนักกับเรื่องที่ผ่านมาเขารักเธอมาก่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ“ถ้าเธอรู้ความจริงว่าทุกอย่างที่ผ่านมากูหลอกเธอ เธอจะรักกูได้อยู่อีกเหรอ”“แต่คุณมาเบลก็รักนายมาก ๆ นะครับ”“กูรู้”“แล้วนายล่ะครับ รักคุณมาเบลแค่ไหน”รัก ? “ตอบยากแฮะ”“นายไม่รักเธอเหรอครับ”“ถ้าปล่อยเธอให้ไปเจอคนที่ดีกว่ากู เธอคงจะมีความสุขกว่านี้”“แล้วนายจะไม่ทุกข์ ?” ที่เขากล้าถามเพราะอยู่กับรามิลมานาน แต่ต้องดูอารมณ์ตามสถานการณ
EP.58อีก 7 เดือนต่อมา ขวัญพิชชาท้องใหญ่ขึ้นมาก ถ้าเธอจะลุกเดินไปไหนต้องมีวิวแชร์คอยช่วย เนื่องจากมือเท้าที่บวมขึ้นมาก เวลาทำอะไรก็ลำบาก เธอรู้สึกหน่วง ๆ ท้อง มันจะปวดเป็นพัก ๆ เพราะอีกแค่เดือนเดียวก็ถึงกำหนดคลอดก่อนหน้านี้ รามิลขอให้เธอเลิกเป็นครูสอนพิเศษที่มูลนิธิ เขาไม่ยอมทนเห็นเมียท้องโย้เดินทำงานแน่ เมื่อเขาเป็นลูกชายเจ้าของมูลนิธิ และเป็นมาเฟีย ปล่อยให้เมียเดินทำงานจนถึงวันคลอด เขาคงเป็นสามีที่แย่มาก ๆ“เบลเจ็บท้องจังเลยค่ะ” แต่วันนี้มันกลับปวดมากกว่าทุกวัน“จะคลอดแล้วหรือเปล่า แต่หมอบอกคลอดช่วงสิ้นเดือน”“แต่หมอบอกว่าถ้าเจ็บมาก ๆ ให้รีบมาโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เบลเจ็บแบบไม่ไหวแล้ว มันปวดท้องมาก ๆ ด้วย ปวดเหมือนมีอะไรบีบรัด พาเบลไปโรงพยาบาลที”เมียรักทนไม่ไหว เขาก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่รู่ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เขาจึงโทรหาธิติมาให้ท่านช่วยเตรียมของช่วงคลอดให้ขวัญพิชชา เวลานี้เขาต้องพาภรรยาไปหาหมอเป็นการด่วน“นี่เธอฉี่เหรอ”“ไม่ใช่ค่ะ ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว เบลจะคลอดลูก” คราวนี้ล่ะ ฉิบหายหนักกว่าเดิม คุณพ่อมือใหม่ทำอะไรไม่ถูก รามิพยุงเธอไปยังรถตู้ สั่งลูกน้องให้รีบขับไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
EP.57 จากแค่ผู้หญิงกำพร้าคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอด 23 ปี ตอนนี้กลายเป็นเมียมาเฟียที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ ขวัญพิชชาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีวันนี้ วันที่เธอมีพร้อมได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะความรัก หรือความอบอุ่นจากผู้มีพระคุณ ก็คือคุณพ่อคุณแม่ของชายที่เธอรักงานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้งแขกเหรื่อในงานก็มีแต่แวดวงไฮโซ และผู้มีอิทธิพลรวมตัวกันอยู่ในงานนี้แขกประมาณพันคนที่ถูกเรียนเชิญกำลังทยอยเข้างาน บ่าวสาวยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างาน กระทั่งมีใครบางคนเดินเข้ามาแสดงความยินดี“ไม่คิดว่างานจะจัดไวขนาดนี้” อาชวะหนุ่มเมืองใต้ ถูกขวัญพิชชาเชิญมาเป็นแขกในงานและยังเป็นคนสำคัญสำหรับเธอในฐานะ ‘ผู้ใหญ่’ แน่นอนว่าเขาตกลงและยินดีที่ได้มาร่วมงานมงคลสมรสในวันนี้แต่กลับมีชายคนหนึ่งที่ดูคล้ายจะไม่พอใจเสียเท่าไหร่ เมื่อได้เห็นหน้าพ่อเลี้ยงเมืองใต้ รามิลโอบไหล่ขวัญพิชชาไว้กับตัวไม่ปล่อย ได้ข่าวว่ามาเฟียหนุ่มคนนี้หวงเมียราวกับหมาหวงกระดูก แล้วยังรู้มาอีกว่า ขวัญพิชชาก็กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ“ถ้ารู้เพศแล้วบอกด้วย”“บอกทำไม ไม่ใช่ญาติ” เป็นเสียงของรามิลเอ่ยขึ้นมาระหว่างที่ขวัญพิชชาและอาชวะกำลังส
EP.56รามิลออกจากโรงพยาบาลก็พาเธอไปเก็บกระเป๋าที่คอนโดทันที แล้วย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันกับเขาที่เพนท์เฮาส์เหมือนเดิม“พูดอะไรกับฉันไว้ หวังว่าเธอยังจำได้”“จำได้สิคะ”เปียโนหลังใหญ่เธอเห็นว่าถูกวางไว้อยู่หลังประตูห้อง และนั่นคือห้องลับระหว่างเขาและเธอ ขวัญพิชชาปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกช้า ๆ อวดเรือนร่างให้เขามองเป็นอาหารตา“สวยมาก” ดวงตาคมไล่พินิจตั้งแต่ใบหน้าเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วย่างกรายเข้าไปหาพร้อมกับยกขวัญพิชชาวางไว้บนหลังเปียโน“อยากทำตรงนี้เหรอคะ”“ลองอะไรใหม่ ๆ ดูก็ไม่เสียหายเท่าไหร่นี่ว่าไหม”“แล้วแต่คุณค่ะ”รามิลถอดเสื้อผ้าออกจนครบทุกชิ้น แล้วจับขาเธออ้าให้กว้าง ๆ รามิลนั่งบนเก้าอี้เปียโน มองเห็นความอวบชมพูอยู่ในระดับสายตาใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ สองเท้าเล็กวางอยู่บนตัวโน๊ต ปลายเท้าจิกเกร็งยามที่เขาสอดเรียวลิ้นเข้าช่องทางแคบ“อ๊า~” ใบหน้าหวานเชิดขึ้น มือบางจิกกลุ่มเส้นผมของเขาที่อยู่ตรงหน้าเธอ รามิลชำแรกลิ้นแล้วตวัดปลายระรัวในจุดอ่อนไหว เสียงร้องหวาน ๆ ครางพร่าออกมาเป็นชื่อเขา“คุณเคนขา อื้อ”ไม่เพียงแค่ใช้ลิ้น ปลายนิ้วกดสัมผัสจุดกระสัน แล้วสอดเข้าไปในรูสีหวาน กระดก
EP.55เสียงผะแผ่วเบาพูดขึ้นผ่านริมฝีปากแห้ง รามิลเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ตอนนี้ทุกคนยืนรายล้อมเตียงเพื่อมาดูให้เห็นกับตา กระทั่งคุณหมอประจำตัวก็เข้าห้องมาเพื่อตรวจอาการให้กับคนไข้“คงต้องให้คุณเคนพักที่โรงพยาบาลอีกสัก 3-4 วัน นะครับ อาหารก็ยังให้ทานอ่อน ๆ อยู่ เดี๋ยวพยาบาลเราจะนำมาให้”“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ เลยนะคะ”ทันทีที่คุณหมอออกไป พร้อมกับเปลี่ยนขวดน้ำเกลือใหม่ เสียงแรกของรามิลเอ่ยชื่อเธอซ้ำ ๆ และค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ“เบล เบลใช่ไหม”“โห! เพื่อนยืนหัวโด่อยู่ตั้งสองคน เรียกแค่เมีย แล้วแม่งพูดครับด้วย ขนลุกว่ะ” ไมเลสเอ่ยแกล้ง ๆ ตามประสา เขาเลยโดนแก้มใสหยิกเข้าที่เอว เมื่อเขาเล่นไม่ดูเวลาร่ำเวลา“เบลอยู่นี่ค่ะ คุณจะเอาอะไร”“เธอจริงเหรอ ใช่เธอจริง ๆ ใช่ไหม”“จริงสิคะ”ขวัญพิชชาระบายยิ้มไปถึงดวงตา พลางจับมือเขาขึ้นมาให้รามิลได้สัมผัสว่าเป็นเธอจริง ๆ”“เธอกลับมาหาฉันแล้วใช่ไหม”“ค่ะ” รามิลค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง มีขวัญพิชชาอยู่ประคอง เขาอยากเห็นเธอให้แน่ใจว่าไม่ใช่ฝัน“เชื่อหรือยังคะ”“ขอกอดได้ไหม” สิ้นคำสุดท้าย ขวัญพิชชาโผกอดเขาด้วยหัวใจ กระชับกอดร่างกายที่ซูบผอมเอาไว้ รามิลกดจมูกหอมท
EP.54ที่โรงพยาบาลเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เมื่อลูกชายมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล ได้เกิดหมดสติลง ตอนนี้รามิลกำลังได้เข้ารับการรักษา เขาอยู่ในห้องไอซียู มีครอบครัวรออยู่ด้านนอก อีกทั้งบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง“เพราะคุณ” ธิติมาส่งเสียงสะอื้นพลางทุบตีสามีของตน เขาจับลูกชายขังมานับเดือน จนลูกต้องกลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์หนัก เพียงเพราะผู้หญิงคนนั้น“อย่างน้อยคุณก็ควรปล่อยลูกให้ออกมาบ้าง ตอนนี้ลูกหมดสติ ไม่รู้จะเป็นยังไง”“คุณเลิกตีผมได้แล้ว เป็นเพราะมันทำตัวเอง” เมธัสจับมือภรรยาออก แล้วบอกกับธิติมา “แต่ผมก็ผิดเหมือนกัน ที่ปล่อยให้มันอยู่ในสภาพนั้น แต่ถ้าเกิดปล่อยมันออกมา มันก็ไปอาละวาดอีก ผมไม่อยากให้มันไปทำร้ายใคร”“แล้วผู้หญิงคนนั้นว่ายังไงบ้าง เธอจะยอมกลับมาหาลูกเราหรือเปล่า”“ไม่...” ที่เขาเรียกขวัญพิชชามาวันนี้ เพราะอยากให้เธอเห็นอาการของลูกชาย มันร้องคร่ำครวญแทบเป็นแทบตาย อยากให้เธอได้เจอหน้าลูกชายเขาสักครั้ง หวังว่ามันจะมีอาการดีขึ้น แต่เธอก็ไม่ยอม ขวัญพิชชาใจแข็งมากกว่าที่เขาคิดทางขวัญพิชชาตอนนี้เธอเพิ่งถึงโรงพยาบาล เธอได้รับข้อความจากฟาร์มว่าตอนนี้เขาอยู่ห้องไอซียู“คุณท่าน...”“เธอ”เมธัสและ
EP.53เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเพราะเหมือนรู้สึกว่าเมธัสกำลังขอร้องเธอด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง แต่ถ้าให้เดาแบบไม่ต้องเสียเวลา ก็คงไม่พ้นลูกชายเขาเป็นแน่และในขณะที่ฟังคนในสายพูดอยู่นั้น ขวัญพิชชาได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนกำลังทุกข์ทรมานคล้ายกับสัตว์ที่กำลังถูกฆ่า“นั่นเสียงอะไรคะ”[ ไม่มีอะไร เธอรีบมาเถอะ ฉันมีเรื่องด่วน ]เมธัสชิงตัดสายไป ยังไม่ทันที่ขวัญพิชชาจะตอบตกลง เขามัดมือชกเธอ หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือก เมธัสบังคับเธอทางอ้อม“ว่ายังไงครับ มีอะไร” อาชวะถามอย่างใคร่รู้“คุณท่านให้เบลไปหาที่บ้านค่ะ”“แล้วคุณจะไป”“อยากจะเลี่ยงไม่ไปค่ะ แต่ท่านก็ชิงตัดสายไปเลย” นั่นเท่ากับเธอต้องไปภายในห้องนอนที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟเล็ดลอดมาจากทางใต้ประตูห้อง ชายหนุ่มร่างกำยำในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า เขานั่งอยู่ปลายเตียงในท่าเดิมนานนับวัน ถอดถอนหายใจแรงถี่ ๆ ราวกับคนวิตกกังวลกับอะไรบางอย่าง ดวงตาคมลุ่มลึกเหี้ยมเกรียมปรากฏใยบาง ๆ ของความเศร้า ชายหนุ่มนั่งกระสับกระส่าย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“แม่งเอ้ย” คำสบถหยาบถูกตะเบงออกจากลำคอ ปลดปล่อยอารมณ์ที่แสนจะอึดอัดและกดดัน มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ พลางก้มมองที่