AK Groupเมื่อทุกคนที่กำลังยืนรอลิฟต์หันมาเจอท่านประธานที่หายหน้าหายตาไปนานบางคนก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเนื่องจากเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่ท่านประธานของทุกคนไม่เข้าบริษัททำให้หลายคนต่างพากันคาดเดาเหตุผลไปต่างๆนานาบ้างก็ว่าท่านประธานป่วยจนไม่สามารถลุกขึ้นมาทำงานได้บ้างก็ว่าท่านประธานเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนดกลับแต่การคาดเดาที่ไร้สาระที่สุดก็คือบางคนกลับคิดว่าท่านประธานหลงแฟนจนถึงขั้นไม่ยอมมาทำงานแต่วันนี้เมื่อทุกคนได้เห็นท่านประธานที่ดูเหมือนรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยทำให้การคาดเดาที่ไร้สาระนั้นถูกปัดตกแทบจะทันที“แกดูเหมือนว่าท่านประธานจะหล่อขึ้นกว่าเดิมนะ อกผาย ไหล่ผึ่ง กล้ามเป็นมัดๆเลย”“นั่นนะสิเหมือนจะแน่นขึ้นมากกว่าเดิมด้วย ไม่รู้ว่าท่านหายไปทำอะไรมาถึงได้ดูดีมากขนาดนี้แต่ก่อนก็ว่าหน้าตาดีอยู่แล้วกลับมาครั้งนี้กร้าวใจชะมัดเลย”“ที่เขาพูดว่าท่านประธานป่วยนี่ไม่จริงใช่ไหมคนป่วยอะไรจะหล่อขึ้นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวนี้มาจากไหนกันพวกแกดูหุ่นท่านประธานสิเฟิร์มขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”“ไหนเขาบอกว่าท่านประธานไปต่างประเทศไม่มีกำหนดกลับไงนึกว่าถูกแม่เล
วันประชุมผู้ถือหุ้น AK Group“จะไม่เข้าประชุมด้วยกันจริงๆเหรอคะ”น้ำเสียงออดอ้อนที่เอ่ยชิดริมใบหูของกอหญ้าทำให้ดวงตาที่เดิมทีกำลังจดจ้องตัวหนังสือที่อยู่ในมือพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักที่ตอนนี้กำลังกอดเธอไม่ยอมปล่อยแถมยังถูไถใบหน้าไปมาบนไหล่มนของกอหญ้าราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อนทำเอาเตชินทร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเบือนหน้าหนีภาพความหวานชื่นตรงหน้าอย่างทนมองไม่ได้เขาไม่คิดเลยว่าเจ้านายของเขาจะหน้าไม่อายถึงเพียงนี้“ให้เตชินทร์เข้าไปด้วยน่ะถูกแล้วค่ะ กอหญ้าเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเท่านั้นให้เข้าไปร่วมฟังการประชุมด้วยคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่?”เตชินทร์ที่หันหน้ากลับมามองคู่รักตรงหน้าพยักหน้ารัวๆราวกับลูกไก่จิกข้าวสารอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของกอหญ้า“แต่กอหญ้าเป็นแฟนพี่ภีมนะคะ”กอหญ้า “_”เตชินทร์ “_”ภีมวัจน์ T_Tนี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกันช่างไร้สาระสิ้นดีท่านประธานของเขาทำไมถึงได้หน้าไม่อายเพียงนี้เตชินทร์อยากจะบ้าตาย“นี่มันเรื่องงานนะคะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”กอหญ้าถลึงตาใส่ภีมวัจน์ที่เบ้ปากคล้ายเด็กน้อยเวลาถูกขัดใจดวงตาคู่คมแดงระเรื่อราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อยิ่งทำให้เตชินทร์รู้สึกว่าไ
“พิสิฐกุลวัตรดิลกซื้อหุ้นของใครกันทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”ใครบางคนที่อดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะเรื่องนี้สร้างความตกใจให้แก่เขาที่เอ่ยถามไม่น้อยตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกนั้นเป็นตระกูลมหาอำนาจอย่างแท้จริงไม่มีใครกล้าแตะต้องธุรกิจหรือคนในตระกูลนี้เช่นเดียวกับคนในตระกูลที่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนหรือยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจของคนอื่นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของตระกูลนี้ล้วนเป็นชาวต่างชาติน้อยมากที่จะเปิดขายหุ้นให้กับคนไทยแล้วอยู่ ๆเกิดอะไรขึ้นพิสิฐกุลวัตรดิลกถึงได้ยอมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผู้ถือหุ้นธุรกิจของอภิรักษวัฒนกุลคนที่เอ่ยถามได้แต่ขบคิดจนหัวแทบแตกแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงคิดหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้อยู่ดีสงสัยดวงอาทิตย์คงขึ้นทางฝั่งทิศตะวันตกสองตระกูลนี้ถึงได้ยอมร่วมมือกัน“ใครหายไปไม่มาเข้าประชุมก็ของคนนั้นแหละค่ะ”กอหญ้าไขข้อสงสัยให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมที่อยากรู้อยากเห็นซึ่งสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนอีกครั้งคนที่ไม่เข้าร่วมประชุมคือผู้อาวุโสทั้งห้าคนที่พวกเขารอคอยแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงานี่คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นขายหุ
“ฮึก ฮือ เราจะทำยังไงกันดีนัย ? ทำยังไงดี ? ทำไมอยู่ ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ? แม่เกลียดพวกมันเกลียดจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว เกลียด เกลียด กรี๊ด”คำถามของมารดาที่มาพร้อมเสียงร้องตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งทำให้ดนัยค่อยๆดึงรั้งดารัณเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อปลอบประโลมไหล่บอบบางที่สะอื้นไห้จนตัวโยนทำให้ดวงตาสีดำหม่นแสงความเจ็บปวดฉายวาบอยู่ในนั้นก่อนที่จะค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นความแค้นฝังลึกถึงกระดูกที่ค่อย ๆเข้ามาแทนที่เมื่อหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำมารดาของเขานั้นคลุ้มคลั่งตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมมาจนถึงตอนนี้“ไม่ร้องนะครับแม่ ถึงวันนี้เราจะล้มเหลวแต่นัยสัญญาว่าวันหน้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”ดนัยให้คำมั่นสัญญาแก่มารดาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ดารัณรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยเสียงกรีดร้องร่ำไห้ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสองมือที่ถูกดนัยกอดเอาไว้พลันคว้าจับสิ่งของที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงลงบนพื้นสุดแรงด้วยความแค้นใจเจียนคลั่งเมื่อแผนที่เธอและลูกชายวางเอาไว้ถูกภีมวัจน์ทำลายจนพังย่อยยับสุดท้ายวันที่เธอรอคอยที่จะจัดการกับเด็กเหลือขออย่างภีมวัจน์ก็พลันห่างไกลออกไปท
เมื่อตำแหน่งท่านประธานของภีมวัจน์มั่นคงไร้กังวลและงานทุกอย่างถูกสะสางจัดการเรียบร้อยแล้วเตชินทร์ก็ลงมือเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ออกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามที่ได้ตกลงเอาไว้กับกอหญ้าทันทีโดยกำหนดการพักผ่อนของเตชินทร์นั้นยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็มซึ่งภีมวัจน์ก็ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใดเพราะเขารู้ดีว่าตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่เขากำลังปฏิบัติภารกิจเอาชนะใจแม่ยายอยู่นั้นเตชินทร์ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจทำงานเพื่อเขามากแค่ไหนผู้ชายที่ดูภายนอกเหมือนจะขี้เล่นจนแทบจะเล่นขี้แต่จริงๆแล้วหยิ่งและถือตัวมากอย่างเตชินทร์กลับยอมทำเรื่องน่าอายเพื่อเขาทำให้ภีมวัจน์รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากวันนี้เขาจึงชวนกอหญ้าไปรับเตชินทร์ที่คอนโดเพื่อมาส่งเขาขึ้นเครื่องเดินทางไปมัลดีฟส์“เตชินทร์ไม่อยู่ตั้งหนึ่งเดือนท่านประธานอย่าลืมกินมื้อเที่ยงให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”“รู้แล้วน้า”“เอกสารที่ขออนุมัติงบประมาณห้ามเซ็นส่งๆเด็ดขาดนะครับ”“บอกครั้งที่สามแล้ว”“เวลาเข้าประชุมอย่ามัวแต่นั่งจ้องหน้าคุณกอหญ้าจนลืมมองหน้าจอนะครับ”“หุบปากสักที”เตชินทร์ที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไปพลันกลืนคำพูดมากมายกลับลงท้องไปทันทีก่อนท
เมื่อรถลีมูซีนสองคันตรงเข้ามาจอดหน้าบริเวณทางเข้าของโรงแรมแสงแฟลชที่เคยส่องประกายจนแสงแยงตาก่อนหน้านี้พลันพร้อมใจกันหยุดลงเมื่อเห็นผู้ที่เดินลงมาจากรถเป็นคนแรกใบหน้าหล่อเหลาของชายชราที่ยังคงแข็งแรงปรากฏต่อสายตาของผู้คนทำให้นักข่าวบางคนเกือบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อนักธุรกิจชื่อดังอย่างกฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลกที่เป็นดั่งเทพมังกรไม่เห็นหัวไม่เห็นหางมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคิณ อัคนี สุริยวานิชกุลตามมาด้วยแก้มใสลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนนักธุรกิจที่ประพฤติตัวคล้ายบิดาไม่มีผิดเพี้ยนคือไม่ชอบออกงานสังคมวันนี้เธอควงคู่มากับสามีอย่างนายแพทย์วายุศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล N ลูกเขยที่หน้าตาไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับฐานะที่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันที่ไม่ว่าใครก็สืบหาข้อมูลไม่ได้ว่าลูกเขยของกฤษฎิ์คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรทุกคนรู้เพียงว่าเขาเป็นหมอลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเท่านั้นคนที่ลงมาจากรถต่อจากวายุก็คือเก้าทัพ พิสิฐกุลวัตรดิลกหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนสามารถขยายกิจการไปยังต่างประเทศทั่วทั้งแถบเอเชียและยุโรปซึ่งวันนี้ควงคู่มากับภรรยาที่น้อยครั้งจะออกงานสังคมให้นักข่าวและผู้คนได้ยลโฉมสักครั้งใบหน้างดงาม
เมื่อพูดคุยกับบรรดานักธุรกิจทั้งคนรู้จักและไม่รู้จักพอประมาณแล้วภีมวัจน์ก็ขอตัวออกมาสูดอากาศข้างนอกชั่วคราวลมเย็นๆพัดโชยมาช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายภีมวัจน์ที่ยืนรับลมเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจจะกลับเข้าไปในงานเลี้ยงคืนคิดไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับดนัยที่มายืนจ้องมองแผ่นหลังของภีมวัจน์ด้วยสายตาโกรธแค้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้“ไง ท่านประธาน”น้ำเสียงเย็นเยียบแหวกขึ้นกลางบรรยากาศที่เงียบสงบชวนให้มุมปากของภีมวัจน์กระดกและปรายมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา“โลกนี่ก็ช่างแคบจังเลยนะ คนที่อยากเจอดันไม่ได้เจอแต่คนที่ไม่อยากเจอดันเสนอหน้ามาให้เจอ”ใบหน้าของดนัยพลันบึ้งตึงทันทีเมื่อเจอประโยคตอบกลับที่คุ้นชินของภีมวัจน์ถึงแม้พวกเขาสองคนจะเป็นพี่น้องกันแค่ในนามแต่ภีมวัจน์ก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่จริงๆเลยสักครั้งไม่ว่าจะเจอหน้ากันที่ไหนเมื่อไหร่เขาไม่เคยคิดที่จะยั้งไมตรีกับอีกฝ่ายเพียงเพราะว่าดารัณคือแม่เลี้ยงของเขาแต่เขากลับแสดงออกมาอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบและรังเกียจดนัยอย่างชัดเจนจึงทำให้ทั้งคู่ไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันและไม่เคยมองอีกฝ่ายว่าเป็นพี่น้องเลยสักครั้งต่อให้จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม“เจอกันบ้าง
มหาวิทยาลัย A“อ๊าย ในที่สุดกูก็เรียนจบสักที”ซันนี่ที่เดินออกมาจากอาคารชั้นเรียนกรีดร้องด้วยความดีใจเมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลงเธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนก็รีบพากันมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องจบการศึกษาทันทีต่อจากนี้ไปพวกเธอก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าวิ่งหัวฟูเพื่อมาให้ทันเข้าเรียนภาคเช้าอีกแล้ว ฮือ ฮือ น้ำตาจะไหลซันนี่ดีใจที่สุด“เฮ้อ 4 ปีที่แสนทรมานในที่สุดกูหลุดพ้นสักที”ผิงผิงที่เดินตามหลังมาติดๆยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจในกลุ่มพวกเธอทั้งสามคนคนที่เรียนเก่งและรักเรียนที่สุดก็คงจะเป็นกอหญ้าเพื่อนสาวที่เรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปครองได้อย่างง่ายดายในขณะที่เธอกับซันนี่นั้นเกรดเฉลี่ยได้แค่สามกว่าๆเท่านั้น“แล้วเรื่องที่บ้านสรุปว่ายังไง ?”สีหน้าของผิงผิงที่เบิกบานใจพลันหม่นหมองลงทันทีเธอลืมคิดไปเลยว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้พ่อของเธอได้เรียกเธอไปคุยถึงเรื่องเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศซึ่งเธอได้เอ่ยคัดค้านหัวชนฝาในเมื่อเธอเรียนจบแล้วเธอก็อยากจะพักผ่อนและทำหัวสมองให้โล่งโดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดหัวข้อการทำวิจัยหรือรายงานให้วุ่นวายแต่ดูเหมือนบิดาของเธอจะไม่เข้าใจถึงได้ยื่นค