เมื่อรถลีมูซีนสองคันตรงเข้ามาจอดหน้าบริเวณทางเข้าของโรงแรมแสงแฟลชที่เคยส่องประกายจนแสงแยงตาก่อนหน้านี้พลันพร้อมใจกันหยุดลงเมื่อเห็นผู้ที่เดินลงมาจากรถเป็นคนแรกใบหน้าหล่อเหลาของชายชราที่ยังคงแข็งแรงปรากฏต่อสายตาของผู้คนทำให้นักข่าวบางคนเกือบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อนักธุรกิจชื่อดังอย่างกฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลกที่เป็นดั่งเทพมังกรไม่เห็นหัวไม่เห็นหางมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคิณ อัคนี สุริยวานิชกุลตามมาด้วยแก้มใสลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนนักธุรกิจที่ประพฤติตัวคล้ายบิดาไม่มีผิดเพี้ยนคือไม่ชอบออกงานสังคมวันนี้เธอควงคู่มากับสามีอย่างนายแพทย์วายุศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล N ลูกเขยที่หน้าตาไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับฐานะที่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันที่ไม่ว่าใครก็สืบหาข้อมูลไม่ได้ว่าลูกเขยของกฤษฎิ์คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรทุกคนรู้เพียงว่าเขาเป็นหมอลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเท่านั้นคนที่ลงมาจากรถต่อจากวายุก็คือเก้าทัพ พิสิฐกุลวัตรดิลกหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนสามารถขยายกิจการไปยังต่างประเทศทั่วทั้งแถบเอเชียและยุโรปซึ่งวันนี้ควงคู่มากับภรรยาที่น้อยครั้งจะออกงานสังคมให้นักข่าวและผู้คนได้ยลโฉมสักครั้งใบหน้างดงาม
เมื่อพูดคุยกับบรรดานักธุรกิจทั้งคนรู้จักและไม่รู้จักพอประมาณแล้วภีมวัจน์ก็ขอตัวออกมาสูดอากาศข้างนอกชั่วคราวลมเย็นๆพัดโชยมาช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายภีมวัจน์ที่ยืนรับลมเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจจะกลับเข้าไปในงานเลี้ยงคืนคิดไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับดนัยที่มายืนจ้องมองแผ่นหลังของภีมวัจน์ด้วยสายตาโกรธแค้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้“ไง ท่านประธาน”น้ำเสียงเย็นเยียบแหวกขึ้นกลางบรรยากาศที่เงียบสงบชวนให้มุมปากของภีมวัจน์กระดกและปรายมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา“โลกนี่ก็ช่างแคบจังเลยนะ คนที่อยากเจอดันไม่ได้เจอแต่คนที่ไม่อยากเจอดันเสนอหน้ามาให้เจอ”ใบหน้าของดนัยพลันบึ้งตึงทันทีเมื่อเจอประโยคตอบกลับที่คุ้นชินของภีมวัจน์ถึงแม้พวกเขาสองคนจะเป็นพี่น้องกันแค่ในนามแต่ภีมวัจน์ก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่จริงๆเลยสักครั้งไม่ว่าจะเจอหน้ากันที่ไหนเมื่อไหร่เขาไม่เคยคิดที่จะยั้งไมตรีกับอีกฝ่ายเพียงเพราะว่าดารัณคือแม่เลี้ยงของเขาแต่เขากลับแสดงออกมาอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบและรังเกียจดนัยอย่างชัดเจนจึงทำให้ทั้งคู่ไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันและไม่เคยมองอีกฝ่ายว่าเป็นพี่น้องเลยสักครั้งต่อให้จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม“เจอกันบ้าง
มหาวิทยาลัย A“อ๊าย ในที่สุดกูก็เรียนจบสักที”ซันนี่ที่เดินออกมาจากอาคารชั้นเรียนกรีดร้องด้วยความดีใจเมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลงเธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนก็รีบพากันมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องจบการศึกษาทันทีต่อจากนี้ไปพวกเธอก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าวิ่งหัวฟูเพื่อมาให้ทันเข้าเรียนภาคเช้าอีกแล้ว ฮือ ฮือ น้ำตาจะไหลซันนี่ดีใจที่สุด“เฮ้อ 4 ปีที่แสนทรมานในที่สุดกูหลุดพ้นสักที”ผิงผิงที่เดินตามหลังมาติดๆยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจในกลุ่มพวกเธอทั้งสามคนคนที่เรียนเก่งและรักเรียนที่สุดก็คงจะเป็นกอหญ้าเพื่อนสาวที่เรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปครองได้อย่างง่ายดายในขณะที่เธอกับซันนี่นั้นเกรดเฉลี่ยได้แค่สามกว่าๆเท่านั้น“แล้วเรื่องที่บ้านสรุปว่ายังไง ?”สีหน้าของผิงผิงที่เบิกบานใจพลันหม่นหมองลงทันทีเธอลืมคิดไปเลยว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้พ่อของเธอได้เรียกเธอไปคุยถึงเรื่องเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศซึ่งเธอได้เอ่ยคัดค้านหัวชนฝาในเมื่อเธอเรียนจบแล้วเธอก็อยากจะพักผ่อนและทำหัวสมองให้โล่งโดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดหัวข้อการทำวิจัยหรือรายงานให้วุ่นวายแต่ดูเหมือนบิดาของเธอจะไม่เข้าใจถึงได้ยื่นค
“มึงจริงจัง”กอหญ้าเอ่ยถามด้วยแววตาที่ไหววูบเล็กน้อยถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกตื่นตระหนกตกใจมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็ยังคงดึงสติกลับมาได้คืนในเวลาที่รวดเร็วส่วนซันนี่ที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปากก็พยักหน้ารับอย่างไม่อิดออดเธอคิดเพียงว่าอาการของกอหญ้าเหมือนพวกนางเอกละครหลังข่าวคงไม่ได้ตั้งท้องจริงๆเพื่อนสาวของเธอคนนี้ถึงแม้จะหลงใหลคลั่งใคล้ในตัวของภีมวัจน์มากแค่ไหนก็คงไม่ปล่อยให้ตัวเองตั้งท้องก่อนแต่งหรอกจริงไหม ? ขืนตั้งท้องจริงๆแม่แก้มใสคงได้หยิบปืนไล่ยิงคุณภีมวัจน์เหมือนตอนที่รู้ครั้งแรกว่าทั้งสองกำลังคบหาดูใจกันซันนี่เพียงคิดง่ายๆซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆแก้มใสก็ตัดใจทำไม่ลงเพราะเป็นตายอย่างไรกอหญ้าก็ไม่ยอมให้เธอลงโทษเจ้าตัวลูกเขยตัวร้ายท่าเดียวทำให้แก้มใสทำได้เพียงยอมจำนนให้ลูกสาวอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น“หน้ากูเหมือนคนล้อเล่นมากหรือไงถึงกูจะติดเล่นแต่บางเวลาก็จริงจังนะเว้ยมึง”หลังจากที่กลืนอาหารลงท้องเรียบร้อยแล้วซันนี่ก็เอ่ยตอบกอหญ้าด้วยสีหน้าที่จริงจังส่วนผิงผิงที่นั่งอยู่ข้างๆรีบคว้าจับมือของกอหญ้าเอาไว้ทันที“ไปกันมึง ข้าวทงข้าวเที่ยงไม่ต้องแดกมันแล้วไปตรวจให้รู้กันไปเลยว่าท้องหรือไม่ท้องซั
ห้องฉุกเฉินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งมาทางห้องฉุกเฉินทำให้แก้มใสที่กำลังยืนมองส่งภีมวัจน์เข้าไปในห้องหันกลับมามองผู้มาใหม่ทันทีใบหน้าที่ซีดเซียวดวงตาที่แดงก่ำของกอหญ้าทำให้แก้มใสรู้สึกปวดใจไม่น้อยเธอเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะเธอเคยผ่านมันมาแล้วแต่สถานการณ์ของภีมวัจน์ครั้งนี้ไม่รู้ว่าหนักหนาสาหัสเพียงใดเพราะเมื่อเธอมาถึงคนก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในแล้ว“แม่แก้มขา ฮึก ฮือ แม่แก้ม”ทันทีที่กอหญ้าเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือมารดาร่างบอบบางของเธอก็พุ่งเข้ามากอดมารดาเอาไว้ทันทีน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ตลอดการเดินทางพลันไหลทะลักราวกับดอกไม้ต้องหยาดฝนทำเอาแก้มใสที่ไม่ทันตั้งตัวแววตาถึงกับไหววูบด้วยความตกใจปกติแล้วลูกสาวของเธอนั้นต่อให้เจอกับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากแค่ไหนกอหญ้าก็คือกอหญ้าที่ยังคงไม่หวั่นไหวถึงแม้ว่าในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามแล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมลูกสาวของเธอถึงได้ร้องไห้ราวกับว่าโลกจะถล่มฟ้าจะทลายเช่นนี้ ?“ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่ภีมวัจน์ต้องไม่เป็นอะไร แฟนของหนูร้ายกาจขนาดนี้แม่เชื่อว่ายมบาลไม่ชอบขี้หน้าของเขาหรอก”คำพูดติดตลกของแก้มใสไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่เจ็บปวดขมขื่นและหดหู่
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nเมื่อภีมวัจน์ลืมตาตื่นขึ้นมาภาพที่สะท้อนเข้าสู่สายตาก็คือใบหน้าของชายชราที่วันหลายวันก่อนยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจหากแต่วันนี้กลับต่างออกไปเมื่อใบหน้าที่ภีมวัจน์เห็นนั้นช่างหม่นหมองราวกับว่าคุณปู่ของเขาแก่ลงไปอีกสักสิบปีดวงตาแดงก่ำที่รื้นน้ำตาทำให้ภีมวัจน์รู้สึกปวดใจไม่น้อย“ฟื้นสักทีนะหลานปู่”ยามที่เอ่ยประโยคนี้หยดน้ำตาพลันไหลกลิ้งลงจากหางตาหล่นกระทบลงบนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้อีกยิ่งทำให้หัวใจของภีมวัจน์หดเกร็งด้วยความเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจของเขา“ภีมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณปู่ต้องเป็นห่วง”ภีมวัจน์เอ่ยขอโทษภาสกรด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ภาสกรกลับส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวหลานชายเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดูในใจพลันนึกตำหนิตัวเองที่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับคนเลวอย่างดารัณจนทำให้ภีมวัจน์ต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายตั้งแต่เด็กจนโตก่อให้เกิดปมในใจซึ่งยากที่จะลบเลือนมันไปแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาที่ทำให้หลานชายต้องตกอยู่ในสภาพนี้“ภีมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดคนที่ผิดคือปู่ต่างหากท
ซ่าน้ำเย็นจัดถูกสาดไปที่ร่างของสองแม่ลูกที่ถูกมัดเอาไว้กับเป้ายิงปืนทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทของดารัณค่อย ๆลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงุนงงเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอยังนั่งทานมื้อเย็นกับดนัยอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุขแล้วอยู่ ๆเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนที่ดารัณจะทันได้คิดอะไรออกความรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือฉุดรั้งสติที่กำลังมึนงงและสับสนของดารัณให้กลับคืนมาเธอเพ่งมองข้อมือที่ถูกมัดเอาไว้จนเกิดรอยแดงก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้นไปทั่วบริเวณด้วยความตกใจ“กรี๊ด ใครก็ได้ช่วยที ช่วยฉันที นัยลูก ฮือ ฮือ ดนัยอยู่ไหนลูกช่วยแม่ด้วย ?”น้ำตาเม็ดโตพลันรินหยดไหลลงอาบแก้มของดารัณไหล่บอบบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวก่อนที่ดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาจะเหลือบไปเห็นว่าดนัยลูกชายของเธอก็อยู่ที่นี่และถูกมัดไว้โดยที่สภาพไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลยสักนิด“นัยลูก นัยตื่นเร็วๆลูก ฮือ ฮือ นัยตื่นเดี๋ยวนี้”เสียงกรีดร้องโวยวายของดารัณทำให้ดนัยที่หมดสติค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากแสงแดดที่สาดส่องลงมาแยงตาทำให้เขาต้องปิดตาลงอย่างฉับพลันเมื่อไม่สามารถปรับสายตาให้รับกับแสงได้อย่างกะทันหันก่อนที่เขาจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้งใบหน
โรงพยาบาล N“พี่ภีมขา”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเห็นว่าภีมวัจน์กำลังนั่งพิงพนักเตียงเหม่อมองออกไปด้านนอกเสียงสดใสก็เอ่ยเรียกเขาด้วยความดีใจก่อนที่กอหญ้าจะวิ่งเข้ามาโถมตัวเข้าใส่อ้อมกอดของภีมวัจน์อย่างลืมตัวว่าเขากำลังบาดเจ็บอยู่“อ๊ะ ซี๊ด”เสียงร้องของภีมวัจน์ทำให้ใบหน้าที่เพิ่งจะแนบติดไปกับอกแกร่งของเขาดีดออกมาแทบจะทันทีก่อนที่รอยยิ้มรู้สึกผิดจะถูกส่งไปให้ภีมวัจน์ที่กำลังทำหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บตรงรอยแผลผ่าตัด“ขอโทษค่ะกอหญ้าคิดถึงพี่ภีมมากเกินไปหน่อย”ภีมวัจน์ใจอ่อนยวบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของกอหญ้าก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้ามาโอบกอดพร้อมก้มลงจูบหน้าผากมนด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง“หายไปเล่นสนุกที่ไหนมาคะ ?”ภีมวัจน์เอ่ยถามกอหญ้าทั้ง ๆที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอหายไปไหนมา“ไปจัดการสารเลวสองแม่ลูกมาค่ะพรุ่งนี้พี่ภีมรอดูข่าวใหญ่ได้เลยขึ้นหน้าหนึ่งแน่นอน”“แฟนใครน้าทำไมถึงได้เก่งแบบนี้ หืม”ภีมวัจน์เอ่ยถามกอหญ้าเสียงอ่อนเสียงหวานก่อนที่กอหญ้าจะเงยหน้าที่ซบแผ่นอกกว้างขึ้นมาจูบคางของเขาเบาๆสายตาที่มองใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้งไม่ต่างจากสายตาของภีมวัจน์ที่มองเธอเลย“ใครใช้ใ