เมื่อตำแหน่งท่านประธานของภีมวัจน์มั่นคงไร้กังวลและงานทุกอย่างถูกสะสางจัดการเรียบร้อยแล้วเตชินทร์ก็ลงมือเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ออกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามที่ได้ตกลงเอาไว้กับกอหญ้าทันทีโดยกำหนดการพักผ่อนของเตชินทร์นั้นยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็มซึ่งภีมวัจน์ก็ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใดเพราะเขารู้ดีว่าตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่เขากำลังปฏิบัติภารกิจเอาชนะใจแม่ยายอยู่นั้นเตชินทร์ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจทำงานเพื่อเขามากแค่ไหนผู้ชายที่ดูภายนอกเหมือนจะขี้เล่นจนแทบจะเล่นขี้แต่จริงๆแล้วหยิ่งและถือตัวมากอย่างเตชินทร์กลับยอมทำเรื่องน่าอายเพื่อเขาทำให้ภีมวัจน์รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากวันนี้เขาจึงชวนกอหญ้าไปรับเตชินทร์ที่คอนโดเพื่อมาส่งเขาขึ้นเครื่องเดินทางไปมัลดีฟส์“เตชินทร์ไม่อยู่ตั้งหนึ่งเดือนท่านประธานอย่าลืมกินมื้อเที่ยงให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”“รู้แล้วน้า”“เอกสารที่ขออนุมัติงบประมาณห้ามเซ็นส่งๆเด็ดขาดนะครับ”“บอกครั้งที่สามแล้ว”“เวลาเข้าประชุมอย่ามัวแต่นั่งจ้องหน้าคุณกอหญ้าจนลืมมองหน้าจอนะครับ”“หุบปากสักที”เตชินทร์ที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไปพลันกลืนคำพูดมากมายกลับลงท้องไปทันทีก่อนท
เมื่อรถลีมูซีนสองคันตรงเข้ามาจอดหน้าบริเวณทางเข้าของโรงแรมแสงแฟลชที่เคยส่องประกายจนแสงแยงตาก่อนหน้านี้พลันพร้อมใจกันหยุดลงเมื่อเห็นผู้ที่เดินลงมาจากรถเป็นคนแรกใบหน้าหล่อเหลาของชายชราที่ยังคงแข็งแรงปรากฏต่อสายตาของผู้คนทำให้นักข่าวบางคนเกือบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อนักธุรกิจชื่อดังอย่างกฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลกที่เป็นดั่งเทพมังกรไม่เห็นหัวไม่เห็นหางมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคิณ อัคนี สุริยวานิชกุลตามมาด้วยแก้มใสลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนนักธุรกิจที่ประพฤติตัวคล้ายบิดาไม่มีผิดเพี้ยนคือไม่ชอบออกงานสังคมวันนี้เธอควงคู่มากับสามีอย่างนายแพทย์วายุศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล N ลูกเขยที่หน้าตาไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับฐานะที่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันที่ไม่ว่าใครก็สืบหาข้อมูลไม่ได้ว่าลูกเขยของกฤษฎิ์คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรทุกคนรู้เพียงว่าเขาเป็นหมอลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเท่านั้นคนที่ลงมาจากรถต่อจากวายุก็คือเก้าทัพ พิสิฐกุลวัตรดิลกหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนสามารถขยายกิจการไปยังต่างประเทศทั่วทั้งแถบเอเชียและยุโรปซึ่งวันนี้ควงคู่มากับภรรยาที่น้อยครั้งจะออกงานสังคมให้นักข่าวและผู้คนได้ยลโฉมสักครั้งใบหน้างดงาม
เมื่อพูดคุยกับบรรดานักธุรกิจทั้งคนรู้จักและไม่รู้จักพอประมาณแล้วภีมวัจน์ก็ขอตัวออกมาสูดอากาศข้างนอกชั่วคราวลมเย็นๆพัดโชยมาช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายภีมวัจน์ที่ยืนรับลมเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจจะกลับเข้าไปในงานเลี้ยงคืนคิดไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับดนัยที่มายืนจ้องมองแผ่นหลังของภีมวัจน์ด้วยสายตาโกรธแค้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้“ไง ท่านประธาน”น้ำเสียงเย็นเยียบแหวกขึ้นกลางบรรยากาศที่เงียบสงบชวนให้มุมปากของภีมวัจน์กระดกและปรายมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา“โลกนี่ก็ช่างแคบจังเลยนะ คนที่อยากเจอดันไม่ได้เจอแต่คนที่ไม่อยากเจอดันเสนอหน้ามาให้เจอ”ใบหน้าของดนัยพลันบึ้งตึงทันทีเมื่อเจอประโยคตอบกลับที่คุ้นชินของภีมวัจน์ถึงแม้พวกเขาสองคนจะเป็นพี่น้องกันแค่ในนามแต่ภีมวัจน์ก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่จริงๆเลยสักครั้งไม่ว่าจะเจอหน้ากันที่ไหนเมื่อไหร่เขาไม่เคยคิดที่จะยั้งไมตรีกับอีกฝ่ายเพียงเพราะว่าดารัณคือแม่เลี้ยงของเขาแต่เขากลับแสดงออกมาอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบและรังเกียจดนัยอย่างชัดเจนจึงทำให้ทั้งคู่ไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันและไม่เคยมองอีกฝ่ายว่าเป็นพี่น้องเลยสักครั้งต่อให้จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม“เจอกันบ้าง
มหาวิทยาลัย A“อ๊าย ในที่สุดกูก็เรียนจบสักที”ซันนี่ที่เดินออกมาจากอาคารชั้นเรียนกรีดร้องด้วยความดีใจเมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลงเธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนก็รีบพากันมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องจบการศึกษาทันทีต่อจากนี้ไปพวกเธอก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าวิ่งหัวฟูเพื่อมาให้ทันเข้าเรียนภาคเช้าอีกแล้ว ฮือ ฮือ น้ำตาจะไหลซันนี่ดีใจที่สุด“เฮ้อ 4 ปีที่แสนทรมานในที่สุดกูหลุดพ้นสักที”ผิงผิงที่เดินตามหลังมาติดๆยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจในกลุ่มพวกเธอทั้งสามคนคนที่เรียนเก่งและรักเรียนที่สุดก็คงจะเป็นกอหญ้าเพื่อนสาวที่เรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปครองได้อย่างง่ายดายในขณะที่เธอกับซันนี่นั้นเกรดเฉลี่ยได้แค่สามกว่าๆเท่านั้น“แล้วเรื่องที่บ้านสรุปว่ายังไง ?”สีหน้าของผิงผิงที่เบิกบานใจพลันหม่นหมองลงทันทีเธอลืมคิดไปเลยว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้พ่อของเธอได้เรียกเธอไปคุยถึงเรื่องเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศซึ่งเธอได้เอ่ยคัดค้านหัวชนฝาในเมื่อเธอเรียนจบแล้วเธอก็อยากจะพักผ่อนและทำหัวสมองให้โล่งโดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดหัวข้อการทำวิจัยหรือรายงานให้วุ่นวายแต่ดูเหมือนบิดาของเธอจะไม่เข้าใจถึงได้ยื่นค
“มึงจริงจัง”กอหญ้าเอ่ยถามด้วยแววตาที่ไหววูบเล็กน้อยถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกตื่นตระหนกตกใจมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็ยังคงดึงสติกลับมาได้คืนในเวลาที่รวดเร็วส่วนซันนี่ที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปากก็พยักหน้ารับอย่างไม่อิดออดเธอคิดเพียงว่าอาการของกอหญ้าเหมือนพวกนางเอกละครหลังข่าวคงไม่ได้ตั้งท้องจริงๆเพื่อนสาวของเธอคนนี้ถึงแม้จะหลงใหลคลั่งใคล้ในตัวของภีมวัจน์มากแค่ไหนก็คงไม่ปล่อยให้ตัวเองตั้งท้องก่อนแต่งหรอกจริงไหม ? ขืนตั้งท้องจริงๆแม่แก้มใสคงได้หยิบปืนไล่ยิงคุณภีมวัจน์เหมือนตอนที่รู้ครั้งแรกว่าทั้งสองกำลังคบหาดูใจกันซันนี่เพียงคิดง่ายๆซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆแก้มใสก็ตัดใจทำไม่ลงเพราะเป็นตายอย่างไรกอหญ้าก็ไม่ยอมให้เธอลงโทษเจ้าตัวลูกเขยตัวร้ายท่าเดียวทำให้แก้มใสทำได้เพียงยอมจำนนให้ลูกสาวอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น“หน้ากูเหมือนคนล้อเล่นมากหรือไงถึงกูจะติดเล่นแต่บางเวลาก็จริงจังนะเว้ยมึง”หลังจากที่กลืนอาหารลงท้องเรียบร้อยแล้วซันนี่ก็เอ่ยตอบกอหญ้าด้วยสีหน้าที่จริงจังส่วนผิงผิงที่นั่งอยู่ข้างๆรีบคว้าจับมือของกอหญ้าเอาไว้ทันที“ไปกันมึง ข้าวทงข้าวเที่ยงไม่ต้องแดกมันแล้วไปตรวจให้รู้กันไปเลยว่าท้องหรือไม่ท้องซั
ห้องฉุกเฉินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งมาทางห้องฉุกเฉินทำให้แก้มใสที่กำลังยืนมองส่งภีมวัจน์เข้าไปในห้องหันกลับมามองผู้มาใหม่ทันทีใบหน้าที่ซีดเซียวดวงตาที่แดงก่ำของกอหญ้าทำให้แก้มใสรู้สึกปวดใจไม่น้อยเธอเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะเธอเคยผ่านมันมาแล้วแต่สถานการณ์ของภีมวัจน์ครั้งนี้ไม่รู้ว่าหนักหนาสาหัสเพียงใดเพราะเมื่อเธอมาถึงคนก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในแล้ว“แม่แก้มขา ฮึก ฮือ แม่แก้ม”ทันทีที่กอหญ้าเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือมารดาร่างบอบบางของเธอก็พุ่งเข้ามากอดมารดาเอาไว้ทันทีน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ตลอดการเดินทางพลันไหลทะลักราวกับดอกไม้ต้องหยาดฝนทำเอาแก้มใสที่ไม่ทันตั้งตัวแววตาถึงกับไหววูบด้วยความตกใจปกติแล้วลูกสาวของเธอนั้นต่อให้เจอกับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากแค่ไหนกอหญ้าก็คือกอหญ้าที่ยังคงไม่หวั่นไหวถึงแม้ว่าในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามแล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมลูกสาวของเธอถึงได้ร้องไห้ราวกับว่าโลกจะถล่มฟ้าจะทลายเช่นนี้ ?“ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่ภีมวัจน์ต้องไม่เป็นอะไร แฟนของหนูร้ายกาจขนาดนี้แม่เชื่อว่ายมบาลไม่ชอบขี้หน้าของเขาหรอก”คำพูดติดตลกของแก้มใสไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่เจ็บปวดขมขื่นและหดหู่
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nเมื่อภีมวัจน์ลืมตาตื่นขึ้นมาภาพที่สะท้อนเข้าสู่สายตาก็คือใบหน้าของชายชราที่วันหลายวันก่อนยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจหากแต่วันนี้กลับต่างออกไปเมื่อใบหน้าที่ภีมวัจน์เห็นนั้นช่างหม่นหมองราวกับว่าคุณปู่ของเขาแก่ลงไปอีกสักสิบปีดวงตาแดงก่ำที่รื้นน้ำตาทำให้ภีมวัจน์รู้สึกปวดใจไม่น้อย“ฟื้นสักทีนะหลานปู่”ยามที่เอ่ยประโยคนี้หยดน้ำตาพลันไหลกลิ้งลงจากหางตาหล่นกระทบลงบนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้อีกยิ่งทำให้หัวใจของภีมวัจน์หดเกร็งด้วยความเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจของเขา“ภีมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณปู่ต้องเป็นห่วง”ภีมวัจน์เอ่ยขอโทษภาสกรด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ภาสกรกลับส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวหลานชายเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดูในใจพลันนึกตำหนิตัวเองที่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับคนเลวอย่างดารัณจนทำให้ภีมวัจน์ต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายตั้งแต่เด็กจนโตก่อให้เกิดปมในใจซึ่งยากที่จะลบเลือนมันไปแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาที่ทำให้หลานชายต้องตกอยู่ในสภาพนี้“ภีมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดคนที่ผิดคือปู่ต่างหากท
ซ่าน้ำเย็นจัดถูกสาดไปที่ร่างของสองแม่ลูกที่ถูกมัดเอาไว้กับเป้ายิงปืนทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทของดารัณค่อย ๆลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงุนงงเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอยังนั่งทานมื้อเย็นกับดนัยอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุขแล้วอยู่ ๆเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนที่ดารัณจะทันได้คิดอะไรออกความรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือฉุดรั้งสติที่กำลังมึนงงและสับสนของดารัณให้กลับคืนมาเธอเพ่งมองข้อมือที่ถูกมัดเอาไว้จนเกิดรอยแดงก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้นไปทั่วบริเวณด้วยความตกใจ“กรี๊ด ใครก็ได้ช่วยที ช่วยฉันที นัยลูก ฮือ ฮือ ดนัยอยู่ไหนลูกช่วยแม่ด้วย ?”น้ำตาเม็ดโตพลันรินหยดไหลลงอาบแก้มของดารัณไหล่บอบบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวก่อนที่ดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาจะเหลือบไปเห็นว่าดนัยลูกชายของเธอก็อยู่ที่นี่และถูกมัดไว้โดยที่สภาพไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลยสักนิด“นัยลูก นัยตื่นเร็วๆลูก ฮือ ฮือ นัยตื่นเดี๋ยวนี้”เสียงกรีดร้องโวยวายของดารัณทำให้ดนัยที่หมดสติค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากแสงแดดที่สาดส่องลงมาแยงตาทำให้เขาต้องปิดตาลงอย่างฉับพลันเมื่อไม่สามารถปรับสายตาให้รับกับแสงได้อย่างกะทันหันก่อนที่เขาจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้งใบหน
โรงเรียนอนุบาลมือเล็กขาวนุ่มนิ่มของเด็กชายตัวน้อยค่อยๆยื่นไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ส่งเสียงร้องด้วยความสงสารดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องมองแมวน้อยด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เด็กชายจะยื่นเจ้าแมวสีขาวที่เลอะคราบดินให้เด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับหันกลับไปอุ้มเจ้าแมวน้อยอีกตัวมาไว้ในอ้อมแขนพีร์ รณพีร์ : เราจะพาเจ้าแมวน้อยสองตัวนี้กลับไปเลี้ยงจริงๆเหรอครับพี่ภาคย์ ?เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากังวลใจเพราะเขากลัวว่าบิดาและมารดาจะไม่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเหมือนเขากับพี่ชายที่รู้สึกสงสารลูกแมวน้อยที่กำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายของเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไปด้วยเพื่อขออนุญาตบิดาและมารเลี้ยงเอาไว้ภาคย์ ภูบดินทร์ : อืม แมวน้อยน่าสงสารไม่มีแม่แล้วต่อไปเราสองคนต้องตั้งใจเลี้ยงให้ดีนะรู้ไหม ?ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อนั่งรอบิดากับมารดามารับระหว่างทางที่เดินไปเด็กสาวบางคนต่างก็หันมาจ้องมองพี่น้องฝาแฝดด้วยความสนใจบางคนถึงกับแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เด็กชายทั้งสอ
เวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดกำหนดคลอดของกอหญ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนในครอบครัวต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโสอย่างคุณตากฤษฎิ์ คุณยายที่รัก รวมไปถึงคุณปู่ภาสกรของภีมวัจน์ที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเนื่องจากท้องของกอหญ้านั้นค่อนข้างใหญ่มากเพราะเจ้าเด็กตัวอ้วนในท้องนั้นเป็นเด็กแฝด ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างก็สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าครัวทำอาหารแต่มีหรือที่คนดื้อรั้นอย่างกอหญ้าจะฟังทันทีที่ไร้สายตาคอยจับจ้องกอหญ้าก็ยังคงเพลิดเพลินกับการเรียนรู้วิธีทำอาหารที่หลากหลายเหมือนเดิมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงสามอาทิตย์ก่อนที่เธอจะคลอดกิจกรรมที่เธอชอบทำทุกอย่างจึงถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดซึ่งกอหญ้าก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไรเธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งๆนอนๆจนแทบจะขึ้นรากลายเป็นปลาเค็มตากแห้งอยู่แล้ววันนี้เธอจึงถือโอกาสที่ภีมวัจน์หยุดงานชวนเขาออกมาเดินเล่นด้านล่างเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ดีกว่านอนอุดอู้อยู่ภายในบ้าน“หืม ทำไมคุณตากับคุณยายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ? แล้วนั่นใช่คุณปู่ของพี่ภีมไหมคะ ?”เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนดอกไม้สายตาของกอหญ้าก็พลัน
เมื่อเดินทางกลับมาจากฮันนีมูนภีมวัจน์ก็กลับไปทำงานตามปกติส่วนกอหญ้าที่อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆก็มองหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพังในช่วงที่เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนกอหญ้าเคยขอตามภีมวัจน์ไปที่บริษัทเพื่อช่วยเขาทำงานแต่กลับถูกวาจาออดอ้อนอ่อนหวานที่บอกให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลครรภ์ใจของกอหญ้าพลันอ่อนยวบและยอมทำตามคำขอร้องของสามีอย่างว่าง่ายเพราะเธอเข้าใจดีว่าภีมวัจน์นั้นเป็นห่วงเธอกับลูกกิจกรรมที่กอหญ้าเลือกทำในระหว่างที่พักผ่อนอยู่บ้านส่วนใหญ่แล้วเธอจะเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งทำอาหารไปด้วยซึ่งตั้งแต่ที่เดินทางกลับจากฮันนีมูนกอหญ้าก็เริ่มมีความสนใจอยากจะเรียนทำอาหารจีนแล้วเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่อิตาลีเธอเคยลงเรียนทำอาหารและขนมหลักสูตรระยะสั้นช่วงปิดเทอมทำให้กอหญ้ามีความรู้เรื่องการทำอาหารไม่น้อยและครั้งนี้กอหญ้าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วยตัวเองโดยการดูจากสื่อตามช่องทางต่างๆด้วยความที่เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เพียงไม่นานฝีมือการทำอาหารของกอหญ้านั้นเรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากยิ่งกว่าแม่แก้มใสของเธอเสียอีกและวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่ก
หลังจากที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยและส่งบรรดาคุณลุงคุณป้าคุณปู่คุณย่ารวมไปถึงน้อง ๆของกอหญ้ากลับต่างประเทศเรียบร้อยแล้วภีมวัจน์ก็จัดการโยนงานทั้งหมดให้เตชินทร์ดูแลทันทีทำเอาคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมาอย่างมีความสุขหน้าหงิกหน้างอไม่น่ามองไปหลายวันเลยทีเดียว ยังดีที่กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้เตชินทร์มีเคทกลับมาด้วยในฐานะแฟนทำให้เขาที่เคยถูกทอดทิ้งให้ทำงานคนเดียวเพียงลำพังไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆอีกต่อไปอีกทั้งยังมีพ่อตากับแม่ยายของท่านประธานที่คอยช่วยงานเตชินทร์จึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไรมีเพียงความโมโหเล็กน้อยจากการที่ถูกท่านประธานช่วงชิงเวลาที่เขาจะสวีทหวานกับเคทไปเท่านั้นที่ทำให้เตชินทร์โมโหจนเผลอก่นด่าเจ้านายไปหลายคำทีเดียวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอึกกอหญ้าลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายเมื่อเห็นคนต่อแถวซื้อชานมชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยก่อนหน้าที่เธอจะเลือกเดินทางมาฮันนีมูนที่ประเทศจีนเธอได้หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมายหลายร้านทีเดียวและเมนูชานมไข่มุกก็คือเมนูแรกที่เธออยากจะลองชิมหลังจากที่เดินทางมาถึงที่นี่“พี่ภีมขากอหญ้าอยากกินชานมร้านนั้น”กอหญ้าเอ่ยบอกภีม
เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาถึงทุกคนถึงกับรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะกับด่านประตูเงินประตูทองที่ดูเหมือนเป็นด่านศูนย์รวมคนหน้าตาดีที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายยิ่งกว่าดาราชื่อดังเสียอีกสาวๆที่มากับขบวนแห่ขันหมากต่างพากันหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งเริ่มด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกสาวๆที่หน้าแดงก่อนหน้านี้พลันยิ้มไม่ออกในทันทีเมื่อเงื่อนไขของการผ่านด่านนั้นยากจนเกินไปรามสูร : จะถอยก็ได้นะถ้าสู้ไม่ไหวน้ำเสียงของรามสูรฟังดูเนือยๆก็จริงแต่สายตาที่เขากำลังมองไปที่ภีมวัจน์กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะในใจพลันลอบคิดว่านี่เป็นการมองข่มขู่อย่างไรสุ้มเสียงและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธซึ่งภีมวัจน์เองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใดนี่คืองานแต่งของเขาเชียวน้ากว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมถอยขนาดด่านทดสอบความแข็งแกร่งของแม่แก้มใสเขายังผ่านมาได้เลยนับประสาอะไรกับแค่ด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกที่เขาต้องกินอาหารตรงหน้าให้หมดภาสกร : หลานจะกินหมดนี่จริงๆเหรอ ?ภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆภีมวัจน์เอ่ยถามด้วยความกังวลระคนห่วงใยเมื่อเห็นเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าซึ่งรสชาติอย่าใ
“ฮึก คุณปู่ขา ฮือ ฮือ”กอหญ้าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเรียวอิจิที่อ้าแขนกว้างโอบรั้งหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจฝ่ามือใหญ่ที่คอยอุ้มชูเธอมาตั้งแต่เด็กค่อยๆลูบหลังที่สะสั่นท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนในขณะที่กอหญ้ารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลด้วยความดีใจอย่างลวกๆยังดีที่เครื่องสำอางที่ช่างใช้แต่งหน้าให้เธอคือชนิดกันน้ำไม่อย่างนั้นใบหน้าของเธอคงเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอางอย่างแน่นอน“ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่วันนี้หนูสวยมากๆขืนร้องไห้อีกคนสวยของปู่คงได้กลายเป็นคนขี้เหร่แน่ ๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนของเรียวอิจิเอ่ยชมหลานสาวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เขามักจะใช้พูดคุยกับหลานสาวเป็นประจำเพราะว่าเรียวอิจิอยากให้กอหญ้าเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆเขาจึงมักจะใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยสนทนากับหลานสาวอยู่เสมอจนกระทั่งกอหญ้าค่อยๆซึมซับภาษาญี่ปุ่นทีละน้อยจนกลายเป็นว่าสามารถพูดได้คล่องในที่สุด“กอหญ้าแค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะค่ะก็เลยกลั้นไว้ไม่อยู่ว่าแต่คุณปู่มาได้ยังไงคะเนี่ย ?”“เฮอะ แต่งงานทั้งทีก็ไม่คิดจะส่งข่าวไปบอกปู่บ้างเลยนะเรา”เรียวอิจิแค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูกพร้อมตอบกลับหลานสาวด้วยน้ำเสียงแง่งอนทำให้กอหญ้าได้แ
เช้าวันต่อมารามสูรค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างทับอยู่ร่างสูงจึงลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจทำให้กอหญ้าที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวของพี่ชายราวกับเด็กน้อยลื่นไถลลงบนที่นอนทันทีทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาคู่งามกระพริบปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของรามสูรทันใดนั้นกอหญ้าก็ตื่นเต็มตาทันทีในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากพี่ชายอย่างเนียนๆแต่ก็ช้ากว่ารามสูรที่ยื่นขามาถีบก้นของกอหญ้าเบาๆคนทั้งคนก็ถลาล้มลงไปนอนราบบนเตียงอย่างหมดสภาพ็ช้ากสวว่รมสรท“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยปีนขึ้นมานอนบนตัวคนอื่นแล้วนอนน้ำลายไหลยืดสักที”น้ำเสียงดุดันที่แฝงไปด้วยความเอือมระอาเล็กน้อยทำให้กอหญ้าที่ล้มลงบนที่นอนรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งและจ้องหน้ารามสูรกลับคืนอย่างดุดันไม่แพ้กัน“พี่รามบ้าถีบมาได้กอหญ้าโตแล้วนะ”น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ต่อว่ารามสูรพร้อมถีบขารัวๆไปทางเขาที่กระโดดลงจากเตียงหลบฝ่าเท้าของน้องสาวได้อย่างหวุดหวิด“โตแล้วก็ควรจะเลิกปีนขึ้นมานอนน้ำลายไหลยืดบนตัวพี่รามสักทีเหอ
“พี่รามของยาย”ทันทีที่เห็นหน้าหลานชายที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปกอดรามสูรด้วยความดีใจใบหน้าของเธอในยามนี้แย้มยิ้มด้วยความยินดีเพราะเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่รามสูรไม่ได้กลับมาเมืองไทย“พี่รามเองก็คิดถึงคุณยายมากเหมือนกันครับ”รามสูรเอ่ยบอกผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทำให้กอหญ้าที่เดินตามหลังเข้ามาทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทีกับเธอไม่เห็นว่าพี่ชายจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้บ้างเลยเขานี่มันสองมาตรฐานชัดๆ“ปากบอกว่าคิดถึงแต่ตัวไม่ยอมกลับมาหายายบ้างเลยนะเราหรือว่าเดี๋ยวนี้พอมีสาวแล้วก็เลยลืมยาย”คำว่า มีสาวแล้ว ของที่รักทำให้รามสูรที่ไม่เคยคิดจะมีความรักพลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิตทันทีต่อให้เขาจะชอบมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับสาวๆมากหน้าหลายตาแต่เรื่องความรักก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาหรอกนะ ฮึ้ย คิดถึงเรื่องความรักแล้วขนลุกชะมัด“มีสาวที่ไหนกันคะคุณยายปากดีไม่มีใครเกินแบบนี้จะมีสาวที่ไหนมาชายตามองกันล่ะคะ ? ”กอหญ้าที่เดินไปนั่งลงข้างๆกฤษฎิ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในขณะที่รามสูรได้แต่หันขวับกลับไปถลึงตาใส่น้องสาวที่ลอยหน้าลอยตาหยิบองุ่นส่งเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยทั้งๆที่เพิ่งพูด
โรงพยาบาล K“ไปดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ ?”ฝีเท้าของคุณหมอหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลพลันชะงักเล็กน้อยเขาเหลือบมองสาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเพียงแวบเดียวก่อนที่จะดึงสายตากลับมาคืนและเดินไปยังรถ Rolls-Royce รุ่นล่าสุดที่ผลิตเพียงห้าคันในโลกโดยที่ไม่ตอบคำถามของสาวสวยที่มาดักรอพบเพื่อพูดคุยกับเขาแต่อย่างใดทำให้หญิงสาวที่หวังจะได้รับความสนใจจากคุณหมอหนุ่มได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ“หึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะราฟสักวันฉันจะทำให้คุณยอมสยบแทบเท้าฉันให้ได้”เรน่าได้แต่หมายหมาดอยู่ในใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถหรูราคาแพงและขับออกไปจากโรงพยาบาลทันทีVictoria PubRolls-Royce ที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของประเทศอิตาลีค่อยๆเลี้ยวเข้ามายังผับประจำที่เขาชอบมานั่งดื่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการผ่าตัดมาทั้งคืนก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและโยนกุญแจรถให้พนักงานภายในผับอย่างสนิทสนมคุ้นเคยและเดินเข้าไปภายในผับทันทีเสียงเพลงที่เปิดเบาๆคลอไปกับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้ลำคอของรามสูรแห้งผากอย่างบอกไม่ถูกเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการผ่าตัดจนแทบไม่มีเวลามาพักผ