Beranda / วาย / The Contract Mafia (ป๋า-มิท) / รอบที่2 คนเดิม

Share

รอบที่2 คนเดิม

Penulis: Silver Fish
last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-20 17:06:37

                ผมเป็นตัวขี้เกียจอย่างเต็มภาคภูมิ ตื่นมาหาอะไรกินแล้วก็นอนกลิ้งเล่นมือถือ สลับไปมาอยู่แบบนี้จนกระทั่งครบกำหนดวันที่ผมบอกริว ส่วนเรื่องซันผมโทรไปหามันแล้ว โดนเทศน์ไปหนึ่งชุดใหญ่แถมสั่งเด็ดขาดว่าวันนี้ผมต้องไปเรียน ไม่เช่นนั้นมันจะบุกมาถึงห้อง

                ประเด็นคืออีกเบอร์นี่สิที่น่ากังวล บันทึกชื่อไว้ว่า ‘ป๋า’ ซึ่งไอ้ป๋าที่ว่าผมโคตรมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์เลยว่าต้องเป็นเจ้าคนอันตรายที่ผมหลวมตัวไปนอนด้วยแหง เอาไงดีทีนี้ กำหนดใช้เงินใกล้เข้ามาแล้ว หวังพึ่งเงินที่เจ้ามาเฟียให้ต่อไปก็ไม่ได้ ผมต้องหาเพิ่ม สงสัยคืนนี้คงต้องทำงานจริงๆ

                พอตัดสินใจได้ก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้จะไปหาเหยื่อนะ แต่ไปมหา’ลัยตามสัญญา ส่วนเรื่องงานค่อยทำตอนกลางคืน

                ผมฉีดน้ำหอมแถวซอกคอกับข้อมือ เซตผมใส่นาฬิกาเป็นอันเสร็จ หอที่ผมอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยมากนัก มีห้องน้ำในตัว มีระเบียงเล็กที่แค่ยืนยังอึดอัด ภายในห้องสี่เหลี่ยมมีเตียงหนึ่งหลัง กับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับวางอุปกรณ์ประทินโฉมของผม ซึ่งพวกของมีราคาทั้งหลายอย่างน้ำหอม นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าเงินแบรนด์เนม เสื้อผ้ามียี่ห้อ ทั้งหมดผมไม่ได้เป็นคนซื้อเอง เป็นพวกลูกค้าซื้อมาเพื่อมัดใจผมทั้งสิ้น

                ของฟรีมาผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว แต่ไม่คิดผูกมัดตัวเองไว้กับใครแน่นอน เพราะการทำแบบนั้นรังแต่จะสร้างปัญหา แล้วที่ผ่านมาผมหาทางรอดได้เสมอ หวังว่าคราวนี้ก็เช่นกัน แม้ลึกๆ ในใจ มีลางสังหรณ์ว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด

                ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เป็นมงคล กับอีแค่เด็กไซด์ไลน์คนหนึ่ง หัวหน้ามาเฟียคนนั้นคงไม่ให้ความสนใจอะไรมากหรอกมั้ง...

                “เลิกคิดใช้ชีวิตตามปกติดีกว่าเรา” ผมพึมพำอยู่คนเดียวหน้ากระจก คว้ากระเป๋าเงินกับมือถือเดินออกจากห้อง นั่งรถเมล์ไปมหา’ลัย

                เมื่อถึงที่หมาย ซันก็ยืนกอดอกตีหน้ายักษ์รออยู่หน้าคณะ

                “กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง มานี่เลย ตกลงมึงหายหัวไปไหนมาทำไมไม่มาเรียน” ซันลากคอผมเข้าตึกคณะไม่ได้สนใจสายตาของเพื่อนร่วมรุ่นหรือรุ่นพี่คนอื่นเลยสักนิด ผมได้แต่ยิ้มทักทายทุกคนแม้จะถูกล็อกคออยู่ก็ตาม

                “กูก็มาแล้วนี่ไง คนเรามันต้องมีธุระบ้างอะไรบ้าง” พยายามบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยพลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากริว ยังดีที่ริวไม่ทอดทิ้ง มันแงะผมออกจากแขนซันพลางตบบ่าเพื่อน

                “มิทมันก็มีเวลาส่วนตัวบ้าง แค่มันกลับมาครบสามสิบสองไม่มีปัญหาอะไรก็พอแล้วนี่ ขึ้นไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวช้าอาจารย์จะล็อกห้องซะก่อน” หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเนื่องจากสงสารจิ้งจอกตาเทาๆ สุดท้ายซันต้องยอมรามือ แต่ยังไม่วายขมวดคิ้วจ้องเขม็ง

                “กูก็ไม่ใช่พวกเสือกอะไร แต่ความรู้สึกกูมันบอกว่าตัวมึงมันน่าเป็นห่วง อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ คนเดียวแล้วกัน” คำพูดของซันรอบนี้ริวเห็นด้วยเลยพยักหน้ารับแล้วหันมาจ้องเพื่อนผู้มากความลับ ผมยกสองมือยอมแพ้กับสายตาของพวกมันทั้งสองตัว

                “จะพยายามแล้วกัน” ผมไม่รับปากในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แบ่งรับแบ่งสู้พอให้รอดไปก่อน หลังจากนี้เป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที ซึ่งระหว่างพวกเราคุยกันก็ไม่ได้ยืนเฉย สองขาก้าวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องเรียน ถามว่าทำไมไม่ใช้ลิฟต์? ก็เพราะมันเต็มน่ะสิ! ถ้ารอขึ้นมีหวังเข้าห้องสายจริงๆ แน่

                แต่ถึงจะไปทัน สุดท้ายผมก็โดนหักคะแนนอยู่ดี โทษฐานหายหัวโดยไม่มีใบลา แถมไอ้ใบลาที่ว่าไม่ได้ลาง่ายๆ นะต้องมีใบรับรองแพทย์มายืนยันด้วย ผมเลยเลือกที่จะปล่อยมันไป ไว้ค่อยทำงานในคลาสเก็บคะแนนเพิ่มเอา

                วิชาแรกยังดี เป็นวิชาพื้นฐานของคณะวิศวะ ผมเลยได้เรียนกับพวกซัน ยืมสมุดมันจดย้อนหลังได้ แต่วิชารอบบ่ายนี่สิ ผมเรียนพร้อมกับพวกเพื่อนในสาขาตัวเองที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ อาศัยรูปร่างหน้าตาเข้าหาชาวบ้านถามเรื่องงานที่คั่งค้างช่วงที่ผมไม่อยู่เกือบอาทิตย์ ก่อนจะพิมพ์รายละเอียดงานทั้งหมดเอาไว้ในโทรศัพท์ แล้ววิ่งหากลุ่มเด็กเรียนเพื่อขอร่วมกลุ่มด้วย ไม่ใช่ผมคิดจะเกาะหรอกนะ แค่กลุ่มเด็กเรียนเขาแบ่งงานกันทำ ไอ้พวกกลุ่มอื่นโยนกันไปโยนกันมา จะปั่นก็ตอนไฟลนก้น ผมยิ่งไม่มีเวลาอยู่ ขืนเป็นแบบนั้นไม่ต้องเอาหรอกคะแนนงาน

                หลังรับงานส่วนของตัวเองจากเพื่อนร่วมกลุ่มเรียบร้อย พอจบคลาสผมก็นั่งรถในมหา’ลัยไปซื้ออุปกรณ์มาทำงานเดี่ยวส่ง พลางลบรายการทิ้งไปทีละอย่างสองอย่าง พยายามเร่งทำให้เสร็จในวันเดียว ระหว่างนั่งทำริวมันเลิกเรียนลงมาพอดี ผมเลยลากคอให้มันมาช่วยเป็นลูกมือทำงานซะ เป็นพวกต่อวงจรไฟง่ายๆ สมัยมัธยมกับเขียนอธิบายหลักการทำงานนั่นแหละ แต่มันไม่ได้นั่งช่วยเงียบๆ นี่สิ

                “มิท กูถามจริง มึงทำงานอะไรกันแน่” มันถามเสียงจริงจัง ดึงความสนใจผมจากงานตรงหน้า

                “อย่างที่มึงรู้ กูไม่ได้ค้ายาไม่ต้องห่วง” พูดพลางตบบ่ามัน ริวปัดมือผมออกสีหน้าไม่เบื่อหน่าย

                ผมเข้าใจว่ามันเป็นห่วง แต่เรื่องบางเรื่องบอกไม่ได้จริงๆ อย่างเรื่องผมทำงานไซด์ไลน์พวกเพื่อนจะคิดยังไง ต่อให้ไม่รังเกียจ ก็คงซักไซ้ผมแน่ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น จนถึงขั้นใช้วิธีนี้ในการหาเงิน ดังนั้นผมเลยตัดปัญหา บอกริวว่าตัวเองทำงานร้านเหล้าตอนกลางคืนเพื่อส่งตัวเองเรียนพอ ส่วนซันไม่ต้องบอกอะไรสักอย่าง ป้องกันไม่ให้ความรักเพื่อนสุดลิ่มทิ่มประตูของมัน มาทำให้เรื่องราวยุ่งยากไปกว่าเดิม

                เป็นอันว่าจบประเด็นสองคนนี้ไป ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ คนที่น่ากังวลคือวาคินต่างหาก หมอนั้นรู้จักผมพร้อมกับซัน ทั้งที่ไม่ค่อยได้คุยด้วยแต่ดูเหมือนมันจะรู้ทันผมดีเหลือเกิน โชคดีที่มันโดนดีดไปอยู่เหนือ ไม่งั้นสิ่งที่ผมเก็บไว้โดนมันซักจนหมดเปลือกแน่

                “เหม่ออะไรของมึง งานเสร็จแล้วไม่เอาไปส่งรึไง”

                เสียงทักจากหนุ่มผิวขาวเพราะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นดึงผมออกจากภวังค์ ผมก้มมองงานตัวเอง ทำเสร็จตอนไหนไม่รู้เรื่อง

                “’งั้นกูเอางานไปส่งจารย์ก่อน” บอกเสร็จก็หอบหิ้วงานตัวเองขึ้นตึกคณะไปส่งงาน โชคดีปีหนึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาพื้นฐาน งานเลยไม่ยากอะไร พอส่งเสร็จลงมาที่โต๊ะเดิม เห็นซันนั่งหัวโด่รออยู่ที่โต๊ะ ส่วนริวเห็นหัวแวบๆ อยู่แถวร้านน้ำ ระหว่างเดินเข้าไปหาเพื่อน ก็โบกมือทักทายคุยกับคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย ทำไงได้ คนมันหน้าตาดีแถมยังมนุษยสัมพันธ์ดี เลยเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน

                อันที่จริง ผมทำงานกลางคืน อาศัยคารมตัวเองรู้จักพวกเที่ยวกลางคืนหลายคน ทีแรกว่าจะชวนคุยเล่นๆ ต่อมากลายเป็นแนะนำตัวกับเพื่อนของเพื่อน คนนั้นรู้จักคนนี้ คนนี้รู้จักคนนั้น เล่าเรื่องระบายสิ่งที่คิด บางคนถึงขั้นมาปรึกษาปัญหาชีวิต ปัญหาหัวใจ เพราะเห็นว่าผมเป็นคนนอกน่าจะตอบได้ดีกว่า กลายเป็นว่าผมรู้จักชาวบ้านเขาไปทั่ว แถมยังรู้เรื่องคนอื่นซะเยอะ

                ส่วนเรื่องไซด์ไลน์นี่ไม่ต้องห่วง ไม่มีเพื่อนคนไหนในมหา’ลัยรู้ ต่อให้รู้ก็ไม่คิดปากมากแน่ ในเมื่อผมก็รู้เรื่องลับๆ ของพวกมันเยอะเหมือนกัน ที่สำคัญ เวลาผมรับแขก จะเลือกพวกที่ห่างไกลกับมหา’ลัยป้องกันปัญหาตามมาในภายหลัง อาจเป็นสเปกตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง ผมชอบคนมีอายุมากกว่า พวกนี้กระเป๋าหนัก ฐานะมั่นคง ต่อให้หลอกเอาเงินก็ไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่

                “มึงนี่รู้จักคนเขาไปทั่วเลยนะ” หนุ่มเถื่อนหรี่ตามอง หลังจากที่ผมคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งเสร็จ ผมหัวเราะแล้วกอดคอซัน

                “อะไรกัน มึงยังโกรธที่กูไม่ยอมรับสายอีกเหรอ ไม่เอาน่าซันนี่ น้อยใจป๋าที่ไม่สนใจรึไง” นิ้วเรียวจิ้มแก้มสาก ซันดันผมออก ท่าทางขยะแขยงเต็มกำลัง ระวังเถอะสักวันมึงจะได้เมียเป็นผู้ชาย ทำมารังเกียจกูไปได้

                “ไปไกลๆ ตีนกูมิท”

                “เอ้า ไกลก็ไกล วามันไปเหนือแล้วใช่มั้ย งี้มึงจะเอาไงต่อ อยู่บ้านญาติมันต่อปะ” ขยับมานั่งห่างจากเท้ามัน แล้วชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง

                “ไม่ว่ะ ถึงเขาจะบอกไม่เป็นไร แต่กูเกรงใจ”

                “แล้วมึงจะไปอยู่ไหน ให้กูช่วยหาห้องให้มั้ย” ถามพลางนึกไปด้วยว่ามีหอพักแถวไหนน่าอยู่บ้าง เพื่อนซันดันส่ายหัว

                “ไม่เป็นไร กูได้ห้องแล้ว มึงจำปอนด์ไอทีที่เจอกันวันนิเทศได้ปะ มันกำลังจะย้ายจากหอในไปอยู่กับพี่ชาย เลยให้กูไปเสียบแทน”

                ปอนด์ไอที ภาพเด็กหนุ่มหน้าอ่อนกว่าวัยโผล่เข้ามาในห้วงความคิดทันที จนป่านนี้ผมยังไม่เข้าใจ หนุ่มมาดเถื่อนนิสัยหยาบคายมันไปสนิทกับปอนด์ที่ดูใสซื่อไร้พิษสงได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะฟ้าเห็นใจซันที่มีแต่เพื่อนนิสัยน่าถีบ คงเป็นนรกลงโทษปอนด์ต้องมาเจอคนอย่างซัน ผมคิดขำๆ

                “ดีแล้ว ขอให้มึงเจอรูมเมทเป็นเกย์”

                ซันหันขวับง้างมือหมายตบหัวผมทิ่ม ผมก็หลบสิรออะไร

                “ไอ้มิท ปากหมา!” ซันโวยวาย โดยมีผมหัวเราะเยาะใส่ วิ่งหนีไปทางริวที่เพิ่งกลับมาพร้อมน้ำปั่นหนึ่งแก้ว ผมโบกมือลาพวกมันทั้งคู่

                “กูไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องเตรียมตัวทำงานอีก”

                “เออ ระวังด้วยล่ะ มีอะไรโทรเรียกกูนะ” ริวพยักหน้ารับ ปลงแล้วเลยเลิกคิดจะถามต่อ ฝ่ายซันเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโดนชิ่งหนี เลยลุกหมายจะลากคอผมไปคุยให้รู้เรื่อง ผมก็วิ่งสิจะรอทำไม กระโดดขึ้นรถมหา’ลัยที่เวียนมาจอดหน้าคณะพอดี เพื่อกลับหอมาเปลี่ยนชุดท่องราตรี

                ชุดที่ผมชอบใส่จะเป็นพวกเชิ้ตเข้ารูปสารพัดสีเรียงรายอยู่ในตู้ แบ่งเป็นโซน สีทึบจะอยู่ฝั่งซ้าย พวกสีอ่อนจะอยู่ฝั่งขวา ริมสุดคือสีขาว ส่วนกางเกงจะเป็นพวกขายาวอย่างยีนเอวต่ำเป็นต้น รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง รองเท้าใส่เที่ยวจัดเป็นสัดส่วน

                หลังแต่งตัวเสริมหล่ออยู่นานก็ได้เวลาออกหากิน หึหึ

                ผมเลือกร้านประจำที่ห่างไกลจากมหา’ลัย อาศัยนั่งรถเมล์เอาเพื่อประหยัดงบ ส่วนขากลับค่อยติดรถใครสักคนไม่ยาก

                ส่วนเหตุผลหลักๆ ที่ผมเลือกร้านนี้เพราะบรรยากาศในร้านออกไปทางผู้ใหญ่ ไม่เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่ม แต่เปิดเพลงจังหวะสนุกคลอแทน เหมาะสำหรับมานั่งดื่มชิวๆ กับเพื่อนฝูงหลังเลิกงาน ทำให้ไม่ค่อยมีพวกวัยรุ่น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับผม

                หลังทักทายการ์ดที่พอรู้จักกันเสร็จ ก็เข้าไปในร้านผ่านสายตาของใครต่อใครมานั่งตรงบาร์ แล้วสั่งเครื่องดื่มจิบพลางสอดส่องสายตามองทั่วร้าน รอไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเดินมาขอชนแก้วชวนคุย เลี้ยงเครื่องดื่ม มองสบตาเป็นอันรู้ว่าต้องการอะไร ผมมองสำรวจแวบหนึ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายมีฐานะไม่เลว แถมยังเจนจัดซะด้วย

                อีกฝ่ายขยับเข้ามาชิดแบบเนียนๆ มือเลื่อนมาโอบเอวยิ่งคุยนานยิ่งเลื่อนไปแถวสะโพก ดวงตาพราวระยับบ่งบอกความต้องการ จังหวะที่ผมกำลังจะตอบตกลงไปต่อกันด้านนอก จู่ๆ มีเสียงคุ้นหูดังมาจากด้านข้าง

                “มาร์ตินี่...”

                รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงทันที ร่างกายแข็งทื่อจนว่าที่ลูกค้ามองอย่างสงสัย เสียงทุ้มแหบแบบนี้ผมจำลึกในสมองไม่มีทางลืม

                “พี่ชาย รู้สึกว่าผมไม่ว่างแล้วล่ะ เอาไว้วันหลังนะ” ผมรีบกลับคำ วางเงินค่าเหล้าแล้วลุกพรึบผละจากตรงนั้นเหมือนเจอผี ไม่สนใจเสียงเรียกของว่าที่ลูกค้า ในหัวคิดแต่ว่า ซวย! ซวยหนักมาก!!

                สองเท้าจ้ำหนีไม่สนใจมองใครหน้าไหนทั้งนั้น เลยพลาดโอกาสที่จะเห็นสายตาของคนสั่งเครื่องดื่มว่ามองตามหลังอย่างหมายมาดมากแค่ไหน

                จู่ๆ ขนทั่วร่างของผมพร้อมใจกันลุกซู่ สมองคิดเร็วจี๋ ออกประตูหน้าไม่ได้ชัวร์ ต้องไปประตูหลัง ตัดสินใจได้ดังนั้น อาศัยความสนิทกับเจ้าของร้านเดินผ่านพนักงานออกทางด้านหลัง มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง จังหวะจะหันไปทางซ้ายปรากฏว่ามีใครบางคนมายืนขวางอยู่ ฝีเท้าพลันชะงักกึก มองไล่จากด้านล่างผ่านชุดสูทราคาแพงเงยหน้าขึ้นสบตา

                “สายันต์สวัสดิ์มิทรี่...ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”

                ร่างสูงในชุดสูทสีทึบสมฐานะที่ไม่ธรรมดา รอยยิ้มมุมปากทำให้ใบหน้าคมเข้มยิ่งดูดีไปพร้อมๆ กับความอันตรายที่เจ้าตัวไม่คิดจะกักเก็บเลยสักนิด ผมมองภาพนั้นกลืนน้ำลายอึก กัดฟันตอบในขณะที่สมองคิดหาทางหนี

                “สายันต์สวัสดิ์”

                ร่างเพรียวขยับถอยเว้นระยะห่างแบบที่หากมีอะไรสามารถเผ่นได้ทันที พลางคุมเชิงจ้องเขม็งใส่

                “หืมม ไม่ต้องระแวงขนาดนั้น ฉันมาดีนะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำเยือกเย็นในคอ ดวงตาหลุบต่ำมองท่าทางเหมือนลูกสัตว์กำลังหวาดระแวงนายพราน รู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ยังหันมาแยกเขี้ยวขู่ ยิ่งชวนให้น่าล่ามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

                “ต้องการอะไร” ผมถามเสียงห้วนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตัวเอง อย่างน้อยๆ ขอคุยประวิงเวลาหาทางหนีหน่อยเถอะ ไม่ชอบจริงๆ พวกคนจากโลกเบื้องหลัง ให้ตายสิ

                “ก็แค่อยากมาชวนไปกินข้าวเท่านั้นเอง นายเล่นมองฉันแบบนี้ห่างเหินจังนะ...”

                อยากถุยน้ำลายใส่หน้า วาจาไม่เข้ากับการกระทำเลยสักนิด ระหว่างที่ด่าในใจไปร้อยแปด อีกฝ่ายก็สืบเท้าเข้าหาแผ่รังสีคุกคามเต็มที่จนผมถอยหลังจะชิดกำแพงอยู่แล้ว หากปล่อยให้ถูกต้อนจนมุมคงไม่ดีแน่ ต้องรีบเผ่น

                ผมหมุนตัววิ่งหนีเข้าซอยหนึ่งทันที แม้จะตงิดใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายเหมือนจงใจไล่ต้อนผมมาทางนี้ แต่ทำไงได้ มันเหลือช่องให้วิ่งอยู่เส้นทางเดียว

                “ตามไป” คนสั่งเอ่ยเสียงเรียบ ลูกน้องสามคนวิ่งไล่ต้อนเด็กเพียงคนเดียว ผมได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าผมงานเข้าขั้นรุนแรง

                “โธ่เว้ย! ทำไมชีวิตกูซวยขนาดนี้เนี่ย” ได้แต่บ่นอุบด่าทอชะตากรรมอันน่าเศร้าของตัวเอง แล้วพุ่งเลี้ยวขวาตรงทางแยก ฉับพลัน! วงแขนใหญ่ที่รอท่าไว้อยู่แล้ว ตวัดคว้าเอวของร่างเพรียว ยังไม่ทันได้หือได้อืออะไร ก็ถูกจับโยนใส่รถที่แล่นผ่านมาตรงหน้าพอดีราวกับคำนวณเอาไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนผมตามไม่ทัน รู้ตัวอีกทีตัวเองมานั่งอยู่เบาะหลังรถคันหรูโดยมีคนที่ผมวิ่งหนีมาตอนแรกนั่งอย่างสบายอารมณ์

                “วิ่งเล่นสนุกมั้ย?” เอ่ยถามด้วยแววตาพราวระยับ คนขับบังคับรถขึ้นทางด่วนแบบไม่มีช่องทางให้หนี

                ผมนั่งบื้ออยู่กับที่ พอสมองประมวลผลว่าผมไม่รอดอีกแล้ว เหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไปในทันที นั่งเอนเบาะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหล่มองไปนอกหน้าต่าง เห็นภาพสะท้อนคนที่ตัวเองกังวลกำลังจ้องมาทางผมเหมือนจะกลืนกินไปทั้งตัว อยากหนีความจริงเป็นบ้า

                เจ้าคนมากแผนการ พอเห็นผมไม่ถามเลยยื่นน้ำส่งให้ด้วยรอยยิ้มขำขัน ผมรับน้ำมากระดกอย่างเสียไม่ได้ ฝ่ายร่างสูงจิบแชมเปญไปพลางมองผมที่นั่งหน้าหงิกไปพลาง จ้องกันขนาดนี้ผมคงพูดได้แค่ประโยคเดียว

                “คิดค่าบริการเหมือนเดิมนะ”

                เกิดความเงียบไปชั่วขณะ คนฟังหัวเราะในลำคอเจือความพึงพอใจ

                “3 เท่าของค่าตัวปกติ” เจ้าตัวพูดราวกับว่านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ชิ หมั่นไส้ไอ้คนมีเงิน กะอีแค่ไม่กี่หมื่นคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งอีกฝ่ายร่วงหรอก

                ระหว่างทางผมอยากให้เวลายืดยาวออกไปสักสิบปี แต่ความจริงมันโหดร้าย รถคันหรูเลี้ยวเข้าตึกคุ้นตา ผมถูกพาขึ้นมาห้องเดียวกับรอบก่อนไม่มีผิด

                “อาบน้ำก่อนมั้ย”

                ใครสั่งใครสอนให้ถามด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งแบบนี้ ผมได้แต่พยักหน้า หยิบผ้าขนหนูที่ถูกเตรียมไว้เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างตัวจนสะอาด ก่อนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมา เห็นร่างสูงนั่งเอนกายบนโซฟา สูทตัวนอกถูกถอดโยนทิ้งไปอีกทาง ดวงตาคมจ้องมองผมอย่างอารมณ์ดี มือหนึ่งคีบซิการ์ปล่อยควันขาวให้ล่องลอยไปในอากาศ โดยมีแก้วเหล้าวางไว้ที่โต๊ะเล็กด้านข้าง ห้องสลัวด้วยแสงไฟสีนวล

                เจ้าของห้องกระดิกนิ้วเรียกเข้าไปหา ผมที่ทำใจในห้องน้ำไปแล้วว่าต้องรับศึกหนัก เดินลากขาเข้าหาอีกฝ่าย วงแขนแกร่งตวัดรั้งจนผมขึ้นไปนั่งบนตัก ตัวผมก็ไม่ได้เล็ก คุณท่านเล่นคว้าง่ายดายอย่างกับผมเป็นตุ๊กตายัดนุ่น

                ลูเซียสพึงพอใจกับกลิ่นหอมของสบู่กว่ากลิ่นน้ำหอมเป็นไหนๆ สัมผัสนุ่มของสะโพกมนสวยที่นั่งตักกว้างชวนให้รู้สึกดียิ่ง มือหนายกลูบไล้อย่างเผลอไผล

                “ทำไมนายถึงถูกใจผมล่ะ ระดับอย่างคุณ มีคนแจ่มๆ กว่าผมมาให้เลือกแทบไม่หวาดไม่ไหวไม่ใช่เหรอ” อดไม่ได้ที่จะถาม ผมหน้าตาดีหุ่นดีก็จริง แต่ไม่ถึงขั้นดีที่สุด ยังมีคนอีกมากที่ดูดีและน่าจะตรงสเปกร่างสูงมากกว่า หรือผมควรหาคนมารับกรรมแทนดี น่าสนใจ

                “ความถูกใจต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? อีกอย่าง...ฉันเชื่อสัญชาตญาณของฉันมากกว่า” คนตอบเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ใบหน้าหล่อคมเชิดขึ้นน้อยสมสายเลือดมาเฟีย มันคือสิ่งที่เขาโดนเคี่ยวเข็ญและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อแก๊งและครอบครัว เรื่องพวกนี้ผมเพิ่งมารู้เอาหลังจากนั้นเกือบปี

                หัวใจพลันกระตุกวูบ ทั้งกลัวและตื่นเต้นกับท่าทางของลูเซียส มันแฝงความโหดร้าย เลือดเย็น มั่นใจในอำนาจ เป็นพวกที่ควรอยู่ให้ห่างมากที่สุด เพราะพวกมาเฟียเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ สามารถทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาโดยไม่สนว่าใครจะสูญเสียไปเท่าไหร่ ผมเม้มริมฝีปาก

                เขาเชยคางผมขึ้น นัยน์ตาสีเข้มจัดจับจ้องใบหน้าสวยปนหล่อ ราวกับมองทะลุลึกถึงความคิดไม่ใช่เพียงรูปกายภายนอก ก่อนโน้มลงแนบริมฝีปาก ขบเม้มให้กลีบปากล่างให้เผยอออกก่อนสอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสย่างกระหายหิว รสจูบเจือกลิ่นซิการ์กับเหล้ามันทั้งขมปนหวาน ไม่ต่างจากสิ่งเสพติดอันตราย

                ฝ่ามือหยาบจากการจับอาวุธลูบไล้สะโพกมนลากลงไปถึงข้อเท้า ก่อนจะลูบขึ้นถลกชายชุดคลุมอาบน้ำมากองที่เอวเผยขายาวกำลังดี ไม่เรียวบางอย่างผู้หญิง และไม่หนาใหญ่อย่างพวกออกกำลัง

                เวลางานของผมเริ่มแล้ว มือปลดเข็มขัดรูดซิปใช้มือคลึงส่วนร้อนอย่างรู้งาน ก่อนจะผละจูบออกเคลื่อนกายลงคุกเข่าบนพื้นทำหน้าที่ของตัวเอง สัมผัสร้อนคละกับความเย็นจากมุก หูได้ยินเสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจ มือหนาว่างซิการ์แล้วยกแก้วเหล้ากระดกผ่อนคลายความตึงเครียดที่ได้รับจากงานมาทั้งวัน

                ลูเซียสกำลังคิดเรื่องของคนที่กำลังปรนเปรอตัวเอง มือใหญ่สอดผ่านเรือนผมนุ่มแทนการบอกว่าอีกฝ่ายทำได้ดี หลายวันที่ผ่านมาใช่ว่าลูเซียสจะไม่มองคนอื่น แต่ไม่มีใครเข้าตาเลยซักคนจนตัวเองยังหงุดหงิด สุดท้ายก็ต้องไปเอาเจ้าเด็กคนเดิมกลับมาจนได้ ดวงตาทอดมองด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มาเฟียตัวร้ายวางแผนซับซ้อนไว้หลายชั้นเพื่อไล่ต้อนศัตรูของตน มาคราวนี้กลับครุ่นคิดที่จะยึดตัวร่างเพรียวไว้เพียงผู้เดียว ไม่ว่าใครหน้าไหน ไม่คิดจะแบ่งปันเด็ดขาด!

                คนถูกหมายมาดพลันรู้สึกหนาวเยือกจนหยุดชะงักการกระทำ ไม่ทันจะเงยหน้ามอง ก็ถูกช้อนตัวอุ้มเข้าไปในห้องนอน สัมผัสกับความร้อนแรงแทบหลอมละลาย ปล่อยให้เสียงครวญครางดังแว่วออกมาตลอดทั้งคืน

                ผมตื่นขึ้นมาตอนสายของอีกวันพร้อมความรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง พลางหันไปมองข้างกายไร้เงาเจ้าของห้อง สงสัยจะไปทำงานแล้ว คิดแล้วก็ผ่อนลมหายใจยกแขนก่ายหน้าผาก มองเงินสดที่วางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงเหมือนกับครั้งแรก

                “ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทักเรียกสายตาให้หันไปมอง เห็นร่างสูงกำยำในชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ มือข้างหนึ่งถือผ้าผืนเล็กเช็ดผม ปลดเสื้อคลุมทิ้งเพื่อสวมเสื้อตัวใหม่ ทำให้เห็นลวดลายบนแผ่นหลังแกร่งที่กินเนื้อที่ไปทั้งหมด ลากยาวไปจนถึงสะโพกสอบชั่วขณะ ก่อนถูกปิดด้วยเสื้อเชิ้ต

                “อย่างที่เห็น” ผมตอบกวนไปตามอารมณ์ ไอ้หมอนี้มันใช้ร่างกายคนอื่นหนักหน่วงเกินไปแล้ว ผมยกมือเสยผมแบบเซ็งๆ เจ้าตัวเหมือนไม่รู้สึก ถามต่อไปเรื่อยระหว่างแต่งตัว

                “เธอเองก็ดูฉลาด ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้ล่ะ”

                “เหตุผลเหมือนคนอื่นๆ ที่ต้องการเงินมาใช้นั่นแหละ” ตอบได้อย่างลื่นไหล เพราะไม่ใช่คนแรกที่ถาม

                “ฉันว่านายมีเหตุผลมากกว่านั้น” ดวงตาคมตวัดมองพร้อมคนพูดที่เดินเข้ามาหา ร่างสูงทิ้งกายตรงขอบเตียง จับข้อมือทั้งสองข้างกดกับเตียงนุ่ม คร่อมอยู่เหนือร่างเปลือยเปล่า ตามตัวมีแต่รอยจ้ำแดง มีเพียงผ้าห่มช่วยปิดท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ ผมหลบสายตา เปิดช่องให้จมูกโด่งโน้มลงมาซุกไซร้แถวลำคอ

                “เอาเถอะ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เธอไม่คิดจะมาเป็นคนของฉันหน่อยเหรอมิทรี่”

                คนถูกถามคิดในใจ ถามอย่างเดียวได้มั้ยวะ ทำไมต้องลากจมูกมาถึงไหปลาร้าด้วย

                “ไม่คิด” ผมตอบทันที คงเป็นคำตอบที่อีกฝ่ายไม่ต้องการ เพราะเจ้าตัวดันก้มมาตรงอกซ้ายแล้วใช้ปากดูดอกหนักๆ จนต้องนิ่วหน้า ช่วงที่กำลังคิดว่าจะมียกสองรับอรุณ ประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏร่างของชายชาวต่างชาติ คนเดียวกับที่เคยขู่ผมในครั้งแรก เขาเลิกคิ้วมองภาพตรงหน้าแบบไม่สะทกสะท้าน

                “บอสถึงเวลางานแล้ว ถ้าจะกกเด็กเอาไว้กลับมาค่อยกกก็ยังไม่สาย สภาพแบบนั้น...” กวาดตามองผมที่อยู่ใต้ร่างหนา “คงไม่มีปัญญาลุกไปไหน” จบคำด้วยรอยยิ้มแสยะ

                เออ! ตอนนี้ขยับไม่ได้ อย่าให้หายแล้วกัน จะแอบมุดไปตัดวงจรไฟฟ้าทั้งตึกแม่ง ผมจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ในสายตาของชาวต่างชาติทั้งคู่ ภาพนั้นไม่ต่างจากจิ้งจอกน้อยไร้ทางสู้ขู่พองขนแยกเขี้ยวใส่อย่างไร้ประโยชน์

                “จริงของนาย ไนท์สั่งให้คนเฝ้าหน้าห้อง ห้ามให้อีหนูของฉันก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว ไม่งั้นฉันจะเอาลูกตะกั่วเก็บไว้ในหัวมัน” เสียงเย็นจนผมยังผวา

                “เออ รีบมาล่ะ ถ้าช้านายจะโดนลูกตะกั่วแทน” ชายที่ชื่อไนท์พูดภาษารัสเซียบอกกับบอสตัวเองอย่างไม่กลัวเกรงก่อนออกจากห้องไปเหลือเพียงลูเซียสกับเหยื่อที่น่าสงสาร ก่อนที่ความหนักบนตัวจะหายไป ลูเซียสลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงแล้ว

                “ในอนาคตเธอต้องอยู่กับฉัน จะแนะนำไว้หน่อยแล้วกัน เจ้านั่นชื่อไนท์เป็นมือขวาของฉันเอง มีอำนาจรองจากฉันเท่านั้น คนเดียวกับที่จับนายขึ้นรถเมื่อคืน”

                อ้อ ไอ้หมอนั่นเองสินะ สักวันเหอะ จะเอาคืนให้สาสม! หัวหน้าแก๊งมองภาพว่าที่อีหนูฉายแววอาฆาตอย่างชอบใจ

                ”ฉันให้เวลาเธอตัดสินใจถึงตอนฉันกลับมา หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะมิทรี่” มือหนาตบที่สะโพกมนจนคนโดนรังแกเจ็บร้าวไปทั้งตัว ถลึงตาจ้องใส่

                “@#%^%&$%@!#” คำหยาบภาษารัสเซียเป็นพรวนดังออกจากปากผู้ถูกกระทำ แถมยังคว้าหมอนขว้างใส่ระบายอารมณ์ฉุนเฉียว ลูเซียสหัวเราะเบิกบานออกมาสมทบกับคนสนิทแล้วพากันเดินไปที่รถเพื่อทำงานของวันนี้

                “หึๆ น่าสนุกจริงๆ เลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่คนอย่างฉันถูกปฏิเสธ จริงมั้ยไนท์”

                เจ้าของชื่อตอบกลับ

                “ผิด... ครั้งที่สองต่างหาก เพราะครั้งแรกคือฉัน” เขาเอ่ยแก้ด้วยท่าทางเรียบเฉย แต่แววตาพราวระยับอย่างที่รู้กันดีว่าต้องจัดการยังไงให้เจ้าบอสมาเฟียถูกใจ

                “อ่ออ จริงสินะ คนแรกที่ปฏิเสธฉันคือนาย คุณอดีตสารวัตร” ลูเซียสยักคิ้วยียวนมือขวาที่เคยเป็นถึงอดีตสารวัตรกองปราบปรามประจำประเทศรัสเซีย แต่กลับลาออกแล้วผันตัวเองมาเป็นมือขวามาเฟียอย่างลูเซียส

                ไนท์ปล่อยให้บอสทำตามใจก็จริง ถึงงั้นก็ยังไม่วางใจเด็กคนนี้เท่าไหร่นัก คงต้องสืบประวัติสักหน่อย

Bab terkait

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่3 ชีวิตบัดซบ

    คล้อยหลังสองนายบ่าว ผมต้องนั่งจับเจ่าอยู่ในห้องกว้างเพียงลำพัง นับรวมแล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ผมถูกลากมาสถิต ณ รังมาเฟียแม้ลูเซียสจะทำตัวเหมือนเป็นแค่นักธุรกิจชาวต่างชาติก็ตาม ช่วงระยะเวลาที่ผมถูกกักตัวอยู่ที่นี่คราวก่อน ผมสำรวจทั่วทุกซอกทุกมุม ไม่มีโอกาสให้หนีเลยแม้แต่น้อย ในหนังในละครเขาพากันไปติดเกาะ ผมนี่ติดตึกไม่มีระเบียง มีแต่ทางเดินออกไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัว หนทางเดียวที่จะหนีได้คือ กระโดดลงตึกแม่งตรงสระว่ายน้ำนั่นแหละ ซึ่งผมยังไม่คิดสั้นขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีทางหนี ขอนั่งถอนหายใจผลาญพลังงานชีวิตเล่นอยู่เฉยๆ ดีกว่า เอาไว้ฟื้นกำลังเต็มที่เมื่อไหร่ค่อยคิดอีกทีว่าจะเอาไงต่อ ลูเซียสไม่ได้บอกซะด้วยสิว่าจะกักตัวผมกี่วัน ให้ตาย ผมจะเรียนจบมั้ยเนี่ยคิดแล้วเครียด จะปรึกษาใครก็ไม่ได้ ให้ใครช่วยก็ไม่ได้อีก ต้องลองกล่อมเจ้าของตึกดู หวังว่าลูเซียสจะมีเหตุผลมากพอ...มั้ง ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เชฟประจำตัวลูเซียส เดฟเข็นรถอาหารเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย เห็นประตูเปิดออกมีการ์ดสองคนยืนเฝ้าอยู่โคตรตัดทางหนี ผมเลื้อยลงจากเตียงหยิบเสื

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่4 เข้ากรง

    1 อาทิตย์… 1 อาทิตย์สำหรับการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่การเลือกมันคือระยะเวลาในการทำใจก่อนเข้าไปเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่ในกรงมากกว่า เงินที่ไนท์ให้มานับว่าเยอะพอสมควร ผมใช้ชีวิตสบายๆ ในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้โดยไม่ต้องดิ้นรนหาเงิน ผมไปเรียนตามปกติ ออกจากมหา’ลัยก็เล่นซ่อนแอบกับคนของลูเซียส ไม่มีวี่แววของไนท์ คงจะโผล่มาตอนจบเหมือนบอสในเกม อีกอย่างพ่อผมหายเฮดซะจนน่าแปลก ถ้าเป็นทุกทีได้เงินได้ของขนาดนั้นไม่กี่วันต้องตามมารังควานผมแน่ อันนี้เงียบกริบ เห็นเพียงแค่กลุ่มคนในชุดสูทด่อมๆ มองๆ อยู่แถวที่พักผม ไนท์รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับผมมากกว่าเพื่อนผมอีก คงจะเป็นฝีมือเขานั่นแหละ นิสัยแบบที่ไม่น่าจะเป็นมาเฟียจริงๆ เอ๊ะ ไม่สิ บางทีอาจจะไม่ต่างกันก็ได้มั้ง อาชีพเก่า อาชีพใหม่ แค่ใช้คนจำกัดความคนละอย่างเท่านั้นเอง “กูอาจจะหายตัวไปช่วงหนึ่งนะ ไม่มึงไม่ต้องห่วง” ผมพูดขึ้นกลางวง ระหว่างนั่งทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านข้าวแถวมหา’ลัย ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป สภาพเก่าหน่อย ร้านไม่สะอาดนักแต่มีเด็กนักศึกษามากินเพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่5 หน้าที่

    ผมทำหน้าที่ ‘เด็กป๋า’ มาได้สองอาทิตย์แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือ ไม่มีอีหนูคนไหนทำงานหนักเท่าผมอีก... ปัง! “ไอ้บอสเวร!!” ไนท์เปลี่ยนร่างเป็นยักษ์ใช้เท้าถีบประตูอย่างแรงตวาดเรียกบอสเป็นภาษารัสเซียด้วยความหัวเสีย ภาพที่เห็นตรงหน้ายิ่งทำให้ความโกรธพุ่งทะลุปรอท บนเตียงขนาดคิงไซส์ปรากฏร่างชายสองคนกำลังนอนหลับอุตุหลัง หลังเล่นกีฬาในร่มมาอย่างยาวนาน คนตัวใหญ่กอดคนที่แทบตัวแห้งหมดแรงตายจนเห็นเพียงหัวยุ่งๆ โผล่พ้นจากอ้อมแขนใต้ผ้าห่มผืนหนา เพราะอุณหภูมิในห้องที่เย็นจัดราวกับจะเปิดไว้เลี้ยงนกแพนกวิ้น “มีอะไร” เจ้าของห้องส่งเสียงถามปรือตามองอย่างหัวเสียเพราะถูกขัดจังหวะฝันหวาน “นี่แกเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรือไง? โดนเด็กมันป้าย...อะไรนะ น้ำมัน...น้ำมันอะไรวะอาคม” คนด่าหาแนวร่วมเป็นบอดี้การ์ดที่เดินตามเข้ามาตามคำสั่งรองหัวหน้า เขาเป็นหนุ่มไทยร่างหนาผิวแทน ใบหน้าคมเข้มแบบคนไทย “น้ำมันพรายครับคุณไนท์” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงนอบน้อม “เออ นั่นแหละ! น้ำมันพรายหรือไงหา?” ยังจะอุตส่าห

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่6 บทเรียน

    นับตั้งแต่วันที่อาคมมาเป็นการ์ดส่วนตัว อีหนูก็ดูจะสงบเสงี่ยมมากขึ้นจนน่าสงสัย ตื่นเช้าไปเรียน แวะเที่ยวกับเพื่อนบ้างแต่ก็เป็นแค่การกินข้าวธรรมดาแล้วตรงกลับตึกมาให้ป๋าเอ็นดู เหล่าผู้มากวัยรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวดีต้องวางแผนป่วนเอาไว้ แต่เลือกที่จะนิ่งเฉยเพื่อรอดูท่าที แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พอการ์ดสองคนนอกจากอาคมเริ่มชะล่าใจ อาทิตย์ต่อมาปัญหาเกิด มิทรี่ไปเรียนตามปกติพอถึงเวลากลับดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย การหลบหนีของเด็กคนนี้นับว่าสูงจนน่าทึ่ง หากเป็นพวกวัยรุ่น แก๊งอันธพาล พวกผู้ดี(พอ)มีเงินจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแน่นอน แต่มันไม่ใช่กับมืออาชีพอย่างพวกเขา “วันนี้คุณหนูสลัดการ์ดอีกแล้วครับ แต่ยังอยู่ในเขตของเรา ช่วงค่ำๆ น่าจะกลับมาที่ตึก” หนุ่มไทยร่างสูงใหญ่ ยืนรายงานเจ้านายหลังโต๊ะทำงานอย่างนอบน้อม เสียงพลิกเอกสารกับแอร์เย็นฉ่ำ ชวนให้รู้สึกกดดัน ยิ่งเวลาทำงานผิดพลาดความน่ากลัวเพิ่มขึ้นเท่าทวี การ์ดสองคนก้มหน้าตัวหดเหลือสองนิ้ว ในขณะที่อาคมยังคงนิ่งขรึมเช่นเดิม “ครั้งที่หกแล้วใช่มั้ย” ไนท์ที่ยืนเป็นเลข

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่7 ตอบแทน

    ความจุกเริ่มบรรเทาลงช่วยให้ผมฟื้นสติในการสำรวจรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขอทวนเล็กน้อย ผมสลัดการ์ดมาเดินเล่นคนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ผมจงใจสลัดการ์ดแล้วออกห่างมาไม่ไกลนัก ด้วยรู้ดีว่าพักหลังตัวเองกำลังถูกมือที่สามจับตามองอยู่ จนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น! ทั้งที่การ์ดน่าจะตามตัวผมเจอภายในไม่กี่นาที แต่ผมกลับต้องวิ่งหนีคนที่โผล่ออกมาตามล่าไม่ต่างจากสัตว์จรจัดที่โดนไล่ทำร้าย บางครั้งผมก็ไม่ชอบไหวพริบของตัวเอง หลังฟื้นแล้วแอบฟังบทสนทนาของเจ้าตัวหัวหน้าที่โทรคุยกับเจ้านายมัน ในประโยคเหล่านั้นกล่าวถึงชื่อของลูเซียส ทำให้ผมรู้ว่าเหตุการณ์ลักพาตัวในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเจ้าหนี้ของพ่อ แต่เป็นคู่อริของลูเซียส นั่นเท่ากับว่าลูเซียสเป็นคนจงใจสั่งให้การ์ดลดความระวังภัยในตัวผมลงไม่ใช่เหรอ มันไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่โดนทอดทิ้งยามเจ้าของเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ที่เจ็บใจกว่านั้นคือ ผมเป็นคนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากว่าผมไม่ซนคิดประท้วงด้วยการพยศแบบนี้ ผมคงไม่ถูกเขี่ยทิ้งในระยะเวลาอันสั้น ยังคงเสวยสุขไ

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่8 ผลลัพธ์

    ไม่ต้องรอให้ลูเซียสสั่ง ไนท์รับหน้าที่ขับรถด้วยตัวเอง เหยียบคันเร่งเพื่อพาบอสไปโรงพยาบาลให้ไวที่สุด น่าเห็นใจก็แต่เหล่าลูกน้องที่ตามหลัง ทั้งสามคันต้องเร่งเครื่องกันสุดชีวิต ด้วยระดับฝีเท้าของมือขวาน่ากลัวว่าไปแข่งรถชิงที่หนึ่งได้สบายๆ โรงพยาบาลที่ไมค์เลือกพามิทรี่มารักษา เป็นโรงพยาบาลเอกชนใกล้สถานที่เกิดเหตุมากที่สุด อีกทั้งลูเซียสยังเป็นหุ้นส่วนโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย นับว่าไมค์เลือกได้อย่างถูกต้อง หากเป็นโรงพยาบาลอื่น เรื่องที่มิทรี่โดนยาเสพติดเช่นนี้ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่าๆ ทันทีที่รถดำเงาวับมาจอดเทียบหน้าอาคารหลัก ยามรีบกุลีกุจอเข้ามาหมายจะเปิดประตูให้ ไม่ทันจะถึงรถดีประตูก็เปิดออกพร้อมเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาปรายตามอง เขาโบกมือไล่ยามไปไกลๆ เวลานี้เขาไม่ใจเย็นพอจะนั่งรอเยี่ยงราชาให้ใครมาปูพรมหรือเปิดประตูให้ กลิ่นเลือดเจือจางที่ติดมากับตัวเหล่าชายชุดดำทำให้ยามอกสั่นขวัญผวา ก้มหน้าลงต่ำ พาลนึกในใจว่าตัวเองช่างซวยเหลือเกิน ตอนเขามาทำงานมีรุ่นพี่กับหัวหน้าเล่าให้ฟังว่าหุ้นส่วนของโรงพยาบาลเราไม่ใช่บุคคลธรรมดา ห

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่9 บอก

    อาการบาดเจ็บทำให้ผมนอนเป็นง่อยอยู่บนเตียงฟังเสียงลูเซียสคุยงานกับไนท์ มีพี่อาคมเข้าๆ ออกๆ มารายงานเป็นระยะ ทำไมนะผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากตอนผมอยู่ที่ตึกลูเซียสเลย จะไม่เหมือนก็แค่ตอนนั้นผมนอนเปื่อยเพราะทำหน้าที่หนักเกินไป คงเห็นผมนอนมองตาปริบๆ มานาน ในที่สุดลูเซียสก็วางงานในมือลุกขึ้นมาหาผมข้างเตียง “เบื่อเหรอ แขนแบบนี้จะอ่านหนังสือก็ไม่ได้ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม” ปกติผมอยู่ห้องลูเซียสถ้าไม่มีอะไรทำผมจะนั่งอ่านหนังสือ แขนผมยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณป๋ากับพี่เลี้ยงคนอื่นเลยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าเพิ่งให้ผมใช้แขนจะดีกว่า เป็นคนอื่นอาจจะดื้อเพราะความเบื่อหน่าย แต่กับผมที่น้อยนักจะได้รับความเป็นห่วงแบบนี้ อย่างมากก็ได้แค่กับเพื่อนซึ่งมันต่างกัน พวกนั้นวัยเรียน คนตรงหน้าผมคือผู้ใหญ่ที่ผมสามารถพึ่งได้ ผมเลยยอมทำตามอย่างเต็มใจ เจอเรื่องนี้เข้าไปถึงกับหงอ เข็ด ไม่อยากดื้อหาเรื่องใส่ตัวอีก “ไม่ดีกว่า ผมยังไม่อยากโดนไนท์แหกอก” ผมไม่ได้โกหกนะ ดูสายตาร้อนแรงที่ไนท์จ้องมาสิ ไม่ได้หึงหวงลูเซีย

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่10 พ่อลูก

    “เบื่ออะ” บ่นเป็นรอบที่ร้อยของวันในห้องพักรวมของเหล่าการ์ด มองพวกเขาเตะต่อยกันแบบขำๆ ถามว่าทำไมผมไม่อยู่ในห้องลูเซียส? พอดีผมประท้วงน่ะเลยหนีออกมา... จริงก็บ้าแล้ว! อย่างลูเซียสไม่สนหรอกกับการประท้วงไร้สาระแบบนี้ เห็นลูเซียสคุยงานกับไนท์และพี่อาคมผมเลยปลีกตัวออกมา เพราะอยู่ห้องนั่นก็ไม่รู้จะทำอะไร หนังสือก็เบื่อที่จะอ่าน มือถือมีแต่แบบเดิมๆ มาป่วนการ์ดดีกว่า เห็นพวกนี้ทำหน้าปูเลี่ยนๆ สนุกดี หน้าออกจะโหดซะเปล่า หมดกันๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมเพิ่งค้นพบหลังกลับมาจากโรงพยาบาลใหม่ๆ เพราะหลงนึกสนุก พาผมบุกถิ่นเหล่าการ์ดที่อยู่ชั้นล่างลับหลังลูเซียส ก่อนจะทิ้งผมไว้แบบนั้นเนื่องจากเจ้าตัวงานเข้ากะทันหัน พวกการ์ดก็นิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ผมเลยลองใช้ความสามารถในการเข้าหาคนอื่น ทำความรู้จักกับพวกเขาดู ยังไงซะชะตากรรมของผมคงคลุกคลีอยู่ที่นี่ไปอีกนาน ทำให้ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ได้แย่เหมือนที่คิด ก็แค่คนธรรมดาที่ผ่านโลกมามากเลยไว้ใจคนยาก พอรู้เรื่องราวของผมจากที่ไหนสักที่ ท่าทีเลยอ่อนลงกลายเป็นเห็นอกเห็นใจแกมเอ็นดู พร้อมกับบอกว่าพวกเขามีอดี

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21

Bab terbaru

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ พ่อครัวหน้ายิ้ม

    ‘ดาวิดอฟ เฟรคดริก คอลลินส์’ หรือ ‘เดฟ’ คือชื่อของผม ผมเกิดที่รัสเซีย เป็นลูกคนเล็กมีพี่ชายพี่สาวอย่างละคน จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้านโภชนาการที่มอสโก เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ปกติธรรมดา(?) ไม่มีส่วนไหนขาดเกิน เส้นผมสีทองเหลือบเงิน ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ผิวขาวจัดแม้ตอนนี้จะเริ่มคล้ำจากแดดในเมืองไทยก็ตาม ส่วนสูงก็...193 cm. สิ่งที่ชอบคืออาหารอร่อย ดอกไม้และคนฉลาด ผมเกลียดพวกไม่รู้คุณค่าของอาหาร กินทิ้งกินขว้างกับคนโง่มากที่สุด อาหารที่ถนัดคือ ซุปโบร์ช (Borshch) , โปลฟ (Pilaf) , ไก่เคียฟ (Chicken Kiev) อาหารรัสเซียและอาหารฝรั่ง ตอนนี้มีความสนใจอาหารไทย ปัจจุบันอายุ 25 ปี ทำงานให้กับบอสลูเซียส มิไรฮอฟ ตระกูลเก่าแก่ที่มีอำนาจมากมายจนน่าตกใจ ถามว่ามาทำงานให้บอสได้ยังไงเหรอ? เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังเรียนจบได้ผลการเรียนที่น่าพอใจ ผมถูกจองตัวจากหลายโรงแรมมีชื่อในมอสโก แต่ผมชอบทำอาหารให้คนที่รักการกินมากกว่าทำเพื่อเอาหน้าตาเลยปฏิเสธงานเหล่านั้นไป แล้วเลือกมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งแทน ร้านนี้มีความเข้มงวดสูงมาก ไม่

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ นกน้อยกับอัศวิน

    ภายใต้ความหอมหวานของอำนาจ คือความเน่าเฟะที่น่ารังเกียจ... เมื่อพ่อให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พ่อจะแต่งงานกับแม่เพื่อผลประโยชน์ ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว ก่อนจะพาคนรักเข้ามาหลังจากที่แม่ตรอมใจตาย ฟังดูเหมือนพล็อตของบทละครน้ำเน่า แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนอิงมาจากชีวิตจริง เขาเกลียดชังพ่อ รังเกียจผู้หญิงคนนั้น และขยะแขยงครอบครัวของตัวเอง เลยตัดสินใจเข้าโรงเรียนประจำ พอปิดเทอมหากไม่เที่ยวก็หางานพิเศษทำ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็ใช้ทรัพย์สินจากพินัยกรรมของแม่ผ่านทางผู้ดูแลที่แม่เลือกมาด้วยตัวเอง ต่อมา เขาสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ติดอันดับหนึ่งของรุ่นจนเรียนจบแล้วเริ่มทำงานจากตำแหน่งระดับล่าง กระทั่งบรรจุเข้าหน่วยปราบปรามและพบลูเซียสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ลูเซียสในตอนนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งแก๊ง มีคนติดตามอยู่ไม่กี่คนและเกิดสนใจฝีมือของเขาขึ้นมา เลยยื่นข้อเสนอให้มาทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ ไม่ใช่ว่ารักในอาชีพของตัวเอง แต่เขาไม่เคยมีความคิดที

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ พ่อที่แย่

    ชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องที่เสียใจหนักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง เรื่องแรกคือการจากไปของพ่อแม่ด้วยวัยชรา เรื่องที่สองคือความล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว ระหว่างที่ผมเป็นทหารทำตามความตั้งใจของตัวเองก็ทิ้งลูกเมียไว้ด้านหลังโดยไม่นึกถึงใจของคนเฝ้ารอ กระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาที่แต่งงานกันมาหลายปีเป็นฝ่ายขอหย่า เธอร้องไห้ พร่ำบอกว่าขอโทษที่อดทนรอต่อไปไม่ได้ เธอเข้าใจความต้องการของผม แต่เธอที่มีลูกอ่อนก็ต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นกัน ผมไม่เคยโทษเธอเลยที่เริ่มมองหาผู้ชายที่ดีกว่า ดังนั้นผมเลยดึงเธอเข้ามากอด ลูบผมเบาๆ พร้อมกระซิบปลอบโยนเธอว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ‘ชนิศา’ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง การที่เธอเลือกทางนี้แสดงว่าทุกอย่างมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ พอเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจฝืนอยู่ด้วยกันอีกต่อไป ผมเลยยอมรับการตัดสินใจของเธอ และมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้เธอไป หลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ลาออกจากราชการทหารเพื่อหางานที่มีรายได้มากกว่าส่งเสียให้ลูกชายได้เรียนโรงเรียนดีๆ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว วันไหนผมมีวันหยุดก็จ

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ผมชื่อ ‘หลง’

    ผมเกิดในซ่อง เติบโตในสลัม มีแม่เป็นโสเภนีที่หลังจากคลอดผมเสร็จก็เอาผมไปทิ้งแถวถังขยะ ก่อนที่คนจรจัดเก็บไปเลี้ยงดูด้วยหวังว่าจะให้ผมดูแลเขาต่ออีกที แต่เขาไม่ได้มอบความรักความเอาใจใส่อย่างที่คนใจบุญพึงกระทำ เพราะเขาเลี้ยงผมเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ถ้ามีอาหารเหลือพอก็จะโยนให้ผมกิน พอแค่ผมไม่ตายไปก่อนที่จะได้ใช้งานเท่านั้น จนบางทีผมก็สงสัยว่าความตายอาจจะดีกว่ารึเปล่า ไม่ต้องทนอดอยากหิวโหย โดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเคยคิดที่จะตายอยู่หลายครั้ง หากไม่ติดว่าคนจรจัดที่เก็บผมมาเลี้ยงจะช่วยผมไว้ทันตลอด แล้วจัดการลงโทษอย่างหนักเมื่อผมพ้นขีดอันตราย ให้อดข้าวบ้าง จับขังบ้างหรือบางทีก็โดนซ้อมเป็นเครื่องระบายอารมณ์ แน่นอนว่าการรักษาแต่ละครั้งไม่ได้ไปหาหมอในโรงพยาบาล แต่เป็นหมอเถื่อนที่ไม่มีใบรับรองแถวสลัม ไม่ก็รักษาเอาตามมีตามเกิด และผมดันดวงแข็งจนรอดมาได้เสียทุกครั้ง จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็แสนลำบาก สุดท้ายได้แต่ฝืนทนกับสิ่งที่เป็น กระทั่งอายุหกปี ชายแก่ที่เลี้ยงดูผมดันไปขัดขานักเลงวัยรุ่นเข้า เลยถูกพวกนั้นซ้อมอย่างคึกคะนอง เสียงตาแก่โหยหวนด้วยความเจ็บปวด ผสมเสียงตุบต

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่พิเศษ ผู้ช่วย

    เรื่องราวต่อจากนี้เป็นเรื่องหลังจากที่ผมเรียนจบมหา’ลัย กรุณาอย่าถามถึงเกียรตินิยม แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงานของตัวเอง ตัวผมเองก็เช่นกัน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับลูเซียส แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เกิด ย่อมเห็นตื้นลึกหนาบางจนหมดสิ้น เลยอยากให้ผมที่มีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเองหลีกหนีให้ไกลจากมันที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ผมเลือกทำงานไซด์ไลน์และกลายเป็นเด็กเลี้ยงของลูเซียส ตัวผมก็ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ครึ่งตัวแล้ว ในเมื่อไม่มีทางเลือก ลูเซียสเลยสั่งให้ผมเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารเพื่อมาช่วยดูแลธุรกิจที่ไทยแทน ซึ่งงานนี้ลูเซียสให้ผมเรียนต่อที่รัสเซีย ทุกคนเลยถือโอกาสนี้กลับรัสเซียกันยกทีม เหลือแค่พวกการ์ดอยู่เฝ้าตึกจำนวนหนึ่งเท่านั้น เรื่องพ่ออย่าไปพูดถึง ล่าสุดเห็นว่าออกจากคุกแล้ว แต่จะไปทำอะไรที่ไหนอยู่ยังไงผมไม่สนเพราะอยู่กันคนละประเทศ ส่วนแม่ผมไม่ต้องเป็นห่วง ปัจจุบันร่างกาย

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ป๊อกกี้เดย์

    คุณคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อกที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผมกระซิบถามพี่อาคมท

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ลอยกระทง

    วันนี้วันลอยกระทง แถมยังเป็นวันซูเปอร์มูน พระจันทร์เต็มดวงและเข้าใกล้โลกมากที่สุด สิ่งที่ผู้คนควรทำคือเตรียมตัวไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ แล้วเดินเที่ยวเล่นชมความงามของพระจันทร์กับเพื่อนฝูง ครอบครัวไม่ก็คนรัก ตัวผมน่ะเหรอ? นั่งไถมือถือด้วยความเบื่อหน่าย... ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบ แต่เพื่อนมันดันไปลอยกับแฟนกันหมดเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าถ่ายรูปมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก เฮียเฟย์ถ่ายรูปปอนด์ถือกระทงยืนคู่กับแม่ โดยมีฉากหลังเป็นผู้คนกับผืนน้ำที่มีกระทงลอยอยู่เต็มไปหมด เกิดเป็นดวงไฟสีส้มระยิบระยับ ซันโป้ ไอ้คู่ผัวเมียฮาร์ดคอ โป้มันถ่ายรูปเท้าตัวเองทำท่าจะยันก้นซันลงน้ำ ขณะที่ซันกำลังนั่งอธิษฐาน ริวถ่ายภาพกระทงสองอัน เห็นชายเสื้อชอปประจำสาขามันแวบๆ แสดงว่ามันไปลอยกับพี่ธันชัวร์ ภาพของวาเล่นับว่าเด็ดสุด เล่เซลฟี่ระหว่างหอมแก้มวาที่ทำหน้าเซ็งถือกระทง ด้านหลังสองคนนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีโคมลอยมากมาย ดูบรรยากาศคึกคักสมเป็นภาคเหนือ พูดถึงลอยกับครอบครัวยิ่งหดหู่ พ่อผมไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงขี

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่32 คนเดียว

    ปากเก่งไปแบบนั้นแต่ผมก็ยังหนีความจริงเรื่องที่ตัวเองยังอยู่ในวัยเรียนไม่พ้น ดังนั้นผมเลยทำตัวให้สมวัยด้วยการอยู่ดูแลแม่ในระหว่างที่ลูเซียสเคลียร์งานที่รัสเซียตามคำแนะนำของอดีตพาคาน ทำให้ช่วงนั้นผมกับลูเซียสห่างกันอีกรอบ ด้วยตัวตนของลูเซียสไม่สะดวกมาที่โรงพยาบาลบ่อยอยู่แล้ว เลยได้แต่ส่งบรรดาการ์ดมาเฝ้า “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจริงๆ” ป้านาเดียร่างท้วมมีเค้าโครงของแม่เอ่ยถามเป็นรอบที่ห้าของวัน เมื่อเข้ามาเจอผมนั่งเล่นไพ่กับไมค์ระหว่างแม่พักผ่อนหลังทานยา อันที่จริงไมค์เองก็ไม่ได้ตัวหนาหุ่นบึกเท่ากับการ์ดคนอื่นๆ แต่เทียบกับคนธรรมดาแล้วก็ยังดูตัวสูงใหญ่กว่าอยู่ดี น่าจะตัวหนากว่าหลงไม่เท่าไหร่ แถมยังเป็นหมอบรรยากาศรอบตัวเลยไม่เยือกเย็นเท่าหลง ถึงแบบนั้นป้านาเดียก็ยังแสดงทีท่าระแวงชัดเจน ในขณะที่ผมสุดแสนจะชิลหรือเป็นเพราะผมเจอแต่พวกหุ่นหมีจนชินแล้วก็ไม่ทราบ “อย่าห่วงเลยป้านาเดีย พี่ไมค์เป็นคนที่พ่อบุญธรรมส่งมาเพื่อดูแลผม เห็นแบบนี้เขาเป็นหมอนะ” ผมตบมือป้าที่วางบนแขนเบาๆ เป็นเชิงปลอบ หลังป้ารีบถลาเข้ามาคว้าตัวผมไปหลบทั้งที่ตัวเองก็กลัว

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่31 เรื่องเล่า

    หลังจากการแนะนำตัวกันแบบง่ายๆ ก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ กระทั่งเสียงหายใจแฮ่กๆ ของเจ้าหมาก็ไม่อาจทำลายความเงียบนี้ลงได้ ผมยืนตัวเกร็งจนตะคริวแทบกิน นอกจากลูเซียสจะไม่ช่วยแล้วยังจะร่วมด้วยช่วยกันจ้อง แม้ภายนอกสองอาหลานจะไม่เหมือนกันเลย แต่แววตาเหมือนถอดพิมพ์กันมา ผมเลยเกร็งคูณสอง พอเหลือบสายตามองด้านหลังไม่เห็นเงาพี่อาคม คาดว่าน่าจะรออยู่ในรถไม่ได้ลงมาด้วย ยิ่งบ่งบอกความสำคัญของผู้ที่อยู่บนรถเข็น สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไงดี... “เด็กเลี้ยง?” อาคนงามแม้อายุจะล่วงเลยถึงเลขห้าเงยหน้าถามหลานชายตัวเอง ในขณะที่คนฟังแทบจะโห่ร้อง ในที่สุดก็ไม่เงียบแล้ว แม้จะเป็นประเด็นอ่อนไหวก็ตาม! ลูเซียสก้มตอบด้วยรอยยิ้มจาง “ครับ ทั้งเลี้ยงและเอ็นดู” ดวงตาสีน้ำเงินสวยสองคู่ สัญลักษณ์ของสายเลือดมิไรฮอฟมองสบตากันสื่อความนัย “ติดใจลีลาบนเตียง?” “ครับ” “สมกับเป็นหลานฉันจริงๆ” ผมอึ้ง นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บรรยากาศที่กดดันตอนแรกก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นเพียงแค่หลานชายมาพบญาติผู้ใหญ่ของตั

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status