คล้อยหลังอีหนูไป เหล่าหนุ่มใหญ่นั่งประจันหน้ากันในห้อง แข่งกันสร้างบรรยากาศอึมครึม จนกระทั่งลูเซียสเป็นฝ่ายถอนหายใจทำลายความเงียบก่อน ร่างใหญ่เอนหลังบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทควบตำแหน่งน้องเขย ก็ไม่จำเป็นต้องรักษามาด พวกการ์ดจากทั้งสองฝั่งเองก็รู้จักกันดี เคยร่วมงานกันมาแล้วด้วยซ้ำ ถึงได้ส่งสายตาทักทายกันลับหลังนาย “มีเรื่องอะไรก็พูดมา” หนุ่มอังกฤษเป็นคนแสดงท่าทีเองนะว่ามีเรื่องอยากจะพูดด้วย ลูเซียสถึงให้อีหนูออกไปทั้งที่ไม่อยากปล่อยให้ห่างสายตา “ก็อย่างที่บอกไปตอนแรก ฉันแวะมาหานายกะทันหัน คนของฉันเลยไม่พอ...” “ไม่พอแล้วยังไง” คิ้วเข้มขมวด เพื่อนเขาไม่ใช่พวกหัวหดในกระดองหลบหลังการ์ดตลอดเวลา อเล็กเซย์เข้าใจสิ่งที่ลูเซียสคิดเลยยิ้มกว้าง “พอดีมีคนตามฉันมาตั้งแต่คุยธุรกิจ ตอนนี้ก็ยังหาจังหวะจัดการฉันอยู่ ที่สำคัญ น่าจะอยู่บนเรือลำนี้แล้วด้วย” เกิดความเงียบปกคลุมชั่วขณะ คนโดนหมายหัวยังคงยิ้มหน้าระรื่น ส่วนบอสใหญ่ยกมือกุมขมับพลางปรายตามองอาคมที่โค้งรับอย่า
บางทีผมก็ไม่ค่อยเข้าใจลูเซียส ไม่สิ ผมไม่เคยเข้าใจเขาเลยมากกว่า... ก่อนหน้านี้ผมถูกพาไปกินมื้อค่ำแบบฟูลคอร์สกะทันหัน มาคราวนี้ผมกำลังอยู่ท่ามกลางความไฮโซอันน่าเบื่อหน่าย เด็กหนุ่มในชุดสูทสีเทาพอดีตัวเผยสัดส่วนน่าดึงดูด เรือนผมถูกเสยไปด้านหลังเหลือปอยเล็กน้อยขับใบหน้าชวนมองต้องตาใครต่อใคร มือหนึ่งถือแก้วทรงสูงแต่ภายในบรรจุน้ำผลไม้แท้100% มีฉากประกอบเป็นงานราตรีหรูหรา โคมไฟระย้างดงามเข้ากับการตกแต่งสไตล์ตะวันตก บนผนังประดับรูปวาดราคาแพง อาหารบนโต๊ะทุกอย่างดูสวยงามไม่ต่างจากผลงานศิลปะ มูลค่าและรสชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง มิทรี่คงจะมีคนมาสานไมตรีไม่ขาดแน่ หากเจ้าตัวไม่ได้นั่งอยู่บนรถเข็น รายล้อมด้วยการ์ดตัวสูงใหญ่แผ่ออร่าน่าถอยหนี สายตาสนใจของคนรอบข้างเลยกลายเป็นความสงสัยใคร่รู้มากกว่า ว่าเด็กหนุ่มผู้พิการคนนี้เหตุใดจึงมาร่วมงานพร้อมกับเหล่าการ์ดมือดีราวกับเป็นบุคคลสำคัญ “ผมดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้จริงๆ เหรอพี่ไมค์” ส่งเสียงอ้อนใส่หมอควบตำแหน่งการ์ดส่วนตัวไม่อาจเรียกความเห็นใจได้ “อาหารเครื่องดื่มนอกจาก
“คุณอเล็กเซย์...” ผมเค้นเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างยากเย็น มือเท้าเย็นเฉียบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน... ย้อนกลับไปเล็กน้อย หลังจากที่อเล็กเซย์เข็นผมออกมารับลมทะเล เขาเอาแต่ชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่มีทีท่าว่าจะถามเรื่องเกี่ยวกับลูเซียสเลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองบอกตอนแรกว่าอยากจะถามเรื่องลูเซียสจากปากผมแท้ๆ แล้วรอบข้างก็เป็นใจซะเหลือเกิน ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเรา จนกระทั่งอเล็กเซย์หยุดบทสนทนาลง ยังไม่ทันจะได้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น วีลแชร์ของผมถูกอเล็กเซย์หมุนเปลี่ยนทิศกะทันหันพร้อมเสียงดังปัง! ข้างหู รู้สึกกระแสลมไหลผ่าน มองตามไปเห็นพื้นไม้เป็นรู ชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “ปกป้องพวกเขาเร็ว!” ไมค์ตะโกน การ์ดสามคนยืนล้อมผมกับอเล็กเซย์ไว้ ส่วนเจ้าตัวหยิบปืนที่ซ่อนไว้ในสูทยิงสวนกลับไป ทางนั้นดูจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ทั้งที่ยิงนัดแรกพลาด ไมค์เข้าใจสถานการณ์ดี อเล็กเซย์เป็นคนระดับไหน โอกาสน้อยมากที่จะเข้าถึงและมีช่องว่างขนาดนี้ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายคิดจะจัดการให้สำเร็จ เจ้าต้นตอแห่งความวุ่นวาย แทนที่จะเดือดร้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดข
ด้านนอกปรับความเข้าใจพูดคุยกันได้ด้วยดี ส่วนด้านในห้องกำลังร้อนระอุสลับเย็นเยือกได้ที่ เหล่าการ์ดรู้สึกอยากปลีกตัวไปขอยาพาราสักเม็ดเพราะเกรงว่าจะป่วยกันเสียก่อน คงมีเพียงผู้อาวุโสอย่างอาคมกับคนสนิทซ้ายขวาของอเล็กเซย์ ที่ยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านกับบรรยากาศเหล่านี้ ชายมากอำนาจนั่งไขว่ห้างจ้องเพื่อนตัวเองเขม็ง อเล็กเซย์ยังคงยิ้มแม้เหงื่อจะผุดตรงขมับ มือสวยยกปิดปากกระแอมไออย่างไว้มาด ดูสง่าดุจเจ้าชายผู้เผชิญหน้ากับซาตาน “เลิกจ้องแบบนั้นสักที ฉันจะยอมบอกก็ได้” หลังจากเล่นสงครามประสาทกันมาสักพัก อเล็กเซย์เป็นฝ่ายยกมือยอมแพ้เพราะครั้งนี้เขาล้ำเส้นเพื่อนสนิทมากเกินไป มั่นใจได้เลยว่าหากเปลี่ยนคนอื่นมานั่งตรงนี้คงถูกลูเซียสยิงดับโยนลงทะเลให้ฉลามกินไปแล้ว! “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเด็กคนนั้นมีความสำคัญกับนายยังไง เลยวางแผนอะไรนิดหน่อยพร้อมกำจัดหนอนแมลงไปในคราวเดียว…” พออเล็กเซย์เงยหน้ามองเพื่อนถึงกับสะดุ้ง “ไม่เอาน่า นายก็รู้ดีว่าฉันทำอะไรรอบคอบเสมอ ทุกอย่างอยู่ในการคาดเดาของฉันหมดแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้คนของนายกับเด็กคนนั้นตายเพราะเรื่องของตั
ผมคิดว่าเรื่องอาการบาดเจ็บของตัวเองเซอร์ไพรส์แล้วนะ แต่ก็ยังไม่เท่ากับเรื่องของไนท์ รถสีดำเงาวับบ่งบอกยี่ห้อเจ้าของแล่นจอดในลาน พร้อมกับเหล่าการ์ดกรูออกมายืนล้อมรอบ ไมค์รับหน้าที่ยกรถเข็นกางรอ ลูเซียสลงจากรถเป็นรายถัดมา ก่อนโน้มตัวอุ้มลูกบุญธรรมมานั่งบนรถเข็นพร้อมกับเป็นคนเข็นด้วยตัวเอง บรรดาลูกน้องที่อยู่เฝ้าตึกเป็นเพื่อนไนท์ส่งเสียงต้อนรับบอสใหญ่กับคุณหนู ผมกวาดตามองการ์ดคุ้นหน้าแล้วหยุดชะงักตรงคนที่ยืนอยู่ข้างไนท์ หนุ่มร่างเล็กผิวขาว ใบหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนเอเชีย เรือนผมสีดำระคอ ดวงตาฉายแววโศกปนประหม่า สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงยาวมิดชิดช่างไม่เหมาะกับอากาศในเมืองไทย ลูเซียสคงสงสัยเรื่องเดียวกันกับผม แต่ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่จะมาพูดอะไรมาก บอสใหญ่เลยพยักหน้ารับลูกน้องแล้วพาผมเข้าไปตากแอร์ในห้องด้านใน ไนท์เข้าใจว่าลูเซียสต้องการอะไร เขายกมือโอบบ่าร่างบางข้างกายพาเข้าไปด้วยกัน ตามหลังมาด้วยไมค์ ส่วนหลงถูกลูเซียสสั่งให้ขึ้นเครื่องกลับรัสเซียไปแล้ว เพราะดูเหมือนว่าทางนั้นต้องการตัวหลงไปช่วยงานกะทันหัน ตอนนี้เลยเหลือแค่พวกเรา
การเรียนมารยาทกับเดฟจบคอร์สแล้ว เรื่องเรียนภาษากับลูเซียส...ผมขอทิ้งช่วงไปยาวๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมมีเวลาว่างมากพอที่จะฝึกการต่อสู้กับไนท์แบบเต็มตัว กิจวัตรประจำวันของผมคือ ตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อวิ่งออกกำลังกายรอบตึกสลับหยุดพัก และวอร์มร่างกายเป็นระยะ เพื่อเพิ่มความทนทานของร่างกายแถมเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปในตัว เสร็จแล้วก็ขึ้นมากินข้าวเช้ากับลูเซียส แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียนการใช้มีดและปืนจากไนท์ ไนท์เลือกมีดพกมาให้ เพราะพกพาสะดวก แถมหยิบออกมาใช้งานตอนไหนก็ได้ โดยเริ่มจากให้ผมควงจนกว่าจะชินมือและใช้เวลาหยิบออกมาน้อยที่สุด ตามด้วยสอนเทคนิคการหลอกล่อด้วยมีด โจมตีเข้าจุดสำคัญ อาศัยขนาดร่างกายและการเคลื่อนไหวให้เป็นประโยชน์ ต่อมาเป็นปืน แน่นอนว่าเป็นปืนพกเช่นกัน สภาพผมไม่มีทางแบกปืนใหญ่วิ่งใจกลางเมือง อีกทั้งผมไม่ได้มีหุ่นที่หนาใหญ่ถึกทนต่อแรงถีบปืนได้ เลยต้องเลือกแบบใช้งานง่าย น้ำหนักเบาสำหรับป้องกันตัวเท่านั้น พวกปืนรุ่นใหญ่ทั้งหลาย ไนท์สอนแค่ภาคทฤษฎีให้พอมีความรู้ประดับสมอง ส่วนสถานที่ฝึกก็สนามยิงปืนชั
ผมเคยบอกว่าตัวเองมีที่วิ่งเล่นในตึกใช่ไหม ตอนนี้ผมมีพื้นที่เพิ่มแล้วนะ พร้อมเพื่อนใหม่อีกหนึ่งคน “พี่โทริไม่คิดเหรอว่ากำลังโดนจอมวายร้ายบางตัวหลอกอยู่” ผมเท้าคางคุยกับคุณนกระหว่างนั่งรออาหารเช้า พักหลังผมสนิทกับโทริมากขึ้น บางทีก็บุกไปหาถึงห้องไนท์ ลากไปไหนด้วยกันเป็นเพื่อนแก้เซ็ง ถึงงั้นผมก็ยังคิดถึงหลงอยู่ดี ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ โดนป๋าสั่งให้ไปรัสเซียตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นแล้ว คนฟังยิ้มแห้งไม่พูดอะไร พลางมองฝ่ามือใหญ่โบกหัวเด็กปากเสียจนหน้าทิ่มโต๊ะดังปึก! “ยุให้ครอบครัวคนอื่นร้าวฉาน เดี๋ยวฉันไปยุบอสให้หาอีหนูใหม่บ้างดีไหม เอาที่ว่าง่ายกว่านี้” ลงมือทำร้ายร่างกายชาวบ้านเสร็จก็ไปทิ้งตัวลงนั่งอี๋อ๋อกับโทริเฉย ผมเบ้ปากมองบน ได้ยินเสียงเดฟหัวเราะมาจากโซนครัว นับวันภาษาไทยพวกสำนวนกับคำแปลกๆ ของไนท์เริ่มกล้าแกร่งขึ้นทุกที ผมคงต้องทำใจเตรียมหูเอาไว้บ้าง “ป๋าไม่ชอบหรอกพวกว่าง่ายๆ อย่างผมสิมีเสน่ห์ที่สุด” มีให้เชิดจงเชิดอย่าได้หวั่นเกรงสิ่งใด ไนท์ทำท่าจะง้างมืออีกรอบ ผมโยกหัวหลบลุกจากโต๊ะไปนั่งกินข้าวเช้าตรงเคาน์เ
ผลของการเป็นเหยื่อบูชายัญคงไม่ต้องอธิบายให้มากความ วันต่อมาร่างกายหนักอึ้งเหมือนมีรถสิบล้อมาทับจมดับคาเตียง มึนหัวโลกหมุนถึงกับคลื่นไส้อาเจียนหลายรอบ ยังดีที่ไมค์เข้ามาดูแลยกถังขยะรองได้ทัน ไม่งั้นคงมีรายการซื้อเตียงใหม่ยกชุด ปกติผมเป็นพวกคอแข็งก็จริง แต่เจอเหล้าดีกรีแรงขนาดจุดไฟติดแบบเพียวๆ ไปหลายปาก(เพราะลูเซียสป้อนด้วยปาก) ผสมกับเพลิงกามที่ลุกโชติช่วงระยะหนึ่ง สังขารน้อยๆ ของผมก็พังทลายเหมือนผ่านสงครามโลกครั้งที่สาม ทรมานจนแทบอยากจะขอยาสลบให้มันรู้แล้วรู้รอด ไม่สิ ขอไปแล้วต่างหาก แต่ไมค์ไม่ให้เพราะผมอาจจะสลบไปตลอดกาล เลยทำได้แค่รักษาไปตามอาการ มึนหัวก็ให้นอนนิ่งๆ ปวดเมื่อยใช้ยาช่วยบีบนวดคลายกล้ามเนื้อ ส่วนด้านล่าง...ก็ใช้ยาทานั่นแหละ แน่นอนว่าผมทาเอง มีบางช่วงที่ลูเซียสแวะเข้ามาดูอาการแล้วช่วยทาให้ ทาเฉยๆ นะ ไม่มีอะไรแอบแฝง ถึงลูเซียสจะมักมาก ต้องการไม่สิ้นสุดแต่ก็มีลิมิตของตัวเอง ไม่งั้นผมคงตายไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้เจ้าตัวเลยลั่นวาจาว่าจะไม่แตะต้องผมมากเท่าเดิม เพื่อให้ผมพักฟื้นร่างกายและทุ่มเทกับการเรียนให้เต็มที่
‘ดาวิดอฟ เฟรคดริก คอลลินส์’ หรือ ‘เดฟ’ คือชื่อของผม ผมเกิดที่รัสเซีย เป็นลูกคนเล็กมีพี่ชายพี่สาวอย่างละคน จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้านโภชนาการที่มอสโก เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ปกติธรรมดา(?) ไม่มีส่วนไหนขาดเกิน เส้นผมสีทองเหลือบเงิน ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ผิวขาวจัดแม้ตอนนี้จะเริ่มคล้ำจากแดดในเมืองไทยก็ตาม ส่วนสูงก็...193 cm. สิ่งที่ชอบคืออาหารอร่อย ดอกไม้และคนฉลาด ผมเกลียดพวกไม่รู้คุณค่าของอาหาร กินทิ้งกินขว้างกับคนโง่มากที่สุด อาหารที่ถนัดคือ ซุปโบร์ช (Borshch) , โปลฟ (Pilaf) , ไก่เคียฟ (Chicken Kiev) อาหารรัสเซียและอาหารฝรั่ง ตอนนี้มีความสนใจอาหารไทย ปัจจุบันอายุ 25 ปี ทำงานให้กับบอสลูเซียส มิไรฮอฟ ตระกูลเก่าแก่ที่มีอำนาจมากมายจนน่าตกใจ ถามว่ามาทำงานให้บอสได้ยังไงเหรอ? เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังเรียนจบได้ผลการเรียนที่น่าพอใจ ผมถูกจองตัวจากหลายโรงแรมมีชื่อในมอสโก แต่ผมชอบทำอาหารให้คนที่รักการกินมากกว่าทำเพื่อเอาหน้าตาเลยปฏิเสธงานเหล่านั้นไป แล้วเลือกมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งแทน ร้านนี้มีความเข้มงวดสูงมาก ไม่
ภายใต้ความหอมหวานของอำนาจ คือความเน่าเฟะที่น่ารังเกียจ... เมื่อพ่อให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พ่อจะแต่งงานกับแม่เพื่อผลประโยชน์ ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว ก่อนจะพาคนรักเข้ามาหลังจากที่แม่ตรอมใจตาย ฟังดูเหมือนพล็อตของบทละครน้ำเน่า แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนอิงมาจากชีวิตจริง เขาเกลียดชังพ่อ รังเกียจผู้หญิงคนนั้น และขยะแขยงครอบครัวของตัวเอง เลยตัดสินใจเข้าโรงเรียนประจำ พอปิดเทอมหากไม่เที่ยวก็หางานพิเศษทำ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็ใช้ทรัพย์สินจากพินัยกรรมของแม่ผ่านทางผู้ดูแลที่แม่เลือกมาด้วยตัวเอง ต่อมา เขาสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ติดอันดับหนึ่งของรุ่นจนเรียนจบแล้วเริ่มทำงานจากตำแหน่งระดับล่าง กระทั่งบรรจุเข้าหน่วยปราบปรามและพบลูเซียสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ลูเซียสในตอนนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งแก๊ง มีคนติดตามอยู่ไม่กี่คนและเกิดสนใจฝีมือของเขาขึ้นมา เลยยื่นข้อเสนอให้มาทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ ไม่ใช่ว่ารักในอาชีพของตัวเอง แต่เขาไม่เคยมีความคิดที
ชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องที่เสียใจหนักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง เรื่องแรกคือการจากไปของพ่อแม่ด้วยวัยชรา เรื่องที่สองคือความล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว ระหว่างที่ผมเป็นทหารทำตามความตั้งใจของตัวเองก็ทิ้งลูกเมียไว้ด้านหลังโดยไม่นึกถึงใจของคนเฝ้ารอ กระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาที่แต่งงานกันมาหลายปีเป็นฝ่ายขอหย่า เธอร้องไห้ พร่ำบอกว่าขอโทษที่อดทนรอต่อไปไม่ได้ เธอเข้าใจความต้องการของผม แต่เธอที่มีลูกอ่อนก็ต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นกัน ผมไม่เคยโทษเธอเลยที่เริ่มมองหาผู้ชายที่ดีกว่า ดังนั้นผมเลยดึงเธอเข้ามากอด ลูบผมเบาๆ พร้อมกระซิบปลอบโยนเธอว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ‘ชนิศา’ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง การที่เธอเลือกทางนี้แสดงว่าทุกอย่างมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ พอเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจฝืนอยู่ด้วยกันอีกต่อไป ผมเลยยอมรับการตัดสินใจของเธอ และมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้เธอไป หลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ลาออกจากราชการทหารเพื่อหางานที่มีรายได้มากกว่าส่งเสียให้ลูกชายได้เรียนโรงเรียนดีๆ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว วันไหนผมมีวันหยุดก็จ
ลูเซียสทานมื้อเช้าพร้อมกับลูกชายบุญธรรมที่มีความสัมพันธ์อันแสนครุมเครือ พออิ่มบอสใหญ่ปล่อยให้อีหนูได้พักโดยมีไมค์คอยดูแล ส่วนตัวเองปลีกตัวออกมาจัดการงานส่วนที่เหลือ จากวันที่ลูเซียสลั่นวาจาให้กวาดล้างคนทรยศในแก๊งก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เพียงแต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น เนื่องจากข่าวการกลับมาของบอสใหญ่ไม่ได้หลุดออกไปจากเหล่าคนทรยศ แต่มีบุคคลที่สามเป็นผู้ปล่อยข่าว นั่นคือเรื่องที่ต้องจัดการกันต่อไป ลูเซียสนั่งประจำในห้องเดิมที่เคยคุยวิดีโอคอลกับหยางซิ่ว แต่เปลี่ยนคู่สนทนาเป็นแฝดผู้กุมอำนาจในอิตาลี แฝดคนพี่ชื่อ ‘ซิริอัส’ บุคลิกมาดขรึมจริงจัง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ดูเยือกเย็นต่างจากแฝดน้อง ‘สกอร์เปียส’ ที่ดูร้อนเหมือนเปลวเพลิงและมีรอยยิ้มติดมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ ช่างเป็นแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง นอกจากเพศ คนรักคนเดียวกันและนิสัยอันแปลกประหลาดยากจะคาดเดา /หายากนะที่นายจะติดต่อมาเอง ลูเซียส/ สกอร์เปียสเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ติดต่อสื่อสารกับลูเซียสผ่านทางคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของซิริอัส ด้วยพื้นที่มีจำกัด แ
ปากเก่งไปแบบนั้นแต่ผมก็ยังหนีความจริงเรื่องที่ตัวเองยังอยู่ในวัยเรียนไม่พ้น ดังนั้นผมเลยทำตัวให้สมวัยด้วยการอยู่ดูแลแม่ในระหว่างที่ลูเซียสเคลียร์งานที่รัสเซียตามคำแนะนำของอดีตพาคาน ทำให้ช่วงนั้นผมกับลูเซียสห่างกันอีกรอบ ด้วยตัวตนของลูเซียสไม่สะดวกมาที่โรงพยาบาลบ่อยอยู่แล้ว เลยได้แต่ส่งบรรดาการ์ดมาเฝ้า “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจริงๆ” ป้านาเดียร่างท้วมมีเค้าโครงของแม่เอ่ยถามเป็นรอบที่ห้าของวัน เมื่อเข้ามาเจอผมนั่งเล่นไพ่กับไมค์ระหว่างแม่พักผ่อนหลังทานยา อันที่จริงไมค์เองก็ไม่ได้ตัวหนาหุ่นบึกเท่ากับการ์ดคนอื่นๆ แต่เทียบกับคนธรรมดาแล้วก็ยังดูตัวสูงใหญ่กว่าอยู่ดี น่าจะตัวหนากว่าหลงไม่เท่าไหร่ แถมยังเป็นหมอบรรยากาศรอบตัวเลยไม่เยือกเย็นเท่าหลง ถึงแบบนั้นป้านาเดียก็ยังแสดงทีท่าระแวงชัดเจน ในขณะที่ผมสุดแสนจะชิลหรือเป็นเพราะผมเจอแต่พวกหุ่นหมีจนชินแล้วก็ไม่ทราบ “อย่าห่วงเลยป้านาเดีย พี่ไมค์เป็นคนที่พ่อบุญธรรมส่งมาเพื่อดูแลผม เห็นแบบนี้เขาเป็นหมอนะ” ผมตบมือป้าที่วางบนแขนเบาๆ เป็นเชิงปลอบ หลังป้ารีบถลาเข้ามาคว้าตัวผมไปหลบทั
ผมเกิดในซ่อง เติบโตในสลัม มีแม่เป็นโสเภนีที่หลังจากคลอดผมเสร็จก็เอาผมไปทิ้งแถวถังขยะ ก่อนที่คนจรจัดเก็บไปเลี้ยงดูด้วยหวังว่าจะให้ผมดูแลเขาต่ออีกที แต่เขาไม่ได้มอบความรักความเอาใจใส่อย่างที่คนใจบุญพึงกระทำ เพราะเขาเลี้ยงผมเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ถ้ามีอาหารเหลือพอก็จะโยนให้ผมกิน พอแค่ผมไม่ตายไปก่อนที่จะได้ใช้งานเท่านั้น จนบางทีผมก็สงสัยว่าความตายอาจจะดีกว่ารึเปล่า ไม่ต้องทนอดอยากหิวโหย โดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเคยคิดที่จะตายอยู่หลายครั้ง หากไม่ติดว่าคนจรจัดที่เก็บผมมาเลี้ยงจะช่วยผมไว้ทันตลอด แล้วจัดการลงโทษอย่างหนักเมื่อผมพ้นขีดอันตราย ให้อดข้าวบ้าง จับขังบ้างหรือบางทีก็โดนซ้อมเป็นเครื่องระบายอารมณ์ แน่นอนว่าการรักษาแต่ละครั้งไม่ได้ไปหาหมอในโรงพยาบาล แต่เป็นหมอเถื่อนที่ไม่มีใบรับรองแถวสลัม ไม่ก็รักษาเอาตามมีตามเกิด และผมดันดวงแข็งจนรอดมาได้เสียทุกครั้ง จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็แสนลำบาก สุดท้ายได้แต่ฝืนทนกับสิ่งที่เป็น กระทั่งอายุหกปี ชายแก่ที่เลี้ยงดูผมดันไปขัดขานักเลงวัยรุ่นเข้า เลยถูกพวกนั้นซ้อมอย่างคึกคะนอง เสียงตาแก่โหยหวนด้วยความเจ็
เรื่องราวต่อจากนี้เป็นเรื่องหลังจากที่ผมเรียนจบมหา’ลัย กรุณาอย่าถามถึงเกียรตินิยม แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงานของตัวเอง ตัวผมเองก็เช่นกัน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับลูเซียส แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เกิด ย่อมเห็นตื้นลึกหนาบางจนหมดสิ้น เลยอยากให้ผมที่มีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเองหลีกหนีให้ไกลจากมันที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ผมเลือกทำงานไซด์ไลน์และกลายเป็นเด็กเลี้ยงของลูเซียส ตัวผมก็ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ครึ่งตัวแล้ว ในเมื่อไม่มีทางเลือก ลูเซียสเลยสั่งให้ผมเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารเพื่อมาช่วยดูแลธุรกิจที่ไทยแทน ซึ่งงานนี้ลูเซียสให้ผมเรียนต่อที่รัสเซีย ทุกคนเลยถือโอกาสนี้กลับรัสเซียกันยกทีม เหลือแค่พวกการ์ดอยู่เฝ้าตึกจำนวนหนึ่งเท่านั้น เรื่องพ่ออย่าไปพูดถึง ล่าสุดเห็นว่าออกจากคุกแล้ว แต่จะไปทำอะไรที่ไหนอยู่ยังไงผมไม่สนเพราะอยู่กันคนละประเทศ ส่วนแม่ผมไม่ต้องเป็นห่ว
วันนี้วันลอยกระทง แถมยังเป็นวันซูเปอร์มูน พระจันทร์เต็มดวงและเข้าใกล้โลกมากที่สุด สิ่งที่ผู้คนควรทำคือเตรียมตัวไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ แล้วเดินเที่ยวเล่นชมความงามของพระจันทร์กับเพื่อนฝูง ครอบครัวไม่ก็คนรัก ตัวผมน่ะเหรอ? นั่งไถมือถือด้วยความเบื่อหน่าย... ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบ แต่เพื่อนมันดันไปลอยกับแฟนกันหมดเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าถ่ายรูปมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก เฮียเฟย์ถ่ายรูปปอนด์ถือกระทงยืนคู่กับแม่ โดยมีฉากหลังเป็นผู้คนกับผืนน้ำที่มีกระทงลอยอยู่เต็มไปหมด เกิดเป็นดวงไฟสีส้มระยิบระยับ ซันโป้ ไอ้คู่ผัวเมียฮาร์ดคอ โป้มันถ่ายรูปเท้าตัวเองทำท่าจะยันก้นซันลงน้ำ ขณะที่ซันกำลังนั่งอธิษฐาน ริวถ่ายภาพกระทงสองอัน เห็นชายเสื้อชอปประจำสาขามันแวบๆ แสดงว่ามันไปลอยกับพี่ธันชัวร์ ภาพของวาเล่นับว่าเด็ดสุด เล่เซลฟี่ระหว่างหอมแก้มวาที่ทำหน้าเซ็งถือกระทง ด้านหลังสองคนนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีโคมลอยมากมาย ดูบรรยากาศคึกคักสมเป็นภาคเหนือ พูดถึงลอยกับครอบครัวยิ่งหดหู่ พ่อผมไม่รู้เป็
คุณคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อกที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผม