Home / วาย / The Contract Mafia (ป๋า-มิท) / รอบที่1 ชายใต้แสงไฟ

Share

The Contract Mafia (ป๋า-มิท)
The Contract Mafia (ป๋า-มิท)
Author: Silver Fish

รอบที่1 ชายใต้แสงไฟ

Author: Silver Fish
last update Last Updated: 2025-01-20 17:06:26

                *เรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการไม่อิงความเป็นจริง มโนล้วนไร้สิ่งเจือปน อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ~

                ภายในย่านแหล่งท่องเที่ยวยามกลางคืน ริมถนนใต้แสงจากเสาไฟ มีร่างหนึ่งกำลังนั่งกดมือถืออยู่ เขาสวมชุดนักศึกษาแบบที่ไม่ควรมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ใบหน้าหล่อปนสวยแบบลูกครึ่งดูเบื่อหน่าย เรือนผมเส้นละเอียดสีน้ำตาลทองคลอเคลียแก้ม ดวงตาสีเทาล้อมด้วยแพขนตาหนา จมูกได้รูป ริมฝีปากบาง รูปร่างสูงเพรียวกำลังดี กางเกงยีนเอวต่ำช่วยขับเน้นสะโพกสอบน่าดึงดูด

                “พวกนายไปซะ ฉันจะเดินเล่นสักพัก”

                เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจดังจากอีกฟากของถนน ด้วยความที่บริเวณนี้ไม่ค่อยมีรถหรือคนผ่าน บรรยากาศจึงเงียบสงบ ทำให้ได้ยินคำพูดของชายแปลกหน้าได้อย่างชัดเจน แต่เขาเลือกที่จะทำเป็นเมินเฉย เพราะการอยู่ย่านท่องราตรีแบบนี้ การทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดบางเวลาก็ถือว่าเป็นการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง

                ลูกน้องสามคนลังเลกับคำสั่งเจ้านาย เสียแต่ขัดไม่ได้ จำต้องแยกย้ายกันหลบมุมคุ้มครองอยู่ห่างๆ พอไล่ลูกน้องได้แล้ว ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มค่อยมองสำรวจโดยรอบตามความเคยชิน กระทั่งสะดุดตาเข้ากับร่างโปร่งที่นั่งอยู่ใต้แสงไฟ ไม่รู้อะไรดลใจถึงได้เดินไปหยุดตรงหน้า จนเกิดเป็นเงาดำทาบตัว

                ผมเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกขัดอารมณ์ไม่น้อยที่มีใครหน้าไหนไม่รู้มายืนค้ำหัวตัวเอง คิ้วโค้งขมวดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีแบบสุดๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ว่าจะเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า ทุกอย่างบนตัวของอีกฝ่ายล้วนเป็นของมีราคาแพงทั้งสิ้น หากเป็นปกติผมคงไม่ลังเลที่จะเข้าไปทักทายเพื่อสานสัมพันธ์หาเงินเลี้ยงปากท้อง แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะปรนนิบัติใคร

                “เท่าไหร่?” คำถามสั้นห้วนไม่เท่ากับแววตาคล้ายจะดูถูก ผมโคลงหัวไม่นึกโกรธเคือง เพราะชินซะแล้วกับสายตาแบบนี้ ทุกคนที่เข้ามาต่างคิดว่าผมนั้นสิ้นคิด แทนที่จะหางานสุจริตทำ กลับมาเป็นเด็ก ‘ไซด์ไลน์’

                “ขอโทษด้วย พอดีวันนี้ผมไม่รับงาน” ผมปฏิเสธแบบไม่เสียเวลาคิด หลักๆ เพราะวันนี้ผมคิดจะพัก ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ อีกฝ่ายดันอยู่ในกฎห้ามของผมทั้งสองข้อ

                ข้อแรก ผมจะไม่รับลูกค้าที่ดูถูกผม เพราะพวกนี้ไม่ค่อยถนอมกันสักเท่าไหร่ ผมยังต้องใช้ร่างกายอีกมาก ยอมให้โดนทารุณไม่ได้หรอก

                ข้อสอง กฎเหล็กของผมเลย คือห้ามยุ่งเกี่ยวกับพวกมีเบื้องหลังไม่น่าไว้ใจ ผู้ชายคนนี้เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนต่างชาติที่น่าจะมาทำธุรกิจในไทย แถมยังมีลูกน้องคอยตามเป็นขบวนแบบนี้ ดูยังไงก็ตัวอันตราย

                “ถ้าไม่ทำงาน มานั่งอยู่ในที่แบบนี้ทำไม” เขาเลิกคิ้วถาม มุมปากผุดรอยยิ้มราวกับว่าตัวเองอยู่เหนือทุกสรรพสิ่งและเห็นผมเป็นเพียงแค่เหยื่อตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่แล้วยังไง เพราะผมยังคงยืนยันปฏิเสธหนักแน่น

                “ที่สาธารนะไม่ได้มีป้ายห้ามสักหน่อย อีกอย่าง บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่ขาย”

                “คิดจะเพิ่มค่าตัว? สำคัญตัวเองผิดไปรึเปล่า”

                ไอ้ต่างชาติหัวดำปากเสียพูดด้วยรอยยิ้มยั่วให้ผมของขึ้นได้ ผมขอบอกทุกคนไว้เลยนะ พวกคนต่างชาติสมัยนี้นิสัยไม่ต่างจากคนไทยหรอก ดูที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นตัวอย่าง พูดไทยชัดแจ๋ว รู้จักคำยากๆ ด้วย แสดงว่าต้องอยู่ที่นี่มานาน

                “ผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมาซื้อนี่ ขาดคุณไปผมก็ไม่อดตายหรอก” ยักไหล่ไม่แยแสเพราะผมไม่คิดจะขายให้กับคนที่ดูถูกอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ ผมว่ายิ่งคุยยิ่งหงุดหงิด เลยตัดสินใจเดินหนีให้มันจบๆ ไปดีกว่า แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกราง่ายๆ มือใหญ่ดันคว้าแขนผมไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก

                ตาลุงนี่จะเอายังไงกันแน่วะ!

                “น่าสนใจ เธอชื่ออะไร”

                ถึงแววตาของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผมไม่กระหายเงินอย่างที่ควรเป็น แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอกชื่อ ผมเลยเงียบ เขาก็เงียบ เรายืนค้างอยู่แบบนั้นเกือบสองนาที และไม่มีทีท่าว่าเขาจะปล่อยผมไปง่ายๆ เลยถอนหายใจหนักยอมบอกชื่อแบบเซ็งๆ

                “มิทรี่”

                “โอเคมิทรี่ ฉันเสนอเงินให้เธอสามเท่าจากปกติ” เสียงหัวเราะเบาๆ กับดวงตาที่จ้องมองบ่งบอกความสนใจแบบโจ่งแจ้ง ไม่ทันจะอ้าปากตอบ แรงบีบที่แขนมากขึ้น ดวงตาคมหรี่ลงเหมือนสัตว์ป่ากำลังล่าเหยื่อที่ถูกใจ

                “คิดให้ดีเจ้าหนู เธอไม่มีทางเลือกมากนัก”

                ผมกัดฟัน คำนวณในหัวเร็วจี๋ อีกฝ่ายเป็นของจริง หากยังเล่นตัวต่อไปไม่รู้ว่าผมต้องเจออะไรบ้าง เอาวะ หลับหูหลับตาทำไปสักคืน ถือซะว่าได้เงินมากกว่าเดิมตั้งเยอะ เช้ามาค่อยตัวใครตัวมัน

                “ก็ได้”

                ดวงตาน้ำเงินทอประกายอ่อนลงอย่างพึงพอใจ

                “ดี... ฉันจะได้ไม่ต้องลงมือฉุดเองและเธอจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว”

                เสียงเย็นเอ่ยชิดริมหูให้ผมกลืนน้ำลายอึกอย่างหวาดหวั่น นึกขอบคุณที่ตัวเองเลือกทางถูก ต่อให้หนีไม่พ้น อย่างน้อยๆ ไม่ขาดทุนก็ยังดี

                เขายกมือเรียกลูกน้องที่หลบอยู่ห่างๆ เพียงไม่นานก็มีรถหรูสีดำเงามาจอดเทียบข้าง พร้อมคนขับที่วิ่งออกมาเปิดประตูให้อย่างรู้งาน ตัวผมถูกโอบไว้ป้องกันหนีพร้อมยันเข้าไปในรถก่อนคุณลูกค้าบังเกิดเกล้าจะตามมานั่งปิดทางหนี

                ระหว่างรถเคลื่อนตัวสู่ท้องถนนในยามราตรี ผมมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยเหตุผลสองประการ อย่างแรกคือลดความรู้สึกอึดอัดจากความเงียบขรึมที่คนข้างตัวแผ่ออกมา และอย่างที่สองคือ ผมพยายามมองทางเอาไว้ เพื่อให้รู้ว่าตัวเองถูกพาไปอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ เมื่อถึงคราวจำเป็นจะได้หาทางกลับบ้านถูก

                กระทั่งเขาพาผมมาที่ตึกแห่งหนึ่ง เป็นตึกที่มีความสูงไม่มากนัก แล้วยังไม่มีป้ายติดว่าเป็นบริษัทอะไร เหมือนกับเป็นตึกส่วนตัวมากกว่า

                รถเคลื่อนตัวอ้อมไปด้านหลังตึก ผ่านป้อมยามที่มีการ์ดใส่ชุดดำตัวสูงใหญ่ ก่อนประตูเหล็กกั้นจะถูกเลื่อนเปิดให้รถเข้าไปด้านในที่มีสภาพเหมือนลานจอดรถตามห้าง แค่มีขนาดเล็กกว่า และรถที่จอดอยู่มีแต่สีดำเหมือนกันไปหมด นี่ผมหลุดมาอยู่ที่ไหนกันแน่

                ผมก็พยายามทำตัวสงบเสงี่ยมไม่ตื่นตูมจนเกินไป แต่ในใจกระวนกระวายไปล้านแปด ยิ่งรถขับวนขึ้นเรื่อยๆ ความหวังที่จะหนีรอดจากที่แห่งนี้ก็ยิ่งริบหรี่ลงอย่างน่าใจหาย

                “ไม่ต้องเกร็ง ฉันไม่พาเธอไปฆ่าหรอก ถ้าฉันจะทำคงไม่เสียเวลาพามาถึงที่นี่”

                คำพูดเหมือนจะปลอบ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เมื่อถึงชั้นบนสุด รถจอดสนิทเทียบข้างรถคันอื่นที่มีอยู่ไม่กี่คันบนชั้นนี้ ผมถูกลูกค้าปริศนารั้งตัวเข้าไปในอาคาร ผ่านการ์ดเฝ้าหน้าประตูและระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ขณะที่คิดว่าน่าจะถึงจุดหมายแล้ว ผมยังต้องขึ้นลิฟต์ด้านในต่ออีก

                พอลิฟต์เปิดก็เผยให้เห็นห้องรับรองอันแสนหรูหรา ซึ่งมีชายชาวต่างชาติคนหนึ่งยืนคอยอยู่ เขาปรายตามองผมด้วยใบหน้าเย็นชา ปากพูดภาษาไทยกับเจ้านายตัวเองเหมือนจงใจให้ผมได้ยิน

                “ลูเซียสคิดยังไงถึงพาเด็กไซด์ไลน์มากิน นายไม่ได้อดอยากขนาดนั้นนี่”

                ในที่สุดผมก็รู้ชื่อลูกค้าสักที...

                “ฉันพอใจ หลังจากนี้ห้ามใครเข้ามารบกวนฉันเด็ดขาด ต่อให้ใครตายก็ช่างหัวมัน”

                คนฟังหัวเราะหึในคอ ก่อนเดินไปยังไม่วายหันมาคุยกับผมทิ้งท้าย

                “หวังว่าพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องมาเก็บศพนายนะ เจ้าหนู”

                ผมชะงัก มองตามหลังอีกฝ่ายจนลับสายตา พอหันกลับมาก็เห็นชายที่ชื่อลูเซียสจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

                “ฉันไม่ใช่พวกซาดิสม์” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินนำผ่านห้องรับรอง มือหนาเปิดประตูบานใหญ่และดันผมเข้าไป แอร์เย็นฉ่ำปะทะใบหน้าเป็นอันดับแรก ต่อมาคือความอลังการของสถานที่พัก ที่เหมือนจะเหมาตึกสามชั้นบนเป็นบ้านหลังหนึ่ง ผมอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจอย่างสนใจ เพราะเกิดมาเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก

                ระหว่างที่ผมกำลังสำรวจอย่างลืมตัว ก็ถูกอีกฝ่ายลากแขนผ่านห้องรับแขก เข้าไปสู่โซนด้านในซึ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีเตียงคิงไซส์กับห้องน้ำในตัว

                “อาบน้ำซะ”

                คำสั่งห้วนสั้นที่ผมไม่กล้าอิดออด เพราะลูกค้าคือพระเจ้า และยิ่งเป็นลูกค้าท่าทางอันตรายราวกับราชาปีศาจ ผมยิ่งต้องทำตามอย่างว่าง่าย สองเท้าเปิดประตูห้องน้ำ พลางถอดเสื้อผ้าตัวเองใส่ตะกร้า ตาวาวกับอ่างจากุชชี่ที่ผมอยากจะลองแช่ดูสักครั้ง เลยตัดสินใจเปิดน้ำใส่อ่าง ล้างตัวรอน้ำเต็มแล้วกระโดดลงไปแช่อย่างสบาย ไหนๆ ก็หนีไม่รอดแล้วผมขอทำตามใจหน่อยแล้วกัน

                ระหว่างนอนแช่พิงขอบอ่าง ผมไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า กดสบู่เหลวชโลมนิ้วแล้วสอดไปทางด้านหลังเพื่อเตรียมพร้อมกับหน้าที่ของตัวเอง พอเสร็จก็ชมวิวของเมืองหลวงในตอนกลางคืนผ่านกระจกที่กินพื้นที่บนกำแพงไปแถบหนึ่ง ผมเคยได้ยินมาว่ามองเห็นได้จากด้านในฝั่งเดียว คนข้างนอกจะเห็นเป็นกระจกทึบธรรมดา

                ผมใช้เวลาอาบน้ำพอสมควร โดยที่อีกฝ่ายไม่เรียกเลยสักนิด แต่จะทำตามใจต่อไปก็ใช่ที่เลยลุกขึ้นจากน้ำมาเช็ดตัวสวมเสื้อคลุมเดินไปหาเจ้าของห้อง

                ผมเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังตรงมุมหนึ่งของห้อง ใบหน้าคมเข้มหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ในมือมีแก้วเหล้าราคาแพง ใกล้กันนั้นเป็นโต๊ะกลมที่มีขวดวิสกี้ที่ใสเหมือนคริสตัลวางอยู่

                “จะเริ่มเลยมั้ย” ผมถามอีกฝ่าย คนตรงหน้าไม่ได้หลับอย่างที่คิด ดวงตาคมลืมขึ้นมองพลางกระดิกนิ้วเรียกผมให้เข้าไปหา

                “ฉันนึกว่าเธอตายคาห้องน้ำไปแล้วซะอีก ถอดเสื้อผ้าให้ฉัน”

                เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เกือบสองเมตรได้ ผมอาศัยความชำนาญทางอาชีพ แค่ยืดตัวขยับมือนิดหน่อยกระดุมเสื้อเชิ้ตก็ถูกปลดออกจนหมด เผยให้เห็นแผงอกกว้างกับมัดกล้ามเรียงตัวสวย ผิวขาวหุ่นกำยำจนน่าอิจฉา ตามด้วยปลดเข็มขัดออกแล้วดึงกางเกงสแล็คเนื้อดีลงด้านล่าง ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่มองขนตรงท้องน้อยกับส่วนที่ตุงออกมาจากกางเกงซับใน ในใจพลันคิดว่า คืนนี้ตัวเองคงพบศึกหนัก

                ลูเซียสก้าวขาออกจากกองชุด เดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ปากก็สั่งราวผมเป็นลูกน้องของเขา

                “เก็บเสื้อผ้าพวกนั้นแล้วเตรียมเสื้อคลุมอาบน้ำให้ฉันด้วย”

                ผมเริ่มสงสัยแล้วสิ ตกลงผมมาเป็นคู่นอนหรือขี้ข้ากันแน่วะ ใช้งานเอาๆ ผมขมวดคิ้วหยิบเสื้อผ้ายัดลงตะกร้า ก่อนเปิดลิ้นชักหาเสื้อคลุมอาบน้ำไปวางแทนตัวที่ผมใส่ ผมได้ยินเสียงน้ำดังลอดออกมา เลยฉวยโอกาสนี้มองหาทางหนีทีไล่

                ไม่รู้ว่าทางออกมีกี่ทาง เพราะผมยังไม่ได้เดินสำรวจแบบละเอียด แต่ที่แน่ๆ ก็ทางที่ผมเข้ามา ซึ่งตัดทางนั้นออกไปได้เลย มีการคุ้มกันแน่นหนาขนาดนี้ ต่อให้แมลงสักตัวยังรอดยาก จังหวะที่ผมกำลังครุ่นคิดว่าจะเสี่ยงเปิดประตูอื่นๆ ที่ถูกปิดสนิทเพื่อหาทางออกเพิ่มดีมั้ย คนที่ควรจะอยู่ในห้องน้ำดันมาโผล่อยู่แถวเตียง ทำเอาผมสะดุ้ง เห็นเจ้าบ้านในสภาพผมเปียกหมาดปลกใบหน้าให้ยิ่งดูร้าย เรือนร่างที่แสดงถึงความเป็นชายชัดเจนถูกปิดทับด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำในแบบที่ใส่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ จึงเปิดเปลือยแผงอกแน่น

                “มานี่มิทรี่”

                ดูเหมือนว่าจะถึงเวลางานของผมแล้ว... ผมเดินเข้าไปแค่ระยะเอื้อมถึง มือหนาก็คว้าแขนดึงเข้าหาตัว ก่อนช้อนท้ายทอยให้ผมเงยหน้าขึ้น พร้อมริมฝีปากที่ถูกบดจูบอย่างไม่ปรานี ยามผมเปิดปากออกอย่างรู้งาน ลิ้นชื้นก็สอดเข้ามารุกไล่อย่างดุดัน ขาของผมถูกมือสากลูบลากขึ้นจนชายเสื้อคลุมถลกจนถึงสะโพกเห็นบั้นท้ายได้รูปวับๆ แวมๆ

                แต่คงจะไม่ทันใจอีกฝ่าย มือใหญ่จึงรั้งขาข้างนั้นขึ้นเกี่ยวตรงสะโพกสอบ พร้อมร่างกายที่ถูกดันจนแผ่นหลังติดกำแพง ลำคอถูกซุกไซร้จูบเม้มจนเกิดเสียง สะโพกกับบั้นท้ายถูกลูบคลึงจนขึ้นรอยมือ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยปากชิดริมหู

                “สะโพกสวยดีนี่”

                ผู้ชายคนนี้คงมีรสนิยมชอบสะโพกเป็นพิเศษ

                “ขอบคุณที่ชม อึก!” ผมยอมรับคำชมนั้นแต่โดยดี ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากพร้อมลมหายใจร้อนที่เป่ารด เปลี่ยนเป้าหมายจากลำคอเป็นยอดอกที่ถูกดูดดึงเจ็บปนเสียว

                ลูเซียสตวัดแขนโอบอุ้มเอวร่างเพรียวจนขาลอยจากพื้น ผมใช้ขาหนีบรัดสะโพกหนาตามสัญชาตญาณเพื่อกันตก ขณะที่สองมือโอบลำคอแกร่งแทนหลักยึด รับรู้ได้ว่าเบื้องล่างที่เปิดโล่งกำลังถูกรุกล้ำด้วยนิ้วหยาบ โชคดีที่ผมเตรียมพร้อมมาจากห้องน้ำแล้ว การสอดใส่แบบเอาแต่ใจนี้จึงไม่สร้างภาระให้ผมมากนัก แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ลูเซียสเลยดึงดันใช้นิ้วขยับขยายช่องทาง ทั้งสอดทั้งกางสลับกันจนสะโพกมนอยู่ไม่สุข

                กับคนที่เคยทำด้านหลังและจดจำสัมผัสเหล่านั้นได้ดี เมื่อโดนปลุกเร้าอีกครั้งก็ตื่นตัวอย่างง่ายดาย

                “ดูท่าจะผ่านมาไม่น้อยนะ” อีกฝ่ายแสยะยิ้มเอ่ยเสียงราบเรียบ แม้จะนึกขัดใจแต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะมันคือความจริง “หวังว่าเธอจะทำให้ฉันพึงพอใจ มิทรี่...” เสียงทุ้มต่ำแฝงอำนาจเอ่ยพร้อมสัมผัสจากส่วนหัวที่ผลุบเข้ามาในร่างกาย

                ผมเผลอจิกเล็บกับบ่ากว้างอย่างกังวล เพราะก่อนหน้านี้เห็นขนาดมาแล้วมันไม่ใช่น้อยๆ เลย ลูเซียสเองก็เหมือนจะรับรู้ได้เลยยิ่งกดลึกให้แหงนหน้าส่งเสียงครางในคอระบายความเจ็บปวด กระทั่งความเป็นชายเข้ามาได้ส่วนหนึ่ง ผมก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง คล้ายกับสิ่งกลมมดที่เสียดสีกับภายใน ดวงตาผมเบิกกว้าง เมื่อพบว่าอีกฝ่ายฝังมุก!

                ท่าทางของผมคงแสดงชัดเจนมาก เรียกเสียงหัวเราะอย่างสมใจจากผู้กระทำ ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ก็ต้องหลุดเสียงร้องอย่างทรมานเมื่อส่วนนั้นถอนออกก่อนจะกดเข้ามาใหม่จนมุกโดนจุดกระตุ้นแล้วเข้ามาอีกครั้งจนมิดลำ ผมอ้าปากครางไม่เป็นภาษา สลับสูดปากหอบหายใจหนักซบหน้ากับบ่ากว้างเมื่ออีกคนเริ่มกระทุ้งรัวจนตัวโยก แผ่นหลังของผมถูไถกับกำแพงซ้ำๆ พอๆ กับเสียงกระทบจากเบื้องล่างที่ดังก้องไปทั่วห้องนอน

                ทั้งเจ็บทั้งเสียวทรมานราวกับอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างนรกกับสวรรค์ นึกโมโหอีกฝ่ายในใจที่เลือกท่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น แถมดูอีกฝ่ายจะไม่หนำใจพอ สองแขนที่คอยประคองสะโพก เปลี่ยนไปเท้ากับกำแพงให้แผ่นหลังผมพิงผนังใช้ขาเกี่ยวเอวเท่านั้น ปล่อยให้ร่างกายของฝ่ายรองรับร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงสอดลับกับการขยับสวน จุกจนแทบสำลัก

                เพียงแค่ยกแรกผมก็แทบจะเหนื่อยอ่อน แต่ลูเซียสไม่คิดปล่อยผมไปง่ายๆ พอเสร็จกิจก็ถอนกายออกปล่อยให้ผมยืนบนพื้นด้วยขาสั่นระริกกับความเหนียวหนึบจากของเหลวข้นตรงบั้นท้าย

                “อย่าเพิ่งหมดสติไปก่อนล่ะ” เจ้าของห้องกดจูบบนขมับหนักๆ อย่างถูกใจกับรอบแรก พลางโอบเอวรั้งตัวผมไปบนเตียงแล้วจับให้ผมหันใบหน้าเข้าหาความเป็นชายที่ตื่นตัวอีกรอบ “ทำซะ” คำสั่งง่ายๆ ที่ผมต้องทำตาม

                ผมก้มมองดวงตาพลันกระตุกวูบ เมื่อเห็นส่วนนั้นชัดๆ ต่อหน้า จำใจกัดฟันอ้าปากทำออรัลด้วยเทคนิคทั้งหมดที่มี ปลายลิ้นไล่ไปตามแนวร้อน วาดผ่านความเย็นจากมุกที่เรียงอยู่บนความเป็นชาย

                หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า...มันมีมุกทั้งหมดห้าเม็ด!

                “หึ!”

                ลูเซียสหัวเราะในคอยามเห็นสีหน้าตกใจของผม ระหว่างนั่งนิ่งปล่อยให้ผมปรนเปรอเจ้าตัวก็ไม่ยอมอยู่เฉย ใช้เท้าถูส่วนอ่อนไหวให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะฉุดผมไปนอนแผ่บนเตียงแล้วคร่อมทับจับเรียวขาแยกพาดบ่า จรดจ่อความเป็นชายกับจุดเร้นอีกครั้ง อาศัยของเหลวจากกิจกรรมก่อนหน้าเป็นตัวช่วยฝืนกดเข้าไปอย่างเอาแต่ใจ

                ผมเม้มปากพยายามผ่อนอาการเกร็งให้มากที่สุด เพื่อลดความเจ็บลง ซึ่งมันไม่ค่อยช่วยสักเท่าไหร่ ในเมื่ออีกคนดึงดันให้สัมผัสกับความแน่นร้อน

                ฝ่ายลูเซียสสูดลมหายใจผ่อนความต้องการ นึกอยากแกล้งเลยดึงดันกดเข้าไปทีละนิด เพื่อฟังเสียงร้องครางรื่นหู และคอยใช้มือขยับปลุกเร้าได้ไม่ขาด หลังเห็นร่างด้านใต้บิดเร้าด้วยความต้องการจนพอใจ ก็โถมแรงหนักหน่วงจนร่างเอนไหว เกิดเสียงหยาบโลนไม่เข้าหู

                ความเจ็บแล่นพล่านมาตามไขสันหลัง ผมหอบหายใจน้ำตาคลอด้วยความกระสัน ใบหน้าเอียงรับลิ้นชื้นที่เลียหางตา ก่อนเปลี่ยนมามอบจูบดูดดื่ม โดยที่มือลูบขยำสะโพกตามใจ

                จังหวะที่ผมหันไปด้านข้างเปิดคอให้ซุกไซร้ พลันเห็นเงาสะท้อนบนกระจก เหมือนสายฟ้าฟาดจนตัวชาไปทั่วร่าง ภาพที่อยู่บนกระจกนั้นไม่ใช่เมืองตอนกลางคืนหรือภาพอิโรติกของตัวเอง แต่มันคือแผ่นหลังกำยำที่มีรอยสักของนกฟีนิกซ์สยายปีกจนไร้ที่ว่าง

                พอผมชะงัก ลูเซียสก็หยุดตามเพราะร่างเพรียวไม่ตอบรับอย่างเร่าร้อนเหมือนเดิม สร้างความแปลกใจ เลยมองตามสายตาอีกฝ่ายไปเห็นภาพบนกระจก ก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก

                “รอยสักฉันมันเป็นอะไรกับเธอหรือไง?”

                “อึก…คุณเป็นมาเฟีย อา...” ผมหอบหายใจ ถามปนครางเพราะเขาเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง

                “เธอไม่ได้ถามฉันนี่” ร่างสูงเอ่ยปัดอย่างไร้เยื่อใย ทั้งยังคงโถมแรงหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนบดเบียดส่วนที่โอบรัดชวนให้รู้สึกดี ปลุกเร้าความกระหาย ต้องการที่จะครอบครอง

                ผมไม่ยอมให้ความร่วมมือเหมือนทีแรก มาเฟียเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงมาตลอดทั้งชีวิต แต่เวลานี้ผมดันเป็นคู่นอนให้กับมาเฟียแล้วยังเป็นระดับบอสอีก ต่อให้อารมณ์ยังอยู่ ความคิดมันเตลิดไปหมด ลูเซียสตอบแทนการกระทำของผมด้วยการทาบทับจนแทบจมหายบนเตียงนุ่ม

                “ปะ... ปล่อย” ผมเอ่ยเสียงหอบ ดวงตาจ้องเขม็งทั้งที่มันฉ่ำเยิ้มไปด้วยเพลิงราคะ

                “เสียใจนะ... ฉันยังไม่เสร็จ ไม่ต้องจำเป็นต้องห่วงเรื่องอื่น เวลานี้เธอแค่ครางอยู่ใต้ร่างฉันก็พอแล้ว” ลูเซียสกระซิบเสียงทุ้มพร่าชักนำอย่างชั่วร้าย พลางกดกายย้ำความเป็นจริง ว่าหน้าที่ของร่างเพรียวคืออะไร มือสากลูกไล่ไปทุกสัดส่วน ปลุกเร้าให้ตอบสนองต่อความร้อนแรงที่เขายังคงพึงใจอยู่ในยามนี้

                จังหวะที่เร่งเพิ่มพร้อมเสียงครวญครางผสานกับเสียงเสียดสีของผิวกาย สองร่างกระตุกปลดปล่อยยามถึงที่สุดของอารมณ์ ร่างหนาไม่ยอมถอนกายออก ความร้ายกาจเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน

                “มาลองดูกันดีมั้ยว่าฉันจะทำให้เธอสุขสมได้สักกี่ครั้ง”

                นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน เพราะที่เหลือเป็นสัมผัสเร่าร้อนจากร่างกายล้วนๆ จนถึงรุ่งเช้า โดยไม่รู้ว่าผมสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดช่วงสติเลือนรางยังรู้สึกเหมือนร่างกายยังคงถูกกระทำ

                ผมตื่นมากับความปวดเมื่อยไปทั้งตัวโดยเฉพาะด้านล่างที่เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เคยโดนหนักเท่านี้มาก่อนเลย เวลาขยับทีก็เจ็บแสบจนน้ำตาเล็ด แล้วยังเหนียวตัว อึดอัดช่วงท้องอีกต่างหาก มั่นใจเลยว่าพออีกฝ่ายเสร็จสิ้นอารมณ์หมายก็ปล่อยผมทิ้งไว้ไม่คิดดูดำดูดี

                เอาเถอะ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยเจอลูกค้ามาดูแลเช็ดตัวทำความสะอาดให้เหมือนกัน คิดพลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่เห็นเงาเจ้าของ สงสัยไปทำงานแล้ว ผมเลยล้มตัวลงนอนใช้เวลานี้พักฟื้นเต็มที่ เพราะผมลุกไปไหนไม่ไหวจริงๆ

                จังหวะที่เตรียมจะหลับ หางตาเหลือบเห็นแบงก์สีเทาปึกหนึ่งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ผมมองมันด้วยความรู้สึกด้านชา ช่วงแรกๆ ที่ทำงานก็เคยนึกละอายใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมมาไกลเกินกว่าจะรู้สึกอะไรแบบนั้นแล้ว เลยตัดสินใจหลับตาลง

                ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ พอผมตื่นอีกครั้ง เริ่มขยับตัวได้บ้างแม้จะยังย่ำแย่ก็ตาม ถึงงั้นก็ลากสังขารไปอาบน้ำชำระคราบแห้งบนตัว พลางกดท้องทำความสะอาด สอดนิ้วเปิดทางปล่อยให้ของเหลวไหลออกมาตามเรียวขา... เมื่อคืนไม่ได้ใส่ถุงยางสินะ หวังว่าอีกฝ่ายจะสะอาดพอ...ไม่สิ ผมต่างหากที่สกปรก มองสภาพตัวเองบนกระจก ตามลำคอมีรอยจ้ำจากการจูบ ช่วงสะโพกมีแต่รอยมือ จะบอกว่าผมตอนนี้ยับเยินก็ไม่ผิดนัก

                ผมส่ายหัวใช้มือวักน้ำล้างหน้าปิดท้ายแล้วสวมชุดเมื่อวานหยิบเงินใส่กระเป๋ากางเกง ตัดสินใจว่าจะออกทางเดิม ในเมื่อหมดหน้าที่แล้วคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะกักตัวไว้อีก แต่ผมคิดผิด

                ไม่ทันจะถึงประตูห้องรับรองก็ถูกลูเซียสเรียกจากอีกห้อง

                “จะไปไหน” น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ผมต้องหันไปหาอย่างเสียไม่ได้

                “ผมจะกลับแล้ว”

                “มากินข้าว” ลูเซียสทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของผม แล้วจ้องกดดันให้ผมเดินเข้าไปหาในห้องทานอาหาร ใจจริงก็อยากปฏิเสธ แต่รถเข็นอาหารที่ชายใส่ชุดเชฟเข็นเข้ามาส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาก ผมไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน นับรวมเวลาตอนนี้ก็เย็นแล้ว ขอสักหน่อยแล้วกัน ถือว่าทิ้งท้าย

                ตัดสินใจเสร็จ ก็ลากเท้าไปนั่งช้าๆ ป้องกันไม่ให้สะเทือนบั้นท้ายมากนัก พลางยิ้มให้เชฟที่ช่วยจัดโต๊ะให้ เมื่อทุกอย่างถูกจัดวางเรียบร้อย ผมรอให้ลูเซียสกินก่อนค่อยลงมืออย่างรู้มารยาท อาหารอร่อยอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด

                “อาหารอร่อยมากเลยครับ” ผมออกปากชม เชฟหัวเราะระหว่างรินน้ำให้พวกเรา

                “อร่อยก็ทานเยอะๆ นะครับ คุณตัวผอมหากเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน”

                “ไม่ผอมน้า ผมว่าตัวเองออกจะหุ่นดี แต่ถ้าผมทานหมดนี้จริงมีหวังได้กลิ้งออกไปแทนการเดินแน่” อีกคนดีมาผมก็ดีตอบ เพราะปกติผมมีนิสัยขี้เล่น เข้ากับคนอื่นง่ายอยู่แล้ว เชฟเพียงแค่ยิ้มรับแล้วเสิร์ฟของหวานหลังจบของคาว ผลเลยฟาดเรียบจนกลายเป็นว่า อิ่มจุกแทบลุกไม่ไหว ขอนั่งอืดบนเก้าอี้ต่อไป รอจนอาหารเริ่มย่อยค่อยบอกลา

                “ผมกลับล่ะ” ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ แต่เสียงเจืออำนาจเรียกให้ผมหันไปมอง

                “ใครให้เธอออกไม่ทราบ”

                “เราตกลงแค่คืนเดียว”

                “เธอนับเงินดูรึยัง ว่ามันมากกว่าที่ตกลงเท่าไหร่”

                ผมกำมือแน่น เพราะนับมาแล้ว มันเกินกว่าที่ตกลงมาสามวัน คงไม่ใช่ว่า... ดวงตาผมเบิกกว้าง หยิบเงินส่วนที่เกินวางไว้บนโต๊ะ

                “ผมขอคืนส่วนที่เกินมา!”

                “ฉันไม่รับ นายต้องอยู่กับฉันอีกสองวัน ถ้าคิดว่าหนีออกไปได้ก็ลองดู” ท่าทางสนุกเหมือนแมวหยอกหนูทำให้ผมไม่สบอารมณ์ กัดฟันเดินไปที่ประตูก่อนถึงลิฟต์ และพบว่ามันถูกล็อก!

                “พรุ่งนี้ผมมีเรียน คุณกักตัวผมไว้ไม่ได้” ต่อให้ผมทำงานแบบนี้ก็ยังไม่ทิ้งการเรียนนะ แน่นอนว่าคนเอาแต่ใจอย่างลูเซียสไม่คิดจะฟัง

                “ได้ไม่ได้ฉันก็ทำแล้ว กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองซะมิทรี่ ให้ฉันได้เอ็นดูเธอหน่อย”

                ผมกอดอกทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม เพราะแบบนี้ไงเล่า! ผมถึงบอกว่าไม่อยากยุ่งกับพวกมาเฟีย ไอ้พวกนี้มันดื้อด้านเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ที่สำคัญมีอำนาจอยู่ในมือ ผมตัวคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอม

                ลูเซียสรับรู้ถึงสายตาร้อนแรงจากผม ไม่ได้พิศวาส ผมโมโห!

                ถ้าเผลอเมื่อไหร่จะหนีออกไปให้ดู แต่น่าเศร้าที่ความจริงมันโหดร้าย นอกจากจะหนีไม่รอดแล้ว เวลาส่วนใหญ่ก็อยู่บนเตียงตลอด ถูกขังอยู่ในห้อง มือถือก็ถูกยึด และคนที่ผมเห็นหน้าก็มีแค่ลูเซียส ไนท์คนที่แช่งผมตอนแรก กับเดฟพ่อครัวที่ผมคุยด้วยบ่อยสุด

                โชคยังดี พอผ่านไปสามวันลูเซียสรักษาคำพูด เขายอมปล่อยผมอย่างง่ายดายพร้อมเงินให้อีกปึกหนึ่ง

                ผมรับเงินมาจากไนท์ เห็นว่าลูเซียสทำงานอยู่เลยไม่ได้เอามาให้ผมด้วยตัวเอง สำหรับผมจะใครให้ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ สุดท้ายมันก็คือเงินอยู่ดี

                เมื่อหมดธุระที่นี่แล้ว ผมก็รีบเผ่นออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่สองขาจะช่วยได้เพราะผมกลัวลูเซียสเปลี่ยนใจมาจับผมกลับไปขังตามเดิม

                ตอนพ้นจากตึกนรกพลันนึกในใจว่าลาขาด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย แม้ผมได้อยู่ที่หรู ของกินอร่อย เตียงนุ่มให้นอนกับเงินจำนวนมาก ที่กว่าจะได้เท่านี้ต้องใช้เวลาเกือบเดือน แต่พอเอามาหักลบกับนิสัยลูเซียสและหน้าที่บนเตียง ข้อดีทั้งหมดหายวับในพริบตา

                ผมโบกแท็กซี่กลับถึงห้องพัก แตะหน้าผากตัวเองเหมือนมีไข้อ่อนๆ เลยเลือกที่จะสะสมแต้ม หยุดเรียนครบอาทิตย์ ก็นะ ทำงานแบบนี้ต้องดูแลรักษาร่างกายตัวเองให้ดี เกิดป่วยเป็นอะไรหนักๆ ขึ้นมาจะแย่เอา

                ร่างเพรียวนอนกลิ้งหลังทานยา เปิดมือถือขึ้นมาเช็ก ข้อความเข้าเป็นสิบ มีคนโทรหาเกือบร้อย พอเช็กดูแล้ว ส่วนใหญ่เป็นของไอ้ซันล้วนๆ นอกนั้นเป็นพวกลูกค้าคนเก่า เพื่อนในวงการ กับเพื่อนในกลุ่มอีกคนละนิดหน่อย

                ตัวผมอยู่ปีหนึ่งเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นาน มีเพื่อนในกลุ่มทั้งหมดห้าคน ทั้งที่เรียนคณะวิศวะเหมือนกันแต่คนละสาขา และเพื่อนต่างคณะอื่นสองคน แต่ที่สนิทจริงๆ มีแค่สามคน

                คนแรกที่ผมเข้าหาคือริว เห็นว่าเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน ถึงจะต่างเชื้อชาติกันก็เถอะ แล้วริวมันก็ลากผมไปหาวากับซันด้วยเหตุผลที่ว่า พวกนี้หล่อดี ถ้ารวมกลุ่มได้คงเป็นกลุ่มหนุ่มสุดฮอต แล้วมันก็ได้ผลซะด้วย จับกลุ่มกันไม่เท่าไหร่ คนส่วนใหญ่เริ่มรู้จักพวกเราแล้ว อีกหน่อยคงเป็นไอดอลมหา’ลัยสบายๆ คิดไปนู่น

                หากให้บรรยายนิสัย ขอเริ่มจากซันที่เป็นหัวโจกก่อนแล้วกัน มันเป็นพวกหน้าเถื่อนแต่ความจริงเป็นคุณชาย อยู่ต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงเทพ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของวา ปัจจุบันมันสถิตอยู่บ้านญาติวา

                ถัดมาท่านรองหัวหน้าวาคิน หน้าหล่อนิ่ง นิสัยขี้รำคาญและเอาแต่ใจมากกว่าซันสามเท่า เสือผู้หญิง เป็นคนที่ผมคุยด้วยน้อยที่สุด แต่ดันรู้ทันผมมากที่สุด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม

                และเจ้าริว คู่หูของผมเอง มันนิสัยสบายๆ ใจดีกับชาวบ้านเขาไปทั่ว มักเป็นคนไกล่เกลี่ยระหว่างผมกับซัน อย่างที่รู้กัน ผมทำงานแบบนี้ บางครั้งก็หายเพราะโดนตามตื๊อ ไม่ก็อยากพักฟื้นร่างกายอยู่เฉยๆ ไอ้ซันเป็นพวกรักเพื่อนเกินเหตุ พอผมโกหกมันไปว่าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าหาเงินส่งตัวเองเรียน ตัดปัญหาเรื่องผมชอบหายตัวกับชอบร่อนตอนกลางคืน มันเลยยิ่งเป็นห่วงหนัก

                เพื่อระงับความบ้าของซัน ผมต้องโทรไปหาริวผู้เป็นคนกลางที่เอนมาทางผมซะเยอะ

                เพลงรอสายไม่ทันเริ่ม มันก็กดรับแล้ว ไวโคตร

                /มึงอยู่ไหนวะมิท พวกกูเป็นห่วงกันฉิบหาย จู่ๆ หายไปติดต่อก็ไม่ได้ ที่ห้องก็ไม่อยู่/

                “เดี๋ยวมึงใจเย็นก่อน ตอนนี้กูอยู่ห้องแล้ว พอดีมีเหตุนิดหน่อยเลยไปเรียนไม่ได้”

                /เหตุอะไรของมึงอีกวะ/ ริวบ่นอย่างเป็นห่วง ผมยิ้มขำ

                “กูโดนป้ายหนี้ใส่ อีกสองสามวันถึงเคลียร์ได้”

                /อีกละ ทำไมมึงซวยงี้ กูว่ามึงเลิกทำงานแบบนั้นเหอะว่ะ สังคมอับปรีย์มาก ส่วนเรื่องเงินพวกกูเต็มใจให้มึงยืม จะช่วยมึงหางานใหม่ด้วย แล้วมึงค่อยทยอยคืนที่หลัง/

                “ไม่เอา กูอยากหาด้วยตัวเองมากกว่า ขอบใจที่เป็นห่วงมึง ไว้เจอกันอาทิตย์หน้า ฝากบอกซันกับวาด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง” ต้องปฏิเสธน้ำใจเพื่อนไป จำนวนเงินที่ผมต้องการมันไม่ใช่แค่นั้น งานทั่วไปไม่สามารถทำให้ผมสมปรารถนาได้

                /วามันคงไม่เป็นห่วงมึงหรอก มันกำลังหัวหมุนกับการเตรียมถูกถีบไปอยู่วิทยาเขตเชียงใหม่ มีแต่ไอ้ซัน ถ้ามันรู้ว่ามึงอยู่ห้อง มันบุกไปหาแน่ๆ/

                จริงสิ วามันจะโดดส่งไปอยู่เหนือ โล่งใจนิดหน่อย ไม่มีคนจำผิดแล้ววู้ว ผมตอบมัน

                “กูรู้ว่ามึงรับมือมันได้ ฝากด้วยนะ แต๊งว่ะ”

                รีบกดตัดสายก่อนริวโวยวาย ผมไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าผมทำงานไซด์ไลน์ ขนาดแค่ผมหายไปไม่กี่วันมันยังเป็นห่วงกันขนาดนี้ ถ้าเกิดผมบอกความจริงทั้งหมดไป ได้โดนมันคนใดคนหนึ่งตามคุมแจยัดเยียดเงินให้แหง เงินนี้พ่อแม่ส่งให้พวกมันเรียน ผมไม่อยากเบียดเบียนคนอื่น

                ยังไงซะ เงินที่ได้จากลูเซียสไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ผมสามารถอยู่สบายๆ ได้โดยไม่ต้องทำงานไปพักใหญ่เชียวล่ะ

                โล่งใจก็นอนต่อ จะได้หายไวๆ ไปกวนไอ้ซันให้มันเลิกบ้า ดวงตาปิดลงเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่สนใจไฟกะพริบบนมือถือ เอาไว้ตื่นมาค่อยโทรกลับ

                บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อเรียกสั้นๆ

                ป๋า...

Related chapters

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่2 คนเดิม

    ผมเป็นตัวขี้เกียจอย่างเต็มภาคภูมิ ตื่นมาหาอะไรกินแล้วก็นอนกลิ้งเล่นมือถือ สลับไปมาอยู่แบบนี้จนกระทั่งครบกำหนดวันที่ผมบอกริว ส่วนเรื่องซันผมโทรไปหามันแล้ว โดนเทศน์ไปหนึ่งชุดใหญ่แถมสั่งเด็ดขาดว่าวันนี้ผมต้องไปเรียน ไม่เช่นนั้นมันจะบุกมาถึงห้อง ประเด็นคืออีกเบอร์นี่สิที่น่ากังวล บันทึกชื่อไว้ว่า ‘ป๋า’ ซึ่งไอ้ป๋าที่ว่าผมโคตรมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์เลยว่าต้องเป็นเจ้าคนอันตรายที่ผมหลวมตัวไปนอนด้วยแหง เอาไงดีทีนี้ กำหนดใช้เงินใกล้เข้ามาแล้ว หวังพึ่งเงินที่เจ้ามาเฟียให้ต่อไปก็ไม่ได้ ผมต้องหาเพิ่ม สงสัยคืนนี้คงต้องทำงานจริงๆ พอตัดสินใจได้ก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้จะไปหาเหยื่อนะ แต่ไปมหา’ลัยตามสัญญา ส่วนเรื่องงานค่อยทำตอนกลางคืน ผมฉีดน้ำหอมแถวซอกคอกับข้อมือ เซตผมใส่นาฬิกาเป็นอันเสร็จ หอที่ผมอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยมากนัก มีห้องน้ำในตัว มีระเบียงเล็กที่แค่ยืนยังอึดอัด ภายในห้องสี่เหลี่ยมมีเตียงหนึ่งหลัง กับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับวางอุปกรณ์ประทินโฉมของผม ซึ่งพวกของมีราคาทั้งหลายอย่างน้ำหอม นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าเงินแบรนด

    Last Updated : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่3 ชีวิตบัดซบ

    คล้อยหลังสองนายบ่าว ผมต้องนั่งจับเจ่าอยู่ในห้องกว้างเพียงลำพัง นับรวมแล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ผมถูกลากมาสถิต ณ รังมาเฟียแม้ลูเซียสจะทำตัวเหมือนเป็นแค่นักธุรกิจชาวต่างชาติก็ตาม ช่วงระยะเวลาที่ผมถูกกักตัวอยู่ที่นี่คราวก่อน ผมสำรวจทั่วทุกซอกทุกมุม ไม่มีโอกาสให้หนีเลยแม้แต่น้อย ในหนังในละครเขาพากันไปติดเกาะ ผมนี่ติดตึกไม่มีระเบียง มีแต่ทางเดินออกไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัว หนทางเดียวที่จะหนีได้คือ กระโดดลงตึกแม่งตรงสระว่ายน้ำนั่นแหละ ซึ่งผมยังไม่คิดสั้นขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีทางหนี ขอนั่งถอนหายใจผลาญพลังงานชีวิตเล่นอยู่เฉยๆ ดีกว่า เอาไว้ฟื้นกำลังเต็มที่เมื่อไหร่ค่อยคิดอีกทีว่าจะเอาไงต่อ ลูเซียสไม่ได้บอกซะด้วยสิว่าจะกักตัวผมกี่วัน ให้ตาย ผมจะเรียนจบมั้ยเนี่ยคิดแล้วเครียด จะปรึกษาใครก็ไม่ได้ ให้ใครช่วยก็ไม่ได้อีก ต้องลองกล่อมเจ้าของตึกดู หวังว่าลูเซียสจะมีเหตุผลมากพอ...มั้ง ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เชฟประจำตัวลูเซียส เดฟเข็นรถอาหารเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย เห็นประตูเปิดออกมีการ์ดสองคนยืนเฝ้าอยู่โคตรตัดทางหนี ผมเลื้อยลงจากเตียงหยิบเสื

    Last Updated : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่4 เข้ากรง

    1 อาทิตย์… 1 อาทิตย์สำหรับการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่การเลือกมันคือระยะเวลาในการทำใจก่อนเข้าไปเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่ในกรงมากกว่า เงินที่ไนท์ให้มานับว่าเยอะพอสมควร ผมใช้ชีวิตสบายๆ ในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้โดยไม่ต้องดิ้นรนหาเงิน ผมไปเรียนตามปกติ ออกจากมหา’ลัยก็เล่นซ่อนแอบกับคนของลูเซียส ไม่มีวี่แววของไนท์ คงจะโผล่มาตอนจบเหมือนบอสในเกม อีกอย่างพ่อผมหายเฮดซะจนน่าแปลก ถ้าเป็นทุกทีได้เงินได้ของขนาดนั้นไม่กี่วันต้องตามมารังควานผมแน่ อันนี้เงียบกริบ เห็นเพียงแค่กลุ่มคนในชุดสูทด่อมๆ มองๆ อยู่แถวที่พักผม ไนท์รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับผมมากกว่าเพื่อนผมอีก คงจะเป็นฝีมือเขานั่นแหละ นิสัยแบบที่ไม่น่าจะเป็นมาเฟียจริงๆ เอ๊ะ ไม่สิ บางทีอาจจะไม่ต่างกันก็ได้มั้ง อาชีพเก่า อาชีพใหม่ แค่ใช้คนจำกัดความคนละอย่างเท่านั้นเอง “กูอาจจะหายตัวไปช่วงหนึ่งนะ ไม่มึงไม่ต้องห่วง” ผมพูดขึ้นกลางวง ระหว่างนั่งทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านข้าวแถวมหา’ลัย ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป สภาพเก่าหน่อย ร้านไม่สะอาดนักแต่มีเด็กนักศึกษามากินเพ

    Last Updated : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่5 หน้าที่

    ผมทำหน้าที่ ‘เด็กป๋า’ มาได้สองอาทิตย์แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือ ไม่มีอีหนูคนไหนทำงานหนักเท่าผมอีก... ปัง! “ไอ้บอสเวร!!” ไนท์เปลี่ยนร่างเป็นยักษ์ใช้เท้าถีบประตูอย่างแรงตวาดเรียกบอสเป็นภาษารัสเซียด้วยความหัวเสีย ภาพที่เห็นตรงหน้ายิ่งทำให้ความโกรธพุ่งทะลุปรอท บนเตียงขนาดคิงไซส์ปรากฏร่างชายสองคนกำลังนอนหลับอุตุหลัง หลังเล่นกีฬาในร่มมาอย่างยาวนาน คนตัวใหญ่กอดคนที่แทบตัวแห้งหมดแรงตายจนเห็นเพียงหัวยุ่งๆ โผล่พ้นจากอ้อมแขนใต้ผ้าห่มผืนหนา เพราะอุณหภูมิในห้องที่เย็นจัดราวกับจะเปิดไว้เลี้ยงนกแพนกวิ้น “มีอะไร” เจ้าของห้องส่งเสียงถามปรือตามองอย่างหัวเสียเพราะถูกขัดจังหวะฝันหวาน “นี่แกเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรือไง? โดนเด็กมันป้าย...อะไรนะ น้ำมัน...น้ำมันอะไรวะอาคม” คนด่าหาแนวร่วมเป็นบอดี้การ์ดที่เดินตามเข้ามาตามคำสั่งรองหัวหน้า เขาเป็นหนุ่มไทยร่างหนาผิวแทน ใบหน้าคมเข้มแบบคนไทย “น้ำมันพรายครับคุณไนท์” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงนอบน้อม “เออ นั่นแหละ! น้ำมันพรายหรือไงหา?” ยังจะอุตส่าห

    Last Updated : 2025-01-20
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่6 บทเรียน

    นับตั้งแต่วันที่อาคมมาเป็นการ์ดส่วนตัว อีหนูก็ดูจะสงบเสงี่ยมมากขึ้นจนน่าสงสัย ตื่นเช้าไปเรียน แวะเที่ยวกับเพื่อนบ้างแต่ก็เป็นแค่การกินข้าวธรรมดาแล้วตรงกลับตึกมาให้ป๋าเอ็นดู เหล่าผู้มากวัยรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวดีต้องวางแผนป่วนเอาไว้ แต่เลือกที่จะนิ่งเฉยเพื่อรอดูท่าที แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พอการ์ดสองคนนอกจากอาคมเริ่มชะล่าใจ อาทิตย์ต่อมาปัญหาเกิด มิทรี่ไปเรียนตามปกติพอถึงเวลากลับดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย การหลบหนีของเด็กคนนี้นับว่าสูงจนน่าทึ่ง หากเป็นพวกวัยรุ่น แก๊งอันธพาล พวกผู้ดี(พอ)มีเงินจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแน่นอน แต่มันไม่ใช่กับมืออาชีพอย่างพวกเขา “วันนี้คุณหนูสลัดการ์ดอีกแล้วครับ แต่ยังอยู่ในเขตของเรา ช่วงค่ำๆ น่าจะกลับมาที่ตึก” หนุ่มไทยร่างสูงใหญ่ ยืนรายงานเจ้านายหลังโต๊ะทำงานอย่างนอบน้อม เสียงพลิกเอกสารกับแอร์เย็นฉ่ำ ชวนให้รู้สึกกดดัน ยิ่งเวลาทำงานผิดพลาดความน่ากลัวเพิ่มขึ้นเท่าทวี การ์ดสองคนก้มหน้าตัวหดเหลือสองนิ้ว ในขณะที่อาคมยังคงนิ่งขรึมเช่นเดิม “ครั้งที่หกแล้วใช่มั้ย” ไนท์ที่ยืนเป็นเลข

    Last Updated : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่7 ตอบแทน

    ความจุกเริ่มบรรเทาลงช่วยให้ผมฟื้นสติในการสำรวจรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขอทวนเล็กน้อย ผมสลัดการ์ดมาเดินเล่นคนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ผมจงใจสลัดการ์ดแล้วออกห่างมาไม่ไกลนัก ด้วยรู้ดีว่าพักหลังตัวเองกำลังถูกมือที่สามจับตามองอยู่ จนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น! ทั้งที่การ์ดน่าจะตามตัวผมเจอภายในไม่กี่นาที แต่ผมกลับต้องวิ่งหนีคนที่โผล่ออกมาตามล่าไม่ต่างจากสัตว์จรจัดที่โดนไล่ทำร้าย บางครั้งผมก็ไม่ชอบไหวพริบของตัวเอง หลังฟื้นแล้วแอบฟังบทสนทนาของเจ้าตัวหัวหน้าที่โทรคุยกับเจ้านายมัน ในประโยคเหล่านั้นกล่าวถึงชื่อของลูเซียส ทำให้ผมรู้ว่าเหตุการณ์ลักพาตัวในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเจ้าหนี้ของพ่อ แต่เป็นคู่อริของลูเซียส นั่นเท่ากับว่าลูเซียสเป็นคนจงใจสั่งให้การ์ดลดความระวังภัยในตัวผมลงไม่ใช่เหรอ มันไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่โดนทอดทิ้งยามเจ้าของเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ที่เจ็บใจกว่านั้นคือ ผมเป็นคนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากว่าผมไม่ซนคิดประท้วงด้วยการพยศแบบนี้ ผมคงไม่ถูกเขี่ยทิ้งในระยะเวลาอันสั้น ยังคงเสวยสุขไ

    Last Updated : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่8 ผลลัพธ์

    ไม่ต้องรอให้ลูเซียสสั่ง ไนท์รับหน้าที่ขับรถด้วยตัวเอง เหยียบคันเร่งเพื่อพาบอสไปโรงพยาบาลให้ไวที่สุด น่าเห็นใจก็แต่เหล่าลูกน้องที่ตามหลัง ทั้งสามคันต้องเร่งเครื่องกันสุดชีวิต ด้วยระดับฝีเท้าของมือขวาน่ากลัวว่าไปแข่งรถชิงที่หนึ่งได้สบายๆ โรงพยาบาลที่ไมค์เลือกพามิทรี่มารักษา เป็นโรงพยาบาลเอกชนใกล้สถานที่เกิดเหตุมากที่สุด อีกทั้งลูเซียสยังเป็นหุ้นส่วนโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย นับว่าไมค์เลือกได้อย่างถูกต้อง หากเป็นโรงพยาบาลอื่น เรื่องที่มิทรี่โดนยาเสพติดเช่นนี้ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่าๆ ทันทีที่รถดำเงาวับมาจอดเทียบหน้าอาคารหลัก ยามรีบกุลีกุจอเข้ามาหมายจะเปิดประตูให้ ไม่ทันจะถึงรถดีประตูก็เปิดออกพร้อมเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาปรายตามอง เขาโบกมือไล่ยามไปไกลๆ เวลานี้เขาไม่ใจเย็นพอจะนั่งรอเยี่ยงราชาให้ใครมาปูพรมหรือเปิดประตูให้ กลิ่นเลือดเจือจางที่ติดมากับตัวเหล่าชายชุดดำทำให้ยามอกสั่นขวัญผวา ก้มหน้าลงต่ำ พาลนึกในใจว่าตัวเองช่างซวยเหลือเกิน ตอนเขามาทำงานมีรุ่นพี่กับหัวหน้าเล่าให้ฟังว่าหุ้นส่วนของโรงพยาบาลเราไม่ใช่บุคคลธรรมดา ห

    Last Updated : 2025-01-21
  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่9 บอก

    อาการบาดเจ็บทำให้ผมนอนเป็นง่อยอยู่บนเตียงฟังเสียงลูเซียสคุยงานกับไนท์ มีพี่อาคมเข้าๆ ออกๆ มารายงานเป็นระยะ ทำไมนะผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากตอนผมอยู่ที่ตึกลูเซียสเลย จะไม่เหมือนก็แค่ตอนนั้นผมนอนเปื่อยเพราะทำหน้าที่หนักเกินไป คงเห็นผมนอนมองตาปริบๆ มานาน ในที่สุดลูเซียสก็วางงานในมือลุกขึ้นมาหาผมข้างเตียง “เบื่อเหรอ แขนแบบนี้จะอ่านหนังสือก็ไม่ได้ อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม” ปกติผมอยู่ห้องลูเซียสถ้าไม่มีอะไรทำผมจะนั่งอ่านหนังสือ แขนผมยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณป๋ากับพี่เลี้ยงคนอื่นเลยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าเพิ่งให้ผมใช้แขนจะดีกว่า เป็นคนอื่นอาจจะดื้อเพราะความเบื่อหน่าย แต่กับผมที่น้อยนักจะได้รับความเป็นห่วงแบบนี้ อย่างมากก็ได้แค่กับเพื่อนซึ่งมันต่างกัน พวกนั้นวัยเรียน คนตรงหน้าผมคือผู้ใหญ่ที่ผมสามารถพึ่งได้ ผมเลยยอมทำตามอย่างเต็มใจ เจอเรื่องนี้เข้าไปถึงกับหงอ เข็ด ไม่อยากดื้อหาเรื่องใส่ตัวอีก “ไม่ดีกว่า ผมยังไม่อยากโดนไนท์แหกอก” ผมไม่ได้โกหกนะ ดูสายตาร้อนแรงที่ไนท์จ้องมาสิ ไม่ได้หึงหวงลูเซีย

    Last Updated : 2025-01-21

Latest chapter

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ พ่อครัวหน้ายิ้ม

    ‘ดาวิดอฟ เฟรคดริก คอลลินส์’ หรือ ‘เดฟ’ คือชื่อของผม ผมเกิดที่รัสเซีย เป็นลูกคนเล็กมีพี่ชายพี่สาวอย่างละคน จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้านโภชนาการที่มอสโก เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ปกติธรรมดา(?) ไม่มีส่วนไหนขาดเกิน เส้นผมสีทองเหลือบเงิน ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ผิวขาวจัดแม้ตอนนี้จะเริ่มคล้ำจากแดดในเมืองไทยก็ตาม ส่วนสูงก็...193 cm. สิ่งที่ชอบคืออาหารอร่อย ดอกไม้และคนฉลาด ผมเกลียดพวกไม่รู้คุณค่าของอาหาร กินทิ้งกินขว้างกับคนโง่มากที่สุด อาหารที่ถนัดคือ ซุปโบร์ช (Borshch) , โปลฟ (Pilaf) , ไก่เคียฟ (Chicken Kiev) อาหารรัสเซียและอาหารฝรั่ง ตอนนี้มีความสนใจอาหารไทย ปัจจุบันอายุ 25 ปี ทำงานให้กับบอสลูเซียส มิไรฮอฟ ตระกูลเก่าแก่ที่มีอำนาจมากมายจนน่าตกใจ ถามว่ามาทำงานให้บอสได้ยังไงเหรอ? เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังเรียนจบได้ผลการเรียนที่น่าพอใจ ผมถูกจองตัวจากหลายโรงแรมมีชื่อในมอสโก แต่ผมชอบทำอาหารให้คนที่รักการกินมากกว่าทำเพื่อเอาหน้าตาเลยปฏิเสธงานเหล่านั้นไป แล้วเลือกมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งแทน ร้านนี้มีความเข้มงวดสูงมาก ไม่

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ นกน้อยกับอัศวิน

    ภายใต้ความหอมหวานของอำนาจ คือความเน่าเฟะที่น่ารังเกียจ... เมื่อพ่อให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พ่อจะแต่งงานกับแม่เพื่อผลประโยชน์ ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว ก่อนจะพาคนรักเข้ามาหลังจากที่แม่ตรอมใจตาย ฟังดูเหมือนพล็อตของบทละครน้ำเน่า แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนอิงมาจากชีวิตจริง เขาเกลียดชังพ่อ รังเกียจผู้หญิงคนนั้น และขยะแขยงครอบครัวของตัวเอง เลยตัดสินใจเข้าโรงเรียนประจำ พอปิดเทอมหากไม่เที่ยวก็หางานพิเศษทำ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็ใช้ทรัพย์สินจากพินัยกรรมของแม่ผ่านทางผู้ดูแลที่แม่เลือกมาด้วยตัวเอง ต่อมา เขาสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ติดอันดับหนึ่งของรุ่นจนเรียนจบแล้วเริ่มทำงานจากตำแหน่งระดับล่าง กระทั่งบรรจุเข้าหน่วยปราบปรามและพบลูเซียสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ลูเซียสในตอนนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งแก๊ง มีคนติดตามอยู่ไม่กี่คนและเกิดสนใจฝีมือของเขาขึ้นมา เลยยื่นข้อเสนอให้มาทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ ไม่ใช่ว่ารักในอาชีพของตัวเอง แต่เขาไม่เคยมีความคิดที

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ พ่อที่แย่

    ชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องที่เสียใจหนักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง เรื่องแรกคือการจากไปของพ่อแม่ด้วยวัยชรา เรื่องที่สองคือความล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว ระหว่างที่ผมเป็นทหารทำตามความตั้งใจของตัวเองก็ทิ้งลูกเมียไว้ด้านหลังโดยไม่นึกถึงใจของคนเฝ้ารอ กระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาที่แต่งงานกันมาหลายปีเป็นฝ่ายขอหย่า เธอร้องไห้ พร่ำบอกว่าขอโทษที่อดทนรอต่อไปไม่ได้ เธอเข้าใจความต้องการของผม แต่เธอที่มีลูกอ่อนก็ต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นกัน ผมไม่เคยโทษเธอเลยที่เริ่มมองหาผู้ชายที่ดีกว่า ดังนั้นผมเลยดึงเธอเข้ามากอด ลูบผมเบาๆ พร้อมกระซิบปลอบโยนเธอว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ‘ชนิศา’ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง การที่เธอเลือกทางนี้แสดงว่าทุกอย่างมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ พอเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจฝืนอยู่ด้วยกันอีกต่อไป ผมเลยยอมรับการตัดสินใจของเธอ และมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้เธอไป หลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ลาออกจากราชการทหารเพื่อหางานที่มีรายได้มากกว่าส่งเสียให้ลูกชายได้เรียนโรงเรียนดีๆ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว วันไหนผมมีวันหยุดก็จ

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ผมชื่อ ‘หลง’

    ผมเกิดในซ่อง เติบโตในสลัม มีแม่เป็นโสเภนีที่หลังจากคลอดผมเสร็จก็เอาผมไปทิ้งแถวถังขยะ ก่อนที่คนจรจัดเก็บไปเลี้ยงดูด้วยหวังว่าจะให้ผมดูแลเขาต่ออีกที แต่เขาไม่ได้มอบความรักความเอาใจใส่อย่างที่คนใจบุญพึงกระทำ เพราะเขาเลี้ยงผมเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ถ้ามีอาหารเหลือพอก็จะโยนให้ผมกิน พอแค่ผมไม่ตายไปก่อนที่จะได้ใช้งานเท่านั้น จนบางทีผมก็สงสัยว่าความตายอาจจะดีกว่ารึเปล่า ไม่ต้องทนอดอยากหิวโหย โดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเคยคิดที่จะตายอยู่หลายครั้ง หากไม่ติดว่าคนจรจัดที่เก็บผมมาเลี้ยงจะช่วยผมไว้ทันตลอด แล้วจัดการลงโทษอย่างหนักเมื่อผมพ้นขีดอันตราย ให้อดข้าวบ้าง จับขังบ้างหรือบางทีก็โดนซ้อมเป็นเครื่องระบายอารมณ์ แน่นอนว่าการรักษาแต่ละครั้งไม่ได้ไปหาหมอในโรงพยาบาล แต่เป็นหมอเถื่อนที่ไม่มีใบรับรองแถวสลัม ไม่ก็รักษาเอาตามมีตามเกิด และผมดันดวงแข็งจนรอดมาได้เสียทุกครั้ง จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็แสนลำบาก สุดท้ายได้แต่ฝืนทนกับสิ่งที่เป็น กระทั่งอายุหกปี ชายแก่ที่เลี้ยงดูผมดันไปขัดขานักเลงวัยรุ่นเข้า เลยถูกพวกนั้นซ้อมอย่างคึกคะนอง เสียงตาแก่โหยหวนด้วยความเจ็บปวด ผสมเสียงตุบต

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่พิเศษ ผู้ช่วย

    เรื่องราวต่อจากนี้เป็นเรื่องหลังจากที่ผมเรียนจบมหา’ลัย กรุณาอย่าถามถึงเกียรตินิยม แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงานของตัวเอง ตัวผมเองก็เช่นกัน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับลูเซียส แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เกิด ย่อมเห็นตื้นลึกหนาบางจนหมดสิ้น เลยอยากให้ผมที่มีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเองหลีกหนีให้ไกลจากมันที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ผมเลือกทำงานไซด์ไลน์และกลายเป็นเด็กเลี้ยงของลูเซียส ตัวผมก็ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ครึ่งตัวแล้ว ในเมื่อไม่มีทางเลือก ลูเซียสเลยสั่งให้ผมเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารเพื่อมาช่วยดูแลธุรกิจที่ไทยแทน ซึ่งงานนี้ลูเซียสให้ผมเรียนต่อที่รัสเซีย ทุกคนเลยถือโอกาสนี้กลับรัสเซียกันยกทีม เหลือแค่พวกการ์ดอยู่เฝ้าตึกจำนวนหนึ่งเท่านั้น เรื่องพ่ออย่าไปพูดถึง ล่าสุดเห็นว่าออกจากคุกแล้ว แต่จะไปทำอะไรที่ไหนอยู่ยังไงผมไม่สนเพราะอยู่กันคนละประเทศ ส่วนแม่ผมไม่ต้องเป็นห่วง ปัจจุบันร่างกาย

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ป๊อกกี้เดย์

    คุณคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อกที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผมกระซิบถามพี่อาคมท

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบพิเศษ ลอยกระทง

    วันนี้วันลอยกระทง แถมยังเป็นวันซูเปอร์มูน พระจันทร์เต็มดวงและเข้าใกล้โลกมากที่สุด สิ่งที่ผู้คนควรทำคือเตรียมตัวไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ แล้วเดินเที่ยวเล่นชมความงามของพระจันทร์กับเพื่อนฝูง ครอบครัวไม่ก็คนรัก ตัวผมน่ะเหรอ? นั่งไถมือถือด้วยความเบื่อหน่าย... ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบ แต่เพื่อนมันดันไปลอยกับแฟนกันหมดเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าถ่ายรูปมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก เฮียเฟย์ถ่ายรูปปอนด์ถือกระทงยืนคู่กับแม่ โดยมีฉากหลังเป็นผู้คนกับผืนน้ำที่มีกระทงลอยอยู่เต็มไปหมด เกิดเป็นดวงไฟสีส้มระยิบระยับ ซันโป้ ไอ้คู่ผัวเมียฮาร์ดคอ โป้มันถ่ายรูปเท้าตัวเองทำท่าจะยันก้นซันลงน้ำ ขณะที่ซันกำลังนั่งอธิษฐาน ริวถ่ายภาพกระทงสองอัน เห็นชายเสื้อชอปประจำสาขามันแวบๆ แสดงว่ามันไปลอยกับพี่ธันชัวร์ ภาพของวาเล่นับว่าเด็ดสุด เล่เซลฟี่ระหว่างหอมแก้มวาที่ทำหน้าเซ็งถือกระทง ด้านหลังสองคนนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีโคมลอยมากมาย ดูบรรยากาศคึกคักสมเป็นภาคเหนือ พูดถึงลอยกับครอบครัวยิ่งหดหู่ พ่อผมไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงขี

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่32 คนเดียว

    ปากเก่งไปแบบนั้นแต่ผมก็ยังหนีความจริงเรื่องที่ตัวเองยังอยู่ในวัยเรียนไม่พ้น ดังนั้นผมเลยทำตัวให้สมวัยด้วยการอยู่ดูแลแม่ในระหว่างที่ลูเซียสเคลียร์งานที่รัสเซียตามคำแนะนำของอดีตพาคาน ทำให้ช่วงนั้นผมกับลูเซียสห่างกันอีกรอบ ด้วยตัวตนของลูเซียสไม่สะดวกมาที่โรงพยาบาลบ่อยอยู่แล้ว เลยได้แต่ส่งบรรดาการ์ดมาเฝ้า “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจริงๆ” ป้านาเดียร่างท้วมมีเค้าโครงของแม่เอ่ยถามเป็นรอบที่ห้าของวัน เมื่อเข้ามาเจอผมนั่งเล่นไพ่กับไมค์ระหว่างแม่พักผ่อนหลังทานยา อันที่จริงไมค์เองก็ไม่ได้ตัวหนาหุ่นบึกเท่ากับการ์ดคนอื่นๆ แต่เทียบกับคนธรรมดาแล้วก็ยังดูตัวสูงใหญ่กว่าอยู่ดี น่าจะตัวหนากว่าหลงไม่เท่าไหร่ แถมยังเป็นหมอบรรยากาศรอบตัวเลยไม่เยือกเย็นเท่าหลง ถึงแบบนั้นป้านาเดียก็ยังแสดงทีท่าระแวงชัดเจน ในขณะที่ผมสุดแสนจะชิลหรือเป็นเพราะผมเจอแต่พวกหุ่นหมีจนชินแล้วก็ไม่ทราบ “อย่าห่วงเลยป้านาเดีย พี่ไมค์เป็นคนที่พ่อบุญธรรมส่งมาเพื่อดูแลผม เห็นแบบนี้เขาเป็นหมอนะ” ผมตบมือป้าที่วางบนแขนเบาๆ เป็นเชิงปลอบ หลังป้ารีบถลาเข้ามาคว้าตัวผมไปหลบทั้งที่ตัวเองก็กลัว

  • The Contract Mafia (ป๋า-มิท)   รอบที่31 เรื่องเล่า

    หลังจากการแนะนำตัวกันแบบง่ายๆ ก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ กระทั่งเสียงหายใจแฮ่กๆ ของเจ้าหมาก็ไม่อาจทำลายความเงียบนี้ลงได้ ผมยืนตัวเกร็งจนตะคริวแทบกิน นอกจากลูเซียสจะไม่ช่วยแล้วยังจะร่วมด้วยช่วยกันจ้อง แม้ภายนอกสองอาหลานจะไม่เหมือนกันเลย แต่แววตาเหมือนถอดพิมพ์กันมา ผมเลยเกร็งคูณสอง พอเหลือบสายตามองด้านหลังไม่เห็นเงาพี่อาคม คาดว่าน่าจะรออยู่ในรถไม่ได้ลงมาด้วย ยิ่งบ่งบอกความสำคัญของผู้ที่อยู่บนรถเข็น สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไงดี... “เด็กเลี้ยง?” อาคนงามแม้อายุจะล่วงเลยถึงเลขห้าเงยหน้าถามหลานชายตัวเอง ในขณะที่คนฟังแทบจะโห่ร้อง ในที่สุดก็ไม่เงียบแล้ว แม้จะเป็นประเด็นอ่อนไหวก็ตาม! ลูเซียสก้มตอบด้วยรอยยิ้มจาง “ครับ ทั้งเลี้ยงและเอ็นดู” ดวงตาสีน้ำเงินสวยสองคู่ สัญลักษณ์ของสายเลือดมิไรฮอฟมองสบตากันสื่อความนัย “ติดใจลีลาบนเตียง?” “ครับ” “สมกับเป็นหลานฉันจริงๆ” ผมอึ้ง นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บรรยากาศที่กดดันตอนแรกก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นเพียงแค่หลานชายมาพบญาติผู้ใหญ่ของตั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status