บทนำ
คืนบุปผาแรกแย้มคืนบุปผาแรกแย้ม
หอสราญรมย์ หอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งต้าซาง ในช่วงเวลาทุกสามเดือนจะเปิดประมูลบุปผางามแรกแย้ม โดยแบ่งเป็นการประมูลซื้อขาดกับประมูลเพียงค่ำคืนแรกแย้มแห่งวสันต์สารทของหญิงงาม
หวังชิงเยี่ยน คือหญิงสาววัยสิบห้าปี หนึ่งในบุปผางามที่จะถูกนำขึ้นประมูลในค่ำคืนนี้ แม้จะมีความกังวลและหวาดกลัว ทว่าดวงหน้าเรียวคมกลับซุกซ่อนความหวาดหวั่นนั้นไว้ได้อย่างแนบเนียน แววตาฉ่ำวาวทอดมองผ่านม่านโปร่งสีแดงสด ทุกการเคลื่อนไหวขยับทรวดทรงที่เย้ายวนเกินวัยล้วนสามารถปลุกเร้าบุรุษให้ตื่นตัว แม้จะมองเห็นได้เพียงเลือนรางเช่นนี้
“ห้าตำลึงเงินคืนวสันต์สารท”
“แปดตำลึงเงินคืนวสันต์สารท”
“สิบตำลึงเงินคืนวสันต์สารท”
เสียงบุรุษแหบพร่าเริ่มประมูลราคาดังก้องกังวานไปทั้งหอสราญรมย์ เรียกรอยยิ้มพึงพอใจให้หม่าชิงหลันผู้เป็นแม่เล้าได้เป็นอย่างดี เด็กสาวผู้นี้นางเลี้ยงดูมาอย่างดีร่วมสิบปีวันนี้นับว่าสามารถเรียกคืนกำไรได้คุ้มค่าจริงๆ
“ร้อยตำลึงเงินซื้อขาด”
สิ้นเสียงของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งดังก้อง พัดในมือของหม่าชิงหลันก็หลุดหล่นลงพื้นด้วยอาการตื่นตกตะลึงระคนยินดีในคราวเดียวกัน แม้ส่วนลึกในใจนางจะเสียดายความงามของหญิงสาวบนเวทีที่ภายหน้าคงเรียกเงินเข้ากระเป๋านางได้ไม่น้อย แต่การเลี้ยงคนล้วนมีต้นทุน อีกอย่างหญิงงามที่ผ่านค่ำคืนนี้ไปแล้วยากนักที่จะสามารถสร้างเม็ดเงินให้นางได้แบบเป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อมีบุรุษกระเป๋าหนักเอ่ยทุ่มเงินซื้อคน หม่าชิงหลันจึงไม่ลังเล รีบให้คนสนิทไปนำใบไถ่ตัวหวังชิงเยี่ยนมาในทันที
หวังชิงเยี่ยนเพ่งพิศสายตามองผ่านม่านโปร่งสีแดงก่ำด้วยความสนใจ ชีวิตของหญิงสาวในหอสราญรมย์แห่งนี้ที่ปรารถนาที่สุดก็คือ การถูกไถ่ถอนตัว ยิ่งการถูกไถ่ถอนตั้งแต่คืนประมูลบุปผางามแรกแย้มเช่นนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ดังนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ซื้อขาด ในใจของหวังชิงเยี่ยนจึงยินดีเสียยิ่งกว่าพบทองคำอยู่ตรงหน้า
“เยี่ยนเอ๋อร์ลงมานี่สิ มาคำนับนายท่านตู้เร็วเข้า”
หม่าชิงหลันเอ่ยเรียกหญิงสาวบนเวทีเสียงหวาน มือเรียวจึงค่อยๆ เปิดม่านออกช้าๆ เผยใบหน้าขาวเนียนกระจ่างดุจแสงจันทร์วันเพ็ญ ริมฝีปากบางสีชาดคลี่ยิ้มเล็กน้อยช้อนดวงตาเย้ายวนมองบุรุษที่ยืนข้างกายหม่าชิงหลันด้วยสายตาเขินอายและเชิญชวนอยู่ในที
“เยี่ยนเอ๋อร์คำนับนายท่านตู้”
เสียงหวานใสดุจระฆังแก้วของหญิงงาม สร้างความโกรธแค้นในใจบุรุษมากมายต่อตู้หรงชุน หากคืนนี้หวังชิงเยี่ยนไม่ถูกซื้อขาดแม้พวกเขากระเป๋าไม่หนักพอประมูลคืนวสันต์สารทของนาง แต่ภายหน้าก็ยังสามารถชิมความงดงามนี้ได้ ทว่าเวลานี้คนถูกซื้อขาดไปแล้ว นอกจากมองอย่างขุ่นเคืองริษยาในใจแล้วล้วนไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก
“เด็กดีมาใกล้ๆ นายท่านตู้สิ”
หม่าชิงหลันจับแขนเรียวขาวของอีกฝ่าย ก่อนจะกึ่งผลักกึ่งดันไปยังบุรุษตรงหน้า หวังชิงเยี่ยนผู้ถูกสั่งสอนเรื่องมารยาหญิงมาเป็นอย่างดีเพียงแรงส่งเล็กน้อยของแม่เล้าหม่า ร่างเล็กก็เซถลาไปยังอกแกร่งของชายวันห้าสิบปีตรงหน้า
“อ่ะ! นายท่าน”
หากแต่บุรุษตรงหน้าไม่เพียงไม่โอบกอดนางเข้าแนบอกอย่างที่ควรจะเป็น สองมือหยาบกร้านยังจับประคองไหล่เล็กอย่างตื่นตกใจ เมื่อเห็นว่านางยืนได้มั่นคงแล้วก็รีบปล่อยมือราวกับต้องของร้อน แล้วหันไปรับใบไถ่ตัวของหวังชิงเยี่ยนมาจากหม่าชิงหลัน
“แม่นางหวังเชิญตามข้ามา”
...........................................
บทที่ 1.1 พิธีแต่งงานหวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบางเดินตามตู้หรงชุนออกจากหอสราญรมย์ก้าวขึ้นรถม้าอย่างว่าง่าย จะอย่างไรตัวนางก็เป็นเพียงหญิงนางโลมผู้หนึ่งแม้จะถูกไถ่ถอนตัวตั้งแต่คืนบุปผาแรกแย้มก็มิอาจสลัดสถานะหญิงสาวที่เติบโตในหอนางโลม ภายหน้าให้พยายามแค่ไหนก็มีสถานะเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น ดังนั้นเพื่อชีวิตที่สงบสุขของตนในภายหน้า หวังชิงเยี่ยนจำเป็นต้องเกาะความโปรดปรานของตู้หรงชุนเอาไว้ให้มั่น“นายท่านตู้ ข้าทำสิ่งใดไม่ถูกใจท่านหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงต้องเว้นระยะห่างราวกับรังเกียจข้าเพียงนี้”เสียงหวานสั่นเครือเอ่ยอย่างมีจริตเกินวัยปลุกเร้าให้หัวใจของตู้หรงชุนสั่นไหว เพียงแต่เขารู้สถานะตนเองดีว่ามิอาจแตะต้องบุปผางามดอกนี้ จำต้องกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เบนสายตาหลบความงามที่เกินตัวนางแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า“ขออภัยแม่นางหวัง วันนี้ที่ข้ามาไถ่ตัวแม่นางมิใช่เพื่อรับมาเป็นภรรยาตนเอง ดังนั้นขอแม่นางโปรดระวังกิริยาด้วย”ไม่ได้ไถ่ถอนนางมาเป็นภรรยาตนเอง เช่นนั้นย่อมต้องส่งนางไปเป็นภรรยาผู้อื่น หวังชิงเยี่ยนไม่ได้คิดน้อยใจอะไร อย่างไรเสียชะตาของนางชาตินี้ก็เกิดมาเพื่อใช้ร่างกายปรนเปรอความสุขให้บุรุษ ด
บทที่ 1.2การกลับมาของคุณชายใหญ่“เยี่ยนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ยังปวดหัวอยู่หรือไม่”“ดีขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”หวังชิงเยี่ยนเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ซูอวี้หลันหันไปรับถ้วยยาจากสาวใช้คนสนิทแล้วส่งให้ลูกสะใภ้รอง“ดื่มยาสักหน่อย ท่านหมอซ่งบอกว่ายานี่นอกจากแก้อาการปวดหัวแล้วยังเป็นยาบำรุงสตรีชั้นดี”หวังชิงเยี่ยนรับถ้วยยาจากมือมารดาสามีมาดื่มโดยไร้ท่าทางอิดออด ไร้ท่าทีดื้อดึงซูอวี้หลันยิ้มกว้างมองหญิงสาวบนเตียงด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่ ห้าปีก่อนบุตรชายคนโตของนางเข้ากองทัพ นอกจากจดหมายที่ส่งกลับมาเป็นครั้งคราวแม้แต่เงาของเขามารดาเช่นนางก็ไม่เคยเห็น สองปีก่อนบุตรชายคนรองก็ยังมาล้มป่วยและตายจากไป ชีวิตหญิงม่ายเช่นซูอวี้หลันจึงมีเพียงสะใภ้รองผู้นี้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลเอาใจราวกับเป็นบุตรีที่คลอดจากครรภ์นาง“เจ้าต้องพักให้มาก จะได้หายไวๆ เข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”มือเรียวของสตรีวัยห้าสิบต้นๆ ลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยนก่อนจะประคองหญิงสาวลงนอนแล้วจากไปหวังชิงเยี่ยนมองตามแผ่นหลังของมารดาสามีด้วยหัวใจที่เต็มตื้น สองปีที่นางแต่งเข้าตระกูลหรานมานี้นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของนางจริงๆ เพียงแต
คำเตือน : เนื้อหามีความรุนแรง ข่มขู่ด้วยคำพูดและการกระทำ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านบทที่ 1.3การกลับมาของคุณชายใหญ่“หากนางไม่เข้ามาก็สังหารนางทิ้งเสีย”สิ้นคำสั่งเลือดเย็นประโยคนี้ สองบุรุษหน้าเรือนก็ชักกระบี่ออกจากฝักในทันที หวังชิงเยี่ยนเบิกตากว้างรีบหมุนตัวสาวเท้าเข้าไปหยิบตะกร้าขนมบนโต๊ะหินหน้าเรือนในทันที“เข้าเจ้าค่ะ! ข้าจะเข้าไป! เข้าไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”แม้จะหวาดกลัวและไม่อยากพบพานปีศาจกระหายโลหิตเพียงใด แต่หวังชิงเยี่ยนย่อมหวาดกลัวตนเองไร้ลมหายใจมากกว่า ดังนั้นเมื่อบุรุษหน้าเรือนเก็บกระบี่เปิดประตู นางก็ไม่ลังเลรีบก้าวเท้าเข้าไปในทันทีทว่าก้าวขาเข้าประตูมานั้นไม่ยากเย็น ที่ยากเข็ญคือก้าวเดินต่อไปหวังชิงเยี่ยนตัวสั่นหวาดกลัวจนแม้แต่ลมหายใจก็เผลอกลั้นเอาไว้ สองขาหนักอึ้งราวถูกยึดตรึงไม่สามารถก้าวเดินต่อได้จริงๆ“หากมีขาแต่เดินไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมี”ไม่จำเป็นต้องมี หมายถึงหากนางไม่เดินไปหาเขา เขาจะตัดขานางใช่หรือไม่ หวังชิงเยี่ยนพลันตื่นตกใจ ไม่รอให้คนหลังม่านได้เอ่ยเป็นรอบที่สอง ขาเล็กก็เดินในทันที มือเรียวเปิดม่านลูกปัด ก้าวเข้าไปในห้องด้านใน ทว่ากวาดสายตาจนทั่
บทที่ 2.1รสรักบุปผาแรกแย้ม NCแม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดนี้ไม่ถูกต้องแต่เท้าเล็กของนางก็ขยับแยกออกจากกันอย่างว่าง่าย มุมปากของหรานหมิงอวี้ยกขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความคับแน่นที่ปลายนิ้ว“บุปผาแรกแย้มจริงๆ เสียด้วย”“อ่ะ... อื้ม...”“เก็บเสียงของเจ้าหน่อย ไม่เช่นนั้นทหารของข้าข้างนอกคงทรมานกันน่าดู”เสียงแหบพร่าของแม่ทัพหนุ่มร้องบอกเมื่อสตรีในอ้อมแขนร้องครวญเสียงสั่นในลำคอ เพียงแต่เสียงของนางช่างเย้ายวนถูกใจเขายิ่งนัก นิ้วยาวขยับสอดหยอกเย้าบุปผาแรกแย้มจนหวังชิงเยี่ยนตัวสั่นเกร็งสะท้าน ยามที่บุปผางามถูกปลุกเร้าจนถึงขีดสุด ก็รินหลั่งน้ำหวานออกมาจนชุ่มมือหนา“เสร็จเร็วขนาดนี้ข้าช่วยให้เจ้ามีความสุขอีกสักรอบก็แล้วกัน”หรานหมิงอวี้ขยับนิ้วยาวถี่ระรัวปลุกเร้าส่งหวังชิงเยี่ยนแตะขอบความสุขสมไปอีกรอบจึงยอมถอนมือจากกายสาว ใช้ผ้าผูกผมของนางผูกมัดริมปิดริมฝีปากบาง ก่อนหยิบผ้าขัดตัวมามัดข้อมือเล็กทั้งข้างของนางไว้ด้านหลัง แล้วจับหญิงสาวที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าขึ้นนั่งบนพื้นขอบสระ“อุนอายอย่า”หวังชิงเยี่ยนพยายามขยับตัวถอยหนี หากแต่ข้อเท้าเล็กของนางกลับถูกมือหนาจับยึดแล้ว
บทที่ 2.2 รสรักบุปผาแรกแย้ม หรานหมิงอวี้ขยับตัวขึ้นอุ้มหญิงสาวที่สิ้นแรงกลับเข้าไปในเรือนนอน แม้ร่างกายของเขาจะยังเรียกร้องและปรารถนาครอบครองนางอีกสักสองสามครา แต่เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บจากการถูกเขาจู่โจมระลอกสุดท้ายของเขา แม่ทัพหนุ่มผู้เร่าร้อนก็ทำได้เพียงข่มกลั้นหักห้ามใจตัวเองเอาไว้“ข้าจะตามหมอมาดูเจ้า”ตามหมอ หวังชิงเยี่ยนที่หมดแรงจนแทบสิ้นสติพลันเบิกตากว้างรีบคว้าข้อมือหนาเอาไว้ในทันที“ไม่ได้เจ้าค่ะ”“อาการบาดเจ็บของเจ้าหากไม่รักษาอาจล้มป่วย”หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบางเรื่องนี้นางรู้ดี ทว่าก็ไม่อาจให้เขาตามหมอมาดูอาการตนเองได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหากเรื่องที่นางกับพี่สามีลักลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งรู้ถึงหูแม่สามีตัวนางคงไม่อาจอยู่ในสกุลหรานได้อีก“ข้า... อายเจ้าค่ะ คุณชายท่านอย่าบอกเรื่องนี้กับใครได้ไหมเจ้าคะ”แม้จะดูเป็นเหตุผลที่ไร้เดียงสา ทว่านอกจากประโยคนี้หวังชิงเยี่ยนก็ไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาเอ่ยห้ามหรานหมิงอวี้ได้อีก“เช่นนั้นข้าจะให้คนไปซื้อยามาให้”หรานหมิงอวี้ไม่ใช่บุรุษเรื่องมาก นางไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากเขาก็ไม่คิดทำให้เรื่องวุ่นวาย“ขอบคุณ คุณชายเจ้าค่ะ”หรานหมิงอวี้ออกไป
บทที่ 3น้องสะใภ้ผู้ขี้ลืมหวังชิงเยี่ยนตกใจจนหน้าซีดเมื่อหรานหมิงอวี้ให้คนเข้ามารายงานว่าเขาต้องการเข้ามาเยี่ยมน้องสะใภ้เช่นนาง“ข้าไม่สบายเกรงว่าอาจทำให้คุณชายติดไข้ไปด้วย”เสียงแหบแห้งผิดปกติเอ่ยบอกแก่สาวใช้ที่เข้ามารายงาน หากแต่เสียงที่โต้กลับมากับทำให้ขนกายของหวังชิงเยี่ยนลุกชันไปทั้งตัว“หากน้องสะใภ้ไม่สะดวกเช่นนั้นข้าจะขอเดินเล่นรอบๆ เรือนเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”หวังชิงเยี่ยนรู้ดีว่าหรานหมิงอวี้ไม่ได้มีใจมาเยี่ยมน้องสะใภ้เช่นนางแต่คงต้องการมาหาคนเสียมากกว่าดังนั้นจึงไม่คิดห้ามปรามอะไร จะว่าไปหากนางห้ามคนอย่างหรานหมิงอวี้ก็คงไม่ฟังนางอยู่ดี เช่นนั้นไม่สู้ปล่อยให้เขาหาคนจนพอใจแล้วกลับไปด้วยตนเองเสียดีกว่า“เชิญคุณชายใหญ่ตามสบาย อภัยที่น้องสะใภ้ไม่อาจต้อนรับ”“ไม่จำเป็น”หรานหมิงอวี้เอ่ยบอกปัดอย่างรำคาญใจ น้องสะใภ้ผู้นี้ได้ยินว่าก่อนแต่งเข้าจวนตระกูลหรานนางเป็นนางโลมเลื่องชื่อ หลายปีนี้ใช้มารยาหลอกล่อท่านแม่ของเขาจนรักใคร่เอ็นดูดุจบุตรีผู้หนึ่ง ในใจของหรานหมิงอวี้จึงนึกรังเกียจนางอยู่ถึงแปดส่วน วันนี้หากไม่เพราะต้องการมาตามคนกลับมีหรือที่เขาจะมาเหยียบเรือนที่นางพักเช่นนี้“เรียกมาค
บทที่ 4ปรนนิบัติพี่สามี NCหวังชิงเยี่ยนเดินตัวสั่นมาหยุดที่หน้าเรือนของคุณชายใหญ่หรานสองขาเรียวสั่นสะท้านเล็กน้อย นางไม่ใช่สตรีไร้เดียงสาในห้องหอย่อมรู้ว่าความต้องการอันแท้จริงที่หรานหมิงอวี้ให้นางมาเอาของคืนด้วยตนเองถึงเรือนเช่นนี้คืออะไร เพียงแต่แรกเริ่มเรื่องระหว่างนางกับพี่สามีผู้นี้เกิดจากความเข้าใจผิดพลาด เพื่อให้ภายหน้านางสามารถอยู่ในตระกูลหรานต่อได้อย่างสงบสุข วันนี้หวังชิงเยี่ยนจำต้องเจรจาทำความเข้าใจกับเขาให้ชัดเจน“ขะ... ข้ามาพบคุณชายใหญ่”ทหารหน้าประตูเรือนมองสตรีที่พวกเขาตามหามาร่วมเดือนด้วยความตื่นตกใจ หากแต่ไม่ทันได้สอบถามหาข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายเสียงเข้มดุดันก็ดังออกมาจากในเรือนใหญ่“ให้นางเข้ามา”หรานหมิงอวี้เอ่ยพรางยกมุมปาก จุดกำยานที่หัวเตียงแล้ว ปลดเสื้อตัวนอกออกจากกายเหลือเพียงกางเกงตัวในเนื้อบางเบา ตั้งแต่ที่พ่อบ้านตู้นำของว่างมาส่ง เขาก็เริ่มสงสัยกับรสชาติขนมที่รู้สึกคุ้นเคย ทว่าให้คิดอย่างละเอียดแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคาดเดาว่าสตรีผู้ที่เขาร่วมรักอย่างเร่าร้อนผู้นั้น จะเป็นน้องสะใภ้นางโลมผู้นี้“น้องสะใภ้มาเอาของเหตุใดยังยืนเฉยอยู่หน้าประตู หรือต้องให้พี่สามีเช่นข้
บทที่ 5บุรุษเสเพลหวังชิงเยี่ยนตื่นมาในยามสายด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว อีกทั้งกลางกายสาวยังปวดร้าว ราวกับเพิ่งผ่านศึกหนัก ท้ายทอยของนางหนักอึ้งเมื่อคิดทบทวนเรื่องราวก่อนหน้านี้ดวงตากลมก็เบิกกว้างนางไปพบพี่สามีที่เรือนของเขาไม่ใช่หรือเมื่อเห็นว่าตอนนี้นางอยู่ที่เรือนนอนของตนเองใบหน้าของหวังชิงเยี่ยนก็ซีดเผือดรีบลุกขึ้นแต่งกายแล้วไปยังเรือนของแม่สามี“หากคืนนี้เจ้าไม่มาเอาของคืน พรุ่งนี้ก็ไปรับคืนที่เรือนท่านแม่”คำข่มขู่ของหรานหมิงอวี้ยังก้องอยู่ในหัว หวังชิงเยี่ยนจึงเร่งฝีเท้าไปที่เรือนมารดาสามีด้วยความร้อนรน ทั้งที่จดจำได้ว่าตนเองไปที่เรือนของหรานหมิงอวี้แล้วๆ เหตุใดนางจึงตื่นในเรือนของตนเองได้กัน“ท่านแม่!”หวังชิงเยี่ยนเรียกมารดาสามีด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าในห้องโถงมีบุรุษอีกคนนั่งอยู่ด้วย“เยี่ยนเอ๋อร์ ทำไม่วันนี้มาเช้านักหรือว่าไม่สบายตรงไหนกัน”ซูอวี้หลันมองลูกสะใภ้รองด้วยสายตาห่วงใย อีกทั้งยังรีบลุกไปประคองนางมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ตรงข้ามกับบุตรชายคนโต“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแค่เมื่อคืนฝันร้ายเท่านั้นเช้านี้จึงรีบมาหาท่านแม่ให้ท่านปลอบโยน”ฝันร้าย ยามที่ได้ยินน้องสะใ
บทสุดท้ายความลับของพี่สะใภ้ NC 18+“เหยียนเอ๋อร์ไม่ว่าภายหน้าจะเป็นเช่นไร ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ว่ายังมีพี่ชายหลี่คนนี้ยืนอยู่ข้างเจ้า”เรื่องของเหลียงซินเหยียนกับเซี่ยเฉินซวี่ในวันงานเลี้ยงตระกูลฉินนั้นเป็นที่เล่าลือไปทั้งต้าซางถึงความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้น้องสามีตระกูลเซี่ยและสร้างความเสื่อมเสียให้เซี่ยเฉินซวี่ไม่น้อย เพื่อความก้าวหน้ามั่นคงและรักษาเกียรติของตน เซี่ยเฉินซวี่อาจต้องใช้วิธีไล่เหลียงซินเหยียนออกจากจวน และนี่เป็นเรื่องที่เหลียงเหวินหลี่กังวลไม่น้อยทีเดียว“ขอบคุณชายหลี่มากเจ้าค่ะ เหยียนเอ๋อร์จะจดจำไว้”เหลียงเหวินหลี่ส่งยิ้มอบอุ่นให้น้องสาวตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กส่งกำลังใจให้นาง หากแต่ฝ่ามือไม่ทันสัมผัสผิวกายนาง มือเล็กบนโต๊ะก็ถูกผู้อื่นกอบกุมเอาไว้เสียก่อน“น่าเสียดายที่ข้างกายเหยียนเหยียน ไม่มีที่ว่างให้พี่ชายเช่นคุณชายเหลียงแล้ว”น้ำเสียงเข้มงวดดุดันเช่นนี้ไม่ต้องหันไปมองเหลียงซินเหยียนก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้ใด ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างนาง ขณะที่มือบางถูกเขาจับกุมเอาไว้แน่น เอวเล็กก็ถูกมือหนาโอบกอดกระชับ“คุณชายเซี่ย ท่านควรระวังเรื่องการวางตัวร
บทที่ 5.2สมรสพระราชทานเหลียงซินเหยียนรู้สึกตัวตื่นในยามบ่าย ข้างกายของนางว่างเปล่า สัมผัสบนผ้าปูเตียงนอนที่ไร้ไออุ่นบ่งบอกว่าคนข้างกายจากนางไปนานแล้ว แม้จะรู้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่เป็นที่ปรึกษาขององค์ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน ในเจ็ดวันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างกายพระองค์ถึงห้าวัน แต่ยามที่ตื่นมาพบความเดียวดายตัวนางกลับรู้สึกอ้างว้างและผิดหวังอยู่ลึกๆ ในใจ“ชิงชิง มาช่วยข้าแต่งกายที”สาวใช้คนสนิทเข้ามาประคองผู้เป็นนายลงจากเตียงด้วยสองแก้มที่ร้อนผ่าว นางยังคงจดจำภาพเมื่อยามฟ้าสางที่คุณชายเล็กโอบอุ้มเหลียงซินเหยียนลงจากรถม้าด้วยสภาพไร้สติ บนกายของฮูหยินใหญ่ห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมตัวนอกของคุณชายเล็ก รอยรักมากมายบนลำคอระหงเด่นชัดต่อสายตาผู้คนยามนี้แม้ทั้งสองไม่ป่าวประกาศ แต่ผู้คนทั้งจวนตระกูลเซี่ยต่างก็รับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายทั้งสอง“ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องของท่านกับคุณชายเล็ก”“ข้าคือพี่สะใภ้ ส่วนเขาคือน้องสามี เจ้ารู้แค่นี้ก็พอ”ตราบในที่เซี่ยเฉินซวี่ไม่เอ่ยปากประกาศสถานะของนางเหลียงซินเหยียนก็ไม่ควรป่าวประกาศเช่นกัน ดังนั้นแม้จะถูกสายตาบ่าวไพร่มองด้วยความสงสัย แต่นางก็ยังคงวางตัวปกติไม่
บทที่ 5.1สมรสพระราชทาน (NC18+)“เหยียนเหยียนเจ้าอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตของข้า ไม่ใช่อำนาจ ชื่อเสียงเงินทอง แต่เป็นเจ้า... เหลียงซินเหยียน!”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยจบก็จับคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนรถม้าอันคับแคบ เปิดกระโปรงปลดกางเกงแล้วยกเรียวขาเล็กขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง แนบริมฝีปากจรดลงบนกลีบบุปผานุ่ม ขยับตวัดลิ้นสากลิ้มเลียระเริงบทรักปลุกเร้าจนเหลียงซินเหยียนต้องขบกรามแน่น สอดส่ายสายตามองไปยังหน้าต่างรถม้า นับว่าโชคดีที่รถม้าของเซี่ยเฉินซวี่ค่อนข้างมิดชิด บดบังสายตาผู้คนด้านนอกได้เป็นอย่างดี“อาซวี่... หยุดก่อน อ่ะ...ซี๊ด!”“เจ้าอยากให้ข้าหยุดจริงหรือ... เหยียนเหยียน”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขณะที่ลิ้นร้อนยังคงตวัดตักตวงดื่มด่ำกับน้ำหวานกลางบุปผาของนางอย่างเร่าร้อน“อ่าส์... อื้ม... อาซวี่”“ว่าอย่างไร อยากให้ข้าหยุดหรือไม่”“ไม่! เจ้าเร็วอีกหน่อย อ่ะ... อื้ม...”เหลียงซินเหยียนร้องครวญเสียงสั่น มือที่ถูกเขาผูกมัดเอาไว้กับโครงรถม้าหมุนจับยึดเศษผ้า ยกตัวแอ่นสะโพกโต้ตอบเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสอดรุกถี่กระชั้นเข้ามาในกายสาวเซี่ยเฉินซวี่ใช้นิ้วยาวขยับช่วยสอดปลุกเร้า กระตุ้นให้นางปลดปล่อยสายน้ำ
บทที่ 4.2สิ่งที่สำคัญ (NC เบาๆ)เซี่ยเฉินซวี่ประคองเหลียงซินเหยียนที่ตัวสั่นสะท้านออกมาจากเรือนเล็ก หางตามองเห็นหญิงชั่วโจวหมิงอวี้พาคุณชายรองฉินและคุณชายใหญ่เกาเข้าไปในเรือนก็ขบกรามแน่น ทว่ายามที่คิดจะก้าวเท้าไปเอาเรื่องคน มือบางก็จับชายเสื้อเขาเอาไว้มั่น“รีบพาข้ากลับจวนที”ท่าทีที่ผิดปกติของเหลียงซินเหยียนทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะขบกรามจนแก้มขึ้นสันเมื่อคาดเดาได้ว่าอาการผิดปกติของเหลียงซินเหยียนเกิดจากอะไร“สตรีต่ำช้า นางกล้าวางยาเจ้าหรือ”“เป็นข้าที่ทำตัวเอง”เสียงหวานเอ่ยอย่างแหบพร่า ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินเสียงทุ้มต่ำของสองบุรุษก็เล็ดลอดออกมาจากเรือนเล็ก อีกทั้งถ้อยคำหยาบโลนต่างๆ ที่สอดประสานกับเสียงครวญต่ำ ก็ทำให้สองขาเรียวสั่นสะท้านก้าวเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะทรุดลงที่โคนไม้ใหญ่“เหยียนเหยียนเจ้าไหวหรือไม่”“อาซวี่ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าหาบุรุษให้ข้าสักคน”“พูดเช่นนี้เจ้าอยากให้ข้าสังหารคนหรือไง”เซี่ยเฉินซวี่ได้ยินนางเรียกหาบุรุษอื่นในใจก็เดือดดาลขึ้นมา ทว่าเหลียงซินเหยียนกลับไม่ได้ใส่ใจความขุ่นเคืองของเขาเลยแม้แต่น้อย มือบางกำสาบเสื้อของเขาแน่น เอ่ยเสียงสั่น
คำเตือน เนื้อหามีฉาก3P , เนื้อหามีการกระทำรุนแรง/ใช้กำลัง/บังคับบทที่ 4.1สิ่งสำคัญ“คุณหนูใหญ่โจว คุณหนูเหลียงคนงามของพวกข้าอยู่ที่ใดกัน”คุณชายรองฉินเอ่ยถามเสียงอ้อแอ้พรางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ขณะที่คุณชายใหญ่เกาหันไปจับแขนเล็กของโจวหมิงอวี้กระชากแล้วเอ่ยถามเสียงขุ่น“คิดเล่นตลกกับพวกข้าหรือไง”“โอ๊ย! คุณชายใหญ่เกาข้าเจ็บนะ”โจวหมิงอวี้เอ่ยร้องเสียงสั่น พรางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความตื่นกลัว คุณชายใหญ่เกานั้นมีรสนิยมชื่นชอบความรุนแรงยามเสพสวาท ดังนั้นเมื่อเห็นโจวหมิงอวี้แสดงท่าทางเจ็บปวดกับการกระทำของตนร่างกายของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที“หรือความจริงแล้วเป็นเจ้าที่อยากเล่นสนุกกับพวกเรา”โจวหมิงอวี้เบิกตากว้างสลัดแขนขยับตัววิ่งหนีไปที่ประตูในทันที หากแต่คุณชายใหญ่เกากลับไม่ยอมให้นางหลุดมือ มือหนาจับเส้นผมยาวของนางดึงรั้งจนร่างเพรียวบางเซถลากลับมาซบอกแกร่ง มือหนาข้างหนึ่งของคุณชายใหญ่เกาดึงรั้งเส้นผมนุ่ม อีกข้างบีบปลายคางเล็กให้นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูเล็ก“จะทำเป็นตื่นกลัวไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยสนุกกับพวกเราสองมาแล้ว”โจวหมิงอวี้กลืนน้ำลายฝืด เพราะนา
บทที่ 3.2คืนพิรุณโปรยเซี่ยเฉินซวี่กลับเข้าวังไปเพียงเจ็ดวันเทียบเชิญร่วมงานจิบน้ำชาจากตระกูลฉินก็ถูกส่งมาที่จวนตระกูลเซี่ย เหลียงซินเหยียนที่ยามนี้มีสถานะเป็นฮูหยินใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของจวนตระกูลเซี่ยจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจำต้องไปร่วมงาน หากแต่ยามที่กำลังจะออกจากเรือนนอน ประตูเรือนก็ถูกเปิดออก“ชิงชิง เจ้าอย่าได้ลืมของขวัญที่...”เสียงหวานกลืนหายไปในลำคอเมื่อหันมาสบดวงตาคมที่มองมายังนางด้วยความขุ่นเคืองใจ เหลียงซินเหยียนก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเองด้วยอาการประหม่าขึ้นมา“เอ่อ... น้อง... อาซวี่ชุดนี้ของข้ามีปัญหาหรือ”เหลียงซินเหยียนย่อมจดจำได้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่ไม่ชื่นชอบให้นางเรียกเขาด้วยสรรพนามว่า น้องเล็ก ดังนั้นยามที่อยู่ลำพังนางจึงเรียกขานอีกฝ่ายด้วยชื่อของเขาตามที่เซี่ยเฉินซวี่ต้องการ“ดูดีเกินไป”คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันแน่น นางไปร่วมงานเลี้ยงย่อมสมควรแต่งกายให้ดูดีมิใช่หรือ“ช่างเถิด วันนี้ห้ามเจ้าห่างจากข้าแม้เพียงก้าวเดียว...”เสียงดุเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจนักก่อนจะแบมือยื่นมาเบื้องหน้าเหลียงซินเหยียนมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนเซี่ยเฉินซวี่ถอนหายใจยาว“พี่สะใภ้ของข้าร่
บทที่ 3.1คืนพิรุณโปรย“เฉินซวี่ เจ้าจะทำอะไรข้า!”มุมปากของเซี่ยเฉินซวี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับตัวแทรกเข้ากลางกายสาว แล้วม้วนกระโปรงตัวยาวของนางขึ้นไปกองไว้ที่เอวบาง กำยึดเรียวขาขาวขนาบเอวหนาทั้งสองข้าง มองบุปผาที่ฉ่ำวาวแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า ขยับเอวหนา“ทำให้เจ้าเป็นภรรยาข้าอย่างไรเล่า”เหลียงซินเหยียนไม่ทันได้ตั้งสติเอ่ยถามต่อร่างกายก็สั่นสะท้านปวดร้าวไปทั้งตัว กลางกายสาวคล้ายฉีกขาดริมฝีปากบางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“บัดซบ!”เซี่ยเฉินซวี่สบถเสียงกร้าวลอดไรฟันเมื่อไม่สามารถแทรกตัวเข้าประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเหลียงซินเหยียนได้อย่างสุดทาง ทั้งที่เขาเตรียมความพร้อมให้กับนางแล้วแท้ๆ นับเป็นครั้งแรกที่เขาหงุดหงิดกับขนาดความเป็นบุรุษที่เกินตัวของตนเอง“น้องเล็กข้าเจ็บ เจ้าเอาออกก่อนได้หรือไม่”เมื่อได้ยินเหลียงซินเหยียนเรียกขานตนเองว่าน้องเล็กในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็เกิดคลื่นความขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที มือหนาจับเรียวขาขาวแน่นจนเป็นรอยมือ พร้อมกับขยับแยกขานางจนสุดเพื่อให้เขาได้สอดแทรกประสานกายเข้าฝังตัวตน ก่อนจะกดเอวหนาจู่โจมประสานเป็นหนึ่งเดียวกับคนใต้ร่างครั้งเดียวสุดทางรัก“อร๊าย!... เจ็บ น้อ
บทที่ 2.3การกลับมาของน้องสามี“เหลียงซินเหยียน หากเจ้ายังไม่หยุดมือก็อย่าหาว่าข้าเป็นบุรุษต่ำช้า”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยเสียงลอดไรฟัน มือหนายังคงกำข้อมือเล็กเอาไว้มั่นเหลียงซินเหยียนถอนหายใจยาวก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างตีลงบนหลังมือหนาแล้วเอ่ยเสียงดุ“พอมีตำแหน่งใหญ่โตก็ดุพี่สะใภ้เช่นข้าแล้วหรือ ผู้ใดกันเคยบอกจะไม่ดื้อกับข้า จะเชื่อฟังข้า”พี่สะใภ้ ยามที่ได้ยินนางเอ่ยคำนี้ในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็คล้ายมีไฟกองหนึ่งรุกโชน โทสะในใจพุ่งทะยานจนเผลอจับยึดข้อมือเล็กทั้งสองข้าง ออกแรงดันกดตัวเหลียงซินเหยียนลงนอนแนบกับพื้นเรือน“น้องเล็กเจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้านะ”“เจ้าไม่เคยแต่งกับพี่ใหญ่ จะเป็นพี่สะใภ้ข้าได้อย่างไร”คิ้วเรียวของเหลียงซินเหยียนขมวดเข้าหากันแน่น ในวันแต่งงานของนางกับเซี่ยเฉินอวี้แม้เขาจะถูกเรียกตัวเข้ากองทัพกะทันหัน ทว่าเซี่ยเฉินซวี่ในฐานะน้องชายก็สวมชุดเจ้าบ่าวเข้าพิธีแทนมิใช่หรือ เช่นนี้ย่อมนับว่านางแต่งเข้าตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้องแล้วมิใช่หรือไร“ข้าแต่งเข้าจวนตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้อง ย่อมต้องเป็นพี่สะใภ้เจ้า”“วันนั้นผู้สวมชุดเจ้าบ่าวคือข้า ดังนั้นเจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้ข้าแต่เป็นภร
บทที่ 2.2การกลับมาของน้องสามียามตะวันคล้อยต่ำ ท้องฟ้าไม่ทันมืดมิดสายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง เซี่ยเฉินซวี่เดินเข้ามาที่เรือนเล็กข้างสระบัว ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องอย่างคุ้นเคย หยิบตำราเล่มเก่าของเขาออกมาจากชั้นแล้วนั่งลงที่เบาะนุ่ม ยามที่ใช้ปลายนิ้วเปิดหน้าตำรามุมปากของเขาก็ยกขึ้น นึกถึงช่วงชีวิตเมื่อหลายปีก่อน แล้วยกมือของตนเองขึ้นมองด้วยความคะนึงหาสัมผัสอันอ่อนโยนของใครบางคน ใครบางคนที่ครั้งหนึ่งเคยฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากโคลนตมอันต่ำต้อยหากแต่ในขณะที่กำลังคิดถึงวันเวลาในอดีตแสงเทียนด้านข้างโต๊ะเตี้ยก็ไหววูบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น นับจากที่เขาสอบได้ระดับจอหงวนและเป็นบัณฑิตหนุ่มผู้ที่ฝ่าบาทโปรดปราน ชีวิตที่เคยไร้คนเหลียวแลก็ถูกผู้คนใส่ใจในทันที ยามกลางวันมีบุรุษมากมายเข้ามาตีสนิทหวังคบหา ยามกลางคืนมีสตรีมากหน้าเข้ามาแนบชิดหวังเคียงคู่ ทว่าไม่ว่าสตรีใดเขาก็ไม่ปรารถนาให้เคียงข้าง ไม่แม้แต่จะยินดีให้ผู้ใดจับมือ เว้นเพียง...“น้องเล็ก”เสียงหวานคุ้นเคยทำให้ใบหน้าคมที่แสดงสีหน้าขุ่นเคืองแปลเปลี่ยนเป็นสงสัย เงยขึ้นมองไปยังประตูเรือน ภาพสตรีในชุดไว้ทุกข์สีขาวเนื้อตัวเปียกปอนพลันปรากฏอยู่