คำเตือน : เนื้อหามีความรุนแรง ข่มขู่ด้วยคำพูดและการกระทำ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บทที่ 1.3
การกลับมาของคุณชายใหญ่
“หากนางไม่เข้ามาก็สังหารนางทิ้งเสีย”
สิ้นคำสั่งเลือดเย็นประโยคนี้ สองบุรุษหน้าเรือนก็ชักกระบี่ออกจากฝักในทันที หวังชิงเยี่ยนเบิกตากว้างรีบหมุนตัวสาวเท้าเข้าไปหยิบตะกร้าขนมบนโต๊ะหินหน้าเรือนในทันที
“เข้าเจ้าค่ะ! ข้าจะเข้าไป! เข้าไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
แม้จะหวาดกลัวและไม่อยากพบพานปีศาจกระหายโลหิตเพียงใด แต่หวังชิงเยี่ยนย่อมหวาดกลัวตนเองไร้ลมหายใจมากกว่า ดังนั้นเมื่อบุรุษหน้าเรือนเก็บกระบี่เปิดประตู นางก็ไม่ลังเลรีบก้าวเท้าเข้าไปในทันที
ทว่าก้าวขาเข้าประตูมานั้นไม่ยากเย็น ที่ยากเข็ญคือก้าวเดินต่อไปหวังชิงเยี่ยนตัวสั่นหวาดกลัวจนแม้แต่ลมหายใจก็เผลอกลั้นเอาไว้ สองขาหนักอึ้งราวถูกยึดตรึงไม่สามารถก้าวเดินต่อได้จริงๆ
“หากมีขาแต่เดินไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมี”
ไม่จำเป็นต้องมี หมายถึงหากนางไม่เดินไปหาเขา เขาจะตัดขานางใช่หรือไม่ หวังชิงเยี่ยนพลันตื่นตกใจ ไม่รอให้คนหลังม่านได้เอ่ยเป็นรอบที่สอง ขาเล็กก็เดินในทันที มือเรียวเปิดม่านลูกปัด ก้าวเข้าไปในห้องด้านใน ทว่ากวาดสายตาจนทั่วห้องกลับไร้เงาคน เช่นนั้นแล้วเสียงที่นางได้ยินเมื่อครู่มาจากที่ใดกัน
“เข้ามา!”
เสียงเข้มดุดันดังมาจากห้องข้างเมื่อหวังชิงเยี่ยนเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ไอน้ำจางๆ ลอยคละคลุ้ง เท้าเล็กค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งสายตามองเห็นแผ่นหลังกว้างพิงอยู่ที่ขอบสระน้ำขนาดกลาง ลำคอของหวังชิงเยี่ยนก็พลันแห้งผาก อย่างไรนางก็เป็นสตรีวัยออกเรือนอีกทั้งยังเติบโตในหอนางโลมเรียนรู้เรื่องชายหญิงตั้งแต่สิบขวบยามเห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยของบุรุษร่างกายจึงตื่นตัวง่ายกว่าสตรีทั่วไป
“เข้ามาขัดหลังให้ข้า”
หรานหมิงอวี้เอ่ยบอกอย่างหงุดหงิดใจ หากไม่ใช่เพราะมารดาบ่นเรื่องเนื้อตัวที่สกปรกของเขามีหรือที่เขาจะต้องเรียกให้สตรีน่ารำคาญใจผู้นี้เข้ามาขัดตัวให้
“จะ... เจ้าค่ะ”
หวังชิงเยี่ยนขานรับอย่างว่าง่าย หากแต่สองขากลับไม่ค่อยเชื่อฟังกว่าจะเดินไปถึงขอบสระได้ก็ใช้เวลานานกว่าปกติ มือเรียวขาววางตะกร้าของว่างลงแล้วหยิบผ้าขัดตัวขึ้นมาพันมือ ค่อยๆ วางลงบนแผ่นหลังกว้างขัดถูให้คนในสระอย่างเบามือ
“แขนพิการหรือไง ออกแรงให้มากหน่อย”
คนถูกดุจนตัวสั่นเม้มริมฝีปากบางออกแรงขัดตัวให้เขามากขึ้น หลังจากออกแรงขัดตัวให้คนในสระจนมั่นใจว่าสะอาดดีแล้วหวังชิงเยี่ยนก็รีบวางผ้าขัดตัวลง
“คุณชาย ข้าขัดหลังให้ท่านเสร็จแล้ว ขอ...”
หวังชิงเยี่ยนเอ่ยไม่ทันจบประโยคข้อมือเล็กจึงถูกมือหยาบกร้านจับ ออกแรงบิดเพียงเล็กน้อยภาพรอบตัวนางก็หมุนคว้าง รู้ตัวอีกคราร่างกายก็ตกกระทบสายน้ำอุ่นกลางสระ เสื้อผ้าที่สวมใส่เปียกชุ่มแนบเนื้อตัวเผยสัดส่วนที่เย้าตาบุรุษ
“คะ... คุณชายจะทำอะไรเจ้าคะ”
“ขัดข้างหลังแล้ว ก็มาขัดข้างหน้าต่ออย่างไรเล่า”
หรานหมิงอวี้ยกมุมปากขึ้นเย้นหยัน นึกถึงเรื่องที่มารดาเร่งรัดให้เขาออกเรือนเพื่อมีทายาทให้ตระกูลหราน และคงเพราะเขาไม่ยอมรับปาก มารดาจึงส่งคนมาให้เขาผลิตทายาทถึงที่เช่นนี้
หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบางมองใบหน้าคมเข้มดุดันของบุรุษตรงหน้าด้วยใจที่สั่นสะท้าน เอื้อมไปหยิบผ้าขัดตัวมาถือเอาไว้แล้ววางลงบนอกแกร่ง ขัดถูให้เขาเบาๆ
“ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ เจ้ากำลังขัดตัวให้ข้าหรือกำลังคิดเล้าโลมข้ากันแน่”
หวังชิงเยี่ยนได้ยินคำพูดของหรานหมิงอวี้ก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขาส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความตื่นตระหนก แม้บุรุษที่หวังชิงเยี่ยนแต่งด้วยจะเป็นเพียงป้ายวิญญาณแผ่นหนึ่งแต่นางก็ถือได้ว่าแต่งเป็นภรรยาของหรานหมิงรุ่ย เป็นสะใภ้รองของสกุลหรานเป็นน้องสามีของบุรุษตรงหน้า ให้แต่เดิมนางเป็นเพียงสตรีในหอนางโลมที่ไร้การอบรมเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่นางก็ไม่ได้ไร้คุณธรรมคิดรวบทั้งพี่ทั้งน้องเป็นสามีเช่นนั้น
“ข้าไม่ได้คิดยั่วยวนคุณชายนะเจ้าคะ ขะ... ข้าแค่... อ่ะ!”
หวังชิงเยี่ยนเอ่ยไม่ทันจบประโยค หรานหมิงอวี้ก็ใช้มือข้างหนึ่งโอบรัดดึงรั้งนางเข้าแนบอก พร้อมกับใช้มืออีกข้างจับคางเล็กบีบจนปลายนิ้วยาวจมหายไปในแก้มนุ่ม
“หน้าตาไม่เลว เช่นนี้คงคลอดบุตรที่ถูกใจให้ท่านแม่ได้”
หรานหมิงอวี้เอ่ยพรางใช้ดวงตาพินิจพิจารณาสตรีในอ้อมแขน ใบหน้าเรียวงาม ผิวกายละเอียดนุ่มมือ รูปร่างได้สัดส่วนตามแบบสตรีที่บุรุษพึงใจ เพียงได้แนบชิดก็กระตุ้นอารมณ์บุรุษของเขาให้ตื่นตัวในทันที
คลอดบุตร นี่หรานหมิงอวี้คงไม่คิด...
“เคยหรือยัง”
แน่นอนว่าคำถามนี้หวังชิงเยี่ยนย่อมเข้าใจดี ใบหน้าเล็กส่ายไปมา ไม่ใช่เพียงเพื่อปฏิเสธคำถามของเขา แต่นางยังปฏิเสธเรื่องการคลอดบุตรให้เขาด้วย หากแต่เพราะถูกอีกฝ่ายบีบพวงแก้มเอาไว้จึงไม่อาจอธิบายสถานะของตนเองได้
“อ่ะ! อุนอายอ่า”
เสียงหวานร้องสั่นเครือห้ามไม่ได้ศัพท์ในลำคอเมื่อเสื้อตัวนอกถูกเขาปลดออก อกอวบถูกมือหยาบกร้านอีกข้างวางทาบเคล้นคลึงผ่านอาภรณ์ที่เปียกชุ่ม
“อย่าช้าหรือว่าอย่าเอาแค่รอบเดียว”
หวังชิงเยี่ยนแม้จะเติบโตในหอนางโลม แต่เพื่อให้ร่างกายนี้บริสุทธิ์และไร้เดียงสากับสัมผัสบุรุษ หม่าชิงหลันจึงไม่เคยให้เหล่าหญิงงามได้สัมผัสรสรักของบุรุษจริงๆ สักครั้ง ดังนั้นยามที่ถูกหรานหมิงอวี้สัมผัสแนบชิดเช่นนี้ร่างกายของหวังชิงเยี่ยนจึงสั่นสะท้านตื่นตัว
“สู้มือดีขนาดนี้ คงทนไม่ไหวแล้วล่ะสิ”
หรานหมิงอวี้ออกแรงบีบอกอวบอิ่มที่แข็งต้านมือเขา ก่อนจะเลื่อนลงปลดปมเชือกกางเกงตัวในของนางจนหลุดไปกองที่ข้อเท้าเล็ก
“อ่ะ... อื้ม... อุนอาย”
หรานหมิงอวี้มองใบหน้าที่เปลี่ยนสีของสตรีตรงหน้าแล้วร่างกายของบุรุษก็ยิ่งเร่าร้อน ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครวญในลำคอ ก็ยิ่งทำให้เขาตื่นตัว จับนางหมุนกายแนบชิดแผ่นหลังกับอกแกร่ง ใช้มือหนึ่งปิดริมฝีปากเล็ก อีกมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนตัวนางออกจนเหลือเพียงเรือนร่างขาวเนียน
หวังชิงเยี่ยนส่ายหน้าไปมาดิ้นรนให้ริมฝีปากหลุดจากฝ่ามือหนาเพื่ออธิบายสถานะของตนเอง หากแต่ยิ่งนางพยายามดิ้นรน หรานหมิงอวี้ก็ยิ่งออกแรงกดปิดริมฝีปากบางเอาไว้
“ข้าไม่ชอบสตรีเสียงดัง”
หวังชิงเยี่ยนตัวเกร็งสะท้านเมื่อนิ้วยาวหยาบค่อยๆ สอดเข้ากลางกายสาว
“อ้าขาออกจะได้ไม่เจ็บมาก”
.......................................
บทที่ 2.1รสรักบุปผาแรกแย้ม NCแม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดนี้ไม่ถูกต้องแต่เท้าเล็กของนางก็ขยับแยกออกจากกันอย่างว่าง่าย มุมปากของหรานหมิงอวี้ยกขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความคับแน่นที่ปลายนิ้ว“บุปผาแรกแย้มจริงๆ เสียด้วย”“อ่ะ... อื้ม...”“เก็บเสียงของเจ้าหน่อย ไม่เช่นนั้นทหารของข้าข้างนอกคงทรมานกันน่าดู”เสียงแหบพร่าของแม่ทัพหนุ่มร้องบอกเมื่อสตรีในอ้อมแขนร้องครวญเสียงสั่นในลำคอ เพียงแต่เสียงของนางช่างเย้ายวนถูกใจเขายิ่งนัก นิ้วยาวขยับสอดหยอกเย้าบุปผาแรกแย้มจนหวังชิงเยี่ยนตัวสั่นเกร็งสะท้าน ยามที่บุปผางามถูกปลุกเร้าจนถึงขีดสุด ก็รินหลั่งน้ำหวานออกมาจนชุ่มมือหนา“เสร็จเร็วขนาดนี้ข้าช่วยให้เจ้ามีความสุขอีกสักรอบก็แล้วกัน”หรานหมิงอวี้ขยับนิ้วยาวถี่ระรัวปลุกเร้าส่งหวังชิงเยี่ยนแตะขอบความสุขสมไปอีกรอบจึงยอมถอนมือจากกายสาว ใช้ผ้าผูกผมของนางผูกมัดริมปิดริมฝีปากบาง ก่อนหยิบผ้าขัดตัวมามัดข้อมือเล็กทั้งข้างของนางไว้ด้านหลัง แล้วจับหญิงสาวที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าขึ้นนั่งบนพื้นขอบสระ“อุนอายอย่า”หวังชิงเยี่ยนพยายามขยับตัวถอยหนี หากแต่ข้อเท้าเล็กของนางกลับถูกมือหนาจับยึดแล้ว
บทที่ 2.2 รสรักบุปผาแรกแย้ม หรานหมิงอวี้ขยับตัวขึ้นอุ้มหญิงสาวที่สิ้นแรงกลับเข้าไปในเรือนนอน แม้ร่างกายของเขาจะยังเรียกร้องและปรารถนาครอบครองนางอีกสักสองสามครา แต่เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บจากการถูกเขาจู่โจมระลอกสุดท้ายของเขา แม่ทัพหนุ่มผู้เร่าร้อนก็ทำได้เพียงข่มกลั้นหักห้ามใจตัวเองเอาไว้“ข้าจะตามหมอมาดูเจ้า”ตามหมอ หวังชิงเยี่ยนที่หมดแรงจนแทบสิ้นสติพลันเบิกตากว้างรีบคว้าข้อมือหนาเอาไว้ในทันที“ไม่ได้เจ้าค่ะ”“อาการบาดเจ็บของเจ้าหากไม่รักษาอาจล้มป่วย”หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบางเรื่องนี้นางรู้ดี ทว่าก็ไม่อาจให้เขาตามหมอมาดูอาการตนเองได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหากเรื่องที่นางกับพี่สามีลักลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งรู้ถึงหูแม่สามีตัวนางคงไม่อาจอยู่ในสกุลหรานได้อีก“ข้า... อายเจ้าค่ะ คุณชายท่านอย่าบอกเรื่องนี้กับใครได้ไหมเจ้าคะ”แม้จะดูเป็นเหตุผลที่ไร้เดียงสา ทว่านอกจากประโยคนี้หวังชิงเยี่ยนก็ไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาเอ่ยห้ามหรานหมิงอวี้ได้อีก“เช่นนั้นข้าจะให้คนไปซื้อยามาให้”หรานหมิงอวี้ไม่ใช่บุรุษเรื่องมาก นางไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากเขาก็ไม่คิดทำให้เรื่องวุ่นวาย“ขอบคุณ คุณชายเจ้าค่ะ”หรานหมิงอวี้ออกไป
บทที่ 3น้องสะใภ้ผู้ขี้ลืมหวังชิงเยี่ยนตกใจจนหน้าซีดเมื่อหรานหมิงอวี้ให้คนเข้ามารายงานว่าเขาต้องการเข้ามาเยี่ยมน้องสะใภ้เช่นนาง“ข้าไม่สบายเกรงว่าอาจทำให้คุณชายติดไข้ไปด้วย”เสียงแหบแห้งผิดปกติเอ่ยบอกแก่สาวใช้ที่เข้ามารายงาน หากแต่เสียงที่โต้กลับมากับทำให้ขนกายของหวังชิงเยี่ยนลุกชันไปทั้งตัว“หากน้องสะใภ้ไม่สะดวกเช่นนั้นข้าจะขอเดินเล่นรอบๆ เรือนเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”หวังชิงเยี่ยนรู้ดีว่าหรานหมิงอวี้ไม่ได้มีใจมาเยี่ยมน้องสะใภ้เช่นนางแต่คงต้องการมาหาคนเสียมากกว่าดังนั้นจึงไม่คิดห้ามปรามอะไร จะว่าไปหากนางห้ามคนอย่างหรานหมิงอวี้ก็คงไม่ฟังนางอยู่ดี เช่นนั้นไม่สู้ปล่อยให้เขาหาคนจนพอใจแล้วกลับไปด้วยตนเองเสียดีกว่า“เชิญคุณชายใหญ่ตามสบาย อภัยที่น้องสะใภ้ไม่อาจต้อนรับ”“ไม่จำเป็น”หรานหมิงอวี้เอ่ยบอกปัดอย่างรำคาญใจ น้องสะใภ้ผู้นี้ได้ยินว่าก่อนแต่งเข้าจวนตระกูลหรานนางเป็นนางโลมเลื่องชื่อ หลายปีนี้ใช้มารยาหลอกล่อท่านแม่ของเขาจนรักใคร่เอ็นดูดุจบุตรีผู้หนึ่ง ในใจของหรานหมิงอวี้จึงนึกรังเกียจนางอยู่ถึงแปดส่วน วันนี้หากไม่เพราะต้องการมาตามคนกลับมีหรือที่เขาจะมาเหยียบเรือนที่นางพักเช่นนี้“เรียกมาค
บทที่ 4ปรนนิบัติพี่สามี NCหวังชิงเยี่ยนเดินตัวสั่นมาหยุดที่หน้าเรือนของคุณชายใหญ่หรานสองขาเรียวสั่นสะท้านเล็กน้อย นางไม่ใช่สตรีไร้เดียงสาในห้องหอย่อมรู้ว่าความต้องการอันแท้จริงที่หรานหมิงอวี้ให้นางมาเอาของคืนด้วยตนเองถึงเรือนเช่นนี้คืออะไร เพียงแต่แรกเริ่มเรื่องระหว่างนางกับพี่สามีผู้นี้เกิดจากความเข้าใจผิดพลาด เพื่อให้ภายหน้านางสามารถอยู่ในตระกูลหรานต่อได้อย่างสงบสุข วันนี้หวังชิงเยี่ยนจำต้องเจรจาทำความเข้าใจกับเขาให้ชัดเจน“ขะ... ข้ามาพบคุณชายใหญ่”ทหารหน้าประตูเรือนมองสตรีที่พวกเขาตามหามาร่วมเดือนด้วยความตื่นตกใจ หากแต่ไม่ทันได้สอบถามหาข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายเสียงเข้มดุดันก็ดังออกมาจากในเรือนใหญ่“ให้นางเข้ามา”หรานหมิงอวี้เอ่ยพรางยกมุมปาก จุดกำยานที่หัวเตียงแล้ว ปลดเสื้อตัวนอกออกจากกายเหลือเพียงกางเกงตัวในเนื้อบางเบา ตั้งแต่ที่พ่อบ้านตู้นำของว่างมาส่ง เขาก็เริ่มสงสัยกับรสชาติขนมที่รู้สึกคุ้นเคย ทว่าให้คิดอย่างละเอียดแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคาดเดาว่าสตรีผู้ที่เขาร่วมรักอย่างเร่าร้อนผู้นั้น จะเป็นน้องสะใภ้นางโลมผู้นี้“น้องสะใภ้มาเอาของเหตุใดยังยืนเฉยอยู่หน้าประตู หรือต้องให้พี่สามีเช่นข้
บทที่ 5บุรุษเสเพลหวังชิงเยี่ยนตื่นมาในยามสายด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว อีกทั้งกลางกายสาวยังปวดร้าว ราวกับเพิ่งผ่านศึกหนัก ท้ายทอยของนางหนักอึ้งเมื่อคิดทบทวนเรื่องราวก่อนหน้านี้ดวงตากลมก็เบิกกว้างนางไปพบพี่สามีที่เรือนของเขาไม่ใช่หรือเมื่อเห็นว่าตอนนี้นางอยู่ที่เรือนนอนของตนเองใบหน้าของหวังชิงเยี่ยนก็ซีดเผือดรีบลุกขึ้นแต่งกายแล้วไปยังเรือนของแม่สามี“หากคืนนี้เจ้าไม่มาเอาของคืน พรุ่งนี้ก็ไปรับคืนที่เรือนท่านแม่”คำข่มขู่ของหรานหมิงอวี้ยังก้องอยู่ในหัว หวังชิงเยี่ยนจึงเร่งฝีเท้าไปที่เรือนมารดาสามีด้วยความร้อนรน ทั้งที่จดจำได้ว่าตนเองไปที่เรือนของหรานหมิงอวี้แล้วๆ เหตุใดนางจึงตื่นในเรือนของตนเองได้กัน“ท่านแม่!”หวังชิงเยี่ยนเรียกมารดาสามีด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าในห้องโถงมีบุรุษอีกคนนั่งอยู่ด้วย“เยี่ยนเอ๋อร์ ทำไม่วันนี้มาเช้านักหรือว่าไม่สบายตรงไหนกัน”ซูอวี้หลันมองลูกสะใภ้รองด้วยสายตาห่วงใย อีกทั้งยังรีบลุกไปประคองนางมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ตรงข้ามกับบุตรชายคนโต“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแค่เมื่อคืนฝันร้ายเท่านั้นเช้านี้จึงรีบมาหาท่านแม่ให้ท่านปลอบโยน”ฝันร้าย ยามที่ได้ยินน้องสะใ
บทที่ 6สะใภ้ผู้ว่าง่ายไม่รู้เพราะโชคชะตาหรือวาสนา ก่อนวันงานเลี้ยงชมจันทร์ที่จวนตระกูลฉินหรานหมิงอวี้ก็กลับมาพอดี ซูอวี้หลันจึงให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับหวังชิงเยี่ยน“เยี่ยนเอ๋อร์อย่าได้ลืมเรื่องที่เราคุยกัน”“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ยังจดรายชื่อพวกนางมาด้วย”หวังชิงเยี่ยนมองกระดาษใบเล็กที่สะใภ้รองจดรายชื่อว่าที่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ด้วยความพอใจ ยามที่ส่งนางขึ้นรถม้าจึงยิ้มกว้างด้วยความยินดีหรานหมิงอวี้มองท่าทีของมารดากับน้องสะใภ้แล้วขมวดคิ้วเข้ม ทุกครั้งที่เขากลับมาที่จวนมารดามักหาเรื่องมากมายดึงรั้งไม่ให้เขาออกจากประตูตระกูลหราน หากแต่วันนี้ไม่เพียงไม่ห้ามปรามยังส่งเสริมเขาอีกด้วย“ตอนข้าไม่อยู่ ที่จวนเกิดเรื่องอันใดขึ้น”“ทุกอย่างสงบดีขอรับ”“เช่นนั้นท่านแม่กับหวังชิงเยี่ยนคุยเรื่องอะไรกันไว้”“ฮูหยินจะให้ฮูหยินรองทาบทามหาฮูหยินใหญ่ขอรับ”ฮูหยินใหญ่ สำหรับจวนตระกูลหรานแล้วสถานะนี้คือสถานะภรรยาของเขา ดวงตาคมตวัดมองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยสายตากรุ่นโกรธ หากแต่ไม่ทันเข้าไปซักถามคนในรถม้าให้ชัดเจน ประตูจวนตระกูลฉินก็อยู่เบื้องหน้าหวังชิงเยี่ยนในชุดสีม่วงอ่อนก้าวลงจากรถม้า โดยมีบ่าวชายช
บทที่7ข้าผิดไปแล้วเมื่อกลับถึงจวนตระกูลหราน หวังชิงเยี่ยนก็ขยับตัวลงจากตักของหรานหมิงอวี้ทว่ากลับถูกสายตาดุของเขามองอย่างขุ่นเคือง“เอ่อ... ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะกลับเรือน”“เท้าเจ้าเจ็บ จะลงเดินได้ยังไง”“แต่...”ไม่รอให้นางเอ่ยปากให้มากความหรานหมิงอวี้ก็ขยับตัวอุ้มคนลงจากรถม้าแล้วเดินไปที่เรือนของน้องชายในทันที“คุณชายใหญ่ ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ”“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ที่นี่เป็นจวนตระกูลหรานข้าเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลมีที่ใดที่ข้าเข้าไปไม่ได้กัน”หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบาง ว่ากันด้วยฐานะของเขา สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่อาจโต้แย้ง หากแต่นางมีสถานะเป็นน้องสะใภ้ ส่วนเขามีสถานะเป็นพี่สามี หากมีใครรู้ว่าเขาเข้ามาในเรือนของนางเช่นนี้ย่อมต้องถูกผู้คนครหา“คุณชายใหญ่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”“หากข้าบอกว่าเหมาะสม ผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าไม่เหมาะสมกัน”“ข้า!”เสียงสูงแผดก้องจากด้านหลังทำให้แผ่นหลังของหวังชิงเยี่ยนสั่นสะท้าน ร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่นเทา“ท่านแม่!”ซูอวี้หลันมองบุตรชายคนโตรังแกลูกสะใภ้คนรองของนางด้วยความขุ่นเคือง แม้รู้ว่าหรานหมิงอวี้เกียจชังหวังชิงเยี่ยน
บทสุดท้ายโทษทัณฑ์ร้อนรัก NCหรานหมิงอวี้เปลื้องผ้าของตนเองออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงคร่อมเอวบางของคนที่สร้างความปั่นป่วนในใจของเขามาทั้งวัน“เยี่ยนเอ๋อร์ของข้า ข้าพร้อมถูกเจ้าลงโทษแล้ว”หวังชิงเยี่ยนคลี่ยิ้มเย้ายวน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบลำคอหนาอีกข้างไล้ไปบนแผงอกแกร่ง“ท่านแม่ทัพของข้า คืนนี้อย่าหวังว่าข้าจะละเว้นท่านโดยง่าย”มือเรียวเลื่อนลงต่ำลูบไล้ปลุกเร้าจนหรานหมิงอวี้แหงนหน้าร้องครวญเสียงสั่น มือเรียวออกแรงดึงรั้งลำคอหนาลงเข้าแนบชิด บดเบียดริมฝีปากบางกับริมฝีปากหยักสอดลิ้นร้อนเข้าไปเกาะเกี่ยวรุกไล่ ลิ้มรสรักอันเร่าร้อนของพี่สามี ขณะที่มือบางอีกข้างก็ขยับลูบไล้ครอบครองแก่นกายของเขาแน่น“อ่าส์... เยี่ยนเอ๋อร์ ให้ข้ารักเจ้าเถิด ข้าจะไม่ไหวแล้ว”เสียงแหบพร่าร้องอ้อนวอนสั่นเทาที่ข้างใบหูเล็ก หวังชิงเยี่ยนกดแนบริมฝีปากบางไปตามลำคอแกร่ง ทาบทับตำแหน่งที่เขาเคยถูกหญิงอื่นตีตราเอาไว้เมื่อคราวก่อน“ต่อไปท่านคือบุรุษของข้าเพียงผู้เดียว ห้ามให้ใครแตะต้องท่านอีก”“นับจากข้าเป็นของเจ้าก็ไม่เคยให้ใครได้แตะต้องอีก”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ทว่าเมื่อนึกถึงผงกำยานที่นางปัดตกจากโต๊ะหัวเตี
บทสุดท้ายความลับของพี่สะใภ้ NC 18+“เหยียนเอ๋อร์ไม่ว่าภายหน้าจะเป็นเช่นไร ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ว่ายังมีพี่ชายหลี่คนนี้ยืนอยู่ข้างเจ้า”เรื่องของเหลียงซินเหยียนกับเซี่ยเฉินซวี่ในวันงานเลี้ยงตระกูลฉินนั้นเป็นที่เล่าลือไปทั้งต้าซางถึงความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้น้องสามีตระกูลเซี่ยและสร้างความเสื่อมเสียให้เซี่ยเฉินซวี่ไม่น้อย เพื่อความก้าวหน้ามั่นคงและรักษาเกียรติของตน เซี่ยเฉินซวี่อาจต้องใช้วิธีไล่เหลียงซินเหยียนออกจากจวน และนี่เป็นเรื่องที่เหลียงเหวินหลี่กังวลไม่น้อยทีเดียว“ขอบคุณชายหลี่มากเจ้าค่ะ เหยียนเอ๋อร์จะจดจำไว้”เหลียงเหวินหลี่ส่งยิ้มอบอุ่นให้น้องสาวตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กส่งกำลังใจให้นาง หากแต่ฝ่ามือไม่ทันสัมผัสผิวกายนาง มือเล็กบนโต๊ะก็ถูกผู้อื่นกอบกุมเอาไว้เสียก่อน“น่าเสียดายที่ข้างกายเหยียนเหยียน ไม่มีที่ว่างให้พี่ชายเช่นคุณชายเหลียงแล้ว”น้ำเสียงเข้มงวดดุดันเช่นนี้ไม่ต้องหันไปมองเหลียงซินเหยียนก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้ใด ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างนาง ขณะที่มือบางถูกเขาจับกุมเอาไว้แน่น เอวเล็กก็ถูกมือหนาโอบกอดกระชับ“คุณชายเซี่ย ท่านควรระวังเรื่องการวางตัวร
บทที่ 5.2สมรสพระราชทานเหลียงซินเหยียนรู้สึกตัวตื่นในยามบ่าย ข้างกายของนางว่างเปล่า สัมผัสบนผ้าปูเตียงนอนที่ไร้ไออุ่นบ่งบอกว่าคนข้างกายจากนางไปนานแล้ว แม้จะรู้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่เป็นที่ปรึกษาขององค์ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน ในเจ็ดวันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างกายพระองค์ถึงห้าวัน แต่ยามที่ตื่นมาพบความเดียวดายตัวนางกลับรู้สึกอ้างว้างและผิดหวังอยู่ลึกๆ ในใจ“ชิงชิง มาช่วยข้าแต่งกายที”สาวใช้คนสนิทเข้ามาประคองผู้เป็นนายลงจากเตียงด้วยสองแก้มที่ร้อนผ่าว นางยังคงจดจำภาพเมื่อยามฟ้าสางที่คุณชายเล็กโอบอุ้มเหลียงซินเหยียนลงจากรถม้าด้วยสภาพไร้สติ บนกายของฮูหยินใหญ่ห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมตัวนอกของคุณชายเล็ก รอยรักมากมายบนลำคอระหงเด่นชัดต่อสายตาผู้คนยามนี้แม้ทั้งสองไม่ป่าวประกาศ แต่ผู้คนทั้งจวนตระกูลเซี่ยต่างก็รับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายทั้งสอง“ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องของท่านกับคุณชายเล็ก”“ข้าคือพี่สะใภ้ ส่วนเขาคือน้องสามี เจ้ารู้แค่นี้ก็พอ”ตราบในที่เซี่ยเฉินซวี่ไม่เอ่ยปากประกาศสถานะของนางเหลียงซินเหยียนก็ไม่ควรป่าวประกาศเช่นกัน ดังนั้นแม้จะถูกสายตาบ่าวไพร่มองด้วยความสงสัย แต่นางก็ยังคงวางตัวปกติไม่
บทที่ 5.1สมรสพระราชทาน (NC18+)“เหยียนเหยียนเจ้าอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตของข้า ไม่ใช่อำนาจ ชื่อเสียงเงินทอง แต่เป็นเจ้า... เหลียงซินเหยียน!”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยจบก็จับคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนรถม้าอันคับแคบ เปิดกระโปรงปลดกางเกงแล้วยกเรียวขาเล็กขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง แนบริมฝีปากจรดลงบนกลีบบุปผานุ่ม ขยับตวัดลิ้นสากลิ้มเลียระเริงบทรักปลุกเร้าจนเหลียงซินเหยียนต้องขบกรามแน่น สอดส่ายสายตามองไปยังหน้าต่างรถม้า นับว่าโชคดีที่รถม้าของเซี่ยเฉินซวี่ค่อนข้างมิดชิด บดบังสายตาผู้คนด้านนอกได้เป็นอย่างดี“อาซวี่... หยุดก่อน อ่ะ...ซี๊ด!”“เจ้าอยากให้ข้าหยุดจริงหรือ... เหยียนเหยียน”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขณะที่ลิ้นร้อนยังคงตวัดตักตวงดื่มด่ำกับน้ำหวานกลางบุปผาของนางอย่างเร่าร้อน“อ่าส์... อื้ม... อาซวี่”“ว่าอย่างไร อยากให้ข้าหยุดหรือไม่”“ไม่! เจ้าเร็วอีกหน่อย อ่ะ... อื้ม...”เหลียงซินเหยียนร้องครวญเสียงสั่น มือที่ถูกเขาผูกมัดเอาไว้กับโครงรถม้าหมุนจับยึดเศษผ้า ยกตัวแอ่นสะโพกโต้ตอบเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสอดรุกถี่กระชั้นเข้ามาในกายสาวเซี่ยเฉินซวี่ใช้นิ้วยาวขยับช่วยสอดปลุกเร้า กระตุ้นให้นางปลดปล่อยสายน้ำ
บทที่ 4.2สิ่งที่สำคัญ (NC เบาๆ)เซี่ยเฉินซวี่ประคองเหลียงซินเหยียนที่ตัวสั่นสะท้านออกมาจากเรือนเล็ก หางตามองเห็นหญิงชั่วโจวหมิงอวี้พาคุณชายรองฉินและคุณชายใหญ่เกาเข้าไปในเรือนก็ขบกรามแน่น ทว่ายามที่คิดจะก้าวเท้าไปเอาเรื่องคน มือบางก็จับชายเสื้อเขาเอาไว้มั่น“รีบพาข้ากลับจวนที”ท่าทีที่ผิดปกติของเหลียงซินเหยียนทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะขบกรามจนแก้มขึ้นสันเมื่อคาดเดาได้ว่าอาการผิดปกติของเหลียงซินเหยียนเกิดจากอะไร“สตรีต่ำช้า นางกล้าวางยาเจ้าหรือ”“เป็นข้าที่ทำตัวเอง”เสียงหวานเอ่ยอย่างแหบพร่า ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินเสียงทุ้มต่ำของสองบุรุษก็เล็ดลอดออกมาจากเรือนเล็ก อีกทั้งถ้อยคำหยาบโลนต่างๆ ที่สอดประสานกับเสียงครวญต่ำ ก็ทำให้สองขาเรียวสั่นสะท้านก้าวเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะทรุดลงที่โคนไม้ใหญ่“เหยียนเหยียนเจ้าไหวหรือไม่”“อาซวี่ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าหาบุรุษให้ข้าสักคน”“พูดเช่นนี้เจ้าอยากให้ข้าสังหารคนหรือไง”เซี่ยเฉินซวี่ได้ยินนางเรียกหาบุรุษอื่นในใจก็เดือดดาลขึ้นมา ทว่าเหลียงซินเหยียนกลับไม่ได้ใส่ใจความขุ่นเคืองของเขาเลยแม้แต่น้อย มือบางกำสาบเสื้อของเขาแน่น เอ่ยเสียงสั่น
คำเตือน เนื้อหามีฉาก3P , เนื้อหามีการกระทำรุนแรง/ใช้กำลัง/บังคับบทที่ 4.1สิ่งสำคัญ“คุณหนูใหญ่โจว คุณหนูเหลียงคนงามของพวกข้าอยู่ที่ใดกัน”คุณชายรองฉินเอ่ยถามเสียงอ้อแอ้พรางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ขณะที่คุณชายใหญ่เกาหันไปจับแขนเล็กของโจวหมิงอวี้กระชากแล้วเอ่ยถามเสียงขุ่น“คิดเล่นตลกกับพวกข้าหรือไง”“โอ๊ย! คุณชายใหญ่เกาข้าเจ็บนะ”โจวหมิงอวี้เอ่ยร้องเสียงสั่น พรางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความตื่นกลัว คุณชายใหญ่เกานั้นมีรสนิยมชื่นชอบความรุนแรงยามเสพสวาท ดังนั้นเมื่อเห็นโจวหมิงอวี้แสดงท่าทางเจ็บปวดกับการกระทำของตนร่างกายของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที“หรือความจริงแล้วเป็นเจ้าที่อยากเล่นสนุกกับพวกเรา”โจวหมิงอวี้เบิกตากว้างสลัดแขนขยับตัววิ่งหนีไปที่ประตูในทันที หากแต่คุณชายใหญ่เกากลับไม่ยอมให้นางหลุดมือ มือหนาจับเส้นผมยาวของนางดึงรั้งจนร่างเพรียวบางเซถลากลับมาซบอกแกร่ง มือหนาข้างหนึ่งของคุณชายใหญ่เกาดึงรั้งเส้นผมนุ่ม อีกข้างบีบปลายคางเล็กให้นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูเล็ก“จะทำเป็นตื่นกลัวไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยสนุกกับพวกเราสองมาแล้ว”โจวหมิงอวี้กลืนน้ำลายฝืด เพราะนา
บทที่ 3.2คืนพิรุณโปรยเซี่ยเฉินซวี่กลับเข้าวังไปเพียงเจ็ดวันเทียบเชิญร่วมงานจิบน้ำชาจากตระกูลฉินก็ถูกส่งมาที่จวนตระกูลเซี่ย เหลียงซินเหยียนที่ยามนี้มีสถานะเป็นฮูหยินใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของจวนตระกูลเซี่ยจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจำต้องไปร่วมงาน หากแต่ยามที่กำลังจะออกจากเรือนนอน ประตูเรือนก็ถูกเปิดออก“ชิงชิง เจ้าอย่าได้ลืมของขวัญที่...”เสียงหวานกลืนหายไปในลำคอเมื่อหันมาสบดวงตาคมที่มองมายังนางด้วยความขุ่นเคืองใจ เหลียงซินเหยียนก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเองด้วยอาการประหม่าขึ้นมา“เอ่อ... น้อง... อาซวี่ชุดนี้ของข้ามีปัญหาหรือ”เหลียงซินเหยียนย่อมจดจำได้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่ไม่ชื่นชอบให้นางเรียกเขาด้วยสรรพนามว่า น้องเล็ก ดังนั้นยามที่อยู่ลำพังนางจึงเรียกขานอีกฝ่ายด้วยชื่อของเขาตามที่เซี่ยเฉินซวี่ต้องการ“ดูดีเกินไป”คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันแน่น นางไปร่วมงานเลี้ยงย่อมสมควรแต่งกายให้ดูดีมิใช่หรือ“ช่างเถิด วันนี้ห้ามเจ้าห่างจากข้าแม้เพียงก้าวเดียว...”เสียงดุเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจนักก่อนจะแบมือยื่นมาเบื้องหน้าเหลียงซินเหยียนมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนเซี่ยเฉินซวี่ถอนหายใจยาว“พี่สะใภ้ของข้าร่
บทที่ 3.1คืนพิรุณโปรย“เฉินซวี่ เจ้าจะทำอะไรข้า!”มุมปากของเซี่ยเฉินซวี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับตัวแทรกเข้ากลางกายสาว แล้วม้วนกระโปรงตัวยาวของนางขึ้นไปกองไว้ที่เอวบาง กำยึดเรียวขาขาวขนาบเอวหนาทั้งสองข้าง มองบุปผาที่ฉ่ำวาวแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า ขยับเอวหนา“ทำให้เจ้าเป็นภรรยาข้าอย่างไรเล่า”เหลียงซินเหยียนไม่ทันได้ตั้งสติเอ่ยถามต่อร่างกายก็สั่นสะท้านปวดร้าวไปทั้งตัว กลางกายสาวคล้ายฉีกขาดริมฝีปากบางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“บัดซบ!”เซี่ยเฉินซวี่สบถเสียงกร้าวลอดไรฟันเมื่อไม่สามารถแทรกตัวเข้าประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเหลียงซินเหยียนได้อย่างสุดทาง ทั้งที่เขาเตรียมความพร้อมให้กับนางแล้วแท้ๆ นับเป็นครั้งแรกที่เขาหงุดหงิดกับขนาดความเป็นบุรุษที่เกินตัวของตนเอง“น้องเล็กข้าเจ็บ เจ้าเอาออกก่อนได้หรือไม่”เมื่อได้ยินเหลียงซินเหยียนเรียกขานตนเองว่าน้องเล็กในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็เกิดคลื่นความขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที มือหนาจับเรียวขาขาวแน่นจนเป็นรอยมือ พร้อมกับขยับแยกขานางจนสุดเพื่อให้เขาได้สอดแทรกประสานกายเข้าฝังตัวตน ก่อนจะกดเอวหนาจู่โจมประสานเป็นหนึ่งเดียวกับคนใต้ร่างครั้งเดียวสุดทางรัก“อร๊าย!... เจ็บ น้อ
บทที่ 2.3การกลับมาของน้องสามี“เหลียงซินเหยียน หากเจ้ายังไม่หยุดมือก็อย่าหาว่าข้าเป็นบุรุษต่ำช้า”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยเสียงลอดไรฟัน มือหนายังคงกำข้อมือเล็กเอาไว้มั่นเหลียงซินเหยียนถอนหายใจยาวก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างตีลงบนหลังมือหนาแล้วเอ่ยเสียงดุ“พอมีตำแหน่งใหญ่โตก็ดุพี่สะใภ้เช่นข้าแล้วหรือ ผู้ใดกันเคยบอกจะไม่ดื้อกับข้า จะเชื่อฟังข้า”พี่สะใภ้ ยามที่ได้ยินนางเอ่ยคำนี้ในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็คล้ายมีไฟกองหนึ่งรุกโชน โทสะในใจพุ่งทะยานจนเผลอจับยึดข้อมือเล็กทั้งสองข้าง ออกแรงดันกดตัวเหลียงซินเหยียนลงนอนแนบกับพื้นเรือน“น้องเล็กเจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้านะ”“เจ้าไม่เคยแต่งกับพี่ใหญ่ จะเป็นพี่สะใภ้ข้าได้อย่างไร”คิ้วเรียวของเหลียงซินเหยียนขมวดเข้าหากันแน่น ในวันแต่งงานของนางกับเซี่ยเฉินอวี้แม้เขาจะถูกเรียกตัวเข้ากองทัพกะทันหัน ทว่าเซี่ยเฉินซวี่ในฐานะน้องชายก็สวมชุดเจ้าบ่าวเข้าพิธีแทนมิใช่หรือ เช่นนี้ย่อมนับว่านางแต่งเข้าตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้องแล้วมิใช่หรือไร“ข้าแต่งเข้าจวนตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้อง ย่อมต้องเป็นพี่สะใภ้เจ้า”“วันนั้นผู้สวมชุดเจ้าบ่าวคือข้า ดังนั้นเจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้ข้าแต่เป็นภร
บทที่ 2.2การกลับมาของน้องสามียามตะวันคล้อยต่ำ ท้องฟ้าไม่ทันมืดมิดสายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง เซี่ยเฉินซวี่เดินเข้ามาที่เรือนเล็กข้างสระบัว ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องอย่างคุ้นเคย หยิบตำราเล่มเก่าของเขาออกมาจากชั้นแล้วนั่งลงที่เบาะนุ่ม ยามที่ใช้ปลายนิ้วเปิดหน้าตำรามุมปากของเขาก็ยกขึ้น นึกถึงช่วงชีวิตเมื่อหลายปีก่อน แล้วยกมือของตนเองขึ้นมองด้วยความคะนึงหาสัมผัสอันอ่อนโยนของใครบางคน ใครบางคนที่ครั้งหนึ่งเคยฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากโคลนตมอันต่ำต้อยหากแต่ในขณะที่กำลังคิดถึงวันเวลาในอดีตแสงเทียนด้านข้างโต๊ะเตี้ยก็ไหววูบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น นับจากที่เขาสอบได้ระดับจอหงวนและเป็นบัณฑิตหนุ่มผู้ที่ฝ่าบาทโปรดปราน ชีวิตที่เคยไร้คนเหลียวแลก็ถูกผู้คนใส่ใจในทันที ยามกลางวันมีบุรุษมากมายเข้ามาตีสนิทหวังคบหา ยามกลางคืนมีสตรีมากหน้าเข้ามาแนบชิดหวังเคียงคู่ ทว่าไม่ว่าสตรีใดเขาก็ไม่ปรารถนาให้เคียงข้าง ไม่แม้แต่จะยินดีให้ผู้ใดจับมือ เว้นเพียง...“น้องเล็ก”เสียงหวานคุ้นเคยทำให้ใบหน้าคมที่แสดงสีหน้าขุ่นเคืองแปลเปลี่ยนเป็นสงสัย เงยขึ้นมองไปยังประตูเรือน ภาพสตรีในชุดไว้ทุกข์สีขาวเนื้อตัวเปียกปอนพลันปรากฏอยู่