บทที่ 5บุรุษเสเพลหวังชิงเยี่ยนตื่นมาในยามสายด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว อีกทั้งกลางกายสาวยังปวดร้าว ราวกับเพิ่งผ่านศึกหนัก ท้ายทอยของนางหนักอึ้งเมื่อคิดทบทวนเรื่องราวก่อนหน้านี้ดวงตากลมก็เบิกกว้างนางไปพบพี่สามีที่เรือนของเขาไม่ใช่หรือเมื่อเห็นว่าตอนนี้นางอยู่ที่เรือนนอนของตนเองใบหน้าของหวังชิงเยี่ยนก็ซีดเผือดรีบลุกขึ้นแต่งกายแล้วไปยังเรือนของแม่สามี“หากคืนนี้เจ้าไม่มาเอาของคืน พรุ่งนี้ก็ไปรับคืนที่เรือนท่านแม่”คำข่มขู่ของหรานหมิงอวี้ยังก้องอยู่ในหัว หวังชิงเยี่ยนจึงเร่งฝีเท้าไปที่เรือนมารดาสามีด้วยความร้อนรน ทั้งที่จดจำได้ว่าตนเองไปที่เรือนของหรานหมิงอวี้แล้วๆ เหตุใดนางจึงตื่นในเรือนของตนเองได้กัน“ท่านแม่!”หวังชิงเยี่ยนเรียกมารดาสามีด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าในห้องโถงมีบุรุษอีกคนนั่งอยู่ด้วย“เยี่ยนเอ๋อร์ ทำไม่วันนี้มาเช้านักหรือว่าไม่สบายตรงไหนกัน”ซูอวี้หลันมองลูกสะใภ้รองด้วยสายตาห่วงใย อีกทั้งยังรีบลุกไปประคองนางมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ตรงข้ามกับบุตรชายคนโต“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแค่เมื่อคืนฝันร้ายเท่านั้นเช้านี้จึงรีบมาหาท่านแม่ให้ท่านปลอบโยน”ฝันร้าย ยามที่ได้ยินน้องสะใ
บทที่ 6สะใภ้ผู้ว่าง่ายไม่รู้เพราะโชคชะตาหรือวาสนา ก่อนวันงานเลี้ยงชมจันทร์ที่จวนตระกูลฉินหรานหมิงอวี้ก็กลับมาพอดี ซูอวี้หลันจึงให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับหวังชิงเยี่ยน“เยี่ยนเอ๋อร์อย่าได้ลืมเรื่องที่เราคุยกัน”“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ยังจดรายชื่อพวกนางมาด้วย”หวังชิงเยี่ยนมองกระดาษใบเล็กที่สะใภ้รองจดรายชื่อว่าที่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ด้วยความพอใจ ยามที่ส่งนางขึ้นรถม้าจึงยิ้มกว้างด้วยความยินดีหรานหมิงอวี้มองท่าทีของมารดากับน้องสะใภ้แล้วขมวดคิ้วเข้ม ทุกครั้งที่เขากลับมาที่จวนมารดามักหาเรื่องมากมายดึงรั้งไม่ให้เขาออกจากประตูตระกูลหราน หากแต่วันนี้ไม่เพียงไม่ห้ามปรามยังส่งเสริมเขาอีกด้วย“ตอนข้าไม่อยู่ ที่จวนเกิดเรื่องอันใดขึ้น”“ทุกอย่างสงบดีขอรับ”“เช่นนั้นท่านแม่กับหวังชิงเยี่ยนคุยเรื่องอะไรกันไว้”“ฮูหยินจะให้ฮูหยินรองทาบทามหาฮูหยินใหญ่ขอรับ”ฮูหยินใหญ่ สำหรับจวนตระกูลหรานแล้วสถานะนี้คือสถานะภรรยาของเขา ดวงตาคมตวัดมองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยสายตากรุ่นโกรธ หากแต่ไม่ทันเข้าไปซักถามคนในรถม้าให้ชัดเจน ประตูจวนตระกูลฉินก็อยู่เบื้องหน้าหวังชิงเยี่ยนในชุดสีม่วงอ่อนก้าวลงจากรถม้า โดยมีบ่าวชายช
บทที่7ข้าผิดไปแล้วเมื่อกลับถึงจวนตระกูลหราน หวังชิงเยี่ยนก็ขยับตัวลงจากตักของหรานหมิงอวี้ทว่ากลับถูกสายตาดุของเขามองอย่างขุ่นเคือง“เอ่อ... ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะกลับเรือน”“เท้าเจ้าเจ็บ จะลงเดินได้ยังไง”“แต่...”ไม่รอให้นางเอ่ยปากให้มากความหรานหมิงอวี้ก็ขยับตัวอุ้มคนลงจากรถม้าแล้วเดินไปที่เรือนของน้องชายในทันที“คุณชายใหญ่ ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ”“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ที่นี่เป็นจวนตระกูลหรานข้าเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลมีที่ใดที่ข้าเข้าไปไม่ได้กัน”หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบาง ว่ากันด้วยฐานะของเขา สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่อาจโต้แย้ง หากแต่นางมีสถานะเป็นน้องสะใภ้ ส่วนเขามีสถานะเป็นพี่สามี หากมีใครรู้ว่าเขาเข้ามาในเรือนของนางเช่นนี้ย่อมต้องถูกผู้คนครหา“คุณชายใหญ่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”“หากข้าบอกว่าเหมาะสม ผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าไม่เหมาะสมกัน”“ข้า!”เสียงสูงแผดก้องจากด้านหลังทำให้แผ่นหลังของหวังชิงเยี่ยนสั่นสะท้าน ร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่นเทา“ท่านแม่!”ซูอวี้หลันมองบุตรชายคนโตรังแกลูกสะใภ้คนรองของนางด้วยความขุ่นเคือง แม้รู้ว่าหรานหมิงอวี้เกียจชังหวังชิงเยี่ยน
บทสุดท้ายโทษทัณฑ์ร้อนรัก NCหรานหมิงอวี้เปลื้องผ้าของตนเองออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงคร่อมเอวบางของคนที่สร้างความปั่นป่วนในใจของเขามาทั้งวัน“เยี่ยนเอ๋อร์ของข้า ข้าพร้อมถูกเจ้าลงโทษแล้ว”หวังชิงเยี่ยนคลี่ยิ้มเย้ายวน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบลำคอหนาอีกข้างไล้ไปบนแผงอกแกร่ง“ท่านแม่ทัพของข้า คืนนี้อย่าหวังว่าข้าจะละเว้นท่านโดยง่าย”มือเรียวเลื่อนลงต่ำลูบไล้ปลุกเร้าจนหรานหมิงอวี้แหงนหน้าร้องครวญเสียงสั่น มือเรียวออกแรงดึงรั้งลำคอหนาลงเข้าแนบชิด บดเบียดริมฝีปากบางกับริมฝีปากหยักสอดลิ้นร้อนเข้าไปเกาะเกี่ยวรุกไล่ ลิ้มรสรักอันเร่าร้อนของพี่สามี ขณะที่มือบางอีกข้างก็ขยับลูบไล้ครอบครองแก่นกายของเขาแน่น“อ่าส์... เยี่ยนเอ๋อร์ ให้ข้ารักเจ้าเถิด ข้าจะไม่ไหวแล้ว”เสียงแหบพร่าร้องอ้อนวอนสั่นเทาที่ข้างใบหูเล็ก หวังชิงเยี่ยนกดแนบริมฝีปากบางไปตามลำคอแกร่ง ทาบทับตำแหน่งที่เขาเคยถูกหญิงอื่นตีตราเอาไว้เมื่อคราวก่อน“ต่อไปท่านคือบุรุษของข้าเพียงผู้เดียว ห้ามให้ใครแตะต้องท่านอีก”“นับจากข้าเป็นของเจ้าก็ไม่เคยให้ใครได้แตะต้องอีก”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ทว่าเมื่อนึกถึงผงกำยานที่นางปัดตกจากโต๊ะหัวเตี
บทนำสะใภ้ใหญ่ในวันแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยของ เหลียงซินเหยียน พิธีการไม่ทันเสร็จสิ้น เซี่ยเฉินอวี้ ผู้เป็นเจ้าบ่าวก็ถูกเรียกตัวเข้ากองทัพ เจ้าสาวเช่นนางทำได้เพียงมองว่าที่สามีขึ้นม้าศึก ส่งสายตาห่วงใยผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานโดยมี เซี่ยเฉินซวี่ สวมชุดเจ้าบ่าวแทนพี่ชาย“แม้พิธีการจะติดขัดไปบ้างแต่ตอนนี้เจ้าก็นับเป็นสะใภ้ใหญ่ตระกูลเซี่ยแล้ว ภายหน้าข้ายังต้องฝากเจ้าดูแลลูกหลานตระกูลเซี่ยให้ดี”เหลียงซินเหยียนยิ้มอ่อนโยนเวลานี้นางนับเป็นสะใภ้ใหญ่จวนตระกูลเซี่ยที่มั่งคั่ง ทว่าก็เป็นสตรีที่หญิงสาวทั้งต้าซางต่างพากันสงสารและขบขันในเวลาเดียวกันแต่งงานมิทันเข้าหอก็ถูกเจ้าบ่าวทอดทิ้งแล้ว หึ! ช่างเป็นสตรีน่าสงสารยิ่งนัก“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านอย่าได้กังวล ดื่มยาแล้วพักผ่อนให้มากๆ นะเจ้าคะ”เพราะบุตรชายแท้ๆ เพียงคนเดียวถูกเรียกกลับกองทัพกะทันหัน มารดาเช่น หรูซูซิน จึงล้มป่วยมาร่วมเดือนแล้ว เหลียงซินเหยียนผู้เป็นสะใภ้ใหญ่จึงต้องแบกรับหน้าที่ดูแลจวนตระกูลเซี่ยแทนอีกฝ่ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง“ตีๆ ตีมันให้หนัก กล้าดีอย่างไรทำเสื้อผ้าชุดใหม่ข้าเปื้อนเช่นนี้”เสียงเอะอะโวยวา
บทที่ 1.1หน้าที่ของพี่สะใภ้เหลียงซินเหยียนมองเรือนพักหลักเล็กที่ทรุดโทรมไม่ต่างจากโรงเก็บฟืนแล้วขมวดคิ้วเรียว เซี่ยเฉินอี้บิดาสามีของนางแม้มีบุตรถึงห้าคน ทว่ากลับมีบุตรชายเพียงสองคน นั่นคือเซี่ยเฉินอวี้บุตรชายคนโตจากฮูหยินใหญ่ และเซี่ยเฉินซวี่บุตรชายคนเล็กจากอนุภรรยา แม้จะเป็นบุตรจากอนุภรรยาแต่ก็เป็นบุตรชายผู้หนึ่ง เหตุใดความเป็นอยู่ของเขาจึงได้ยากลำบากถึงเพียงนี้“เรือนของข้าคับแคบไม่สะดวกต้อนรับพี่สะใภ้ ต้องขออภัยด้วย”เซี่ยเฉินซวี่ย่อมมองสายตาดูแคลนของสตรีข้างกายออกดังนั้นไม่ให้นางต้องเอ่ยปากเขาก็ควรรู้สถานะตนเอง มือผอมแห้งค่อยๆ ขยับดึงออกจากมือนุ่ม ทว่ากลับถูกนิ้วเรียวกระชับแนบแน่นมากขึ้น“ในเมื่อเรือนของน้องเล็กไม่สะดวกต้อนรับข้า เช่นนั้นก็ย้ายไปอยู่เรือนของข้า”ย้ายไปอยู่เรือนของนาง สตรีผู้นี้กล้าเอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาได้อย่างไรกัน แม้เขาจะเป็นเด็กชายวัยเพียงสิบสี่ปี แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องระหว่างชายหญิง ทว่ายังไม่ทันเอ่ยโต้แย้งร่างผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงก็ถูกนางออกแรงจับจูงเดินกลับไปที่เรือนใหญ่ของเซี่ยเฉินอวี้“ฮูหญิง เอ่อ... ท่านจะพาคุณชายเล็กไปที่ใดเจ้าคะ”เสียงบ่าวรับใช้หน
บทที่ 1.2หน้าที่พี่สะใภ้“ข้าได้ยินว่าเจ้าให้อาซวี่มาพักที่เรือนใหญ่”หรูซูซินเอ่ยถามน้ำเสียงแหบพร่า เหลียงซินเหยียนยิ้มกว้างตักยาป้อนอีกฝ่ายด้วยท่าทางสงบนิ่ง นางคาดการณ์ไว้แล้วว่าอย่างไรเสียเรื่องที่นางปกป้องเซี่ยเฉินซวี่จากการถูกโจวหมิงอวี้รังแกก็ไม่อาจปกปิดมารดาสามีได้ ดังนั้นยามถูกถามไถ่เหลียงซินเหยียนจึงไม่รู้สึกตื่นตกใจ ออกจะรู้สึกว่ามารดาสามีถามนางช้าไปด้วยซ้ำ เพราะนับดูนี่ก็เข้าวันที่สามแล้วที่เซี่ยเฉินซวี่มาพักที่เรือนของนาง“ข้าเพียงให้น้องเล็กมาพักชั่วคราวระหว่างซ่อมแซมเรือนเล็กเจ้าค่ะ”เหลียงซินเหยียนตอบกลับพร้อมกับวางถ้วยยาในมือลง ใช้ผ้าไหมนุ่มซับมุมปากให้คนป่วยบนเตียงอย่างใส่ใจแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบนอบน้อม“ท่านพี่ไม่อยู่ น้องสาวทั้งสามก็ออกเรือนไปหมดแล้ว ในจวนเหลือเพียงน้องเล็กเพียงคนเดียว ในฐานะพี่สะใภ้หากข้าดูแลไม่ดีผู้คนภายนอกรู้เข้าอาจตำหนิสกุลเซี่ยได้เจ้าค่ะ”หรูซูซินไม่เคยสนใจว่าลูกอนุผู้นั้นจะเป็นอยู่อย่างไร ดังนั้นขอเพียงไม่สร้างความเดือดร้อนให้นางและความเสื่อมเสียให้ตระกูลเซี่ย อีกฝ่ายจะเป็นจะตาย จะอยู่ที่ใดล้วนไม่สำคัญ“เช่นนั้นก็จัดการให้ดี”“เจ้าค่ะ”.......
บทที่ 2.1การกลับมาของน้องสามีเหลียงซินเหยียนแต่งเข้าตระกูลเซี่ยมาสองปีแล้ว เดิมทีในวันแต่งงานเรื่องของนางก็เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในต้าซาง ไม่คิดว่าผ่านมาสองปีนางจะกลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อทางกองทัพส่งข่าวมาแจ้งว่าเซี่ยเฉินอวี้ผู้เป็นสามีของนางที่ไปร่วมกองทัพถูกศัตรูสังหารสิ้นใจกลางสนามรบหรูซูซิน มารดาสามีที่เดิมทีก็สามวันดีสี่วันล้มป่วย พอได้ข่าวเรื่องเซี่ยเฉินอวี้ตายจากไปก็ตรอมใจจนล้มป่วยหนักอีกครั้ง ผ่านไปสามเดือนก็จากสิ้นใจตามบุตรชายไป เหลียงซินเหยียนจึงกลายเป็นหญิงม่ายที่ผู้คนพากันเวทนาและเย้ยหยันไปทั้งต้าซางอีกครั้ง“เพราะแต่งสตรีอัปมงคลเข้าจวน พี่อวี้ของข้าถึงได้ต้องตายในสนามรบ ท่านป้าของข้าก็ล้มป่วยจนตายอีกคน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสตรีเช่นเจ้า”โจวหมิงอวี้ที่รู้ข่าวของเซี่ยเฉินอวี้เดิมทีอยากเข้ามาด่าเหลียงซินเหยียนตั้งแต่แรก ทว่าถูกบิดาห้ามปรามเอาไว้มิให้มาก่อเรื่องที่จวนตระกูลเซี่ย ทว่าวันนี้มีโอกาสได้พบคน นางย่อมไม่ปล่อยให้เหลียงซินเหยียนรอดพ้นไปโดยง่าย ทันทีที่เดินผ่านประตูจวนตระกูลเซี่ยเข้ามาก็ชี้หน้าร้องด่านางในทันทีเหลียงซินเหยียนที่ยังสวมชุดไว้ทุกข์เงยหน้าขึ
บทสุดท้ายความลับของพี่สะใภ้ NC 18+“เหยียนเอ๋อร์ไม่ว่าภายหน้าจะเป็นเช่นไร ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ว่ายังมีพี่ชายหลี่คนนี้ยืนอยู่ข้างเจ้า”เรื่องของเหลียงซินเหยียนกับเซี่ยเฉินซวี่ในวันงานเลี้ยงตระกูลฉินนั้นเป็นที่เล่าลือไปทั้งต้าซางถึงความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้น้องสามีตระกูลเซี่ยและสร้างความเสื่อมเสียให้เซี่ยเฉินซวี่ไม่น้อย เพื่อความก้าวหน้ามั่นคงและรักษาเกียรติของตน เซี่ยเฉินซวี่อาจต้องใช้วิธีไล่เหลียงซินเหยียนออกจากจวน และนี่เป็นเรื่องที่เหลียงเหวินหลี่กังวลไม่น้อยทีเดียว“ขอบคุณชายหลี่มากเจ้าค่ะ เหยียนเอ๋อร์จะจดจำไว้”เหลียงเหวินหลี่ส่งยิ้มอบอุ่นให้น้องสาวตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กส่งกำลังใจให้นาง หากแต่ฝ่ามือไม่ทันสัมผัสผิวกายนาง มือเล็กบนโต๊ะก็ถูกผู้อื่นกอบกุมเอาไว้เสียก่อน“น่าเสียดายที่ข้างกายเหยียนเหยียน ไม่มีที่ว่างให้พี่ชายเช่นคุณชายเหลียงแล้ว”น้ำเสียงเข้มงวดดุดันเช่นนี้ไม่ต้องหันไปมองเหลียงซินเหยียนก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้ใด ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างนาง ขณะที่มือบางถูกเขาจับกุมเอาไว้แน่น เอวเล็กก็ถูกมือหนาโอบกอดกระชับ“คุณชายเซี่ย ท่านควรระวังเรื่องการวางตัวร
บทที่ 5.2สมรสพระราชทานเหลียงซินเหยียนรู้สึกตัวตื่นในยามบ่าย ข้างกายของนางว่างเปล่า สัมผัสบนผ้าปูเตียงนอนที่ไร้ไออุ่นบ่งบอกว่าคนข้างกายจากนางไปนานแล้ว แม้จะรู้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่เป็นที่ปรึกษาขององค์ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน ในเจ็ดวันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างกายพระองค์ถึงห้าวัน แต่ยามที่ตื่นมาพบความเดียวดายตัวนางกลับรู้สึกอ้างว้างและผิดหวังอยู่ลึกๆ ในใจ“ชิงชิง มาช่วยข้าแต่งกายที”สาวใช้คนสนิทเข้ามาประคองผู้เป็นนายลงจากเตียงด้วยสองแก้มที่ร้อนผ่าว นางยังคงจดจำภาพเมื่อยามฟ้าสางที่คุณชายเล็กโอบอุ้มเหลียงซินเหยียนลงจากรถม้าด้วยสภาพไร้สติ บนกายของฮูหยินใหญ่ห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมตัวนอกของคุณชายเล็ก รอยรักมากมายบนลำคอระหงเด่นชัดต่อสายตาผู้คนยามนี้แม้ทั้งสองไม่ป่าวประกาศ แต่ผู้คนทั้งจวนตระกูลเซี่ยต่างก็รับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายทั้งสอง“ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องของท่านกับคุณชายเล็ก”“ข้าคือพี่สะใภ้ ส่วนเขาคือน้องสามี เจ้ารู้แค่นี้ก็พอ”ตราบในที่เซี่ยเฉินซวี่ไม่เอ่ยปากประกาศสถานะของนางเหลียงซินเหยียนก็ไม่ควรป่าวประกาศเช่นกัน ดังนั้นแม้จะถูกสายตาบ่าวไพร่มองด้วยความสงสัย แต่นางก็ยังคงวางตัวปกติไม่
บทที่ 5.1สมรสพระราชทาน (NC18+)“เหยียนเหยียนเจ้าอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตของข้า ไม่ใช่อำนาจ ชื่อเสียงเงินทอง แต่เป็นเจ้า... เหลียงซินเหยียน!”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยจบก็จับคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนรถม้าอันคับแคบ เปิดกระโปรงปลดกางเกงแล้วยกเรียวขาเล็กขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง แนบริมฝีปากจรดลงบนกลีบบุปผานุ่ม ขยับตวัดลิ้นสากลิ้มเลียระเริงบทรักปลุกเร้าจนเหลียงซินเหยียนต้องขบกรามแน่น สอดส่ายสายตามองไปยังหน้าต่างรถม้า นับว่าโชคดีที่รถม้าของเซี่ยเฉินซวี่ค่อนข้างมิดชิด บดบังสายตาผู้คนด้านนอกได้เป็นอย่างดี“อาซวี่... หยุดก่อน อ่ะ...ซี๊ด!”“เจ้าอยากให้ข้าหยุดจริงหรือ... เหยียนเหยียน”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขณะที่ลิ้นร้อนยังคงตวัดตักตวงดื่มด่ำกับน้ำหวานกลางบุปผาของนางอย่างเร่าร้อน“อ่าส์... อื้ม... อาซวี่”“ว่าอย่างไร อยากให้ข้าหยุดหรือไม่”“ไม่! เจ้าเร็วอีกหน่อย อ่ะ... อื้ม...”เหลียงซินเหยียนร้องครวญเสียงสั่น มือที่ถูกเขาผูกมัดเอาไว้กับโครงรถม้าหมุนจับยึดเศษผ้า ยกตัวแอ่นสะโพกโต้ตอบเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสอดรุกถี่กระชั้นเข้ามาในกายสาวเซี่ยเฉินซวี่ใช้นิ้วยาวขยับช่วยสอดปลุกเร้า กระตุ้นให้นางปลดปล่อยสายน้ำ
บทที่ 4.2สิ่งที่สำคัญ (NC เบาๆ)เซี่ยเฉินซวี่ประคองเหลียงซินเหยียนที่ตัวสั่นสะท้านออกมาจากเรือนเล็ก หางตามองเห็นหญิงชั่วโจวหมิงอวี้พาคุณชายรองฉินและคุณชายใหญ่เกาเข้าไปในเรือนก็ขบกรามแน่น ทว่ายามที่คิดจะก้าวเท้าไปเอาเรื่องคน มือบางก็จับชายเสื้อเขาเอาไว้มั่น“รีบพาข้ากลับจวนที”ท่าทีที่ผิดปกติของเหลียงซินเหยียนทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะขบกรามจนแก้มขึ้นสันเมื่อคาดเดาได้ว่าอาการผิดปกติของเหลียงซินเหยียนเกิดจากอะไร“สตรีต่ำช้า นางกล้าวางยาเจ้าหรือ”“เป็นข้าที่ทำตัวเอง”เสียงหวานเอ่ยอย่างแหบพร่า ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินเสียงทุ้มต่ำของสองบุรุษก็เล็ดลอดออกมาจากเรือนเล็ก อีกทั้งถ้อยคำหยาบโลนต่างๆ ที่สอดประสานกับเสียงครวญต่ำ ก็ทำให้สองขาเรียวสั่นสะท้านก้าวเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะทรุดลงที่โคนไม้ใหญ่“เหยียนเหยียนเจ้าไหวหรือไม่”“อาซวี่ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าหาบุรุษให้ข้าสักคน”“พูดเช่นนี้เจ้าอยากให้ข้าสังหารคนหรือไง”เซี่ยเฉินซวี่ได้ยินนางเรียกหาบุรุษอื่นในใจก็เดือดดาลขึ้นมา ทว่าเหลียงซินเหยียนกลับไม่ได้ใส่ใจความขุ่นเคืองของเขาเลยแม้แต่น้อย มือบางกำสาบเสื้อของเขาแน่น เอ่ยเสียงสั่น
คำเตือน เนื้อหามีฉาก3P , เนื้อหามีการกระทำรุนแรง/ใช้กำลัง/บังคับบทที่ 4.1สิ่งสำคัญ“คุณหนูใหญ่โจว คุณหนูเหลียงคนงามของพวกข้าอยู่ที่ใดกัน”คุณชายรองฉินเอ่ยถามเสียงอ้อแอ้พรางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ขณะที่คุณชายใหญ่เกาหันไปจับแขนเล็กของโจวหมิงอวี้กระชากแล้วเอ่ยถามเสียงขุ่น“คิดเล่นตลกกับพวกข้าหรือไง”“โอ๊ย! คุณชายใหญ่เกาข้าเจ็บนะ”โจวหมิงอวี้เอ่ยร้องเสียงสั่น พรางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความตื่นกลัว คุณชายใหญ่เกานั้นมีรสนิยมชื่นชอบความรุนแรงยามเสพสวาท ดังนั้นเมื่อเห็นโจวหมิงอวี้แสดงท่าทางเจ็บปวดกับการกระทำของตนร่างกายของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที“หรือความจริงแล้วเป็นเจ้าที่อยากเล่นสนุกกับพวกเรา”โจวหมิงอวี้เบิกตากว้างสลัดแขนขยับตัววิ่งหนีไปที่ประตูในทันที หากแต่คุณชายใหญ่เกากลับไม่ยอมให้นางหลุดมือ มือหนาจับเส้นผมยาวของนางดึงรั้งจนร่างเพรียวบางเซถลากลับมาซบอกแกร่ง มือหนาข้างหนึ่งของคุณชายใหญ่เกาดึงรั้งเส้นผมนุ่ม อีกข้างบีบปลายคางเล็กให้นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูเล็ก“จะทำเป็นตื่นกลัวไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยสนุกกับพวกเราสองมาแล้ว”โจวหมิงอวี้กลืนน้ำลายฝืด เพราะนา
บทที่ 3.2คืนพิรุณโปรยเซี่ยเฉินซวี่กลับเข้าวังไปเพียงเจ็ดวันเทียบเชิญร่วมงานจิบน้ำชาจากตระกูลฉินก็ถูกส่งมาที่จวนตระกูลเซี่ย เหลียงซินเหยียนที่ยามนี้มีสถานะเป็นฮูหยินใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของจวนตระกูลเซี่ยจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจำต้องไปร่วมงาน หากแต่ยามที่กำลังจะออกจากเรือนนอน ประตูเรือนก็ถูกเปิดออก“ชิงชิง เจ้าอย่าได้ลืมของขวัญที่...”เสียงหวานกลืนหายไปในลำคอเมื่อหันมาสบดวงตาคมที่มองมายังนางด้วยความขุ่นเคืองใจ เหลียงซินเหยียนก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเองด้วยอาการประหม่าขึ้นมา“เอ่อ... น้อง... อาซวี่ชุดนี้ของข้ามีปัญหาหรือ”เหลียงซินเหยียนย่อมจดจำได้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่ไม่ชื่นชอบให้นางเรียกเขาด้วยสรรพนามว่า น้องเล็ก ดังนั้นยามที่อยู่ลำพังนางจึงเรียกขานอีกฝ่ายด้วยชื่อของเขาตามที่เซี่ยเฉินซวี่ต้องการ“ดูดีเกินไป”คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันแน่น นางไปร่วมงานเลี้ยงย่อมสมควรแต่งกายให้ดูดีมิใช่หรือ“ช่างเถิด วันนี้ห้ามเจ้าห่างจากข้าแม้เพียงก้าวเดียว...”เสียงดุเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจนักก่อนจะแบมือยื่นมาเบื้องหน้าเหลียงซินเหยียนมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนเซี่ยเฉินซวี่ถอนหายใจยาว“พี่สะใภ้ของข้าร่
บทที่ 3.1คืนพิรุณโปรย“เฉินซวี่ เจ้าจะทำอะไรข้า!”มุมปากของเซี่ยเฉินซวี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับตัวแทรกเข้ากลางกายสาว แล้วม้วนกระโปรงตัวยาวของนางขึ้นไปกองไว้ที่เอวบาง กำยึดเรียวขาขาวขนาบเอวหนาทั้งสองข้าง มองบุปผาที่ฉ่ำวาวแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า ขยับเอวหนา“ทำให้เจ้าเป็นภรรยาข้าอย่างไรเล่า”เหลียงซินเหยียนไม่ทันได้ตั้งสติเอ่ยถามต่อร่างกายก็สั่นสะท้านปวดร้าวไปทั้งตัว กลางกายสาวคล้ายฉีกขาดริมฝีปากบางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“บัดซบ!”เซี่ยเฉินซวี่สบถเสียงกร้าวลอดไรฟันเมื่อไม่สามารถแทรกตัวเข้าประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเหลียงซินเหยียนได้อย่างสุดทาง ทั้งที่เขาเตรียมความพร้อมให้กับนางแล้วแท้ๆ นับเป็นครั้งแรกที่เขาหงุดหงิดกับขนาดความเป็นบุรุษที่เกินตัวของตนเอง“น้องเล็กข้าเจ็บ เจ้าเอาออกก่อนได้หรือไม่”เมื่อได้ยินเหลียงซินเหยียนเรียกขานตนเองว่าน้องเล็กในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็เกิดคลื่นความขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที มือหนาจับเรียวขาขาวแน่นจนเป็นรอยมือ พร้อมกับขยับแยกขานางจนสุดเพื่อให้เขาได้สอดแทรกประสานกายเข้าฝังตัวตน ก่อนจะกดเอวหนาจู่โจมประสานเป็นหนึ่งเดียวกับคนใต้ร่างครั้งเดียวสุดทางรัก“อร๊าย!... เจ็บ น้อ
บทที่ 2.3การกลับมาของน้องสามี“เหลียงซินเหยียน หากเจ้ายังไม่หยุดมือก็อย่าหาว่าข้าเป็นบุรุษต่ำช้า”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยเสียงลอดไรฟัน มือหนายังคงกำข้อมือเล็กเอาไว้มั่นเหลียงซินเหยียนถอนหายใจยาวก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างตีลงบนหลังมือหนาแล้วเอ่ยเสียงดุ“พอมีตำแหน่งใหญ่โตก็ดุพี่สะใภ้เช่นข้าแล้วหรือ ผู้ใดกันเคยบอกจะไม่ดื้อกับข้า จะเชื่อฟังข้า”พี่สะใภ้ ยามที่ได้ยินนางเอ่ยคำนี้ในใจของเซี่ยเฉินซวี่ก็คล้ายมีไฟกองหนึ่งรุกโชน โทสะในใจพุ่งทะยานจนเผลอจับยึดข้อมือเล็กทั้งสองข้าง ออกแรงดันกดตัวเหลียงซินเหยียนลงนอนแนบกับพื้นเรือน“น้องเล็กเจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้านะ”“เจ้าไม่เคยแต่งกับพี่ใหญ่ จะเป็นพี่สะใภ้ข้าได้อย่างไร”คิ้วเรียวของเหลียงซินเหยียนขมวดเข้าหากันแน่น ในวันแต่งงานของนางกับเซี่ยเฉินอวี้แม้เขาจะถูกเรียกตัวเข้ากองทัพกะทันหัน ทว่าเซี่ยเฉินซวี่ในฐานะน้องชายก็สวมชุดเจ้าบ่าวเข้าพิธีแทนมิใช่หรือ เช่นนี้ย่อมนับว่านางแต่งเข้าตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้องแล้วมิใช่หรือไร“ข้าแต่งเข้าจวนตระกูลเซี่ยอย่างถูกต้อง ย่อมต้องเป็นพี่สะใภ้เจ้า”“วันนั้นผู้สวมชุดเจ้าบ่าวคือข้า ดังนั้นเจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้ข้าแต่เป็นภร
บทที่ 2.2การกลับมาของน้องสามียามตะวันคล้อยต่ำ ท้องฟ้าไม่ทันมืดมิดสายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง เซี่ยเฉินซวี่เดินเข้ามาที่เรือนเล็กข้างสระบัว ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องอย่างคุ้นเคย หยิบตำราเล่มเก่าของเขาออกมาจากชั้นแล้วนั่งลงที่เบาะนุ่ม ยามที่ใช้ปลายนิ้วเปิดหน้าตำรามุมปากของเขาก็ยกขึ้น นึกถึงช่วงชีวิตเมื่อหลายปีก่อน แล้วยกมือของตนเองขึ้นมองด้วยความคะนึงหาสัมผัสอันอ่อนโยนของใครบางคน ใครบางคนที่ครั้งหนึ่งเคยฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากโคลนตมอันต่ำต้อยหากแต่ในขณะที่กำลังคิดถึงวันเวลาในอดีตแสงเทียนด้านข้างโต๊ะเตี้ยก็ไหววูบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น นับจากที่เขาสอบได้ระดับจอหงวนและเป็นบัณฑิตหนุ่มผู้ที่ฝ่าบาทโปรดปราน ชีวิตที่เคยไร้คนเหลียวแลก็ถูกผู้คนใส่ใจในทันที ยามกลางวันมีบุรุษมากมายเข้ามาตีสนิทหวังคบหา ยามกลางคืนมีสตรีมากหน้าเข้ามาแนบชิดหวังเคียงคู่ ทว่าไม่ว่าสตรีใดเขาก็ไม่ปรารถนาให้เคียงข้าง ไม่แม้แต่จะยินดีให้ผู้ใดจับมือ เว้นเพียง...“น้องเล็ก”เสียงหวานคุ้นเคยทำให้ใบหน้าคมที่แสดงสีหน้าขุ่นเคืองแปลเปลี่ยนเป็นสงสัย เงยขึ้นมองไปยังประตูเรือน ภาพสตรีในชุดไว้ทุกข์สีขาวเนื้อตัวเปียกปอนพลันปรากฏอยู่