มนันย์โอเมก้าน้อยนอนหลับตาพริ้มข้างมารดา ที่ตอนนี้มีแต่สายระโยงระยางเพื่อต่อลมหายใจให้เจ้าของร่างที่อยู่ปากปล่องหุบเหวแห่งความตาย ‘มานัส’ เป็นโอเมก้าชายรุ่นน้อง เป็นน้องรหัสโอเมก้าเพียงคนเดียวของเจ้าสัวพิสิฐชัย สมัยตอนเรียนมหา’ ลัยทั้งสองเป็นพี่น้องสายรหัสที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอมา ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลยจนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อน พิสิฐชัยได้รับสายจากเบอร์แปลกที่เขาไม่คุ้นเคย ก่อนจะกดรับสายเผื่อว่าเป็นคู่ค้าแต่ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อปลายสายเอ่ยแนะนำตัวพร้อมเอ่ยขอร้องเสียงกระท่อนกระแท่นขาดหายแทบฟังไม่ได้ศัพท์
เมื่อเจ้าสัวพิสิฐชัยเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ต้องพบกับความอดสูร่างกายโอเมก้าที่เคยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลบัดนี้เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกผมที่เคยดกดำนิ่มสลวยไม่กี่ปีก่อนหน้าเหลือเพียงไม่กี่หย่อมดวงหน้าตอบตาลึกโบ๋หายใจอ่อนแรงใกล้ร่วงโรยเต็มทีพิสิฐชัยจำได้ว่าน้องรหัสมาจากครอบครัวคนชั้นกลางแต่หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้ติดต่อไปมาหาสู่กันอีกไม่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเขาจึงตัดสินใจรับเด็กทารกที่ลืมตาดูโลกเพียงไม่กี่วันมาอุปการะ
“ฝะ…ฝากดูแลมนันย์ด้วยนะครับ” ลำคอตีบตันเปล่งเสียงยากลำบากแต่เจ้าตัวก็ฮึดแรงเฮือกสุดท้ายเอื้อนเอ่ยคำขอจากอัลฟ่าตรงหน้าหากไม่ใช่คนนี้แล้วมานัสเองก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครที่ไหนอีกน้ำตาไหลเป็นสายจนหมอนเปียกชุ่มก่อนสัญญาณการเต้นของหัวใจจะแผ่วเบาจนหยุดเต้นไปในที่สุดหัวใจดวงนี้ฮึดเต้นอดทนรอจนวินาทีสุดท้ายที่ผู้เป็นมารดาได้เอ่ยฝากฝังลูกชายกับใครสักคนและเป็นคนเดียวที่มานัสไว้ใจฝากฝังให้อุ้มชูดูแลแทนเขาที่ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่นั้น
พิสิฐชัยสืบสาวราวเรื่องทั้งหมดจากคนรอบตัวและพยาบาลที่คอยดูแลมานัสตลอดการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ครอบครัวของมานัสตกอับธุรกิจล้มละลายเลยทำให้โอเมก้าที่เกิดมาสุขสบายต้องผันตัวมาขายตัวอยู่หลายปีจนพลาดท่าท้องไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กซ้ำร้ายไปกว่านั้นตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 3 คุณหมอแนะนำให้มานัสเอาเด็กออกเพื่อที่จะได้ทำการรักษาและบำบัดด้วยคีโมแต่โอเมก้าหนุ่มกลับปฏิเสธเพราะลึกๆแล้วมานัสก็ตัดใจฆ่าเด็กคนนี้ไม่ลง
มานัสพร่ำบอกตัวเองว่าชีวิตที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นเพื่อนฝูงที่เคยคบค้าสมาคมต่างก็หมางเมินไหนจะหนี้ที่พ่อกับแม่ต่างก็ทิ้งไว้ให้หลังจากธุรกิจล้มละลายพวกเขาทั้งสองเลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัวคิดว่าเงินประกันชีวิตจะพอต่อลมหายใจให้บุตรชายเพียงคนเดียวแต่ทว่าทั้งคู่คิดผิดมหันต์นอกจากมานัสจะไม่ได้รับเงินประกันชีวิตแล้วยังได้รับมรดกหนี้ที่เหลืออีกด้วยสมบัติทุกชิ้นต่างทยอยขายออกไปเพื่อต่อลมหายใจให้กับลูกหนี้โอเมก้าที่จนตรอกขายจนสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยังไม่พอชดใช้จึงหันมาขายตัวในที่สุด
ร่างกายที่สวยสดสมวัยกลับร่วงโรยก่อนวัยอันควรเขาทนรับแขกหลายคนบางคืนตั้งแต่เที่ยงวันจนฟ้าสางหวังเพียงอยากหลุดพ้นวงจรนี้อยากจะเก็บเงินเริ่มต้นชีวิตใหม่ชีวิตที่ไม่มีหนี้ความฟุ้งเฟ้อที่มีเหลือเพียงกินอะไรก็ได้ให้อิ่มท้องอยู่ที่ไหนก็ได้ขอแค่หลบแดดหลบฝนพ้นเป็นใช้ได้กล้ำกลืนฝืนทนขายเรือนร่างที่เป็นสมบัติติดตัวเพียงชิ้นสุดท้าย
โชคดีมักมาพร้อมกับความโชคร้ายมานัสได้คบหากับลูกค้าคนหนึ่งหลังจากนั้นจึงกลายมาเป็นแม่บ้านแต่ทว่าความรักของเขาไม่ได้ราบรื่นมากนักเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเข้าพิธีหมั้นถูกผู้ใหญ่ทางบ้านจับคลุมถุงชนโอเมก้าที่คว้ามาจากซ่องจะเหมาะสมกับอัลฟ่าผู้เพียบพร้อมได้อย่างไรมานัสรู้ตัวดีจึงจำใจตัดรอนความสัมพันธ์นั้นเพื่อให้คนรักได้เจอคนที่ดีกว่าเหมาะสมมากกว่าหากพบเจอใครต่อใครจะเอ่ยแนะนำตัวภรรยาอย่างภาคภูมิก็คงไม่ได้ไม่ว่าจะภูมิหลังของครอบครัวอาชีพที่เคยทำล้วนไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมโลกถล่มต่อหน้าเมื่อพบว่าตัวเองตั้งครรภ์อดีตของเขาคงไม่คู่ควรกับรักแท้ผู้ชายที่วาดหวังจะฝากชีวิตไว้สุดท้ายจำใจต้องเลิกราพอรู้ว่าร่างกายมีอีกหนึ่งชีวิตกำเนิดใหม่ขึ้นมาความคิดมากมายก็ผุดขึ้นมาในสมองลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดจะให้เด็กน้อยบริสุทธิ์มาตกระกำลำบากด้วยอย่างไรแต่เพราะพระเจ้าคงอยากให้เด็กคนหนึ่งได้ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้กระมังจึงทำให้มานัสจำใจเก็บเด็กคนนี้เอาไว้จนคลอดจะฆ่าให้ตายก็ทำไม่ลงเพราะเด็กคนนี้เกิดจากความรักของพวกเขาทั้งคู่แต่แค่ผิดเวลาก็เท่านั้นมานัสได้แต่เอ่ยพร่ำคำขอโทษและอวยพรให้บุตรชายอยู่ในใจ
“ขอให้เขาเป็นที่รัก” ลูกชายของเธอเปรียบเสมือนดอกพีโอนีที่เมื่อเด็ดออกจากต้นแล้วจะเหี่ยวเฉาลงไปในไม่ช้าแต่ความหอมของมันก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้เด็ดออกมาดอมดม
ขอเพียงมีพื้นที่เล็กๆของโลกใบนี้ให้ดอกพีโอนีดอกนี้ได้เบ่งบานและเติบโตหวังว่าตัวเองไม่ได้ขอมากไปขอให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นใจและได้ยินคำร้องขอสุดท้ายนี้ด้วยเถิด
แม้ร่างกายจะไม่มีเรี่ยวแรงแต่มานัสก็อยากจะอุ้มลูกชายโอเมก้ามาแนบอกป้อนน้ำนมอุ่นให้อย่างแม่คนอื่นๆแต่มานัสทำได้เพียงมองดูลูกน้อยที่นอนหลับตาพริ้มเหมือนทารกน้อยไม่อยากจะสร้างความลำบากให้มารดาที่กำลังนอนรักษาตัวเจ้าตัวกินนอนเป็นเวลาเลี้ยงง่ายกินอิ่มก็หลับจนเป็นขวัญใจหมอและพยาบาลในวอร์ดกันเป็นแถวกลิ่นกายของลูกชายที่หลับสนิทข้างกายกลับให้มานัสรู้สึกสดชื่นรู้จักปล่อยวางเมื่อร่างกายเปลี่ยนไปตามวัฏสงสารดอกพีโอนีดอกนี้ของเธอเบ่งบานเพื่อเยียวยาร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำได้เป็นอย่างดีมานัสทำได้เพียงสูดกลิ่นหอมนี้กักเก็บไว้เต็มปอดเพราะรู้ตัวดีว่าเวลาแห่งความสุขช่วงสุดท้ายของชีวิตได้เดินทางมาถึงแล้ว
กว่าที่เจ้าสัวพิสิฐชัยจะอธิบายความเป็นมาของเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาผู้เป็นที่รักได้เข้าใจก็กินเวลาหลายเดือน พิสิฐชัยแนบผลการตรวจ DNA พร้อมใบเกิดแก่พรรำไพในห้องหนังสือ หลังจากหมางเมินปั้นปึ่งใส่กันไปมา“ขอโทษด้วยนะคะฉันใจร้อนไปหน่อย”“ผมเข้าใจ” เจ้าสัวเอ่ยยิ้มๆ“คุณควรจะบอกให้ฉันรู้และถามฉันสักคำก่อนที่จะตัดสินใจไม่ได้หรือคะคนหนีร้อนมาพึ่งเย็นฉันไม่ได้ใจดำขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้ยินดีที่คุณอุ้มลูกใครก็ไม่รู้เข้ามาอุ้มชูในบ้าน”“โถที่รักผมผิดไปแล้วให้อภัยผมด้วยตอนนั้นผมคิดไม่ออกจริงๆมานัสเขาน่าสงสารมากแล้วผมก็รับปากที่จะเลี้ยงดูมนันย์ไปแล้ว” เจ้าสัวเอ่ยเสียงอ่อนเขารู้ว่าภรรยาไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาดหากรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าด้วยละก็…“คุณควรจะนึกถึงจิตใจของลูกเราบ้างนะคะพวกเขาโตพอที่จะรับรู้อะไรเป็นอะไรคุณควรจะเปรยบอกเด็กๆก่อนล่วงหน้าไม่ใช่อุ้มเข้ามาในบ้านแบบวันนั้นหากมีครั้งหน้าฉันจะไม่ยอมเหมือนในครั้งนี้เป็นแน่!” พรรำไพพูดเสียงเเข็งภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่มีใครยินยอมหรือไม่ตกใจที่เห็นสามีอุ้มเด็กทารกเข้ามาในบ้านหรอกเป็นใครก็คิดว่าแอบมีบ้านเล็กกันทั้งนั้น“โอเคผมรับปากก็แค่เด็กเบต้าคนเดียวหว
“วันนี้มีไก่ทอดของโปรดเอ็งด้วย แต่เหลือไม่มาก เป็นของโปรดของคุณชัชเช่นกัน นั่งรอแป๊บเดียวข้าจะเลาะเนื้อให้” ป้าสมจิตรอุ้มเด็กน้อยนั่งเก้าอี้เด็กที่เป็นของเก่าของคุณหนูของบ้าน เสื้อผ้า ของเล่นบางอย่างก็ได้มาจากของเหลือของลูกเจ้าของบ้านทั้งนั้นไม่มีกับข้าวของเด็กตามโภชนาการในแต่ละวันมีแต่ของเหลือในแต่ละมื้อเจ้านายกินอะไรกาฝากอย่างมนันย์ก็ได้กินอันนั้นไม่มีสิทธิ์เลือกสองมือป้อมถือช้อนส้อมคันเล็กด้วยดวงตาสุกสกาวจ้องมองไปยังน่องไก่ที่เหลือจากมื้ออาหารของเจ้านายพอมีเศษเนื้อเหลือให้กินอยู่บ้าง“เอ้านี่ค่อยๆกินล่ะเดี๋ยวติดคออะดื่มนมตามไปด้วยกินเยอะๆจะได้ตัวโตๆตัวกะเปี๊ยกลมพัดก็ปลิว” แม้จะปากร้ายแต่ป้าสมจิตรก็อดสงสารเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้อยู่ดีมนันย์ถูกเลี้ยงดูมาด้วยตามมีตามเกิดภายในรั้วคฤหาสน์หลังงามแม่บ้านคนใช้ต่างก็ยุ่งกับหน้าที่ของตนไม่มีใครสนใจเฝ้าดูเด็กวัยเตาะแตะสักเท่าไหร่นัก“แล้วนังสำเภามันไปไหนล่ะคุณท่านจ้างมันมาดูแลเอ็งไม่ใช่เรอะทำไมเอ็งเดินมาคนเดียว” ป้าสมจิตรบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหันไปล้างถ้วยชามเก็บครัวพร้อมกับเด็กรับใช้คนอื่นๆต่อแต่ละวันก็วนเวียนเช่นนี้จนพี่เลี้ยงถูกไล่ออกเพราะเผ
เหตุการณ์ในตอนบ่ายนั้นถูกรายงานให้ประมุขของบ้านได้ทราบก่อนจะเรียกบุตรชายทั้งสองคนเข้ามาอบรมสั่งสอนกินเวลาหลายชั่วโมงส่วนมนันย์นั้นก็ได้ป้าสมจิตรอุ้มออกไปเรือนคนใช้ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากนายหญิงพี่เลี้ยงอย่างสำเภาถูกไล่ออกข้อหาปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้น“ผมไม่ผิด” พิรชัชตอบเสียงเเข็ง“ลูกไม่คิดว่าทำเกินไปหน่อยเหรอนั่นเด็ก 3 ขวบ” ไม่ว่าจะนอกบ้านหรือในบ้านเขาต้องปกครองด้วยคุณธรรมจะไม่ถือหางคนผิดอย่างเด็ดขาดแม้ว่าคนผิดจะเป็นบุตรชายตัวเองก็ตามดังที่พิสิฐชัยเคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อขึ้นบริหาร NDP GROUP“ส่วนลูกล่ะภพเกิดอะไรขึ้นปกติลูกเป็นคนใจเย็นนี่ทำไม…” เจ้าสัวพิสิฐชัยสอบถามไถ่ไล่เลียงเหตุการณ์ในวันนี้อย่างใจเย็น“พี่ชัชทำเกินเหตุครับผมสงสารเจ้าแก้มยุ้ยนั่น”“เจ้าแก้มยุ้ย? นันเหรอ”“ใช่ครับ”“มีอะไรเหรอ”“ผมว่าเด็กนั่นน่าสงสารพัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วไปร่างกายผอมหัวโตอีกทั้งยังชอบนั่งขาแบะผมอยากให้น้องมาอยู่ด้วยกัน…ในบ้านหลังนี้” คำตอบของพิรภพทำให้อีกสองคนที่เหลือต่างก็นิ่งอึ้ง“ไม่มีทางผมไม่ยอมหรอกครับ” พิรชัชกอดอกพลางทิ้งตัวลงเบาะรองข้างหลังอย่างแรงตามอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกค
ตัวแผ่นปลอกคอทำมาจากวัสดุอย่างดีทนต่อคมเขี้ยวของอัลฟ่าน้ำหนักเบาไม่ระคายเคืองต่อผิวแต่ติดตรงที่ว่าราคาแพงผลิตอย่างจำกัดเฉพาะโอเมก้ากระเป๋าหนาลูกเศรษฐีเท่านั้นเพราะขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไม่สามารถซื้อใช้และจัดจำหน่ายให้กับโอเมก้าโดยทั่วไปได้แปะเพียงเดือนละครั้งแต่มีข้อเสียตรงห้ามลืมแปะแผ่นใหม่เด็ดขาดโอเมก้าที่ไม่ได้ถูกตีตราสลักพันธะการไม่สวมปลอกคอก็ไม่ต่างกับดอกไม้งามที่หลอกล่อหมู่มวลแมลงให้มารุมกัดทึ้งแม้จะงามงดแต่หากไม่มีกลิ่นหอมก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ประดับที่รอวันเปลี่ยนทิ้งเพราะฉะนั้นการตีตราสลักพันธะตรงหลังคอจึงสำคัญสำหรับโอเมก้ามากๆไม่ใช่ว่าอัลฟ่าหน้าไหนก็ได้หากตัวและหัวใจไม่ยอมสิโรราบให้ด้วยความรักแล้วละก็…ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นมีเพียงการเดินทางไปฝังฮีทโรงพยาบาลประจำทุกปีเท่านั้นที่โอเมก้าหน้าหวานจะได้มีโอกาสออกไปมองบ้านเมืองและผู้คนด้านนอกมนันย์ตอนนั้นในวัย 16 ปีไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตามากนักเขาเฝ้ารอและกาปฏิทินทุกปีที่จะได้ออกไปดูตึกสูงใหญ่ในตัวเมืองผังเมืองต่างๆที่ต่างมีโอกาสได้สำรวจและท่องเที่ยวได้ในแค่โลกอินเทอร์เน็ตแม้ระยะทางจากหมู่บ้านสุดหรูจะไม่ได้ไกล
โอเมก้าน้อยในเติบใหญ่จนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยทุนเรียนดี โชคดีที่คฤหาสน์หลังงามตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองที่ครบครันไปด้วยห้างสรรพสินค้าและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การเดินทางของมนันย์จึงสะดวกสบายแม้จะเดินไกลจากตัวบ้านไปยังหน้าหมู่จัดสรรที่ราคาที่ดินราคาสูงลิบลิ่ว กว่าจะถึงป้ายรถเมล์ชุดนักศึกษาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหากเกิดมาเป็นโอเมก้าจะต้องพยายามมากกว่าชนชั้นอื่นๆอยู่หลายเท่าไม่ว่าจะเรื่องการศึกษาหรือการทำงานหากได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหน้าที่การงานดีๆก็พอจะหาทำได้บ้างดังประโยคที่ว่า‘การศึกษาเปลี่ยนอนาคต’เพราะมนันย์ไม่อยากจะอยู่ภายใต้ปีกของนันธ์เดชภาคย์อีกต่อไปเขาอยากจะยืนด้วยสองขาของตัวเองการแบมือขอร้องแต่คนอื่นไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวเพราะฉะนั้นหากจะออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ก็ต้องมีหน้าที่การงานที่ดีมนันย์จึงตั้งใจเรียนเป็นอย่างมากอีกทั้งมหา’ ลัยชั้นนำค่าเทอมก็แพงตามเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ครบครันรวมไปถึงอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายล้วนเชี่ยวชาญและมากไปด้วยประสบการณ์เพราะค่าเทอมที่สูงลิบลิ่วจึงทำให้โอเมก้าที่ไม่ได้ร่ำรวยไม่สามารถก้าวผ่านก้าวผ่านความยากจนไปได้นอกจากจะมีสามีรวยเป็นทางล
หน้าต่างตรงระเบียงถูกปิดมาหลายปีแล้วคุณชัชจะเป็นยังไงบ้างนะมนันย์วางบุตรชายคนโตของบ้านเป็นแบบอย่างในการเจริญรอยตามคุณชัชเรียนเก่งหัวดีฉลาดรอบรู้ดูได้จากหนังสือที่ป้าๆแม่บ้านขนมาทิ้งข้างนอกเพราะเก่าบ้างก็ชำรุดแต่มนันย์กลับคิดว่ามันคือขุมทรัพย์อันล้ำค่าห้องสมุดบนบ้านใหญ่จะมีหนังสือหายากกี่เล่มกันนะป้าสมจิตรเล่าให้ฟังว่าห้องสมุดนั้นใหญ่กว่าห้องนอนคนงานสามห้องรวมกันเสียอีกเวลาทำความสะอาดต้องขนแม่บ้านไปไม่รู้กี่สิบคนเพื่อจัดหนังสือและปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอหนังสือที่มีชื่อของคนพี่เขียนด้วยลายมือหนักแน่นดูจากรอยกดของปากกามีชื่อพิรชัชตรงหน้าในหนังสือทุกเล่มที่มนันย์ได้ขอเก็บเอาไว้อ่านไม่ว่าจะหนังสือ Encyclopedia, Text book ภาษาอังกฤษอ่านยากหรือหนังสืออะไรเอ่ยต่างๆมันเปิดโลกของเด็กโฮมสกูลอย่างเขาให้กว้างขึ้นไปอีกหลายเท่าหนังสือแม้จะเก่าแต่ทุกครั้งที่หยิบมาอ่านก็รู้สึกอิ่มเอมและช่วยบรรเทาความเหงาของโอเมก้าที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวได้เป็นอย่างดีนอกจากป้าสมจิตรแล้วก็มีโลกของหนังสือที่ให้มนันย์ได้ลืมช่วงเวลาของความทุกข์โทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงที่ท่านเจ้าสัวซื้อให้เมื่อเขาสอบเข้ามหาวิทยาล
มนันย์พยักหน้าให้อย่างเข้าใจก่อนจะลงมือทำต้มยำกุ้งหม้อใหญ่สำหรับคนเกือบครึ่งร้อยที่อาศัยอยู่คฤหาสน์แห่งนี้เวลาสองทุ่มอาหารเลิศรสมากมายก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงละลานตาเพื่อต้อนรับการกลับมาของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนพรรำไพยิ้มหน้าบานบุตรชายทั้งสองจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานจวบจนพิรชัชจบการศึกษาปริญญาเอกส่วนพิรภพจบปริญญาโทก่อนจะกลับมารับช่วงต่อธุรกิจที่บ้านรถหรูหลายคันเคลื่อนเข้ามาจอดทีหน้าประตูบ้านที่แกะสลักลวดหลายอย่างวิจิตรโอเมก้าอาศัยความมืดอำพรางกายเพราะไม่อนุญาตให้เข้ามาในเขตหน้าบ้านหรือบริเวณของบ้านใหญ่อย่างเด็ดขาด‘ไม่เจอกันร่วมสิบปีทั้งสองคนจะเป็นยังไงบ้างนะ’ดวงตากลมโตจดจ้องรถแต่ละคันใจสั่นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อคนที่ก้าวลงรถมาจากรถหรูคันที่ 3 ลงมาพร้อมกับผู้หญิงผมสีทองยาวสลายจนถึงกลางหลังคนแปลกหน้าที่มนันย์ไม่รู้จักมาก่อนควงแขนอย่างสนิทสนมกับพิรชัช‘เหมาะสมกันดีคุณเขายังหล่อเหลาเหมือนเดิมแต่เหมือนจะสูงและกำยำขึ้นเยอะเลย’ มนันย์ลอบวิเคราะห์โครงหน้าของพิรชัชรวมไปถึงทางกายภาพด้านนอกต่างๆอย่างละเอียดส่วนพิรภพก็สูงขึ้นเยอะเหมือนกันใบหน้าหล่อเหลานั้นมักจะแต่งแต้ม
พิรชัชห่างหายบ้านเกิดเมืองนอนไปร่วม 10 ปี ภายในห้องนอนของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงไปมากนัก เพียงแต่ว่าระเบียงมุมโปรดที่มีทุ่งดอกกุหลาบหลากสีละลานตา แถมกลิ่นหอมของมันยังลดความตึงเครียดเป็นอย่างดี กลับเป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคย และไม่มีวันคุ้นเคย ตั้งแต่เปิดประตูตรงระเบียงออกมารับลม แสงจันทร์สีนวลที่สาดส่องลงมายังพอเห็นว่าทุ่งดอกไม้ข้างล่างพุ่มของมันไม่เหมือนต้นกุหลาบที่เขาชอบ แถมกลิ่นยังฉุนจนต้องนิ่วหน้า ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองอย่างเสียอารมณ์ช่วงที่เขาไม่อยู่มีใครบังอาจกล้ามายุ่มย่ามกับแปลงกุหลาบของเขาเห็นทีพรุ่งนี้จะต้องสืบสาวราวเรื่องให้รู้เรื่องพิรชัชเข้านอนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายแถมห้องนอนยังออกแบบให้รับกับทิศทางของลมเป็นอย่างดีแต่ทว่าวันนี้กลับต้องอาศัยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศราคาแพงแทนอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาดมนันย์เองก็นอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาอยู่ค่อนคืนมองดูนาฬิกาบนหัวเตียงเป็นเวลา 5 ทุ่มปกติเจ้าตัวจะเป็นคนนอนเร็วเพราะเหนื่อยและเพลียมาจากการเรียนการเดินทางไหนจะต้องมาเข้าครัวทำอาหารแล
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที
สภาพของมนันย์ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก เมื่อสองเท้าลงจากเครื่องบินมายังอีกซีกโลกหนึ่ง เพราะคิดจะเดินออกจากใต้ปีกท่านเจ้าสัวจึงเลือกมหาลัยและเมืองอื่น ไม่ได้เลือกตามที่บอกท่านเจ้าสัวไปตั้งแต่แรก เมืองที่ท่านเจ้าสัวแนะนำเป็นเมืองใหญ่แถมยังเป็นมหา’ ลัยเดียวกับลูกชายของท่านอีก แต่มนันย์คิดดีแล้ว ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ประชากรโอเมก้ามีไม่มากแต่ก็ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ไม่น้อยกว่าเมืองใหญ่ ๆ ในแถบทวีปอื่น ๆ เมืองเล็กค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็เงียบสงบเหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รออะไรเข้าที่เข้าทางเขาจะไปผ่าตัดเอาพันธะที่หลังคอออก คุณชัชคงรู้สึกไม่ดีมากนักหากรู้ว่าทำพันธะกับโอเมก้าที่ตนเกลียดโดยไม่ได้ตั้งใจผ่านเหตุการณ์นั้นมาร่วม 3 เดือนแต่มนันย์ก็นอนไม่หลับมาจนถึงทุกวันนี้ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะเครียดลงกระเพาะหรือเพราะ Jet lag จึงทำให้เวียนหัวคลื่นไส้ไม่หยุดอาการเหล่านั้นจะเป็นหนักโดยเฉพาะหลังตื่นนอนแต่ละคืนเขาต้องจุดเทียนหอมกลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นที่เขาทำขึ้นเองเพื่อช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนพอนับๆดูแล้วระยะเวลาไม่กี่เดือนเสียค่าเทียนหอมไปไม่น้อยรวมๆเกือบร้อยแก้วได้กลิ่นของมันเหม
‘ไปได้ก็ดี’ เจ็บเจ็บเหลือเกินคำพูดแค่สี่คำแต่เหมือนเข็มพิษนับหมื่นที่ทิ่มแทงหัวใจให้ขาดวิ่นแต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะกลืนยาพิษด้วยตัวเองตอนสมัยยังเด็กเคยถูกพี่เลี้ยงแกล้งให้อมบอระเพ็ดแลกกับน่องไก่ที่เหลือกินจากบ้านใหญ่เพราะความอดอยากและหิวโหยจึงไม่ปริปากและไม่กล้าคายแม้จะขมแค่ไหนก็ตามย้อนกลับไปตอนนั้นเขามันตัวโง่งมจริงๆยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิ่มท้องตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเขารับปากท่านเจ้าสัวเพื่อแลกกับอิสรภาพรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรถลำลึกและสุดท้ายรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นแบบไหนแต่เขาก็เลือกที่จะลิ้มลองรสชาติของความใคร่ความรักแม้มันจะขมกว่าบอระเพ็ดที่เคยลิ้มลองมาหลายเท่าความคิดโอเมก้าล่องลอยจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งพับเพียบข้างล่างอย่างรู้ตัว“ขึ้นมานั่งด้วยกันสิ”“ครับ” มนันย์นั่งเว้นระยะห่างกับท่านเจ้าสัวพอสมควร“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเธอคงรู้ดีเรื่องข้อตกลงของเรา”“ครับ”“ขอบคุณที่ดูแลเจ้าชัชเป็นอย่างดี”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” มนันย์ก้มหน้าตอบเสียงเรียบ“ส่วนเงินฉันโอนให้เธอตามที่ได้รับปากไว้และนี่” มนันย์เหลือบมองกล่องสีแดงกำมะหยี่กล่องขนาดสองฝ
วันนี้มนันย์ตื่นตั้งแต่เช้าและเข้าเมืองไปสอบ ความรักสวยงามและไม่แน่อาจไม่มีอยู่จริง แต่การศึกษาคือใบเบิกทางเป็นของจริง เขาสลัดความฝันฟุ้งเฟ้อออกไปก่อนจะเข้าสนามสอบไปด้วยความมั่นใจ แม้พิรชัชจะสูญเสียการมองเห็นแต่สมองยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แถมยังพ่วงปริญญาเอกมาจากสถาบันชื่อดังยิ่งการันตีความสามารถของเขา ก่อนนอนก็ใช้เวลาติวหนังสือให้มนันย์ทุกคืน ส่วนไหนที่มักจะออกสอบ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาตอบถูกจะได้รางวัล หากตอบผิดจะถูกทรมานจนดิ้นพล่าน สองแก้มแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงข้อที่เขาตอบผิด ไหนจะเรียงความ Essay ต่าง ๆ ที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การสอบกินเวลา 6 ชั่วโมงพริบตาเดียวสำหรับคนสอบ แต่คนที่นั่งรออยู่ที่บ้านหงุดหงิดจนนั่งไปติดที่ ออกมานั่งรอลานบ้านตั้งแต่เที่ยง พิรชัชรู้ว่าใช้เวลาสอบนานแต่ก็อดที่จะเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ไม่ได้ เมื่อมีเสียงรถยนต์เข้ามาพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาก่อน“ตาชัชเป็นยังไงบ้างลูก” พรรำไพแผดเสียงร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าลูกชายอีกครั้งหล่อนสวมกอดพลางสำรวจลูบหน้าตาของลูกชายสำรวจจนพิรชัชอ
สองมือสอดประสานกันแน่นอัลฟ่าโน้มกายแตะหน้าผากเนียนของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะส่งผ่านความจริงใจและความรู้สึกที่มีไปถึงอีกคนมนันย์ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่งไหล่อยู่อย่างนั้น‘นี่คุณชัชกำลังร้องขอความรักจากเขาอย่างนั้นเหรอ’สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาไล่ลงมาถึงโหนกแก้มก่อนจะจรดแนบริมฝีปากบางคล้ายต้องการสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างเรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นจูบที่โหยหารุนแรงทำเอาโอเมก้าหอบหายใจแทบไม่ทัน“อื้อ” เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องครัวอันคับแคบมนันย์ถูกอุ้มขึ้นมาตรงเค้าเตอร์โดยไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าจูบครั้งนี้ทำให้เขาล่องลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่กล้าฝันและคิดว่ามีอยู่จริงสองแขนกอดรอบคออัลฟ่าอย่างหวงแหนปรับองศาของใบหน้าเพื่อให้สองลิ้นได้เกี่ยวกระหวัดซึมซับความหอมหวานของกันและกัน“อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยอุ่นใหม่ละกัน” พิรชัชกระซิบที่ใบหูขาวที่ระเรื่อด้วยสีแดงอย่างหยอกเย้า“อะไรนะครับ”“เพราะฉันจะกินนายก่อน”“อื้อ”“ไม่ครับเดี๋ยวป้ามะลิมาเห็นเอา”ฝ่ามือร้อนลากไล้และบีบเคล้นก้นนุ่มอย่างมันมือไล่ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปัดป่ายตุ่มเชอร์รี่ไปมาสร้างความรัญจวนแก่โอเมก้