เหตุการณ์ในตอนบ่ายนั้นถูกรายงานให้ประมุขของบ้านได้ทราบก่อนจะเรียกบุตรชายทั้งสองคนเข้ามาอบรมสั่งสอนกินเวลาหลายชั่วโมงส่วนมนันย์นั้นก็ได้ป้าสมจิตรอุ้มออกไปเรือนคนใช้ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากนายหญิงพี่เลี้ยงอย่างสำเภาถูกไล่ออกข้อหาปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้น“ผมไม่ผิด” พิรชัชตอบเสียงเเข็ง“ลูกไม่คิดว่าทำเกินไปหน่อยเหรอนั่นเด็ก 3 ขวบ” ไม่ว่าจะนอกบ้านหรือในบ้านเขาต้องปกครองด้วยคุณธรรมจะไม่ถือหางคนผิดอย่างเด็ดขาดแม้ว่าคนผิดจะเป็นบุตรชายตัวเองก็ตามดังที่พิสิฐชัยเคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อขึ้นบริหาร NDP GROUP“ส่วนลูกล่ะภพเกิดอะไรขึ้นปกติลูกเป็นคนใจเย็นนี่ทำไม…” เจ้าสัวพิสิฐชัยสอบถามไถ่ไล่เลียงเหตุการณ์ในวันนี้อย่างใจเย็น“พี่ชัชทำเกินเหตุครับผมสงสารเจ้าแก้มยุ้ยนั่น”“เจ้าแก้มยุ้ย? นันเหรอ”“ใช่ครับ”“มีอะไรเหรอ”“ผมว่าเด็กนั่นน่าสงสารพัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วไปร่างกายผอมหัวโตอีกทั้งยังชอบนั่งขาแบะผมอยากให้น้องมาอยู่ด้วยกัน…ในบ้านหลังนี้” คำตอบของพิรภพทำให้อีกสองคนที่เหลือต่างก็นิ่งอึ้ง“ไม่มีทางผมไม่ยอมหรอกครับ” พิรชัชกอดอกพลางทิ้งตัวลงเบาะรองข้างหลังอย่างแรงตามอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกค
ตัวแผ่นปลอกคอทำมาจากวัสดุอย่างดีทนต่อคมเขี้ยวของอัลฟ่าน้ำหนักเบาไม่ระคายเคืองต่อผิวแต่ติดตรงที่ว่าราคาแพงผลิตอย่างจำกัดเฉพาะโอเมก้ากระเป๋าหนาลูกเศรษฐีเท่านั้นเพราะขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไม่สามารถซื้อใช้และจัดจำหน่ายให้กับโอเมก้าโดยทั่วไปได้แปะเพียงเดือนละครั้งแต่มีข้อเสียตรงห้ามลืมแปะแผ่นใหม่เด็ดขาดโอเมก้าที่ไม่ได้ถูกตีตราสลักพันธะการไม่สวมปลอกคอก็ไม่ต่างกับดอกไม้งามที่หลอกล่อหมู่มวลแมลงให้มารุมกัดทึ้งแม้จะงามงดแต่หากไม่มีกลิ่นหอมก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ประดับที่รอวันเปลี่ยนทิ้งเพราะฉะนั้นการตีตราสลักพันธะตรงหลังคอจึงสำคัญสำหรับโอเมก้ามากๆไม่ใช่ว่าอัลฟ่าหน้าไหนก็ได้หากตัวและหัวใจไม่ยอมสิโรราบให้ด้วยความรักแล้วละก็…ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นมีเพียงการเดินทางไปฝังฮีทโรงพยาบาลประจำทุกปีเท่านั้นที่โอเมก้าหน้าหวานจะได้มีโอกาสออกไปมองบ้านเมืองและผู้คนด้านนอกมนันย์ตอนนั้นในวัย 16 ปีไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตามากนักเขาเฝ้ารอและกาปฏิทินทุกปีที่จะได้ออกไปดูตึกสูงใหญ่ในตัวเมืองผังเมืองต่างๆที่ต่างมีโอกาสได้สำรวจและท่องเที่ยวได้ในแค่โลกอินเทอร์เน็ตแม้ระยะทางจากหมู่บ้านสุดหรูจะไม่ได้ไกล
โอเมก้าน้อยในเติบใหญ่จนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยทุนเรียนดี โชคดีที่คฤหาสน์หลังงามตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองที่ครบครันไปด้วยห้างสรรพสินค้าและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การเดินทางของมนันย์จึงสะดวกสบายแม้จะเดินไกลจากตัวบ้านไปยังหน้าหมู่จัดสรรที่ราคาที่ดินราคาสูงลิบลิ่ว กว่าจะถึงป้ายรถเมล์ชุดนักศึกษาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหากเกิดมาเป็นโอเมก้าจะต้องพยายามมากกว่าชนชั้นอื่นๆอยู่หลายเท่าไม่ว่าจะเรื่องการศึกษาหรือการทำงานหากได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหน้าที่การงานดีๆก็พอจะหาทำได้บ้างดังประโยคที่ว่า‘การศึกษาเปลี่ยนอนาคต’เพราะมนันย์ไม่อยากจะอยู่ภายใต้ปีกของนันธ์เดชภาคย์อีกต่อไปเขาอยากจะยืนด้วยสองขาของตัวเองการแบมือขอร้องแต่คนอื่นไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวเพราะฉะนั้นหากจะออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ก็ต้องมีหน้าที่การงานที่ดีมนันย์จึงตั้งใจเรียนเป็นอย่างมากอีกทั้งมหา’ ลัยชั้นนำค่าเทอมก็แพงตามเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ครบครันรวมไปถึงอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายล้วนเชี่ยวชาญและมากไปด้วยประสบการณ์เพราะค่าเทอมที่สูงลิบลิ่วจึงทำให้โอเมก้าที่ไม่ได้ร่ำรวยไม่สามารถก้าวผ่านก้าวผ่านความยากจนไปได้นอกจากจะมีสามีรวยเป็นทางล
หน้าต่างตรงระเบียงถูกปิดมาหลายปีแล้วคุณชัชจะเป็นยังไงบ้างนะมนันย์วางบุตรชายคนโตของบ้านเป็นแบบอย่างในการเจริญรอยตามคุณชัชเรียนเก่งหัวดีฉลาดรอบรู้ดูได้จากหนังสือที่ป้าๆแม่บ้านขนมาทิ้งข้างนอกเพราะเก่าบ้างก็ชำรุดแต่มนันย์กลับคิดว่ามันคือขุมทรัพย์อันล้ำค่าห้องสมุดบนบ้านใหญ่จะมีหนังสือหายากกี่เล่มกันนะป้าสมจิตรเล่าให้ฟังว่าห้องสมุดนั้นใหญ่กว่าห้องนอนคนงานสามห้องรวมกันเสียอีกเวลาทำความสะอาดต้องขนแม่บ้านไปไม่รู้กี่สิบคนเพื่อจัดหนังสือและปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอหนังสือที่มีชื่อของคนพี่เขียนด้วยลายมือหนักแน่นดูจากรอยกดของปากกามีชื่อพิรชัชตรงหน้าในหนังสือทุกเล่มที่มนันย์ได้ขอเก็บเอาไว้อ่านไม่ว่าจะหนังสือ Encyclopedia, Text book ภาษาอังกฤษอ่านยากหรือหนังสืออะไรเอ่ยต่างๆมันเปิดโลกของเด็กโฮมสกูลอย่างเขาให้กว้างขึ้นไปอีกหลายเท่าหนังสือแม้จะเก่าแต่ทุกครั้งที่หยิบมาอ่านก็รู้สึกอิ่มเอมและช่วยบรรเทาความเหงาของโอเมก้าที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวได้เป็นอย่างดีนอกจากป้าสมจิตรแล้วก็มีโลกของหนังสือที่ให้มนันย์ได้ลืมช่วงเวลาของความทุกข์โทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงที่ท่านเจ้าสัวซื้อให้เมื่อเขาสอบเข้ามหาวิทยาล
มนันย์พยักหน้าให้อย่างเข้าใจก่อนจะลงมือทำต้มยำกุ้งหม้อใหญ่สำหรับคนเกือบครึ่งร้อยที่อาศัยอยู่คฤหาสน์แห่งนี้เวลาสองทุ่มอาหารเลิศรสมากมายก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงละลานตาเพื่อต้อนรับการกลับมาของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนพรรำไพยิ้มหน้าบานบุตรชายทั้งสองจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานจวบจนพิรชัชจบการศึกษาปริญญาเอกส่วนพิรภพจบปริญญาโทก่อนจะกลับมารับช่วงต่อธุรกิจที่บ้านรถหรูหลายคันเคลื่อนเข้ามาจอดทีหน้าประตูบ้านที่แกะสลักลวดหลายอย่างวิจิตรโอเมก้าอาศัยความมืดอำพรางกายเพราะไม่อนุญาตให้เข้ามาในเขตหน้าบ้านหรือบริเวณของบ้านใหญ่อย่างเด็ดขาด‘ไม่เจอกันร่วมสิบปีทั้งสองคนจะเป็นยังไงบ้างนะ’ดวงตากลมโตจดจ้องรถแต่ละคันใจสั่นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อคนที่ก้าวลงรถมาจากรถหรูคันที่ 3 ลงมาพร้อมกับผู้หญิงผมสีทองยาวสลายจนถึงกลางหลังคนแปลกหน้าที่มนันย์ไม่รู้จักมาก่อนควงแขนอย่างสนิทสนมกับพิรชัช‘เหมาะสมกันดีคุณเขายังหล่อเหลาเหมือนเดิมแต่เหมือนจะสูงและกำยำขึ้นเยอะเลย’ มนันย์ลอบวิเคราะห์โครงหน้าของพิรชัชรวมไปถึงทางกายภาพด้านนอกต่างๆอย่างละเอียดส่วนพิรภพก็สูงขึ้นเยอะเหมือนกันใบหน้าหล่อเหลานั้นมักจะแต่งแต้ม
พิรชัชห่างหายบ้านเกิดเมืองนอนไปร่วม 10 ปี ภายในห้องนอนของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงไปมากนัก เพียงแต่ว่าระเบียงมุมโปรดที่มีทุ่งดอกกุหลาบหลากสีละลานตา แถมกลิ่นหอมของมันยังลดความตึงเครียดเป็นอย่างดี กลับเป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคย และไม่มีวันคุ้นเคย ตั้งแต่เปิดประตูตรงระเบียงออกมารับลม แสงจันทร์สีนวลที่สาดส่องลงมายังพอเห็นว่าทุ่งดอกไม้ข้างล่างพุ่มของมันไม่เหมือนต้นกุหลาบที่เขาชอบ แถมกลิ่นยังฉุนจนต้องนิ่วหน้า ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองอย่างเสียอารมณ์ช่วงที่เขาไม่อยู่มีใครบังอาจกล้ามายุ่มย่ามกับแปลงกุหลาบของเขาเห็นทีพรุ่งนี้จะต้องสืบสาวราวเรื่องให้รู้เรื่องพิรชัชเข้านอนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายแถมห้องนอนยังออกแบบให้รับกับทิศทางของลมเป็นอย่างดีแต่ทว่าวันนี้กลับต้องอาศัยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศราคาแพงแทนอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาดมนันย์เองก็นอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาอยู่ค่อนคืนมองดูนาฬิกาบนหัวเตียงเป็นเวลา 5 ทุ่มปกติเจ้าตัวจะเป็นคนนอนเร็วเพราะเหนื่อยและเพลียมาจากการเรียนการเดินทางไหนจะต้องมาเข้าครัวทำอาหารแล
“ไอ้นัน ไอ้นันโว้ย”“ครับมีอะไรหรือเปล่า” ปากก็ตะโกนตอบกลับสองมือก็เร่งตากผ้าในตะกร้าให้เสร็จเพราะอาจมีเรื่องให้ไปทำต่อเป็นแน่“มาเร็วไอ้นันคุณหญิงแกเรียกหาให้ไปตึกใหญ่”“ฮะ! อะไรนะครับ” ไม่เพียงแต่มนันย์ที่ตกใจป้าสมจิตรเองก็เช่นกันร้อยวันพันปีไม่เคยให้เด็กคนนี้เหยียบย่างขึ้นไปบนตึกใหญ่สักครั้งไม่รู้ว่าเจ้านันไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่า“เอ็งไปทำอะไรให้คุณท่านเขาโกรธหรือเปล่า”“ผมเปล่านะครับ” มนันย์ส่ายหน้าอย่างแรงจะเป็นไปได้ยังไงวันๆอยู่แต่ในครัวและห้องพักคนงานและมีแค่สวนดอกไม้เท่านั้นที่เขาสามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระหรือว่า…มนันย์เบิกตากว้างสองเท้าก็รีบเดินไปยังตึกใหญ่โดยมีป้าสมจิตรเดินนำทาง“มาสักที” เสียงคุณหญิงของบ้านเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์มนันย์ค่อยๆคลานเข้าไปอย่างหวาดกลัวก่อนจะนั่งคุกเข่าก้มหน้าเหมือนนักโทษที่รอไต่สวนบริเวณโถงห้องนั่งเล่นมีสมาชิกของบ้านใหญ่นั่งกันอยู่ตามลำดับไม่ว่าจะเจ้าสัวพิสิฐชัยคุณหญิงพรรำไพคุณพิรชัชและคุณพิรภพต่างก็นั่งอยู่พร้อมหน้าเหมือนจะมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นยังไงยังงั้นพรรำไพปรายตามองอย่างรังเกียจแต่ก็อดชื่นชมผิวพรรณและหน้าตาของเด็กหนุ่มตรงหน้
“ขอบคุณมากครับ” รอยยิ้มนั้นไม่เพียงสะท้อนความอาทรในอกเจ้าสัว แต่มันยังทำให้พิรชัชคิดว่าเจ้าตัวคงดีใจเต็มแก่ที่จะได้มีชีวิตอิสระไปหลงระเริงอยู่ข้างนอกโดยที่ไม่มีใครคอยจับตา“หึ!” รอยยิ้มสวยหุบลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของพิรชัชที่จ้องมองมาอย่างดูแคลน“ป้าสมจิตรสั่งการไม่ให้ใครช่วยเหลือมนันย์ในการถอนเจ้าดอกบ้านั่นทิ้งซะถ้าทำไม่เสร็จไม่ต้องนอนจัดการให้เรียบร้อยให้เสร็จในวันนี้เพราะพรุ่งนี้จะได้ทำแปลงใหม่และวันถัดไปจะได้ลงดอกไม้อื่นๆทันที”“แต่—” ป้าสมจิตรทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นสายตาคุณๆที่จ้องมองมาก็หุบปากฉับในทันทีดอกพีโอนีสูงประมาณหัวเข่าบ้างก็สูงจนถึงเอวไอ้นันตัวบอบบางขนาดนั้นไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเสร็จใหม่นึกถึงตอนที่ลงปลูกใหม่ๆหล่อนเห็นเด็กหนุ่มค่อยๆปลูกค่อยๆดูแลอย่างพิถีพิถันมาตลอดหลายปีพอจะให้ถอนก็จะให้ทำในวันเดียวเนี่ยนะสวนกว้างตั้งหลายไร่ส่วนมนันย์คิดไม่ผิดนักตั้งแต่ที่บ้านใหญ่เรียกเขาก็เตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเกี่ยวกับสวนดอกไม้เป็นแน่แต่พอมาได้ยินให้ถอนทิ้งให้หมดหัวใจดวงน้อยก็เจ็บจนหนึบชาดอกพีโอนีเป็นเหมือนตัวแทนของแม่ที่เขาเฝ้าปลูกถนอมไว้ดูต่างหน้าบัดนี้เหลือเพียงแต่ความทรงจำที่ต้องจ
เพราะอายุห่างกันเกือบ 15 ปีทำให้นับนิรันดร์นับอนันต์แทบจะกลายมาเป็นพ่อของนับกัลป์อีกคนพ่ออย่างพิรชัชกลับกลายเป็นสปอยลูกสาวแต่ความเด็ดขาดกลับตกอยู่ที่สองแฝดพวกเขาต่างก็สรรหาสิ่งของดีๆมาให้แถมยังหวงน้องสาวมากๆด้วยนับกัลป์ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้วหน้าตาสะสวยแต่เด็กเลยเชียวผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าของสองแฝดอีกเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนสองแฝดก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเทียวรับเทียวส่งเพราะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันสองแฝดเป็นรุ่นพี่ม. 6 เด็กๆห้องอนุบาลหมีน้อยต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายของนับกัลป์ดุเหมือนยักษ์หากมีคนแกล้งให้เด็กน้อยร้องไห้ละก็จะต้องถูกดุแน่ๆสองแฝดนั้นน่ากลัวกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ส่วนนับกัลป์นั้นได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะสองแฝดทำตัวแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับเขาเลยสักคน“แม่คะหนูไม่อยากให้พี่ๆไปรับที่โรงเรียนเลย” เมื่ออยู่พร้อมหน้ามื้อเช้าของวันเด็กน้อยก็รายงานพ่อแม่ทันที“ทำไมละคะ” มนันย์เอ่ยถามส่วนพิรชัชที่สวมชุดกันเปื้อนจัดแจงข้าวเช้าให้ลูกๆอดส่งสายตาไปปรามสองแฝดไม่ได้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นบกัลป์บ่นเรื่องความขี้หวงของสองแฝด“ก็ไม่มีใครอยากเล่นกับหนู”“ไม่เห็นต้องแคร์เลยเด็กน้อยเธออย่าลืมว่ามีพวกเ
มนันย์ยิ้มให้กับสามีของตัวเองไม่คาดคิดว่าคุณชัชจะมีมุมที่น่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่ด้วยโอเมก้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมคล้ายกับว่ามีสายลมอุ่นๆห้อมล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ที่สองนี้มนันย์ไม่ได้ทำรังจนกองเสื้อผ้าสุมกันเป็นกองใหญ่เหมือนท้องแรกไม่รู้เพราะมีคู่อยู่ข้างกายหรือเปล่าเขาติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากกว่าแม้ไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนแต่ติดกลิ่นกายอีกทั้งอ้อมกอดนี้ก็เหมือนปราการใหญ่ที่ให้เขาได้ซุกตัวคุณแม่โอเมก้ารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้“คิดถึงสองแฝดจังครับไม่โทรมาเลย” พิรชัชอดหัวเราะไม่ได้“จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรคุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณปู่คุณย่าสปอยสองแสบนั้นแค่ไหนกว่าจะกลับมาก็เดือนหน้านู้นแหละอีกอย่างช่วงนี้คุณก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”“คุณมากกว่าน่ะซิครับที่ได้พักผ่อนผมรู้นะว่าคุณกับสองแฝดทะเลาะกันตลอด”“เอ้า…ผมไม่ผิดนะสองแสบนั่นติดคุณแจแถมอยากจะนอนกล่อมน้องทั้งคืนคุณเอาผมไปไว้ที่ไหน”มนันย์ส่ายหน้าให้สามีอัลฟ่าอย่างอ่อนใจ “นั่นก็ลูกคุณนะ” “ไม่เกี่ยวคุณน่ะเมียผมสองแฝดนั้นกีดกันผมกับคุณชัดๆ” มนันย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายสองแฝดน
เสียงโอ๊กอ๊ากยามเช้าภายในห้องน้ำทำเอาพิรชัชรู้สึกกระวนกระวายไปหมดหลายวันมาแล้วที่มนันย์ทำตัวแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนตัวติดกันแทบทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามนันย์ไม่เหมือนเดิมหรือว่าเพราะเขายังทำตัวไม่ดีพออัลฟ่าอย่างพิรชัชได้แต่เกาะหน้าประตูห้องน้ำได้แต่ตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าให้ผมเข้าไปไหม”“ไม่—เป็นไรครับ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงอัลฟ่าหางลู่หูตกได้แต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องนอนด้วยความวิตกกังวลต่างๆนานาๆพวกเขาเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวสมบูรณ์พร้อมหน้าได้ไม่นานอย่าให้มีเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นในตอนนี้เลยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดประคองให้นั่งลงบนเตียงกว้างอย่างช้าๆ “ไปหาหมอไหมหืมเป็นอะไรไปอย่าเก็บไว้คนเดียวคุณยังมีผมและลูกๆนะ” มนันย์เห็นสามีตัวเองในเวย์นี้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ไม่พูดเปล่าแถมยังเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเบามือ “ช่วงนี้โหมงานหนักไปหรือเปล่าเหมือนว่าคุณจะเบื่ออาหารนะออกไปทานนอกบ้านกันไหมจะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย” มนันย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาก
สองร่างเปลือยเปล่าต่างกกกอดนัวเนียกันด้วยความกระหายและต้องการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่องทางหลังโอเมก้าหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเนื่องจากช่วงฮีท การเตรียมพร้อมช่องทางหลังที่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทำให้การสอดใส่ไม่ติดขัด ส่วนปลายตอกลึกเข้าไปจนถึงปากถุงครรภ์ “อ๊ะอื้อ” โอเมก้าแหงนหน้าไปทางข้างหลังพร้อมร่างกายที่บิดพริ้วไปด้วยความกระสันจังหวะเนิบนาบก่อนหน้าหยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาคนใต้ร่าง“คุณเจ็บเหรอถ้าเจ็บก็ให้บอก…อย่าทน” พิรชัชพูดพร้อมกับแช่แกนกายไว้อยู่อย่างนั้นสักพักมันอึดอัดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจนทำเอาคุณแม่โอเมก้าทนแทบไม่ไหว“คะคุณขยับสักทีมันทรมาน” อัลฟ่าเองก็กัดฟันกรอดเช่นกันช่องทางคล้ายกำลังดูดกลืนท่อนลำของเขาอย่างหื่นกระหาย“ซี้ด… ผมขยับแทบไม่ได้” มันทั้งคับทั้งบีบแน่นแบบนี้ไม่รู้เพราะอารมณ์ที่พุ่งกระฉุดหรือเพราะความปราถนาลึกๆเรื่องตั้งครรภ์ของโอเมก้ากันแน่ที่ทำให้คนที่ไม่ประสีประสาและอับอายเรื่องอย่างว่ากลายมาเป็นผู้ควบขี่อยู่ตอนนี้“อื้ออะ” จังหวะและแรงกระแทกลงมาทำเอาอัลฟ่าแทบจะถึงปลายทางอยู่ร่อมร่อพิรชัชปล่อยให้คุณแม่ได้ควบขี่เขาตามอำเภอใจภาพที่เห็นทำเอาอัลฟ่าแทบลืมหายใจใ
“ขอบคุณมากครับ”“คุณเก่งมากหากเป็นผมไม่รู้ว่าจะผ่านคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้นไปได้ไหมที่ผ่านมาผมมองไม่เห็นถึงความลำบากที่คุณเคยได้รับมาก่อนเลย”“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับเรื่องราวมันผ่านมาแล้วแถมต้องขอบคุณเรื่องราวเหล่านั้นที่ทำให้ผมได้เติบโตและเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้”“ยินดีด้วยนะครับแม่แม่เก่งที่สุดเลย” สองแฝดแม้จะอายุ 10 ขวบแต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดต่างก็เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนันย์ได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของตัวเองรวมไปถึงโอเมก้าในปกครองข้างหลังที่ต่างก็ได้รับโอกาสการสนับสนุนทุกการศึกษาจนได้มีหน้าที่การงานมั่นคงส่งต่อความฝันและอนาคตให้กับโอเมก้าที่ขาดโอกาสต่อไปมนันย์ยิ้มทั้งน้ำตาภาพที่เขาได้วาดฝันไว้กลายเป็นจริงเสียทีความหมายของชื่อมนันย์ควรค่าแก่การสรรเสริญและมานัสที่ล่วงลับไปนั้นตัดสินใจไม่ผิดที่ให้บุตรชายได้ใช้ชื่อนี้เพราะโอเมก้าคนนี้กลายเป็นผู้ให้กลายเป็นที่รักของผู้คนมากหน้าหลายตาและควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างแท้จริงหลังจากจัดงานแต่งงานมนันย์และพิรชัชก็ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วที่พวกเขาต่างก็เข้านอน
มนันย์และครอบครัวกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ก่อนหน้านั้นโอเมก้าเองคิดว่าไม่มีที่ให้เขาได้กลับไป อีกทั้งไม่มีใครที่เขาจะต้องอาลัยอาวรณ์อีก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีคนรักมากมายถึงเพียงนี้ มนันย์เองไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนเช่นกัน การเป็นที่รักและถูกรักมันคือความรู้สึกอย่างนี้เองเพราะเป็นโอเมก้าอีกทั้งยังกำพร้าแต่เด็กด้วยโอกาสต่างๆในชีวิตหากเขาไม่รักดีและไขว่คว้ามาด้วยตัวเองก็คงไม่ได้เห็นตัวเองในอย่างตอนนี้ตอนนี้มนันย์กลายเป็นหนึ่งในโอเมก้า 100 ลำดับที่มีอิทธิพลของโลกที่ขึ้นนิตยสารชื่อดังการกระทำของเขาส่งผลต่อการขับเคลื่อนของสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและเพิ่มบทลงโทษแก่อัลฟ่าที่คุกคามโอเมก้าสวัสดิการปัจจัย 4 ที่โอเมก้าถูกกีดกัดก่อนหน้าและการมายืนอยู่จุดนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเพศรองไหนก็ไม่ควรจะถูกกีดกันและเหยียดหยามเราต่างก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมนันย์เป็นเจ้าของมูลนิธิถึง 3 แห่งเพราะเขาตระหนักดีถึงเรื่องการศึกษา ‘การศึกษาเปลี่ยนชีวิต’การศึกษามันเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆไม่ว่าคุณจะเกิดมายา
สองฝาแฝดที่แกล้งหลับโทรหาคุณตาและลุงๆของเขาที่ต่างก็ช่วยกันวางแผนนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนับอนันต์และนับนิรันดร์โตพอที่จะเข้าใจว่าระหว่างพ่อและแม่ของพวกเขาต่างก็มีเส้นใยบางๆที่คอยกั้นระหว่างความสัมพันธ์นั้นในอดีตพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรแต่เด็กทั้งสองรวมถึงวรวิทย์และมาวินเองต่างก็มองออกว่าทั้งสองคนต่างมีเยื่อใยให้กันอยู่โอเมก้าอย่างมนันย์เองแม้จะไร้กลิ่นแต่ทว่าไม่ได้ไร้เสน่ห์ไปเสียหมดเป็นเจ้าตัวเองที่ปิดกั้นไม่ให้อัลฟ่าหน้าไหนได้เข้ามาทำความรู้จักพิรชัชเองก็เช่นกันสายตาของพวกเขาต่างก็คอยมองกันและกันอยู่ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพิรชัชเองก็ได้พิสูจน์ให้พ่อตาอย่างวรวิทย์ได้เห็นความจริงใจและความรู้สึกผิดกับอดีตที่ผ่านมาระยะเวลาล่วงเลยมาป่านนี้แทนที่จะมีหลานให้ตาอย่างเขาอีกสัก 2-3 คนปัดโธ่เอ้ยอดที่จะสุมหัวกับหลานๆจัดฉากให้ไม่ได้แล้วก็สำเร็จเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืนก็ยังไม่เห็นมนันย์กลับมาตาหลานเฮลั่นกระโดดกอดกันจนตัวกลมก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทางนันธ์เดชภาคย์เองก็ได้รับข่าวคราวเช่นเดียวกันมนันย์ไม่ได้กีดกันหากปู่หลานจะโทรคุยกันบ้างเป็นครั้งคราวยังไงเด็กทั้งสองก็มี
“ผมเจอแล้วและคนคนนั้นก็คือคุณ” ใบหน้าสวยหวานของโอเมก้าแดงก่ำด้วยความเขินอายความรู้สึกครั้งนี้แตกต่างกับที่อยู่ด้วยกันบนบ้านพักบนเขาอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นมนันย์สวมบทเป็นพยาบาลจำเป็นที่ชื่อมีนาแต่ทว่าคราวนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็ยอมรับและมองเห็นตัวตนของกันและกันอย่างชัดเจนสายตาสีนิลที่จ้องมองมาทำเอาโอเมก้าทำตัวไม่ถูกพิรชัชจุมพิตที่หลังคอนั้นอย่างแผ่วเบารอยแผลเป็นนั้นเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าอัลฟ่าอย่างเขาระยำเพียงใดนิ้วมือเรียวยาวสัมผัสรอยแผลนั้นด้วยความรู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นที่สุด“เจ็บไหม”“ไม่แล้วครับ”“ตอนที่ผ่าเอามันออกล่ะเจ็บมากไหม”“การมีอยู่ของมันทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าในตอนนั้นโอเมก้าที่ตั้งครรภ์ต้องการฟีโรโมนของคู่มากยิ่งโอเมก้าที่ถูกทำพันธะจะทุรนทุรายเมื่อห่างจากคู่ผมในตอนนั้นไม่กล้าคาดหวังอะไรอีกอีกทั้งผมเองก็มีส่วนผิดที่โกหกคุณตั้งแต่แรก—”“อย่าโทษตัวเองอีกเลยคุณเจ็บปวดมามากพอแล้วต่อจากนี้อย่าเจ็บปวดเพราะมันอีกเลยต่อให้คุณจะไร้กลิ่นผมก็ยังจะรักคุณมีเพียงคุณจะทะนุถนอมคุณเป็นอย่างดี” ริมฝีปากหนาจุมพิตหน้าผากมนด้วยความรักและปล่อยฟีโรโมนเพื่อปลอบประโลมคู่ของตนแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถ
“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาคุณผ่านช่วงรัทไปได้ยังไงครับ”“ออกไปเถอะผมขอร้อง”เตียงที่ยวบข้างหลังทำเอาร่างกายอัลฟ่าแข็งค้างก่อนจะพลิกตัวหันมา “จะทำอะไร!”“ผมรู้ว่าคุณทรมานแต่ว่าคุณไม่ต้องอดกลั้นขนาดนี้ก็ได้เราต่างก็ไม่ใช่เจ้าของซึ่งกันและกันอีกทั้ง…หากคุณจะมีใครสักคนผมก็ยินดีและเชื่อว่าลูกๆต่างก็ยินดีด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นที่ผมจะบอกคุณก็คือตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคุณทำหน้าที่พ่อได้ดีมากมากจนเกินกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มากและผมไม่คิดว่าคุณจะทำมันมาได้นานจนถึงทุกวันนี้” มนันย์บิดผ้าขนหนูในอ่างขึ้นมาเช็ดหน้าให้อัลฟ่าที่นอนนิ่งให้เขาเช็ดหน้าให้อย่างไม่ขัดขืน“เราต่างก็ไม่มีอะไรติดค้างกันตั้งนานแล้วนะครับคุณควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”“ผมทำไม่ได้” มือหนาจับมือขาวที่กำลังเช็ดหน้าไว้พลางจ้องมองใบหน้าสวยหวานไล่ตั้งแต่หน้าผากมนสันจมูกจนมาถึงริมฝีปากบางก่อนจะหลับตาพร้อมกอบกุมมือขาวนั้นแนบกับใบหน้าตัวเองอย่างถวิลหาเพราะที่ผ่านมาเขาทำได้เพียงโอบกอดคนตรงหน้าเพียงความฝันเขาอยากทะนุถนอมโอเมก้าตรงหน้าให้มากที่สุดไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธหรือเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาแม้จะยากลำบากสักเพียงไหนเขาก็ไม่เ