มนันย์พยักหน้าให้อย่างเข้าใจก่อนจะลงมือทำต้มยำกุ้งหม้อใหญ่สำหรับคนเกือบครึ่งร้อยที่อาศัยอยู่คฤหาสน์แห่งนี้เวลาสองทุ่มอาหารเลิศรสมากมายก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงละลานตาเพื่อต้อนรับการกลับมาของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนพรรำไพยิ้มหน้าบานบุตรชายทั้งสองจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานจวบจนพิรชัชจบการศึกษาปริญญาเอกส่วนพิรภพจบปริญญาโทก่อนจะกลับมารับช่วงต่อธุรกิจที่บ้านรถหรูหลายคันเคลื่อนเข้ามาจอดทีหน้าประตูบ้านที่แกะสลักลวดหลายอย่างวิจิตรโอเมก้าอาศัยความมืดอำพรางกายเพราะไม่อนุญาตให้เข้ามาในเขตหน้าบ้านหรือบริเวณของบ้านใหญ่อย่างเด็ดขาด‘ไม่เจอกันร่วมสิบปีทั้งสองคนจะเป็นยังไงบ้างนะ’ดวงตากลมโตจดจ้องรถแต่ละคันใจสั่นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อคนที่ก้าวลงรถมาจากรถหรูคันที่ 3 ลงมาพร้อมกับผู้หญิงผมสีทองยาวสลายจนถึงกลางหลังคนแปลกหน้าที่มนันย์ไม่รู้จักมาก่อนควงแขนอย่างสนิทสนมกับพิรชัช‘เหมาะสมกันดีคุณเขายังหล่อเหลาเหมือนเดิมแต่เหมือนจะสูงและกำยำขึ้นเยอะเลย’ มนันย์ลอบวิเคราะห์โครงหน้าของพิรชัชรวมไปถึงทางกายภาพด้านนอกต่างๆอย่างละเอียดส่วนพิรภพก็สูงขึ้นเยอะเหมือนกันใบหน้าหล่อเหลานั้นมักจะแต่งแต้ม
พิรชัชห่างหายบ้านเกิดเมืองนอนไปร่วม 10 ปี ภายในห้องนอนของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงไปมากนัก เพียงแต่ว่าระเบียงมุมโปรดที่มีทุ่งดอกกุหลาบหลากสีละลานตา แถมกลิ่นหอมของมันยังลดความตึงเครียดเป็นอย่างดี กลับเป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคย และไม่มีวันคุ้นเคย ตั้งแต่เปิดประตูตรงระเบียงออกมารับลม แสงจันทร์สีนวลที่สาดส่องลงมายังพอเห็นว่าทุ่งดอกไม้ข้างล่างพุ่มของมันไม่เหมือนต้นกุหลาบที่เขาชอบ แถมกลิ่นยังฉุนจนต้องนิ่วหน้า ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองอย่างเสียอารมณ์ช่วงที่เขาไม่อยู่มีใครบังอาจกล้ามายุ่มย่ามกับแปลงกุหลาบของเขาเห็นทีพรุ่งนี้จะต้องสืบสาวราวเรื่องให้รู้เรื่องพิรชัชเข้านอนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายแถมห้องนอนยังออกแบบให้รับกับทิศทางของลมเป็นอย่างดีแต่ทว่าวันนี้กลับต้องอาศัยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศราคาแพงแทนอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาดมนันย์เองก็นอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาอยู่ค่อนคืนมองดูนาฬิกาบนหัวเตียงเป็นเวลา 5 ทุ่มปกติเจ้าตัวจะเป็นคนนอนเร็วเพราะเหนื่อยและเพลียมาจากการเรียนการเดินทางไหนจะต้องมาเข้าครัวทำอาหารแล
“ไอ้นัน ไอ้นันโว้ย”“ครับมีอะไรหรือเปล่า” ปากก็ตะโกนตอบกลับสองมือก็เร่งตากผ้าในตะกร้าให้เสร็จเพราะอาจมีเรื่องให้ไปทำต่อเป็นแน่“มาเร็วไอ้นันคุณหญิงแกเรียกหาให้ไปตึกใหญ่”“ฮะ! อะไรนะครับ” ไม่เพียงแต่มนันย์ที่ตกใจป้าสมจิตรเองก็เช่นกันร้อยวันพันปีไม่เคยให้เด็กคนนี้เหยียบย่างขึ้นไปบนตึกใหญ่สักครั้งไม่รู้ว่าเจ้านันไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่า“เอ็งไปทำอะไรให้คุณท่านเขาโกรธหรือเปล่า”“ผมเปล่านะครับ” มนันย์ส่ายหน้าอย่างแรงจะเป็นไปได้ยังไงวันๆอยู่แต่ในครัวและห้องพักคนงานและมีแค่สวนดอกไม้เท่านั้นที่เขาสามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระหรือว่า…มนันย์เบิกตากว้างสองเท้าก็รีบเดินไปยังตึกใหญ่โดยมีป้าสมจิตรเดินนำทาง“มาสักที” เสียงคุณหญิงของบ้านเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์มนันย์ค่อยๆคลานเข้าไปอย่างหวาดกลัวก่อนจะนั่งคุกเข่าก้มหน้าเหมือนนักโทษที่รอไต่สวนบริเวณโถงห้องนั่งเล่นมีสมาชิกของบ้านใหญ่นั่งกันอยู่ตามลำดับไม่ว่าจะเจ้าสัวพิสิฐชัยคุณหญิงพรรำไพคุณพิรชัชและคุณพิรภพต่างก็นั่งอยู่พร้อมหน้าเหมือนจะมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นยังไงยังงั้นพรรำไพปรายตามองอย่างรังเกียจแต่ก็อดชื่นชมผิวพรรณและหน้าตาของเด็กหนุ่มตรงหน้
“ขอบคุณมากครับ” รอยยิ้มนั้นไม่เพียงสะท้อนความอาทรในอกเจ้าสัว แต่มันยังทำให้พิรชัชคิดว่าเจ้าตัวคงดีใจเต็มแก่ที่จะได้มีชีวิตอิสระไปหลงระเริงอยู่ข้างนอกโดยที่ไม่มีใครคอยจับตา“หึ!” รอยยิ้มสวยหุบลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของพิรชัชที่จ้องมองมาอย่างดูแคลน“ป้าสมจิตรสั่งการไม่ให้ใครช่วยเหลือมนันย์ในการถอนเจ้าดอกบ้านั่นทิ้งซะถ้าทำไม่เสร็จไม่ต้องนอนจัดการให้เรียบร้อยให้เสร็จในวันนี้เพราะพรุ่งนี้จะได้ทำแปลงใหม่และวันถัดไปจะได้ลงดอกไม้อื่นๆทันที”“แต่—” ป้าสมจิตรทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นสายตาคุณๆที่จ้องมองมาก็หุบปากฉับในทันทีดอกพีโอนีสูงประมาณหัวเข่าบ้างก็สูงจนถึงเอวไอ้นันตัวบอบบางขนาดนั้นไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเสร็จใหม่นึกถึงตอนที่ลงปลูกใหม่ๆหล่อนเห็นเด็กหนุ่มค่อยๆปลูกค่อยๆดูแลอย่างพิถีพิถันมาตลอดหลายปีพอจะให้ถอนก็จะให้ทำในวันเดียวเนี่ยนะสวนกว้างตั้งหลายไร่ส่วนมนันย์คิดไม่ผิดนักตั้งแต่ที่บ้านใหญ่เรียกเขาก็เตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเกี่ยวกับสวนดอกไม้เป็นแน่แต่พอมาได้ยินให้ถอนทิ้งให้หมดหัวใจดวงน้อยก็เจ็บจนหนึบชาดอกพีโอนีเป็นเหมือนตัวแทนของแม่ที่เขาเฝ้าปลูกถนอมไว้ดูต่างหน้าบัดนี้เหลือเพียงแต่ความทรงจำที่ต้องจ
ความฝันที่ก้าวเท้าออกจากบ้านนันธ์เดชภาคย์สลายพร้อมกับร่างกายที่โคลงเคลงจับไข้เนื่องจากตากฝนมาทั้งคืนไหนจะถ่อร่างกายอันหนักอึ้งออกมาร้านซักรีดหยอดเหรียญข้างนอกอีกมนันย์ไข้ขึ้นสูงจนหมดสติโชคดีที่ยังพอมีคนมาใช้บริการร้านซักรีดแห่งนี้อยู่บ้างแม้จะเป็นช่วงเวลาฟ้าสางเขาจึงถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลทางด้านป้าสมจิตรที่นั่งไม่ติดที่เพราะช่วงก่อนที่เจ้านันยังเป็นนักศึกษาช่วงนั้นเหลือเพียงคุณพรรำไพอยู่บ้านเพียงคนเดียวเป็นส่วนใหญ่บ้างก็ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกกับสมาคมคุณหญิงคุณนายอาหารเช้าจะเป็นเพียงสลัดง่ายๆหรือผลไม้ไม่กี่อย่างซึ่งไม่ต้องอาศัยรสมือในการปรุงเฉกเช่นอาหารคาวส่วนใหญ่ตอนกลางวันคุณหญิงท่านจะออกไปทานข้างนอกส่วนตอนเย็นมนันย์ก็กลับมารับช่วงต่อพอดีจึงได้รับหน้าที่ปรุงอาหารคาวหวานขึ้นโต๊ะบ้านใหญ่มานานหลายปีแม้จะมีหัวหน้าเชฟคนอื่นๆแต่ว่าคุณพรรำไพชอบรสมือของป้าสมจิตรมากที่สุดเพราะเธอชอบอาหารไทยส่วนท่านเจ้าสัวและลูกชายทั้งสองชอบอาหารฝรั่งอย่างพวกมันบดหรือเนื้อแกะย่างหมักด้วยไวน์แดงเป็นต้นเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างป้าสมจิตรถนัดเพียงอาหารไทยต้นตำรับประยุกต์ได้หลากหลายแบบหากขึ้นชื่อว่าอาหารไทยหล่
“ป้าสมจิตรเกิดอะไรขึ้นทำไมรสชาติอาหารถึงได้เค็มโดดจนกินไม่ได้เลย” พรรำไพถามเสียงเครียดส่วนป้าสมจิตรก้มหน้าฝ่ามือที่เย็นเฉียบประสานกันตรงหน้าท้องน้อยอย่างยอมรับชะตากรรมของตัวเอง“คะคือดิฉันขอโทษด้วยค่ะคุณหญิง”“ทำอยู่ทุกวันทำไมวันนี้ถึงรสเพี้ยนจนฉันไม่คิดว่าใครจะกินได้ลงมีอะไรหรือเปล่า” พรรำไพจ้องหัวหน้าแม่ครัวที่เธอไว้ใจและโปรดปรานในรสชาติฝีมืออาหารไทยมาตลอดหลายสิบปีอย่างงุนงงปนสงสัยแม่จะไม่พอใจแต่ก็ยังอยากจะรู้สาเหตุอยู่ดีไถ่ถามอย่างใจเย็นแม้จะจะถือว่าเป็นคนโปรดแต่ถ้าทำผิดก็ต้องต่อว่ากันบ้างป้าสมจิตรคุกเข่าลงข้างๆเก้าอี้พรรำไพพร้อมเอ่ยขอโทษอย่างใจจริง“ขอโทษค่ะคุณหญิงไอ้นัน—” ยังไม่ทันที่ป้าสมจิตรจะได้อธิบายพรรำไพก็แผดเสียงออกมาอย่างดัง“มีอะไรอย่าบอกนะเด็กนั่นแกล้งทำ”“มะไม่ใช่ค่ะคุณหญิง” ป้าสมจิตรสองมือจับขาผู้เป็นนายหญิงไว้มั่นกลัวว่าจะเข้ามนันย์ผิดไปก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะเอ่ยถามออกมากลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายส่วนทางด้านพิรชัชและพิรภพต่างก็นั่งเงียบรอฟังคำอธิบายของแม่ครัวอย่างใจเย็น“ใจเย็นๆคุณหญิงฟังสมจิตรสักหน่อยเถอะมนันย์ทำอะไรหรือยังไงสมจิตรตั้งสติค่อยๆเล่า”“คือเมื่อหลายปีก่อนด
เวลาล่วงเลยมา 4 วันกว่ามนันย์จะกลับมายังคฤหาสน์นันธ์เดชภาคย์ แม้จะไม่มีไข้แต่ร่างกายก็ยังอ่อนเพลียอยู่ดี ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงมหาศาลในความคิดของโอเมก้ากำพร้า ถึงท่านจะสัวจะส่งเสียตลอดเป็นรายปี แต่ก็ไม่ได้ให้มากมายจนเหลือกินเหลือใช้ มนันย์ประหยัดอดออมเพราะตั้งใจจะเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้ใช้ตั้งตัวแต่ก็ต้องมาเสียเงินก้อนโตเกือบ 1 ใน 4 ของเงินทั้งหมดที่มีในบัญชี ยามที่ถอนเงินสดไปจ่าย มือขาวสั่นระริกเสียดายเงินก้อนโตได้แต่เพียงมองตาละห้อย โอเมก้าอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาในสถานพยาบาลในย่านนี้เพียงเพราะไม่มีเงินมากพอ อีกทั้งที่เขาต้องรักษาตัวหลายวันเพราะร่างกายเกิดผิดปกติต่อต้านยากดฮีทที่ฝังอยู่ใต้ท้องแขน คุณหมอจึงรีบผ่าตัดเอาออก รอจนสภาพร่างกายดีขึ้นจึงแนะนำยาเม็ดชนิดใหม่ที่ราคาแพงและมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบเก่าและคุณหมอยังแนะนำให้เขางดใช้ชนิดแบบฝังเพราะอาจจะมีผลกระทบต่อร่างกายในภายหลัง โดยเฉพาะกับมดลูก หากยังไม่แต่งงานให้ทานยาแทน หากแต่งงานยังแล้วให้ควบคุมโดยวิธีการทางธรรมชาติจะดีที่สุด แต่มนันย์ไม่มีตัวเลือกมากนัก อีกทั้งเขาจินตนาการที่ตัวเองแต่งงาน มีครอบครัวสมบูรณ์พูนสุขไม
“ไอ้นันวันพรุ่งนี้คุณๆเขาจะออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเพราะว่าคุณชายทั้งสองห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานคุณหญิงเลยจะชวนไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศติดทะเลแถวทางใต้ข้าล่ะอยากเห็นทะเลเหมือนกันแต่ให้นั่งรถไปนานๆก็คงจะไม่ไหวเอ็งไม่อยากไปบ้างเหรอคุณท่านให้ข้ามาบอกใครอยากจะไปก็นั่งรถตามไปได้รถตู้สองคันเห็นนังแป้นกับนังสายว่าครั้งนี้จะไปมั้ง” ป้าสมจิตรบอกเล่าอย่างตื่นเต้น“ไม่ดีกว่าครับป้ากลัวว่าถ้าผมไปบรรยากาศก็คงจะกร่อยหมดป้าก็รู้ว่าทำไม” มนันย์หันมายิ้มให้ป้าสมจิตรตาหยีสองมือก็ขะมักเขม้นมักจัดการเช็ดล้างห้องครัวเหมือนอย่างที่เคยทำ“ไปตั้งหลายวันเอ็งก็จะได้พักไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาเข้าครัวเตรียมอาหารเหมือนแต่ก่อนช่วงนี้อยากออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้นะข้าไม่ว่าหรอกไม่ต้องอยู่แต่ในนี้เอ็งยังหนุ่มยังแน่น” ป้าสมจิตรเอ่ยบอกอย่างเอ็นดูหากไม่มีเด็กตรงหน้าคอยช่วยเหลืองานต่างๆคนแก่ที่ต่อมรับรสลิ้นผิดเพี้ยนคงโดนเนรเทศจากเมืองใหญ่ไปใช้ชีวิตบ้านนอกเหมือนเดิมแม้จะทำงานเป็นคนใช้ในคนครัวแต่ว่ามีอาหารการกินครบ 3 มื้อบ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อแถมยังมีรายได้พอจุนเจือส่งเสียเลี้ยงหลานที่บ้านได้ก็เพียงพอแล้วแต่เด็กหนุ่มตร
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที
สภาพของมนันย์ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก เมื่อสองเท้าลงจากเครื่องบินมายังอีกซีกโลกหนึ่ง เพราะคิดจะเดินออกจากใต้ปีกท่านเจ้าสัวจึงเลือกมหาลัยและเมืองอื่น ไม่ได้เลือกตามที่บอกท่านเจ้าสัวไปตั้งแต่แรก เมืองที่ท่านเจ้าสัวแนะนำเป็นเมืองใหญ่แถมยังเป็นมหา’ ลัยเดียวกับลูกชายของท่านอีก แต่มนันย์คิดดีแล้ว ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ประชากรโอเมก้ามีไม่มากแต่ก็ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ไม่น้อยกว่าเมืองใหญ่ ๆ ในแถบทวีปอื่น ๆ เมืองเล็กค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็เงียบสงบเหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รออะไรเข้าที่เข้าทางเขาจะไปผ่าตัดเอาพันธะที่หลังคอออก คุณชัชคงรู้สึกไม่ดีมากนักหากรู้ว่าทำพันธะกับโอเมก้าที่ตนเกลียดโดยไม่ได้ตั้งใจผ่านเหตุการณ์นั้นมาร่วม 3 เดือนแต่มนันย์ก็นอนไม่หลับมาจนถึงทุกวันนี้ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะเครียดลงกระเพาะหรือเพราะ Jet lag จึงทำให้เวียนหัวคลื่นไส้ไม่หยุดอาการเหล่านั้นจะเป็นหนักโดยเฉพาะหลังตื่นนอนแต่ละคืนเขาต้องจุดเทียนหอมกลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นที่เขาทำขึ้นเองเพื่อช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนพอนับๆดูแล้วระยะเวลาไม่กี่เดือนเสียค่าเทียนหอมไปไม่น้อยรวมๆเกือบร้อยแก้วได้กลิ่นของมันเหม
‘ไปได้ก็ดี’ เจ็บเจ็บเหลือเกินคำพูดแค่สี่คำแต่เหมือนเข็มพิษนับหมื่นที่ทิ่มแทงหัวใจให้ขาดวิ่นแต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะกลืนยาพิษด้วยตัวเองตอนสมัยยังเด็กเคยถูกพี่เลี้ยงแกล้งให้อมบอระเพ็ดแลกกับน่องไก่ที่เหลือกินจากบ้านใหญ่เพราะความอดอยากและหิวโหยจึงไม่ปริปากและไม่กล้าคายแม้จะขมแค่ไหนก็ตามย้อนกลับไปตอนนั้นเขามันตัวโง่งมจริงๆยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิ่มท้องตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเขารับปากท่านเจ้าสัวเพื่อแลกกับอิสรภาพรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรถลำลึกและสุดท้ายรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นแบบไหนแต่เขาก็เลือกที่จะลิ้มลองรสชาติของความใคร่ความรักแม้มันจะขมกว่าบอระเพ็ดที่เคยลิ้มลองมาหลายเท่าความคิดโอเมก้าล่องลอยจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งพับเพียบข้างล่างอย่างรู้ตัว“ขึ้นมานั่งด้วยกันสิ”“ครับ” มนันย์นั่งเว้นระยะห่างกับท่านเจ้าสัวพอสมควร“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเธอคงรู้ดีเรื่องข้อตกลงของเรา”“ครับ”“ขอบคุณที่ดูแลเจ้าชัชเป็นอย่างดี”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” มนันย์ก้มหน้าตอบเสียงเรียบ“ส่วนเงินฉันโอนให้เธอตามที่ได้รับปากไว้และนี่” มนันย์เหลือบมองกล่องสีแดงกำมะหยี่กล่องขนาดสองฝ
วันนี้มนันย์ตื่นตั้งแต่เช้าและเข้าเมืองไปสอบ ความรักสวยงามและไม่แน่อาจไม่มีอยู่จริง แต่การศึกษาคือใบเบิกทางเป็นของจริง เขาสลัดความฝันฟุ้งเฟ้อออกไปก่อนจะเข้าสนามสอบไปด้วยความมั่นใจ แม้พิรชัชจะสูญเสียการมองเห็นแต่สมองยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แถมยังพ่วงปริญญาเอกมาจากสถาบันชื่อดังยิ่งการันตีความสามารถของเขา ก่อนนอนก็ใช้เวลาติวหนังสือให้มนันย์ทุกคืน ส่วนไหนที่มักจะออกสอบ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาตอบถูกจะได้รางวัล หากตอบผิดจะถูกทรมานจนดิ้นพล่าน สองแก้มแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงข้อที่เขาตอบผิด ไหนจะเรียงความ Essay ต่าง ๆ ที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การสอบกินเวลา 6 ชั่วโมงพริบตาเดียวสำหรับคนสอบ แต่คนที่นั่งรออยู่ที่บ้านหงุดหงิดจนนั่งไปติดที่ ออกมานั่งรอลานบ้านตั้งแต่เที่ยง พิรชัชรู้ว่าใช้เวลาสอบนานแต่ก็อดที่จะเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ไม่ได้ เมื่อมีเสียงรถยนต์เข้ามาพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาก่อน“ตาชัชเป็นยังไงบ้างลูก” พรรำไพแผดเสียงร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าลูกชายอีกครั้งหล่อนสวมกอดพลางสำรวจลูบหน้าตาของลูกชายสำรวจจนพิรชัชอ
สองมือสอดประสานกันแน่นอัลฟ่าโน้มกายแตะหน้าผากเนียนของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะส่งผ่านความจริงใจและความรู้สึกที่มีไปถึงอีกคนมนันย์ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่งไหล่อยู่อย่างนั้น‘นี่คุณชัชกำลังร้องขอความรักจากเขาอย่างนั้นเหรอ’สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาไล่ลงมาถึงโหนกแก้มก่อนจะจรดแนบริมฝีปากบางคล้ายต้องการสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างเรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นจูบที่โหยหารุนแรงทำเอาโอเมก้าหอบหายใจแทบไม่ทัน“อื้อ” เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องครัวอันคับแคบมนันย์ถูกอุ้มขึ้นมาตรงเค้าเตอร์โดยไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าจูบครั้งนี้ทำให้เขาล่องลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่กล้าฝันและคิดว่ามีอยู่จริงสองแขนกอดรอบคออัลฟ่าอย่างหวงแหนปรับองศาของใบหน้าเพื่อให้สองลิ้นได้เกี่ยวกระหวัดซึมซับความหอมหวานของกันและกัน“อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยอุ่นใหม่ละกัน” พิรชัชกระซิบที่ใบหูขาวที่ระเรื่อด้วยสีแดงอย่างหยอกเย้า“อะไรนะครับ”“เพราะฉันจะกินนายก่อน”“อื้อ”“ไม่ครับเดี๋ยวป้ามะลิมาเห็นเอา”ฝ่ามือร้อนลากไล้และบีบเคล้นก้นนุ่มอย่างมันมือไล่ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปัดป่ายตุ่มเชอร์รี่ไปมาสร้างความรัญจวนแก่โอเมก้