“ลมหนาว พี่หม่อนเจ็บนะนี่แหนะ”หม่อนไหมย่อตัวลงกอดเจ้าลมหนาวที่เอาหัวถูไถไปมาอย่างทะเล้นอยู่ในอ้อมกอดของเธอก่อนที่หม่อนไหมจะหอมหัวเจ้าลมหนาวฟอดใหญ่และลุกขึ้นเดินเข้าไปหารามสูร โดยที่มีเจ้าลมหนาวเดินตามไปติดๆ ในขณะที่รามสูรค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหม่อนไหมที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาใบหน้างดงามพลันเผยรอยยิ้มละมุนให้รามสูรที่เผยสีหน้ายินดีอย่างไม่อาจปิดบัง“ทำไมถึงยิ้มแบบนั้นคะมีอะไรให้น่าดีใจขนาดนั้นเชียว”หม่อนไหมเอ่ยถามรามสูรด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดีทั้ง ๆที่เขาเพิ่งกลับมาจากซื้อนมหมีปั่นให้เธอ ส่วนเจ้าลมหนาวที่พบคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคยกันครั้งแรกเจ้าหมายักษ์ก็รีบเดินเข้าใกล้ๆและเดินวนไปมารอบตัวรามสูรเพื่อทำความรู้จักทันที“นี่คือสร้อยที่หนูหม่อนเอามาซ่อมเหรอคะ”น้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยถามหม่อนไหมที่พยักหน้ารับพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบสร้อยออกจากกล่องที่อยู่ในมือของรามสูรและยกขึ้นโชว์เพื่อให้เขาได้เห็นว่าสร้อยที่ขาดเป็นสองท่อนของเธอในตอนนั้นถูกซ่อมจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม“สร้อยที่คนสำคัญของหนูหม่อนให้มาสวยไหมคะ”เด็กสาวเอ่ยถามรามสูรด้วยรอยยิ้มสดใสโดยที่เธอไม่ได้ส
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้แก้มใสที่กำลังทาครีมอยู่ยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนที่เธอจะวางกระปุกครีมลงบนโต๊ะเครื่องแป้งและวิ่งออกจากห้องนอนไปท่ามกลางความงุนงงของวายุที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำวิ่งเร็วแบบนี้คงไม่ได้งอนลูกจนคิดจะทำอะไรแผลงๆแกล้งลูกหรอกนะ การคาดเดาของวายุไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อยแก้มใสค่อยๆเปิดประตูห้องนอนของลูกชายเข้าไปอย่างเบามือก่อนที่เธอจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ซ่อน จนกระทั่งดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าที่ข้างเตียงนอนร่างบางของคุณแม่ลูกสองที่ความคิดบางเรื่องยังคงคล้ายกับเด็กเล็กรีบวิ่งเข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าทันทีโดยที่เธอไม่คิดเลยว่าการมาเล่นซ่อนแอบในห้องของลูกชายจะทำให้เธอเจอเรื่องเซอร์ไพร์สที่ทำเอาเลือดกำเดาไหลไม่หยุดแกรกแอดตุบเสียงแผ่นหลังบอบบางของหม่อนไหมที่กระแทกเข้ากับฝ่ามือของรามสูรที่ยื่นมารองแผ่นหลังของเธอเอาไว้ด้วยความทะนุถนอมเขาก้มลงจูบปากจิ้มลิ้มสีพีชอย่างอดใจไม่อยู่ทั้งริมฝีปากและลิ้นของเขากำลังรุกเร้าพัวพันลิ้นเล็กหวานหอมของหม่อนไหมประดุจกระแสลมแรงที่พัดโหมเข้ามาให้หัวใจสั่นไหวแขนเรียวขาวผ่องของหม่อนไหมยกข
เมื่อหม่อนไหมทิ้งตัวลงบนที่นอนรามสูรก็รีบขึ้นตามไปทาบทับร่างบางของเธอทันทีใบหน้าหล่อเหลาก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นละมุนไปด้วยกลิ่นน้ำนมจากครีมอาบน้ำที่กระตุ้นความปรารถนาในกายของเขาให้ลุกโชนประหนึ่งเปลวไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาร่างบางของหม่อนไหมให้อ่อนละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟปลายริ้นเร่าร้อนสอดผ่านกลีบปากนุ่มของเธอเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นเล็กเรียวของหม่อนไหมอย่างไม่เกรงใจมือใหญ่ข้างหนึ่งลูบไล้แก้มเนียนแดงปลั่งของเธออย่างอ่อนโยนส่วนอีกข้างบีบเคล้นสะโพกอวบอิ่มของเธอราวกับมันคือฟองน้ำนุ่มนิ่มที่ยิ่งบีบก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้“อ๊า พี่รามขา”ยามที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระหม่อนไหมก็เปล่งเสียงครางหวานหูออกมาด้วยความเคยชินเมื่อสัมผัสของรามสูรคล้ายกำลังทำให้เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงมหาสมุทรที่ไม่ว่าจะพยายามแหวกว่ายขึ้นมาบนฝั่งมากเท่าไหร่ก็กลับจมดิ่งลงไปลึกถึงก้นมหาสมุทรมากเท่านั้น“อืม หนูหม่อนจ้านุ่มเหลือเกิน”รามสูรตอบสนองเสียงครางของหม่อนไหมด้วยการเลื่อนใบหน้าลงไปชิมความหอมหวานจากอกอวบอิ่มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะกำลังตั้งครรภ์เรียวลิ้นซุกซนหยอกล้อปทุมถันที่เริ่มแข็งภายใต้การเล้าโลมของเขาจนน้ำลายชุ
เช้าวันต่อมากริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้รามสูรที่เพิ่งล้มตัวลงนอนได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงพลันลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีแรงขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยของรามสูรทำให้หม่อนไหมสะดุ้งน้อยๆพร้อมกับขยับตัวตามเขาแต่ยังคงไม่ลืมตาตื่นใบหน้าเนียนใสยับย่นเล็กน้อยคล้ายกำลังรู้สึกโมโหที่ถูกรบกวนการนอนหลับพักผ่อน“จุ๊ จุ๊ จุ๊ นอนต่อนะคะเด็กดี”น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยบอกหม่อนไหมที่ซบใบหน้าอยู่บนอกแกร่งก่อนที่รามสูรจะยื่นมือไปตบเบาๆที่แผ่นหลังของเธอทำให้หม่อนไหมที่ขยับตัวไปมายุกยิกหยุดการเคลื่อนไหวและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก่อนที่รามสูรจะจัดท่านอนให้เธอใหม่โดยหยิบหมอนข้างมาให้เธอกอดแทนเขา“ได้เวลาทำมื้อเช้าให้ครอบครัวแล้วสินะเรา”เมื่อลงมาจากเตียงนอนรามสูรก็บิดตัวไปมาเบาๆพร้อมพึมพำถึงสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้ซึ่งความจริงแล้วรามสูรไม่ได้ตั้งใจที่จะตื่นเช้าขนาดนี้ แต่เนื่องจากเมื่อวานบิดาของเขาส่งข้อความมาบอกว่ามารดาของเขานั้นน้อยใจเรื่องที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่ยอมกลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านทำให้รามสูรรู้สึกร้อนใจเขาจึงทำได้แค่เพียงรีบตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้มารดาเพื่อไถ่โทษตามคำแนะนำของบิดาเท่านั้
วันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากที่รามสูรย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านกับบิดามารดาเขาก็เริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังทันทีตามที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้กับมารดาถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มทำงานก่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ก็ตาม ในส่วนของการเรียนการการสอนที่มหาวิทยาลัยรามสูรยังคงต้องรับหน้าที่สอนนักศึกษาตามปกติโดยที่แบ่งเวลาการทำหน้าที่ท่านประธานบริษัทกับอาจารย์ได้อย่างลงตัวส่วนหม่อนไหมหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของรามสูรแล้วเธอพบว่าครอบครัวของรามสูรนั้นดีกับเธอมากทุกคนต่างรักและเอ็นดูเธอโดยเฉพาะแก้มใสที่มักจะชวนเธอทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนอย่างเช่นการเล่นโยคะ ว่ายน้ำ และเรียนถักโครเชต์ไปจนถึงการชวนเธอเล่นไพ่ที่หม่อนไหมแพ้ให้แม่สามีทุกตาจนกระทั่งมาจบที่การชวนเธอมาปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านเมื่อเธอรู้สึกอยากจะทานผลไม้รสเปรี้ยวเพื่อแก้อาการคลื่นไส้ที่อยู่ๆก็มาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว“แม่แก้มคะ ลูกนั้นค่ะลูกนั้น”หม่อนไหมชี้มือไปที่ผลมะม่วงลูกอวบใหญ่ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของแก้มใสก่อนที่แขนเรียวยาวจะยื่นมือไปจัดการกับมะม่วงลูกนั้นและโยนลงมาให้หม่อนไหมที่เตรียมรับได้อย่างแม่นยำ“แม่แก้มคะ อีกลูกค่ะ อีกลูก”หม่อนไหมชี้มือไปทางขวาของ
“สวัสดีค่ะทุกคนกอหญ้ากลับมาแล้ว”น้ำเสียงสดใสตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นห้องรับแขกทำให้ภีมวัจน์ที่เดินจูงมือลูกชายฝาแฝดสองคนเดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย ที่ตอนนี้หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้างุนงงเมื่อไร้การตอบกลับจากคนภายในบ้านหรือว่าวันนี้มารดาของเธอจะไม่อยู่กันน้า“ทุกคนหายไปไหนกันหมดคะเฮีย ไหนพ่อบอกว่าแม่แก้มอยู่บ้านแล้วทำไมบ้านถึงได้เงียบเหมือนป่าช้าแบบนี้นะ”กอหญ้าเอ่ยถามสามีที่หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความขบขันเมื่อได้ยินคำเปรียบเทียบบรรยากาศความเงียบภายในบ้านของภรรยาก่อนที่เขาจะเดินจูงมือลูกชายฝาแฝดเดินมาหยุดลงตรงหน้ากอหญ้าที่ย่อตัวลงและหอมแก้มลูกชายทั้งสองคนฟอดใหญ่ด้วยความชื่นใจ“คุณยายของพี่พีร์หายไปไหนแล้วน้า”กอหญ้าเอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่หันไปมองทางด้านซ้ายทีทางด้านขวาทีก่อนที่เด็กชายรณพีร์จะเอียงคอน้อยๆคล้ายกำลังใช้ความคิดทำให้กอหญ้าอดใจไม่ไหวที่จะหอมแก้มลูกชายอีกครั้งด้วยความเอ็นดูเจ้าก้อนของเธอน่ารักมากๆจนอยากจะกอดจะหอมทั้งวันเชียวล่ะ“คุณแม่ลองไปดูที่ห้องครัวไหมครับ เผื่อว่าคุณยายแก้มใสจะอยู่ที่นั่น”ภาคย์ ภูบดินทร์ ลูกชายฝาแฝดคนโตของกอหญ้าชี้มือไ
วันเวลาที่เดินผ่านไปเรื่อย ๆในที่สุดการเรียนการสอนของนักศึกษาเทอมหนึ่งก็จบลงซึ่งวันนี้คือวันสุดท้ายของการเรียนการสอนในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยของรามสูร นิ้วเรียวยาวดุจแท่งเทียนบรรจงเขียนเนื้อหาใจความสำคัญของการสอนลงบนกระดาน ริมฝีปากสีไวน์ก็พูดบรรยายถึงเนื้อหาที่ไม่มีในหนังสือไปด้วยท่ามกลางสายตาของนักศึกษาทุกคนที่ต่างพากันจ้องมองตัวหนังสือภาษาอังกฤษบนกระดานด้วยความตั้งใจเพราะสิ่งที่อาจารยามสูรกำลังสอนคือสิ่งที่หาไม่ได้จากหนังสือแต่มันคือประสบการณ์จริงที่สั่งสมมานานของเขาในฐานะหมอต่างหากกริ๊กเมื่อตัวหนังสือตัวสุดท้ายจบลงรามสูรก็หันหน้ามาหานักศึกษาที่นั่งเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างหน้าเขาความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของรามสูรสำหรับการเป็นอาจารย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆคือนักศึกษาทุกคนต่างเป็นนักเรียนหน้าห้องที่ตั้งใจเรียนวิชาของเขา ซึ่งแรกๆก็มีบ้างที่บ่นว่าไม่เข้าใจแต่พอเขาพลิกแพลงเนื้อหาการสอนให้เข้าใจมากขึ้นนักศึกษาที่นั่งเรียนหลังห้องก็เริ่มทยอยพากันย้ายมานั่งเรียนหน้าห้องจนเต็มสร้างความพึงพอใจให้กับรามสูรเป็นอย่างมาก“มีใครไม่เข้าใจตรงไหนไหมครับสำหรับบทเรียนสุดท้ายของภาคเรียนที่ 1”จบคำถามรามสูรยก
หลังจากการสอบปลายภาคสิ้นสุดลงหม่อนไหมก็ทำเรื่องพักการเรียนทันทีเพราะอายุครรภ์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา อีกทั้งเวลาเรียนเธอต้องเปลี่ยนห้องเรียนบ่อยครั้งทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อยหม่อนไหมจึงเลือกที่จะพักการเรียนเพื่อพักผ่อนรอกำหนดคลอดโดยที่มีครอบครัวของรามสูรคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง“ว้าว สวยมากๆเลยจ้ะลูกสะใภ้สวยกว่าของแม่แก้มอีก”แก้มใสเอ่ยชมหม่อนไหมพร้อมก้มลงมองเสื้อถักไหมพรมที่ค่อนข้างบิดเบี้ยวของตัวเองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เธอไม่น่าเสนอตัวเป็นครูสอนหม่อนไหมถักไหมพรมเลย ทั้ง ๆที่ฝีมือของเธอนั้นพัฒนาได้ไกลสุดก็แค่ปากซอยส่วนลูกสะใภ้ของเธอที่เรียนแค่ไม่กี่วันฝีมือกลับพัฒนาไปถึงขั้นวางขายที่ห้างได้อย่างสบายสงสัยงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนแบบนี้คงไม่เหมาะกับเธอจริงๆ“ทำหน้าแบบนั้นไม่อยากถักไหมพรมแล้วล่ะสิ”สีหน้าสิ้นหวังของแก้มใสที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังทำให้ที่รักที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆทั้งสองคนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนในขณะที่คนถูกถามได้แต่พยักหน้าตอบมารดาตามความเป็นจริง“ค่อยๆหัดทำไปเดี๋ยวก็สวยเอง ไม่มีอะไรที่ลูกสาวของแม่ขาทำไม่ได้ห