(มุมมองของแอเรียล) โอ้ น่าประหลาดใจเสียจริง! ฉันกะพริบตาหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มองผิดไป ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขณะที่จิตใจพยายามประมวลผลภาพที่อยู่ตรงหน้า จาเร็ด สามีของฉัน ยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนอื่น หญิงตั้งครรภ์ที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยาของเขาในร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่ คำพูดก่อนหน้านี้ของผู้หญิงคนนั้นดังก้องในหูของฉัน “สามีของฉันจะไล่เธอออก!” หัวใจของฉันเต้นแรง จู่ ๆ ก็หายใจไม่ออกขึ้นมาทันที ฉันรู้สึกเหมือนเพิ่งจะถูกชกเข้าที่ท้อง ฉันก้าวไปข้างหน้า เสียงของฉันแหบพร่าจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ “จาเร็ด?” จาเร็ดสบตาฉัน โดยมีท่าทางนิ่งสงบไม่หวั่นไหว “ไง แอเรียล” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เสมือนว่าการถูกพบเห็นว่าอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่อ้างว่าเขาคือสามีของเธอในร้านอาหารที่ภรรยาของเขาทำงาน เป็นเรื่องปกติ ฉันหรี่ตามองเขา เพราะคาดหวังว่าเขาจะให้คำอธิบาย ก่อนที่จาเร็ดจะทันได้ตอบ โซเฟียก็ก้าวมาข้างหน้า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “โอ้ เธอคงจะเป็นแอเรียลสินะ! โทษทีที่สับสน ฉันชื่อโซเฟีย เป็นเพื่อนเก่าของจาเร็ดน่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของฉัน โซเฟียจึงพูดต่อด้ว
(มุมมองของแอเรียล) "แอชลีย์ ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณสำหรับข่าวนะ เดี๋ยวฉันจะโทรกลับไปหาเธอทีหลัง" หลังจากวางสายของแอชลีย์ ฉันพยายามจัดการกับความคิดที่หมุนวนอยู่ในหัวอย่างสุดกำลัง จาเร็ดเป็นคนที่มีสไตล์ ทั้งยังสุภาพ ถึงขั้นพิถีพิถันเลยก็ว่าได้ หลังจากแต่งงานกันมาสามปี ฉันคิดว่าฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ดี แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาปกป้องใครต่อหน้าฉันมาก่อนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องผิดสัญญาถึงสองครั้ง ฉันถอนหายใจขณะที่ก้าวลงจากรถ เมื่อมาถึงบ้าน ไม่มีสิ่งใดเตรียมพร้อมให้ฉันได้เผชิญกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า โซเฟียนั่งเอกเขนกอยู่ในห้องนั่งเล่น และเธอไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง เธออยู่กับแม่ของจาเร็ด มิหนำซ้ำพวกเธอกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ในขณะที่จาเร็ดนั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาเดี่ยวข้าง ๆ พวกเธอ "มีอะไรงั้นเหรอ?" ฉันพยายามถามออกไป ทั้งๆ ที่รู้สึกมีก้อนจุกอยู่ในลำคอ เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ จาเร็ดลุกขึ้นอย่างสง่างามพร้อมยื่นมือมารับเสื้อโค้ตของฉัน "ผมพาโซเฟียมาเพราะแม่อยากเจอเธอ" เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงสุขุม "คุณน่าจะบอกฉันก่อนนะ" ฉันพูดเสียงเบา "นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่า 'จัดการกับสถานก
(มุมมองของแอเรียล)ขณะที่โซเฟียปิดปากแน่นด้วยความตกใจจากการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของจาเร็ด ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมดหัวใจฉันเจ็บปวด… ไม่ใช่แค่สิ่งที่โซเฟียพูด แต่เป็นความจริงที่ฉันต้องได้ยินมันจากเธอ ไม่ใช่จากจาเร็ดฉันเดินไปทางจาเร็ดและเพิกเฉยต่อเขาอย่างสิ้นเชิงขณะเดินผ่านเขาไป แต่เขาก็พยายามจะคุยกับฉัน“แอเรียล ได้โปรดฟังก่อน…” เขาพูด พยายามจะเอื้อมมือมาหาฉันฉันสะบัดมือเขาออกและเดินขึ้นบันไดไป น้ำตาคลอเบ้า ฉันไปถึงห้องและทรุดตัวลงบนเตียง รู้สึกชา หมดแรงและผิดหวังทันใดนั้น โทรศัพท์ของฉันก็มีข้อความเข้า มันมาจากจาเร็ด ‘ผมขอโทษ’ ข้อความเขียนไว้อย่างนั้นฉันจ้องมองหน้าจอสักครู่ แล้วปิดโทรศัพท์ลง ไม่อยากรับมือกับคำขอโทษของเขา คืนนี้การข่มตานอนช่างยากลำบาก และเมื่อหลับลงได้ในที่สุด มันกลับไม่สงบแถมยังเต็มไปด้วยความปั่นป่วนเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ว่างเปล่านั่นหมายความได้อย่างเดียว เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอนในห้อง เขาอาจจะนอนในห้องรับแขกที่อยู่ติดกับห้องของเรา เพราะเขามักจะทำอย่างนั้นทุกครั้งที่เรากันทะเลาะกัน‘โอ้ หรือว่าเขาไปนอ
(มุมมองของแอเรียล)ก่อนที่ฉันจะได้ระเบิดอารมณ์ออกมา สีหน้าของจาเร็ดก็แข็งกร้าว เสียงของเขาเฉียบคม "โซเฟีย ดอกไม้นั่นไม่ใช่ของเธอ" เขาแย่งดอกไม้กลับคืนมาจากเธอด้วยท่าทางหนักแน่น ก่อนจะยื่นมันให้ฉันแทน"ฉันซื้อให้เมียฉัน" เขาพูดเน้นย้ำ ดวงตาของเขาสบประสานกับฉันใบหน้าของโซเฟียแดงก่ำ ในขณะเดียวกัน ฉันแทบจะกลั้นรอยยิ้มพึงพอใจไว้ไม่อยู่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรเตรียมฉันให้พร้อมสำหรับการเห็นโซเฟียน้ำตาคลอเบ้าและหันไปหาจาเร็ด "จาเร็ด เจย์เจย์ ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะเวลาส่วนตัวของนาย แต่... ดอกไม้นี่มันควรเป็นของฉัน ใช่ไหม? จำได้ไหมสมัยมัธยม นายเคยเอาดอกลาเวนเดอร์มาให้ฉัน โดยเฉพาะในคืนงานพรอมนั่น?"จาเร็ดดูลำบากใจ ขณะที่เขาละสายตาจากฉันไปที่โซเฟีย เอาจริงดิ? เขาคล้อยตามคำพูดของเธอเหรอ? ดอกไม้นั่นเป็นของฉันนะ พระเจ้าช่วย เขาควรจะขอให้เธอคืนมันให้ฉัน ฉันต่างหากเจ้าของที่แท้จริง"แอเรียล" จาเร็ดพูดอย่างใจเย็น "คืนนี้ยกให้เธอไปก่อนแล้วกันนะ พรุ่งนี้ผมจะหาอะไรที่พิเศษกว่านี้ให้คุณ ผมสัญญาเลย"ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง "คุณนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ จาเร็ด!" ฉันร้องออกมาโซเฟียหันมาหาฉัน ยิ้มเยาะอย่
(มุมมองของแอเรียล)ฉันขึ้นไปบนห้องนอน หัวของฉันเต้นตุบ ๆ ด้วยอาการไมเกรนฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องอาหาร จาเร็ดไม่ได้ดุโซเฟียที่พูดเป็นนัยว่าฉันวางยาเธอ เขา รู้จักฉันดีเกินไป ว่าคนอย่างฉันไม่ทำร้ายแม้แต่แมลงวัน นับประสาอะไรกับมนุษย์ฉันไม่ชอบโซเฟียก็จริง แต่สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำคือทำร้ายเธอ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้นม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการใส่มันลงในอาหารของเธอเพื่อทำร้ายเธอตอนนี้เธอคงดีใจที่รู้ว่าแผนการของเธอที่จะทำให้ฉันกับจาเร็ดแตกแยกได้ผล เราไม่สามารถทานอาหารเย็นอย่างสงบสุขได้เลย การปรากฏตัวของเธอรบกวนความสงบสุขในชีวิตแต่งงานของฉันฉันถอนหายใจและทรุดตัวลงบนเตียง คิดหาทางที่จะกำจัดโซเฟียออกไปจากชีวิตของฉันกับจาเร็ดเมื่อรู้ตัวว่ารู้สึกง่วง ฉันจึงลุกจากเตียงและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็สวมชุดคลุมนอนที่สบายตัว ทรุดลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าไม่รู้ว่าฉันหลับไปนานแค่ไหน แต่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการคอแห้งและลิ้นสากเพราะความกระหายน้ำ ฉันลุกจากเตียง สวมรองเท้าแตะ เดินลงไปชั้นล่าง ตรงไปที่ห้องครัวฉันเพิ่งขึ้นบันไดและกำลังจะ
ปี๊บ!ปี๊บ!(มุมมองของแอเรียล)ดวงตาของฉันค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ มองไปรอบ ๆ อย่างพร่ามัว แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ที่สว่างจ้าด้านบนแทงทะลุรูม่านตาของฉัน ส่งสัญญาณไปยังสมอง และทำให้หัวของฉันเต้นตุบ ๆ ฉันสะดุ้ง ยกมือขึ้นเพื่อบังตา แต่ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นผ่านเอวของฉัน สุดท้ายฉันก็กรีดร้องและล้มตัวลงนอนบนหมอนผ่านวิสัยทัศน์ที่พร่ามัว ฉันเห็นแอชลีย์วิ่งมาอยู่ข้างฉัน "เธอโอเคไหม? โอ้พระเจ้า เธอตื่นแล้ว!""แอช… ลีย์?" ฉันพยายามเรียก แต่ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้น จนฉันก็พูดไม่ออก"ชู่ว ผ่อนคลายเข้าไว้ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย"ฉันพยักหน้า และเมื่อฉันผ่อนคลาย ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ บรรเทาลง ฉันถามด้วยความรู้สึกมั่นคงขึ้นเล็กน้อย "ฉันอยู่ไหน?""เธออยู่ในโรงพยาบาล" แอชลีย์ตอบ เสียงของเธออ่อนโยนเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฉันก็มองไปรอบๆ สังเกตสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ ห้องนั้นกว้างขวาง มีผนังสีขาว ผ้าม่านสีฟ้า และหน้าต่างบานใหญ่เปิดที่ให้แสงแดดส่องเข้ามามีเก้าอี้ตั้งอยู่ที่มุมห้อง ซึ่งแอชลีย์เคยนั่งอยู่ ด้านข้างมีโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางเหยือกน้ำและแก้วน้ำฉันพยายามนึกว่าฉันมาลงเอยที่โรงพยาบาลได้อย่างไร แ
(มุมมองของแอเรียล)หลังจากที่แอชลีย์ออกไป จาเร็ดก็เหลือบมองไปที่ประตูเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ยิน ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉัน เสียงของเขากดต่ำ "เกิดอะไรขึ้น?""หมายความว่าไง?""เรื่องที่คุณบอกว่าผมละเลยคุณเพื่อโซเฟีย นี่มันอะไรกัน? ผมนึกว่าเราเคลียร์เรื่องนี้กันแล้วเสียอีก" คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างล้ำลึก แต่ไม่มีความหงุดหงิดในน้ำเสียงของเขา… มีเพียงความสับสนฉันจ้องมองเขา "คุณน่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร จาเร็ด ฉันตกบันไดอย่างรุนแรง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโซเฟีย และแทนที่คุณจะช่วยฉัน คุณกลับวิ่งไปหาเธอ หลังจากนั้นเป็นยังไง? คุณทิ้งฉันไว้ให้อยู่กับแอชลีย์เพื่อไปอยู่เฝ้าเธอ ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ จาเร็ด? ตัวตลกเหรอ?"ดวงตาของจาเร็ดหรี่ลงด้วยความสับสน "แอเรียล ฟังนะ" เขาพูดอย่างระมัดระวังมากขึ้น ราวกับว่ากำลังเลือกคำพูดอย่างรอบคอบ "โซเฟียท้อง ผมไม่สามารถเสี่ยงให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือลูกของเธอได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไปหาเธอก่อน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณทั้งคู่จะมาถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย ผมเลยโทรหาแอชลีย์ให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณ เพราะผมแยกร่างอยู่สองที่พร้อมกันไม่ได้ มันสมเหตุสมผลแล้วที่จะทิ
(มุมมองของแอเรียล)"ฉันรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เธอปิดบังฉันอยู่นะ แอเรียล" แอชลีย์พูด น้ำเสียงของเธอจริงจังและคาดคั้นฉันถอนหายใจและละสายตาจากเธอ เพราะเธอพูดความจริง เราอยู่กันตามลำพังในห้องพักผู้ป่วย และตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นมาก เพราะฉันได้ล้างหน้า เปลี่ยนเป็นชุดเดรสตัวหนึ่งที่จาเร็ดเอามาให้ และทานอาหารเช้ากับยาเรียบร้อยแล้ว"เธอรู้ไหม มันไม่ยุติธรรมเลยที่เรียกฉันว่าเพื่อนสนิทแล้วปิดบังอะไรบางอย่าง…""ก็ได้" ฉันพูดด้วยความยอมจำนน "เธออยากรู้อะไรล่ะ?""เริ่มจาก ผู้หญิงคนที่ชื่อโซเฟียคือใคร? เธอคือผู้หญิงท้องที่ฉันเคยบอกเธอว่าเห็นจาเร็ดพากลับบ้าน ทำไมแม่นั่นถึงมาอยู่ที่บ้านเธอได้ และเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับจาเร็ด เพราะเขาดูแลเธอดีมากเลย"ฉันถอนหายใจอีกครั้ง อาจจะเป็นครั้งที่ร้อยตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะเล่าเรื่องโซเฟียให้แอชลีย์ฟัง และวิธีที่เธอพยายามเข้ามาในชีวิตของจาเร็ดและฉัน ในทุกสิ่งที่ฉันพูด ฉันมั่นใจว่าฉันเก็บส่วนที่โซเฟียผลักฉัน และข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของฉันเอาไว้จาเร็ดไม่เชื่อฉัน และฉันก็ไม่มีหลักฐานที่จะดำเนินคดีเช่นกัน เพราะมันเป็นบทสนทนาระหว่างฉันกับโซเ
(มุมมองของแอเรียล)จาเร็ดกับฉันหยุดชะงัก แลกเปลี่ยนสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เสียงอะไรน่ะ?” ฉันถาม ตอนนี้ความกลัวคืบคลานเข้ามาในสีหน้าของฉัน“ไม่รู้…” จาเร็ดเริ่มพูด แต่หยุดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ตะโกนว่า “โซเฟีย!”ฉันตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็วิ่งตาม เราวิ่งจนไปถึงห้องนั่งเล่น หายใจหอบกันทั้งคู่ แต่โซเฟียนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา กำลังดูหนัง“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง โซเฟีย?” ฉันตะโกนก่อนที่จะยั้งตัวเองได้ “จะกรี๊ดทำไม?”เธอไม่พูดอะไร แต่หันมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องจอทีวี เธอไม่สนใจการปรากฏตัวของจาเร็ดด้วย เดาว่าเธอน่าจะยังโกรธเขาที่ปฏิเสธเธอในตอนเช้า“โซเฟีย มีคนกำลังพูดกับเธออยู่นะ” จาเร็ดพูดย้ำ เสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ทำไมต้องกรี๊ดเสียงดังขนาดนั้น?”ในที่สุดโซเฟียก็มองไปที่จาเร็ด สายตาของเธอดูถูกเหยียดหยาม “เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ?”“เธอทำให้เราเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอน่ะสิ… ฉันกับแอเรียล” จาเร็ดตอบพลางชี้มาที่ตัวเองและฉันโซเฟียเยาะเย้ย “โอ๊ย หยุดความกังวลจอมปลอมนั่นเถอะ รู้ไหม ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่านายไม่ได้สนใจฉันอย่างที
(มุมมองของแอเรียล)“สมน้ำหน้าเป็นบ้า!” แอชลีย์อุทานทางโทรศัพท์ “ฉันจินตนาการสีหน้าตกใจของหล่อนได้เลย”ทันทีที่ฉันไปถึงที่ทำงานและนั่งลง ฉันก็โทรหาแอชลีย์เพื่อเล่าเหตุการณ์ในตอนเช้าให้เธอฟัง เธอทั้งประหลาดใจและสาแก่ใจ และมันก็สะท้อนให้เห็นผ่านเสียงหัวเราะที่ร่าเริงของเธอ“มีแวบหนึ่ง ฉันกลัวว่าเธอจะพุ่งเข้าใส่ฉันด้วยความโกรธ เธอดูแตกตื่นมาก เดาว่าการถูกปฏิเสธเมื่อเธอเคยชินกับการถูกตามใจมาตลอด คงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับเธอ”“ฉันรู้ มันน่าไหมล่ะ? วันนี้จาเร็ดทำดี เขาควรทำแบบนั้นบ่อย ๆ ให้หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่สามารถทำเอาแต่ใจตัวเองได้เสมอไป” แอชลีย์ร้องเสียงแหลม“ฉันหวังว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ” ฉันพูด เสียงของฉันหายไปอย่างกะทันหัน “พูดแล้วมันก็น่าเจ็บปวดที่เห็นเขาอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา คราวนี้เขาปกป้องฉัน คราวหน้าเขาอาจจะทำตามคำสั่งเธอก็ได้”“เอาน่า อย่าคิดแบบนั้นสิ เธอไม่ได้บอกเหรอว่าเมื่อคืนเขาสำนึกผิดและขอโทษเธอแล้ว?”“เขาขอโทษแล้วจริง ๆ แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล สมิธ ฉันขอโทษที่แนะนำให้พวกเธอหย่ากัน สามีเธอเป็นคนดี ยอมขอโทษเมื่อเขาทำผิด บนโลกนี้มีคนแบบเขาเหลืออยู่ไม่มากนักหรอก ห
(มุมมองของแอเรียล)ฉันเห็นจาเร็ดหยุดชะงัก ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนไข่ห่าน เกือบจะถลนออกมานอกเบ้า แต่ฉันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ยังคงอยากฟังคำตอบของเขาความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเรา“คุณว่าอะไรนะ?” เขาถาม เสียงของเขายังเจือความตกใจ สีหน้าของเขาแข็งทื่อ“คุณอยากอยู่กับเธอนักไม่ใช่เหรอ?” ฉันพูดต่อ เมื่อฉันพูดว่า ‘เธอ’ เขารู้ดีว่าฉันหมายถึงใคร“ขอโทษนะ แต่คุณพูดไม่รู้เรื่องเลย”“ก็ได้ งั้นฉันจะสะกดให้คุณฟัง!” ฉันอุทาน ทันใดนั้นฉันก็เบื่อหน่ายจะเล่นแง่จนอยากเข้าประเด็น“ช่วงนี้ฉันคิดเยอะมาก และก็คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าคุณยังปล่อยโซเฟียไปไม่ได้ งั้นฉันจะปล่อยให้คุณไปอยู่ดูแลเธอแทน ฉันจะไม่ขัดขวางไม่ให้คุณได้อยู่กับคนรักเก่าของตัวเอง เราแยกทางกันด้วยดี และถ้าคุณสองคนต้องการ ฉันก็ยินดีจะอวยพรให้”“คุณพูดเรื่องบ้าอะไร!” จาเร็ดโพล่งออกมา ผุดลุกขึ้นยืน ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นของเขาตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็ง ลูกกระเดือกของเขากระดกขึ้นลง “ใครป้อนความคิดพวกนี้ให้คุณ? แอชลีย์เหรอ?”ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไม่พอใจกับการบอกใบ้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในนัยของเขาว่าฉันไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเอ
(มุมมองของแอเรียล)เอาล่ะ คราวนี้เขาหงายการ์ด ‘สามีผู้ทรงเสน่ห์’ อีกแล้วฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ ครุ่นคิดถึงคำตอบของตัวเอง ความจริงคือฉันไม่ได้วางแผนที่จะกลับบ้านในวันนี้ แม้ฉันรู้ว่าจะต้องกลับไปในที่สุด แต่มันยังไม่ใช่วันนี้“จาเร็ด ฉันไม่คิดว่าวันนี้ฉันอยากกลับบ้านนะ” ฉันโพล่งออกมาคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมล่ะ? คุณยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม? เอาล่ะ แอเรียล ผมสัญญาว่าจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังถ้าคุณกลับบ้านกับผม”ฉันลังเล “แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล ได้โปรด กลับบ้านเถอะ คุณหนีจากเรือนหอของเราไม่ได้หรอก”ฉันกลอกตา “ใช่ เรือนหอที่ถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้า” ฉันพึมพำ“ว่าไงนะ?”“เปล่า”ทันใดนั้น รีเบคก้าก็เดินผ่านเรา โบกมือให้อย่างตื่นเต้น ฉันบ่นอุบอยู่ในใจ ก่อนที่จะเดินนำหน้าจาเร็ดไปที่รถโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ฉันยังไม่พร้อมให้รีเบคก้ารู้แม้แต่น้อยว่าชีวิตการแต่งงานของฉันกำลังมีปัญหาฉันขึ้นรถ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง จาเร็ดขึ้นมานั่งข้าง ๆ ฉันเกือบจะในทันที และมองมาที่ฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจ“คุณโกรธผมจริง ๆ ใช่ไหม?” เขาถามพลางสตาร์ทรถ“กลับบ้าน?”“ตามความประสงค์ของอ
(มุมมองของแอเรียล)เมื่อได้ยินเสียงของจาเร็ด โซเฟียก็รีบชักมือกลับและหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ความเย็นชาในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น และฉันก็สงสัยว่าเธอเปลี่ยนบุคลิกได้อย่างง่ายดายและไวขนาดนี้ได้อย่างไร“ไม่มีอะไร อย่าซีเรียสสิ แอเรียล เพิ่งมาถึง และฉันก็กำลังบอกเธอว่าพวกเราเป็นห่วงแค่ไหนในช่วงที่เธอไม่อยู่” โซเฟียพูดพร้อมกับยิ้มแย้ม“แอเรียล?” จาเร็ดเรียกและเร่งฝีเท้า ในไม่ช้าเขาก็มาอยู่ตรงหน้าฉัน “คุณทำให้ผมเป็นห่วงนะ เมื่อวานหายไปไหนมา?”“ที่ที่ปลอดภัยไง” ฉันพึมพำ หลีกเลี่ยงการสบตาเขา“ผมเป็นห่วงมากเลย ตอนที่ผมโทรหาแอชลีย์และเธอบอกว่าคุณไม่ได้อยู่กับเธอ ผมจะแจ้งตำรวจแล้วด้วยซ้ำ แต่โซเฟียแนะนำให้รอสักหน่อย เธอค่อนข้างมั่นใจว่าคุณสบายดีและจะกลับบ้านเอง ปรากฏว่าเธอพูดถูก”โซเฟียยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีชัยให้ฉันฉันกลั้นหัวเราะเยาะ จาเร็ดตาบอดได้ขนาดนี้เชียว? คำแนะนำของโซเฟียไม่ได้เป็นเพราะเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของฉัน แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้เขาตามหาฉันมากกว่า แต่เช่นเคย เธอเล่นไพ่ของตัวเองได้ดีมากจนเขามองว่าเธอเป็นแม่พระ ทั้งที่เธอไม่ใช่“เอาล่ะ แอเรียล ผมรู้ว่าคุณคงเจ็บปวด
(มุมมองของแอเรียล)วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ และฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ไม่ใช่วันทำงาน เมื่อฉันตื่นจากการนอนหลับ สิ่งที่ฉันทำคืออาบน้ำ ทานอาหารเช้า และดูทีวี เพราะแอชลีย์ไม่ยอมให้ฉันขยับตัวทำอะไรเลย“เฮ้” เธอบีบไหล่ฉันเบา ๆ เลื่อนตัวลงมานั่งบนโซฟาข้าง ๆ ฉัน “เป็นไงบ้าง?”“ไง” ฉันเหลือบมองเธอแล้วหันกลับไปมองทีวี “งานเสร็จแล้วเหรอ?”จุดประสงค์ของคำถามนี้ เป็นเพราะแอชลีย์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อตัดแต่งกิ่งดอกไม้ที่ปลูกอยู่ตรงข้างทางเข้าบ้านของเธอ และฉันอยากรู้ว่าเธอจัดการเสร็จแล้วหรือยัง“อืม เสร็จแล้ว ตอนนี้ดอกไม้ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลย”“เธอควรไปกินมื้อเช้าได้แล้ว ทำงานมาหลายชั่วโมงแล้วนี่” ฉันพูด สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่รายการ“ให้ตายเถอะ เธอจดจ่ออยู่กับทีวีจนไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าฉันตัดแต่งกิ่งดอกไม้เสร็จตั้งนานแล้ว ถึงขั้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้แต่ทานอาหารเช้าแล้วด้วย พระเจ้า! คนท้องทุกคนขี้เกียจและไม่ค่อยสังเกตแบบนี้หมดเลยเหรอ?”ฉันหยุดชะงัก “เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ?” ฉันถาม และหันไปมองเธออย่างตั้งใจ ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอ เธออาบน้ำแล้วจริง ๆ เพรา
(มุมมองของแอเรียล)ฉันหยุดชะงัก พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแอชลีย์ช้า ๆ ฉันสบตากับเธอ “เธอล้อเล่นใช่ไหม?”“หน้าฉันดูเหมือนล้อเล่นเหรอ?” แอชลีย์ตอบโต้ เสียงของเธอหนักแน่นและจริงจังฉันหายใจเข้า พยายามทำความเข้าใจกับคำแนะนำของเธออีกครั้ง‘กับจาเร็ด?’ ความคิดนั้นให้ความรู้สึกเหนือจริง แปลกประหลาด ใจของฉันแข่งกันต่อต้านในขณะที่ความคิดนั้นหยั่งราก…ทำไมฉันถึงต้องหย่ากับจาเร็ด? ฉันทุ่มเททุกอย่างให้กับการแต่งงานครั้งนี้ ต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้มันเกิดผล...ฉันส่ายหัว พยายามหัวเราะและขับไล่มันออกไป “ฉันไม่คิดว่าเธอจะจริงจังนะ แอช” ฉันพูด แม้ว่าเสียงของฉันจะสั่นเล็กน้อย“ฉันจริงจัง เธอไม่สามารถเป็นคนที่ระแวงจาเร็ดได้ตลอดเวลาอย่างนี้ แอเรียล เธอเป็นภรรยาของเขา พระเจ้า! เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรรู้ว่าที่จริงเขาต้องการใคร ถ้าเขายังยึดติดอยู่กับโซเฟีย เขาก็ควรจะอยู่กับหล่อนไปซะ แต่ถ้าเขาต้องการเธอมากกว่า เขาก็ควรจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีหนึ่งที่จะทำแบบนั้นได้ คือการวางตัวกับโซเฟียไว้ในฐานที่เหมาะสม เชื่อฉันเถอะ ที่ของหล่อนไม่ควรอยู่ในชีวิตของเธอหรือในบ้านที่เป็นเรือนหอของพวกเธอ!”คำพูดข
(มุมมองของแอเรียล)หลังจากที่จาเร็ดจากไป ฉันก็กังวลจนแทบคลั่ง เกิดอะไรขึ้นกับโซเฟีย? ฉันสงสัย เพิ่งจะผ่านไปแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่จาเร็ดกับฉันออกจากบ้านมาเอง เธอก็ปวดท้องเลยเหรอ?ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยความคิดที่ว่าจาเร็ดต้องจัดการกับสถานการณ์ได้ แต่อีกใจหนึ่งของฉันกลับไม่ยอมสงบลง ชั่วขณะหนึ่ง ฉันสงสัยว่ามีการเล่นไม่ซื่อ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นแผนของโซเฟียที่จะล่อจาเร็ดกลับไปที่บ้าน เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาออกมาตั้งแต่แรก?แต่ฉันก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป พยายามที่จะไม่หวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเธอแสร้งทำ เธอคงไม่กล้าลากแม่ของจาเร็ดมาเกี่ยวข้องหรอก จริงไหม? ยิ่งฉันคิดถึงทุกสิ่ง ฉันก็ยิ่งกระสับกระส่ายแล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวฉัน จะเป็นยังไงถ้าสถานการณ์วิกฤตเกินกว่าที่จาเร็ดจะรับมือได้? ฉันลุกขึ้นจากเตียงทันที ฉันต้องกลับบ้านเหมือนกัน เผื่อจาเร็ดต้องการความช่วยเหลือดังนั้นโดยไม่คิดซ้ำสอง ฉันคว้าเสื้อผ้าของตัวเองมาสวม ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วรีบออกไป ข้างนอกโรงแรม ฉันเรียกแท็กซี่และบอกที่อยู่บ้านของฉัน ขณะที่เราอยู่บนท้องถนน ความไม่อดทนของฉันก็เพิ่มขึ้น ถึงขั้
(มุมมองของจาเร็ด)“จาเร็ด ลูกอยู่ไหน? โซเฟียเพิ่งโทรหาแม่ เธอกำลังเจ็บปวดมาก ท้องของเธอปวดจนไม่ไหว...”ผมแข็งทื่อกับคำพูดของแม่ ขณะที่ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นไปทั่วกระดูกสันหลังของผม ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อไหร่ที่เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากของตัวเอง “ว่าไงนะ?”“ลูกต้องออกจากที่ที่ลูกอยู่ซะ และไม่ว่าลูกจะทำอะไรอยู่ก็ต้องกลับบ้าน! จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับ…”นั่นคือทั้งหมดที่ผมได้ยินขณะที่ผมวางสาย ผมตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันที ขณะที่ผมพยายามรวบรวมเสื้อผ้าบนพื้น“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของแอเรียลดังขึ้นข้างหลัง ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเธอลงจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจของผมเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด“คุณทำให้ฉันกลัวนะ เกิดอะไรขึ้น? ใครโทรมา?” เสียงของแอเรียลแทรกเข้ามาในความคิดของผมอีกครั้ง คราวนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลผมพยายามจะพูด แต่คำพูดของผมกลับวกวน “โซเฟีย...แม่ผมโทรมา...เธอเจ็บปวดมาก ท้องของเธอ”ดวงตาของแอเรียลเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เธอเป็นอะไรไป?”ผมส่ายหัว หัวใจเต้นแรง “ไม่รู้ ผมต้องไปดู ต้องกลับบ้าน”“โอเค ในเมื่อร้ายแรงขนาดนั้น งั้นฉัน