(มุมมองของแอเรียล)"ฉันรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เธอปิดบังฉันอยู่นะ แอเรียล" แอชลีย์พูด น้ำเสียงของเธอจริงจังและคาดคั้นฉันถอนหายใจและละสายตาจากเธอ เพราะเธอพูดความจริง เราอยู่กันตามลำพังในห้องพักผู้ป่วย และตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นมาก เพราะฉันได้ล้างหน้า เปลี่ยนเป็นชุดเดรสตัวหนึ่งที่จาเร็ดเอามาให้ และทานอาหารเช้ากับยาเรียบร้อยแล้ว"เธอรู้ไหม มันไม่ยุติธรรมเลยที่เรียกฉันว่าเพื่อนสนิทแล้วปิดบังอะไรบางอย่าง…""ก็ได้" ฉันพูดด้วยความยอมจำนน "เธออยากรู้อะไรล่ะ?""เริ่มจาก ผู้หญิงคนที่ชื่อโซเฟียคือใคร? เธอคือผู้หญิงท้องที่ฉันเคยบอกเธอว่าเห็นจาเร็ดพากลับบ้าน ทำไมแม่นั่นถึงมาอยู่ที่บ้านเธอได้ และเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับจาเร็ด เพราะเขาดูแลเธอดีมากเลย"ฉันถอนหายใจอีกครั้ง อาจจะเป็นครั้งที่ร้อยตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะเล่าเรื่องโซเฟียให้แอชลีย์ฟัง และวิธีที่เธอพยายามเข้ามาในชีวิตของจาเร็ดและฉัน ในทุกสิ่งที่ฉันพูด ฉันมั่นใจว่าฉันเก็บส่วนที่โซเฟียผลักฉัน และข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของฉันเอาไว้จาเร็ดไม่เชื่อฉัน และฉันก็ไม่มีหลักฐานที่จะดำเนินคดีเช่นกัน เพราะมันเป็นบทสนทนาระหว่างฉันกับโซเ
(มุมมองของแอเรียล)ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่ฉันชนเข้า ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่ม และในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ฉันมองไปที่ใบหน้าของเขา ฉันอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าเขามีเสน่ห์มากแค่ไหน ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวมรกตน่าดึงดูดใจ ใบหน้าของเขา หล่อเหลาและบึกบึน ทำให้ฉันพูดไม่ออกไปชั่วขณะฉันส่ายหัว สลัดหลุดจากภวังค์ "ขอโทษค่ะ" ฉันรีบขอโทษดวงตาของฉันเหลือบไปมองไม่ไกล และฉันก็เห็นโทรศัพท์มือถือตกอยู่บนพื้น "นั่นโทรศัพท์คุณหรือเปล่าคะ?" ฉันถาม โดยไม่รอคำตอบ ขณะที่ฉันรีบวิ่งไปหยิบมันขึ้นมาและส่งคืนให้เขา "โชคดีที่โทรศัพท์ยังไม่พัง ฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ"ตลอดเวลานี้ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเลย ในที่สุดเขาก็พูดพร้อมกับแสดงรอยยิ้มขบขัน "ไม่ต้องขอโทษหรอก จริง ๆ แล้ว ผมต่างหากที่ควรขอโทษ"ฉันส่ายหัว "ไม่สิ ฉันต่างหากที่ไม่ทันมองแล้วชนคุณเข้า"เขาหัวเราะเบา ๆ เสียงต่ำและอบอุ่น "งั้นถือว่าเราหายกัน เพราะผมก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน"ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม รู้สึกประหลาดใจกับเสน่ห์ที่ดูง่ายดายของเขา เขายื่นมือออกมา "ผมดเวย์นนะ"ในขณะที่ฉันเอื้อมมือออกไปจับมือเขา เสียงของแอชลีย์ก็ดังขึ้น ขัดจังหวะช่วงเวลานั้น "แอเรียล หายไปไ
(มุมมองของแอเรียล)สามวันต่อมา"อรุณสวัสดิ์ แอเรียล" คุณหมอเวด ยิ้มอย่างอบอุ่นขณะที่เธอเข้ามาในห้อง "ฉันยินดีที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าตอนนี้คุณหายดีแล้ว และพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาล สามีของคุณแค่ต้องเซ็นใบอนุญาตให้กลับบ้าน แล้วคุณก็สามารถกลับบ้านได้แล้วค่ะ"ใบหน้าของฉันเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มทันที "ขอบคุณค่ะ คุณหมอเวด"เธอพยักหน้าและหันหลังเพื่อออกจากห้อง "ดูแลตัวเองนะ แอเรียล ขอให้รักษาตัวที่บ้านจนหายดี"แอชลีย์ซึ่งนั่งข้าง ๆ ฉันบนเตียง ยิ้มและจับมือฉัน "ในที่สุดเธอก็จะได้กลับบ้านแล้ว แอเรียล ฉันดีใจแทนเธอจริง ๆ"ฉันยิ้มตอบ "ฉันก็ดีใจเหมือนกัน แอชลีย์"ทันใดนั้น จาเร็ดก็เข้ามาในห้องพร้อมกับถือถุงกระดาษใบเล็ก ๆ "อรุณสวัสดิ์ ที่รัก ผมเอาอาหารเช้ามาให้""ขอบคุณ" ฉันตอบเรียบ ๆสามวันที่ผ่านมาบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เราเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน ฉันแทบไม่เห็นหน้าเขาเลย นอกจากการมาเยี่ยมเป็นประจำซึ่งไม่เคยเกินสองสามนาที เหมือนกับว่าเขารีบร้อนที่จะผละจากฉันไปอยู่กับโซเฟียเสมอ เมื่อฉันบ่น เขาก็อ้างว่าฉันมีแอชลีย์ แต่โซเฟียไม่มีใครนอกจากเขา ฉันเลยหยุดบ่น เพราะไม่อยากทำตัวเหมือนภรรยาที่ไร้ค
(มุมมองของแอเรียล)การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้จะถูกบรรจุเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่ารำคาญที่สุดที่ฉันเคยพบพาน โซเฟียทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ฉันอารมณ์เสีย ด้วยการจู้จี้และอยู่ใกล้ชิดจาเร็ดตลอดเวลา เธอคอยซับหน้าเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือโอบกอดเขาเหมือนสนุกสนานมาก ในขณะเดียวกัน เธอก็คอยมองฉันด้วยสายตาเยาะเย้ยผ่านกระจกมองหลัง"เปิดเพลงหน่อยได้ไหม จาเร็ด? ฉันเบื่อจัง" เสียงดังของเธอดังขึ้นทันที ทำลายความเงียบในรถ"อยากฟังเพลงอะไรล่ะ?""เพลงที่เราเคยฟังด้วยกันสมัยมัธยมปลายไง 'ไอ วิล ออลเวย์ซ เลิฟ ยู' ของวิทนีย์ ฮูสตัน" โซเฟียกล่าว"เพลย์ลิสต์ผมไม่มีเพลงนั้นแล้ว" จาเร็ดพูด สายตาจับจ้องไปที่ถนนตรงหน้า"ทำไมคุณถึงไม่มีเพลงที่มันมีความหมายกับเรามากขนาดนั้นล่ะ?" โซเฟียเบะปาก ทำท่าทางเหมือนเจ็บปวดเขายักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ และฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบ เขาทำตัวสบาย ๆ เสมอเมื่ออยู่กับเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่ค่อยรู้สึกเลยเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคนโซเฟียถอนหายใจฮึดฮัดใส่เขา ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ ทำราวกับว่าทั้งชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับมัน จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ อย่างรำคาญ "โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน?"จาเร็ดกลอกตาด้
(มุมมองของแอเรียล)ฉันมองจาเร็ดด้วยความสับสน คาดหวังคำอธิบายบางอย่าง แต่เขาก็เมินเฉยต่อฉันนี่มันบ้าอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าจาเร็ดยอมให้โซเฟียมาพักที่บ้านของเราโดยไม่บอกและไม่ปรึกษากับฉันก่อน?"ข้อตกลงอะไร?" ฉันพูดซ้ำ คราวนี้น้ำเสียงของฉันหนักแน่นและคาดคั้น "บอกฉันมาสิ ข้อตกลงอะไร จาเร็ด""ระวังน้ำเสียงตัวเองหน่อย ที่รัก" จาเร็ดหรี่ตาใส่ฉันก่อนจะเหลือบมองโซเฟีย "เราคุยกันเรื่องนี้แล้ว""คุยเรื่องอะไร?" ความอดทนของฉันเริ่มหมดลง "คุณจะเชิญใครมาอยู่ที่นี่โดยไม่ปรึกษาฉันก่อนไม่ได้ ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ!"โซเฟียลุกขึ้นยืน มือของเธอยังคงวางอยู่บนท้อง เห็นได้ชัดว่าต้องการเรียกร้องความเห็นใจ "จาเร็ด บอกเธอสิ" เธอพูดพร้อมกับจับมือเขา "เราตกลงกันแล้วนี่ ว่าฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะหาทางตั้งตัวได้ และมีที่อยู่เป็นของตัวเอง""ตั้งตัว?" ฉันอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ "เธอแค่ท้องนะ โซเฟีย ไม่ได้พิการ เธอควรคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่มาเกาะพวกเรา!"ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่จาเร็ดก็เข้ามาขัดจังหวะก่อนที่เธอจะทันได้โต้กลับ "แอเรียล ฟังก่อน โซเฟียไม่ใช่คนอื่นคนไกล…""สำหรับฉัน เธอเป็
(มุมมองของแอเรียล)ฉันถูกปลุกจากการนอนหลับด้วยการแตะเบา ๆ ดวงตาของฉันกะพริบเปิด และฉันก็เห็นจาเร็ดจ้องมองลงมาที่ฉัน"อาหารเย็นพร้อมแล้ว คุณนายสมิธ" เขาพูด เสียงของเขาอบอุ่นระคนหยอกล้อ ขณะที่เขาจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของฉัน"อาหารเย็น?" ฉันตกใจและลุกขึ้นนั่ง "นี่กี่โมงแล้ว?" ฉันถาม มองไปที่หน้าต่าง ถึงรู้ว่าข้างนอกมืดมิด แต่ภายในห้องสว่างไสวด้วยโคมไฟข้างเตียงจาเร็ดหัวเราะเบา ๆ "คุณหลับไปสี่ชั่วโมงแล้ว มาคิดดูแล้ว คุณไม่เคยหลับนานขนาดนี้มาก่อนเลย คุณโอเคไหม?""ฉันโอเค" ฉันตอบอย่างรวดเร็วและลุกจากเตียง แน่ใจว่าความอ่อนแอและความง่วงนอนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นผลมาจากการตั้งครรภ์ แต่ฉันไม่ตั้งใจจะยอมรับเรื่องนั้นกับจาเร็ด"ดีแล้ว" จาเร็ดพูดพร้อมกับพยักหน้า "เราไปกันเลยไหม?"ฉันพยักหน้าตอบ และเราทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องนอน ขณะที่เราเดินไปที่ห้องอาหาร ฉันถามว่า "เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง?""มันฝรั่งอบ บรอกโคลี แล้วก็ไก่" จาเร็ดตอบด้วยรอยยิ้มฉันหยุดมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ได้ยังไงกัน? คุณแทบจะต้มน้ำไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับการทำอาหารมื้อใหญ่แบบนั้น"จาเร็ดหยุดครู่หนึ่ง แล้วก็ส่งยิ้มให้ฉัน "
(มุมมองของแอเรียล)ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำนั้นผิด เพราะมันขัดกับหลักการของฉัน แต่ฉันก็อดไม่ได้ มือของฉันขยับโดยไม่สมัครใจขณะที่ฉันพิมพ์รหัสผ่าน จาเร็ดพูดในรถว่ารหัสผ่านของเขาคือชื่อของฉัน ใช่ไหม? ถึงเวลาพิสูจน์แล้วฉันพิมพ์ชื่อของฉัน ท่ามกลางความตื่นเต้น หน้าจอโทรศัพท์ก็ปลดล็อค ฉันคลิกที่กล่องข้อความ และคลิกอีกครั้งที่ข้อความของโซเฟีย"เฮ้ นายอาบน้ำเสร็จหรือยัง?""จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหลังจากอาบน้ำเสร็จไหม?""ทำไมไม่ตอบล่ะ? แอเรียลตื่นแล้วเหรอ?""นายไม่สนใจฉันเหรอ?""จาเร็ด!!!""ฉันนอนไม่หลับ ตอนนี้ลงมาข้างล่าง เดี๋ยวเราออกไปดูดาวกันเหมือนที่เคยทำสมัยเป็นวัยรุ่นดีไหม""นายสัญญากับฉันตอนอยู่ในสวนหลังโรงพยาบาลแล้วนี่ว่าเราจะดูดาวด้วยกัน จำได้ไหม?"ฉันปิดเสียงโทรศัพท์ด้วยความโกรธ แล้ววางลงบนโซฟา โซเฟียนี่ไร้ยางอายได้ขนาดนี้เชียว? เธอควรข่มตานอนหลับไปซะ ไม่ใช่ส่งข้อความหาผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เรียกให้ออกไปดูดาวกับเธอกลางดึกฉันกลับไปที่เตียง รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ตอนนี้ความง่วงหายไปจากตาของฉันแล้ว สิ่งที่ฉันอยากทำคือเดินไปที่ห้องของโซเฟีย แล้วเตือนเธอให้รู้จักขอบเขตของตั
(มุมมองของแอเรียล)ฉันสัมผัสได้ถึงร่างกายของจาเร็ดที่กำลังเครียดเกร็งอยู่ข้างฉัน แขนของเขาแข็งทื่อ ฉันถึงรู้ตัวว่าได้พูดบางสิ่งที่ไม่สามารถถอนคำพูดได้ออกไป คำถามคือ แล้วเขามีตอบสนองยังไง?“อ้อ ผมว่าผมน่าจะเผลอใช้แชมพูของคุณเข้าแน่ ๆ” จาเร็ดพูดขึ้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง พยายามทำเสียงเหมือนไม่ใส่ใจฉันรู้สึกเจ็บแปลบในอก เจ็บปวดทุกครั้งที่จาเร็ดโกหกฉัน และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเพราะฉันรู้ว่าเขาตั้งใจโกหกฉันแชมพูที่ว่าเป็นกลิ่นวานิลลา และฉันไม่ได้ใช้แชมพูกลิ่นวานิลลา ฉันใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นหอมนั้นไม่ได้มาจากใครอื่นนอกจากโซเฟีย กลิ่นนั้นคงติดมาตอนที่เธอเอนศีรษะซบพิงไหล่เขา“มีอะไรหรือเปล่า แอเรียล?” จาเร็ดถาม เสียงของเขานุ่มนวลฉันจะพูดอะไรได้? ยังเหลืออะไรให้เราพูดกันอีก? ฉันแทบจะได้ยินเสียงของเขาในใจถ้าฉันกล้าถาม คำขอร้องอันนุ่มนวล ข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผล… อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ความจริง ฉันเบื่อหน่ายกับกิจวัตร ‘เพื่อนที่แสนดี’ ของเขาเต็มที เบื่อกับการเลี่ยงความจริงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่เราทำในทุก ๆ เรื่อง แสร้งทำเป็นว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา ทั้งที่คำพูดมากมายเพียงใดก็ไม่อาจเติมเต็มได้
(มุมมองของแอเรียล)จาเร็ดกับฉันหยุดชะงัก แลกเปลี่ยนสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เสียงอะไรน่ะ?” ฉันถาม ตอนนี้ความกลัวคืบคลานเข้ามาในสีหน้าของฉัน“ไม่รู้…” จาเร็ดเริ่มพูด แต่หยุดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ตะโกนว่า “โซเฟีย!”ฉันตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็วิ่งตาม เราวิ่งจนไปถึงห้องนั่งเล่น หายใจหอบกันทั้งคู่ แต่โซเฟียนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา กำลังดูหนัง“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง โซเฟีย?” ฉันตะโกนก่อนที่จะยั้งตัวเองได้ “จะกรี๊ดทำไม?”เธอไม่พูดอะไร แต่หันมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องจอทีวี เธอไม่สนใจการปรากฏตัวของจาเร็ดด้วย เดาว่าเธอน่าจะยังโกรธเขาที่ปฏิเสธเธอในตอนเช้า“โซเฟีย มีคนกำลังพูดกับเธออยู่นะ” จาเร็ดพูดย้ำ เสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ทำไมต้องกรี๊ดเสียงดังขนาดนั้น?”ในที่สุดโซเฟียก็มองไปที่จาเร็ด สายตาของเธอดูถูกเหยียดหยาม “เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ?”“เธอทำให้เราเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอน่ะสิ… ฉันกับแอเรียล” จาเร็ดตอบพลางชี้มาที่ตัวเองและฉันโซเฟียเยาะเย้ย “โอ๊ย หยุดความกังวลจอมปลอมนั่นเถอะ รู้ไหม ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่านายไม่ได้สนใจฉันอย่างที
(มุมมองของแอเรียล)“สมน้ำหน้าเป็นบ้า!” แอชลีย์อุทานทางโทรศัพท์ “ฉันจินตนาการสีหน้าตกใจของหล่อนได้เลย”ทันทีที่ฉันไปถึงที่ทำงานและนั่งลง ฉันก็โทรหาแอชลีย์เพื่อเล่าเหตุการณ์ในตอนเช้าให้เธอฟัง เธอทั้งประหลาดใจและสาแก่ใจ และมันก็สะท้อนให้เห็นผ่านเสียงหัวเราะที่ร่าเริงของเธอ“มีแวบหนึ่ง ฉันกลัวว่าเธอจะพุ่งเข้าใส่ฉันด้วยความโกรธ เธอดูแตกตื่นมาก เดาว่าการถูกปฏิเสธเมื่อเธอเคยชินกับการถูกตามใจมาตลอด คงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับเธอ”“ฉันรู้ มันน่าไหมล่ะ? วันนี้จาเร็ดทำดี เขาควรทำแบบนั้นบ่อย ๆ ให้หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่สามารถทำเอาแต่ใจตัวเองได้เสมอไป” แอชลีย์ร้องเสียงแหลม“ฉันหวังว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ” ฉันพูด เสียงของฉันหายไปอย่างกะทันหัน “พูดแล้วมันก็น่าเจ็บปวดที่เห็นเขาอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา คราวนี้เขาปกป้องฉัน คราวหน้าเขาอาจจะทำตามคำสั่งเธอก็ได้”“เอาน่า อย่าคิดแบบนั้นสิ เธอไม่ได้บอกเหรอว่าเมื่อคืนเขาสำนึกผิดและขอโทษเธอแล้ว?”“เขาขอโทษแล้วจริง ๆ แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล สมิธ ฉันขอโทษที่แนะนำให้พวกเธอหย่ากัน สามีเธอเป็นคนดี ยอมขอโทษเมื่อเขาทำผิด บนโลกนี้มีคนแบบเขาเหลืออยู่ไม่มากนักหรอก ห
(มุมมองของแอเรียล)ฉันเห็นจาเร็ดหยุดชะงัก ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนไข่ห่าน เกือบจะถลนออกมานอกเบ้า แต่ฉันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ยังคงอยากฟังคำตอบของเขาความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเรา“คุณว่าอะไรนะ?” เขาถาม เสียงของเขายังเจือความตกใจ สีหน้าของเขาแข็งทื่อ“คุณอยากอยู่กับเธอนักไม่ใช่เหรอ?” ฉันพูดต่อ เมื่อฉันพูดว่า ‘เธอ’ เขารู้ดีว่าฉันหมายถึงใคร“ขอโทษนะ แต่คุณพูดไม่รู้เรื่องเลย”“ก็ได้ งั้นฉันจะสะกดให้คุณฟัง!” ฉันอุทาน ทันใดนั้นฉันก็เบื่อหน่ายจะเล่นแง่จนอยากเข้าประเด็น“ช่วงนี้ฉันคิดเยอะมาก และก็คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าคุณยังปล่อยโซเฟียไปไม่ได้ งั้นฉันจะปล่อยให้คุณไปอยู่ดูแลเธอแทน ฉันจะไม่ขัดขวางไม่ให้คุณได้อยู่กับคนรักเก่าของตัวเอง เราแยกทางกันด้วยดี และถ้าคุณสองคนต้องการ ฉันก็ยินดีจะอวยพรให้”“คุณพูดเรื่องบ้าอะไร!” จาเร็ดโพล่งออกมา ผุดลุกขึ้นยืน ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นของเขาตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็ง ลูกกระเดือกของเขากระดกขึ้นลง “ใครป้อนความคิดพวกนี้ให้คุณ? แอชลีย์เหรอ?”ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไม่พอใจกับการบอกใบ้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในนัยของเขาว่าฉันไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเอ
(มุมมองของแอเรียล)เอาล่ะ คราวนี้เขาหงายการ์ด ‘สามีผู้ทรงเสน่ห์’ อีกแล้วฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ ครุ่นคิดถึงคำตอบของตัวเอง ความจริงคือฉันไม่ได้วางแผนที่จะกลับบ้านในวันนี้ แม้ฉันรู้ว่าจะต้องกลับไปในที่สุด แต่มันยังไม่ใช่วันนี้“จาเร็ด ฉันไม่คิดว่าวันนี้ฉันอยากกลับบ้านนะ” ฉันโพล่งออกมาคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมล่ะ? คุณยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม? เอาล่ะ แอเรียล ผมสัญญาว่าจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังถ้าคุณกลับบ้านกับผม”ฉันลังเล “แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล ได้โปรด กลับบ้านเถอะ คุณหนีจากเรือนหอของเราไม่ได้หรอก”ฉันกลอกตา “ใช่ เรือนหอที่ถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้า” ฉันพึมพำ“ว่าไงนะ?”“เปล่า”ทันใดนั้น รีเบคก้าก็เดินผ่านเรา โบกมือให้อย่างตื่นเต้น ฉันบ่นอุบอยู่ในใจ ก่อนที่จะเดินนำหน้าจาเร็ดไปที่รถโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ฉันยังไม่พร้อมให้รีเบคก้ารู้แม้แต่น้อยว่าชีวิตการแต่งงานของฉันกำลังมีปัญหาฉันขึ้นรถ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง จาเร็ดขึ้นมานั่งข้าง ๆ ฉันเกือบจะในทันที และมองมาที่ฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจ“คุณโกรธผมจริง ๆ ใช่ไหม?” เขาถามพลางสตาร์ทรถ“กลับบ้าน?”“ตามความประสงค์ของอ
(มุมมองของแอเรียล)เมื่อได้ยินเสียงของจาเร็ด โซเฟียก็รีบชักมือกลับและหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ความเย็นชาในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น และฉันก็สงสัยว่าเธอเปลี่ยนบุคลิกได้อย่างง่ายดายและไวขนาดนี้ได้อย่างไร“ไม่มีอะไร อย่าซีเรียสสิ แอเรียล เพิ่งมาถึง และฉันก็กำลังบอกเธอว่าพวกเราเป็นห่วงแค่ไหนในช่วงที่เธอไม่อยู่” โซเฟียพูดพร้อมกับยิ้มแย้ม“แอเรียล?” จาเร็ดเรียกและเร่งฝีเท้า ในไม่ช้าเขาก็มาอยู่ตรงหน้าฉัน “คุณทำให้ผมเป็นห่วงนะ เมื่อวานหายไปไหนมา?”“ที่ที่ปลอดภัยไง” ฉันพึมพำ หลีกเลี่ยงการสบตาเขา“ผมเป็นห่วงมากเลย ตอนที่ผมโทรหาแอชลีย์และเธอบอกว่าคุณไม่ได้อยู่กับเธอ ผมจะแจ้งตำรวจแล้วด้วยซ้ำ แต่โซเฟียแนะนำให้รอสักหน่อย เธอค่อนข้างมั่นใจว่าคุณสบายดีและจะกลับบ้านเอง ปรากฏว่าเธอพูดถูก”โซเฟียยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีชัยให้ฉันฉันกลั้นหัวเราะเยาะ จาเร็ดตาบอดได้ขนาดนี้เชียว? คำแนะนำของโซเฟียไม่ได้เป็นเพราะเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของฉัน แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้เขาตามหาฉันมากกว่า แต่เช่นเคย เธอเล่นไพ่ของตัวเองได้ดีมากจนเขามองว่าเธอเป็นแม่พระ ทั้งที่เธอไม่ใช่“เอาล่ะ แอเรียล ผมรู้ว่าคุณคงเจ็บปวด
(มุมมองของแอเรียล)วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ และฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ไม่ใช่วันทำงาน เมื่อฉันตื่นจากการนอนหลับ สิ่งที่ฉันทำคืออาบน้ำ ทานอาหารเช้า และดูทีวี เพราะแอชลีย์ไม่ยอมให้ฉันขยับตัวทำอะไรเลย“เฮ้” เธอบีบไหล่ฉันเบา ๆ เลื่อนตัวลงมานั่งบนโซฟาข้าง ๆ ฉัน “เป็นไงบ้าง?”“ไง” ฉันเหลือบมองเธอแล้วหันกลับไปมองทีวี “งานเสร็จแล้วเหรอ?”จุดประสงค์ของคำถามนี้ เป็นเพราะแอชลีย์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อตัดแต่งกิ่งดอกไม้ที่ปลูกอยู่ตรงข้างทางเข้าบ้านของเธอ และฉันอยากรู้ว่าเธอจัดการเสร็จแล้วหรือยัง“อืม เสร็จแล้ว ตอนนี้ดอกไม้ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลย”“เธอควรไปกินมื้อเช้าได้แล้ว ทำงานมาหลายชั่วโมงแล้วนี่” ฉันพูด สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่รายการ“ให้ตายเถอะ เธอจดจ่ออยู่กับทีวีจนไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าฉันตัดแต่งกิ่งดอกไม้เสร็จตั้งนานแล้ว ถึงขั้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้แต่ทานอาหารเช้าแล้วด้วย พระเจ้า! คนท้องทุกคนขี้เกียจและไม่ค่อยสังเกตแบบนี้หมดเลยเหรอ?”ฉันหยุดชะงัก “เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ?” ฉันถาม และหันไปมองเธออย่างตั้งใจ ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอ เธออาบน้ำแล้วจริง ๆ เพรา
(มุมมองของแอเรียล)ฉันหยุดชะงัก พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแอชลีย์ช้า ๆ ฉันสบตากับเธอ “เธอล้อเล่นใช่ไหม?”“หน้าฉันดูเหมือนล้อเล่นเหรอ?” แอชลีย์ตอบโต้ เสียงของเธอหนักแน่นและจริงจังฉันหายใจเข้า พยายามทำความเข้าใจกับคำแนะนำของเธออีกครั้ง‘กับจาเร็ด?’ ความคิดนั้นให้ความรู้สึกเหนือจริง แปลกประหลาด ใจของฉันแข่งกันต่อต้านในขณะที่ความคิดนั้นหยั่งราก…ทำไมฉันถึงต้องหย่ากับจาเร็ด? ฉันทุ่มเททุกอย่างให้กับการแต่งงานครั้งนี้ ต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้มันเกิดผล...ฉันส่ายหัว พยายามหัวเราะและขับไล่มันออกไป “ฉันไม่คิดว่าเธอจะจริงจังนะ แอช” ฉันพูด แม้ว่าเสียงของฉันจะสั่นเล็กน้อย“ฉันจริงจัง เธอไม่สามารถเป็นคนที่ระแวงจาเร็ดได้ตลอดเวลาอย่างนี้ แอเรียล เธอเป็นภรรยาของเขา พระเจ้า! เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรรู้ว่าที่จริงเขาต้องการใคร ถ้าเขายังยึดติดอยู่กับโซเฟีย เขาก็ควรจะอยู่กับหล่อนไปซะ แต่ถ้าเขาต้องการเธอมากกว่า เขาก็ควรจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีหนึ่งที่จะทำแบบนั้นได้ คือการวางตัวกับโซเฟียไว้ในฐานที่เหมาะสม เชื่อฉันเถอะ ที่ของหล่อนไม่ควรอยู่ในชีวิตของเธอหรือในบ้านที่เป็นเรือนหอของพวกเธอ!”คำพูดข
(มุมมองของแอเรียล)หลังจากที่จาเร็ดจากไป ฉันก็กังวลจนแทบคลั่ง เกิดอะไรขึ้นกับโซเฟีย? ฉันสงสัย เพิ่งจะผ่านไปแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่จาเร็ดกับฉันออกจากบ้านมาเอง เธอก็ปวดท้องเลยเหรอ?ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยความคิดที่ว่าจาเร็ดต้องจัดการกับสถานการณ์ได้ แต่อีกใจหนึ่งของฉันกลับไม่ยอมสงบลง ชั่วขณะหนึ่ง ฉันสงสัยว่ามีการเล่นไม่ซื่อ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นแผนของโซเฟียที่จะล่อจาเร็ดกลับไปที่บ้าน เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาออกมาตั้งแต่แรก?แต่ฉันก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป พยายามที่จะไม่หวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเธอแสร้งทำ เธอคงไม่กล้าลากแม่ของจาเร็ดมาเกี่ยวข้องหรอก จริงไหม? ยิ่งฉันคิดถึงทุกสิ่ง ฉันก็ยิ่งกระสับกระส่ายแล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวฉัน จะเป็นยังไงถ้าสถานการณ์วิกฤตเกินกว่าที่จาเร็ดจะรับมือได้? ฉันลุกขึ้นจากเตียงทันที ฉันต้องกลับบ้านเหมือนกัน เผื่อจาเร็ดต้องการความช่วยเหลือดังนั้นโดยไม่คิดซ้ำสอง ฉันคว้าเสื้อผ้าของตัวเองมาสวม ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วรีบออกไป ข้างนอกโรงแรม ฉันเรียกแท็กซี่และบอกที่อยู่บ้านของฉัน ขณะที่เราอยู่บนท้องถนน ความไม่อดทนของฉันก็เพิ่มขึ้น ถึงขั้
(มุมมองของจาเร็ด)“จาเร็ด ลูกอยู่ไหน? โซเฟียเพิ่งโทรหาแม่ เธอกำลังเจ็บปวดมาก ท้องของเธอปวดจนไม่ไหว...”ผมแข็งทื่อกับคำพูดของแม่ ขณะที่ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นไปทั่วกระดูกสันหลังของผม ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อไหร่ที่เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากของตัวเอง “ว่าไงนะ?”“ลูกต้องออกจากที่ที่ลูกอยู่ซะ และไม่ว่าลูกจะทำอะไรอยู่ก็ต้องกลับบ้าน! จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับ…”นั่นคือทั้งหมดที่ผมได้ยินขณะที่ผมวางสาย ผมตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันที ขณะที่ผมพยายามรวบรวมเสื้อผ้าบนพื้น“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของแอเรียลดังขึ้นข้างหลัง ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเธอลงจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจของผมเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด“คุณทำให้ฉันกลัวนะ เกิดอะไรขึ้น? ใครโทรมา?” เสียงของแอเรียลแทรกเข้ามาในความคิดของผมอีกครั้ง คราวนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลผมพยายามจะพูด แต่คำพูดของผมกลับวกวน “โซเฟีย...แม่ผมโทรมา...เธอเจ็บปวดมาก ท้องของเธอ”ดวงตาของแอเรียลเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เธอเป็นอะไรไป?”ผมส่ายหัว หัวใจเต้นแรง “ไม่รู้ ผมต้องไปดู ต้องกลับบ้าน”“โอเค ในเมื่อร้ายแรงขนาดนั้น งั้นฉัน