"ถ้าเราทั้งคู่ตกอยู่ในอันตราย เธอคิดว่าจาเร็ดจะช่วยใครก่อนล่ะ?" จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นมา "ว่าไงนะ?" ฉันไม่มีโอกาสได้ประมวลผลคำพูดของเธอ เพราะในนาทีถัดมา ฉันรู้สึกถึงแรงผลักที่แผ่นหลัง และเสียการทรงตัว ร่างลื่นไถลจากบันไดลงมากองอยู่ที่พื้นด้านล่าง ***************** แอเรียลมีทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม ทั้งอาชีพที่รุ่งเรืองในฐานะเชฟมากพรสวรรค์ และการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จกับมหาเศรษฐี แม้สามีของเธอจะมีนิสัยเย็นชา แต่เธอเชื่อว่าเขาห่วงใยเธออย่างลึกซึ้ง เธอพอใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขา และซาบซึ้งในสิ่งที่พวกเขามีร่วมกัน หนึ่งวันก่อนวันครบรอบแต่งงานในปีที่สาม เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ความตื่นเต้นและความคาดหวังเต็มตื้นหัวใจ เธอตั้งตารอที่จะได้แบ่งปันข่าวดีนี้กับสามี เพราะมั่นใจว่ามันจะนำการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมาสู่ครอบครัว และอาจทำให้ท่าทีเย็นชาของเขาอ่อนลงด้วย แต่โชคชะตากลับมีแผนการอื่น ก่อนที่เธอจะได้บอกเรื่องที่ตั้งครรภ์ บุคคลที่ไม่คาดคิดจากอดีตของสามีก็ปรากฏตัวขึ้น "เพื่อนเก่า" ของเขานั่นเอง ขณะที่ผู้มาใหม่นี้ก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเขา โดยที่แอเรียลไม่รู้ตัวเลย ว่าการมาถึงที่ไม่คาดฝันนี้จะท้าทายทุกสิ่งที่เธอคิดว่ารู้เกี่ยวกับการแต่งงานของเธอ สามีของเธอ และตัวเธอเอง
View More(มุมมองของแอเรียล)จาเร็ดกับฉันหยุดชะงัก แลกเปลี่ยนสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เสียงอะไรน่ะ?” ฉันถาม ตอนนี้ความกลัวคืบคลานเข้ามาในสีหน้าของฉัน“ไม่รู้…” จาเร็ดเริ่มพูด แต่หยุดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ตะโกนว่า “โซเฟีย!”ฉันตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็วิ่งตาม เราวิ่งจนไปถึงห้องนั่งเล่น หายใจหอบกันทั้งคู่ แต่โซเฟียนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา กำลังดูหนัง“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง โซเฟีย?” ฉันตะโกนก่อนที่จะยั้งตัวเองได้ “จะกรี๊ดทำไม?”เธอไม่พูดอะไร แต่หันมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องจอทีวี เธอไม่สนใจการปรากฏตัวของจาเร็ดด้วย เดาว่าเธอน่าจะยังโกรธเขาที่ปฏิเสธเธอในตอนเช้า“โซเฟีย มีคนกำลังพูดกับเธออยู่นะ” จาเร็ดพูดย้ำ เสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ทำไมต้องกรี๊ดเสียงดังขนาดนั้น?”ในที่สุดโซเฟียก็มองไปที่จาเร็ด สายตาของเธอดูถูกเหยียดหยาม “เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ?”“เธอทำให้เราเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอน่ะสิ… ฉันกับแอเรียล” จาเร็ดตอบพลางชี้มาที่ตัวเองและฉันโซเฟียเยาะเย้ย “โอ๊ย หยุดความกังวลจอมปลอมนั่นเถอะ รู้ไหม ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่านายไม่ได้สนใจฉันอย่างที
(มุมมองของแอเรียล)“สมน้ำหน้าเป็นบ้า!” แอชลีย์อุทานทางโทรศัพท์ “ฉันจินตนาการสีหน้าตกใจของหล่อนได้เลย”ทันทีที่ฉันไปถึงที่ทำงานและนั่งลง ฉันก็โทรหาแอชลีย์เพื่อเล่าเหตุการณ์ในตอนเช้าให้เธอฟัง เธอทั้งประหลาดใจและสาแก่ใจ และมันก็สะท้อนให้เห็นผ่านเสียงหัวเราะที่ร่าเริงของเธอ“มีแวบหนึ่ง ฉันกลัวว่าเธอจะพุ่งเข้าใส่ฉันด้วยความโกรธ เธอดูแตกตื่นมาก เดาว่าการถูกปฏิเสธเมื่อเธอเคยชินกับการถูกตามใจมาตลอด คงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับเธอ”“ฉันรู้ มันน่าไหมล่ะ? วันนี้จาเร็ดทำดี เขาควรทำแบบนั้นบ่อย ๆ ให้หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่สามารถทำเอาแต่ใจตัวเองได้เสมอไป” แอชลีย์ร้องเสียงแหลม“ฉันหวังว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ” ฉันพูด เสียงของฉันหายไปอย่างกะทันหัน “พูดแล้วมันก็น่าเจ็บปวดที่เห็นเขาอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา คราวนี้เขาปกป้องฉัน คราวหน้าเขาอาจจะทำตามคำสั่งเธอก็ได้”“เอาน่า อย่าคิดแบบนั้นสิ เธอไม่ได้บอกเหรอว่าเมื่อคืนเขาสำนึกผิดและขอโทษเธอแล้ว?”“เขาขอโทษแล้วจริง ๆ แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล สมิธ ฉันขอโทษที่แนะนำให้พวกเธอหย่ากัน สามีเธอเป็นคนดี ยอมขอโทษเมื่อเขาทำผิด บนโลกนี้มีคนแบบเขาเหลืออยู่ไม่มากนักหรอก ห
(มุมมองของแอเรียล)ฉันเห็นจาเร็ดหยุดชะงัก ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนไข่ห่าน เกือบจะถลนออกมานอกเบ้า แต่ฉันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ยังคงอยากฟังคำตอบของเขาความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเรา“คุณว่าอะไรนะ?” เขาถาม เสียงของเขายังเจือความตกใจ สีหน้าของเขาแข็งทื่อ“คุณอยากอยู่กับเธอนักไม่ใช่เหรอ?” ฉันพูดต่อ เมื่อฉันพูดว่า ‘เธอ’ เขารู้ดีว่าฉันหมายถึงใคร“ขอโทษนะ แต่คุณพูดไม่รู้เรื่องเลย”“ก็ได้ งั้นฉันจะสะกดให้คุณฟัง!” ฉันอุทาน ทันใดนั้นฉันก็เบื่อหน่ายจะเล่นแง่จนอยากเข้าประเด็น“ช่วงนี้ฉันคิดเยอะมาก และก็คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าคุณยังปล่อยโซเฟียไปไม่ได้ งั้นฉันจะปล่อยให้คุณไปอยู่ดูแลเธอแทน ฉันจะไม่ขัดขวางไม่ให้คุณได้อยู่กับคนรักเก่าของตัวเอง เราแยกทางกันด้วยดี และถ้าคุณสองคนต้องการ ฉันก็ยินดีจะอวยพรให้”“คุณพูดเรื่องบ้าอะไร!” จาเร็ดโพล่งออกมา ผุดลุกขึ้นยืน ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นของเขาตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็ง ลูกกระเดือกของเขากระดกขึ้นลง “ใครป้อนความคิดพวกนี้ให้คุณ? แอชลีย์เหรอ?”ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไม่พอใจกับการบอกใบ้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในนัยของเขาว่าฉันไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเอ
(มุมมองของแอเรียล)เอาล่ะ คราวนี้เขาหงายการ์ด ‘สามีผู้ทรงเสน่ห์’ อีกแล้วฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ ครุ่นคิดถึงคำตอบของตัวเอง ความจริงคือฉันไม่ได้วางแผนที่จะกลับบ้านในวันนี้ แม้ฉันรู้ว่าจะต้องกลับไปในที่สุด แต่มันยังไม่ใช่วันนี้“จาเร็ด ฉันไม่คิดว่าวันนี้ฉันอยากกลับบ้านนะ” ฉันโพล่งออกมาคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมล่ะ? คุณยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม? เอาล่ะ แอเรียล ผมสัญญาว่าจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังถ้าคุณกลับบ้านกับผม”ฉันลังเล “แต่…”“ไม่มีแต่ แอเรียล ได้โปรด กลับบ้านเถอะ คุณหนีจากเรือนหอของเราไม่ได้หรอก”ฉันกลอกตา “ใช่ เรือนหอที่ถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้า” ฉันพึมพำ“ว่าไงนะ?”“เปล่า”ทันใดนั้น รีเบคก้าก็เดินผ่านเรา โบกมือให้อย่างตื่นเต้น ฉันบ่นอุบอยู่ในใจ ก่อนที่จะเดินนำหน้าจาเร็ดไปที่รถโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ฉันยังไม่พร้อมให้รีเบคก้ารู้แม้แต่น้อยว่าชีวิตการแต่งงานของฉันกำลังมีปัญหาฉันขึ้นรถ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง จาเร็ดขึ้นมานั่งข้าง ๆ ฉันเกือบจะในทันที และมองมาที่ฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจ“คุณโกรธผมจริง ๆ ใช่ไหม?” เขาถามพลางสตาร์ทรถ“กลับบ้าน?”“ตามความประสงค์ของอ
(มุมมองของแอเรียล)เมื่อได้ยินเสียงของจาเร็ด โซเฟียก็รีบชักมือกลับและหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ความเย็นชาในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น และฉันก็สงสัยว่าเธอเปลี่ยนบุคลิกได้อย่างง่ายดายและไวขนาดนี้ได้อย่างไร“ไม่มีอะไร อย่าซีเรียสสิ แอเรียล เพิ่งมาถึง และฉันก็กำลังบอกเธอว่าพวกเราเป็นห่วงแค่ไหนในช่วงที่เธอไม่อยู่” โซเฟียพูดพร้อมกับยิ้มแย้ม“แอเรียล?” จาเร็ดเรียกและเร่งฝีเท้า ในไม่ช้าเขาก็มาอยู่ตรงหน้าฉัน “คุณทำให้ผมเป็นห่วงนะ เมื่อวานหายไปไหนมา?”“ที่ที่ปลอดภัยไง” ฉันพึมพำ หลีกเลี่ยงการสบตาเขา“ผมเป็นห่วงมากเลย ตอนที่ผมโทรหาแอชลีย์และเธอบอกว่าคุณไม่ได้อยู่กับเธอ ผมจะแจ้งตำรวจแล้วด้วยซ้ำ แต่โซเฟียแนะนำให้รอสักหน่อย เธอค่อนข้างมั่นใจว่าคุณสบายดีและจะกลับบ้านเอง ปรากฏว่าเธอพูดถูก”โซเฟียยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีชัยให้ฉันฉันกลั้นหัวเราะเยาะ จาเร็ดตาบอดได้ขนาดนี้เชียว? คำแนะนำของโซเฟียไม่ได้เป็นเพราะเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของฉัน แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้เขาตามหาฉันมากกว่า แต่เช่นเคย เธอเล่นไพ่ของตัวเองได้ดีมากจนเขามองว่าเธอเป็นแม่พระ ทั้งที่เธอไม่ใช่“เอาล่ะ แอเรียล ผมรู้ว่าคุณคงเจ็บปวด
(มุมมองของแอเรียล)วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ และฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ไม่ใช่วันทำงาน เมื่อฉันตื่นจากการนอนหลับ สิ่งที่ฉันทำคืออาบน้ำ ทานอาหารเช้า และดูทีวี เพราะแอชลีย์ไม่ยอมให้ฉันขยับตัวทำอะไรเลย“เฮ้” เธอบีบไหล่ฉันเบา ๆ เลื่อนตัวลงมานั่งบนโซฟาข้าง ๆ ฉัน “เป็นไงบ้าง?”“ไง” ฉันเหลือบมองเธอแล้วหันกลับไปมองทีวี “งานเสร็จแล้วเหรอ?”จุดประสงค์ของคำถามนี้ เป็นเพราะแอชลีย์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อตัดแต่งกิ่งดอกไม้ที่ปลูกอยู่ตรงข้างทางเข้าบ้านของเธอ และฉันอยากรู้ว่าเธอจัดการเสร็จแล้วหรือยัง“อืม เสร็จแล้ว ตอนนี้ดอกไม้ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลย”“เธอควรไปกินมื้อเช้าได้แล้ว ทำงานมาหลายชั่วโมงแล้วนี่” ฉันพูด สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่รายการ“ให้ตายเถอะ เธอจดจ่ออยู่กับทีวีจนไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าฉันตัดแต่งกิ่งดอกไม้เสร็จตั้งนานแล้ว ถึงขั้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้แต่ทานอาหารเช้าแล้วด้วย พระเจ้า! คนท้องทุกคนขี้เกียจและไม่ค่อยสังเกตแบบนี้หมดเลยเหรอ?”ฉันหยุดชะงัก “เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ?” ฉันถาม และหันไปมองเธออย่างตั้งใจ ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอ เธออาบน้ำแล้วจริง ๆ เพรา
(มุมมองของแอเรียล)ฉันหยุดชะงัก พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแอชลีย์ช้า ๆ ฉันสบตากับเธอ “เธอล้อเล่นใช่ไหม?”“หน้าฉันดูเหมือนล้อเล่นเหรอ?” แอชลีย์ตอบโต้ เสียงของเธอหนักแน่นและจริงจังฉันหายใจเข้า พยายามทำความเข้าใจกับคำแนะนำของเธออีกครั้ง‘กับจาเร็ด?’ ความคิดนั้นให้ความรู้สึกเหนือจริง แปลกประหลาด ใจของฉันแข่งกันต่อต้านในขณะที่ความคิดนั้นหยั่งราก…ทำไมฉันถึงต้องหย่ากับจาเร็ด? ฉันทุ่มเททุกอย่างให้กับการแต่งงานครั้งนี้ ต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้มันเกิดผล...ฉันส่ายหัว พยายามหัวเราะและขับไล่มันออกไป “ฉันไม่คิดว่าเธอจะจริงจังนะ แอช” ฉันพูด แม้ว่าเสียงของฉันจะสั่นเล็กน้อย“ฉันจริงจัง เธอไม่สามารถเป็นคนที่ระแวงจาเร็ดได้ตลอดเวลาอย่างนี้ แอเรียล เธอเป็นภรรยาของเขา พระเจ้า! เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรรู้ว่าที่จริงเขาต้องการใคร ถ้าเขายังยึดติดอยู่กับโซเฟีย เขาก็ควรจะอยู่กับหล่อนไปซะ แต่ถ้าเขาต้องการเธอมากกว่า เขาก็ควรจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีหนึ่งที่จะทำแบบนั้นได้ คือการวางตัวกับโซเฟียไว้ในฐานที่เหมาะสม เชื่อฉันเถอะ ที่ของหล่อนไม่ควรอยู่ในชีวิตของเธอหรือในบ้านที่เป็นเรือนหอของพวกเธอ!”คำพูดข
(มุมมองของแอเรียล)หลังจากที่จาเร็ดจากไป ฉันก็กังวลจนแทบคลั่ง เกิดอะไรขึ้นกับโซเฟีย? ฉันสงสัย เพิ่งจะผ่านไปแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่จาเร็ดกับฉันออกจากบ้านมาเอง เธอก็ปวดท้องเลยเหรอ?ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยความคิดที่ว่าจาเร็ดต้องจัดการกับสถานการณ์ได้ แต่อีกใจหนึ่งของฉันกลับไม่ยอมสงบลง ชั่วขณะหนึ่ง ฉันสงสัยว่ามีการเล่นไม่ซื่อ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นแผนของโซเฟียที่จะล่อจาเร็ดกลับไปที่บ้าน เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาออกมาตั้งแต่แรก?แต่ฉันก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป พยายามที่จะไม่หวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเธอแสร้งทำ เธอคงไม่กล้าลากแม่ของจาเร็ดมาเกี่ยวข้องหรอก จริงไหม? ยิ่งฉันคิดถึงทุกสิ่ง ฉันก็ยิ่งกระสับกระส่ายแล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวฉัน จะเป็นยังไงถ้าสถานการณ์วิกฤตเกินกว่าที่จาเร็ดจะรับมือได้? ฉันลุกขึ้นจากเตียงทันที ฉันต้องกลับบ้านเหมือนกัน เผื่อจาเร็ดต้องการความช่วยเหลือดังนั้นโดยไม่คิดซ้ำสอง ฉันคว้าเสื้อผ้าของตัวเองมาสวม ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วรีบออกไป ข้างนอกโรงแรม ฉันเรียกแท็กซี่และบอกที่อยู่บ้านของฉัน ขณะที่เราอยู่บนท้องถนน ความไม่อดทนของฉันก็เพิ่มขึ้น ถึงขั้
(มุมมองของจาเร็ด)“จาเร็ด ลูกอยู่ไหน? โซเฟียเพิ่งโทรหาแม่ เธอกำลังเจ็บปวดมาก ท้องของเธอปวดจนไม่ไหว...”ผมแข็งทื่อกับคำพูดของแม่ ขณะที่ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นไปทั่วกระดูกสันหลังของผม ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อไหร่ที่เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากของตัวเอง “ว่าไงนะ?”“ลูกต้องออกจากที่ที่ลูกอยู่ซะ และไม่ว่าลูกจะทำอะไรอยู่ก็ต้องกลับบ้าน! จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับ…”นั่นคือทั้งหมดที่ผมได้ยินขณะที่ผมวางสาย ผมตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันที ขณะที่ผมพยายามรวบรวมเสื้อผ้าบนพื้น“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของแอเรียลดังขึ้นข้างหลัง ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเธอลงจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจของผมเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด“คุณทำให้ฉันกลัวนะ เกิดอะไรขึ้น? ใครโทรมา?” เสียงของแอเรียลแทรกเข้ามาในความคิดของผมอีกครั้ง คราวนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลผมพยายามจะพูด แต่คำพูดของผมกลับวกวน “โซเฟีย...แม่ผมโทรมา...เธอเจ็บปวดมาก ท้องของเธอ”ดวงตาของแอเรียลเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เธอเป็นอะไรไป?”ผมส่ายหัว หัวใจเต้นแรง “ไม่รู้ ผมต้องไปดู ต้องกลับบ้าน”“โอเค ในเมื่อร้ายแรงขนาดนั้น งั้นฉัน
(มุมมองของแอเรียล) กลิ่นหอมของอาหารมื้อค่ำลอยอวลไปทั่วห้อง ขณะที่ฉันจ้องมองไปที่จาเร็ด สามีของฉัน ผมสีเข้มของเขาตกลงมาอย่างพอเหมาะ ล้อมกรอบจมูกโด่งและกรามที่คมชัด แม้จะอยู่ในชุดลำลอง ชายคนนี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่ปฏิเสธไม่ได้ ไหล่กว้าง หน้าอกกำยำ เขาดูราวกับหลุดมาจากนิตยสาร แต่เขากลับอยู่ตรงนี้กับฉัน มันเป็นวันครบรอบของเรา และเพื่อระลึกถึงวันพิเศษนี้ ฉันจึงเสนอว่าเราควรทานมื้อค่ำอยู่ในบ้าน แค่เราสองคนเท่านั้น แม้ปกติจะเป็นคนที่ดูห่างเหิน จาเร็ดก็ยังสละเวลาจากตารางงานที่แสนยุ่งของเขามาให้ และนั่นเป็นท่าทีที่ฉันคิดว่าน่ารัก โดยเฉพาะเมื่อเขาเงยหน้ามองฉันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายร้อนแรงคู่นั้น มันช่างยากที่จะรู้สึกไม่พอใจเขาได้ไหว ฉันเลือกที่จะนั่งตรงข้ามกับเขา แทนที่จะนั่งข้าง ๆ เขาเหมือนทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกัน เพราะฉันอยากเห็นปฏิกิริยาทั้งหมดของเขา เมื่อฉันบอกข่าวดีให้เขารู้ในที่สุด ฟังนะ ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันตั้งครรภ์จากหมอประจำครอบครัวเมื่อวานนี้เอง และฉันเก็บข่าวนี้เอาไว้ เพื่อจะบอกให้จาเร็ดรู้ระหว่างมื้อค่ำวันครบรอบของเรา จะมีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้อีกล่ะ? การฉลองวันครบรอบ และการตั้ง
Comments