วันต่อมา
"อ้าว..เปิดเทอมแล้วเหรอลูก?" สามีของแม่เอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเช่นค่ะ
"ใช่ค่ะคุณพ่อ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับชุดนักศึกษาอีกที
"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนมั้ยลูก มื้อเช้าเนี่ยสำคัญนะพิมพ์" ท่านเดินเข้ามาพูดคุยด้วยใบหน้าที่ดูปกติดีทุกอย่าง ราวกับคนละคนกับคนเมื่อคืนเลย
"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมหาลัยอยู่ไกลนะคะ..อีกอย่างพิมพ์ต้องรีบจ่ายค่าเช่าหอพักก่อน" ฉันรีบยกมือไหว้คุณพ่อ และหันไปไหว้แม่ของตัวเองที่กำลังเดินจูงมือน้องชายตัวแสบลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านพอดี
"พี่พิมพ์ครับ"พัตเตอร์น้องชายตัวเล็กตะโกนเรียกหาฉันลั่น พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันไว้ทันที
"พัตเตอร์ไม่อยากให้พี่พิมพ์ไปเรียนเลย...เพราะกว่าพี่พิมพ์จะกลับบ้านก็สองสามอาทิตย์ทีหนึ่งเลย พัตเตอร์เบื่อไม่มีใครสอนทำการบ้านเลย" เจ้าตัวเล็กกระทืบเท้าเบา ๆ และงอแงทันทีที่เห็นฉันใส่ชุดนักศึกษา ซึ่งก็งอแงงแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเข้ามหาลัยแล้วล่ะ
"งั้นถ้าพัตมีอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็โทรมาหาพี่สิ เดี๋ยวพี่สอนทางโทรศัพท์ก็ได้" ฉันย่อตัวลงลูบหัวน้องชาย ก่อนจะหอมแก้มซ้ายและขวาอย่างเอ็นดู
"ไม่เอาอะ..พัตอยากให้พี่พิมพ์กลับมาอยู่บ้าน" พัตเตอร์ส่ายหน้าและไม่ยอมปล่อยเสื้อแจ็กเกตของฉัน
"มหาลัยพี่มันไกล ๆ มาก ๆ เลยนะพัต..ถ้าพี่อยู่บ้านกับหนู พี่ก็คงไปเรียนไม่ทันแน่ ๆ " ฉันอธิบายไปตามความจริงเพราะมหาลัยของฉันอยู่ไกลมากและไหนจะสภาพการจราจรในกรุงเทพอีก ค่าน้ำมันไปกลับก็ไม่คุ้มแล้ว
ฟุ่บ! คุณพ่อเดินมาอุ้มลูกชายคนสุดท้องของเขาขึ้นแนบอกในทันที
"ไม่เอาน่า..อย่างอแงใส่พี่พิมพ์เขาแบบนี้สิลูก พี่พิมพ์เขาต้องไปเรียนหนังสือนะ"
"เพราะอีกหน่อยพอพี่พิมจบมา เขาจะมีงานดี ๆ ทำแล้วมาส่งพัตเตอร์เรียนต่อไง"
"ส่วนการบ้านให้พี่พิ้งช่วยสอน (คุณพ่อ) / พี่พิ้งสอนการบ้านพัตเตอร์ไม่ได้หรอกครับ (พัตเตอร์) " น้องชายส่ายหน้าอย่างไม่ยอมในทันที
"เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวพ่อจัดการน้องเราเอง..พิมพ์รีบไปเรียนเถอะ" คุณพ่อพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะอุ้มลูกชายไปนั่งที่โต๊ะอาหารเตรียมที่จะทานข้าวเช้าพร้อมกัน
"ขี่รถดี ๆ นะพิมพ์ ถึงหอแล้วก็โทรมาบอกแม่ด้วย แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" แม่เดินเข้ามาสวมกอดฉันเอาไว้แน่น
"ค่ะแม่" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้เพื่อร่ำลา ท่านก็เดินตรงมาส่งฉันถึงลานจอดที่หน้าบ้าน
"แม่รักพิมพ์นะ ไม่ว่าพิมพ์จะมีปัญหาอะไรยังไงก็ตาม..พิมพ์เล่าให้แม่ฟังได้เสมอ" แม่ลูบแผ่นหลังของฉันเบา ๆ และหอมแก้มฉันเช่นทุกครั้ง
"พิมพ์ก็รักแม่ค่ะ" ฉันตอบกลับไปก่อนจะเดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่
"ช่วงนี้พ่อท่านทำงานหนักน่ะ ถ้าท่านพูดอะไรที่ทำให้พิมพ์ไม่สบายใจก็อย่าถือสาพ่อเขาเลยนะ" จู่ ๆ แม่ก็พูดขึ้นในตอนที่ฉันขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์เตรียมจะขี่ออกไป
"พ่อเขาหวังดีกับพิมพ์มาก ๆ และก็รักพิมพ์ไม่ต่างจากลูกคนอื่น ๆ เลยด้วย"
"พิมพ์เข้าใจคุณพ่อดีค่ะ..แม่ไม่ต้องกังวลนะ พิมพ์ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะสวมหมวกกันน็อคปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง
จริงอยู่ที่ฉันไม่เคยโกรธคุณพ่อ หรือพ่อเลี้ยงของตัวเองเลย..เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านดูแลทุกคนในบ้านรวมทั้งฉันมาเป็นอย่างดี หลังจากที่พ่อแท้ ๆ ของฉันเสียไป ถ้าไม่ได้พ่อเลี้ยงคนนี้ ฉันก็คงไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวกิน และคงไม่มีเงินเรียน
ณ มหาลัยอเธน่า
ATHENA INTERNATION UNIVERSITY
ตึกวิศวกรรมศาสตร์
สาขา วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม
ฉันชื่อพิมพ์ตะวัน หรือที่ทุกคนเรียกสั้น ๆ ว่าพิมพ์ อายุตอนนี้ก็ ยี่สิบเอ็ดปี และกำลังศึกษาอยู่คณะวิศวะ เหมือนแร่ และปิโตรเลียม ชั้นปีที่สาม
ฉันเป็นนักเรียนที่สอบชิงทุนแบบเต็มจำนวนของทางมหาลัยอเธน่าได้ และอเธน่าแห่งนี้คือมหาลัยเอกชนนานาชาติอันดับหนึ่งในไทย และอันดับสามของเอเชีย
ถ้าฉันได้เรียนจบจากที่นี่ บริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ แห่งก็จะเข้ามาจองตัวในทันที แถมจะไม่ต้องวิ่งไปหางานเลยด้วยซ้ำ และเป้าหมายที่ชัดเจนของฉัน คือการมีงานดี ๆ เงินเดือนสูง ๆ เพื่อที่จะได้เป็นที่พึ่งพาให้กับน้อง ๆ ทั้งสองคนของตัวเอง
การเกิดมาเป็นพี่สาวคนโตมันต้องแกร่ง ต้องแบกทุกอย่างและก็ต้องสู้เพื่อตัวเองและน้อง ๆ เสมอ...จริงมั้ยละ..
"มึงสาย!!!" ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน กลุ่มเพื่อนผู้ชายเกือบ ๆ สี่คนก็พุ่งเข้ามาตั้งท่าเหมือนจะหาเรื่องฉันทันที
"พวกมึงจะโทษกูไม่ได้นะ ก็ป้าสมร ของพวกมึงมาตั้งร้านสาย..กูก็เลยมาสายไปด้วยเลย" ฉันกวาดสายตามองพวกมันพลางถอนหายใจ ก่อนจะยกชุดข้าวเหนียวหมูปิ้งเกือบ ๆ สิบชุดมาให้พวกฝูงแรง ประจำสาขา วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม ท้ังสี่ตัว อันมี..ไอ้ออโต้ ไอ้อาร์เดล ไอ้เลโอ และไอ้โย
"เดี๋ยว ๆ ก่อนจะแดก เอาเงินมาด้วยค่ะ ไอ้พวกเพื่อนเวร" ฉันกระชากถุงหมูปิ้งคืนก่อนจะแบมือเก็บตังพวกมันเรียงตัว
"ขี้งก!!" และพวกมันก็ประสานเสียงว่าให้ฉันกันทันควัน
ก่อนจะโชว์สลิปโอนเงินค่าหมูปิ้ง รวมถึงค่าเซอร์วิสชาร์จในการบิดรถไปต่อแถวซื้อให้พวกมันด้วย คนละหนึ่งห้าสิบบาทถ้วน ไม่มีเกินไม่มีขาด
"เขาไม่ได้เรียกว่างกเว้ย!! เขาเรียกว่าคนที่รู้คุณค่าของเงินต่างหาก" ฉันเดินบิดหูพวกมันเรียงตัวก่อนจะวิ่งหลบส้นเท้าของไอ้พวกผู้ชายร่างสูงใหญ่ และแน่นอนพวกมันไม่เคยมองเห็นฉันเป็นผู้หญิงเลย ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาจนถึงปีสามเนี่ย
ตามจริงแล้วนักศึกษาคณะวิศวะก็มีเยอะมากพอสมควรเลย ถือเป็นกลุ่มคณะที่ใหญ่อันดับสองของมหาลัย รองจากคณะบริหารเลยด้วยซ้ำ
แต่ที่เห็นว่ามีแค่เรานั่งเรียงกันห้าคนเนี่ย ก็เป็นเพราะว่าพอปีสามที่ต้องแยกไปเรียนเมเจอร์ใคร
เมเจอร์มันแล้ว คนที่เลือกลงเรียน วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม ก็มีแค่ฉัน และไอ้พวกสี่ตัวบาทนี่เท่านั้นที่สำคัญคือการจะเรียนภาควิชานี้ได้ ต้องผ่านเกณฑ์สอบคัดเลือกที่เรียกว่าหินมาก ๆ เลยถึงจะมีสิทธิ์เข้ามานั่งเรียนภาควิชานี้ได้ บอกเลยว่ามหาลัยนี้ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะจบกันง่าย ๆ
"เกิดเป็นลูกคนรวย นี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ หมูปิ้งก็หากินยาก ….กินแต่ร้านหรูจนไม่รู้ซะแล้วว่าอาหารข้างทางนะอร่อยแค่ไหน" ฉันก้มมองเงินในบัญชีก่อนจะยิ้ม ๆ และเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง ด้านหน้าสุดของห้องเรียน
"เฮ่อออ" ฉันนั่งถอนหายใจ ก่อนจะมองไปที่กระดานสีขาวด้านหน้าของห้องเรียน
"กว่าจะมาถึงตรงนี้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ และเธอต้องทำมันให้ได้ เธอต้องเรียนจบที่นี่ให้ได้ พิมพ์ตะวัน" ฉันพึมพำเรียกกำลังใจให้กับตัวเองซ้ำ ๆ เพราะคณะที่เรียนมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ฉันต้องตั้งใจเรียนในห้องให้ได้มากที่สุด เพราะฉันไม่มีเงินไปติว หรือเรียนพิเศษเพิ่มเหมือนกับใคร ๆ ไหนจะต้องทำงานพิเศษอีก
"พ่อพวกมึงมาแล้ว ๆ " เสียงของไอ้โยพูดขึ้นเมื่อเห็นอาจารย์ที่เรียกว่าดุที่สุดในคณะ ที่ควบทั้งตำแหน่งอาจารย์สอน และอาจารย์ฝ่ายปกครองสูงสุดประจำคณะวิศวะนี่อีกด้วย
ปัง!! เสียงวางแฟ้มเอกสารทำเอาทุกคนสะดุ้งเล็กน้อย
"..สวัสดีนักศึกษาชั้นปีที่สามทุกคน" อาจารย์กล่าวทักทายนักศึกษาในห้องที่มีเพียงแค่ห้าคนด้วยใบหน้าที่นิ่ง ๆ
"ผมวิลเลี่ยม และทุกคนคงจะรู้จักผมเป็นอย่างดี" อาจารย์จะพูดไทยก็แค่วันแรกเปิดเทอมวันแรกเนี่ยแหละ เพราะหลังจากเริ่มเรียนจริงจังก็จะรัวอิ้งชนิดที่จดเลคเชอร์กันแทบไม่ทัน บางทีต้องพึ่งโทรศัพท์กดอัดเสียงไว้เลยด้วยซ้ำ
"เพราะเราเคยเจอกันอยู่บ่อย ๆ" อาจารย์วิลเลี่ยมพูดขึ้นเพราะท่านเป็นฝ่ายปกครอง ที่ความจำดีที่หนึ่งเลยจริง ๆ ถ้าไม่เจ๊งจริง ไม่ดุจริง ก็คงคุมพวกเด็กวิศวะทั้งคณะไม่อยู่
"ทุกครั้งที่มีเรียนวิชานี้ รบกวนใส่เสื้อช็อปมาด้วยทุกครั้งนะ คุณวาโย" ท่านชี้ไปทางวาโยที่ใส่แค่ชุดนักศึกษาธรรมดา ๆ
"เป็นรุ่นพี่ปีสามกันแล้ว ช่วยทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้อง ๆ ด้วย!" ท่านกวาดสายตามองทุกคนและพูดด้วยใบหน้าที่เข้มงวด
"และที่สำคัญไปกว่านั้น ที่นี่ห้องเรียนไม่ใช่ห้องอาหาร ครั้งหน้ารบกวนไม่นำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามากินนะครับ" อาจารย์กวาดสายตามองมาที่เราทั้งหกคนอีกครั้ง เพราะกลิ่นหมูปิ้งมันตลบอบอวลไปทั้งห้องจริง ๆ แม้ว่าพวกมันจะซ่อนไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
ไอ้พวกผู้ชายทั้งหมดก็นั่งกระจาย ๆ กันอยู่ชิดติดหลังห้องเรียน
ตึก ตึก ๆ อาจารย์วิลเลี่ยมเดินตรงไปหยุดยืนที่กลางห้องเรียน
"ภาควิชานี้มีคนเรียนแค่ห้าคน..ไม่ทราบว่าพวกคุณจะเว้นที่ข้างหน้าไว้หา..ป้าพวกคุณเหรอ?" อาจารย์วิลเลี่ยม ลูกครึ่งไทยเยอรมันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
จนทำเอาพวกเหลือขออย่าง.ไอ้ออโต้ ไอ้อาร์เดล ไอ้เลโอ และไอ้โย รีบวิ่งแจ้นมานั่งเรียงแถวหน้ากระดานข้าง ๆ ฉันกันหมด
"เฮ่อออ!!" จู่ ๆ ท่านก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
"ปีนี้คนสอบผ่านเข้ามาเรียนปิโตรเลียมน้อยจริง ๆ "
" แต่ก็เอาเถอะ ยิ่งคนเรียนน้อย ผมจะใส่ใจนักศึกษาทุกคนอย่างเต็มที่ รับรองเลยว่าพวกคุณจะจบไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแน่นอน!" ท่านพูดพร้อมกับหยิบกระดาษลงทะเบียนเรียนมาเช็ครายชื่อดู
ซึ่งท่านแทบจะไม่ต้องมองหน้า ก็สามารถจดนักเรียนได้ทุกคนแล้ว
"อะ..เดี๋ยวทุกคนเซนต์ชื่อลงในใบเข้าเรียนให้ครูด้วยนะ" อาจารย์วิลเลี่ยมแจกแผ่นรายชื่อ และไล่ส่งต่อกันมาจากคนริมสุดมาจนถึงฉัน
ก็อก ๆ ๆ ยังไม่ทันที่อาจารย์วิลเลี่ยมจะแจกชีทเรียนให้กับทุกคน จู่ ๆ ประตูห้องเรียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"Excuse me, may I come in? " (ขอโทษครับ..เข้าไปได้ไหม? สำเนียงอเมริกันของใครบางคนเอ่ยขึ้น พลางแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย
ซึ่งฉันกับพวกเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากเพราะมหาลัยของเรามีชาวต่างชาติเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเป็นมหาลัยอินเตอร์เนชั่นเนลแต่ทว่า..น้ำเสียงและสำเนียงภาษาของหมอนี่มันคุ้น ๆ เหมือนกันนนะ
"Sure! (แน่นอน) " อาจารย์วิลเลี่ยมเดินไปเปิดประตูให้กับนักศึกษาคนนั้น
"ไอ้พิมพ์ขอยืมลิขิวหน่อยดิ..กูเซนชื่อผิด ไปเซนตรงชื่อมึงแทน"ไอ้ออโต้สะกิดเรียกฉัน
"ไอ้ออโต้..แล้วมึงไม่มีตารึไงวะ" ในตอนที่ฉันกำลังหันแว๊ด ๆ ใส่เพื่อนที่นั่งข้างอย่างท้อใจกับความเบลอ ๆ ของมัน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยที่มีเรียนเช้า
"พิมพ์ตะวัน ๆ ๆ นี่มันชื่อกู ..ชื่อมึงน่ะอยู่ตรงนี้" ฉันคว้าหัวของไอ้ออโต้และชี้นิ้วไปที่ชื่อมันที่อยู่ด้านบนกับชื่อของฉันที่อยู่คนสุดท้าย พร้อมกับจับหัวมันโขกกับโต๊ะไปหนึ่งที
โป๊ก!!
6นักศึกษา (วิศวะ) ใหม่"โอ๊ย!! ไอ้พิมพ์หัวกู" ออโต้กุมหัวตัวเองก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมฉันคืนแต่ไม่ได้ดึงแรงมาก เหมือนแค่แกล้งกันเล่น"โขกแรง ๆ เนี่ยแหละ มึงจะได้ตื่น!" ฉันกระชากผมมันแล้วดึงซ้ำ ๆ"เฮ ๆ ๆ พวกคุณปีสามกันแล้วนะ!!" อาจารย์วิลเลี่ยมตวาดขึ้นลั่น ทำให้เราสองคนจำต้องหยุดการอาฆาตแค้นต่อกันเพียงเท่านี้"เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ " ท่านตำหนิก่อนจะหันไปคุยกับนักเรียนใหม่ รวมถึงหัวหน้าจากฝ่ายทะเบียนอีกคนในตอนแรกอาจารย์ก็คุยกับนักเรียนใหม่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พอมีฝ่ายทะเบียนเข้ามาด้วย ท่านก็เลยสนทนาเป็นภาษาไทยแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดไทยได้เช่นกัน"เอาจริงวิชาของปีหนึ่งปีสอง เทียบโอนได้หมด แต่วิชาของคณะวิศวะบางตัว ก็ยังมีต้องเก็บอีก" อาจารย์วิลเลี่ยมพูดพร้อมกับเปิดเอกสารการเรียนของนักศึกษาคนนั้นไปพลาง ๆ ซึ่งร่างสูงก็หันหลังให้กับพวกเรา แต่หันหน้าคุยกับอาจารย์ด้วยที่เคร่งเครียด"แต่ที่น่าทึ้งคือ..เรียนบริหารมา แต่ดันทำข้อสอบของคณะวิศวะภาคเหมืองแร่และปิโตรเลียมได้เกือบเต็ม""เพราะขนาดเด็กในคณะวิศวะ ยังสอบผ่านมาได้แค่ ห้าคนเอง" อาจารย์วิลเลี่ยมเม้มปากอย่างช่างใจ เพราะปกติแล้วการย้ายคณะเป็นเรื่องที่ไ
7ความซวยมาเยื่อนถึงที่(มีภาพประกอบ)(เลิกคลาส)"โอเค เดี๋ยวครูจะให้เลิกคลาสก่อนเวลาสามสิบนาทีนะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นถามทุกคนอีกครั้ง"เพราะวันนี้คณะวิศวะเรามีนัดรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม เรื่องการรับน้องปีหนึ่ง" อาจารย์วิลเลี่ยมปิดหนังสือลงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเราทั้งห้าคน"ถ้าจะเข้าวิศวะแค่ย้ายหน่วยกิจอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรับรุ่นด้วย" อาจารย์พูดขึ้นกับเพอร์ซุสก่อนจะกดปิดจอโปรเจคเตอร์ด้วยรีโมท"ทุกคนกลับได้เลย ยกเว้นพิมพ์ตะวัน ครูจะคุยเรื่องงานเด็กทุนปีนี้น่ะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมารอ"งั้นเจอกันหน้าลานรับน้องนะ พวกกูไปดูดบุหรี่ก่อน" อาร์เดลหันมาบอกกับฉัน และใช้หางตามองทางเพอร์ซุสเล็กน้อยก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะลุกจากโต๊ะ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินนำออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่เพอร์ซุสที่ยังคงนั่งเปิดชีทเรียนอ่านไปคร่าว ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายฟุ่บ! แผ่นกระดาษตารางชั่งโมงทุนที่ฉันต้องทำให้กับทางมหาลัย ซึ่งก็จะเป็นพวกกิจกรรมแทบจะทุกกิจกรรมของมหาลัยเลย ไม่ว่าจะจัดเตรียมงานประชุม รับน้อง หรือกีฬาสี เด็
8ทุ่มหมดตัวและหัวใจ(END : พิมพ์ตะวัน) การรวมพลกันของชาววิศวะ ทั้งปีหนึ่ง สอง สามและสี่ผ่านไปได้ด้วยดี รุ่นพี่ก็บอกถึงกำหนดการต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ ไปว่าเดือนไหนจะมีกิจกรรมอะไร และหลังจากสอบเสร็จเราจะมีค่ายรับน้อง (โหด) ที่พวกน้อง ๆ ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะหากใครไม่เข้าร่วม ก็จะไม่ได้รับเกียร์รุ่น(เกียร์ = สัญลักษณ์ตัวแทนของวิศวะ)หลังจากที่รุ่นพี่ได้บอกกฎเกรณ์ประจำคณะของเรา ข้อปฏิบัติต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขันสำคัญ ๆ ของคณะ เสร็จก็ได้แจกกลุ่มไลน์ใหญ่ของทั้งคณะ เพื่อที่เวลามีกิจกรรมอะไรจะมีการแจ้งผ่านไลน์เป็นหลักและอย่างที่รู้กันดีว่า ทุกคณะจะมีการแข่งขันกีฬาภายในมหาลัย ซึ่งทุกคณะจริงจังกันเอามาก ๆ และก็มีเรื่องต่อยตีกันแทบจะทุกปี และน้อยคนมากที่จะย้ายคณะกลางคันแบบเพอร์ซุสแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใจอะไรเลย แถมยังเข้าได้ดีกับพวกสาว ๆ คนอื่นในคณะอีกด้วย"ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความร่วมมือมาชมนุมกันอย่างครบถ้วนในวันนี้" รุ่นพี่ปีสี่เริ่ม ๆ เข้าแถวเรียวกระดาน เป็นอันจบพิธีชุมนุมรุ่นพี่รุ่นน้องในวันแรก"แรดเหลือเกินพ่อคุณ" พิมพ์ตะวันมองไปที่เขาและทำได้แค่ย
9เซอร์ไพรส์(พิมพ์ตะวัน) "ยัยพิ้ง?" ฉันหรี่ตามองตรงไปที่น้องสาวที่กำลังนั่งมาสก์หน้าด้วยโคลนสีเขียว ๆ และหันมาโบกมือทักทายฉันด้วยหน้าระรื่น"มาได้ไงเนี่ย..แล้วเรามีกุญแจห้องพี่ได้ไง?" ฉันแอบตกใจอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ที่พิ้งเคยมาที่ห้องฉัน แต่ไม่คิดว่าพิ้งจะมีกุญแจเปิดเข้ามารอก่อนแบบนี้"พอดีพิ้งเข้าไปขอยืมของในห้องพี่พิมพ์น่ะ ก็เลยบังเอิญเจอกุญแจสำรอง..บวกกับคิดถึงพี่พิมพ์มาก ๆ เลยนั่งรถแท็กซี่มาหา" พิ้งกี้เดินเข้ามาสวมกอดฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรไปเพราะห้องนอนที่บ้าน ยัยพิ้งก็มักจะเข้ามายืมเสื้อผ้าของใช้อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วเพราะความจริงเราสองคนก็ไม่ได้อายุต่างกันมาก ฉันยี่สิบเอ็ดปี ส่วนยัยพิ้งก็สิบเก้าปี"แล้วได้คุณพ่อกับแม่รึยังว่าจะมาหาพี่" ฉันเดินไปวางกระเป๋าลงก่อนจะถอดเสื้อช็อปออกแขวนเอาไว้"พี่พิมพ์! พิ้งอายุสิบเก้าปีจะยี่สิบแล้วนะ..จะไปไหนทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานพ่อกับแม่แล้วไหมอะ?" พิ้งถอนหายใจออกมาก่อนจะเถียงกลับทันที"พิ้งโตมากแล้ว พี่พิมพ์เองก็เหมือนกัน..เลิกทำเหมือนพิ้งเป็นเด็ก ๆ สักทีน่า" เธอพูดก่อนจะเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างที่มาส์กหน้าอยู่ออกโทรศัพท์
10ไม่ซ้ำหน้า@บลูมูนบาร์(หนึ่งในบาร์ชื่อดังหลังมหาลัยอเธน่า)บลูมูนบาร์จะมีสระว่ายน้ำอยู่กลางบาร์ และมีวงดนตรีสดเล่นตลอดทั้งคืน สลับกับการเป็นเพลงแนว EDM ทุก ๆ เที่ยงคืนจะกิจกรรมโยนเหล้าราคาลงไปในสระว่ายน้ำ หากลูกค้าคนไหนที่กระโดดลงไปในสระแล้วงมเหล้าขึ้นมาได้ ก็จะได้เหล้าขวดแพงนั้นไปในทันทีและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือบาร์แห่งนี้เป็นการถือหุ้นรวมกันระหว่างศิษย์เก่าจากคณะวิศวะล้วน ๆ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเราจะนับว่า บลูมูนบาร์คือถิ่นฐาน แต่ก็ไม่ใช่บาร์จะไม่รับคนจากคณะอื่น ๆ เลย เพราะถ้ามีแต่วิศวะมาเที่ยวคงไม่มีสาว ๆ สวย ๆ เต็มบาร์แบบทุกวันนี้แน่"เข้างานมาก็เจอภาพบาดตาบาดใจเลยวะ..พี่มีนาหักอกกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ไอ้ออโต้คล้องคอของฉันเหมือนคนที่ยืนไม่ไหว มันจับที่อกตัวเอง พลางบีบน้ำตา เมื่อเห็นพี่มีนาของตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเพอร์ซุสทั้งสองโยกย้ายไปตามเสียงเพลง ก่อนจะโน้มหน้าจูบนัวกันไปโดยไม่แคร์สายตาของคนรอบ ๆ ที่ซุบซิบนินทากันให้แซด"มึงอย่าเวอร์ได้ไหม..มึงกับพี่เขายังไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ กูเห็นมึงน่ะคุยแต่กับรูปโปสเตอร์หน้าตึกของเขา" ฉันถอนหายใจและมองไปทางเพื่อนตัวเองแบบเอื้อม ๆ"จริง ๆ ม
1เซ็กส์ออนเดอะบีทส์(มีภาพประกอบ)บรื้นน..บรื้น..เสียงมอเตอร์ไซค์สีดำสนิทบิดทะยานฝ่าสายลมกระโชกไปตามเส้นทาง มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองพัทยาดวงตาคมกริบเหลือบมองที่นาฬิกาข้อมือของเธอ ก่อนจะบิดเร่งความเร็วเร่งแซงรถยนต์เกือบทุกคันที่จอดติดอยู่เกือบทั้งหมดบรื้น....บะบรื้นนนนนนน!! เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกลบทุกเสียงบนท้องถนนข้อมือเล็กบิดแฮนด์เร่งเครื่องจนเกือบสุด…หน้าจอดิจิตอลเข็มไมล์ของรถค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ตามแรงบิดเร่งเครื่องของเธอ สายตาของเธอมองตรงไปยังถนนเส้นทางตรงที่ไกลออกไปจาก 90 ทะยานไปถึง 100 และ 120 จนเกือบ ๆ มิด..140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ความเร็วและแรงของรถทำให้ผมสีน้ำตาลแดงของเธอปลิวไปตามแรงลมชุดสีดำรัดรูปทำให้เห็นส่วนโค้งเว้าของเรือนร่างเพรียวบางของพิมพ์ตะวันสะกดทุกสายตาของรถยนต์โดนรอบที่เธอเพิ่งจะขับแซงผ่านมือเล็กกำจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ ใบหน้าของเธอมองตรงขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับท้องถนนบรื้น ๆ ๆ ความเร็วค่อย ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้นแข่งกับเวลา และ เท้ายังคงสับเเปลี่ยนเกียร์ พลางงัดครัชขึ้นเป็นระยะ ๆด้วยความคล่องแคล่วของรถและความชำนาญในการขับขี่ของเธอทำให้เธอสามารถเดินทางมาถึงยันเมือ
2ลูกค้าวีไอพี(มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน)(ไอ้ฝรั่งโรคจิตเอ๊ย) ฉันทำได้แค่นึกด่าคนตรงหน้าไปผ่านทางสายตา แต่ก็ยังคงเลือกที่จะยิ้มตอบกลับไป เพราะยังไงหมอนี้ก็คือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ซึ่งคงไม่มีคนปกติที่ไหนจะจองโต๊ะละ ห้าหมื่นกว่า ๆ มานั่งจิบค็อกเทลชิล ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่พวกลูกคนรวย ที่เหลือกินเหลือใช้เต็มทน"Anything else? (รับอะไรดีไหม?) " ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจในพูดเชิงสองแง่สองง่ามของไอ้หัวทองตรงหน้า และยืนก้มหน้าก้มตาจดรับออเดอร์ต่อไป.."Um..later (อืม..ทีหลังแล้วกัน) " ร่างสูงเสยผมขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อยืดของเขาออกต่อหน้าต่อตาของฉันเต็ม ๆ"ฉันก็เอา..เซ็กส์ออนเดอะบีสเหมือนกัน" นางแบบสาวที่พอมีชื่อคนนั้นกระแทกเมนูปิดลงและยื่นส่งให้กับฉันแทบจะฟาดใส่หน้า"ได้..ค่ะ" ฉันกัดฟันรับเมนูกลับมาและรีบหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปที่บาร์ แต่ทว่า.."ดะ..เดี๋ยวสิ!" เสียงของไอ้ฝรั่งหัวทองนั้นซึ่งดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่าเพราะเขาดูพูดภาษาไทยได้ แม้จะไม่ค่อยชัดก็ตาม"ต้องการอะไร..อีกงั้นเหรอคะ" ฉันหันกลับไปมาตอบเขาเสียงแข็ง ๆ แต่ก็ต้องเติมหางเสียงไปด้วยเพราะยังไงเขาก็คือลูกค้า แทบยัง เป็น VIP อีกต่
3พิมพ์ตะวัน(มีภาพประกอบ) (END : พิมพ์ตะวัน)สิ่งที่ทำให้พิมพ์ตะวันตกใจไม่ใช่เพราะถูกกระชากคอเสื้อ แต่ที่เธอชะงักไปการที่คือ ใบหน้าของเขามันใกล้กับเธอมากจนเกินไป ใกล้ในแบบที่เรียกว่าแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันเลยก็ว่าได้พิมพ์ตะวันตั้งสติเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แล้วค่อย ๆ จับมือหนาของเขาออกจากคอเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ ซึ่งเพอร์ซุสเองก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของเธอ พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียได้ เล็กน้อยพิมพ์ตะวันค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองลำท่อนใต้กางเกงว่ายน้ำสีแดงของเขาแบบชัด ๆ อย่างพินิจพิจารณาอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง"ขอโทษนะ...พอดีว่าฉันไม่ชอบหยิบของสกปรก ๆ เข้าปากน่ะ" พิมพ์ตะวันจ้องหน้าของเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง เพราะสุดจะทนกับลูกค้าไร้มารยาทและวิตถารคนนี้แล้วจริง ๆ"หึ หึ" เพอร์ซุสไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรเลยกับคำตอบของสาวเสิร์ฟปากร้ายตรงหน้าของเขา" PIM TA WAN " เพอร์ซุสหรี่ตามองและอ่านป้ายชื่อของเธอพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง"ถ้าไม่อะไรแล้ว..ขอตัว
10ไม่ซ้ำหน้า@บลูมูนบาร์(หนึ่งในบาร์ชื่อดังหลังมหาลัยอเธน่า)บลูมูนบาร์จะมีสระว่ายน้ำอยู่กลางบาร์ และมีวงดนตรีสดเล่นตลอดทั้งคืน สลับกับการเป็นเพลงแนว EDM ทุก ๆ เที่ยงคืนจะกิจกรรมโยนเหล้าราคาลงไปในสระว่ายน้ำ หากลูกค้าคนไหนที่กระโดดลงไปในสระแล้วงมเหล้าขึ้นมาได้ ก็จะได้เหล้าขวดแพงนั้นไปในทันทีและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือบาร์แห่งนี้เป็นการถือหุ้นรวมกันระหว่างศิษย์เก่าจากคณะวิศวะล้วน ๆ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเราจะนับว่า บลูมูนบาร์คือถิ่นฐาน แต่ก็ไม่ใช่บาร์จะไม่รับคนจากคณะอื่น ๆ เลย เพราะถ้ามีแต่วิศวะมาเที่ยวคงไม่มีสาว ๆ สวย ๆ เต็มบาร์แบบทุกวันนี้แน่"เข้างานมาก็เจอภาพบาดตาบาดใจเลยวะ..พี่มีนาหักอกกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ไอ้ออโต้คล้องคอของฉันเหมือนคนที่ยืนไม่ไหว มันจับที่อกตัวเอง พลางบีบน้ำตา เมื่อเห็นพี่มีนาของตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเพอร์ซุสทั้งสองโยกย้ายไปตามเสียงเพลง ก่อนจะโน้มหน้าจูบนัวกันไปโดยไม่แคร์สายตาของคนรอบ ๆ ที่ซุบซิบนินทากันให้แซด"มึงอย่าเวอร์ได้ไหม..มึงกับพี่เขายังไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ กูเห็นมึงน่ะคุยแต่กับรูปโปสเตอร์หน้าตึกของเขา" ฉันถอนหายใจและมองไปทางเพื่อนตัวเองแบบเอื้อม ๆ"จริง ๆ ม
9เซอร์ไพรส์(พิมพ์ตะวัน) "ยัยพิ้ง?" ฉันหรี่ตามองตรงไปที่น้องสาวที่กำลังนั่งมาสก์หน้าด้วยโคลนสีเขียว ๆ และหันมาโบกมือทักทายฉันด้วยหน้าระรื่น"มาได้ไงเนี่ย..แล้วเรามีกุญแจห้องพี่ได้ไง?" ฉันแอบตกใจอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ที่พิ้งเคยมาที่ห้องฉัน แต่ไม่คิดว่าพิ้งจะมีกุญแจเปิดเข้ามารอก่อนแบบนี้"พอดีพิ้งเข้าไปขอยืมของในห้องพี่พิมพ์น่ะ ก็เลยบังเอิญเจอกุญแจสำรอง..บวกกับคิดถึงพี่พิมพ์มาก ๆ เลยนั่งรถแท็กซี่มาหา" พิ้งกี้เดินเข้ามาสวมกอดฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรไปเพราะห้องนอนที่บ้าน ยัยพิ้งก็มักจะเข้ามายืมเสื้อผ้าของใช้อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วเพราะความจริงเราสองคนก็ไม่ได้อายุต่างกันมาก ฉันยี่สิบเอ็ดปี ส่วนยัยพิ้งก็สิบเก้าปี"แล้วได้คุณพ่อกับแม่รึยังว่าจะมาหาพี่" ฉันเดินไปวางกระเป๋าลงก่อนจะถอดเสื้อช็อปออกแขวนเอาไว้"พี่พิมพ์! พิ้งอายุสิบเก้าปีจะยี่สิบแล้วนะ..จะไปไหนทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานพ่อกับแม่แล้วไหมอะ?" พิ้งถอนหายใจออกมาก่อนจะเถียงกลับทันที"พิ้งโตมากแล้ว พี่พิมพ์เองก็เหมือนกัน..เลิกทำเหมือนพิ้งเป็นเด็ก ๆ สักทีน่า" เธอพูดก่อนจะเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างที่มาส์กหน้าอยู่ออกโทรศัพท์
8ทุ่มหมดตัวและหัวใจ(END : พิมพ์ตะวัน) การรวมพลกันของชาววิศวะ ทั้งปีหนึ่ง สอง สามและสี่ผ่านไปได้ด้วยดี รุ่นพี่ก็บอกถึงกำหนดการต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ ไปว่าเดือนไหนจะมีกิจกรรมอะไร และหลังจากสอบเสร็จเราจะมีค่ายรับน้อง (โหด) ที่พวกน้อง ๆ ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะหากใครไม่เข้าร่วม ก็จะไม่ได้รับเกียร์รุ่น(เกียร์ = สัญลักษณ์ตัวแทนของวิศวะ)หลังจากที่รุ่นพี่ได้บอกกฎเกรณ์ประจำคณะของเรา ข้อปฏิบัติต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขันสำคัญ ๆ ของคณะ เสร็จก็ได้แจกกลุ่มไลน์ใหญ่ของทั้งคณะ เพื่อที่เวลามีกิจกรรมอะไรจะมีการแจ้งผ่านไลน์เป็นหลักและอย่างที่รู้กันดีว่า ทุกคณะจะมีการแข่งขันกีฬาภายในมหาลัย ซึ่งทุกคณะจริงจังกันเอามาก ๆ และก็มีเรื่องต่อยตีกันแทบจะทุกปี และน้อยคนมากที่จะย้ายคณะกลางคันแบบเพอร์ซุสแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใจอะไรเลย แถมยังเข้าได้ดีกับพวกสาว ๆ คนอื่นในคณะอีกด้วย"ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความร่วมมือมาชมนุมกันอย่างครบถ้วนในวันนี้" รุ่นพี่ปีสี่เริ่ม ๆ เข้าแถวเรียวกระดาน เป็นอันจบพิธีชุมนุมรุ่นพี่รุ่นน้องในวันแรก"แรดเหลือเกินพ่อคุณ" พิมพ์ตะวันมองไปที่เขาและทำได้แค่ย
7ความซวยมาเยื่อนถึงที่(มีภาพประกอบ)(เลิกคลาส)"โอเค เดี๋ยวครูจะให้เลิกคลาสก่อนเวลาสามสิบนาทีนะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นถามทุกคนอีกครั้ง"เพราะวันนี้คณะวิศวะเรามีนัดรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม เรื่องการรับน้องปีหนึ่ง" อาจารย์วิลเลี่ยมปิดหนังสือลงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเราทั้งห้าคน"ถ้าจะเข้าวิศวะแค่ย้ายหน่วยกิจอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรับรุ่นด้วย" อาจารย์พูดขึ้นกับเพอร์ซุสก่อนจะกดปิดจอโปรเจคเตอร์ด้วยรีโมท"ทุกคนกลับได้เลย ยกเว้นพิมพ์ตะวัน ครูจะคุยเรื่องงานเด็กทุนปีนี้น่ะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมารอ"งั้นเจอกันหน้าลานรับน้องนะ พวกกูไปดูดบุหรี่ก่อน" อาร์เดลหันมาบอกกับฉัน และใช้หางตามองทางเพอร์ซุสเล็กน้อยก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะลุกจากโต๊ะ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินนำออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่เพอร์ซุสที่ยังคงนั่งเปิดชีทเรียนอ่านไปคร่าว ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายฟุ่บ! แผ่นกระดาษตารางชั่งโมงทุนที่ฉันต้องทำให้กับทางมหาลัย ซึ่งก็จะเป็นพวกกิจกรรมแทบจะทุกกิจกรรมของมหาลัยเลย ไม่ว่าจะจัดเตรียมงานประชุม รับน้อง หรือกีฬาสี เด็
6นักศึกษา (วิศวะ) ใหม่"โอ๊ย!! ไอ้พิมพ์หัวกู" ออโต้กุมหัวตัวเองก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมฉันคืนแต่ไม่ได้ดึงแรงมาก เหมือนแค่แกล้งกันเล่น"โขกแรง ๆ เนี่ยแหละ มึงจะได้ตื่น!" ฉันกระชากผมมันแล้วดึงซ้ำ ๆ"เฮ ๆ ๆ พวกคุณปีสามกันแล้วนะ!!" อาจารย์วิลเลี่ยมตวาดขึ้นลั่น ทำให้เราสองคนจำต้องหยุดการอาฆาตแค้นต่อกันเพียงเท่านี้"เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ " ท่านตำหนิก่อนจะหันไปคุยกับนักเรียนใหม่ รวมถึงหัวหน้าจากฝ่ายทะเบียนอีกคนในตอนแรกอาจารย์ก็คุยกับนักเรียนใหม่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พอมีฝ่ายทะเบียนเข้ามาด้วย ท่านก็เลยสนทนาเป็นภาษาไทยแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดไทยได้เช่นกัน"เอาจริงวิชาของปีหนึ่งปีสอง เทียบโอนได้หมด แต่วิชาของคณะวิศวะบางตัว ก็ยังมีต้องเก็บอีก" อาจารย์วิลเลี่ยมพูดพร้อมกับเปิดเอกสารการเรียนของนักศึกษาคนนั้นไปพลาง ๆ ซึ่งร่างสูงก็หันหลังให้กับพวกเรา แต่หันหน้าคุยกับอาจารย์ด้วยที่เคร่งเครียด"แต่ที่น่าทึ้งคือ..เรียนบริหารมา แต่ดันทำข้อสอบของคณะวิศวะภาคเหมืองแร่และปิโตรเลียมได้เกือบเต็ม""เพราะขนาดเด็กในคณะวิศวะ ยังสอบผ่านมาได้แค่ ห้าคนเอง" อาจารย์วิลเลี่ยมเม้มปากอย่างช่างใจ เพราะปกติแล้วการย้ายคณะเป็นเรื่องที่ไ
5เปิดเทอม (มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน) วันต่อมา"อ้าว..เปิดเทอมแล้วเหรอลูก?" สามีของแม่เอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเช่นค่ะ"ใช่ค่ะคุณพ่อ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับชุดนักศึกษาอีกที"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนมั้ยลูก มื้อเช้าเนี่ยสำคัญนะพิมพ์" ท่านเดินเข้ามาพูดคุยด้วยใบหน้าที่ดูปกติดีทุกอย่าง ราวกับคนละคนกับคนเมื่อคืนเลย"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมหาลัยอยู่ไกลนะคะ..อีกอย่างพิมพ์ต้องรีบจ่ายค่าเช่าหอพักก่อน" ฉันรีบยกมือไหว้คุณพ่อ และหันไปไหว้แม่ของตัวเองที่กำลังเดินจูงมือน้องชายตัวแสบลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านพอดี"พี่พิมพ์ครับ"พัตเตอร์น้องชายตัวเล็กตะโกนเรียกหาฉันลั่น พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันไว้ทันที"พัตเตอร์ไม่อยากให้พี่พิมพ์ไปเรียนเลย...เพราะกว่าพี่พิมพ์จะกลับบ้านก็สองสามอาทิตย์ทีหนึ่งเลย พัตเตอร์เบื่อไม่มีใครสอนทำการบ้านเลย" เจ้าตัวเล็กกระทืบเท้าเบา ๆ และงอแงทันทีที่เห็นฉันใส่ชุดนักศึกษา ซึ่งก็งอแงงแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเข้ามหาลัยแล้วล่ะ"งั้นถ้าพัตมีอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็โทรมาหาพี่สิ เดี๋ยวพี่สอนทางโทรศัพท์ก็ได้" ฉันย่อตัวลงลูบหัวน
4ขออย่าให้เจอกันอีกเลย!!(มีภาพประกอบ) หญิงสาวพยายามกดปลายเท้าให้แตะถึงขอบสระและพยายามดีดตัวเองให้พ้นขึ้นมาหายใจ แต่สิ่งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้มีเพียงแค่มือทั้งสองข้างของเธอเพียงเท่านั้น"ชะช่วยด้วย" พิมพ์ตะวันพึมพำ ๆ ใต้น้ำ"พะ..พ่อขา~" หญิงสาวที่แข็งแกร่งหลับตาลงและนึกถึงแต่หน้าของผู้เป็นพ่อของเธอ..พ่อคนที่เธอไม่มีวันได้พบเจอท่านอีกแล้วในชีวิตนี้และในเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจของเธอใกล้จะหมดลงเต็มที ภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับมาจนเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ใต้น้ำสีฟ้าและแสงไฟจากด้านบนที่ริบหรี่ลงช้า ๆเธอมองเห็นมือของใครบางคนที่ยื่นลงมาจากด้านบน แต่มือเล็ก ๆ ของเธอมันเอื้อมไปไม่ถึงแล้วจริง ๆ ฟองอากาศที่มีค่อย ๆ พ่นออกจากจมูกของเธอร่างบางค่อย ๆ จมลงไปจนเกือบถึงขอบสระที่ลึกเกือบ ๆ สองเมตร ขาทั้งสองข้างของเธอที่ดีดไปมาเริ่มเกร็งและแข็งกร้าวคล้ายเป็นตะคริว มือของเธอพยายามจะแหวกว่ายขึ้นไปแต่มันช่างไกลเหลือเกิน...น้ำคลอรีนทำให้ตาของเธอแสบพร่าจนต้องหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นสระว่ายน้ำใจกลางบาร์สุดหรูแห่งนี้และ...ฟุ่บ!!! มือหนาของใครบางคนกระชากเข้าที่ข้อมือและกระชากเธอขึ้นมาพร้อ
3พิมพ์ตะวัน(มีภาพประกอบ) (END : พิมพ์ตะวัน)สิ่งที่ทำให้พิมพ์ตะวันตกใจไม่ใช่เพราะถูกกระชากคอเสื้อ แต่ที่เธอชะงักไปการที่คือ ใบหน้าของเขามันใกล้กับเธอมากจนเกินไป ใกล้ในแบบที่เรียกว่าแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันเลยก็ว่าได้พิมพ์ตะวันตั้งสติเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แล้วค่อย ๆ จับมือหนาของเขาออกจากคอเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ ซึ่งเพอร์ซุสเองก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของเธอ พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียได้ เล็กน้อยพิมพ์ตะวันค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองลำท่อนใต้กางเกงว่ายน้ำสีแดงของเขาแบบชัด ๆ อย่างพินิจพิจารณาอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง"ขอโทษนะ...พอดีว่าฉันไม่ชอบหยิบของสกปรก ๆ เข้าปากน่ะ" พิมพ์ตะวันจ้องหน้าของเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง เพราะสุดจะทนกับลูกค้าไร้มารยาทและวิตถารคนนี้แล้วจริง ๆ"หึ หึ" เพอร์ซุสไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรเลยกับคำตอบของสาวเสิร์ฟปากร้ายตรงหน้าของเขา" PIM TA WAN " เพอร์ซุสหรี่ตามองและอ่านป้ายชื่อของเธอพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง"ถ้าไม่อะไรแล้ว..ขอตัว
2ลูกค้าวีไอพี(มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน)(ไอ้ฝรั่งโรคจิตเอ๊ย) ฉันทำได้แค่นึกด่าคนตรงหน้าไปผ่านทางสายตา แต่ก็ยังคงเลือกที่จะยิ้มตอบกลับไป เพราะยังไงหมอนี้ก็คือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ซึ่งคงไม่มีคนปกติที่ไหนจะจองโต๊ะละ ห้าหมื่นกว่า ๆ มานั่งจิบค็อกเทลชิล ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่พวกลูกคนรวย ที่เหลือกินเหลือใช้เต็มทน"Anything else? (รับอะไรดีไหม?) " ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจในพูดเชิงสองแง่สองง่ามของไอ้หัวทองตรงหน้า และยืนก้มหน้าก้มตาจดรับออเดอร์ต่อไป.."Um..later (อืม..ทีหลังแล้วกัน) " ร่างสูงเสยผมขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อยืดของเขาออกต่อหน้าต่อตาของฉันเต็ม ๆ"ฉันก็เอา..เซ็กส์ออนเดอะบีสเหมือนกัน" นางแบบสาวที่พอมีชื่อคนนั้นกระแทกเมนูปิดลงและยื่นส่งให้กับฉันแทบจะฟาดใส่หน้า"ได้..ค่ะ" ฉันกัดฟันรับเมนูกลับมาและรีบหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปที่บาร์ แต่ทว่า.."ดะ..เดี๋ยวสิ!" เสียงของไอ้ฝรั่งหัวทองนั้นซึ่งดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่าเพราะเขาดูพูดภาษาไทยได้ แม้จะไม่ค่อยชัดก็ตาม"ต้องการอะไร..อีกงั้นเหรอคะ" ฉันหันกลับไปมาตอบเขาเสียงแข็ง ๆ แต่ก็ต้องเติมหางเสียงไปด้วยเพราะยังไงเขาก็คือลูกค้า แทบยัง เป็น VIP อีกต่