บรื้นน..บรื้น..เสียงมอเตอร์ไซค์สีดำสนิทบิดทะยานฝ่าสายลมกระโชกไปตามเส้นทาง มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองพัทยา
ดวงตาคมกริบเหลือบมองที่นาฬิกาข้อมือของเธอ ก่อนจะบิดเร่งความเร็วเร่งแซงรถยนต์เกือบทุกคันที่จอดติดอยู่เกือบทั้งหมด
บรื้น....บะบรื้นนนนนนน!! เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกลบทุกเสียงบนท้องถนน
ข้อมือเล็กบิดแฮนด์เร่งเครื่องจนเกือบสุด…หน้าจอดิจิตอลเข็มไมล์ของรถค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ตามแรงบิดเร่งเครื่องของเธอ สายตาของเธอมองตรงไปยังถนนเส้นทางตรงที่ไกลออกไป
จาก 90 ทะยานไปถึง 100 และ 120 จนเกือบ ๆ มิด..140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ความเร็วและแรงของรถทำให้ผมสีน้ำตาลแดงของเธอปลิวไปตามแรงลม
ชุดสีดำรัดรูปทำให้เห็นส่วนโค้งเว้าของเรือนร่างเพรียวบางของพิมพ์ตะวันสะกดทุกสายตาของรถยนต์โดนรอบที่เธอเพิ่งจะขับแซงผ่าน
มือเล็กกำจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ ใบหน้าของเธอมองตรงขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับท้องถนน
บรื้น ๆ ๆ ความเร็วค่อย ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้นแข่งกับเวลา และ เท้ายังคงสับเเปลี่ยนเกียร์ พลางงัดครัชขึ้นเป็นระยะ ๆ
ด้วยความคล่องแคล่วของรถและความชำนาญในการขับขี่ของเธอทำให้เธอสามารถเดินทางมาถึงยันเมืองพัทยาได้ในระยะเวลาที่เฉียดชิวกับเวลาเริ่มงานเลยจริง ๆ แต่ทว่าในจังหวะที่ต้องเลี้ยวเข้าซอยทางลัดที่จะไปโผล่หน้าบาร์ริมหาด เธอกลับต้องค่อย ๆ ผ่อนแรงบิดลง
เมื่อดันไปเจอกับรถหรูคันหนึ่งที่ขับกินอยู่กลางเลนถนน ในถนนที่มีแค่สองเลนเท่านั้น
ซึ่งพอเธอบิดจะแซงขวามันก็เบี่ยงมาขวา พอจะไปซ้ายมันก็...มาเบี่ยงซ้ายมาจนแทบจะชน
"เห้ย!!! มันจะเอายังไงกันแน่วะ" เจ้าของใบหน้าสวยตะโกนไล่ตามหลังรถซุปเปอร์คาร์หรูป้ายแดงที่ยังคงขับคร่อมอยู่กลางเลน และทำให้เธอไม่สามารถที่จะแซงขึ้นไปได้สักที หลังจากที่ขับตามกันมาเกือบนาที
((พซ 6002) )
((กรุงเทพมหานคร) )
ปริ๊น ๆ ๆ นิ้วโป้งของเธอเลื่อนขึ้นมากดปุ่มบีบแตรรถแบบเน้น ๆ
"เห๊ย..เลือกสักเลนไหม?" พิมพ์ตะวันเล็งไปที่ป้ายทะเบียนรถอย่างหัวเสียเอามาก ๆ
"นี่ขับรถภาษาอะไรวะ!" พิมพ์ตะวันเปิดหมวกกันน็อกของเธอและตะโกนบอกกับรถคันหรูที่ขับคร่อมเลนอยู่ตรงหน้า แทบยังส่ายไปส่ายมาจนทำให้เธอไม่สามารถจะแซงไปได้สักทีและถ้าเฉี่ยวหรือชนขึ้นมา มีหวังได้ใช้หนี้หัวโตแน่ ๆ
ท่อนแขนแกร่งขยับออกมานอกรถเพื่อเขี่ยบุหรี่ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะขับหลบทางให้เธอเลยสักนิด แถมควันบุหรี่เหม็น ๆ ยังตีเข้าใบหน้าของเธอเรื่อย ๆ จนร่างบางชักจะเริ่มโมโหเต็มทนแล้ว
"นี่นาย!!" เธอตะโกนด่าไปพร้อมกับ กดบีบแตรรัว ๆ ก่อนจะใช้จังหวะที่รถเบี่ยงไปทางซ้ายและบิดเร่งเครื่องแซงไปขนาบข้างและมองหน้าคนขับอย่างเอาเรื่อง
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจ เพราะเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นเลยนอกจากเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ๆ ภายในรถของตัวเอง ปากของเขายังคงคาบบุหรี่และพ่นควันออกมาไม่หยุด
ขณะที่พิมพ์ตะวันขี่รถมาขนาบข้างทำให้ทั้งสองคนหันสบประสานสายตากันและกัน ซึ่งเป็นจังหวะที่อีกฝ่ายตาลอย ๆ เคลิ้ม ๆ เหมือนกับคนเมาอย่างไงอย่างงั้น
".นี่......นายเมาเหรอ?" เธอกัดฟันกร่อนอย่างจะด่าออกไปสุดเสียง แต่ก็ยังคงต้องประคองรถขี่ขนาบคู่ไปเรื่อย ๆ เพื่อหาจังหวะแซงไปให้ได้ เพราะยิ่งเธอเร่งเครื่อง อีกฝ่ายก็เหมือนเหยียบคันเร่งตีแข่งกันไป
"เธอ..ซี้ด...อ่าส์..ว่าไงนะ?" เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่ดูแล้วไม่เหมือนคนไทยเลยสักนิด เขาหันมามองทางพิมพ์ตะวันด้วยท่าทีงุนงง ควันบุหรี่ฟุ้งไปทั่วทั้งรถหรู
"ขับรถดี ๆ น่ะเป็นไหมวะ!!" พิมพ์ตะวันบิดรถไปก็หันไปด่าใส่เขา แต่ก็ยังคงประคองรถเว้นระยะห่างจากกันพอสมควร
"..ซี้ด..ไม่เป็น...อ่าส์...แบบนั้น ๆ !" หนุ่มผมทองสวมแว่นตากันแดดหันมาตอบเธอเพียงเท่านั้น ก่อนจะเอนตัวพิงไปกับเบาะรถ และมีท่าทีแปลก ๆ จะว่าเมาก็เหมือนไม่ใช่..
"นี่นาย!!" ในจังหวะที่พิมพ์ตะวันต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย เธอจึงมองถนนสลับกับคนขับรถที่สุดจะกวนตีนคนนี้ไป..แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงอีกคนที่กำลังนั่งก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตรงหว่างขาของเขาซึ่ง..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า...
"อี๋!! อะ.ไอ้..ไอ้ทุเรศ อุบาทว์! ไอ้..บ้ากาม!." พิมพ์ตะวันที่เห็นแบบนั้นก็รีบหันหน้าหนีและไม่ลืมที่จะตะโกนด่ากลับไปอย่างสุดจะทน
"..จะแซงก็รีบ ๆ แซงไปสิ...จะบีบแตรหาพ่อเธอรึไง!!" เขากัดฟันตอบเหมือนสุดจะทนแล้วเช่นกัน ขณะที่มือยังคงกดหัวของหญิงสาวคนนั้นลงไปเน้น ๆ ๆ
"...." พิมพ์ตะวันอยากจะด่ามากกว่านี้ แต่เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีเวลามากพอจะมาทะเลาะกับคนโรคจิตแบบนี้
เธอจึงรีบบิดรถมอเตอร์ไซค์แซงขึ้นไปอย่างหัวเสียไม่แพ้กัน
บรื้น ๆ ๆ
พิมพ์ตะวันไม่ลืมที่จะยกแขนขึ้นพร้อมกับยื่นชูนิ้วกลางไปทางด้านหลัง ใส่หน้าของ ไอ้หน้าฝรั่งวิตถารเจ้าของรถซูเปอร์คาร์หรูคนนั้น
"ก็ถ้ารีบมาก...ทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวานละวะ!!" อีกฝ่ายเองก็ตะโกนไล่ตามหลังเธอมาติด ๆ เช่นกัน
….
…….
………..
บรื้นนน บรื้นนนน!!
เอี๊ยดดด!! ล้อหน้าค่อย ๆ เลี้ยวเข้าบาร์ริมชายหาดแห่งหนึ่ง หญิงสาวในชุดแจ็กเกตหนังสีดำ ก้าวขาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับถอดหมวกกันน็อกออกและรีบวิ่งตรงเข้าไปในบาร์น้ำ ริมชายหายในทันที
"วันนี้มันซวยอะไรของฉันกันนะ" พิมพ์ตะวันพึมพำ ๆ ก่อนจะสะบัดหัวให้ภาพทุเรศ ๆ นั้นมันหลุดออกไปแต่มันก็..ยากเหลือเกิน
@ NOBODY NO BAR
บาร์ริมชายหาดพัทยาใต้
ในช่วงปิดเทอมนี้พิมพ์ตะวันเลือกที่จะมาทำงานพาร์ทไทม์ที่บาร์นี้ เพราะเธออยากฝึกเป็นบาร์เทนเดอร์ชงเหล้ากับรุ่นพี่ที่สนิทอย่างพี่แอมด้วยเลย
ซึ่งรายได้จากงานพาร์ทไทม์ที่นี่ ถือว่าดีกว่าผับบาร์ในกรุงเทพเกือบ ๆ เท่าตัวเลย
เพราะแขกที่บาร์นี้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติกระเป๋าหนัก และการมาทำงานที่นี่ นอกจากเธอจะได้เรียนรู้การเป็นบาร์เทนเดอร์แบบฟรี ๆ แล้วเธอยังได้ฝึกภาษาไปในตัวอีกด้วย คุ้มซะยิ่งกว่าที่ไหน ๆ
"ห้าโมงครึ่งเป๊ะ ๆ " หญิงสาวมองนาฬิกาตัวเองก่อนจะถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เธอมาทันเวลาเข้างานพอดี เธอรีบวางหมวกกันน็อกก่อนจะรีบเดินไปช่วยพี่ ๆ เสิร์ฟเครื่องดื่มทันที
"พี่นึกว่าแกจะมาไม่ทันซะแล้วนะพิมพ์...วันนี้ลูกค้าโคตรเยอะเลย" บาร์เทนเดอร์สาวเอ่ยทักทายพิมพ์ตะวัน แต่มือของเธอก็เขย่าเหล้าค็อกเทลตามออเดอร์ลูกค้าไม่ได้หยุดพักเลย
"ก็เกือบจะมาไม่ทันแล้วเหมือนกันพี่แอม" ร่างบางบ่นให้รุ่นพี่ฟัง พลางสะบัดหัวซ้ำ ๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองลืมภาพทุเรศ ๆ ออกไปให้ได้ แต่ก็ไม่อยากจะเล่าให้รุ่นพี่ฟังเพราะเห็นเธอกำลังยุ่ง ๆ อยู่
"พี่ว่าวันนี้เด็กเสิร์ฟน่าจะทิปหนัก...โต๊ะ VIP หน้าหาดถูกจองครบทุกโต๊ะเลย" พี่แอมเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางเครื่องดื่มเตรียมใส่ถาดไว้ พร้อมกับป้ายเลขโต๊ะ
"โต๊ะ VIP โต๊ะละห้าหมื่นอะนะพี่แอม...จองครบเลย" พิมพ์ตะวันอ้าปากค้างไปเลยเพราะว่าค่าโต๊ะริมชายหาดที่นี่แพงมาก ๆ แต่วันนี้คนจองเต็มเนี่ยนะ
"อืม..วันนี้ที่บาร์เรามีงานนะ ดีเจสะแน็ก..สะเน็ต..อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ.. พวกดารานางแบบเพียบ" พี่แอมเอ่ยตอบไป มือก็ตัก ตวง ชง ค็อกเทลแก้วต่อ ๆ ไป มือแทบเป็นระวิง
"งั้นพิมพ์ไปเสิร์ฟเลยนะพี่" พิมพ์ตะวันรีบหยิบถาดที่วางเครื่องดื่มและตรงไปเสิร์ฟยังโต๊ะตามออเดอร์เหล่านั้น
โต๊ะ VIP 26
"นี่เธอ..สั่งเครื่องดื่มหน่อย!" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยทักพิมพ์ตะวันจากทางด้านหลัง
"ได้ค่ะคุณผู้หญิง.." คนตัวเล็กหันหน้ากลับขานรับตามเสียงเรียก แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นหน้าคาตากับ ชายหนุ่มผมน้ำตาลทองที่นั่งอยู่ข้างหลังนางแบบสาวสวยคนนี้เอามาก ๆ เลย..
"หึ.." เจ้าของใบหน้าหล่อร้ายถอดแว่นกันแดดสีดำออก พร้อมกับหรี่ตามองทางพิมพ์ตะวันแบบหัวจรดเท้าพลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
"เพอร์ซุส..ยูเอาอะไรดี?" นางแบบสาวในชุดว่ายน้ำสีน้ำเงินหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอเสียงหวาน ๆ ทั้งคู่นั่งมองเมนูอันเดียวกัน
(เดี๋ยวนะ ๆ ไอ้หน้าฝรั่งนี้คงไม่ใช่..) พิมพ์ตะวันยืนกำปากกาในมือแน่นเพราะเธอรู้สึกคุ้นหน้าของผู้ชายคนนี้มาก ๆ และคุ้นมากจนทำให้เธอนึกขึ้นมาได้แล้วว่า..
" Can I have Sex.." เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากเมนูและมองไปที่พิมพ์ตะวันที่ยืนรอจัดเมนูเครื่องดื่มอยู่พอดี
.....
.................
"on the beach" คนเจ้าเล่ห์จ้องเข้าไปในดวงตาที่คมคายของสาวเสิร์ฟผมสีแดงตรงหน้า
และเน้นย้ำในชื่อเมนูค็อกเทลนั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากใส่เธออย่างเจ้าเล่ห์
2ลูกค้าวีไอพี(มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน)(ไอ้ฝรั่งโรคจิตเอ๊ย) ฉันทำได้แค่นึกด่าคนตรงหน้าไปผ่านทางสายตา แต่ก็ยังคงเลือกที่จะยิ้มตอบกลับไป เพราะยังไงหมอนี้ก็คือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ซึ่งคงไม่มีคนปกติที่ไหนจะจองโต๊ะละ ห้าหมื่นกว่า ๆ มานั่งจิบค็อกเทลชิล ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่พวกลูกคนรวย ที่เหลือกินเหลือใช้เต็มทน"Anything else? (รับอะไรดีไหม?) " ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจในพูดเชิงสองแง่สองง่ามของไอ้หัวทองตรงหน้า และยืนก้มหน้าก้มตาจดรับออเดอร์ต่อไป.."Um..later (อืม..ทีหลังแล้วกัน) " ร่างสูงเสยผมขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อยืดของเขาออกต่อหน้าต่อตาของฉันเต็ม ๆ"ฉันก็เอา..เซ็กส์ออนเดอะบีสเหมือนกัน" นางแบบสาวที่พอมีชื่อคนนั้นกระแทกเมนูปิดลงและยื่นส่งให้กับฉันแทบจะฟาดใส่หน้า"ได้..ค่ะ" ฉันกัดฟันรับเมนูกลับมาและรีบหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปที่บาร์ แต่ทว่า.."ดะ..เดี๋ยวสิ!" เสียงของไอ้ฝรั่งหัวทองนั้นซึ่งดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่าเพราะเขาดูพูดภาษาไทยได้ แม้จะไม่ค่อยชัดก็ตาม"ต้องการอะไร..อีกงั้นเหรอคะ" ฉันหันกลับไปมาตอบเขาเสียงแข็ง ๆ แต่ก็ต้องเติมหางเสียงไปด้วยเพราะยังไงเขาก็คือลูกค้า แทบยัง เป็น VIP อีกต่
3พิมพ์ตะวัน(มีภาพประกอบ) (END : พิมพ์ตะวัน)สิ่งที่ทำให้พิมพ์ตะวันตกใจไม่ใช่เพราะถูกกระชากคอเสื้อ แต่ที่เธอชะงักไปการที่คือ ใบหน้าของเขามันใกล้กับเธอมากจนเกินไป ใกล้ในแบบที่เรียกว่าแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันเลยก็ว่าได้พิมพ์ตะวันตั้งสติเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แล้วค่อย ๆ จับมือหนาของเขาออกจากคอเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ ซึ่งเพอร์ซุสเองก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของเธอ พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียได้ เล็กน้อยพิมพ์ตะวันค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองลำท่อนใต้กางเกงว่ายน้ำสีแดงของเขาแบบชัด ๆ อย่างพินิจพิจารณาอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง"ขอโทษนะ...พอดีว่าฉันไม่ชอบหยิบของสกปรก ๆ เข้าปากน่ะ" พิมพ์ตะวันจ้องหน้าของเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง เพราะสุดจะทนกับลูกค้าไร้มารยาทและวิตถารคนนี้แล้วจริง ๆ"หึ หึ" เพอร์ซุสไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรเลยกับคำตอบของสาวเสิร์ฟปากร้ายตรงหน้าของเขา" PIM TA WAN " เพอร์ซุสหรี่ตามองและอ่านป้ายชื่อของเธอพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง"ถ้าไม่อะไรแล้ว..ขอตัว
4ขออย่าให้เจอกันอีกเลย!!(มีภาพประกอบ) หญิงสาวพยายามกดปลายเท้าให้แตะถึงขอบสระและพยายามดีดตัวเองให้พ้นขึ้นมาหายใจ แต่สิ่งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้มีเพียงแค่มือทั้งสองข้างของเธอเพียงเท่านั้น"ชะช่วยด้วย" พิมพ์ตะวันพึมพำ ๆ ใต้น้ำ"พะ..พ่อขา~" หญิงสาวที่แข็งแกร่งหลับตาลงและนึกถึงแต่หน้าของผู้เป็นพ่อของเธอ..พ่อคนที่เธอไม่มีวันได้พบเจอท่านอีกแล้วในชีวิตนี้และในเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจของเธอใกล้จะหมดลงเต็มที ภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับมาจนเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ใต้น้ำสีฟ้าและแสงไฟจากด้านบนที่ริบหรี่ลงช้า ๆเธอมองเห็นมือของใครบางคนที่ยื่นลงมาจากด้านบน แต่มือเล็ก ๆ ของเธอมันเอื้อมไปไม่ถึงแล้วจริง ๆ ฟองอากาศที่มีค่อย ๆ พ่นออกจากจมูกของเธอร่างบางค่อย ๆ จมลงไปจนเกือบถึงขอบสระที่ลึกเกือบ ๆ สองเมตร ขาทั้งสองข้างของเธอที่ดีดไปมาเริ่มเกร็งและแข็งกร้าวคล้ายเป็นตะคริว มือของเธอพยายามจะแหวกว่ายขึ้นไปแต่มันช่างไกลเหลือเกิน...น้ำคลอรีนทำให้ตาของเธอแสบพร่าจนต้องหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นสระว่ายน้ำใจกลางบาร์สุดหรูแห่งนี้และ...ฟุ่บ!!! มือหนาของใครบางคนกระชากเข้าที่ข้อมือและกระชากเธอขึ้นมาพร้อ
5เปิดเทอม (มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน) วันต่อมา"อ้าว..เปิดเทอมแล้วเหรอลูก?" สามีของแม่เอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเช่นค่ะ"ใช่ค่ะคุณพ่อ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับชุดนักศึกษาอีกที"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนมั้ยลูก มื้อเช้าเนี่ยสำคัญนะพิมพ์" ท่านเดินเข้ามาพูดคุยด้วยใบหน้าที่ดูปกติดีทุกอย่าง ราวกับคนละคนกับคนเมื่อคืนเลย"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมหาลัยอยู่ไกลนะคะ..อีกอย่างพิมพ์ต้องรีบจ่ายค่าเช่าหอพักก่อน" ฉันรีบยกมือไหว้คุณพ่อ และหันไปไหว้แม่ของตัวเองที่กำลังเดินจูงมือน้องชายตัวแสบลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านพอดี"พี่พิมพ์ครับ"พัตเตอร์น้องชายตัวเล็กตะโกนเรียกหาฉันลั่น พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันไว้ทันที"พัตเตอร์ไม่อยากให้พี่พิมพ์ไปเรียนเลย...เพราะกว่าพี่พิมพ์จะกลับบ้านก็สองสามอาทิตย์ทีหนึ่งเลย พัตเตอร์เบื่อไม่มีใครสอนทำการบ้านเลย" เจ้าตัวเล็กกระทืบเท้าเบา ๆ และงอแงทันทีที่เห็นฉันใส่ชุดนักศึกษา ซึ่งก็งอแงงแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเข้ามหาลัยแล้วล่ะ"งั้นถ้าพัตมีอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็โทรมาหาพี่สิ เดี๋ยวพี่สอนทางโทรศัพท์ก็ได้" ฉันย่อตัวลงลูบหัวน
6นักศึกษา (วิศวะ) ใหม่"โอ๊ย!! ไอ้พิมพ์หัวกู" ออโต้กุมหัวตัวเองก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมฉันคืนแต่ไม่ได้ดึงแรงมาก เหมือนแค่แกล้งกันเล่น"โขกแรง ๆ เนี่ยแหละ มึงจะได้ตื่น!" ฉันกระชากผมมันแล้วดึงซ้ำ ๆ"เฮ ๆ ๆ พวกคุณปีสามกันแล้วนะ!!" อาจารย์วิลเลี่ยมตวาดขึ้นลั่น ทำให้เราสองคนจำต้องหยุดการอาฆาตแค้นต่อกันเพียงเท่านี้"เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ " ท่านตำหนิก่อนจะหันไปคุยกับนักเรียนใหม่ รวมถึงหัวหน้าจากฝ่ายทะเบียนอีกคนในตอนแรกอาจารย์ก็คุยกับนักเรียนใหม่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พอมีฝ่ายทะเบียนเข้ามาด้วย ท่านก็เลยสนทนาเป็นภาษาไทยแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดไทยได้เช่นกัน"เอาจริงวิชาของปีหนึ่งปีสอง เทียบโอนได้หมด แต่วิชาของคณะวิศวะบางตัว ก็ยังมีต้องเก็บอีก" อาจารย์วิลเลี่ยมพูดพร้อมกับเปิดเอกสารการเรียนของนักศึกษาคนนั้นไปพลาง ๆ ซึ่งร่างสูงก็หันหลังให้กับพวกเรา แต่หันหน้าคุยกับอาจารย์ด้วยที่เคร่งเครียด"แต่ที่น่าทึ้งคือ..เรียนบริหารมา แต่ดันทำข้อสอบของคณะวิศวะภาคเหมืองแร่และปิโตรเลียมได้เกือบเต็ม""เพราะขนาดเด็กในคณะวิศวะ ยังสอบผ่านมาได้แค่ ห้าคนเอง" อาจารย์วิลเลี่ยมเม้มปากอย่างช่างใจ เพราะปกติแล้วการย้ายคณะเป็นเรื่องที่ไ
7ความซวยมาเยื่อนถึงที่(มีภาพประกอบ)(เลิกคลาส)"โอเค เดี๋ยวครูจะให้เลิกคลาสก่อนเวลาสามสิบนาทีนะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นถามทุกคนอีกครั้ง"เพราะวันนี้คณะวิศวะเรามีนัดรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม เรื่องการรับน้องปีหนึ่ง" อาจารย์วิลเลี่ยมปิดหนังสือลงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเราทั้งห้าคน"ถ้าจะเข้าวิศวะแค่ย้ายหน่วยกิจอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรับรุ่นด้วย" อาจารย์พูดขึ้นกับเพอร์ซุสก่อนจะกดปิดจอโปรเจคเตอร์ด้วยรีโมท"ทุกคนกลับได้เลย ยกเว้นพิมพ์ตะวัน ครูจะคุยเรื่องงานเด็กทุนปีนี้น่ะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมารอ"งั้นเจอกันหน้าลานรับน้องนะ พวกกูไปดูดบุหรี่ก่อน" อาร์เดลหันมาบอกกับฉัน และใช้หางตามองทางเพอร์ซุสเล็กน้อยก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะลุกจากโต๊ะ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินนำออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่เพอร์ซุสที่ยังคงนั่งเปิดชีทเรียนอ่านไปคร่าว ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายฟุ่บ! แผ่นกระดาษตารางชั่งโมงทุนที่ฉันต้องทำให้กับทางมหาลัย ซึ่งก็จะเป็นพวกกิจกรรมแทบจะทุกกิจกรรมของมหาลัยเลย ไม่ว่าจะจัดเตรียมงานประชุม รับน้อง หรือกีฬาสี เด็
8ทุ่มหมดตัวและหัวใจ(END : พิมพ์ตะวัน) การรวมพลกันของชาววิศวะ ทั้งปีหนึ่ง สอง สามและสี่ผ่านไปได้ด้วยดี รุ่นพี่ก็บอกถึงกำหนดการต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ ไปว่าเดือนไหนจะมีกิจกรรมอะไร และหลังจากสอบเสร็จเราจะมีค่ายรับน้อง (โหด) ที่พวกน้อง ๆ ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะหากใครไม่เข้าร่วม ก็จะไม่ได้รับเกียร์รุ่น(เกียร์ = สัญลักษณ์ตัวแทนของวิศวะ)หลังจากที่รุ่นพี่ได้บอกกฎเกรณ์ประจำคณะของเรา ข้อปฏิบัติต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขันสำคัญ ๆ ของคณะ เสร็จก็ได้แจกกลุ่มไลน์ใหญ่ของทั้งคณะ เพื่อที่เวลามีกิจกรรมอะไรจะมีการแจ้งผ่านไลน์เป็นหลักและอย่างที่รู้กันดีว่า ทุกคณะจะมีการแข่งขันกีฬาภายในมหาลัย ซึ่งทุกคณะจริงจังกันเอามาก ๆ และก็มีเรื่องต่อยตีกันแทบจะทุกปี และน้อยคนมากที่จะย้ายคณะกลางคันแบบเพอร์ซุสแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใจอะไรเลย แถมยังเข้าได้ดีกับพวกสาว ๆ คนอื่นในคณะอีกด้วย"ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความร่วมมือมาชมนุมกันอย่างครบถ้วนในวันนี้" รุ่นพี่ปีสี่เริ่ม ๆ เข้าแถวเรียวกระดาน เป็นอันจบพิธีชุมนุมรุ่นพี่รุ่นน้องในวันแรก"แรดเหลือเกินพ่อคุณ" พิมพ์ตะวันมองไปที่เขาและทำได้แค่ย
9เซอร์ไพรส์(พิมพ์ตะวัน) "ยัยพิ้ง?" ฉันหรี่ตามองตรงไปที่น้องสาวที่กำลังนั่งมาสก์หน้าด้วยโคลนสีเขียว ๆ และหันมาโบกมือทักทายฉันด้วยหน้าระรื่น"มาได้ไงเนี่ย..แล้วเรามีกุญแจห้องพี่ได้ไง?" ฉันแอบตกใจอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ที่พิ้งเคยมาที่ห้องฉัน แต่ไม่คิดว่าพิ้งจะมีกุญแจเปิดเข้ามารอก่อนแบบนี้"พอดีพิ้งเข้าไปขอยืมของในห้องพี่พิมพ์น่ะ ก็เลยบังเอิญเจอกุญแจสำรอง..บวกกับคิดถึงพี่พิมพ์มาก ๆ เลยนั่งรถแท็กซี่มาหา" พิ้งกี้เดินเข้ามาสวมกอดฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรไปเพราะห้องนอนที่บ้าน ยัยพิ้งก็มักจะเข้ามายืมเสื้อผ้าของใช้อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วเพราะความจริงเราสองคนก็ไม่ได้อายุต่างกันมาก ฉันยี่สิบเอ็ดปี ส่วนยัยพิ้งก็สิบเก้าปี"แล้วได้คุณพ่อกับแม่รึยังว่าจะมาหาพี่" ฉันเดินไปวางกระเป๋าลงก่อนจะถอดเสื้อช็อปออกแขวนเอาไว้"พี่พิมพ์! พิ้งอายุสิบเก้าปีจะยี่สิบแล้วนะ..จะไปไหนทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานพ่อกับแม่แล้วไหมอะ?" พิ้งถอนหายใจออกมาก่อนจะเถียงกลับทันที"พิ้งโตมากแล้ว พี่พิมพ์เองก็เหมือนกัน..เลิกทำเหมือนพิ้งเป็นเด็ก ๆ สักทีน่า" เธอพูดก่อนจะเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างที่มาส์กหน้าอยู่ออกโทรศัพท์
10ไม่ซ้ำหน้า@บลูมูนบาร์(หนึ่งในบาร์ชื่อดังหลังมหาลัยอเธน่า)บลูมูนบาร์จะมีสระว่ายน้ำอยู่กลางบาร์ และมีวงดนตรีสดเล่นตลอดทั้งคืน สลับกับการเป็นเพลงแนว EDM ทุก ๆ เที่ยงคืนจะกิจกรรมโยนเหล้าราคาลงไปในสระว่ายน้ำ หากลูกค้าคนไหนที่กระโดดลงไปในสระแล้วงมเหล้าขึ้นมาได้ ก็จะได้เหล้าขวดแพงนั้นไปในทันทีและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือบาร์แห่งนี้เป็นการถือหุ้นรวมกันระหว่างศิษย์เก่าจากคณะวิศวะล้วน ๆ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเราจะนับว่า บลูมูนบาร์คือถิ่นฐาน แต่ก็ไม่ใช่บาร์จะไม่รับคนจากคณะอื่น ๆ เลย เพราะถ้ามีแต่วิศวะมาเที่ยวคงไม่มีสาว ๆ สวย ๆ เต็มบาร์แบบทุกวันนี้แน่"เข้างานมาก็เจอภาพบาดตาบาดใจเลยวะ..พี่มีนาหักอกกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ไอ้ออโต้คล้องคอของฉันเหมือนคนที่ยืนไม่ไหว มันจับที่อกตัวเอง พลางบีบน้ำตา เมื่อเห็นพี่มีนาของตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเพอร์ซุสทั้งสองโยกย้ายไปตามเสียงเพลง ก่อนจะโน้มหน้าจูบนัวกันไปโดยไม่แคร์สายตาของคนรอบ ๆ ที่ซุบซิบนินทากันให้แซด"มึงอย่าเวอร์ได้ไหม..มึงกับพี่เขายังไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ กูเห็นมึงน่ะคุยแต่กับรูปโปสเตอร์หน้าตึกของเขา" ฉันถอนหายใจและมองไปทางเพื่อนตัวเองแบบเอื้อม ๆ"จริง ๆ ม
9เซอร์ไพรส์(พิมพ์ตะวัน) "ยัยพิ้ง?" ฉันหรี่ตามองตรงไปที่น้องสาวที่กำลังนั่งมาสก์หน้าด้วยโคลนสีเขียว ๆ และหันมาโบกมือทักทายฉันด้วยหน้าระรื่น"มาได้ไงเนี่ย..แล้วเรามีกุญแจห้องพี่ได้ไง?" ฉันแอบตกใจอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ที่พิ้งเคยมาที่ห้องฉัน แต่ไม่คิดว่าพิ้งจะมีกุญแจเปิดเข้ามารอก่อนแบบนี้"พอดีพิ้งเข้าไปขอยืมของในห้องพี่พิมพ์น่ะ ก็เลยบังเอิญเจอกุญแจสำรอง..บวกกับคิดถึงพี่พิมพ์มาก ๆ เลยนั่งรถแท็กซี่มาหา" พิ้งกี้เดินเข้ามาสวมกอดฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรไปเพราะห้องนอนที่บ้าน ยัยพิ้งก็มักจะเข้ามายืมเสื้อผ้าของใช้อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วเพราะความจริงเราสองคนก็ไม่ได้อายุต่างกันมาก ฉันยี่สิบเอ็ดปี ส่วนยัยพิ้งก็สิบเก้าปี"แล้วได้คุณพ่อกับแม่รึยังว่าจะมาหาพี่" ฉันเดินไปวางกระเป๋าลงก่อนจะถอดเสื้อช็อปออกแขวนเอาไว้"พี่พิมพ์! พิ้งอายุสิบเก้าปีจะยี่สิบแล้วนะ..จะไปไหนทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานพ่อกับแม่แล้วไหมอะ?" พิ้งถอนหายใจออกมาก่อนจะเถียงกลับทันที"พิ้งโตมากแล้ว พี่พิมพ์เองก็เหมือนกัน..เลิกทำเหมือนพิ้งเป็นเด็ก ๆ สักทีน่า" เธอพูดก่อนจะเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างที่มาส์กหน้าอยู่ออกโทรศัพท์
8ทุ่มหมดตัวและหัวใจ(END : พิมพ์ตะวัน) การรวมพลกันของชาววิศวะ ทั้งปีหนึ่ง สอง สามและสี่ผ่านไปได้ด้วยดี รุ่นพี่ก็บอกถึงกำหนดการต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ ไปว่าเดือนไหนจะมีกิจกรรมอะไร และหลังจากสอบเสร็จเราจะมีค่ายรับน้อง (โหด) ที่พวกน้อง ๆ ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะหากใครไม่เข้าร่วม ก็จะไม่ได้รับเกียร์รุ่น(เกียร์ = สัญลักษณ์ตัวแทนของวิศวะ)หลังจากที่รุ่นพี่ได้บอกกฎเกรณ์ประจำคณะของเรา ข้อปฏิบัติต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขันสำคัญ ๆ ของคณะ เสร็จก็ได้แจกกลุ่มไลน์ใหญ่ของทั้งคณะ เพื่อที่เวลามีกิจกรรมอะไรจะมีการแจ้งผ่านไลน์เป็นหลักและอย่างที่รู้กันดีว่า ทุกคณะจะมีการแข่งขันกีฬาภายในมหาลัย ซึ่งทุกคณะจริงจังกันเอามาก ๆ และก็มีเรื่องต่อยตีกันแทบจะทุกปี และน้อยคนมากที่จะย้ายคณะกลางคันแบบเพอร์ซุสแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใจอะไรเลย แถมยังเข้าได้ดีกับพวกสาว ๆ คนอื่นในคณะอีกด้วย"ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้ความร่วมมือมาชมนุมกันอย่างครบถ้วนในวันนี้" รุ่นพี่ปีสี่เริ่ม ๆ เข้าแถวเรียวกระดาน เป็นอันจบพิธีชุมนุมรุ่นพี่รุ่นน้องในวันแรก"แรดเหลือเกินพ่อคุณ" พิมพ์ตะวันมองไปที่เขาและทำได้แค่ย
7ความซวยมาเยื่อนถึงที่(มีภาพประกอบ)(เลิกคลาส)"โอเค เดี๋ยวครูจะให้เลิกคลาสก่อนเวลาสามสิบนาทีนะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นถามทุกคนอีกครั้ง"เพราะวันนี้คณะวิศวะเรามีนัดรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม เรื่องการรับน้องปีหนึ่ง" อาจารย์วิลเลี่ยมปิดหนังสือลงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเราทั้งห้าคน"ถ้าจะเข้าวิศวะแค่ย้ายหน่วยกิจอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรับรุ่นด้วย" อาจารย์พูดขึ้นกับเพอร์ซุสก่อนจะกดปิดจอโปรเจคเตอร์ด้วยรีโมท"ทุกคนกลับได้เลย ยกเว้นพิมพ์ตะวัน ครูจะคุยเรื่องงานเด็กทุนปีนี้น่ะ" อาจารย์วิลเลี่ยมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมารอ"งั้นเจอกันหน้าลานรับน้องนะ พวกกูไปดูดบุหรี่ก่อน" อาร์เดลหันมาบอกกับฉัน และใช้หางตามองทางเพอร์ซุสเล็กน้อยก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะลุกจากโต๊ะ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินนำออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่เพอร์ซุสที่ยังคงนั่งเปิดชีทเรียนอ่านไปคร่าว ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายฟุ่บ! แผ่นกระดาษตารางชั่งโมงทุนที่ฉันต้องทำให้กับทางมหาลัย ซึ่งก็จะเป็นพวกกิจกรรมแทบจะทุกกิจกรรมของมหาลัยเลย ไม่ว่าจะจัดเตรียมงานประชุม รับน้อง หรือกีฬาสี เด็
6นักศึกษา (วิศวะ) ใหม่"โอ๊ย!! ไอ้พิมพ์หัวกู" ออโต้กุมหัวตัวเองก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมฉันคืนแต่ไม่ได้ดึงแรงมาก เหมือนแค่แกล้งกันเล่น"โขกแรง ๆ เนี่ยแหละ มึงจะได้ตื่น!" ฉันกระชากผมมันแล้วดึงซ้ำ ๆ"เฮ ๆ ๆ พวกคุณปีสามกันแล้วนะ!!" อาจารย์วิลเลี่ยมตวาดขึ้นลั่น ทำให้เราสองคนจำต้องหยุดการอาฆาตแค้นต่อกันเพียงเท่านี้"เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ " ท่านตำหนิก่อนจะหันไปคุยกับนักเรียนใหม่ รวมถึงหัวหน้าจากฝ่ายทะเบียนอีกคนในตอนแรกอาจารย์ก็คุยกับนักเรียนใหม่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พอมีฝ่ายทะเบียนเข้ามาด้วย ท่านก็เลยสนทนาเป็นภาษาไทยแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดไทยได้เช่นกัน"เอาจริงวิชาของปีหนึ่งปีสอง เทียบโอนได้หมด แต่วิชาของคณะวิศวะบางตัว ก็ยังมีต้องเก็บอีก" อาจารย์วิลเลี่ยมพูดพร้อมกับเปิดเอกสารการเรียนของนักศึกษาคนนั้นไปพลาง ๆ ซึ่งร่างสูงก็หันหลังให้กับพวกเรา แต่หันหน้าคุยกับอาจารย์ด้วยที่เคร่งเครียด"แต่ที่น่าทึ้งคือ..เรียนบริหารมา แต่ดันทำข้อสอบของคณะวิศวะภาคเหมืองแร่และปิโตรเลียมได้เกือบเต็ม""เพราะขนาดเด็กในคณะวิศวะ ยังสอบผ่านมาได้แค่ ห้าคนเอง" อาจารย์วิลเลี่ยมเม้มปากอย่างช่างใจ เพราะปกติแล้วการย้ายคณะเป็นเรื่องที่ไ
5เปิดเทอม (มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน) วันต่อมา"อ้าว..เปิดเทอมแล้วเหรอลูก?" สามีของแม่เอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเช่นค่ะ"ใช่ค่ะคุณพ่อ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับชุดนักศึกษาอีกที"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนมั้ยลูก มื้อเช้าเนี่ยสำคัญนะพิมพ์" ท่านเดินเข้ามาพูดคุยด้วยใบหน้าที่ดูปกติดีทุกอย่าง ราวกับคนละคนกับคนเมื่อคืนเลย"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมหาลัยอยู่ไกลนะคะ..อีกอย่างพิมพ์ต้องรีบจ่ายค่าเช่าหอพักก่อน" ฉันรีบยกมือไหว้คุณพ่อ และหันไปไหว้แม่ของตัวเองที่กำลังเดินจูงมือน้องชายตัวแสบลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านพอดี"พี่พิมพ์ครับ"พัตเตอร์น้องชายตัวเล็กตะโกนเรียกหาฉันลั่น พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันไว้ทันที"พัตเตอร์ไม่อยากให้พี่พิมพ์ไปเรียนเลย...เพราะกว่าพี่พิมพ์จะกลับบ้านก็สองสามอาทิตย์ทีหนึ่งเลย พัตเตอร์เบื่อไม่มีใครสอนทำการบ้านเลย" เจ้าตัวเล็กกระทืบเท้าเบา ๆ และงอแงทันทีที่เห็นฉันใส่ชุดนักศึกษา ซึ่งก็งอแงงแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเข้ามหาลัยแล้วล่ะ"งั้นถ้าพัตมีอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็โทรมาหาพี่สิ เดี๋ยวพี่สอนทางโทรศัพท์ก็ได้" ฉันย่อตัวลงลูบหัวน
4ขออย่าให้เจอกันอีกเลย!!(มีภาพประกอบ) หญิงสาวพยายามกดปลายเท้าให้แตะถึงขอบสระและพยายามดีดตัวเองให้พ้นขึ้นมาหายใจ แต่สิ่งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้มีเพียงแค่มือทั้งสองข้างของเธอเพียงเท่านั้น"ชะช่วยด้วย" พิมพ์ตะวันพึมพำ ๆ ใต้น้ำ"พะ..พ่อขา~" หญิงสาวที่แข็งแกร่งหลับตาลงและนึกถึงแต่หน้าของผู้เป็นพ่อของเธอ..พ่อคนที่เธอไม่มีวันได้พบเจอท่านอีกแล้วในชีวิตนี้และในเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจของเธอใกล้จะหมดลงเต็มที ภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับมาจนเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ใต้น้ำสีฟ้าและแสงไฟจากด้านบนที่ริบหรี่ลงช้า ๆเธอมองเห็นมือของใครบางคนที่ยื่นลงมาจากด้านบน แต่มือเล็ก ๆ ของเธอมันเอื้อมไปไม่ถึงแล้วจริง ๆ ฟองอากาศที่มีค่อย ๆ พ่นออกจากจมูกของเธอร่างบางค่อย ๆ จมลงไปจนเกือบถึงขอบสระที่ลึกเกือบ ๆ สองเมตร ขาทั้งสองข้างของเธอที่ดีดไปมาเริ่มเกร็งและแข็งกร้าวคล้ายเป็นตะคริว มือของเธอพยายามจะแหวกว่ายขึ้นไปแต่มันช่างไกลเหลือเกิน...น้ำคลอรีนทำให้ตาของเธอแสบพร่าจนต้องหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นสระว่ายน้ำใจกลางบาร์สุดหรูแห่งนี้และ...ฟุ่บ!!! มือหนาของใครบางคนกระชากเข้าที่ข้อมือและกระชากเธอขึ้นมาพร้อ
3พิมพ์ตะวัน(มีภาพประกอบ) (END : พิมพ์ตะวัน)สิ่งที่ทำให้พิมพ์ตะวันตกใจไม่ใช่เพราะถูกกระชากคอเสื้อ แต่ที่เธอชะงักไปการที่คือ ใบหน้าของเขามันใกล้กับเธอมากจนเกินไป ใกล้ในแบบที่เรียกว่าแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันเลยก็ว่าได้พิมพ์ตะวันตั้งสติเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แล้วค่อย ๆ จับมือหนาของเขาออกจากคอเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ ซึ่งเพอร์ซุสเองก็ปล่อยมือจากคอเสื้อของเธอ พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียได้ เล็กน้อยพิมพ์ตะวันค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองลำท่อนใต้กางเกงว่ายน้ำสีแดงของเขาแบบชัด ๆ อย่างพินิจพิจารณาอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง"ขอโทษนะ...พอดีว่าฉันไม่ชอบหยิบของสกปรก ๆ เข้าปากน่ะ" พิมพ์ตะวันจ้องหน้าของเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง เพราะสุดจะทนกับลูกค้าไร้มารยาทและวิตถารคนนี้แล้วจริง ๆ"หึ หึ" เพอร์ซุสไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรเลยกับคำตอบของสาวเสิร์ฟปากร้ายตรงหน้าของเขา" PIM TA WAN " เพอร์ซุสหรี่ตามองและอ่านป้ายชื่อของเธอพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง"ถ้าไม่อะไรแล้ว..ขอตัว
2ลูกค้าวีไอพี(มีภาพประกอบ)(พิมพ์ตะวัน)(ไอ้ฝรั่งโรคจิตเอ๊ย) ฉันทำได้แค่นึกด่าคนตรงหน้าไปผ่านทางสายตา แต่ก็ยังคงเลือกที่จะยิ้มตอบกลับไป เพราะยังไงหมอนี้ก็คือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ซึ่งคงไม่มีคนปกติที่ไหนจะจองโต๊ะละ ห้าหมื่นกว่า ๆ มานั่งจิบค็อกเทลชิล ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่พวกลูกคนรวย ที่เหลือกินเหลือใช้เต็มทน"Anything else? (รับอะไรดีไหม?) " ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจในพูดเชิงสองแง่สองง่ามของไอ้หัวทองตรงหน้า และยืนก้มหน้าก้มตาจดรับออเดอร์ต่อไป.."Um..later (อืม..ทีหลังแล้วกัน) " ร่างสูงเสยผมขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อยืดของเขาออกต่อหน้าต่อตาของฉันเต็ม ๆ"ฉันก็เอา..เซ็กส์ออนเดอะบีสเหมือนกัน" นางแบบสาวที่พอมีชื่อคนนั้นกระแทกเมนูปิดลงและยื่นส่งให้กับฉันแทบจะฟาดใส่หน้า"ได้..ค่ะ" ฉันกัดฟันรับเมนูกลับมาและรีบหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปที่บาร์ แต่ทว่า.."ดะ..เดี๋ยวสิ!" เสียงของไอ้ฝรั่งหัวทองนั้นซึ่งดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่าเพราะเขาดูพูดภาษาไทยได้ แม้จะไม่ค่อยชัดก็ตาม"ต้องการอะไร..อีกงั้นเหรอคะ" ฉันหันกลับไปมาตอบเขาเสียงแข็ง ๆ แต่ก็ต้องเติมหางเสียงไปด้วยเพราะยังไงเขาก็คือลูกค้า แทบยัง เป็น VIP อีกต่