คืนนั้นหลังจากที่แพรววามาส่งนับดาวที่หน้าบ้านเด็กสาวก็เดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุขและก็พบว่าแม่ปรานียังคงนั่งรอเธอกลับมาจากที่ทำงานเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กสาวเดินเข้าไปกอดมารดาด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ
“ไม่ยอมนอนอีกแล้วนะคะ”
น้ำเสียงสดใสร่าเริงของนับดาวแซวปรานีอย่างต้องการหยอกล้อผู้เป็นมารดา ปรานีกอดตอบลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะกว่าลูกสาวจะเลิกงานก็ปาไปตีหนึ่งเศษ เรื่องการทำงานที่สถานบันเทิงของนับดาวเธอคัดค้านตั้งแต่ครั้งแรกที่เด็กสาวไปสมัครงาน แต่ด้วยเหตุผลที่ทั้งบ้านไม่มีเงินพอที่จะส่งเสียนับดาวให้เรียนต่อสูง ๆ ในระดับมหาวิทยาลัย
และเธอเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะทำให้ปรานีต้องยอมที่จะให้นับดาวไปทำงานในสถานที่อโคจรแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ห่วงแสนห่วง แต่แพรววาก็ได้ให้สัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของเธอให้ดีที่สุดมันก็ทำให้เธอวางใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสองเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลยสักครั้งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
“อยากเห็นหนูกลับเข้าบ้านมาก่อนถึงจะหลับลง”
แววตาของนับดาวหม่นแสงลงเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินประโยคที่ชวนเศร้าใจก่อนที่ดวงตากลมโตของเด็กสาวจะกลับมาสดใสร่าเริงเช่นเดิม มือที่กอดมารดาเอาไว้กระชับกอดแน่นขึ้นมากกว่าเดิมความรู้สึกอบอุ่นพลันแล่นไปทั่วสรรพางค์กาย หัวใจที่หม่นเศร้าชั่วครู่คล้ายถูกเติมเต็มด้วยความสุขที่ไม่สามารถประเมินค่าออกมาได้
“ไม่ต้องรอทุกวันก็ได้ค่ะ วันไหนง่วงแม่ก็นอนเลยนับดาวสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
นับดาวบอกมารดาให้คลายใจก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนบ้านแล้วแยกย้ายกันเข้าห้องนอน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนับดาวก็ล้มตัวลงนอนด้วยความสุข ใบหน้าของเก้าทัพยามที่กำลังเดินออกไปจากผับลอยเด่นขึ้นมาในมโนสำนึกก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม มือบางคว้าตุ๊กตามานอนกอดและค่อย ๆ หลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราที่ฝันดีตลอดทั้งคืน
คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก
“วันนี้ทำไมน้องเก้าตื่นแต่เช้าเชียว” ที่รักที่เดินเข้ามาในครัวมองลูกชายที่กำลังนั่งปั้นแป้งด้วยความตั้งใจ สองมือเต็มไปด้วยแป้งทำขนมเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นมารดาได้เป็นอย่างดี ตอนเด็ก ๆ เก้าทัพค่อนข้างใจร้อนด้วยเหตุนี้พี่หมอกฤษฎิ์จึงส่งเด็กชายตัวน้อยไปเรียนทำขนมกับคุณยาย มันเลยทำให้เก้าทัพกลายเป็นคนที่มีความอดทน ละเมียดละไม และใจเย็นขึ้นมาก
เย็นจนถึงขั้นที่ว่าเย็นชากับผู้หญิงแทบทุกคนยกเว้นกับเธอผู้เป็นมารดา แก้มใสพี่สาว และลูกพี่ลูกน้องอย่างน้องเกรซ รวมไปถึงกอหญ้าหลานสาวและน้องเพลง เพียงฝันลูกสาวคนเล็กของคุณหมอเพลิงกัลป์ที่ค่อนข้างสนิทกับบ้านของเธอ
“ตื่นมาทำขนมบัวลอยไข่หวานให้คุณแม่ที่รักก่อนจะกลับคอนโดครับ”
รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ผู้เป็นมารดาอย่างออดอ้อนก่อนที่ที่รักจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายแล้วช่วยลูกชายปั้นขนมบัวลอยกันสองคนแม่ลูกอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าภายนอกเก้าทัพจะเย็นชาไร้ความรู้สึกกับผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับมารดาที่เขารักสุดหัวใจแล้วมุมอ่อนโยนของเก้าทัพจึงมีให้เห็นตลอดเวลา
“อืม ฝีมือไม่ตกเลยนะเรา” คำชมแรกหลังจากที่กฤษฎิ์ตักบัวลอยขึ้นชิมหลังอาหารมื้อเช้าทำเอาเก้าทัพถึงกับอมยิ้มออกมาน้อย ๆ น้อยครั้งที่เก้าทัพจะแสดงฝีมือการทำอาหารหรือทำของหวานให้คนที่บ้านทาน แต่ถ้าได้เข้าครัวแล้วคำชมคือสิ่งที่เก้าทัพมักจะได้รับตามเสมอ
“แน่นอนสิครับ ลูกชายหมอกฤษฎิ์เสียอย่าง”
คำพูดที่เหมือนจะโอ้อวดตนเองอยู่ในทีทำเอากฤษฎิ์ถึงกับหลุดยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนที่จะตักของหวานกินคำต่อไปไม่หยุดอย่างถูกปาก สายตาคมกริบจ้องมองลูกชายที่กำลังพูดคุยกับภรรยาตัวน้อยอย่างอ่อนโยน ปีนี้เก้าทัพอายุย่างยี่สิบปีแล้วลูกชายของเขาโตขึ้นมากและความเฟียร์สก็เพิ่มมากขึ้นไม่มีแผ่ว
เมื่อเช้าเขาได้รับรายงานจากเรียวคนสนิทว่าเมื่อคืนลูกชายตัวน้อยของเขาสร้างวีรกรรมเอาไว้ไม่น้อยทั้งฟาดคนหัวแตกเลือดอาบ ทั้งชักปืนขู่คนจนพวกนั้นวิ่งหนีแทบไม่ทัน อืม นี่สินะลูกพ่อที่แท้จริง นิสัยห้าวตีนเหมือนเขาไม่มีผิด หึ นายมันแน่มากนะกันต์ดนัยลูกพ่อ
“เรียนรู้แต่สิ่งดีไปจากพ่อขาก็พอ อะไรที่มันห้าว ๆ เฟียร์ส ๆ แม่ขอละอย่าเรียนรู้เลยนะลูกนะ สงสารแม่เถอะแม่แก่แล้ว”
คุณแม่ยังสาวบอกลูกชายตัวน้อยที่เธอยังคงมองว่าเป็นเด็กตลอดเวลาในสายตาของเธออย่างขอร้องอ้อนวอน ทำเอาเก้าทัพถึงกับก้มหน้าซ่อนยิ้มที่มารดาแอบเหน็บบิดา คนที่ถูกพาดพิงถึงกับบึนปากทำหน้างอนใส่ภรรยาตัวน้อยที่แอบเหน็บตนเข้าให้อย่างน่ารัก
“อะไรที่ได้ไปจากพ่อมีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นลูกจ๋า เพราะพ่อคนนี้เป็นพ่อที่ดีและสามีที่ดีของแม่เราเสมอมาไม่เค้ยไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีเลยสักนิด”
กฤษฎิ์ตีหน้าตายเยินยอตัวเองให้ลูกชายฟังก่อนที่จะยกน้ำขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อประโยคถัดมาของที่รักดังขึ้นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปถึงกับพุ่งกระฉูดลงบนโต๊ะอาหารอย่างไม่ตั้งใจ เพราะประโยคของภรรยาจี้ใจดวงน้อย ๆ ของกฤษฎิ์เข้าเต็ม ๆ
“เรื่องผู้หญิงเพลา ๆ บ้างก็ดีนะลูกอย่าเผลอไปทำลูกสาวใครเขาท้องเข้าจนลืมรับผิดชอบล่ะ”
เก้าทัพหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อน้ำเปล่าพุ่งออกมาจากปากของบิดาจนสำลักไอหน้าดำหน้าแดงร้อนถึงพี่ชินที่ต้องรีบวิ่งมาช่วยลูบหลังเจ้านายด้วยความเป็นห่วง
เรื่องราวระหว่างบิดามารดาของเขาในอดีตใช่ว่าเขาจะไม่รู้ เพราะคุณลุงเรียวอิจิพ่อของพี่หมอวายุเคยแอบเล่าให้เขาฟังว่าพ่อขาเคยทำแม่ขาท้องกว่าจะกลับมาเจอกันอีกทีก็ตอนพี่แก้มใสอายุสี่ขวบแล้ว
“ลูกเรานิสัยดีขนาดนี้จะไปทำใครท้องได้จริงไหมลูกรัก”
กฤษฎิ์หันมาหาลูกชายที่พยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนที่คำพูดของที่รักจะพูดขึ้นมาลอย ๆ อีกหนึ่งประโยคทำเอาคุณพ่อสุดมั่นถึงกับเงียบปากลงในทันที
“ก็ไม่แน่ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจริง ๆ แม่จะปล่อยให้เลี้ยงลูกเองเสียให้เข็ด”
ที่รักยกนิ้วขึ้นชี้หน้าลูกชายอย่างคาดโทษก่อนที่เก้าทัพจะรีบขยับมากอดเอวเอาหน้าซุกที่อกอวบของมารดาอย่างแสนรัก กฤษฎิ์ที่เห็นแบบนั้นถึงกับตาเขียวปั๊ดมองลูกชายที่บังอาจเอาหน้าหล่อ ๆ มาซบนมเมียเขาอย่างออดอ้อน
“หยุดเลยนะเจ้าเสืออย่ามาเนียนอ้อนซบนมแม่ พ่อหวง”
กฤษฎิ์ขู่ลูกชายฟ่อ ๆ ราวกับจงอางหวงไข่ก่อนที่เก้าทัพจะยิ้มออกมาอย่างซุกซนแล้วอ้อนมารดาไม่หยุด ที่รักยกมือขึ้นมาลูบผมลูกชายด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะก้มหน้าลงหอมหัวลูกชายด้วยความรักสุดหัวใจ
“กลับคอนโดไปแล้ววันไหนเหงาก็กลับมาที่บ้านนะลูกนะแม่ที่รักรอน้องเก้าเสมอ”
น้ำเสียงนุ่มละมุนที่แสนอบอุ่นบอกลูกชายคนเล็กก่อนที่เก้าทัพจะพยักหน้ารับคำมารดา สองแม่ลูกกอดกันอย่างแนบแน่นภาพนั้นทำเอากฤษฎิ์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ในใจได้แต่คิดว่าสิ่งที่ภรรยาพูดขึ้นมามันคงไม่มีทางเป็นจริงหรอก เพราะเจ้าลูกชายของเขามันเย็นชากว่าเขาเสียอีกคงไม่มีทางไปทำผู้หญิงท้องได้หรอกเนอะ
กฤษฎิ์ไม่รู้เลยว่าความมั่นใจในความคิดของตัวเองต้องพังทลายลงในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อลูกชายได้เจอกับใครบางคน
“นับพี่มาแล้ว” เสียงของแพรววาที่ตะโกนอยู่หน้าบ้านทำเอานับดาวที่กำลังกินมื้อเย็นก่อนไปทำงานรีบตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเก่า ๆ ขึ้นสะพายทันที“นับดาวไปก่อนนะจ๊ะแม่จ๋า เลิกงานแล้วลูกสาวคนนี้จะรีบกลับบ้านทันทีเลยจ้ะ”นับดาวบอกปรานีที่ยิ้มให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนที่ร่างบางจะวิ่งดุกดิกออกไปหาพี่สาวข้างบ้านคนสวยที่เปิดประตูรถรอเธออยู่ที่หน้าบ้าน แพรววาเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับที่นับดาวได้ทุนเรียนต่อ แต่ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงทำให้แพรววาเลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์ที่ผับของขุนพลช่วงปิดเทอมเพื่อหาเงินไว้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดาแพรววาขับรถยนต์มือสองคันเล็ก ๆ ที่เธอเก็บหอมรอบริบจนสามารถที่จะซื้อด้วยตัวเองได้มารับนับดาวทุกวัน สองสาวไปทำงานพร้อมกันและกลับด้วยกันทุกวัน เพราะแพรววารับปากแม่ปรานีเอาไว้แล้วว่าจะดูแลนับดาวให้ดีที่สุด“อาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วนะตื่นเต้นไหมเรา” แพรววาถามนับดาวที่ดวงตาทอเป็นประกายสุกใสเมื่อพูดถึงเรื่องเปิดเทอม นับดาวเลือกที่จะเรียนคณะบัญชี เพราะเป็นคณะที่เป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อเรียนจบไปแล้วเธอก็อยากจะมีงานทำไว ๆ จะได้มีเงินส่งอ้อมใจกับเอ
“นับรู้จักน้องเก้าทัพด้วยเหรอ” เมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรแพรววาก็ถามนับดาวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่นับดาวจะพยักหน้ารับน้อย ๆ แพรววาถึงกับกระโดดโลดเต้นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกที่นับดาวรู้จักกับคนดังอย่างน้องเก้าทัพ กันต์ดนัย“งื้อ อิจฉาอะ ไปรู้จักน้องเก้าได้อย่างไร แล้วดูสิยิ้มหวานให้น้องสาวพี่ขนาดนี้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเอ่ย” แพรววาถามนับดาวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนสาวน้อยไปด้วย นับดาวถึงกับยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ กับคำถามของแพรววาก่อนที่น้ำเสียงสดใสจะตอบกลับแพรววา“เป็นปกติของคนที่รู้จักกันจะยิ้มให้กันหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดออกมาอย่างพาซื่อก่อนที่แพรววาจะส่ายหัวรัว ๆ จนผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิงไปหมด นับดาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่แพรววาส่ายหัวรัวขนาดนั้นราวกับว่าที่จริงแล้วพี่เก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครอย่างนั้นแหละ“คนอย่างน้องเก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของแพรววาทำเอานับดาวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจเพราะดู ๆ ไปแล้วพี่เก้าทัพก็ออกจะอัธยาศัยดี ยิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับเธอแถมยังอ่อนโยนจนใจเธออ่อนไหวอีกต่างหากอ่อนไหวแค่ไหนไม่รู้ ที่เธอรู้คือตอนนี้ใจ
หลังจากวันนั้นเก้าทัพก็มักจะมานั่งดื่มที่ผับทุกวันโดยเขาจะมาในเวลาเดิมคือสองทุ่มซึ่งบางครั้งเขาก็มาคนเดียว แต่บางครั้งก็จะมีกลุ่มเพื่อนมานั่งดื่มด้วยกันและเขาจะนั่งมองร่างบางที่เดินไปมาอย่างแข็งขันพร้อมกับพูดคุยหัวเราะยิ้มแย้มกับบรรดาสาว ๆ ที่มาเที่ยวหาความสุขในยามค่ำคืนที่ผับแห่งนี้อย่างเพลินตา“เหล้าที่สั่งได้แล้วค่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่เก้าทัพจะเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ก็เจอกับนับดาวที่ก้มลงวางบรั่นดีที่เก้าทัพสั่งลงบนโต๊ะก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้ผู้ชายที่เธอแอบหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออย่างน่ารัก เก้าทัพถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นเด็กที่น่ารักสดใสเสียจริง“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะคะ”นับดาวถามเก้าทัพด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่ดาร์คและพี่พอร์ช แก๊งเพื่อนรักที่เก้าทัพแนะนำให้เธอรู้จัก โดยเฉพาะพี่ดาร์คนับดาวจำได้ขึ้นใจเลยแหละ เพราะเขาชอบแกล้งเธอบ่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นมนตร์รักผีผลัก ซึ่งหลัง ๆ มาเธอรู้ทัน แต่ก็ยังพลาดท่าพี่ดาร์คจนทำให้เกิดจังหวะความใกล้ชิดกับเก้าทัพอยู่บ่อย ๆ“สองคนนั้นติดธุระน่ะ ก็เลยมาคนเดียว”เก้าทัพบอกสาวน้อยหน้า
นับดาวมองชายหญิงสองคนที่นั่งชิดติดกันด้วยสายตาหม่นเศร้าอยู่ในมุมหนึ่งดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอแอบรักกับหญิงสาวที่สวยมากราวกับเจ้าหญิงด้วยความเศร้าใจ ถึงพี่เก้าทัพจะเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่กลับปล่อยให้เธอคนนั้นอิงแอบแนบชิดโดยที่ไม่ถอยหนีเลยสักนิด“เป็นปกติของผู้ชายหล่อ ๆ ที่มักจะมีผู้หญิงแวะเวียนมาแจกขนมจีบอยู่เรื่อย อย่าคิดมากเลยนะพี่ไม่ชอบเวลาที่เราเศร้าเลย”แพรววาเดินมาแตะไหล่บอบบางของนับดาวอย่างต้องการปลอบใจเด็กสาวที่กำลังมองไปข้างหน้าด้วยแววตาเศร้าหมองซึ่งเธอสัมผัสได้ว่านับดาวกำลังเสียใจ ก่อนที่นับดาวจะหันมายิ้มให้แพรววาเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ดวงตาที่ไร้ประกายสดใสก็บอกแพรววาว่านับดาวกำลังกลบเกลื่อนความเศร้าของตัวเองอยู่“ทำงานต่อเถอะวันนี้วันสุดท้ายแล้วเต็มที่กัน” แพรววาตบบ่านับดาวเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปรับออเดอร์จากพี่คิว ส่วนนับดาวก็ทำงานอย่างไม่มีสมาธิดวงตากลมโตจับจ้องไปที่เก้าทัพตลอดเวลา เธออยากจะมองเขาเป็นภาพจำครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกแล้วหลังจากที่ส้มหวานจากไปแล้วเก้าทัพก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ อารมณ์ความใค
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบเสียงบดจูบอย่างดูดดื่มดังขึ้นทั่วทั้งห้องน้ำท่ามกลางสายน้ำที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย เก้าทัพค่อย ๆ พาเด็กที่ไร้ประสบการณ์อย่างนับดาวค่อย ๆ เดินไปทีละก้าวอย่างไม่เร่งรีบทั้ง ๆ ที่เขาปวดหนึบจนแทบทานทนไม่ไหว แต่บางสิ่งบางอย่างมันบอกเขาว่าให้อ่อนโยนกับนับดาวให้มากที่สุดเด็กสาวค่อย ๆ จูบตอบอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แต่เมื่อเก้าทัพนำทางเด็กสาวที่หัวไวก็สามารถทำให้เก้าทัพประทับใจได้ไม่ยากจุ๊บ!!เก้าทัพถอนจูบที่แสนหวานออกอย่างแสนเสียดายก่อนที่จะนับดาวจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงใหล มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าสวยหวานของนับดาวอย่างอ่อนโยนเขามั่นใจว่าเด็กสาวที่กำลังตัวสั่นอยู่ใต้สายน้ำนั้นบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และอีกสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจและรับรู้มาตลอดก็คือนับดาวชอบเขา แต่สำหรับเขาแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนับดาวมันคืออะไรกันแน่ เขาก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน“พี่ขอโทษนะนับดาว พี่ขอโทษ แต่พี่ทนไม่ไหวแล้วเด็กดี”น้ำเสียงแหบพร่าบอกนับดาวที่ยังคงมองเก้าทัพด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะซุกไซ้ใบหน้าหล่อเหลาลงที่ซอกคอหอมกรุ่นของเด็กสาว ผิวเนื้อที่เนียนละเอียดทำเอาเก้าทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อย ๆ ข
“อ๊ะ อ๊าาา พะ พี่เก้า นับ อื้อ จะ จุก”น้ำเสียงหวานร้องบอกเก้าทัพมือบางจับที่หัวเตียงเอาไว้แน่น ตอนนี้นับดาวอยู่ในท่าคลานเข่าสองขาแยกออกกว้างในขณะที่เก้าทัพกระแทกความใหญ่โตเข้าหาเธอไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซบลงบนแผ่นหลังนวลเนียนก่อนที่จะพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังหอมกรุ่น มือใหญ่ยื่นไปขย้ำหน้าอกอวบที่เด้งกระดอนไปตามจังหวะกระแทกของเขาปึก ปึก ปึก“อ๊าาา นับจ๋าทำไมแน่นแบบนี้ อูย” เก้าทัพร้องครางขึ้นด้วยความเสียวซ่านเมื่อภายในที่แสนคับแคบกำลังตอดรัดท่อนเอ็นใหญ่ของเขาจนเสียวไปทั้งลำ มือใหญ่สะกิดเม็ดบัวจนมันแข็งเป็นเป็นไตตอบรับสัมผัสของเขาส่วนช่วงล่างก็รัวกระแทกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย“อ๊าาา พี่ทัพขา นับ อื้อ สะ เสียว อ๊าาา”นับดาวร้องครวญครางออกมาด้วยความเสียว ท่านี้ทำให้ความใหญ่โตของเก้าทัพกระแทกถูกจุดกระสันของเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว ขาเนียนสวยสั่นระริกด้วยความเสียวซ่านจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ถ้าไม่มีมือใหญ่ของเก้าทัพคอยประคองเอาไว้ ใบหน้าสวยหวานซบลงบนหมอนหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกขย้ำอย่างเมามันยิ่งทำให้นับดาวเสียวมากขึ้นกว่าเดิม“อ๊าาา ทูนหัวร่องของหนูตอดพี่ไม่หยุดเลยนะคนสวย”ประโยคสุดแสนทะลึ่งของเก้า
เช้าวันต่อมาเก้าทัพค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความยากลำบากกระบอกตาของเขาร้อนผ่าวหัวก็ปวดจนแทบจะระเบิดน่าจะเป็นผลมาจากที่เขาเอาตัวเองไปยืนใต้สายน้ำทำตัวเป็นพระเอกมิวสิกชั่วคราวอย่างแน่นอน สะบัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อเรียกสติและความทรงจำกลับคืนมาก่อนที่ภาพของเขากับใครบางคนจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาตามลำดับมือใหญ่รีบควานหาร่างบางที่เขาเข้าใจว่านอนกอดทั้งคืนด้วยความตกใจก่อนที่จะหันมาพบว่าที่นอนข้าง ๆ ที่มีรอยยับยู่ยี่กลับว่างเปล่าไร้ร่างหอมกรุ่นของนับดาวที่เขานอนกอดหลับฝันดีทั้งคืน“นับดาว”ชื่อของคนในความทรงจำหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาก่อนที่เขาจะส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่ได้กระทำลงไปโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ เขาปล่อยให้ตัณหาราคะเข้ามาครอบงำจนหลงลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนสิ้นมือใหญ่สะบัดผ้าห่มที่คลุมร่างกายเอาไว้ออกก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นคราบเลือดจาง ๆ ที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเก้าทัพถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังถาโถมเข้ามาหาเล่นงานเขาดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์สุดท้ายแล้วก็ต้องมาแปดเปื้อนด้วยเงื้อมมือของเขาที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจสุดท้ายแล้วเมื่อไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแ
หลายวันต่อมา“มาแต่เช้าเลยนะนับ”ปิ่นมุกทักทายนับดาวด้วยรอยยิ้มปิ่นมุกคือเพื่อนคนแรกของนับดาวที่เดินเข้ามาทักทายตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมทำกิจกรรมรับน้องด้วยกันจนกลายมาเป็นเพื่อนกัน เพราะปิ่นมุกเองก็เป็นเด็กทุนเหมือนกันกับนับดาวเลยทำให้ทั้งคู่คุยกันถูกคอในขณะที่คนอื่น ๆ แทบจะไม่มีใครเข้ามาทักทายคนทั้งคู่เพราะมหาวิทยาลัย M คือมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ของประเทศ ค่าเทอมที่นี่ค่อนข้างแพง แต่ก็จะมีการเปิดให้สอบชิงทุนสำหรับเด็กที่เรียนดี แต่ไร้ทุนทรัพย์ซึ่งนับดาวกับปิ่นมุกก็คือคนที่สอบชิงทุนของคณะบัญชีได้ในครั้งนี้จากทุนทั้งหมดจำนวนสิบทุน“ขืนมาสายรถเมล์ก็เต็มกันพอดี นับไม่อยากไปยืนเบียดกับคนบนรถน่ะ กว่าจะถึงมอขาแข็งแน่นอนเลย” นับดาวส่งยิ้มให้ปิ่นมุกก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่โรงอาหารด้วยกันเพื่อทานมื้อเช้า เมื่อมาถึงก็มีโต๊ะว่างอยู่มากมาย เพราะเช้า ๆ แบบนี้คนไม่ค่อยเยอะนับดาวกับปิ่นมุกเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะที่ว่างทันที“วันนี้กินอะไรดีเอ่ย” ปิ่นมุกถามนับดาวที่กำลังไล่สายตามองร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าเธอก่อนที่ดวงตากลมโตจะไปหยุดลงที่ร้านข้าวไข่เจียวเมนูประจำที่ร