หลังจากวันนั้นนับดาวก็ไม่ได้เจอเก้าทัพอีกเลย หรือพรหมลิขิตจะไม่มีอยู่จริง ๆ กันนะเด็กสาวได้แต่คิดถึงเขาอย่างเศร้าใจ ตอนนี้นับดาวมาทำงานที่ผับของขุนพลได้เกือบสองเดือนแล้วซึ่งรายได้ในแต่ละวันรวมทิปด้วยทำให้ตอนนี้นับดาวมีเงินเก็บเกือบสี่หมื่นบาท อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสดใสร่าเริงยิ้มง่ายทำให้พี่ ๆ ที่มาเที่ยวต่างพากันรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษจึงพากันเปย์ทิปให้เธอเยอะทีเดียวในแต่ละคืน
แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้โชคดีเหมือนเฉกเช่นทุกวัน...
“อะนับนี่ของโต๊ะเก้า”
พี่คิวพนักงานจัดชุดเหล้าในร้านยื่นถังน้ำแข็งกับเหล้าราคาแพงให้นับดาวที่รับมาอย่างแข็งขัน เด็กสาวรีบเดินไปยังโต๊ะหมายเลขเก้าตามที่คนพี่บอก โต๊ะตรงนั้นล้วนมีแต่ชายฉกรรจ์พลันให้หญิงสาวหยุดชะงักเพราะผู้ชายที่นั่งล้อมรอบโต๊ะแต่ละคนดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร แต่เมื่อคิดได้ว่ามันคืองานเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจแล้วเดินนำถังน้ำแข็งกับเหล้าไปวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนที่จะรีบปลีกตัวออกมาทันที
แต่เพียงแค่หันหลังเพื่อที่จะเดินจากมามือที่หยาบกระด้างของใครบางคนก็ฉุดข้อมือของเธอเอาไว้จนนับดาวถึงกับเซไปปะทะที่ตัวของผู้ชายคนนั้นด้วยความไม่ทันระวังทันที
“จะรีบไปไหนจ๊ะน้องสาว คืนนี้สนใจไปต่อกับพี่ไหมจ๊ะ”
ผู้ชายที่กระชากข้อมือของนับดาวยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูหอมกรุ่น นับดาวพยามย่นคอหนีด้วยความหวาดกลัวจับใจกับสถานการณ์ที่เธออยากหลีกหนีออกไปให้ไกล ปกติแล้วแทบไม่ค่อยจะมีใครกล้าทำรุ่มร่ามกับบรรดาเด็กเสิร์ฟสาว ๆ เพราะที่ร้านมีกฎว่าห้ามแขกลวนลามพนักงานในร้านอย่างชัดเจน
คำสั่งเฮียขุนพลใครก็ห้ามขัดแต่กลับใช้ไม่ได้กับผู้ชายที่กำลังจับมือเธอเอาไว้แน่นจนยากที่เธอจะสะบัดหลุดออกโดยง่าย
“ปล่อยหนูนะคะพี่” เสียงเล็กของนับดาวร้องบอกพี่ผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่กำลังจับแขนเธอไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยความกลัวปนขยะแขยง ดวงตากลมโตพยายามสอดส่ายมองหาพี่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไปเพื่อจะร้องขอให้ช่วย แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับนับดาวเลยสักนิด
“จะเล่นตัวไปทำไมวะ ขายเท่าไรว่ามา”
ตะวันจับแขนสาวน้อยที่มาเสิร์ฟน้ำแข็งเขาเอาไว้แน่น ตัวเล็ก ๆ ผิวขาวผ่องโคตรน่ารักเลย วันนี้เขาต้องได้เธอไปนอนกอดสักคืน ยิ่งได้สูดกลิ่นกายหอม ๆ ความปรารถนาในกายก็พุ่งขึ้นจนยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้กระทำการลวนลามสาวน้อยคนนี้ได้ทั้ง ๆ ที่กฎของผับก็ระบุชัดเจนว่าห้ามลูกค้าลวนลามพนักงานเสิร์ฟสาว ๆ ภายในร้านเด็ดขาด
“หนูไม่ได้เล่นตัวนะคะ แต่หนูมาทำงานหาเงิน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอกให้ปล่อย” นับดาวพยายามสะบัดแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุดสักที เพราะมือที่จับเธอไว้นั้นแน่นราวกับคีมเหล็ก รู้สึกเจ็บระบมที่ข้อมือเล็กจนน้ำตาแทบไหล เพราะพี่ผู้ชายคนนี้จับมือเธอเอาไว้แน่นโดยที่ไม่ถนอมเลยสักนิด
“หมื่นนึงเอาไปเลยสำหรับคืนนี้” ตะวันแสยะยิ้มก่อนจะเสนอราคาให้สาวน้อยตรงหน้าด้วยค่าตัวที่สูงมาก ทำมาเป็นขัดขืนจะโก่งราคาค่าตัวหรือไงวะ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทางของเด็กสาวที่พยายามขัดขืนดึงมือเล็กนุ่มนิ่มออกจากมือใหญ่ของเขา
“จะกี่บาทก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละค่ะ หนูมาทำงานไม่ได้มาขายตัว”
นับดาวตะโกนใส่หน้าตะวันก่อนที่จะสะบัดออกจนมือขาวของเธอแดงเถือกไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการที่น่าขยะแขยงนี้สักที
“หึ กะหรี่อัปเกรดเหรออีหนู”
ทุกประโยคของหนุ่มสาวของทั้งสองคนดังไปกระทบโสตประสาทของใครบางคนที่นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ เพียงแค่โซฟากั้น พอจบประโยคนั้นของตะวันเก้าทัพที่ลุกเดินมาถึงพอดีก็ฟาดขวดเหล้าลงไปที่หัวของอีกฝ่ายเต็มแรง เขาแอบฟังอยู่นานแล้วในเมื่อผู้หญิงเขาไม่ยินยอมก็ปล่อยเขาสิ ไม่ใช่มาพูดจาเหี้ย ๆ ใส่เขา
เพล้ง
เสียงขวดเหล้าฟาดลงบนหัวตะวันเต็มแรงจนแตกกระจาย หัวเขาแตกเลือดไหลอาบใบหน้าเต็มไปหมด ทำเอาตะวันรีบปล่อยมือสาวน้อยที่เขาจับเอาไว้ทันที มือใหญ่เปลี่ยนมากุมหัวเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันรีบกรูเข้ามาดูทันทีที่เพื่อนโดนฟาดจนเลือดอาบ
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยมึงเป็นใครกล้าดีอย่างไรมาตีกู” ตะวันตะโกนร้องด่าผู้ชายตรงหน้าที่อยู่ ๆ ก็เดินมาตีหัวเขาเสียงดังลั่นร้านทำเอาคนที่นั่งแถวนั้นต่างพากันมองมาอย่างให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ผู้หญิงเขาไม่ยอม มึงไม่ควรบังคับเขานะ”
เก้าทัพค่อย ๆ ดึงมือนุ่มนิ่มของเด็กสาวให้มาหลบที่หลังของตัวเองโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยสักนิดว่าผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าอยู่คือนับดาวก่อนที่เขาจะใช้สายตาคมดุมองตะวันอย่างพร้อมที่จะฟาดต่อ ได้นะเขาไม่ติดพร้อมเสมอกับพวกหน้าตัวเมียที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ผู้หญิงเป็นเพศแม่พวกมันไม่สมควรมารังแกหรือตอแย
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยไอ้เวร” ตะวันตะโกนด่าแสกหน้าเก้าทัพด้วยความโมโห เก่งนักรึไงรู้จักไอ้ตะวันคนนี้น้อยไปเสียแล้ว
“พวกมึงจัดการมัน” ตะวันร้องสั่งเพื่อนที่มาด้วยกันให้จัดการเก้าทัพก่อนที่เพื่อนของตะวันทั้งสี่คนจะลุกขึ้นเตรียมจัดการเก้าทัพ แต่เก้าทัพกลับควักปืนที่เหน็บเอวขึ้นมาจ่อไปที่มันทั้งสี่คนจนพวกมันหยุดชะงักไปในทันที
“พวกมึงเข้ามากูยิง ลองไหม” เก้าทัพแสยะยิ้มร้ายให้เพื่อนตะวันทั้งสี่คนรวมถึงลากสายตาดุ ๆ กลับมามองตะวันอย่างท้าทาย เก้าทัพพกปืนไปไหนมาไหนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะเขาคือลูกชายมาเฟียใหญ่แถมยังมีพี่เขยเป็นมาเฟีย รอบ ๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยศัตรูในที่มืดที่เขามองไม่เห็นทั้งนั้น
“กูกำลังคันมือพอดี มึงเลือกเอาจะไปจากที่นี่แบบครบสามสิบสองประการหรือเหลือแต่วิญญาณเฝ้าผับ”
เก้าทัพเอ่ยบอกฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับมือที่เตรียมจะลั่นไกใส่ แต่ตะวันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ในทันที สู้คนที่ไม่มีอาวุธตะวันพร้อมกระทืบสุดใจ แต่ให้สู้กับคนที่กำลังเตรียมลั่นไกเขาขอยอมศิโรราบแต่โดยดี
“โอเค ไป...กูไปแล้วไม่อยู่แล้ว ไปเว้ยพวกมึง” ตะวันบอกเก้าทัพด้วยความกลัวสายตาคมกริบที่มองมายังเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาและเขาไม่ควรไปต่อกรด้วย เมื่อพวกมันไปหมดแล้วนับดาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังก็เอ่ยขอบคุณคนใจดีเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะพี่ที่ช่วยหนู”
เสียงเล็กที่สั่นด้วยความกลัวบอกขอบคุณอีกฝ่าย น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นเคยนักในความรู้สึกของเขา แต่เก้าทัพกลับคิดไม่ออกว่าเจ้าของน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้คือใครกัน เขาไม่พูดตอบอะไร แต่กลับหันหลังไปมองสาวน้อยที่ก้มหน้าลงด้วยความกลัว
“คราวหน้าระวังตัวด้วยนะ คิดจะทำงานในที่อโคจรเธอต้องรู้จักเอาตัวรอดให้เป็นนะรู้ไหมสาวน้อย ส่วนค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เสียงนุ่มทุ้มบอกนับดาวก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่เดิมส่วนนับดาวได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างรู้สึกขอบคุณผู้ชายที่เธอเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง ผู้ชายตัวหอมที่เดินห่างออกไป แต่กลิ่นหอมยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเธอไม่จางหาย
เธอจะจำเขาเอาไว้ไม่มีวันลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยเธอถึงจะไม่เห็นหน้าเขาชัดก็เถอะ หน้าสวยหวานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บกวาดโต๊ะอย่างมีความสุข
อย่างน้อยชีวิตที่อาภัพของเธอก็ยังมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น หัวใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะรีบเก็บกวาดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ
“แม่ง อย่างโหดว่ะไอ้เก้า มึงจะเฟียร์สไปไหนวะ” พอร์ชเอ่ยแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เมื่อเก้าทัพเดินกลับมาที่โต๊ะ ความเฟียร์สของเก้าทัพไม่เคยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวเพื่อนเขาก็ตีหัวคนเลือดอาบไปแล้ว
“ขัดลูกตาฉิบหายว่ะ แม่งพวกเหี้ยเดนสังคม” สบถคำหยาบใส่เพื่อนก่อนที่จะหยิบแก้วเหล้าที่ชงค้างไว้ขึ้นมาดื่มดับความหัวร้อน แม้ว่างานอดิเรกของเขาคือการทำขนมที่ช่วยให้เขาเป็นคนใจเย็นในระดับหนึ่ง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาหายหัวร้อนได้เลยสักนิด
สาวน้อยคนนั้นน่าสงสารชะมัด
“ถ้ามันพร้อมวอร์มึงจะทำไงวะกูถามจริง” ดาร์คถามเพื่อนด้วยความจริงจัง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าพวกมันไม่กลัวเก้าทัพจะทำอย่างไร คำถามของเพื่อนทำเอาเก้าทัพแสยะยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนที่จะพูดออกไปโดยไม่หยุดคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ยิงทิ้งไง ไม่เห็นยากเลย” บอกเพื่อนเสร็จก็กระดกเหล้าที่เหลือเข้าปากจนหมดแก้วก่อนจะลุกขึ้นหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“ฝากเคลียร์ค่าเสียหายที กูกลับบ้านก่อนนะ วันนี้กูนอนบ้านเดี๋ยวแม่ขาของกูจะรอนาน พอดีน้าอ้อยฝากขนมมาให้แม่ด้วย บายเพื่อนเลิฟ”
เก้าทัพส่งจูบให้เพื่อนสนิททั้งสอง ทิ้งให้ดาร์คกับพอร์ชขนลุกเบา ๆ กับการกระทำนั้น ส่วนเก้าทัพหัวเราะออกมาน้อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป นับดาวที่มาแอบมองเพื่อที่จะรอเจอหน้าผู้มีพระคุณถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เพราะผู้ชายที่ลุกเดินจากโต๊ะไปก็คือพี่ชายใจดีของเธอ...พี่เก้าทัพ
ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างออกมาด้วยความรู้สึกดีใจที่พรหมลิขิตที่เธอเฝ้ารอคอยในที่สุดก็เกิดขึ้นจริง ผู้ชายที่เธอคอยเฝ้าคิดถึง คนที่เธอคะนึงหาในที่สุดเขาก็มาให้เธอได้เจออีกครั้ง
รักแรกพบของเธอพี่เก้าทัพ
คืนนั้นหลังจากที่แพรววามาส่งนับดาวที่หน้าบ้านเด็กสาวก็เดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุขและก็พบว่าแม่ปรานียังคงนั่งรอเธอกลับมาจากที่ทำงานเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กสาวเดินเข้าไปกอดมารดาด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ“ไม่ยอมนอนอีกแล้วนะคะ”น้ำเสียงสดใสร่าเริงของนับดาวแซวปรานีอย่างต้องการหยอกล้อผู้เป็นมารดา ปรานีกอดตอบลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะกว่าลูกสาวจะเลิกงานก็ปาไปตีหนึ่งเศษ เรื่องการทำงานที่สถานบันเทิงของนับดาวเธอคัดค้านตั้งแต่ครั้งแรกที่เด็กสาวไปสมัครงาน แต่ด้วยเหตุผลที่ทั้งบ้านไม่มีเงินพอที่จะส่งเสียนับดาวให้เรียนต่อสูง ๆ ในระดับมหาวิทยาลัยและเธอเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะทำให้ปรานีต้องยอมที่จะให้นับดาวไปทำงานในสถานที่อโคจรแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ห่วงแสนห่วง แต่แพรววาก็ได้ให้สัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของเธอให้ดีที่สุดมันก็ทำให้เธอวางใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสองเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลยสักครั้งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี“อยากเห็นหนูกลับเข้าบ้านมาก่อนถึงจะหลับลง”แววตาของนับดาวหม่นแสงลงเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินประโยคที่ชวนเศร้าใจก่อนที่ดวงตากลมโตขอ
“นับพี่มาแล้ว” เสียงของแพรววาที่ตะโกนอยู่หน้าบ้านทำเอานับดาวที่กำลังกินมื้อเย็นก่อนไปทำงานรีบตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเก่า ๆ ขึ้นสะพายทันที“นับดาวไปก่อนนะจ๊ะแม่จ๋า เลิกงานแล้วลูกสาวคนนี้จะรีบกลับบ้านทันทีเลยจ้ะ”นับดาวบอกปรานีที่ยิ้มให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนที่ร่างบางจะวิ่งดุกดิกออกไปหาพี่สาวข้างบ้านคนสวยที่เปิดประตูรถรอเธออยู่ที่หน้าบ้าน แพรววาเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับที่นับดาวได้ทุนเรียนต่อ แต่ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงทำให้แพรววาเลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์ที่ผับของขุนพลช่วงปิดเทอมเพื่อหาเงินไว้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดาแพรววาขับรถยนต์มือสองคันเล็ก ๆ ที่เธอเก็บหอมรอบริบจนสามารถที่จะซื้อด้วยตัวเองได้มารับนับดาวทุกวัน สองสาวไปทำงานพร้อมกันและกลับด้วยกันทุกวัน เพราะแพรววารับปากแม่ปรานีเอาไว้แล้วว่าจะดูแลนับดาวให้ดีที่สุด“อาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วนะตื่นเต้นไหมเรา” แพรววาถามนับดาวที่ดวงตาทอเป็นประกายสุกใสเมื่อพูดถึงเรื่องเปิดเทอม นับดาวเลือกที่จะเรียนคณะบัญชี เพราะเป็นคณะที่เป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อเรียนจบไปแล้วเธอก็อยากจะมีงานทำไว ๆ จะได้มีเงินส่งอ้อมใจกับเอ
“นับรู้จักน้องเก้าทัพด้วยเหรอ” เมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรแพรววาก็ถามนับดาวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่นับดาวจะพยักหน้ารับน้อย ๆ แพรววาถึงกับกระโดดโลดเต้นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกที่นับดาวรู้จักกับคนดังอย่างน้องเก้าทัพ กันต์ดนัย“งื้อ อิจฉาอะ ไปรู้จักน้องเก้าได้อย่างไร แล้วดูสิยิ้มหวานให้น้องสาวพี่ขนาดนี้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเอ่ย” แพรววาถามนับดาวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนสาวน้อยไปด้วย นับดาวถึงกับยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ กับคำถามของแพรววาก่อนที่น้ำเสียงสดใสจะตอบกลับแพรววา“เป็นปกติของคนที่รู้จักกันจะยิ้มให้กันหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดออกมาอย่างพาซื่อก่อนที่แพรววาจะส่ายหัวรัว ๆ จนผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิงไปหมด นับดาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่แพรววาส่ายหัวรัวขนาดนั้นราวกับว่าที่จริงแล้วพี่เก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครอย่างนั้นแหละ“คนอย่างน้องเก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของแพรววาทำเอานับดาวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจเพราะดู ๆ ไปแล้วพี่เก้าทัพก็ออกจะอัธยาศัยดี ยิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับเธอแถมยังอ่อนโยนจนใจเธออ่อนไหวอีกต่างหากอ่อนไหวแค่ไหนไม่รู้ ที่เธอรู้คือตอนนี้ใจ
หลังจากวันนั้นเก้าทัพก็มักจะมานั่งดื่มที่ผับทุกวันโดยเขาจะมาในเวลาเดิมคือสองทุ่มซึ่งบางครั้งเขาก็มาคนเดียว แต่บางครั้งก็จะมีกลุ่มเพื่อนมานั่งดื่มด้วยกันและเขาจะนั่งมองร่างบางที่เดินไปมาอย่างแข็งขันพร้อมกับพูดคุยหัวเราะยิ้มแย้มกับบรรดาสาว ๆ ที่มาเที่ยวหาความสุขในยามค่ำคืนที่ผับแห่งนี้อย่างเพลินตา“เหล้าที่สั่งได้แล้วค่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่เก้าทัพจะเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ก็เจอกับนับดาวที่ก้มลงวางบรั่นดีที่เก้าทัพสั่งลงบนโต๊ะก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้ผู้ชายที่เธอแอบหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออย่างน่ารัก เก้าทัพถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นเด็กที่น่ารักสดใสเสียจริง“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะคะ”นับดาวถามเก้าทัพด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่ดาร์คและพี่พอร์ช แก๊งเพื่อนรักที่เก้าทัพแนะนำให้เธอรู้จัก โดยเฉพาะพี่ดาร์คนับดาวจำได้ขึ้นใจเลยแหละ เพราะเขาชอบแกล้งเธอบ่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นมนตร์รักผีผลัก ซึ่งหลัง ๆ มาเธอรู้ทัน แต่ก็ยังพลาดท่าพี่ดาร์คจนทำให้เกิดจังหวะความใกล้ชิดกับเก้าทัพอยู่บ่อย ๆ“สองคนนั้นติดธุระน่ะ ก็เลยมาคนเดียว”เก้าทัพบอกสาวน้อยหน้า
นับดาวมองชายหญิงสองคนที่นั่งชิดติดกันด้วยสายตาหม่นเศร้าอยู่ในมุมหนึ่งดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอแอบรักกับหญิงสาวที่สวยมากราวกับเจ้าหญิงด้วยความเศร้าใจ ถึงพี่เก้าทัพจะเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่กลับปล่อยให้เธอคนนั้นอิงแอบแนบชิดโดยที่ไม่ถอยหนีเลยสักนิด“เป็นปกติของผู้ชายหล่อ ๆ ที่มักจะมีผู้หญิงแวะเวียนมาแจกขนมจีบอยู่เรื่อย อย่าคิดมากเลยนะพี่ไม่ชอบเวลาที่เราเศร้าเลย”แพรววาเดินมาแตะไหล่บอบบางของนับดาวอย่างต้องการปลอบใจเด็กสาวที่กำลังมองไปข้างหน้าด้วยแววตาเศร้าหมองซึ่งเธอสัมผัสได้ว่านับดาวกำลังเสียใจ ก่อนที่นับดาวจะหันมายิ้มให้แพรววาเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ดวงตาที่ไร้ประกายสดใสก็บอกแพรววาว่านับดาวกำลังกลบเกลื่อนความเศร้าของตัวเองอยู่“ทำงานต่อเถอะวันนี้วันสุดท้ายแล้วเต็มที่กัน” แพรววาตบบ่านับดาวเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปรับออเดอร์จากพี่คิว ส่วนนับดาวก็ทำงานอย่างไม่มีสมาธิดวงตากลมโตจับจ้องไปที่เก้าทัพตลอดเวลา เธออยากจะมองเขาเป็นภาพจำครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกแล้วหลังจากที่ส้มหวานจากไปแล้วเก้าทัพก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ อารมณ์ความใค
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบเสียงบดจูบอย่างดูดดื่มดังขึ้นทั่วทั้งห้องน้ำท่ามกลางสายน้ำที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย เก้าทัพค่อย ๆ พาเด็กที่ไร้ประสบการณ์อย่างนับดาวค่อย ๆ เดินไปทีละก้าวอย่างไม่เร่งรีบทั้ง ๆ ที่เขาปวดหนึบจนแทบทานทนไม่ไหว แต่บางสิ่งบางอย่างมันบอกเขาว่าให้อ่อนโยนกับนับดาวให้มากที่สุดเด็กสาวค่อย ๆ จูบตอบอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แต่เมื่อเก้าทัพนำทางเด็กสาวที่หัวไวก็สามารถทำให้เก้าทัพประทับใจได้ไม่ยากจุ๊บ!!เก้าทัพถอนจูบที่แสนหวานออกอย่างแสนเสียดายก่อนที่จะนับดาวจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงใหล มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าสวยหวานของนับดาวอย่างอ่อนโยนเขามั่นใจว่าเด็กสาวที่กำลังตัวสั่นอยู่ใต้สายน้ำนั้นบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และอีกสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจและรับรู้มาตลอดก็คือนับดาวชอบเขา แต่สำหรับเขาแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนับดาวมันคืออะไรกันแน่ เขาก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน“พี่ขอโทษนะนับดาว พี่ขอโทษ แต่พี่ทนไม่ไหวแล้วเด็กดี”น้ำเสียงแหบพร่าบอกนับดาวที่ยังคงมองเก้าทัพด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะซุกไซ้ใบหน้าหล่อเหลาลงที่ซอกคอหอมกรุ่นของเด็กสาว ผิวเนื้อที่เนียนละเอียดทำเอาเก้าทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อย ๆ ข
“อ๊ะ อ๊าาา พะ พี่เก้า นับ อื้อ จะ จุก”น้ำเสียงหวานร้องบอกเก้าทัพมือบางจับที่หัวเตียงเอาไว้แน่น ตอนนี้นับดาวอยู่ในท่าคลานเข่าสองขาแยกออกกว้างในขณะที่เก้าทัพกระแทกความใหญ่โตเข้าหาเธอไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซบลงบนแผ่นหลังนวลเนียนก่อนที่จะพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังหอมกรุ่น มือใหญ่ยื่นไปขย้ำหน้าอกอวบที่เด้งกระดอนไปตามจังหวะกระแทกของเขาปึก ปึก ปึก“อ๊าาา นับจ๋าทำไมแน่นแบบนี้ อูย” เก้าทัพร้องครางขึ้นด้วยความเสียวซ่านเมื่อภายในที่แสนคับแคบกำลังตอดรัดท่อนเอ็นใหญ่ของเขาจนเสียวไปทั้งลำ มือใหญ่สะกิดเม็ดบัวจนมันแข็งเป็นเป็นไตตอบรับสัมผัสของเขาส่วนช่วงล่างก็รัวกระแทกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย“อ๊าาา พี่ทัพขา นับ อื้อ สะ เสียว อ๊าาา”นับดาวร้องครวญครางออกมาด้วยความเสียว ท่านี้ทำให้ความใหญ่โตของเก้าทัพกระแทกถูกจุดกระสันของเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว ขาเนียนสวยสั่นระริกด้วยความเสียวซ่านจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ถ้าไม่มีมือใหญ่ของเก้าทัพคอยประคองเอาไว้ ใบหน้าสวยหวานซบลงบนหมอนหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกขย้ำอย่างเมามันยิ่งทำให้นับดาวเสียวมากขึ้นกว่าเดิม“อ๊าาา ทูนหัวร่องของหนูตอดพี่ไม่หยุดเลยนะคนสวย”ประโยคสุดแสนทะลึ่งของเก้า
เช้าวันต่อมาเก้าทัพค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความยากลำบากกระบอกตาของเขาร้อนผ่าวหัวก็ปวดจนแทบจะระเบิดน่าจะเป็นผลมาจากที่เขาเอาตัวเองไปยืนใต้สายน้ำทำตัวเป็นพระเอกมิวสิกชั่วคราวอย่างแน่นอน สะบัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อเรียกสติและความทรงจำกลับคืนมาก่อนที่ภาพของเขากับใครบางคนจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาตามลำดับมือใหญ่รีบควานหาร่างบางที่เขาเข้าใจว่านอนกอดทั้งคืนด้วยความตกใจก่อนที่จะหันมาพบว่าที่นอนข้าง ๆ ที่มีรอยยับยู่ยี่กลับว่างเปล่าไร้ร่างหอมกรุ่นของนับดาวที่เขานอนกอดหลับฝันดีทั้งคืน“นับดาว”ชื่อของคนในความทรงจำหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาก่อนที่เขาจะส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่ได้กระทำลงไปโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ เขาปล่อยให้ตัณหาราคะเข้ามาครอบงำจนหลงลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนสิ้นมือใหญ่สะบัดผ้าห่มที่คลุมร่างกายเอาไว้ออกก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นคราบเลือดจาง ๆ ที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเก้าทัพถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังถาโถมเข้ามาหาเล่นงานเขาดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์สุดท้ายแล้วก็ต้องมาแปดเปื้อนด้วยเงื้อมมือของเขาที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจสุดท้ายแล้วเมื่อไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแ