“นับพี่มาแล้ว” เสียงของแพรววาที่ตะโกนอยู่หน้าบ้านทำเอานับดาวที่กำลังกินมื้อเย็นก่อนไปทำงานรีบตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเก่า ๆ ขึ้นสะพายทันที
“นับดาวไปก่อนนะจ๊ะแม่จ๋า เลิกงานแล้วลูกสาวคนนี้จะรีบกลับบ้านทันทีเลยจ้ะ”
นับดาวบอกปรานีที่ยิ้มให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนที่ร่างบางจะวิ่งดุกดิกออกไปหาพี่สาวข้างบ้านคนสวยที่เปิดประตูรถรอเธออยู่ที่หน้าบ้าน แพรววาเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับที่นับดาวได้ทุนเรียนต่อ แต่ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงทำให้แพรววาเลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์ที่ผับของขุนพลช่วงปิดเทอมเพื่อหาเงินไว้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดา
แพรววาขับรถยนต์มือสองคันเล็ก ๆ ที่เธอเก็บหอมรอบริบจนสามารถที่จะซื้อด้วยตัวเองได้มารับนับดาวทุกวัน สองสาวไปทำงานพร้อมกันและกลับด้วยกันทุกวัน เพราะแพรววารับปากแม่ปรานีเอาไว้แล้วว่าจะดูแลนับดาวให้ดีที่สุด
“อาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วนะตื่นเต้นไหมเรา” แพรววาถามนับดาวที่ดวงตาทอเป็นประกายสุกใสเมื่อพูดถึงเรื่องเปิดเทอม นับดาวเลือกที่จะเรียนคณะบัญชี เพราะเป็นคณะที่เป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อเรียนจบไปแล้วเธอก็อยากจะมีงานทำไว ๆ จะได้มีเงินส่งอ้อมใจกับเอื้ออารีน้อง ๆ ทั้งสองคนให้ได้เรียนสูง ๆ
“ตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะพี่แพรวจากเด็กมัธยมก้าวสู่นักศึกษามหาวิทยาลัยคิดทีไรก็อดตื่นเต้นไม่ได้ทุกที”
นับดาวบอกแพรววาถึงความรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อคิดว่าเธอกำลังจะได้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วยรอยยิ้ม ทำเอาแพรววาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามออกมาอย่างนึกเอ็นดูนับดาวเด็กสาวที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เด็กไม่ได้ สาวน้อยช่างสดใสบริสุทธิ์เสียจนเธอหวังว่าโลกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลายประเภทจะไม่มีใครทำให้เด็กสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนนี้ต้องแปดเปื้อน
“อาทิตย์หน้ารู้กัน ปะไปทำงานกัน” พูดจบแพรววาก็ออกรถทันทีก่อนที่จะขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อเดินทางไปทำงาน นับดาวนั่งยิ้มพร้อมกับฮัมเพลงคลอกับเสียงวิทยุบนรถอย่างมีความสุข
ถึงเธอจะเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อขาดแม่ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีมากแล้วสำหรับเธอ
Dark devil Pub
ร่างสูงของใครบางคนที่เดินควงกุญแจรถเข้ามาในผับเรียกสายตาสาว ๆ ที่มาหาความเบิกบานสำราญใจในค่ำคืนนี้ได้เป็นอย่างดี ใบหน้าหล่อร้ายที่ติดจะเย็นชาปรายตามองสาว ๆ ที่พากันเมียงมองมายังเขาอย่างเชิญชวนราวกับอากาศธาตุ ถึงเขาจะกินเงียบ กินดุก็จริง แต่ผู้หญิงทุกคนต้องจบความสัมพันธ์กับเขาแค่เพียงคืนเดียวเท่านั้น เพราะคนอย่างเขาไม่ชอบกินซ้ำและยังไม่พร้อมที่จะมีพันธนาการรักกับใครทั้งนั้น
“เดินเข้าผับมาทีสาว ๆ มองเต็มเลยว่ะ” ดาร์คอดที่จะแซวเก้าทัพไม่ได้เมื่อสายตาเชิญชวนจากทั่วทุกสารทิศต่างพุ่งเป้ามาที่เพื่อนรักที่หน้าตาดีราวกับเทพบุตรอย่างเพื่อนเขา ที่กำลังนั่งลงบนโซฟาพร้อมทั้งเบือนหน้าหนีสาว ๆ ที่ยกแก้วเหล้าอย่างเชิญชวนทำเอาสาว ๆ เหล่านั้นถึงกับส่งยิ้มเก้อ
“ขนาดหน้าตาดูไม่ค่อยเอนจอยแต่สาว ๆ ก็พร้อมจะเข้ามาจอยกับมันเพียบนับถือ ๆ จริง ๆ” พอร์ชก็เข้าร่วมวงแซวเก้าทัพอีกคนก่อนที่เก้าทัพจะยกเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วเพียว ๆ แล้วกระดกเหล้าขึ้นดื่มอย่างไม่รู้สึกรู้สากับรสชาติขมบาดคอของเหล้าเลยสักนิด
“เพียวแต่วันเชียวนะคุณชายเก้า” ดาร์คแซวเพื่อนยิ้ม ๆ อีกครั้งแต่เก้าทัพก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ตอบโต้เพื่อนแต่อย่างใด
เขาชอบที่จะนั่งดื่มเงียบ ๆ เสียมากกว่า สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ ก็เจอสาวสวยมากมายที่พากันทิ้งสายตาเพื่อชวนเชิญเขาให้ไปต่อในค่ำคืนนี้ มุมปากหนายกยิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะดึงสายตากลับมาหาเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“มองอะไรกันหนักหนาวะ” เก้าทัพว่าให้เพื่อนทั้งสองที่จ้องหน้าเขาไม่หยุดก่อนที่ทั้งสองคนจะยักไหล่น้อย ๆ พร้อมกันอย่างกวน ๆ
“มองคนหล่อไง” พอร์ชเป็นเจ้าของคำตอบนั้นก่อนที่เก้าทัพจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเพื่อนทั้งสองคน เขานั่งดื่มโดยที่ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาแต่อย่างใดก่อนที่มือจะคว้าโดนเพียงน้ำเย็นไร้ซึ่งน้ำแข็ง เขายกถังที่มีเพียงน้ำเปล่าบอกเพื่อนเพียงแค่นั้นพอร์ชก็เข้าใจในทันที
“นับจ๊ะเอาน้ำแข็งไปเสิร์ฟโต๊ะ VIP 5 ที”
คิวยื่นถังน้ำแข็งให้นับดาวที่รับมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเดินไปโซนที่มีเสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบบรรยากาศของความวุ่นวาย เดินไปจนถึงโต๊ะก็รีบตรงดิ่งเข้าไปวางถังน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ผู้ชายรูปร่างดีที่หันหน้าออกไปอีกทางก่อนที่พยายามจะยื่นมือหยิบถังน้ำแข็งเปล่าที่อยู่ข้าง ๆ ผู้ชายคนนั้นที่พี่ ๆ ในโต๊ะไม่ยอมหยิบมายื่นให้เธอเพื่อนำกลับไปด้วย
อยู่ ๆ ดาร์คก็นึกสนุกขึ้นมาแกล้งขัดขานับดาวเบา ๆ ทำเอานับดาวถึงกับเสียหลักล้มลงไปข้างหน้าเก้าทัพที่หันมาพอดี เขารีบรับร่างบางเอาไว้ด้วยความตกใจเมื่อใครบางคนโดนเพื่อนเขาแกล้งจนล้มลงมาใส่เขาที่รีบคว้าเอวบางมานั่งบนตักทันที กลิ่นแป้งเด็กที่แสนคุ้นเคยโชยมาเข้าจมูกทำเอาเก้าทัพถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
“อะ เอ่อ ขะ ขอโทษค่ะขอโทษ นับดาวไม่ได้ตั้งใจ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนขอโทษผู้ชายที่เธอกำลังนั่งอยู่บนตักอย่างรู้สึกผิดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากไฟประดับดวงน้อย ๆ ดวงตากลมโตของนับดาวเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อผู้ชายที่เธอล้มลงมานั่งบนตักคือพี่เก้าทัพพี่ชายใจดี
เก้าทัพเองก็ดูจะตกใจไม่น้อยที่ผู้หญิงในอ้อมกอดของตัวเองคือนับดาว ทั้งสองคนต่างจ้องมองกันและกัน หนึ่งคนสายตาเต็มไปด้วยความคิดถึงคนึงหาอีกคนเต็มไปด้วยความแปลกใจ ดาร์คที่เห็นแบบนั้นถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ กับจังหวะนัยน์ตาสื่อรักของหนุ่มสาวทั้งคู่
“อืม บางทีรับบทเป็นผีผลักนี่ก็ดีเหมือนกันนะ” ดาร์คพูดขึ้นมาลอย ๆ แต่มันกลับทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่ได้สติเก้าทัพกระแอมไอออกมาอย่างเก้อ ๆ ในขณะที่นับดาวก้มหน้างุดด้วยความเขินอายก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับตัวลงจากตักนุ่มที่เธอรู้สึกเสียดายความอบอุ่นนั้นไม่น้อย
“นับดาวขอโทษนะคะพี่เก้าทัพ เอ่อ นับดาวไม่ได้ตั้งใจอยู่ ๆ ก็สะดุดล้มลงไปก็เลย เอ่อ แหะ แหะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกเก้าทัพที่แอบอมยิ้มเล็กน้อยส่วนดาร์คกับพอร์ชถึงกับมองหน้ากันอย่าง-งง ๆ ที่เก้าทัพรู้จักกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักมากคนนี้
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนพี่มันแกล้งเราน่ะ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษเรา”
น้ำเสียงนุ่มละมุนตอบกลับนับดาวก่อนที่จะหันไปมองหน้าดาร์ค อย่างคาดโทษ แต่ดาร์คกลับไม่ได้สนใจเพื่อนเลยสักนิด เพราะตอนนี้เขารู้สึกตกใจเก้าทัพในโหมดที่กำลังตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เป็นผู้หญิง น้ำเสียงหวานละมุนที่ตอบสาวน้อยหน้าหวานคนนี้ก็ฟังดูจั๊กจี้หูชอบกลดาร์คไม่ชินเลยกับโหมดเสียงหวานรื่นหูของเพื่อน
“นับดาวทำงานที่นี่เหรอคะ” ประโยคคำถามที่แสนน่ารักแลดูสุภาพเรียบร้อยทำเอาพอร์ชที่กำลังกระดกเหล้ามองหนุ่มสาวทั้งคู่เงียบ ๆ ถึงกับเหล้าแทบพุ่งด้วยความระคายหู เมื่อเก้าทัพลงท้ายประโยคอย่างน่ารักกับน้องสาวคนสวยที่กำลังยืนยิ้มหวานให้เพื่อนของเขาอยู่
“ใช่ค่ะนับดาวมาทำงานพาร์ตไทม์ระหว่างที่รอเปิดเทอม” น้ำเสียงสดใสร่าเริงตอบเก้าทัพดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธออย่างมีความสุข หลังจากวันนั้นเธอก็รอคอยที่จะพบเจอเขาเสมอมาและสุดท้ายแล้ววันนี้เขาก็มา แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยกันต่อแพรววาที่มาเสิร์ฟเหล้าโต๊ะข้าง ๆ ก็เดินมาตามนับดาวที่กำลังยืนคุยกับเก้าทัพให้กลับไปทำงาน
“ถ้าอย่างนั้นนับดาวขอตัวก่อนนะคะ อ้อ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะคะพี่เก้าทัพ” สาวน้อยจำใจบอกลาผู้ชายที่แอบซ่อนเอาไว้ลึกสุดของหัวใจด้วยความเสียดายก่อนที่เก้าทัพจะพยักหน้ารับช้า ๆ นับดาวยกมือโบกลาเก้าทัพพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนที่จะเดินควงแขนแพรววาออกไปทันที
“ใครอะ รู้จักกันเหรอ” หลังจากที่นับดาวจากไปแล้วพอร์ชก็ขยับเข้ามาถามเพื่อนรักที่ยังคงยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังบอบบางของนับดาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่เก้าทัพจะยิ้มกว้างมากกว่าเดิมและหันมาพ่นคำหยาบใส่หน้าพอร์ชจนหน้าสั่น
“เสือก” คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่คนฟังถึงกับเบะปากด้วยความเซ็งแต่ถึงอย่างนั้นพอร์ชก็ไม่เซ้าซี้ เพราะถ้าหากเก้าทัพอยากเล่าพวกเขาไม่ต้องรบเร้าให้เสียเวลา เมื่อถึงเวลาเก้าทัพจะเปิดปากออกมาเองโดยที่ไม่ปิดบังพวกเขาเลยสักนิดและครั้งนี้ก็เช่นกันพวกเขาคงได้แต่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
เก้าทัพนั่งดื่มเงียบ ๆ อย่างอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูจะเป็นภาพที่หายากมากสำหรับสาว ๆ ที่พากันมองผู้ชายใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์
เด็กสาวคนนั้นทำงานที่นี่แบบนี้เขาคงต้องมาเที่ยวที่นี่ทุกวันเสียแล้วสิ หึหึ
“นับรู้จักน้องเก้าทัพด้วยเหรอ” เมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรแพรววาก็ถามนับดาวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่นับดาวจะพยักหน้ารับน้อย ๆ แพรววาถึงกับกระโดดโลดเต้นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกที่นับดาวรู้จักกับคนดังอย่างน้องเก้าทัพ กันต์ดนัย“งื้อ อิจฉาอะ ไปรู้จักน้องเก้าได้อย่างไร แล้วดูสิยิ้มหวานให้น้องสาวพี่ขนาดนี้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเอ่ย” แพรววาถามนับดาวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนสาวน้อยไปด้วย นับดาวถึงกับยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ กับคำถามของแพรววาก่อนที่น้ำเสียงสดใสจะตอบกลับแพรววา“เป็นปกติของคนที่รู้จักกันจะยิ้มให้กันหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดออกมาอย่างพาซื่อก่อนที่แพรววาจะส่ายหัวรัว ๆ จนผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิงไปหมด นับดาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่แพรววาส่ายหัวรัวขนาดนั้นราวกับว่าที่จริงแล้วพี่เก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครอย่างนั้นแหละ“คนอย่างน้องเก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของแพรววาทำเอานับดาวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจเพราะดู ๆ ไปแล้วพี่เก้าทัพก็ออกจะอัธยาศัยดี ยิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับเธอแถมยังอ่อนโยนจนใจเธออ่อนไหวอีกต่างหากอ่อนไหวแค่ไหนไม่รู้ ที่เธอรู้คือตอนนี้ใจ
หลังจากวันนั้นเก้าทัพก็มักจะมานั่งดื่มที่ผับทุกวันโดยเขาจะมาในเวลาเดิมคือสองทุ่มซึ่งบางครั้งเขาก็มาคนเดียว แต่บางครั้งก็จะมีกลุ่มเพื่อนมานั่งดื่มด้วยกันและเขาจะนั่งมองร่างบางที่เดินไปมาอย่างแข็งขันพร้อมกับพูดคุยหัวเราะยิ้มแย้มกับบรรดาสาว ๆ ที่มาเที่ยวหาความสุขในยามค่ำคืนที่ผับแห่งนี้อย่างเพลินตา“เหล้าที่สั่งได้แล้วค่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่เก้าทัพจะเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ก็เจอกับนับดาวที่ก้มลงวางบรั่นดีที่เก้าทัพสั่งลงบนโต๊ะก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้ผู้ชายที่เธอแอบหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออย่างน่ารัก เก้าทัพถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นเด็กที่น่ารักสดใสเสียจริง“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะคะ”นับดาวถามเก้าทัพด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่ดาร์คและพี่พอร์ช แก๊งเพื่อนรักที่เก้าทัพแนะนำให้เธอรู้จัก โดยเฉพาะพี่ดาร์คนับดาวจำได้ขึ้นใจเลยแหละ เพราะเขาชอบแกล้งเธอบ่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นมนตร์รักผีผลัก ซึ่งหลัง ๆ มาเธอรู้ทัน แต่ก็ยังพลาดท่าพี่ดาร์คจนทำให้เกิดจังหวะความใกล้ชิดกับเก้าทัพอยู่บ่อย ๆ“สองคนนั้นติดธุระน่ะ ก็เลยมาคนเดียว”เก้าทัพบอกสาวน้อยหน้า
นับดาวมองชายหญิงสองคนที่นั่งชิดติดกันด้วยสายตาหม่นเศร้าอยู่ในมุมหนึ่งดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอแอบรักกับหญิงสาวที่สวยมากราวกับเจ้าหญิงด้วยความเศร้าใจ ถึงพี่เก้าทัพจะเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่กลับปล่อยให้เธอคนนั้นอิงแอบแนบชิดโดยที่ไม่ถอยหนีเลยสักนิด“เป็นปกติของผู้ชายหล่อ ๆ ที่มักจะมีผู้หญิงแวะเวียนมาแจกขนมจีบอยู่เรื่อย อย่าคิดมากเลยนะพี่ไม่ชอบเวลาที่เราเศร้าเลย”แพรววาเดินมาแตะไหล่บอบบางของนับดาวอย่างต้องการปลอบใจเด็กสาวที่กำลังมองไปข้างหน้าด้วยแววตาเศร้าหมองซึ่งเธอสัมผัสได้ว่านับดาวกำลังเสียใจ ก่อนที่นับดาวจะหันมายิ้มให้แพรววาเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ดวงตาที่ไร้ประกายสดใสก็บอกแพรววาว่านับดาวกำลังกลบเกลื่อนความเศร้าของตัวเองอยู่“ทำงานต่อเถอะวันนี้วันสุดท้ายแล้วเต็มที่กัน” แพรววาตบบ่านับดาวเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปรับออเดอร์จากพี่คิว ส่วนนับดาวก็ทำงานอย่างไม่มีสมาธิดวงตากลมโตจับจ้องไปที่เก้าทัพตลอดเวลา เธออยากจะมองเขาเป็นภาพจำครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกแล้วหลังจากที่ส้มหวานจากไปแล้วเก้าทัพก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ อารมณ์ความใค
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบเสียงบดจูบอย่างดูดดื่มดังขึ้นทั่วทั้งห้องน้ำท่ามกลางสายน้ำที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย เก้าทัพค่อย ๆ พาเด็กที่ไร้ประสบการณ์อย่างนับดาวค่อย ๆ เดินไปทีละก้าวอย่างไม่เร่งรีบทั้ง ๆ ที่เขาปวดหนึบจนแทบทานทนไม่ไหว แต่บางสิ่งบางอย่างมันบอกเขาว่าให้อ่อนโยนกับนับดาวให้มากที่สุดเด็กสาวค่อย ๆ จูบตอบอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แต่เมื่อเก้าทัพนำทางเด็กสาวที่หัวไวก็สามารถทำให้เก้าทัพประทับใจได้ไม่ยากจุ๊บ!!เก้าทัพถอนจูบที่แสนหวานออกอย่างแสนเสียดายก่อนที่จะนับดาวจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงใหล มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าสวยหวานของนับดาวอย่างอ่อนโยนเขามั่นใจว่าเด็กสาวที่กำลังตัวสั่นอยู่ใต้สายน้ำนั้นบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และอีกสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจและรับรู้มาตลอดก็คือนับดาวชอบเขา แต่สำหรับเขาแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อนับดาวมันคืออะไรกันแน่ เขาก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน“พี่ขอโทษนะนับดาว พี่ขอโทษ แต่พี่ทนไม่ไหวแล้วเด็กดี”น้ำเสียงแหบพร่าบอกนับดาวที่ยังคงมองเก้าทัพด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะซุกไซ้ใบหน้าหล่อเหลาลงที่ซอกคอหอมกรุ่นของเด็กสาว ผิวเนื้อที่เนียนละเอียดทำเอาเก้าทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อย ๆ ข
“อ๊ะ อ๊าาา พะ พี่เก้า นับ อื้อ จะ จุก”น้ำเสียงหวานร้องบอกเก้าทัพมือบางจับที่หัวเตียงเอาไว้แน่น ตอนนี้นับดาวอยู่ในท่าคลานเข่าสองขาแยกออกกว้างในขณะที่เก้าทัพกระแทกความใหญ่โตเข้าหาเธอไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซบลงบนแผ่นหลังนวลเนียนก่อนที่จะพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังหอมกรุ่น มือใหญ่ยื่นไปขย้ำหน้าอกอวบที่เด้งกระดอนไปตามจังหวะกระแทกของเขาปึก ปึก ปึก“อ๊าาา นับจ๋าทำไมแน่นแบบนี้ อูย” เก้าทัพร้องครางขึ้นด้วยความเสียวซ่านเมื่อภายในที่แสนคับแคบกำลังตอดรัดท่อนเอ็นใหญ่ของเขาจนเสียวไปทั้งลำ มือใหญ่สะกิดเม็ดบัวจนมันแข็งเป็นเป็นไตตอบรับสัมผัสของเขาส่วนช่วงล่างก็รัวกระแทกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย“อ๊าาา พี่ทัพขา นับ อื้อ สะ เสียว อ๊าาา”นับดาวร้องครวญครางออกมาด้วยความเสียว ท่านี้ทำให้ความใหญ่โตของเก้าทัพกระแทกถูกจุดกระสันของเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว ขาเนียนสวยสั่นระริกด้วยความเสียวซ่านจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ถ้าไม่มีมือใหญ่ของเก้าทัพคอยประคองเอาไว้ ใบหน้าสวยหวานซบลงบนหมอนหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกขย้ำอย่างเมามันยิ่งทำให้นับดาวเสียวมากขึ้นกว่าเดิม“อ๊าาา ทูนหัวร่องของหนูตอดพี่ไม่หยุดเลยนะคนสวย”ประโยคสุดแสนทะลึ่งของเก้า
เช้าวันต่อมาเก้าทัพค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความยากลำบากกระบอกตาของเขาร้อนผ่าวหัวก็ปวดจนแทบจะระเบิดน่าจะเป็นผลมาจากที่เขาเอาตัวเองไปยืนใต้สายน้ำทำตัวเป็นพระเอกมิวสิกชั่วคราวอย่างแน่นอน สะบัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อเรียกสติและความทรงจำกลับคืนมาก่อนที่ภาพของเขากับใครบางคนจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาตามลำดับมือใหญ่รีบควานหาร่างบางที่เขาเข้าใจว่านอนกอดทั้งคืนด้วยความตกใจก่อนที่จะหันมาพบว่าที่นอนข้าง ๆ ที่มีรอยยับยู่ยี่กลับว่างเปล่าไร้ร่างหอมกรุ่นของนับดาวที่เขานอนกอดหลับฝันดีทั้งคืน“นับดาว”ชื่อของคนในความทรงจำหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาก่อนที่เขาจะส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่ได้กระทำลงไปโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ เขาปล่อยให้ตัณหาราคะเข้ามาครอบงำจนหลงลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนสิ้นมือใหญ่สะบัดผ้าห่มที่คลุมร่างกายเอาไว้ออกก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นคราบเลือดจาง ๆ ที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเก้าทัพถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังถาโถมเข้ามาหาเล่นงานเขาดอกไม้ที่แสนบริสุทธิ์สุดท้ายแล้วก็ต้องมาแปดเปื้อนด้วยเงื้อมมือของเขาที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจสุดท้ายแล้วเมื่อไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแ
หลายวันต่อมา“มาแต่เช้าเลยนะนับ”ปิ่นมุกทักทายนับดาวด้วยรอยยิ้มปิ่นมุกคือเพื่อนคนแรกของนับดาวที่เดินเข้ามาทักทายตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมทำกิจกรรมรับน้องด้วยกันจนกลายมาเป็นเพื่อนกัน เพราะปิ่นมุกเองก็เป็นเด็กทุนเหมือนกันกับนับดาวเลยทำให้ทั้งคู่คุยกันถูกคอในขณะที่คนอื่น ๆ แทบจะไม่มีใครเข้ามาทักทายคนทั้งคู่เพราะมหาวิทยาลัย M คือมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ของประเทศ ค่าเทอมที่นี่ค่อนข้างแพง แต่ก็จะมีการเปิดให้สอบชิงทุนสำหรับเด็กที่เรียนดี แต่ไร้ทุนทรัพย์ซึ่งนับดาวกับปิ่นมุกก็คือคนที่สอบชิงทุนของคณะบัญชีได้ในครั้งนี้จากทุนทั้งหมดจำนวนสิบทุน“ขืนมาสายรถเมล์ก็เต็มกันพอดี นับไม่อยากไปยืนเบียดกับคนบนรถน่ะ กว่าจะถึงมอขาแข็งแน่นอนเลย” นับดาวส่งยิ้มให้ปิ่นมุกก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่โรงอาหารด้วยกันเพื่อทานมื้อเช้า เมื่อมาถึงก็มีโต๊ะว่างอยู่มากมาย เพราะเช้า ๆ แบบนี้คนไม่ค่อยเยอะนับดาวกับปิ่นมุกเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะที่ว่างทันที“วันนี้กินอะไรดีเอ่ย” ปิ่นมุกถามนับดาวที่กำลังไล่สายตามองร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าเธอก่อนที่ดวงตากลมโตจะไปหยุดลงที่ร้านข้าวไข่เจียวเมนูประจำที่ร
โรงอาหาร“ทำหน้าอะไรของมึงแบบนั้นวะ เมื่อเช้ากินขี้มาหรือไง”พอร์ชแซวเก้าทัพที่ทำสีหน้าราวกับเบื่อโลกยิ้ม ๆ ก่อนที่เก้าทัพจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่าง ตั้งแต่เปิดเทอมมาพวกเพื่อนสองคนมันลากเขาไปช่วยรับน้องโดยให้เขาเป็นพี่ว้ากที่เขาพยายามปฏิเสธหัวชนฝา แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่มาร้องขอเขาคืออาจารย์ที่เขาเคารพนับถือมันเลยทำให้เขาต้องจำยอมอย่างจำใจกิจกรรมรับน้องมีทุกวัน เขาตื่นเช้ากลับดึกจนหัวฟูไปหมด จากที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปคุยกับนับดาวถึงเรื่องราวระหว่างเราสองคนกลับกลายเป็นว่าต้องล้มเลิกไปพอเสร็จจากการรับน้อง วิชาเรียนก็มาพร้อมงานที่อาจารย์พากันสั่งราวกับนัดกันมาทำเอาเก้าทัพแทบจะไม่มีเวลาแวบไปไหนเลย เข้าใจแล้วว่าการเรียนหนักมันเป็นอย่างไรก็ตอนที่ขึ้นปีสองนี่แหละ เขาอยากจะบ้าตาย ปัญหาทางใจและทางกายยังไม่ได้เคลียร์มันเลยทำให้เขารู้สึกค้างคาจนพาลหงุดหงิดเบื่อโลกไปเสียอย่างนั้นคิดถึง...คำ ๆ นี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา“กินขี้บ้านพ่อมึงสิไอ้พอร์ช กูหงุดหงิดโว้ย เพราะพวกมึงสองตัวเลยที่ทำให้กูไม่มีเวลา”เสียงตะโกนด่าเพื่อนของเก้าทัพทำเอาคนที่นั่งแถวนั้นสะดุ้งกันเป็นแถบ เพราะรู้สึกว่าวัน