วันเวลาที่ผ่านไปเร็วราวกับเข็มนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดินทำให้ตอนนี้กองทัพกับพราวฟ้าใกล้จะจบปีการศึกษาแล้วซึ่งสำหรับกองทัพเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกเขาก็ต้องไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้เรียนที่ไหน ตอนนี้เก้าทัพกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าบิดาในห้องทำงาน เขามาที่นี่เพื่อมาขอคำปรึกษาจากบิดาถึงเรื่องเรียนต่อของลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่การเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว“ผมอยากให้ลูกไปเรียนต่อมัธยมที่เมืองนอกพ่อมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ” เก้าทัพถามบิดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่กฤษฎิ์จะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะตัวเขาเองก็ส่งเก้าทัพไปเรียนต่อที่เมืองนอกเช่นกัน แต่เป็นการส่งไปเรียนหลังจากที่เก้าทัพเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยแล้ว แต่เก้าทัพกลับคิดต่างจากเขาคือให้ส่งเจ้ากองทัพไปตั้งแต่ยังเด็ก“ทนคิดถึงลูกไหวไหมล่ะ” คำถามของบิดาทำให้เก้าทัพถึงกับยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะคำถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเห็นด้วยกับการที่เขาจะส่งกองทัพไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ“คิดถึงสิครับ คิดถึงมากด้วย แต่เก้าก็อยากให้พี่ทัพไปเรียนรู้การใช้ชีวิตของการเป็นเด็กวัยรุ่นไปจนถ
เย็นวันฝนพรำโครม!!!!หยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำเอานับดาวที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมไทยถึงกับลื่นล้มอยู่กลางถนน ขนมในตะกร้าใบใหญ่หกกระจัดกระจายเต็มท้องถนน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก็บขนมไทยที่แม่ปรานีทำเพื่อให้เธอนำไปขายที่ตลาดยามเย็นโดยที่ไม่สนใจแผลถลอกที่เข่าเลยสักนิด รถหลายคันผ่านไปมาโดยที่ไม่มีใครลงมาช่วยสาวน้อยผมสั้นในชุดเดรสเก่า ๆ ที่กำลังตากฝนเก็บขนมอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำเลยสักคนจนทั่งกระร่างสูงของใครบางคนที่หยุดลงตรงหน้านับดาวเด็กสาวผู้โชคร้ายพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ถูกกางเพื่อกันฝนให้สาวน้อยร่างผอมบางที่กำลังเก็บบรรดาขนมที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน นับดาวชะงักมือที่กำลังก้มเก็บขนมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำเอาเธอถึงกับใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำสายตาที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อยนั่นดึงดูดเธอราวกับต้องมนตร์สะกดเก้าทัพเลือกที่จะนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นถนนแล้วยื่นร่มให้หญิงสาวแปลกหน้า นับดาวมองเขาพร้อมรับร่มมาถือไว้อย่าง-งง ๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันไปเอื้อมมือเก็บขนมที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ตะกร้าให้เธอจนครบ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำ
สนามแข่งรถ PK“พี่เก้าสู้ ๆ พี่เก้าทัพสู้ตาย กรี๊ดดดด”“กรี๊ดดด มึงงงง พี่เก้าแซงแล้ว ๆ งื้อ ดีใจอะ”“พี่เก้าของออมสู้เขานะคะ”“เย่ เย่ พี่เก้าชนะแล้ว ๆ”เสียงกรี๊ดร้องของสาว ๆ ดังขึ้นทั่วทั้งสนามเมื่อรถซูเปอร์คาร์สีดำคันสวยแล่นเข้าเส้นชัยนำคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น ไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักคนที่อยู่บนรถ เพราะผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงเรื่องการแข่งรถเป็นที่หนึ่งไม่เคยเป็นที่สองรองจากใครทั้งนั้น ฝีมือขับรถที่ดุดันและหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพบุตรที่มีชีวิตช่างมีเสน่ห์เชิญชวนให้สาว ๆ พากันมานั่งเต็มขอบสนามเพื่อชมการแข่งรถในแมตช์นี้เอี๊ยดดด!!เสียงล้อรถหรูบดกับพื้นถนนเสียงดังลั่นก่อนที่ประตูด้านคนขับจะเปิดออกมาร่างสูงในชุดเสื้อช็อปกางเกงยีนราคาแพงก้าวลงมาจากรถ เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ก็ดังขึ้นอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น สายตาเย็นชาที่กวาดมองไปยังกลุ่มสาว ๆ มันช่างไร้ความรู้สึกเสียจนสาว ๆ หลายคนต่างพากันขนานนามให้เขาว่าเทพบุตรไร้หัวใจที่ไม่เคยไร้คนข้างกาย“เจ๋งว่ะเพื่อน ชนะแบบไม่เห็นฝุ่นเลย”ดาร์คเดินมาหาเพื่อนรักพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม เก้าทัพเป็นผู้ชายที่เก่งในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป
หลังจากที่ขับรถออกมาจากสนามแข่งได้สักพักซูเปอร์คาร์คันหรูก็เกิดงอแงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทำเอาเก้าทัพถึงกับทุบพวงมาลัยอย่างหัวเสียเขายิ่งรีบ ๆ อยู่รถดันมาดับกลางทาง แบบนี้แม่ที่รักต้องรอเขาเก้ออย่างแน่นอน มือล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนที่จะกดส่งข้อความไปบอกมารดาว่าอาจจะถึงช้า เพราะรถเสียกลางทาง ร่างสูงก้าวลงจากรถพร้อมกับล็อกรถอย่างมิดชิดร่างสูงออกมายืนอยู่ข้างถนนมือก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนเพื่อให้มาจัดการกับรถที่เสียข้างทางจนกระทั่งเรียบร้อยแล้วก็ยืนรอ Taxi ที่แทบจะไม่มีผ่านมาเลยสักคัน จนกระทั่งรถประจำทางผ่านมาและหยุดลงตรงหน้าเก้าทัพไม่รอช้าที่จะก้าวขึ้นไปบนรถทันที ดูจากเส้นทางที่ติดอยู่ข้างรถแล้วรถประจำทางคันนี้น่าจะผ่านไปแถว ๆ บ้านของเขาหลังจากที่ขึ้นรถมาแล้วดวงตาคมกริบกวาดสายตามองหาที่นั่ง แต่ปรากฏว่าไม่มีที่นั่งเหลือว่างเลยสักที่ เก้าทัพค่อย ๆ เดินเบียดเสียดไปข้างหน้าอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ เพราะกลัวจังหวะรถเบรกกะทันหัน ซึ่งเหมือนความคิดของเขาจะสื่อไปถึงคนขับที่อยู่ดี ๆ ก็แตะเบรกกะทันหันเพื่อรับผู้โดยสาร ร่างสูงของเขาไถลไปด้านหน้าก่อนที่จะชนเข้ากับร่างบางของใครบางคน กลิ่นแป้งเด็กหอมสดชื่นทำเอาเ
หลังจากวันนั้นนับดาวก็ไม่ได้เจอเก้าทัพอีกเลย หรือพรหมลิขิตจะไม่มีอยู่จริง ๆ กันนะเด็กสาวได้แต่คิดถึงเขาอย่างเศร้าใจ ตอนนี้นับดาวมาทำงานที่ผับของขุนพลได้เกือบสองเดือนแล้วซึ่งรายได้ในแต่ละวันรวมทิปด้วยทำให้ตอนนี้นับดาวมีเงินเก็บเกือบสี่หมื่นบาท อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสดใสร่าเริงยิ้มง่ายทำให้พี่ ๆ ที่มาเที่ยวต่างพากันรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษจึงพากันเปย์ทิปให้เธอเยอะทีเดียวในแต่ละคืนแต่วันนี้เธอกลับไม่ได้โชคดีเหมือนเฉกเช่นทุกวัน...“อะนับนี่ของโต๊ะเก้า”พี่คิวพนักงานจัดชุดเหล้าในร้านยื่นถังน้ำแข็งกับเหล้าราคาแพงให้นับดาวที่รับมาอย่างแข็งขัน เด็กสาวรีบเดินไปยังโต๊ะหมายเลขเก้าตามที่คนพี่บอก โต๊ะตรงนั้นล้วนมีแต่ชายฉกรรจ์พลันให้หญิงสาวหยุดชะงักเพราะผู้ชายที่นั่งล้อมรอบโต๊ะแต่ละคนดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร แต่เมื่อคิดได้ว่ามันคืองานเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจแล้วเดินนำถังน้ำแข็งกับเหล้าไปวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนที่จะรีบปลีกตัวออกมาทันทีแต่เพียงแค่หันหลังเพื่อที่จะเดินจากมามือที่หยาบกระด้างของใครบางคนก็ฉุดข้อมือของเธอเอาไว้จนนับดาวถึงกับเซไปปะทะที่ตัวของผู้ชายคนนั้นด้วยความไม่ท
คืนนั้นหลังจากที่แพรววามาส่งนับดาวที่หน้าบ้านเด็กสาวก็เดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุขและก็พบว่าแม่ปรานียังคงนั่งรอเธอกลับมาจากที่ทำงานเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กสาวเดินเข้าไปกอดมารดาด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ“ไม่ยอมนอนอีกแล้วนะคะ”น้ำเสียงสดใสร่าเริงของนับดาวแซวปรานีอย่างต้องการหยอกล้อผู้เป็นมารดา ปรานีกอดตอบลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะกว่าลูกสาวจะเลิกงานก็ปาไปตีหนึ่งเศษ เรื่องการทำงานที่สถานบันเทิงของนับดาวเธอคัดค้านตั้งแต่ครั้งแรกที่เด็กสาวไปสมัครงาน แต่ด้วยเหตุผลที่ทั้งบ้านไม่มีเงินพอที่จะส่งเสียนับดาวให้เรียนต่อสูง ๆ ในระดับมหาวิทยาลัยและเธอเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะทำให้ปรานีต้องยอมที่จะให้นับดาวไปทำงานในสถานที่อโคจรแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ห่วงแสนห่วง แต่แพรววาก็ได้ให้สัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของเธอให้ดีที่สุดมันก็ทำให้เธอวางใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสองเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลยสักครั้งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี“อยากเห็นหนูกลับเข้าบ้านมาก่อนถึงจะหลับลง”แววตาของนับดาวหม่นแสงลงเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินประโยคที่ชวนเศร้าใจก่อนที่ดวงตากลมโตขอ
“นับพี่มาแล้ว” เสียงของแพรววาที่ตะโกนอยู่หน้าบ้านทำเอานับดาวที่กำลังกินมื้อเย็นก่อนไปทำงานรีบตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเก่า ๆ ขึ้นสะพายทันที“นับดาวไปก่อนนะจ๊ะแม่จ๋า เลิกงานแล้วลูกสาวคนนี้จะรีบกลับบ้านทันทีเลยจ้ะ”นับดาวบอกปรานีที่ยิ้มให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนที่ร่างบางจะวิ่งดุกดิกออกไปหาพี่สาวข้างบ้านคนสวยที่เปิดประตูรถรอเธออยู่ที่หน้าบ้าน แพรววาเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับที่นับดาวได้ทุนเรียนต่อ แต่ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงทำให้แพรววาเลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์ที่ผับของขุนพลช่วงปิดเทอมเพื่อหาเงินไว้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดาแพรววาขับรถยนต์มือสองคันเล็ก ๆ ที่เธอเก็บหอมรอบริบจนสามารถที่จะซื้อด้วยตัวเองได้มารับนับดาวทุกวัน สองสาวไปทำงานพร้อมกันและกลับด้วยกันทุกวัน เพราะแพรววารับปากแม่ปรานีเอาไว้แล้วว่าจะดูแลนับดาวให้ดีที่สุด“อาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วนะตื่นเต้นไหมเรา” แพรววาถามนับดาวที่ดวงตาทอเป็นประกายสุกใสเมื่อพูดถึงเรื่องเปิดเทอม นับดาวเลือกที่จะเรียนคณะบัญชี เพราะเป็นคณะที่เป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อเรียนจบไปแล้วเธอก็อยากจะมีงานทำไว ๆ จะได้มีเงินส่งอ้อมใจกับเอ
“นับรู้จักน้องเก้าทัพด้วยเหรอ” เมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรแพรววาก็ถามนับดาวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่นับดาวจะพยักหน้ารับน้อย ๆ แพรววาถึงกับกระโดดโลดเต้นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกที่นับดาวรู้จักกับคนดังอย่างน้องเก้าทัพ กันต์ดนัย“งื้อ อิจฉาอะ ไปรู้จักน้องเก้าได้อย่างไร แล้วดูสิยิ้มหวานให้น้องสาวพี่ขนาดนี้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่าเอ่ย” แพรววาถามนับดาวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนสาวน้อยไปด้วย นับดาวถึงกับยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ กับคำถามของแพรววาก่อนที่น้ำเสียงสดใสจะตอบกลับแพรววา“เป็นปกติของคนที่รู้จักกันจะยิ้มให้กันหรือเปล่าคะ” นับดาวพูดออกมาอย่างพาซื่อก่อนที่แพรววาจะส่ายหัวรัว ๆ จนผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิงไปหมด นับดาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่แพรววาส่ายหัวรัวขนาดนั้นราวกับว่าที่จริงแล้วพี่เก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครอย่างนั้นแหละ“คนอย่างน้องเก้าทัพไม่เคยยิ้มให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของแพรววาทำเอานับดาวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจเพราะดู ๆ ไปแล้วพี่เก้าทัพก็ออกจะอัธยาศัยดี ยิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับเธอแถมยังอ่อนโยนจนใจเธออ่อนไหวอีกต่างหากอ่อนไหวแค่ไหนไม่รู้ ที่เธอรู้คือตอนนี้ใจ