3
ไม่เคยเปลี่ยน
“แต่ฉันมี!” ดราก้อนจ้องมองลิลิธด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด
ตุบ! ดราก้อนผลักร่างบางชนเข้ากับกำแพงและกระชากประตูปิดเสียงดังสนั่น
“ถ้าเด็กนี่ไม่ป่วยหนัก...เธอเคยคิดจะบอกฉันเรื่องนี้บ้างไหม?” น้ำเสียงของเขาก้องกังวานดังไกลไปทั่วทุกชั้นภายในบันไดหนีไฟที่เงียบสงัด
“เหอะ! แล้วนายแน่ใจได้ยังไงว่าเขาเป็นลูกนายจริง ๆ” ลิลิธกำหมัดแน่นพลางถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“นายอย่าลืมสิว่าฉันมันเป็นพวกเรียกร้องความสนใจ”
“ฉันอาจจะกำลังปั้นน้ำเป็นตัวอยู่ก็ได้นะ”
“ลิลิธ! ฉันไม่ได้โง่!” เขาบีบข้อมือของเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ถ้าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกฉัน! แล้ววันนี้เธอจะวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากฉันทำไม?”
“อย่าลืมนะว่าไขกระดูกคนเราน่ะ มันไม่ได้เข้ากันได้ง่าย ๆ ถ้าไม่ใช่พ่อ!! ไม่ใช่แม่ มันจะบริจาคให้กันได้ยังไง?” ดราก้อนตะคอกใส่ใบหน้าสวยของอดีตคู่หมั้นไปดังลั่น อย่างคุมอารมณ์ไว้แทบไม่อยู่
“….” ลิลิธขบกรามแน่น เธอค่อย ๆ ดึงข้อมือตัวเองคืนจากคนตรงหน้า แต่อีกฝ่ายก็ยิ่งบีบข้อมือเธอแน่นมากขึ้น
“แล้วนาย…คิดว่านายเป็นคนเดียวรึไง ที่ฉันไปขอความช่วยเหลือ?” ลิลิธแสยะยิ้มและถามกลับไปด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้
“ฉันอาจจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากผู้ชายหลายคนแล้วก็ได้...และนายเองก็อาจจะเป็นคนสุดท้ายของวันนี้!”
“ก็เท่านั้นเอง!” ลิลิธเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว แต่แววตาของเธอมันสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดเจน
“เธอมั่วขนาดจำไม่ได้เลยเหรอว่า...นอนกับใครไปบ้างน่ะ?” ดราก้อนเลิกคิ้วมองลิลิธและส่ายหน้าเบา ๆ เพราะลึก ๆ แล้วเขารู้จักเธอดีกว่าใคร
“ใช่! ฉันเลียนแบบมาจากผู้หญิงของนายไง!” สายตาของคนตัวเล็กยังคงจ้องมองเข้าไปในแววตาคู่นั้นของเขาไม่มีหลบตาใด ๆ
“ว่าแต่นายพอจะมีเบอร์โทรไลออน ออสติน...ไคเลอร์อยู่ไหม?” ลิลิธตั้งใจพูดออกไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของดราก้อนออกไปให้ห่างจากลูซิเฟอร์ แม้รู้ว่าตอนนี้มันแทบไม่มีหนทางที่จะแก้ต่างเรื่องนี้ได้เลยก็ตาม
“หึ หึ “ ดราก้อนรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านในอก เขาปล่อยมือของเธออย่างแรง
“ยังไงขอบคุณนะ ที่สละเวลามาช่วยลูกของฉัน!” ลิลิธสบตาเขาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันที่เห็นได้ชัด ก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว และหันหลังเดินตั้งท่าจะเปิดประตูบันไดหนีไฟออกไป...
“หยุดเบี่ยงประเด็นสักที!”
“เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน”
“แต่หลังผลตรวจ DNA ไขกระดูกและเลือดออกมา ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้องเอาลูกมาเลี้ยงได้เหมือนกัน!” ดราก้อนจงใจเอ่ยไล่ตามแผ่นหลังของเธอไปเสียงดังลั่น
ซึ่งประโยคข่มขู่ของเขา มันก็ทำให้ลิลิธชะงักไปครู่หนึ่งได้เลยเหมือนกัน เธอหยุดเดิน หันกลับมามองเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว แฝงไปด้วยทั้งความโกรธและความเจ็บปวดลึก ๆ แต่เธอพยายามสะกดกลั้นไม่ให้แสดงออกถึงความอ่อนแอ
“แต่ถ้าเธอยอมตกลงกับฉันแบบดี ๆ และยอมให้ฉันได้มีส่วนร่วมเลี้ยงดูเขาในฐานะพ่อ”
“ฉันจะไม่ฟ้อง และยังจะให้ค่าเลี้ยงดูเธอกับลูกอย่างดี” ดราก้อนพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น
“เธออยากได้เท่าไหร่ก็เรียกมาได้เลย” ร่างสูงยื่นข้อเสนอที่คิดว่าคนอย่างลิลิธไม่มีทางจะปฏิเสธเขาได้อย่างแน่นอน
“เหอะ ๆ นายนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ นะ” ลิลิธเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด
“ยังคงใช้เงินแก้ปัญหาทุกเรื่อง!” เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ราวกับปิดกั้นตัวเองไม่ให้ความรู้สึกเก่า ๆ ลอยกลับมา
“แล้วเธอคิดว่าตัวเธอเองมีปัญญามากพอที่จะรักษาลูกให้หายดีจริง ๆ น่ะเหรอ?” เขาโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบบอกเธอเบา ๆ
“ฉันคิดว่าฉันมีปัญญาหาหมอที่เก่งที่สุด และโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้ลูกได้” คำพูดของดราก้อนทำให้ลิลิธยืนกำหมัดแน่น เพราะมันก็จริงในทุก ๆ คำพูด เงินมันซื้อได้ทุกอย่าง...ทุกอย่างจริง ๆ
“ตอนนี้สิ่งที่เธอควรกังวลมากที่สุดคือลูก ไม่ใช่เรื่องราวในอดีตของเรานะ” ดราก้อนเดินตามมาหยุดที่ด้านหลังของเธอ
🐉_______🧝🏻♀️
_______
สามารถเพิ่มเติมความฟิน ความอิน และอ่านรีวิวเรื่องนี้ได้ที่พื้นที่ในเน็ต รวมถึงฟังเพลงได้ที่ TIKTOK
#อยู่ในตะเกียงแก้ว
#lilithsdragonพันธะสวาทมังกร
#พันธะสวาทมังกร
#เพลงลิลิธถึงดราก้อน
#ลิลิธดราก้อน
4ฟ้องร้องทั้งดราก้อนและลิลิธจ้องหน้ากันนิ่ง ๆ ความรู้สึกหลากหลายทับถมภายในใจของทั้งคู่ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของลิลิธดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมารับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากหมอของลูกชาย“ฮัลโหลค่ะ หมอ?” เสียงของลิลิธสั่นเล็กน้อย ขณะที่ดราก้อนเองก็เงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่างนัก(คุณแม่ครับ ตอนนี้ผลตรวจไขกระดูกออกมาแล้วนะครับ)“…” ลิลิธเหลือบมองทางดราก้อนเล็กน้อย แต่มือของเธอยังคงกำโทรศัพท์ในมือแนบหูแน่น(ต้องบอกว่า...โชคดีมาก ๆ เลยนะครับที่ผลตรวจคุณพ่อตรงและเข้ากับน้องได้ทุกอย่างเลย)(นั่นหมายความว่าคุณพ่อสามารถเป็นผู้บริจาคไขกระดูกให้ลูซิเฟอร์ได้อย่างสมบูรณ์ครับ) คำอธิบายของหมอทำให้ลิลิธรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่เธอก็แอบน้อยใจที่ลูกชายที่เธอตั้งท้องมาเอง เลี้ยงดูมาเอง กลับมีทั้งกรุ๊ปเลือดและอื่น ๆ ตรงกับผู้ชายตรงหน้าทุกอย่าง แทบไม่มีอะไรที่เหมือนเธอเลยสักนิด“แล้วแบบนี้ คุณหมอจะสามารถผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกให้ลูซิเฟอร์ ได้เมื่อไหร่เหรอคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง(ถ้าร่างกายของเด็กพร้อมเมื่อไหร่...ทางเราก็จะสามารถเริ่มกระบวนการผ่าตัดได้ในทันทีเลยครับ)(แต่ตอนนี้ผมอยากรบกวน
5คนปัจจุบันของลิลิธหลังจากที่ดราก้อนเซ็นเอกสารและมอบบัตรเครดิตให้พยาบาลไปเรียบร้อย หมอจึงขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อทั้งดราก้อนและลิลิธไว้เพื่อแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือการรักษาขั้นต่อไป“หากมีอะไรคืบหน้าหรือจำเป็นต้องให้คุณแม่เซ็นเอกสารเพิ่มเติม ทางเราจะโทรแจ้งทันที” หมอพูดด้วยท่าทีจริงจัง“รบกวนคุณหมอแจ้งพ่อเด็กด้วยครับ...อย่าแจ้งแค่แม่!” ดราก้อนวางนามบัตรของเขาลงบนโต๊ะของหมอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจหนัก“อ๋อ ๆ ได้ครับ ๆ” หมอพยักหน้ารับพลางยิ้มเจื่อน ๆ“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ...ยังไงฉันขอฝากลูกชายด้วยนะคะ” ลิลิธเอ่ยพลางยิ้มอ่อนแม้จะยังคงมีแววตาวิตกกังวล ขณะที่ดราก้อนยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม“แล้วถ้ามีอะไร โทรมาได้เลยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ” ลิลิธเอ่ยย้ำกับหมอไปทั้งน้ำตาคลอ ๆ ลิลิธพยายามกดความรู้สึกปั่นป่วนในใจ เพราะเธอไม่ชินกับการไม่มีลูกชายข้าง ๆ กายแบบนี้เลย เธอไม่ได้อยากกลับคอนโดฯ ไปตามลำพัง แต่ครั้นจะนอนเฝ้าลูกที่โรงพยาบาลมันก็ทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งดราก้อนและลิลิธต่างเดินไปในความเงียบ ตลอดเส้นทางที่ทอดยาวออกไป ในตอนที่ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้าห้อง ICU เด็กที่เดิม
6พ่อ(เลี้ยง)คนโปรด“ไอ้ดราก้อน!!” แดนนี่จะพุ่งเข้าหาอีกรอบ แต่ลิลิธรั้งเอาไว้“เรากลับได้แล้วค่ะ เขาอยากพูดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ คนพาลแบบนี้คุยด้วยก็ยิ่งประสาทเสีย” คนตัวเล็กพยายามจะลากแขนคนที่คบปัจจุบันเดินผ่านคนรักในอดีตไปแต่ทว่า…หมับ! มือหนาของดราก้อนคว้าข้อมือของเธอและกระชากรั้งเธอเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป“จริง ๆ ถ้าเธอหาคนที่ดีกว่าฉันไม่ได้แล้ว.....จะกลับมาหาฉันตอนนี้ก็ได้นะ” น้ำเสียงของดราก้อนอ่อนลงและแววตาที่เขามองเธอมันเปลี่ยนไปอย่างเห็นชัดลิลิธสบตาดราก้อนที่มองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้เลย แต่อดีตที่เคยผ่านมาฉายซ้ำ ๆ ในความทรงจำที่แสนเจ็บปวด เขา...คือความรักครั้งแรกที่แสนเจ็บปวดมากเหลือเกิน“ต้องการอะไร?” ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดในทุกคำ“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วนะ...มันนานจนฉันจำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้แล้ว” เธอค่อย ๆ สะบัดแขนของดราก้อนออกและเอื้อมมือไปกุมมือของแดนนี่เอาไว้แน่น“และที่สำคัญก็คือ.....ตอนนี้ฉันกับพี่แดนนี่เรามีความสุขดีและคาดว่าอีกไม่นานเราก็คงจะแต่งงานสร้างครอบครัวไปด้วยกัน” ลิลิธโอบแขนของคนรักใหม่แน่น“แต่งงาน?” ดราก้อนเลิกคิ้วมองไ
7อยากดูแลณ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ และอาหารบนโต๊ะที่มากมาย แต่ลิลิธกลับมีอาการเหม่อลอยและเธอกินอะไรไม่ลงเลยนอกจากนั่งจิบน้ำเปล่าไปพลาง ๆตอนนี้ในใจของเธอมันห่วงหาแต่เรื่องอาการป่วยของลูกชาย ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอแทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย และนี่ก็เป็นคืนที่สองแล้วที่เธอต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีเจ้าตัวเล็กข้างกายหัวอกคนเป็นแม่ ยิ่งรู้ว่าลูกเจ็บเธอย่อมรู้สึกเจ็บเสียยิ่งกว่า“ทานเยอะ ๆ หน่อยสิลิลิธ...เราไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ” แดนนี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแววตาที่ห่วงใย“ฉันกินไม่ค่อยลงน่ะค่ะ”“ไม่รู้ว่าถ้าลูกตื่นขึ้นมาไม่เจอใครเลย จะร้องไห้รึเปล่า?” คนตัวเล็กเอ่ยตอบกลับไปตามตรง พลางยกมือปาดน้ำตาแบบลวก ๆ แม้ว่าเธอพยายามจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งมากแค่ไหน แต่สุดท้ายพอเป็นเรื่องของลูก ใจมันแกว่ง ๆ มากจนคุมสติแทบไม่ได้เลย“ฉันกลัว” สายตาของลิลิธยังคงจ้องมองที่โทรศัพท์ไม่ห่าง มือของเธอสั่นเทาจนแทบยกช้อนตักอะไรไม่ได้เลย“พี่รู้ว่าเรากำลังคิดมากเรื่องลูก แต่สุขภาพของเราเนี่ยก็สำคัญเหมือนกันนะลิลิธ”“ตอนนี้ลูซิเฟอร์ถึงมือหมอแล้ว พี่คิด
8ห่วงและหวงที่สุด“ขอแค่ลิลิธยอมเปิดโอกาสให้พี่...มากกว่านี้”“เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมัน...(แดนนี่)/ตอนนี้ลิธยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องอื่นเลยจริง ๆ ค่ะ (ลิลิธ) ลิลิธนิ่งเงียบ มองหน้าเขาด้วยความคิดลึกซึ้ง แววตาของเธอเยือกเย็น แต่ก็มีประกายของความลังเลปรากฏอยู่ในนั้น“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจและพี่ก็ยินดีจะรอเราเสมอ” แดนนี่ถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงยิ้มรับในคำตอบของเธอ“ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นนั้น...ลิลิธว่าพี่แดนนี่ลองกลับไปคุยกับแม่ของพี่ดูก่อนดีไหมคะ?”“แม่พี่จะรับได้จริงเหรอ ที่ลูกชายจะมาคบหากับแม่หม้ายลูกติดที่ประวัติไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่?” น้ำเสียงของเธอหนักแน่นและเยือกเย็น แววตาของเธอสื่อถึงความมั่นคงและไม่หวั่นไหว แม้รู้ดีว่าสถานะของตัวเองจะทำให้เธออึดอัดใจ“พี่เชื่อว่า...ถ้าพี่รักใคร แม่พี่ก็รักด้วย”“อืม...ค่ะ” ลิลิธตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ สายตาของเธอว่างเปล่าและไม่ได้คิดตามในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตอนนี้ภายในใจของเธอมันไม่ได้คิดเรื่องของแดนนี่เลย มันมีแต่เรื่องของลูกชายสุมอยู่เต็มอก“จอดตรงหน้าโรงพยาบาลเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลิลิธจะแวะเข้าไปเยี่ยมลูกก่อน แล้วถึง
9คนเดิมที่เดิม ณ คอนโดฯ แห่งหนึ่งลิลิธขับรถวนเข้ามาจอดในลานจอดรถส่วนตัวของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง แสงไฟสลัวจากโคมไฟเหนือเพดานกระทบเงาสีเมทัลลิกของรถด้วยราคาห้องที่สูงเกือบสิบล้าน ทำให้มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ทุกมุมของคอนโดฯ สะท้อนถึงความหรูหราเธอหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาสแกนบริเวณล็อบบี้ที่ออกแบบอย่างทันสมัย ผนังหินอ่อนสีขาวขลับจับกับแสงไฟทำให้บรรยากาศภายในดูสวยสง่าและเงียบสงบเมื่อลิฟต์เปิดถึงชั้นที่เธอพัก ลิลิธเดินไปยังประตูห้อง เธอสแกนคีย์การ์ดเพื่อปลดล็อก ก่อนจะผลักประตูเข้าไปภายในห้องที่เย็นฉ่ำด้วยอุณหภูมิแอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนเปิดทิ้งเอาไว้แน่ ๆ“เฮ่อ...” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาและเพียงเธอก้าวเข้าไปไม่กี่ก้าว เธอก็พบว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังนั่งรอเธออยู่ที่โซฟาใจกลางห้องโถงรับแขกแผ่รัศมีของความเย่อหยิ่งและเย็นชา แววตาคมกริบของเขาจับจ้องมาที่เธอ ราวกับรอเธออยู่นานแล้ว“ไง” ดราก้อนเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเจือความเย็นชา ขณะนั่งเอนกายด้วยท่าทีที่เหมือนเป็นเจ้าของห้องลิลิธมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยและเธอไม่ได้มีท่าทีตกใจใด ๆ กับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญเลย
10อย่าทิ้งกันไปได้ไหม⏳ห้าปีที่แล้ว…ณ คอนโดฯที่เดิม...ห้องเดิม...โซฟาตัวเดิม“สิบล้าน…ค่ายกเลิกการหมั้นของเรา” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและกรีดลึกเข้าไปในใจของเธอ“ตามที่พ่อของเธอ...เคยขอเอาไว้” ดราก้อนยื่นซองสีน้ำตาล ซองใหญ่เกือบ ๆ สองปึกหนา ๆ ยัดใส่มือของลิลิธเชิงบังคับให้เธอรับมันเอาไว้“...” คนตัวเล็กค่อย ๆ ก้มหน้ามองดูเงินสดที่อยู่ในซองนั้น มือของเธอสั่นเทาไปหมด“ดราก้อน...” ลิลิธไม่ได้ตั้งใจจะรับซองเงินนั้น แต่ดราก้อนก็ยัดมันใส่มือของเธอเอาไว้แน่น สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเงินในมือ คือสายตาเย็นชาของคนที่เธอรัก“หวังว่าเงินก้อนนี้...มันจะมากพอที่ทำให้เธอออกไปจากชีวิตของฉันจริง ๆ ซะทีนะ…ลิลิธ” สายตาของเขาเย็นชาและปราศจากความรู้สึกใด ๆ“แล้วถ้าฉันไม่เอาเงินนี้เลยแม้แต่บาทเดียว” ลิลิธสูดหายใจลึก รวบรวมความกล้า ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นแต่แฝงความหนักแน่น“นายจะไม่ทิ้งฉันไปได้ไหม...”“ยังไงฉันก็ต้องไปอยู่ดีลิลิธ” คำถามของเธอทำให้ดราก้อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดคอนโดฯ และกุญแจรถหรูวางลงที่โต๊ะตรงหน้าของเธอ“ฉันให้...หวั
11คืนที่มีแค่เพียงเรา(มีภาพประกอบ)ภายในคอนโดฯ หรูที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจของลิลิธยังคงสั่นระรัวริมฝีปากเล็กยังคงตักตวงความสุขสุดท้ายจากริมฝีปากของเขาทั้งน้ำตา“ต่อให้ยื้อเวลาเอาไว้...สุดท้ายเธอก็ต้องเจ็บอยู่ดีนะ” ดราก้อนถอนริมฝีปากออกจากจูบสุดท้าย แววตาของเขาไร้ความรู้สึกใด ๆ แม้เพียงเสี้ยวเดียวที่เธอหวังจะได้เห็นความอ่อนโยน เขายังคงมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศสำหรับเขาไปแล้ว“ฉันรู้...ดราก้อน...ฉันรู้แล้วว่าไม่รัก” ร่างเล็กในอ้อมแขนเขาเริ่มสะอื้น เธอกำเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย น้ำตาไหลอาบแก้มในขณะที่เธอซบหน้าลงบนอกแกร่ง ความเงียบงันของดราก้อนคือคำตอบที่เจ็บปวดที่สุด“แต่ฉันแค่อยากเก็บความทรงจำดี ๆ ของเรา...ไว้ในใจของฉัน” เสียงของเธอสั่นเครือ“ให้มันเป็นค่ำคืนสุดท้าย”“ที่มีแค่เราได้ไหม?”“มีแค่ดราก้อน กับลิลิธ แค่นี้ได้ไหม?” เธอพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินดราก้อนยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบา ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่เหมือนจะปลอบประโลม แต่กลับทำให้หัวใจของลิลิธยิ่งแตกสลาย”ได้...คืนนี้มีแค่เธอกับฉัน” ดราก้
40วันเกิดของลูกเรา(มีภาพประกอบ)ณ โรงพยาบาล ROMI เสียงฝีเท้าของลิลิธและดราก้อนดังสะท้อนในโถงทางเดินยาวของโรงพยาบาลอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ดราก้อนเดินตามหลังเธอมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ก้าวออกจากรถ เพียงแต่จ้องมองหลังของเธอเพียงเท่านั้น ลิลิธเร่งฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยที่มีกระจกใสกั้นอยู่เบื้องหน้า ภายในห้องนั้น ลูซิเฟอร์นอนหลับสนิทบนเตียงผู้ป่วย เครื่องช่วยหายใจและสายให้น้ำเกลือเชื่อมต่ออยู่กับร่างเล็ก ๆ ของเขา แววตาของแม่เต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า ริมฝีปากสั่นระริก เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ยิ่งเห็นว่าลูกชายต้องทั้งโดนเจาะจากน้ำเกลือ โดนผ่าตัดมากมาย มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ เพราะถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเจ็บแทนลูกชายเสียเหลือเกิน“เดี๋ยวลูกก็หาย อย่าคิดมากเลยน่า” ดราก้อนพยายามหันไปปลอบลิลิธเบา ๆ เสียงของเขาทุ้มลึกแต่นุ่มนวลผิดวิสัย“…” เธอยังคงทำเหมือนว่าไม่มีดราก้อนยืนอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งประตูอีกด้านหนึ่งก็ถูกเปิดออก“มากันแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย” หมอประจำตัวของลูซิเฟอร์เดินออกมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ เขามีสีหน้าผ่อนคลายมาก
39อย่ากลับไปเป็นผู้หญิงคนนั้น“อ้าวเหรอ?” ดราก้อนขมวดคิ้วเล็กน้อย จงใจพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“แต่เท่าที่ฉันรู้มาคือ…เธอมีมาเฟียเลี้ยงดูอย่างดีไม่ใช่เหรอ?” ร่างสูงจับปลายคางของลิลิธให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแบบจัง ๆ“มาเฟีย?” ลิลิธเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเธอไม่แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อย“ทำไม...หรือว่ามันรับไม่ได้เรื่องลูกของเรา” เขาถามต่อเหมือนพยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด“มันก็เลยทิ้งเธอ?” สายตาที่ดราก้อนใช้มองลิลิธเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยฟุ่บ! คนตัวเล็กยกมือปัดมือของเขาอย่างแรง“เหอะ ๆ ถ้านายจะมโนเก่งขนาดนี้...ไปเขียนนิยายไหมดราก้อน?” ลิลิธถอนหายใจใส่หน้าของเขาและมองดราก้อนแบบหัวจรดเท้าอีกครั้ง“จริง ๆ ตอนนี้ฉันก็...โสดนะ ไม่ได้คบใครจริงจัง” ร่างสูงเอ่ยถามเธอไปด้วยน้ำเสียงเดิมที่เขาเคยใช้“เธออยากจะลองกลับมาคบกันดูไหม?” แววตาของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ๆ“ถ้าบนโลกนี้มีนายเป็นผู้ชายคนสุดท้ายละก็...ฉันยอมใช้ SEX TOY ต่อไปดีกว่า” “ไม่เอาน่า ปากกับใจตรงกันหน่อยสิ” ดราก้อนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย“เธอควรจะดีใจมากต่างหาก ที่ฉันเป็นฝ่ายเดินกลับ
38สบายดีใช่ไหม?“พ่อเขา...” ลิลิธตอบคำถามของหมอด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น“ตายไปนานแล้วค่ะ”เธอหลบสายตาของหมอ พลางกำมือตัวเองแน่นเพื่อปิดบังความสั่นไหวในใจ“อ๋อ...ถ้างั้นหมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ” หมอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ...แต่ถ้าเราไม่สามารถใช้ไขกระดูกของทั้งพ่อและแม่เด็กได้เนี่ย เราคงต้องรอผลจากธนาคารไขกระดูกครับ” หมออธิบายเพิ่มเติมด้วยใบหน้าที่ดูจะหนักใจมากขึ้น“แล้วมันนานมากไหมคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ เธอรู้ว่าอาการป่วยของลูกสำคัญ แต่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนคนนั้นจะยอมช่วยลูกของเธอรึเปล่า และเธอก็ไม่อยากจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาอีก“ผมไม่แน่ใจเลยครับว่าจะเร็วหรือช้า” หมอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง“ตามจริงทางเราได้ส่งข้อมูลของน้องลูซิเฟอร์เข้าสู่ระบบแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณแม่มายื่นเรื่องไว้”“ยังไงทางโรงพยาบาลจะเร่งดำเนินการหาผู้บริจาคที่เข้ากันได้ไปเรื่อย ๆ แต่ระหว่างนี้สิ่งที่เราทำได้คือรักษาไปตามอาการ”“แล้วก็ช่วยบำรุงร่างกายเขาให้แข็งแรงที่สุดก่อน ที่สำคัญเลยคือต้องเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด”“ยังไงฝากหมอด้วยนะคะ เท่าไหร่ฉันก
🐉_______🧝🏻♀️37ที่เดิม...แต่ไม่เหมือนเดิมกรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย เสียงกัปตันเครื่องบินดังผ่านลำโพงในห้องโดยสาร ขณะที่เครื่องบินกำลังลดระดับเพื่อลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ“เรียนท่านผู้โดยสารที่เคารพ ขณะนี้เที่ยวบิน TT431 ของเรากำลังลดระดับเพื่อเตรียมตัวลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย”“ขอขอบพระคุณที่ท่านเลือกเดินทางกับเหนือฟ้าไทยในครั้งนี้ และสำหรับผู้โดยสารชาวไทยทุกท่าน...”“และขอต้อนรับผู้โดยสารไทยทุกคน...กลับบ้าน” เสียงของกัปตันหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่น‘กลับบ้าน?’ ลิลิธสูดลมหายใจลึก ๆ และมองออกไปยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง เสียงล้อเครื่องบินกระแทกพื้นรันเวย์ดังขึ้น ลิลิธจับมือลูซิเฟอร์แน่นพลางสูดหายใจลึก ๆ“แม่กลัวเหรอครับ?” ลูซิเฟอร์รีบหันมาใช้มือเล็ก ๆ ของเขากุมมือแม่ตัวเองไว้แน่น“เปล่าครับ...แม่แค่กำลังตื่นเต้นน่ะ” ลิลิธยิ้มกับท่าทีของลูกชายและส่ายหน้าเบา ๆ“พี่เฟอร์ก็ตื่นเต้นเหมือนกันเลย พี่เฟอร์อยากรู้แล้วว่าประเทศไทยจะเหมือนกับฝรั่งเศสไหม?” ลูซิเฟอร์พูดด้วยใบหน้าที่สดใสร่าเริง“…อืมหื้อ” ลิลิธฝืนยิ้มตอบกลับไป เพราะลูซิเฟอร์ยังไม่รู้เลยด
🐉______🧝🏻♀️36ความผิดของแม่(มีภาพประกอบ)25 DECEMBERปีที่สี่ของลูซิเฟอร์ คริสต์มาสปีนี้มาเยือนอีกครั้ง แต่บรรยากาศอบอุ่นในบ้านกลับเงียบเหงากว่าที่เคย หลังจากการจากไปของป้าลีเมื่อกลางปีด้วยโรคมะเร็ง บ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงปารีสที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัว บัดนี้เหลือเพียงลิลิธกับลูซิเฟอร์สองแม่ลูกเท่านั้น เนื่องจากคุณลุงบรูซตรอมใจเรื่องการจากไปของภรรยาอันเป็นที่รัก เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราในชานเมือง และยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้กับลิลิธกับลูซิเฟอร์ทั้งหมด เพราะตัวท่านทั้งสองไม่มีลูกไม่มีหลาน และพวกท่านก็เอ็นดูลิลิธเหมือนลูกแท้ ๆ ทางด้านของลิเดียและลีออง เมื่อลิเดียเรียนจบ ลีอองก็จำต้องมารับน้องสาวกลับไปอยู่ที่ไทยตามเดิม ทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะชวนลิลิธให้ย้ายกลับด้วยกัน แต่ในตอนนั้นเธอไม่มีความคิดที่จะกลับไปไทยเลย เพราะที่ประเทศไทยมีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย บวกกับกำลังเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ ในฝรั่งเศสซึ่งตอนนี้ก็กำลังไปได้ดีมาก ๆ เลยด้วย ดังนั้นวันเกิดปีนี้ของลูซิเฟอร์ จึงเงียบเหงากว่าทุก ๆ ปี ในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ลูซิเฟอร์ในวัย 4 ขวบ ยังคงสร้างรอยยิ้มให
35baby's first christmas (มีภาพประกอบ) หลังจากที่ลูซิเฟอร์ลืมตาดูโลก เขาก็เป็นผู้ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของลิลิธไปตลอดกาล ในทุกเช้าเธอจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่าอยากมีชีวิตอยู่ไปนาน ๆ เพื่อดูการเติบโตของลูกชายคนนี้ สำหรับเธอแล้วหน้าที่ของแม่ ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อเลย เพราะทุกวินาทีที่เหลือบนโลกนี้เธอยกให้ลูกชายคนนี้ทั้งหมด “ทำไมพี่ลิลิธถึงตั้งชื่อเจ้าอ้วนว่า...ลูซิเฟอร์เหรอคะ?” ลิเดียเอ่ยถามขณะที่เธอมานั่งช่วยลิลิธเลี้ยงลูซิเฟอร์ในตอนที่เธอกำลังนั่งทำรายงานส่งทางมหา’ลัย“เพราะตามตำนานแล้ว ลูซิเฟอร์คือคู่หูคนเดียวของลิลิธน่ะ” ลิลิธหันไปตบก้นลูกชายที่กำลังถือขวดนมนั่งมองหน้าลิเดียกับลิลิธสลับไปสลับมา“และ ลูซิเฟอร์ ในอีกความหมายคือผู้ที่อยู่เหนืออำนาจแห่งมังกร”“เป็นชายผู้ที่เกิดจากความมืดมิด แต่สามารถส่องแสงสว่างได้ด้วยตนเอง”“ความหมายลึกซึ้งมากเลยนะคะ” ลิเดียนั่งฟังพร้อมกับหันไปเล่นกับเจ้าลูซิเฟอร์ต่อ ขณะที่ลิลิธก็นั่งทำงานไปเรื่อย ๆ พอเสร็จงานหันกลับมาทั้งคุณน้าทั้งคุณหลานก็หลับปุ๋ยนอนซบกันไปก่อนแล้ว“ใครกล่อมใครกันเนี่ย หลับคู่เลย” ลิลิธหยิบผ้าห่มมาห่มให้ทั้งคู่ ใ
34ดวงใจลิลิธ(มีภาพประกอบ)ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองปารีส ดวงตาเธอพร่าไปด้วยน้ำตาเมื่อคำพูดของหมอสะท้อนอยู่ในหัว ลิลิธยังคงนั่งนิ่งหลังจากที่หมอพูดจบ ใจเธอเต้นแรงด้วยความตกใจและสับสน เมื่อได้ฟังผลตรวจบอกว่า...เธอกำลังตั้งครรภ์ได้เกือบ ๆ หกสัปดาห์แล้ว ภาพคืนสุดท้ายที่เธอกับดราก้อนมีอะไรกันอย่างลึกซึ้งย้อนกลับเข้ามาในหัวของเธอในทันที เธอพยายามรวบรวมสติและหันไปมองหมอและพยาบาลชาวฝรั่งเศสที่ยืนอยู่ตรงหน้า“แล้วลูกของฉันจะแข็งแรงไหมคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษ น้ำเสียงของเธอสั่นคลอนมือเล็ก ๆ ลูบท้องตัวเองด้วยความกังวลที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้เลยทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลมองหน้ากันด้วยแววตาเคร่งเครียด ก่อนหมอจะเป็นฝ่ายตอบเธอด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก“ตอนนี้เราไม่สามารถบอกได้แน่นอนเพราะอายุครรภ์ยังไม่มาก”“แต่....จากข้อมูลเบื้องต้นแล้ว คุณเคยได้รับยาต้านโรคซึมเศร้า ซึ่งมันเป็นตัวยาที่อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสมองของเด็กโดยตรง”“ดังนั้นหมอจึงแนะนำว่าถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ควรจะ...ยุติการตั้ง...” หมออธิบายเป็นภาษาอังกฤษอย่างใจเย็น เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเธอ“ไ
33ของฝากจากอดีตคู่หมั้น(เหตุการณ์ก่อนหน้า ห้าปี) ลิลิธลืมตาขึ้นช้า ๆ ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในทุกส่วนของร่างกาย ลำคอแสบจนแทบกลืนน้ำลายไม่ได้ ดวงตาพร่ามัวจากแสงไฟที่สาดเข้ามา เธอกะพริบตาหลายครั้งเพื่อปรับแสงรอบตัว ภาพห้องสีขาวสะอาดค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เสียงเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะเบา ๆ อยู่ข้างเตียง สายน้ำเกลือที่เสียบเข้าทางเส้นเลือดของเธอ สายตาของเธอเลื่อนขึ้นไปเห็นรูปดาวสีแดงที่แขวนอยู่ตรงหัวเตียง ซึ่งมันดูแปลกตามาก ๆ และในตอนที่เธอพยายามจะขยับตัว เธอก็พบว่าข้อมือทั้งสองข้างและข้อเท้าของเธอถูกมัดไว้ด้วยสายรัดแน่นกับเตียงครืด ครืด เสียงขยับตัวและเชือกที่รั้งกับเตียงดังขึ้นเมื่อเธอพยายามจะดึงเชือกนั้นแรง ๆ“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” เธออุทานขึ้นมาด้วยความตกใจที่ถูกมัดมือและเท้าขนาดนี้ แต่แม้ว่าเธอพยายามดิ้นแต่กลับมีแรงไม่พอที่จะหลุดพ้นไปได้เลย เชือกยิ่งรัดแน่นมากขึ้นทุกที“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากมุมห้อง ลิลิธหันไปมอง ชายหนุ่มในชุดสูทหรูยืนถือโทรศัพท์อยู่ เขารีบกดปุ่มเรียกหมอและพยาบาลเมื่อเห็นเธอฟื้นขึ้นมา“คุณ...คือใคร?” ร่างบางขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างหวา
32จมทะเลน้ำตา(เหตุการณ์ในอดีตตอนที่ดราก้อนขอเลิกลิลิธ) สายตาของทุกคนในงานต่างจับจ้องมาที่ลิลิธ ไลออน และดราก้อน การปะทะคารมของทั้งสามคนสร้างบรรยากาศตึงเครียดที่แผ่ไปทั่วทั้งงาน“ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อประชดฉัน แต่วิธีนี้มันไม่สิ้นคิดไปหน่อยเหรอ?”ดราก้อนดึงตัวลิลิธออกจากอ้อมแขนของไลออน น้ำเสียงของเขาตึงแน่น สายตาคมกริบจับจ้องไปที่เธออย่างเอาเรื่อง“ฉันสิ้นคิดได้มากกว่านี้อีก!”“ถ้านายยังเลือกจะทิ้งฉันไปหานังผู้หญิงคนนั้น!”ลิลิธสะบัดตัวออก น้ำเสียงเธอสั่นเครือ ใบหน้าที่เคยสดใสของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ดวงตาแดงก่ำสะท้อนความเจ็บช้ำในใจ“หยุดทำอะไรโง่ ๆ สักที...เพราะยังไงเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี” ดราก้อนถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“ทำไม! ทำไมต้องเลิกกัน!” ลิลิธตะโกนถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน“ผู้หญิงที่ชื่อฮันนี่มีดีกว่าฉันตรงไหนฮะ”“อีนั่นมันนอนกับนายและก็เพื่อนพร้อมกันไม่ใช่เหรอ?”ดราก้อนกัดกรามแน่น ใบหน้าของเขาตึงเครียด แต่ไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด“จริงด้วย ฮันนี่ไม่เห็นจะดีเท่าเธอเลยนะ” ไลออนที่ยืนอยู่ไม่ไกลยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพลา