4
ฟ้องร้อง
ทั้งดราก้อนและลิลิธจ้องหน้ากันนิ่ง ๆ ความรู้สึกหลากหลายทับถมภายในใจของทั้งคู่ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของลิลิธดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมารับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากหมอของลูกชาย
“ฮัลโหลค่ะ หมอ?” เสียงของลิลิธสั่นเล็กน้อย ขณะที่ดราก้อนเองก็เงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่างนัก
(คุณแม่ครับ ตอนนี้ผลตรวจไขกระดูกออกมาแล้วนะครับ)
“…” ลิลิธเหลือบมองทางดราก้อนเล็กน้อย แต่มือของเธอยังคงกำโทรศัพท์ในมือแนบหูแน่น
(ต้องบอกว่า...โชคดีมาก ๆ เลยนะครับที่ผลตรวจคุณพ่อตรงและเข้ากับน้องได้ทุกอย่างเลย)
(นั่นหมายความว่าคุณพ่อสามารถเป็นผู้บริจาคไขกระดูกให้ลูซิเฟอร์ได้อย่างสมบูรณ์ครับ) คำอธิบายของหมอทำให้ลิลิธรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่เธอก็แอบน้อยใจที่ลูกชายที่เธอตั้งท้องมาเอง เลี้ยงดูมาเอง กลับมีทั้งกรุ๊ปเลือดและอื่น ๆ ตรงกับผู้ชายตรงหน้าทุกอย่าง แทบไม่มีอะไรที่เหมือนเธอเลยสักนิด
“แล้วแบบนี้ คุณหมอจะสามารถผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกให้ลูซิเฟอร์ ได้เมื่อไหร่เหรอคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
(ถ้าร่างกายของเด็กพร้อมเมื่อไหร่...ทางเราก็จะสามารถเริ่มกระบวนการผ่าตัดได้ในทันทีเลยครับ)
(แต่ตอนนี้ผมอยากรบกวนขอให้คุณแม่มาฟังรายละเอียดการผ่าตัด รวมถึงเซ็นเอกสารสำหรับการรักษาเพิ่มเติม ถ้าเป็นตอนนี้เลยคุณแม่สะดวกไหมครับ?)
“ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ...ขอบคุณนะคะ ๆ” แต่เธอก็รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
และเดินกลับไปที่ห้องทำงานของคุณหมอเจ้าของไข้ลูกชายในทันที
หน้าห้องของคุณหมอ
“ฉันมีเรื่องต้องคุยและปรึกษากับคุณหมอแบบส่วนตัว...นายไม่เข้าใจเหรอ?” ลิลิธหันกลับมาว่าให้ดราก้อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจที่เขาเดินตามติดเธอไม่ยอมห่าง
“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูก...มันไม่ควรเป็นเรื่องส่วนตัวนะ”
“และเธอไม่มีสิทธิ์กีดกันไม่ให้ฉันรู้เรื่องลูก...อย่าลืมสิว่าลูกจะมีชีวิตรอดได้เพราะใคร?”
“…” คำพูดของดราก้อนทำให้ลิลิธทำได้แค่ยืนกำหมัดแน่น ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกระแทกไหล่กันตรงไปนั่งข้าง ๆ กันภายในห้องทำงานของหมอเจ้าของไข้
ภายในห้องบรรยากาศค่อนข้างมาคุเป็นระยะ ๆ ลิลิธและดราก้อนนั่งเงียบ ๆ เคียงข้างกัน ขณะที่หมอเปิดแฟ้มรายงานขึ้นมาและเริ่มอธิบายแผนการรักษา
“ตอนนี้วิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูซิเฟอร์คือการปลูกถ่ายไขกระดูกตามที่หมอแจ้งให้ทราบตั้งแต่แรกเลยนะครับ” หมอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขั้นตอนแรกคือเราต้องทำเคมีบำบัด เพื่อกำจัดไขกระดูกเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้ว โดยกระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายเด็กพร้อมรับไขกระดูกใหม่จากผู้บริจาค ซึ่งในกรณีนี้ก็คือคุณพ่อครับ”
ลิลิธและดราก้อนหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับและหันไปฟังทางคุณหมออย่างใจจดใจจ่อ
“หลังจากที่ทำเคมีบำบัดเรียบร้อย เราจะเข้าสู่ขั้นตอนการปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ และในช่วงแรก เด็กจะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้ออย่างน้อยสองถึงสี่สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฟื้นตัว” หมออธิบายพลางเหลือบมองทั้งคู่ด้วยความเห็นใจ
“วิธีรักษานี้คือวิธีรักษาที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม?” ดราก้อนอ่านรายละเอียดทั้งหมด และเงยหน้าถามหมอไปแบบตรง ๆ
“แล้วคุณหมอที่รักษาล่ะ เชี่ยวชาญแค่ไหน เป็นมือหนึ่งของประเทศเลยรึเปล่า?”
“หรือว่าหมอมีโรงพยาบาลต่างประเทศไหนที่แนะนำไหม ผมยินดีจ่ายค่าแนะนำให้หมอไม่อั้นเลยนะ ขอแค่ให้การผ่าตัดรักษาผ่านไปได้ด้วยดีที่สุด เท่านั้นพอ”
“ผมพร้อมจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะเท่าไหร่ผมก็จ่ายให้ได้” ดราก้อนจ้องหน้าคุณหมอตรงหน้าด้วยความชั่งใจ ไม่ใช่เพราะหมอดูไม่เก่ง แต่เขาแค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกตัวเองเท่านั้น
“นาย...ไม่จำเป็นต้องทำตัวอวดรวยขนาดนั้นหรอกนะ” ลิลิธเหลือบมองดราก้อนด้วยสายตาราบเรียบ
“โรงพยาบาลที่ฉันเลือกพาลูกมาเนี่ย...คือโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดในไทยแล้ว...ไม่ใช่เหรอไง?” ลิลิธถอนหายใจและหันไปถามกลับดราก้อนอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าเขากำลังดูถูกความรักที่เธอมีต่อลูกชายอยู่
“ไม่มีแม่ที่ไหน ที่จะไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้ลูกตัวเองหรอกนะ” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ก็จงใจให้ดราก้อนได้ยินเช่นกัน
หมอยิ้มเล็กน้อยเหมือนเริ่มเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้า เขาพยายามหาทางที่จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดให้ดีขึ้น
“ทั้งหมอ พยาบาล และเครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งนี้ดีที่สุดในประเทศไทยแล้วครับ”
“และในแผนกกุมารเวชศาสตร์ เรามีอาจารย์หมอที่เก่งเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียเลยด้วย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่วางใจได้ระดับหนึ่งเลยนะครับ เพราะพวกเราจะรักษากันอย่างเต็มที่”
“ฉันมั่นใจในโรงพยาบาลนี้ค่ะ เพราะถ้าไม่ได้หมอช่วยไว้ในคืนนั้น ลูซิเฟอร์คงแทบไม่มีโอกาสรอดแล้ว” ลิลิธพยักหน้าอย่างปักใจที่จะรักษาที่นี่ต่อไป เพราะเธอวางใจในหมอและพยาบาลของที่นี่
“ยังไงฉันก็จะให้ลูกรักษาที่นี่ต่อไป...จนกว่าเขาจะหายดี” ลิลิธพูดด้วยความมั่นใจและหยิบเอกสารที่วางตรงหน้ามาเปิดอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะจรดปากกาเซ็นรับทราบ
ซึ่งเอกสารในหน้าต่อไปก็เป็นในเรื่องของค่าใช้จ่าย และตัวของลูซิเฟอร์เองก็ไม่ได้มีประกันสุขภาพรองรับ ทำให้ค่าใช้จ่ายมันพุ่งสูงไปเกือบ ๆ สามถึงสี่ล้านบาท
ฟุ่บ! ดราก้อนหยิบบัตรเครดิตของเขาวางทับลงบนเอกสารเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น
“ไม่เป็นไร! ลูกของฉัน ฉันจ่ายเองได้ค่ะ” ลิลิธพูดขณะที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะเช็กเงินในบัญชีของเธอ ซึ่งการกระทำของเธอทำให้ดราก้อนถึงกับเหยียดยิ้มมุมปากทันที
“อย่ามาทำเป็นเก่งหน่อยเลย ลิลิธ!”
“แค่รถคันที่เธอขับมาฉันก็พอจะเดาได้แล้วว่า...เธอจ่ายค่ารักษาทั้งหมดไม่ไหวหรอก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกและเหยียดยามเธอต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่ไว้หน้าใด ๆ
ลิลิธสะอึกเล็กน้อย แต่เก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เธอกำปากกาที่จะเซ็นชื่อบนเอกสารนั้นแน่น กำลังต่อสู้กับคำพูดเสียดสีของดราก้อน
“จริง ๆ แล้วเนี่ยเธอควรจะพูดคำว่าขอบคุณ... มากกว่ามานั่งอวดดีกับฉันนะ” ดราก้อนกระชากแฟ้มเอกสารมาเซ็นในช่องผู้ที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก่อนจะวางบัตรเครดิตแล้วยื่นให้กับพยาบาลไป
🐉______🧝🏻♀️
สามารถเพิ่มเติมความฟิน ความอิน และอ่านรีวิวเรื่องนี้ได้ที่พื้นที่ในเน็ต รวมถึงฟังเพลงได้ที่ TIKTOK
#อยู่ในตะเกียงแก้ว
#lilithsdragonพันธะสวาทมังกร
#พันธะสวาทมังกร
#เพลงลิลิธถึงดราก้อน
#ลิลิธดราก้อน
5คนปัจจุบันของลิลิธหลังจากที่ดราก้อนเซ็นเอกสารและมอบบัตรเครดิตให้พยาบาลไปเรียบร้อย หมอจึงขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อทั้งดราก้อนและลิลิธไว้เพื่อแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือการรักษาขั้นต่อไป“หากมีอะไรคืบหน้าหรือจำเป็นต้องให้คุณแม่เซ็นเอกสารเพิ่มเติม ทางเราจะโทรแจ้งทันที” หมอพูดด้วยท่าทีจริงจัง“รบกวนคุณหมอแจ้งพ่อเด็กด้วยครับ...อย่าแจ้งแค่แม่!” ดราก้อนวางนามบัตรของเขาลงบนโต๊ะของหมอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจหนัก“อ๋อ ๆ ได้ครับ ๆ” หมอพยักหน้ารับพลางยิ้มเจื่อน ๆ“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ...ยังไงฉันขอฝากลูกชายด้วยนะคะ” ลิลิธเอ่ยพลางยิ้มอ่อนแม้จะยังคงมีแววตาวิตกกังวล ขณะที่ดราก้อนยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม“แล้วถ้ามีอะไร โทรมาได้เลยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ” ลิลิธเอ่ยย้ำกับหมอไปทั้งน้ำตาคลอ ๆ ลิลิธพยายามกดความรู้สึกปั่นป่วนในใจ เพราะเธอไม่ชินกับการไม่มีลูกชายข้าง ๆ กายแบบนี้เลย เธอไม่ได้อยากกลับคอนโดฯ ไปตามลำพัง แต่ครั้นจะนอนเฝ้าลูกที่โรงพยาบาลมันก็ทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งดราก้อนและลิลิธต่างเดินไปในความเงียบ ตลอดเส้นทางที่ทอดยาวออกไป ในตอนที่ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้าห้อง ICU เด็กที่เดิม
6พ่อ(เลี้ยง)คนโปรด“ไอ้ดราก้อน!!” แดนนี่จะพุ่งเข้าหาอีกรอบ แต่ลิลิธรั้งเอาไว้“เรากลับได้แล้วค่ะ เขาอยากพูดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ คนพาลแบบนี้คุยด้วยก็ยิ่งประสาทเสีย” คนตัวเล็กพยายามจะลากแขนคนที่คบปัจจุบันเดินผ่านคนรักในอดีตไปแต่ทว่า…หมับ! มือหนาของดราก้อนคว้าข้อมือของเธอและกระชากรั้งเธอเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป“จริง ๆ ถ้าเธอหาคนที่ดีกว่าฉันไม่ได้แล้ว.....จะกลับมาหาฉันตอนนี้ก็ได้นะ” น้ำเสียงของดราก้อนอ่อนลงและแววตาที่เขามองเธอมันเปลี่ยนไปอย่างเห็นชัดลิลิธสบตาดราก้อนที่มองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้เลย แต่อดีตที่เคยผ่านมาฉายซ้ำ ๆ ในความทรงจำที่แสนเจ็บปวด เขา...คือความรักครั้งแรกที่แสนเจ็บปวดมากเหลือเกิน“ต้องการอะไร?” ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดในทุกคำ“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วนะ...มันนานจนฉันจำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้แล้ว” เธอค่อย ๆ สะบัดแขนของดราก้อนออกและเอื้อมมือไปกุมมือของแดนนี่เอาไว้แน่น“และที่สำคัญก็คือ.....ตอนนี้ฉันกับพี่แดนนี่เรามีความสุขดีและคาดว่าอีกไม่นานเราก็คงจะแต่งงานสร้างครอบครัวไปด้วยกัน” ลิลิธโอบแขนของคนรักใหม่แน่น“แต่งงาน?” ดราก้อนเลิกคิ้วมองไ
7อยากดูแลณ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ และอาหารบนโต๊ะที่มากมาย แต่ลิลิธกลับมีอาการเหม่อลอยและเธอกินอะไรไม่ลงเลยนอกจากนั่งจิบน้ำเปล่าไปพลาง ๆตอนนี้ในใจของเธอมันห่วงหาแต่เรื่องอาการป่วยของลูกชาย ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอแทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย และนี่ก็เป็นคืนที่สองแล้วที่เธอต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีเจ้าตัวเล็กข้างกายหัวอกคนเป็นแม่ ยิ่งรู้ว่าลูกเจ็บเธอย่อมรู้สึกเจ็บเสียยิ่งกว่า“ทานเยอะ ๆ หน่อยสิลิลิธ...เราไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ” แดนนี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแววตาที่ห่วงใย“ฉันกินไม่ค่อยลงน่ะค่ะ”“ไม่รู้ว่าถ้าลูกตื่นขึ้นมาไม่เจอใครเลย จะร้องไห้รึเปล่า?” คนตัวเล็กเอ่ยตอบกลับไปตามตรง พลางยกมือปาดน้ำตาแบบลวก ๆ แม้ว่าเธอพยายามจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งมากแค่ไหน แต่สุดท้ายพอเป็นเรื่องของลูก ใจมันแกว่ง ๆ มากจนคุมสติแทบไม่ได้เลย“ฉันกลัว” สายตาของลิลิธยังคงจ้องมองที่โทรศัพท์ไม่ห่าง มือของเธอสั่นเทาจนแทบยกช้อนตักอะไรไม่ได้เลย“พี่รู้ว่าเรากำลังคิดมากเรื่องลูก แต่สุขภาพของเราเนี่ยก็สำคัญเหมือนกันนะลิลิธ”“ตอนนี้ลูซิเฟอร์ถึงมือหมอแล้ว พี่คิด
8ห่วงและหวงที่สุด“ขอแค่ลิลิธยอมเปิดโอกาสให้พี่...มากกว่านี้”“เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมัน...(แดนนี่)/ตอนนี้ลิธยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องอื่นเลยจริง ๆ ค่ะ (ลิลิธ) ลิลิธนิ่งเงียบ มองหน้าเขาด้วยความคิดลึกซึ้ง แววตาของเธอเยือกเย็น แต่ก็มีประกายของความลังเลปรากฏอยู่ในนั้น“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจและพี่ก็ยินดีจะรอเราเสมอ” แดนนี่ถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงยิ้มรับในคำตอบของเธอ“ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นนั้น...ลิลิธว่าพี่แดนนี่ลองกลับไปคุยกับแม่ของพี่ดูก่อนดีไหมคะ?”“แม่พี่จะรับได้จริงเหรอ ที่ลูกชายจะมาคบหากับแม่หม้ายลูกติดที่ประวัติไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่?” น้ำเสียงของเธอหนักแน่นและเยือกเย็น แววตาของเธอสื่อถึงความมั่นคงและไม่หวั่นไหว แม้รู้ดีว่าสถานะของตัวเองจะทำให้เธออึดอัดใจ“พี่เชื่อว่า...ถ้าพี่รักใคร แม่พี่ก็รักด้วย”“อืม...ค่ะ” ลิลิธตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ สายตาของเธอว่างเปล่าและไม่ได้คิดตามในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตอนนี้ภายในใจของเธอมันไม่ได้คิดเรื่องของแดนนี่เลย มันมีแต่เรื่องของลูกชายสุมอยู่เต็มอก“จอดตรงหน้าโรงพยาบาลเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลิลิธจะแวะเข้าไปเยี่ยมลูกก่อน แล้วถึง
9คนเดิมที่เดิม ณ คอนโดฯ แห่งหนึ่งลิลิธขับรถวนเข้ามาจอดในลานจอดรถส่วนตัวของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง แสงไฟสลัวจากโคมไฟเหนือเพดานกระทบเงาสีเมทัลลิกของรถด้วยราคาห้องที่สูงเกือบสิบล้าน ทำให้มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ทุกมุมของคอนโดฯ สะท้อนถึงความหรูหราเธอหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาสแกนบริเวณล็อบบี้ที่ออกแบบอย่างทันสมัย ผนังหินอ่อนสีขาวขลับจับกับแสงไฟทำให้บรรยากาศภายในดูสวยสง่าและเงียบสงบเมื่อลิฟต์เปิดถึงชั้นที่เธอพัก ลิลิธเดินไปยังประตูห้อง เธอสแกนคีย์การ์ดเพื่อปลดล็อก ก่อนจะผลักประตูเข้าไปภายในห้องที่เย็นฉ่ำด้วยอุณหภูมิแอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนเปิดทิ้งเอาไว้แน่ ๆ“เฮ่อ...” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาและเพียงเธอก้าวเข้าไปไม่กี่ก้าว เธอก็พบว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังนั่งรอเธออยู่ที่โซฟาใจกลางห้องโถงรับแขกแผ่รัศมีของความเย่อหยิ่งและเย็นชา แววตาคมกริบของเขาจับจ้องมาที่เธอ ราวกับรอเธออยู่นานแล้ว“ไง” ดราก้อนเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเจือความเย็นชา ขณะนั่งเอนกายด้วยท่าทีที่เหมือนเป็นเจ้าของห้องลิลิธมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยและเธอไม่ได้มีท่าทีตกใจใด ๆ กับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญเลย
10อย่าทิ้งกันไปได้ไหม⏳ห้าปีที่แล้ว…ณ คอนโดฯที่เดิม...ห้องเดิม...โซฟาตัวเดิม“สิบล้าน…ค่ายกเลิกการหมั้นของเรา” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและกรีดลึกเข้าไปในใจของเธอ“ตามที่พ่อของเธอ...เคยขอเอาไว้” ดราก้อนยื่นซองสีน้ำตาล ซองใหญ่เกือบ ๆ สองปึกหนา ๆ ยัดใส่มือของลิลิธเชิงบังคับให้เธอรับมันเอาไว้“...” คนตัวเล็กค่อย ๆ ก้มหน้ามองดูเงินสดที่อยู่ในซองนั้น มือของเธอสั่นเทาไปหมด“ดราก้อน...” ลิลิธไม่ได้ตั้งใจจะรับซองเงินนั้น แต่ดราก้อนก็ยัดมันใส่มือของเธอเอาไว้แน่น สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเงินในมือ คือสายตาเย็นชาของคนที่เธอรัก“หวังว่าเงินก้อนนี้...มันจะมากพอที่ทำให้เธอออกไปจากชีวิตของฉันจริง ๆ ซะทีนะ…ลิลิธ” สายตาของเขาเย็นชาและปราศจากความรู้สึกใด ๆ“แล้วถ้าฉันไม่เอาเงินนี้เลยแม้แต่บาทเดียว” ลิลิธสูดหายใจลึก รวบรวมความกล้า ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นแต่แฝงความหนักแน่น“นายจะไม่ทิ้งฉันไปได้ไหม...”“ยังไงฉันก็ต้องไปอยู่ดีลิลิธ” คำถามของเธอทำให้ดราก้อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดคอนโดฯ และกุญแจรถหรูวางลงที่โต๊ะตรงหน้าของเธอ“ฉันให้...หวั
11คืนที่มีแค่เพียงเรา(มีภาพประกอบ)ภายในคอนโดฯ หรูที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจของลิลิธยังคงสั่นระรัวริมฝีปากเล็กยังคงตักตวงความสุขสุดท้ายจากริมฝีปากของเขาทั้งน้ำตา“ต่อให้ยื้อเวลาเอาไว้...สุดท้ายเธอก็ต้องเจ็บอยู่ดีนะ” ดราก้อนถอนริมฝีปากออกจากจูบสุดท้าย แววตาของเขาไร้ความรู้สึกใด ๆ แม้เพียงเสี้ยวเดียวที่เธอหวังจะได้เห็นความอ่อนโยน เขายังคงมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศสำหรับเขาไปแล้ว“ฉันรู้...ดราก้อน...ฉันรู้แล้วว่าไม่รัก” ร่างเล็กในอ้อมแขนเขาเริ่มสะอื้น เธอกำเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย น้ำตาไหลอาบแก้มในขณะที่เธอซบหน้าลงบนอกแกร่ง ความเงียบงันของดราก้อนคือคำตอบที่เจ็บปวดที่สุด“แต่ฉันแค่อยากเก็บความทรงจำดี ๆ ของเรา...ไว้ในใจของฉัน” เสียงของเธอสั่นเครือ“ให้มันเป็นค่ำคืนสุดท้าย”“ที่มีแค่เราได้ไหม?”“มีแค่ดราก้อน กับลิลิธ แค่นี้ได้ไหม?” เธอพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินดราก้อนยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบา ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่เหมือนจะปลอบประโลม แต่กลับทำให้หัวใจของลิลิธยิ่งแตกสลาย”ได้...คืนนี้มีแค่เธอกับฉัน” ดราก้
12ลืมเรื่องของเราเสียงหอบเหนื่อยของทั้งคู่สอดประสานกันในความเงียบงัน ผิวกายแนบชิดสนิทกัน ร่องรักของเธอดูดกลืนกินแท่งรักเข้าไปในตัวจมมิดด้าม“ฉะ...ฉัน...ไม่...ไม่ไหวแล้ว (กรี๊ด)” เธอกรีดร้องในลำคอลั่น กลางกายกระตุกเร่า ร่องรักตอดรัดแน่นจนยากจะเคลื่อนไหว มือหนาบีบข้อเท้าของเธอจนแทบแหลกคามือสวบ... ตับ ตับ ตับ!! เสียงเรือนร่างของทั้งคู่กระทบกระทั่งดังก้องไปทั่วห้องมือหนาลูบจับเรียวขาสวยของเธอที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง แล้วบีบขยำที่ข้อเท้าของเธอจนแทบแหลกคามือ สะโพกหนักถาโถมกายกระแทกซ้ำลึกเข้าไปในตัวของเธอ ก่อนจะบดขยี้ควงแท่งรักวนซ้ำ ๆ ภายในร่องรักที่ร้อนระอุนั้น“ซี้ด... อื้อ ...อื้อ” คนตัวเล็กครางเสียงสั่น ร่างบางบิดเกร็งกระตุกถี่รับแรงกระแทกที่หนักหน่วงนั้นสวบ...ตับ ตับ ตับ... ร่างสูงถอนแก่นกายออกเกือบสุดและดันสวนเข้าไปในตัวของเธอจมมิดด้ามซ้ำ ๆ“ซี้ด...อะ...โอ้...จุก...อะ...อื้อดรา...ก้อน” ฝ่ามือเล็กบีบมือของเขาแน่น เธอรู้สึกเหมือนใจแทบขาดความเสียวซ่านที่ได้รับมันทรมานเหลือจะทนร่างบางกัดริมฝีปากแน่นเธอหลับตาปี๋ และดิ้นพล่านในวินาทีที่เธอแตะถึงจุดสุดยอดติดกันถึงสองครั้งติดกัน เรียวขาของ
40วันเกิดของลูกเรา(มีภาพประกอบ)ณ โรงพยาบาล ROMI เสียงฝีเท้าของลิลิธและดราก้อนดังสะท้อนในโถงทางเดินยาวของโรงพยาบาลอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ดราก้อนเดินตามหลังเธอมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ก้าวออกจากรถ เพียงแต่จ้องมองหลังของเธอเพียงเท่านั้น ลิลิธเร่งฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยที่มีกระจกใสกั้นอยู่เบื้องหน้า ภายในห้องนั้น ลูซิเฟอร์นอนหลับสนิทบนเตียงผู้ป่วย เครื่องช่วยหายใจและสายให้น้ำเกลือเชื่อมต่ออยู่กับร่างเล็ก ๆ ของเขา แววตาของแม่เต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า ริมฝีปากสั่นระริก เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ยิ่งเห็นว่าลูกชายต้องทั้งโดนเจาะจากน้ำเกลือ โดนผ่าตัดมากมาย มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ เพราะถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเจ็บแทนลูกชายเสียเหลือเกิน“เดี๋ยวลูกก็หาย อย่าคิดมากเลยน่า” ดราก้อนพยายามหันไปปลอบลิลิธเบา ๆ เสียงของเขาทุ้มลึกแต่นุ่มนวลผิดวิสัย“…” เธอยังคงทำเหมือนว่าไม่มีดราก้อนยืนอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งประตูอีกด้านหนึ่งก็ถูกเปิดออก“มากันแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย” หมอประจำตัวของลูซิเฟอร์เดินออกมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ เขามีสีหน้าผ่อนคลายมาก
39อย่ากลับไปเป็นผู้หญิงคนนั้น“อ้าวเหรอ?” ดราก้อนขมวดคิ้วเล็กน้อย จงใจพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“แต่เท่าที่ฉันรู้มาคือ…เธอมีมาเฟียเลี้ยงดูอย่างดีไม่ใช่เหรอ?” ร่างสูงจับปลายคางของลิลิธให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแบบจัง ๆ“มาเฟีย?” ลิลิธเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเธอไม่แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อย“ทำไม...หรือว่ามันรับไม่ได้เรื่องลูกของเรา” เขาถามต่อเหมือนพยายามจะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด“มันก็เลยทิ้งเธอ?” สายตาที่ดราก้อนใช้มองลิลิธเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยฟุ่บ! คนตัวเล็กยกมือปัดมือของเขาอย่างแรง“เหอะ ๆ ถ้านายจะมโนเก่งขนาดนี้...ไปเขียนนิยายไหมดราก้อน?” ลิลิธถอนหายใจใส่หน้าของเขาและมองดราก้อนแบบหัวจรดเท้าอีกครั้ง“จริง ๆ ตอนนี้ฉันก็...โสดนะ ไม่ได้คบใครจริงจัง” ร่างสูงเอ่ยถามเธอไปด้วยน้ำเสียงเดิมที่เขาเคยใช้“เธออยากจะลองกลับมาคบกันดูไหม?” แววตาของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ๆ“ถ้าบนโลกนี้มีนายเป็นผู้ชายคนสุดท้ายละก็...ฉันยอมใช้ SEX TOY ต่อไปดีกว่า” “ไม่เอาน่า ปากกับใจตรงกันหน่อยสิ” ดราก้อนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย“เธอควรจะดีใจมากต่างหาก ที่ฉันเป็นฝ่ายเดินกลับ
38สบายดีใช่ไหม?“พ่อเขา...” ลิลิธตอบคำถามของหมอด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น“ตายไปนานแล้วค่ะ”เธอหลบสายตาของหมอ พลางกำมือตัวเองแน่นเพื่อปิดบังความสั่นไหวในใจ“อ๋อ...ถ้างั้นหมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ” หมอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เอ่อ...แต่ถ้าเราไม่สามารถใช้ไขกระดูกของทั้งพ่อและแม่เด็กได้เนี่ย เราคงต้องรอผลจากธนาคารไขกระดูกครับ” หมออธิบายเพิ่มเติมด้วยใบหน้าที่ดูจะหนักใจมากขึ้น“แล้วมันนานมากไหมคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ เธอรู้ว่าอาการป่วยของลูกสำคัญ แต่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนคนนั้นจะยอมช่วยลูกของเธอรึเปล่า และเธอก็ไม่อยากจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาอีก“ผมไม่แน่ใจเลยครับว่าจะเร็วหรือช้า” หมอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง“ตามจริงทางเราได้ส่งข้อมูลของน้องลูซิเฟอร์เข้าสู่ระบบแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณแม่มายื่นเรื่องไว้”“ยังไงทางโรงพยาบาลจะเร่งดำเนินการหาผู้บริจาคที่เข้ากันได้ไปเรื่อย ๆ แต่ระหว่างนี้สิ่งที่เราทำได้คือรักษาไปตามอาการ”“แล้วก็ช่วยบำรุงร่างกายเขาให้แข็งแรงที่สุดก่อน ที่สำคัญเลยคือต้องเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด”“ยังไงฝากหมอด้วยนะคะ เท่าไหร่ฉันก
🐉_______🧝🏻♀️37ที่เดิม...แต่ไม่เหมือนเดิมกรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย เสียงกัปตันเครื่องบินดังผ่านลำโพงในห้องโดยสาร ขณะที่เครื่องบินกำลังลดระดับเพื่อลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ“เรียนท่านผู้โดยสารที่เคารพ ขณะนี้เที่ยวบิน TT431 ของเรากำลังลดระดับเพื่อเตรียมตัวลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย”“ขอขอบพระคุณที่ท่านเลือกเดินทางกับเหนือฟ้าไทยในครั้งนี้ และสำหรับผู้โดยสารชาวไทยทุกท่าน...”“และขอต้อนรับผู้โดยสารไทยทุกคน...กลับบ้าน” เสียงของกัปตันหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่น‘กลับบ้าน?’ ลิลิธสูดลมหายใจลึก ๆ และมองออกไปยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง เสียงล้อเครื่องบินกระแทกพื้นรันเวย์ดังขึ้น ลิลิธจับมือลูซิเฟอร์แน่นพลางสูดหายใจลึก ๆ“แม่กลัวเหรอครับ?” ลูซิเฟอร์รีบหันมาใช้มือเล็ก ๆ ของเขากุมมือแม่ตัวเองไว้แน่น“เปล่าครับ...แม่แค่กำลังตื่นเต้นน่ะ” ลิลิธยิ้มกับท่าทีของลูกชายและส่ายหน้าเบา ๆ“พี่เฟอร์ก็ตื่นเต้นเหมือนกันเลย พี่เฟอร์อยากรู้แล้วว่าประเทศไทยจะเหมือนกับฝรั่งเศสไหม?” ลูซิเฟอร์พูดด้วยใบหน้าที่สดใสร่าเริง“…อืมหื้อ” ลิลิธฝืนยิ้มตอบกลับไป เพราะลูซิเฟอร์ยังไม่รู้เลยด
🐉______🧝🏻♀️36ความผิดของแม่(มีภาพประกอบ)25 DECEMBERปีที่สี่ของลูซิเฟอร์ คริสต์มาสปีนี้มาเยือนอีกครั้ง แต่บรรยากาศอบอุ่นในบ้านกลับเงียบเหงากว่าที่เคย หลังจากการจากไปของป้าลีเมื่อกลางปีด้วยโรคมะเร็ง บ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงปารีสที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัว บัดนี้เหลือเพียงลิลิธกับลูซิเฟอร์สองแม่ลูกเท่านั้น เนื่องจากคุณลุงบรูซตรอมใจเรื่องการจากไปของภรรยาอันเป็นที่รัก เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราในชานเมือง และยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้กับลิลิธกับลูซิเฟอร์ทั้งหมด เพราะตัวท่านทั้งสองไม่มีลูกไม่มีหลาน และพวกท่านก็เอ็นดูลิลิธเหมือนลูกแท้ ๆ ทางด้านของลิเดียและลีออง เมื่อลิเดียเรียนจบ ลีอองก็จำต้องมารับน้องสาวกลับไปอยู่ที่ไทยตามเดิม ทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะชวนลิลิธให้ย้ายกลับด้วยกัน แต่ในตอนนั้นเธอไม่มีความคิดที่จะกลับไปไทยเลย เพราะที่ประเทศไทยมีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย บวกกับกำลังเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ ในฝรั่งเศสซึ่งตอนนี้ก็กำลังไปได้ดีมาก ๆ เลยด้วย ดังนั้นวันเกิดปีนี้ของลูซิเฟอร์ จึงเงียบเหงากว่าทุก ๆ ปี ในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ลูซิเฟอร์ในวัย 4 ขวบ ยังคงสร้างรอยยิ้มให
35baby's first christmas (มีภาพประกอบ) หลังจากที่ลูซิเฟอร์ลืมตาดูโลก เขาก็เป็นผู้ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของลิลิธไปตลอดกาล ในทุกเช้าเธอจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่าอยากมีชีวิตอยู่ไปนาน ๆ เพื่อดูการเติบโตของลูกชายคนนี้ สำหรับเธอแล้วหน้าที่ของแม่ ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อเลย เพราะทุกวินาทีที่เหลือบนโลกนี้เธอยกให้ลูกชายคนนี้ทั้งหมด “ทำไมพี่ลิลิธถึงตั้งชื่อเจ้าอ้วนว่า...ลูซิเฟอร์เหรอคะ?” ลิเดียเอ่ยถามขณะที่เธอมานั่งช่วยลิลิธเลี้ยงลูซิเฟอร์ในตอนที่เธอกำลังนั่งทำรายงานส่งทางมหา’ลัย“เพราะตามตำนานแล้ว ลูซิเฟอร์คือคู่หูคนเดียวของลิลิธน่ะ” ลิลิธหันไปตบก้นลูกชายที่กำลังถือขวดนมนั่งมองหน้าลิเดียกับลิลิธสลับไปสลับมา“และ ลูซิเฟอร์ ในอีกความหมายคือผู้ที่อยู่เหนืออำนาจแห่งมังกร”“เป็นชายผู้ที่เกิดจากความมืดมิด แต่สามารถส่องแสงสว่างได้ด้วยตนเอง”“ความหมายลึกซึ้งมากเลยนะคะ” ลิเดียนั่งฟังพร้อมกับหันไปเล่นกับเจ้าลูซิเฟอร์ต่อ ขณะที่ลิลิธก็นั่งทำงานไปเรื่อย ๆ พอเสร็จงานหันกลับมาทั้งคุณน้าทั้งคุณหลานก็หลับปุ๋ยนอนซบกันไปก่อนแล้ว“ใครกล่อมใครกันเนี่ย หลับคู่เลย” ลิลิธหยิบผ้าห่มมาห่มให้ทั้งคู่ ใ
34ดวงใจลิลิธ(มีภาพประกอบ)ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองปารีส ดวงตาเธอพร่าไปด้วยน้ำตาเมื่อคำพูดของหมอสะท้อนอยู่ในหัว ลิลิธยังคงนั่งนิ่งหลังจากที่หมอพูดจบ ใจเธอเต้นแรงด้วยความตกใจและสับสน เมื่อได้ฟังผลตรวจบอกว่า...เธอกำลังตั้งครรภ์ได้เกือบ ๆ หกสัปดาห์แล้ว ภาพคืนสุดท้ายที่เธอกับดราก้อนมีอะไรกันอย่างลึกซึ้งย้อนกลับเข้ามาในหัวของเธอในทันที เธอพยายามรวบรวมสติและหันไปมองหมอและพยาบาลชาวฝรั่งเศสที่ยืนอยู่ตรงหน้า“แล้วลูกของฉันจะแข็งแรงไหมคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษ น้ำเสียงของเธอสั่นคลอนมือเล็ก ๆ ลูบท้องตัวเองด้วยความกังวลที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้เลยทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลมองหน้ากันด้วยแววตาเคร่งเครียด ก่อนหมอจะเป็นฝ่ายตอบเธอด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก“ตอนนี้เราไม่สามารถบอกได้แน่นอนเพราะอายุครรภ์ยังไม่มาก”“แต่....จากข้อมูลเบื้องต้นแล้ว คุณเคยได้รับยาต้านโรคซึมเศร้า ซึ่งมันเป็นตัวยาที่อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสมองของเด็กโดยตรง”“ดังนั้นหมอจึงแนะนำว่าถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ควรจะ...ยุติการตั้ง...” หมออธิบายเป็นภาษาอังกฤษอย่างใจเย็น เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเธอ“ไ
33ของฝากจากอดีตคู่หมั้น(เหตุการณ์ก่อนหน้า ห้าปี) ลิลิธลืมตาขึ้นช้า ๆ ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในทุกส่วนของร่างกาย ลำคอแสบจนแทบกลืนน้ำลายไม่ได้ ดวงตาพร่ามัวจากแสงไฟที่สาดเข้ามา เธอกะพริบตาหลายครั้งเพื่อปรับแสงรอบตัว ภาพห้องสีขาวสะอาดค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เสียงเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะเบา ๆ อยู่ข้างเตียง สายน้ำเกลือที่เสียบเข้าทางเส้นเลือดของเธอ สายตาของเธอเลื่อนขึ้นไปเห็นรูปดาวสีแดงที่แขวนอยู่ตรงหัวเตียง ซึ่งมันดูแปลกตามาก ๆ และในตอนที่เธอพยายามจะขยับตัว เธอก็พบว่าข้อมือทั้งสองข้างและข้อเท้าของเธอถูกมัดไว้ด้วยสายรัดแน่นกับเตียงครืด ครืด เสียงขยับตัวและเชือกที่รั้งกับเตียงดังขึ้นเมื่อเธอพยายามจะดึงเชือกนั้นแรง ๆ“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” เธออุทานขึ้นมาด้วยความตกใจที่ถูกมัดมือและเท้าขนาดนี้ แต่แม้ว่าเธอพยายามดิ้นแต่กลับมีแรงไม่พอที่จะหลุดพ้นไปได้เลย เชือกยิ่งรัดแน่นมากขึ้นทุกที“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากมุมห้อง ลิลิธหันไปมอง ชายหนุ่มในชุดสูทหรูยืนถือโทรศัพท์อยู่ เขารีบกดปุ่มเรียกหมอและพยาบาลเมื่อเห็นเธอฟื้นขึ้นมา“คุณ...คือใคร?” ร่างบางขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างหวา
32จมทะเลน้ำตา(เหตุการณ์ในอดีตตอนที่ดราก้อนขอเลิกลิลิธ) สายตาของทุกคนในงานต่างจับจ้องมาที่ลิลิธ ไลออน และดราก้อน การปะทะคารมของทั้งสามคนสร้างบรรยากาศตึงเครียดที่แผ่ไปทั่วทั้งงาน“ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อประชดฉัน แต่วิธีนี้มันไม่สิ้นคิดไปหน่อยเหรอ?”ดราก้อนดึงตัวลิลิธออกจากอ้อมแขนของไลออน น้ำเสียงของเขาตึงแน่น สายตาคมกริบจับจ้องไปที่เธออย่างเอาเรื่อง“ฉันสิ้นคิดได้มากกว่านี้อีก!”“ถ้านายยังเลือกจะทิ้งฉันไปหานังผู้หญิงคนนั้น!”ลิลิธสะบัดตัวออก น้ำเสียงเธอสั่นเครือ ใบหน้าที่เคยสดใสของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ดวงตาแดงก่ำสะท้อนความเจ็บช้ำในใจ“หยุดทำอะไรโง่ ๆ สักที...เพราะยังไงเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี” ดราก้อนถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“ทำไม! ทำไมต้องเลิกกัน!” ลิลิธตะโกนถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน“ผู้หญิงที่ชื่อฮันนี่มีดีกว่าฉันตรงไหนฮะ”“อีนั่นมันนอนกับนายและก็เพื่อนพร้อมกันไม่ใช่เหรอ?”ดราก้อนกัดกรามแน่น ใบหน้าของเขาตึงเครียด แต่ไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด“จริงด้วย ฮันนี่ไม่เห็นจะดีเท่าเธอเลยนะ” ไลออนที่ยืนอยู่ไม่ไกลยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพลา