อิงค์แลนด์
ฉันก็พึ่งรู้ว่าผู้ชายเกาหลีนี่หลงตัวเองเหมือนกันนะ ฉันไม่เหมารวมทั้งหมดแต่ฉันหมายถึงคนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ แถมยังไม่มีความเป็นมิตรเลยสักนิดอีกอย่างเขาเป็นคนเดินมาชนฉันเองนะ
“งั้นก็ขอโทษด้วยค่ะ” ฉันพูดแล้วก้มหัวให้แต่เดี๋ยวนะทำไมเขาพูดภาษาไทยได้ด้วยล่ะ
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
ฉันมองหน้าผู้ชายที่พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งคือจะเอายังไงกับฉันวะ นี่ฉันก็ยอมขอโทษทั้งที่ฉันเองไม่ได้ผิดเลยนะแล้วดูสิ่งที่เขาตอบกลับมาสิ
“งั้นก็ขอตัวค่ะ” ฉันบอกก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นทันที
ฉันชื่ออิงค์แลนด์หรือจะเรียกอิงค์เฉยๆ ก็ได้ค่ะ ฉันอายุยี่สิบสี่แล้วสงสัยใช่มั้ยว่าฉันมาทำอะไรที่เกาหลี ฉันถูกบริษัทส่งมาทำงานที่นี่ค่ะฉันทำงานออกแบบ มาเกาหลีเจอต้อนรับแบบนี้ก็ประทับใจเลย
ฉันกำลังกลับคอนโด ฉันเองพึ่งมาถึงวันนี้แหละหลังจากลงเครื่องฉันก็ขี้เกียจรอพี่ฮาร์เปอร์ก็เลยนั่งรถเอากระเป๋ามาเก็บแล้วมานั่งรอที่ร้านกาแฟ และไม่ต้องสงสัยนะคะพี่ฮาร์เปอร์เป็นพี่ชายของฉันค่ะ ฉันเป็นเด็กกำพร้าพ่อกับแม่ของพี่เขารับอุปการะฉันตั้งแต่เด็กแล้ว
“เหนื่อยจัง” ทันทีที่เข้าห้องมาฉันก็ทิ้งตัวลงที่เตียงนอนไหนใครบอกว่าโอปป้านิสัยดีไง ทำไมฉันถึงเจอโอปป้าที่เลี้ยงสุนัขไว้ในปากและอีกอย่างฉันจำได้ว่าเขานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับพี่ชายของฉัน
พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าบริษัทเพื่อเริ่ม งานฉันพูดเกาหลีได้ค่ะพูดอังกฤษได้ ฉะนั้นฉันไม่ห่วงหรอกเรื่องการหาเพื่อนเพราะฉันก็มีเพื่อนเป็นคนเกาหลีเหมือนกันหนึ่งคนเลยนะ แต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งที่ฉันทำงานได้ไม่นานแต่กลับถูกบริษัทเลือกให้มาแถมเจ้านายของฉันยังบอกอีกว่าเขาระบุว่าต้องเป็นฉันอีก
ครืด ครืด
ฉันรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะรีบกดรับสายทันที
“ค่ะ”
(ถึงคอนโดหรือยัง)
“ถึงแล้วค่ะ”
(เดี๋ยวพี่จะเข้าไปหานะคะ จะเอาขนมมั้ย)
“เอาค่ะ หิวมาก”
(โอเคค่ะเดี๋ยวพี่ไปหา)
ฉันวางสายพี่ฮาร์เปอร์ไป ฉันกับพี่ฮาร์เปอร์สนิทกันมากค่ะพี่เขาจะไปเมืองไทยทุกปีเพื่อไปหาฉัน อีกอย่างคอนโดที่ฉันอยู่ก็ของพี่ฮาร์เปอร์เองแหละเพราะพี่เขาไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ที่อื่น
ก๊อก ก๊อก
ฉันนั่งรอพี่ฮาร์เปอร์จนจะหลับอยู่แล้ว จนเสียงเคาะประตูดังฉันเลยรีบลุกมาเปิดทันที
แกร๊ก
“รอนานมั้ยคะ” พี่ฮาร์เปอร์ถามฉันก่อนจะเดินเอาถุงอาหารและขนมไปวางบนโต๊ะ
“ก็นิดหน่อยค่ะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ” ฉันถามพี่ชายตัวเอง
“ก็พี่รู้ว่าหนูชอบหิวตอนกลางคืนไงคะ พี่ก็เลยซื้อมาไว้ให้” เนี่ยน่ารักตรงนี้แหละ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงได้รักพี่ชายของฉันมาก
“ใจดีจัง”
“พรุ่งนี้เริ่มงานใช่มั้ย” พี่ฮาร์เปอร์เดินมานั่งลงข้างฉันก่อนจะเอาแขนพาดไหล่ฉันไว้
“ใช่ค่ะ อิงค์ว่า....”
“พี่จะไปส่ง” ฉันยังพูดไม่จบพี่ชายของฉันก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ดุ
“ตามนั้นค่ะ” ฉันรีบบอกเพราะไม่งั้นจะโดนงอนเอา ยิ่งงอนเก่งอยู่ด้วยพี่ชายฉัน
“หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปหนูคือคนสำคัญของพี่นะคะ ถ้าใครถามก็บอกเขาไป” ฉันหันมองหน้าพี่ชายเมื่อพี่เขาพูดเสียงดุตัวเองคนสำคัญอะไรกันอีกเนี่ย
“คนสำคัญ” ฉันถามย้ำ
“ใช่ค่ะหนูคือคนสำคัญของพี่และพี่ก็คือคนสำคัญของหนู” พี่ฉันบอกแต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละ
“อิงค์ไม่เข้าใจ”
“พี่มีน้องสาวคนเดียวและพี่หวงหนูมากวันนี้ ถ้าพี่ไม่เข้ามาในร้านก่อนเพื่อนพี่คงเดินมาจีบหนูแล้วรู้มั้ย” พี่ฮาร์เปอร์บอก ไอ้ที่หวงเนี่ยพี่เขาหวงฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ก็ไม่เห็นจะมีใครมาจีบอิงค์เลย” ฉันรีบบอก
“ก็ดีเพราะพี่ยังไม่อยากให้หนูมีแฟน พี่ยังอยากดูแลหนูแบบนี้” ฉันก็ยังไม่เคยมีแฟนเลยนะคือมีคนเข้ามาจีบแต่ฉันไม่ได้ชอบไง
“โอเคค่ะ”
“ดีมากค่ะ ฟอด” พี่ฮาร์เปอร์พูดจบก็หอมแก้มฉันทันที
ฉันนั่งคุยกับพี่ชายตัวเองอยู่นานสงสัยวันนี้พี่ชายฉันนอนค้างที่นี่แน่ ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไปเที่ยวต่างประเทศกว่าจะกลับก็เดือนหน้า ตามจริงพี่ฮาร์เปอร์และคุณพ่อคุณแม่อยากให้ฉันมาอยู่ที่เกาหลีเลย แต่ฉันรักเมืองไทยไงก็เลยบอกว่าขอคิดดูก่อน
“นอนได้แล้วค่ะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน” พี่ฮาร์เปอร์เดินออกจากห้องน้ำก่อนจะบอกฉัน ฉันกับพี่เรานอนด้วยกันบ่อยนะตั้งแต่เด็กแล้วจนตอนนี้ก็ยังนอนด้วยกัน
“ฝันดีนะคะ” ฉันบอก
“ฝันดีค่ะคนสำคัญของพี่”
.
.
เช้า
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถเพื่อไปทำงานโดยมีคนขับรถสุดหล่อเป็นคนไปส่ง พี่ฮาร์เปอร์ขับรถไม่นานก็มาถึงบริษัทนำเข้ารถขนาดใหญ่มาก
“นี่มัน......” พี่ฮาร์เปอร์พูดขึ้น
“อะไรคะ” ฉันถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ ไปกันเถอะ”
ฉันเดินลงจากรถแล้วเดินตามพี่ฮาร์เปอร์เข้าไปที่บริษัท ทำไมพี่ชายฉันทำเหมือนรู้จักที่นี่ดีจังเลย แถมเดินเข้ามาก็มีคนเคารพด้วย
“ผมมาหาคุณดีซีครับ” พี่ฮาร์เปอร์มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องก่อนจะบอก
“คุณฮาร์เปอร์”
“มันอยู่ใช่มั้ยครับพี่แนนี่” พี่ชายฉันถาม
“มาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ นี่คงเป็นน้องอิงค์แลนด์คนออกแบบใช่มั้ยคะ” พี่คนสวยหันมาถามฉัน
“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบกล่าวทักทาย
“ไปค่ะที่นี่ของเพื่อนพี่เอง” อ้าว..บริษัทเพื่อนพี่ชายของฉันเองหรอกหรอ
พี่ฮาร์เปอร์ผลักประตูเข้าไปฉันรีบตามเข้าไปทันที กึก นะ..นี่ผู้ชายคนนั้น อย่าบอกนะว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่อ่ะ ฉันหยุดอยู่ตรงประตูก่อนจะโดนสายตาจากอีกฝ่ายมองแล้วเขากระตุกยิ้มมุมปาก
“สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทาย
“วันแรกก็มาสายเลยนะครับคุณอิงค์แลนด์”
ดีซีวันนี้ผมมาออฟฟิศตั้งแต่เช้าเพราะได้ข่าวว่าคนออกแบบคนใหม่จะมาเริ่มงาน และตอนนี้ผมก็กำลังมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู วันแรกก็มาทำงานสายเลย“อะไรกันครับท่านประธานนี่ยังเหลือเวลาตั้งเกือบสิบนาที อย่ามารับน้องแบบนี้สิครับ” แล้วไอ้คนที่นั่งไขว่ห้างหมุนเก้าอี้ไปมาเนี่ยมันจะมาทำไมกัน“ไอ้ฮาร์เปอร์มึงมาทำไม” ผมถามเพื่่อนรักตัวเอง“กูก็มาส่งคนสำคัญของกูไง ถ้ารู้ว่าเป็นบริษัทมึงกูไม่ยอมให้อิงค์มาหรอก” มันบอกผม“บริษัทกูแล้วทำไม” ผมถามมันกลับ“ก็มึงเรื่องมากไงครับ”“ไอ้เวรส่งเสร็จก็กลับไป กูจะทำงาน” ผมบอก เพราะถ้าขืนมันอยู่กวนตีนผมนานกว่านี้ผมได้ฆ่ามันแน่“อิงค์คะมาหาพี่มา” มันเรียกคนที่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตู ผมปรายตามองก่อนที่เธอจะเดินมาหาเพื่อนผม“สวัสดีอีกครั้งค่ะ” เธอพูดขึ้น“ถ้ามันทำอะไรหนูบอกพี่เลยนะคะ เดี๋ยวพี่จัดการมันให้” ไอ้ฮาร์เปอร์บอก“ร่ำลาเสร็จก็เชิญ นู่นประตู” ผมบอกไป“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับนะคะ ตั้งใจทำงาน จุ้บ” แล้วผมต้องมานั่งดูอะไรแบบนี้ด้วยวะหลังจากที่ไอ้ฮาร์เปอร์ออกไปตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับพนักงานใหม่และไอ้คิม และเหมือนว่าเธอจะจ้องหน้าผมนานเกินไปแล้วมั้ง“จ้องเพื่อ” ผมถาม“พ
ดีซีตอนนี้ผมกำลังนังรอข้าวเที่ยง ไม่รู้ว่าไปสั่งถึงไหนทำไมไปนานขนาดนี้ ที่ผมทำนี่ไม่ได้ชอบเธอหรอกครับผมแค่หมั่นไส้เพื่อนผมและหมั่นไส้เธอก็แค่นั้น“นายครับรายงานการประชุม” ผมรับแฟ้มเอกสารจากไอ้คิมมาดู“อือ..ขอบใจ”“แล้วอิงค์ไปไหนครับนาย ผมว่าจะชวนน้องไปกินข้าวเที่ยงด้วย” ผมตวัดสายตามองไอ้คิมที่ยืนถามหาเธอแกร๊ก“อ้าวอิงค์ ไปซื้อข้าวมาแล้วหรอพี่ว่าจะชวนอิงค์ไปกินข้าวพอดีเลย” ผมปรายตามองคนที่เปิดประตูเข้ามาก่อนไอ้คิมจะชวนเธอไปกินข้าว“นี่ค่ะข้าวที่คุณสั่ง” เธอยื่นถุงข้าวให้ผม“นายครับงั้นผมขอพาน้องไปกินข้าวนะครับ” ไอ้คิมบอกผม “ฉันขอตัวไปกินข้าวนะคะ”“ผมขอดูงานที่ออกแบบหน่อยครับ” ผมพูดก่อนที่สองคนจะหันกลับมาหาผมพร้อมกับสายตาที่ตั้งคำถามมากมาย“ตะ..แต่นายครับนี่ช่วงพัก” ไอ้คิมพูดขึ้น“แต่ผมจะดูตอนนี้หรือใครมีปัญหา” ผมบอกไป“ไม่เป็นไรค่ะพี่คิมไปเถอะอิงค์ฝากซื้อข้าวด้วยนะคะ” เธอบอกกอ่นจะเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม แต่สายตาของไอ้คิมมันกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอยู่“กูต้องเปิดประตูให้มึงด้วยมั้ยคิม” ผมเลิกคิ้วถามมัน“ไปแล้วคร้าบบบบบบ”“ถ้าการแกล้งฉันมันเป็นเรื่องสนุก ฉันบอกเลยนะคะว่าฉันไม
อิงค์แลนด์ฉันเดินออกมาจากห้องทำงานโดยที่ไม่สนใจคนที่ฉันกระแทกเสียงใส่เมื่อกี้ นี่เป็นการทำงานที่ฉันเหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยทำงานมาเลยนอกจากจะเรื่องมากแล้วยังแกล้งเก่งอีกครืด ครืด“ค่ะ”(เลิกงานยังครับ)“พึ่งเลิกค่ะ อิงค์ขอเดินเล่นแถวนี้รอพี่นะคะ”(โอเคค่ะเดี๋ยวพี่ไปรับ)ฉันวางสายพี่ชายตัวเองไป คอยดูนะจะฟ้องให้หมดเลยว่าเพื่อนรักของพี่ชายฉันเนี่ยแสบแค่ไหน ฉันเดินออกจากบริษัทตรงไปที่สวนสาธารณะ วันนี้ต้องนอนเร็วแล้วมั้งเพราะพรุ่งนี้ต้องมาสู้รบกับเจ้านายบ้าบออีก“อิงค์แลนด์อันฮยอง อิงค์” ฉันหันมองตาเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี“นาบี คิดถึงจังเลย” ฉันวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนทันทีนาบีเป็นชาวเกาหลีคนเดียวที่ฉันมีเลยนะ“คิดถึงเหมือนกัน”ฉันยืนกอดกับเพื่อนอยู่นานก่อนที่นาบีจะลากฉันมานั่งแล้วซักฉันใหญ่เรื่องมาทำงานที่นี่ ที่จริงฉันกับนาบีเจอกันแทบจะนับครั้งได้เลยนะ ส่วนเรื่องที่เรารู้จักกันไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟัง“อิงค์ทำงานกับคุณดีซี” นาบีถามฉันแล้วยังทำหน้าตื่นเต้น“อืม..บริษัทส่งมา” ฉันบอกเพื่อนไป“คุณดีซี”“จะพูดถึงเขาทำไมเล่า รู้มั้ยว่าวันนี้อิงค์โดนแกล้งทั้งวันเลยนะ” ฉันบอกก่อนที่นาบีจะทำท่าสงสัยแ
อิงค์แลนด์หลังจากที่เมื่อคืนฉันโดนคนบ้าโทรกวนจนนอนไม่หลับสุดท้ายฉันก็เลือกที่จะนั่งออกแบบต่อเอาไว้ให้เขาดูหลายๆ แบบเพราะฉันคิดว่าคนอย่างคุณดีซีจอมกวนคงไม่จบแค่ที่คุยเมื่อคืนแน่แกร๊ก“สวัสดีค่ะพี่คิม” ฉันพูดพลางมองพี่คิมที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ที่โต๊ะทำงาน“อ้าวอิงค์มาสะเช้าเลย” พี่คิมทักฉัน“ค่ะ เพราะเจ้านายของพี่คิมเล่นโทรกวนอิงค์จนอิงค์นอนไม่หลับเลย” ฉันบอกไป“ถือว่าอิงค์โชคดี” หื้ม..ฉันรีบเดินมานั่งตรงข้ามกับพี่คิมทันที“พี่คิมว่าอะไรนะคะ” ฉันถามพี่คิม“ปะ..เปล่าพี่แค่จะบอกว่าปกตินายไม่เป็นแบบนี้” หึ..เป็นหนักกว่านี้น่ะสิ“เจ้านายของพี่เกลียดอิงค์เถอะ”ฉันบอกแต่เหมือนพี่คิมจะยิ้มนะ เมื่อกี้ฉันเห็นว่าพี่คิมแอบยิ้มอ่ะ“ไม่ต้องมายิ้มเลยค่ะ อิงค์จะรีบทำงานให้เสร็จแล้วก็จะกลับไทย” ฉันบอกไป เพราะถ้าขืนยังเป็นอยู่แบบนี้ฉันได้กลายเป็นฆาตกรแน่ๆ“คิดว่าง่ายขนาดนั้นหริออิงค์”“แล้วทำไมต้องทำให้มันยากด้วยล่ะคะ หน้าที่อิงค์คือจบงานจบแยกย้าย” ฉันนั่งคุยกับพี่คิมอยู่นานคุณเจ้านายก็ยังไม่มาสักที“แล้วนี่ใครมาส่ง เฮียฮาร์เปอร์หรอ” พี่คิมพูดแบบนี้สนิทกับพี่ชายฉันชัวร์“ค่ะ อิงค์จะมาเองก็ไม่ยอม”“
ดีซี“ก็นายเคยให้ผู้หญิงนั่งรถที่ไหนกัน”ผมหันมองไอ้คิมตาขวางทันทีเมื่อมันพูดออกมา แบบนี้คนอื่นก็เข้าใจผิดหมดดิว่าผมชอบเธอ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ความจริง“ไอ้คิมมึงพูดใหม่” ผมชี้หน้ามัน“ผมก็พูดความจริง”“แล้วมึงจะให้คุณอิงค์แลนด์นั่งรถไปเอง ซึ่งจะถึงตอนไหนไปถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมพูดก่อนจะหันมามองคนที่ยืนข้างผม“ครับ ครับ”“และอีกอย่างกูไม่อยากให้ไอ้ฮาร์เปอร์มาแหกอกกู มาว่ากูใช้งานคนสำคัญของมัน” ผมบอกไป“ไปกันหรือยังคะ” เสียงเล็กดังขึ้นจนผมกับไอ้คิมหันมามองกันเป็นตาเดียว“ดูงานแทนกูด้วย” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้อง และตามด้วยคนที่เดินอย่างใจเย็น“อิงค์ไปดูงานกับเจ้านายพี่แนนนี่นะคะ” เสียงของเธอที่บอกเลขาของผมที่นั่งอยู่หน้าห้อง คือผมจะไม่อะไรถ้าเลขาไม่มองผมแล้วนั่งอมยิ้มซึ่งอาการมันเหมือนไอ้คิม“ไปครับ” ผมกัดฟันพูด“รีบก็ไปก่อนสิคะ”อิงค์แลนด์ฉันบอกคนที่ยืนหน้าบึ้งแล้วสั่งนู่นสั่งนี่ฉัน คือฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปดูด้วยเพราะในเมื่อฉันก็มีรูปภาพทั้งหมดอยู่แล้ว คงไม่แกล้งไปทิ้งฉันไว้กลางทางหรอกนะ“ก็แล้วแต่ ถ้าไปถึงช้าคุณก็เลิกงานช้านะครับ ส่วนผมก็ไม่ค่อยรีบไม่ค่อยรีบเท่าไหร่” เฮ้อ..ฉันย
ดีซี“คุณทำให้ฉันโดนเกลียด”ผมก้มลงมองคนที่ผมกำลังกอดอยู่บนตัก นอกจากจะว่าผมแล้วยังมีหน้ามาเบะปากใส่ผมอีก ส่วนเรื่องเมื่อกี้หลายคนคงอาจจะคิดว่าผมพูดแรงไปใช่มั้ยครับ แต่สำหรับผมแค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมกับแม่ไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ“ถือว่าหายกัน” ผมบอกไป“คุ้มมั้ยเนี่ยอิงค์เอ๊ยยย” เสียงคนที่นั่งตักผมอยู่บ่นพึมพำ“นายครับนาย.....” ผมหันมองไอ้คิมที่ผลักประตูเข้ามาก่อนที่มันจะหยุดมองผมกับคนที่นั่งอยู่ที่ตักผมอย่างอึ้งๆ“อะไรของมึง”“อุ้ย..ขอโทษค่ะ” พี่แนนนี่วิ่งเข้ามาก่อนจะเกิดอาการเดียวกันกับไอ้คิม“มีอะไรกันคะ” เธอถามสองคนที่ยืนมองอยู่จนลืมไปมั้งว่ากำลังนั่งตักผมอยู่“เขาคงตกใจที่เห็นคุณกับผมกำลังนั่งแบบนี้กัน” ผมบอกก่อนที่คนบนตักจะตาโต แล้วรีบลุกออกจากตักผมทันที“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะคือว่า.....” นอกจากจะรีบลุกแล้วเธอยังรีบแก้ตัวทันที“ขอตัวก่อนนะคะพอดีพี่มีประชุม” พี่แนนนี่พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที“เข้าใจผิดกันหมดแล้ว คุณบอกพวกพี่เขาไปสิคะมันไม่ใช่แบบที่พวกพี่เขาเห็น” ผมนั่งยิ้มกับคนที่รีบบอกก่อนจะเขย่าแขนผมไปมา“เขาก็เข้าใจถูกแล้วนี่ครับ” ผมบอก“คุณดีซี”“ผมว่าผมออกไปดีก
ดีซีเพล้ง!!!เสียงแก้วกระทบกับผนังจนแตกกระจายไปทั่วพื้น ผมนั่งมองมือถือตัวเองอยู่แบบนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว ผมจะมองเพื่ออะไรวะ ตอนนี้ผมหงุดหงิดแล้วมันไม่ใช่เรื่องแม่ผมแต่มันอีกเรื่องต่างหาก“เหอะ เมียเพื่อน” ผมพูดย้ำคำนี้ซ้ำๆ ซากๆติ้งฮาร์เปอร์ : มึงโอเคใช่มั้ยผมมองมือถือที่ดังขึ้นก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความของเพื่อนตัวเองที่ทักมาถามฮาร์เปอร์ : มึงอ่านแล้วก็ตอบสิวะไอ้เวร มึงโอเคใช่มั้ยดีซีดีซี : แล้วทำไมกูต้องไม่โอเคฮาร์เปอร์ : ให้กูไปหามั้ย กูว่ามึงไม่โอเคดีซี : กูอยากอยู่คนเดียว ช่างกูเถอะฮาร์เปอร์ : ก็กูเป็นห่วงดีซี : ขอบใจ แต่กูอยู่ได้หลังจากนั้นเพื่อนผมทั้งไอ้เจฟและไอ้มาร์คก็ทักมาถามจนผมขี้เกียจจะตอบพวกมัน ผมปล่อยให้มือถือดังอยู่แบบนั้นจนพวกมันเหนื่อยไปเองอิงค์แลนด์หลังจากที่เมื่อคืนฉันอาบน้ำเสร็จพอหัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายเลย ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะไปสะดุดกับชื่อของใครคนนึงที่วิดีโอคอลมาหาฉันและมันมีคนรับแทน“เมื่อคืนมันโทรหาหนูค่ะ พี่เลยรับแทน” ฉันมองพี่ฮาร์เปอร์ที่นั่งพูดอยู่โซฟา“แล้วเขาว่าอะไรมั้ยคะ” ฉันถาม“มันบอกโทรผิดค่ะ” ฉันพยักหน้า ไม่บังเอิญไปหน่อยหรอที่เขาจะ
อิงค์แลนด์ฉันไม่รู้ว่าเขาหงุดหงิดเรื่องเมื่อวานหรือจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ฉันปล่อยเขาไว้คนเดียวไม่ได้ จะว่าฉันเสือกฉันยุ่งยังไงก็เชิญ เพราะตอนนี้สภาพของคุณดีซีดูแทบไม่ได้เลยไหนจะกลิ่นเหล้าที่ฟุ้งและสายตาเหมือนคนที่ไม่ได้นอนอีก“พอดีฉันมันเป็นพวกหน้าด้านน่ะ” ฉันพูดก่อนจะนั่งลงที่เดิม“เก็บไว้ทำให้ไอ้ฮาร์เปอร์เถอะ” คุณดีซีพูดแล้วเหยียดยิ้มให้ฉัน“ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ เพราะฉันทำอยู่แล้วและทำมานานแล้วด้วย” ฉันพูดแต่ไม่ได้หันไปมองเขาหรอกนะ เพราะวันนี้ฉันพูดอะไรไปเขาก็คงพาลไปทั่วอยู่ดีเพล้ง!!!ฉันสะดุ้งเมื่อมีสิ่งของบางอย่างกระทบกับพื้น ฉันรีบหันไปมองพื้นที่มีเศษแก้วแตกกระจาย เฮ้อ ฉันถอนหายใจก่อนจะรีบลุกไปเก็บเศษแก้วทันที“ฉันจะไม่ถามว่าคุณเป็นอะไร เพราะยังไงคุณก็ไม่มีทางตอบฉัน แต่คุณไม่ควรเอาความหวังดีของคนอื่นมาทำแบบนี้นะคะ” ฉันพูดให้คนที่นั่งมองฉันอยู่ที่โต๊ะ“....................”“ถ้าการเก็บไว้คนเดียวแล้วทำให้คุณเป็นบ้าขนาดนี้ฉันว่าคุณควร....โอ๊ย” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อเศษแก้วที่กำลังเก็บอยู่บาดมือ“เป็นอะไร” เขาถามเสียงเรียบ“แก้วบาด แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ฉันบอกแล้วเดินเอาเศษแก้วมาทิ