ปลายนิ้วเรียวยาวราวกับผู้หญิงเกลี่ยผิวแก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเชยปลายคางของเธอขึ้น
“งั้นวันนี้เริ่มเบา ๆ ก่อนแล้วกัน”
“วันนี้เลยเหรอ” ไหนตอนแรกเขาบอกแค่คุย สักพักก็มาทำให้เธอปั่นป่วน แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มปฏิบัติอีกแล้ว
“ก็มีอารมณ์แล้วนี่”
หากจะให้ยอมรับออกไปตามตรงคงกระดากอายไม่น้อย แต่มันก็เป็นอย่างที่คลื่นพูดจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ทั้งร่างมันวูบวาบไปหมดเลย
“วันนี้ผมจะสอนขั้นเบสิกให้คุณก่อนแล้วกัน ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอบนเตียง” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเดินมายืนเลือกของเล่นที่จะใช้เป็นครั้งแรกกับอีกฝ่าย
ร่างบางตัวมองแผ่นหลังแกร่งด้วยความรู้สึกประหม่า พยายามใช้ความกล้ากดความรู้สึกเขินอายลงไป แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นจนหมด ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนเตียง
อุปกรณ์ที่คลื่นเลือกคือผ้าคาดตาสีดำ กุญแจมือ และไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก ความพึงพอใจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่หันกลับมาเห็นว่าแซนด์ทำตามคำสั่ง ยอมรับเลยว่ามันน่ามองมากกว่าที่จินตนาการ
“ถ้ารู้สึกไม่ไหวให้พูดว่า ‘คิมหันต์’ มันคือเซฟเวิร์ดของเรา แต่ถ้าคุณพูดคำอื่นผมจะให้ถือว่าคุณยังไหวและผมจะทำต่อไป เช็กลิมิตของตัวเองด้วย เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจ”
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย” ว่าจบชายหนุ่มก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนเตียง แล้วดันร่างบางลงไปนอนราบบนเตียง ก่อนจะล็อกข้อมือสองข้างของอีกฝ่ายไว้ด้วยกุญแจมือ
แซนด์กลั้นหายใจเกร็งหน้าท้องเมื่ออีกฝ่ายไล่สายตามองร่างกายเปลือยเปล่าของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งถูกเขาพันธนาการไว้แบบนี้ก็ยิ่งควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่
“อ๊ะ…” ปลายนิ้วเย็นเฉียบที่แตะลงมาบนยอดอกทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง เผลอกัดปากอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ความมืดมิดเข้ามาปกคลุมดวงตาหลังจากอีกฝ่ายใช้ผ้าปิดตาเธอไว้
คลื่นผ่านเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจนเริ่มหาความตื่นเต้นไม่เจอ แต่คราวนี้กลับรู้สึกว่าร่างกายไร้ที่ติของผู้หญิงคนนี้จะสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาได้
หน้าอกอวบกระเพื่อมตามแรงหายใจหนัก ๆ ทั้งที่เขายังไม่ได้เริ่มลงมือเพลย์กับเธอเลย ร่างสูงกอบกุมเนินนุ่มแล้วเคล้นคลึงมันตามแรงอารมณ์ พลางโน้มลงไปตวัดลิ้นเลียรอบ ๆ ปานนมเข้ามาจนถึงส่วนปลายยอดสีชมพู
“ไม่ต้องกลั้นเสียง ตรงนี้ไม่มีใครเห็นนอกจากผม”
ชายหนุ่มตั้งใจจะทำให้หญิงสาวคุ้นชินกับการร่วมรักเสียก่อน เพราะมันเป็นครั้งแรกอาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ครั้งหน้าเขาจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้ว
“อึก…อื้อ” หญิงสาวส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ปลายลิ้นซึ่งตวัดเลียอยากมูมมามทำเอารู้สึกสั่นสะท้านจนแทบจะทนไม่ไหว
ฝ่ามือหนาเลื่อนผ่านบั้นเอวลงมาที่ต้นขา ก่อนจะแยกเรียวขาของเธอออกจากกัน แต่จู่ ๆ สัมผัสทุกอย่างก็หายไปท่ามกลางความเงียบภายในห้อง
แซนด์ไม่รู้ว่าคลื่นกำลังคิดจะทำอะไร เธอเริ่มตกอยู่ในความกังวลท่ามความมืดมิด เริ่มจินตนาการไปต่าง ๆ นานา ตอนนี้เขาตั้งใจจะเอาของเล่นอย่างอื่นมาใช้กับเธอหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้
สติใกล้จะเตลิดเต็มทน “คะ…คลื่น พี่มองไม่เห็น พี่กลัว”
ครืดดดดด ครืดดดดด~
เสียงสั่นจากอะไรบางอยากทำเอาแซนด์กลัวจนรีบหุบขาตนเอง แต่สุดท้ายมันก็ถูกแยกออกเหมือนเดิม ก่อนที่นิ้วเย็น ๆ จะสัมผัสเข้ามาจุดกึ่งกลางหว่างขา
ชายหนุ่มตั้งใจเงียบให้เธอตกอยู่ในห้วงจินตนาการ อยากรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นไร และได้คำตอบเมื่อเห็นว่าช่องทางรักเปียกชื้นมากกว่าเดิม
“เป็นผู้หญิงเวอร์จินที่ลามกจังนะ ให้รอแป๊บเดียวก็ร่ำร้องอยากให้สัมผัส” คำพูดเหยียดหยามเป็นรสนิยมส่วนตัวที่คลื่นมักจะใช้กับคู่เพลย์ แต่มันจะยิ่งรุนแรงกว่านี้เมื่อแซนด์ปรับตัวกับรสนิยมของเขาได้แล้ว “หน้าไม่อายจริง ๆ”
แซนด์จิกเล็บลงบนฝ่ามือตนเอง ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามสอดปลายนิ้วเข้ามาในช่องทางรักคับแคบที่ยังไม่เคยผ่านมือชายใด เมื่อผ่านทางเข้ามาได้ก็เริ่มขยับทันที
“อะ…อ๊า”
ความเสียวแล่นเข้ามาเล่นงานอย่างจัง หัวใจของเธอเต้นแรงจนคล้ายจะหลุดออกมาจากอก ร่างกายบิดเร่าไปมาจนได้ยินเสียงสวบสาบของผ้าปูที่นอน
ไม่กี่วินาทีปลายนิ้วเรียวยาวก็ถอดถอนออกไป แล้วจับเธอพลิกนอนอยู่ในท่าคลานเข่าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงประสาทสัมผัสการมองเห็นถูกปิด แต่มันยิ่งทำให้จินตนาการว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อจากนี้
คนข้างหลังนำบางสิ่งสอดแทรกเข้ามาแทนที่ มันมีขนาดเล็กและสัมผัสได้ว่าเป็นสิ่งของ ก่อนสิ่งที่อยู่ในร่างกายจะเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
“อะ…อื้อ!” เสียงไวเบรเตอร์ดังเล็ดลอดออกมาจากช่องทางรักของหญิงสาว สอดประสานกับเสียงครวญครางขวดห้วง “บะ…เบา ๆ หน่อย อ๊า…ไม่ไหว”
“ความอดทนต่ำกว่าที่คิดนะ” ในความคิดของแซนด์คงคิดว่าสิ่งที่สร้างความเสียวซ่านให้เธอนั้นรุนแรงมากแล้ว ทว่าคงต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อชายหนุ่มกดเพิ่มระดับความแรงอีกครั้ง
“อ๊า…พี่รู้สึก อึก…แปลก ๆ”
ช่องท้องบิดมวนจนคล้ายกับว่าบางอย่างกำลังจะออกมา สองมือดึงทึ้งผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะปลดปล่อยห้วงอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรก ความเสียวซ่านอาบไล้ไปทั่วทั้งร่างกาย หมดแรงถึงขั้นฟุบหน้าหอบหายใจหนัก ๆ
ชายหนุ่มมองสะโพกกลมกลึงซึ่งกำลังกระตุกเบา ๆ ผ่านแววตาพึงพอใจ ใช้ฝ่ามือฟาดซ้ำไปอีกหนึ่งทีจนผิวขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดง กดปิดไวเบรเตอร์พร้อมกับดึงมันออกมา แล้วรอให้ลมหายใจคนตัวเล็กกลับมาเป็นปกติ
“จบแล้ว เก่งมากที่ทนได้” คลื่นกล่าวชมพลางเอื้อมมือไปปลดกุญแจออกจากข้อมือของบอบบาง ดึงผ้าคาดตาออกแล้วพลิกเธอกลับมานอนหงาย “เป็นไงบ้างครับ รู้สึกดีหรือไม่ชอบตรงไหนมั้ย”
“…” แซนด์ส่ายหน้าปฏิเสธ อาจจะมีความกลัวบ้างแต่ก็ปะปนกับความตื่นเต้น เธอยังตอบไม่ได้ว่าจะรับกับรสนิยมของคลื่นได้หรือเปล่า ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาลูบรอยแดงบนข้อมือจากการถูกกุญแจมือพันธนาการ
“คราวหน้าผมจะเช็กลิสต์กับคุณอีกที วันนี้กลับไปพักผ่อนได้แล้วครับ”
“หยิบเสื้อผ้าให้หน่อย” คลื่นยอมก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมาส่งให้อีกฝ่าย เธอรับมาใส่จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียง เมื่อเท้าสองข้างแตะพื้นขาแข้งก็อ่อนแรงขึ้นมาในทันที ส่งผลให้อีกฝ่ายต้องยื่นแขนมารับตัวเธอไว้
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง” สิ้นเสียงเขาช้อนตัวเธอขึ้นในท่าเจ้าสาวพาเดินออกมาจากเพลย์รูม แล้วลงมาส่งถึงหน้าห้องนอน “เข้าไปพักผ่อนได้แล้วครับ”
“อื้อ ขอบใจนะ” แซนด์กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินเข้ามาล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง ยกรอยแดงบนข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง
ตอกย้ำว่าตอนนี้คลื่นไม่ใช่น้องชายข้างบ้านของเธออีกต่อไปแล้ว
หลายวันต่อมา…เลขานุการสาวเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในงานเปิดตัวศูนย์นำเข้ารถยนต์หรู ‘The Cerberus’ โดยมองไปที่เจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับผู้เข้าร่วมงานเป็นระยะเข้าใจว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ไม่คิดว่าจะชื่อเสียงมากมายถึงขั้นสามารถรวมซูเปอร์สตาร์และนักธุรกิจทรงอำนาจของเมืองไทยไว้ในงานนี้ได้“เอ่อ…สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ” แซนด์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเห็นป้ายชื่อคล้องคอของงานเลยเข้ามาขอความช่วยเหลือ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ“ช่วยถ่ายรูปผมกับลูกสาวคู่กับรถหน่อยได้มั้ยครับ”“ยินดีค่ะ” ริมฝีปากคลี่ยิ้มให้คุณพ่อกับลูกสาวตัวน้อยอย่างใจดี รับสมาร์ตโฟนมาจากเขาแล้วก้าวขาถอยหลังออกมาเล็กน้อย “ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะคะ”“ครับ”“หนึ่ง สอง…สาม” แซนด์กดถ่ายภาพให้สองพ่อสองภาพ แล้วเอียงใบหน้าถามพูดกับพวกเขาต่อ “เรียบร้อยค่ะ อยากถ่ายกับคันอื่นอีกมั้ยคะ”รถยนต์ที่เดอะเซอร์เบอร์รัสนำมาจัดแสดงโชว์ในวันเปิดตัว ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดของค่ายนั้น ๆ บางคันเป็นคันต้นแบบที่เปิดตัวที่นี่ครั้งแรกโดยเฉพาะ“ป๊าคะ หนูอยากถ่ายกับคันนั้นด้วยค่ะ” เด็กผู้หญิงชี้นิ้วไปยังรถ
เขาหยุดความคิดของตนโดยการลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปทิ้งบุหรี่ในที่ของมัน จากนั้นจึงเดินผ่านเธอกลับเข้ามาในโชว์รูม เพราะยังเหลือแขกบางส่วนที่สนใจจะจองรถยนต์ในราคาโปรโมชั่นพิเศษ“คุณแซนด์ล่ะคะท่านประธาน”“นั่งพักอยู่ข้างนอกครับ มีอะไรรึเปล่า”“ดิฉันไม่เห็นเธอก็เลยถามดูค่ะ ว่าแต่สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณแซนด์ทำงานโอเคมั้ยคะ”“ถ้าเปรียบเทียบกับคุณคงสู้ไม่ได้หรอก แต่ผมว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว” คลื่นคอมเมนต์ถึงเลขานุการคนใหม่ของตนตามตรง แซนด์ทำงานได้ตรงมาตรฐานที่เขาวางไว้ เพียงแต่จีน่าทำเกินมาตรฐานไปเท่านั้น “พรุ่งนี้คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ ปล่อยให้เธอเรียนรู้ด้วยตัวเอง”“อันที่จริงดิฉันอยากลาพักร้อนก่อนคลอดแค่สามเดือนนะคะ”“ตอนนี้ถ้าจำเป็นต้องพักก็พักเถอะ ผมไม่อยากโดนไอ้เจฟมันด่าว่าใช้งานภรรยาของมันหนักเกินไป” เจฟเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมเดอะสฟิงซ์ และเป็นสามีของจีน่าด้วย“เจฟเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอคะ สงสัยต้องดุสักหน่อย”“ไม่เคยหรอกครับ แต่ตอนนี้มันมองผมตาเขม็งอยู่”จีน่าเหลือบสายตามองสามีตนเองจนอีกฝ่ายต้องลนลานหันหน้าหนี ทั้งสอง
“เชื่อได้เหรอ?”“ถ้าขัดคำสั่งจะหัก”“เป็นเจ้านายที่เผด็จการดีนะ” แซนด์เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะขยับปากมุบมิบต่อว่าอีกฝ่าย“บ่นอะไรครับ ไม่ใช่ว่าด่าผมอยู่หรอกใช่มั้ย” คลื่นหรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างจับผิด เมื่อเห็นรอยยิ้มในแววตาก็มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอด่าเขา“ยุ่ง”“กล้าหมิ่นประมาทเจ้าหนี้เหรอ”“จะเดินมาทำไม” หญิงสาวก้าวขาถอยหลังทันทีที่ชายหนุ่มก้าวขาเร็ว ๆ มาหาเธอ ตัดสินใจจะวิ่งหนีไปยืนฝั่งตรงข้ามแต่ยังช้ากว่าที่เขารวบตัวเธอด้วยแขนเพียงข้างเดียว “โอ๊ย! ปล่อยพี่”“เมื่อกี้ว่าอะไรผม”“พี่ยังไม่พูดอะไรเลย”“ไปหลอกหมาไป” คลื่นตอกกลับไป พร้อมกับอุ้มแซนด์นั่งบนไอส์แลนด์ แล้วแทรกกายเข้าไปยืนกลางหว่างขาเธอ“อะไรของคลื่นเนี่ย จะกินมั้ยข้าวน่ะ”เขาใช้สายตามองเธอโดยไม่ตอบอะไร ปล่อยมือออกจากเอวคอดมาเท้าไอส์แลนด์ เพื่อกักขังเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน แววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาหญิงสาวนั่งแทบไม่ติดที่ รู้สึกเหมือนหายนะกำลังมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น“ปล่อย ข้าวสุกแล้วมั้ง”“สุกอะไร เพิ่งหุงเมื่อกี้”“หุงแบบด่วนไง”“ถ้าสุกก็คงได้ยินเสียงมันเตือนเอง” ชายหนุ่มยกมือม้วนผมยาวสีเบอกันดีเล่นอย่างมันมือ แล้วจึงพูดต่อ “ที่ผม
วันต่อมา…‘ผมออกไปทำธุระ จะกลับช่วงบ่าย’ข้อความจากคลื่นทำให้แซนด์ได้มีโอกาสหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเล่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตื่นนอน เธอตอบเขากลับไปด้วยประโยคสั้น ๆ แล้วตั้งใจว่าจะลุกไปทำอาหารกลางวันกินหญิงสาวถูกรั้งไว้ด้วยเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ค่อยติดตามใครในอินสตาแกรมนอกจากคนรู้จัก ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนโพสต์รูปนั้นเป็นใครเธอกดเข้าไปดูโพสต์ล่าสุดของพี่สะใภ้ตามปกติ แต่ดันสะดุดกับโพสต์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นภาพแขไขถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าหนังจระเข้ แซนด์จำได้ว่านั่นเป็นชุดวันเดียวกับที่เธอย้ายออกจากบ้านตงิดใจจึงกดอ่านคอมเมนต์ที่หล่อนโต้ตอบกับเพื่อนตนเอง วงคิ้วเหนือดวงตาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นการสนทนาหนึ่งเข้าjnngy : ว้าย~ หนังจระเข้เลยเหรอแม่kaekhai : ใช่จ้า เพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ เลย #สามีสายเปย์niinaa : ทำบุญวัดไหนถึงจะได้สามีแบบนี้คะเนี่ย สามีแห่งชาติมากเวอร์แซนด์ถึงกับสบถ ‘เหอะ’ ในลำคออย่างโมโห ว่าอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นกระเป๋าใบใหม่ คนอย่างแขไขถ้ามีกระเป๋าแพง ๆ แบบนี้อยู่กับตัว ไม่มีทางที่จะไม่อวดลงโซเชียลแต่ประเด็นกระเป๋าใบนี้มีราคาประมาณสี่ล้านบาทในราคารีเซล หรือต
ชายหนุ่มบังเอิญเจอร้านขนมหน้าตาน่ากินระหว่างออกมาทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เลยตั้งใจโทรศัพท์ไปถามคนที่อยู่ในเพนต์เฮาส์ แต่เธอดันไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไร้ซึ่งการตอบรับกลับมาคิดว่าเธอคงนอนกลางวันจึงหยุดรบกวนการพักผ่อน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีป๊อปอัปเตือนการเปิดเพลย์รูมที่ส่งมาจากเพนต์เฮาส์ก็เด้งขึ้นมาหน้าจอ ส่งผลให้เขารู้ว่าเธอเข้าไปในห้องนั้นคลื่นซื้อขนมเสร็จก็ตรงกลับมาที่บ้านเลยทันที วางทิ้งไว้บนไอส์แลนด์ในห้องครัว ก่อนจะเดินขึ้นมาบนยังเพลย์รูมอย่างไม่รีบร้อนเมื่อเปิดประตูห้องดังกล่าว คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแซนด์ช่วยตนเองอยู่บนเตียง เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนเธอจะไม่กล้าลองสักเท่าไร“เสร็จไปกี่รอบแล้ว”“คะ…คลื่น” เสียงทุ้มทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อ เบิกตาโตด้วยความตกใจ“หยุดทำไมล่ะ ทำต่อสิ”แซนด์กัดริมฝีปากแรง ๆ จนห้อเลือด ยืนมองอยู่แบบนี้ใครจะไปกล้าทำกัน รู้สึกอายจนอยากจะมุดหนีเข้าใต้เตียงอยู่แล้ว“กล้าขัดคำสั่งผมงั้นเหรอ” น้ำเสียงชายหนุ่มเข้มขึ้นกว่าตอนแรก ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเท้ามือลงบนเตียงแล้วโน้มเข้าหาเธอ “ดี…ผมชอบคนอวดดี”“อึก…” ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ แววตาของค
ผิวขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉับพลัน เจ็บปวดจนน้ำตาไหลริน แต่อีกฝ่ายกลับชอบใจที่เห็นเธอดิ้นเร่าอย่างทรมาน อารมณ์กระสันเริ่มสูงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นคลื่นลากแส้ผ่านรอยแยกกลางกายหญิงสาว ส่งผลให้เธอยิ่งตัวสั่นเทา เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะฟาดแม้ใส่ตนเมื่อไรเพียะ!“จะ…เจ็บคลื่น ฮึก!”เพียะ!“ฉันบอกให้เรียกว่าอะไร!” เจ้านายหนุ่มตวาดถามเสียงแข็งกร้าว เมื่อสัตว์เลี้ยงขัดคำสั่งของเขา“ขะ….ขอโทษค่ะ”“อย่าคิดจะขัดคำสั่งฉันอีก เพราะฉันไม่คิดใจดีกับเธอ” เขากล่าวอย่างเด็ดขาด ก่อนจะจับร่างบางพลิกกลับมานอนหงาย ก้าวขาขึ้นไปนั่งกลางหว่างขา มองใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจลากสายตาลงมามองทรวงอกที่กระเพื่อมไปมาตามแรงสะอื้น จากนั้นจึงยื่นมือไปนวดเคล้นสลับกับเขี่ยยอดอก เมื่อความเจ็บปวดทุเลาลงความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ ส่งผลให้แซนด์บิดเร่าร่างกายไปมาบนเตียงเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้ายั่วยวนขนาดไหน ในสายตาคลื่นเธอไม่ต่างอะไรกับสุนัขเพศเมียกำลังติดสัดเลยสักนิดเดียว ซ้ำเบื้องล่างยังชุ่มฉ่ำทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสสักนิดเดียวสงสัยต้องทำให้รู้เสียแล้วว่าอย่าไปทำแบบนี้
“เดินไปข้างล่างไหวมั้ย”“น่าจะไหวมั้ง” ตั้งแต่เพลย์เสร็จเท้าเธอยังไม่ได้แตะพื้นเลย คลื่นอุ้มเธอไปอาบน้ำแล้วยังอุ้มกลับมาที่เตียง เขาให้หมดแทบทุกอย่าง“น่าจะไหวแปลว่าไม่ไหว” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง ช้อนร่างบางขึ้นจากเตียงนอนแล้วพาเดินออกมาจากเพลย์รูม ตั้งแต่ว่าจะพาเธอไปส่งที่ห้องนอน แต่พอเหลือไปเห็นกล่องขนมหวานจึงแวะไปตรงนั้นก่อน“ขนมใครน่ะ มีคนมาเหรอ”“เปล่า ผมซื้อมาฝากคุณ”แซนด์เอียงคอมองอีกอย่างไม่เชื่อสายตา ถามกับตนเองว่าคลื่นน่ะนะที่จะซื้อขนมมาฝากเธอ ปกติร้องหาแต่อาหารจากเธอ“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น ผมซื้อมาจริง ๆ”“งั้นพี่ขอกินนะ พี่หิว” ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกมาหาอะไรกิน กลายเป็นว่าได้ขึ้นไปเปิดประสบการณ์ใหม่บนเพลย์รูมเสียอย่างนั้น“อืม”คลื่นยอมปล่อยแซนด์ยืนบนพื้น พลางยกมือประคองแผ่นหลังบางไว้ห่าง ๆ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว ด้วยกังวลว่าขาแข็งจะเผลออ่อนแรงจนล้มคะมำไปบนพื้น“ซื้อมาจากไหนอะ อร่อยดี” หญิงสาวถามทั้งที่ยังเคี้ยวโดนัตแก้มตุ่ย ไม่รู้ว่าคลื่นจำได้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนชอบกินขนมหวาน ยิ่งหวานมากก็ยิ่งชอบ แถมโดนัตที่เขาซื้อมาก็เป็นแบบที่เธอโปรดปรานมาก แบบที่มีน้ำตาลเคลือบหนา ๆ“
คลื่นขับรถวนหาร้านขายเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเจอ นำชื่อยาที่อคิราห์บอกไปบอกเภสัชกร และซื้อยาพาราเซตามอลมาเพิ่มอีกหนึ่งแผงจากนั้นรีบกลับมาที่เพนต์เฮาส์ รินน้ำอุณหภูมิห้องจากเครื่องกรองแล้วเดินมาเคาะประตูห้องนอนหญิงสาว แต่ทว่าเธอกลับมาเปิดให้เสียที“ผมขอเข้าไปนะครับ” เขาเอ่ยขออนุญาตแล้วตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนของแซนด์ ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจรู้ว่าเจ้าตัวเป็นคนขี้ร้อน แต่จะเปิดแอร์ต่ำขนาดนี้ไปทำไมกัน เขาเอื้อมมือไปหมุนที่ปรับอุณหภูมิให้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงเดินมาหาคนป่วยคนเตียง“แซนด์”“อื้อ” หญิงสาวครางพลางเอียงใบหน้าหนีสัมผัสจากฝ่ามือเย็นสวนทางกับอุณหภูมิร่างกาย ค่อย ๆ เปิดปรือดวงตา “มาแล้วเหรอ”“ครับ ผมซื้อยาที่ควรกินมาให้ ตื่นขึ้นมากินยาก่อน”คลื่นวางของในมือลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก้มลงไปพยุงคนตัวเล็กขึ้นนั่ง ก่อนจะหยิบยาในถุงสีขาวไปใส่ไว้ในอุ้งมือเล็ก“กินครับ” หญิงสาวตบยาใส่ปาก แล้วทำท่าจะนอนโดยไม่ได้กินน้ำ แต่ยังช้ากว่าชายหนุ่มที่กระตุกแขนห้ามเธอเอาไว้แล้วออกคำสั่ง “กินน้ำให้หมดแก้ว จะได้ไม่เจ็บคอ”พิษไข้ขับกล่อมให้เจ้าตัวยอมทำตามอย่างว่าง
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้
“แกอย่าใช้อารมณ์สิแซนด์”“แซนด์ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยพี่ภู ทั้งหมดที่แซนด์พูดมันเป็นความจริง แล้วมันก็ทำให้แซนด์รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าพี่มองเห็นแซนด์เป็นตัวตลกในสายตา”“ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ทุกอย่างมันจะพังหมดเลยนะ”“ทุกอย่างที่ว่าคืออะไรคะ ชีวิตพี่ ชีวิตเมีย อนาคตบริษัทเหรอ แล้วชีวิตแซนด์ล่ะ แซนด์ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองเหมือนกันนะ” แซนด์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น “การช่วยเหลือครั้งนั้นคือครั้งสุดท้ายค่ะ แซนด์ไม่มีเงินให้ใครถลุงแล้ว เงินที่พี่ภูใช้ไปอย่างสุขสบายมันหมดไปพร้อมความไว้ใจของแซนด์นั่นแหละ”หญิงสาวยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพราะคิดว่าตนเองพูดจบทั้งหมดทุกเรื่องแล้ว ภูธเนศสมควรได้รับบทเรียนราคาแพงเทียบเท่ากับเงินที่ได้จากเธอไปพรึ่บ!แซนด์สะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีลูกบอลโยนลงมาบนพื้น รีบหันมองหาที่มาของมัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่หลังกำแพงบ้านข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเดจาวูแต่ต่างกันตรงที่คนนั้นไม่ได้มองเธอผ่านช่องของกำแพง“เล่นอะไรของคลื่นเนี่ย”“พี่มีผัวยังครับ”“ไดอะล็อกแปลก ๆ นะ”“พี่ชื่ออะไรครับ”เธอยิ้มก่อนจะตอบ “พี่ชื่อแซนด์ แล้วเราล่ะ”“ผมชื่อคลื่น อายุสามสิบ”“พี่สา
หนึ่งเดือนต่อมา…“เด็กแบเบาะนอนตลอดเวลาเลยเหรอคะคุณจีน่า”“ใช่ค่ะคุณแซนด์ กิน ร้อง ถ่าย มีแค่นี้เลย”“แก้มกลมจัง” แซนด์รู้สึกตกหลุมรักหนูน้อยตัวขาวผ่องในอ้อมแขนของจีน่า เพิ่งจะได้เห็นชัด ๆ ครั้งแรกหลังจากจีน่าคลอดเด็กน้อยออกมา ตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ได้แค่เห็นผ่านกระจกห้องอนุบาลเด็กทารก“คุณแซนด์ว่าหน้าเหมือนใครครับ ผมหรือจี”“แอบคล้ายทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะต้องรอให้ตัวเล็กโตกว่านี้หน่อย”“เหลือมึงละไอ้คลื่น กูเถียงกับจีมาทั้งวันละ”คลื่นตอบ “ไม่เหมือนมึง”“มึงเข้าข้างจีป้ะ หน้าเหมือนกูขนาดนี้”“ลูกมึงเหรอ ลูกมันเหรอจี”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเมา ๆ ด้วย” จีน่าเออออตามคลื่นไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งสามีตน เวลาเห็นเจฟงอแงมันน่าเอ็นดูจะตายไป“ว่าแล้ว ก็ว่าไม่เหมือน”“จีทำไมพูดงี้ ไม่น่ารักเลย” คนถูกแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ภรรยาตนเอง ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกที“อันนี้เป็นเพื่อนกันหมดเลยเหรอ” แซนด์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติจีน่าจะพูดเป็นทางการกับคลื่นมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าที่คิด“เจฟกับคลื่นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหา’ ลัยที่เม’ กาค่ะคุณแซนด์ พอเรียนจบก็ถูกดึงตัว
หลังจากเดินทางไปพบผู้กระทำความผิดอย่างอวัชที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อย คลื่นต้องกลับมาปรึกษาหารือกับแขกเรื่องการเยียวยาต่อ กว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีก็มืดค่ำเข้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่ภูเก็ตหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ตอนเช้ากริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~‘K.Da’“ว่าไงครับคุณดา” คลื่นรับสายพี่สาวต่างแม่ของตนอย่างสุภาพ(พี่เพิ่งได้ข่าวว่าสามมันสร้างเรื่องเหรอ)“ครับ”(แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ สำนึกผิดรึยัง)“อยู่ในคุก ผมไม่ยอมความ”(ดีแล้วล่ะ สามมันจะได้โตสักที อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เออว่าแต่พี่หนึ่งกับพี่สองติดต่อไปมั้ย)“ไม่ครับ น่าจะกลัวโดนหางเลขไปด้วย”(ทีแบบนี้ล่ะ ตัดหางปล่อยวัดมันเชียว)“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่มั้ย”(เปล่า พี่จะบอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน มาด้วยล่ะ)“แต่งงาน? มีคนเอาด้วยเหรอ” ไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวมากถึงขั้นรู้ว่าเธอมีผู้ชายที่กำลังคบหาถึงขั้นจะแต่งงาน(ไอ้เด็กนี่!)“ส่งการ์ดเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าว่างผมจะไป”(คลื่นต้องมาให้ได้นะ พี่เหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว)“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก“เมื่อก