20.00 น.
ติ๊ง~
ชายหนุ่มปล่อยให้คนตัวเล็กนำออกจากลิฟต์แล้วตนค่อยเดินตามหลัง เห็นเธอรีบก้าวขาเร็ว ๆ ไปที่ห้องนอนก็เข้าใจว่าคงเหนื่อยที่ต้องนั่งรถยนต์ไปนั่นไปนี่กับเขาตั้งแต่บ่าย
“เดี๋ยวครับ” เขาส่งเสียงรั้งเรียกก่อนเธอจะเปิดประตูห้องนอน
“คะ?”
“ไม่ได้ลืมใช่มั้ยว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ถ้าเขาไม่เตือนก็คงลืมไปแล้ว “ไม่ลืมค่ะ”
“ทำอะไรให้เสร็จแล้วก็ออกมาเจอกันนะครับ”
ชายหนุ่มแย้มยิ้มบาง ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นบันไดมาบนห้องนอนของตนเอง ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นบนร่างกายโยนใส่ตะกร้าแล้วคว้าผ้าขนหนูมาพันท่อนล่าง จากนั้นจึงหยิบบุหรี่เดินออกมาสูบนอกระเบียงของห้องนอน
ระหว่างรับลมเย็น ๆ ให้สมองผ่อนคลาย เขาก็คิดว่าควรจะพูดอย่างไรให้แซนด์ตกลงในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะเขาไม่มีความคิดจะบังคับขู่เข็ญเธอ หากเธอไม่ยินยอมก็คงปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่สัญญาข้อหนึ่งที่ไม่เกิดขึ้น
เมื่อคิดได้แล้วว่าควรพูดอย่างไรจึงดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วเดินกลับเข้ามาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงในการจัดการตนเอง ก่อนจะลงมายังห้องโถงของเพนต์เฮาส์
แซนด์ในชุดนอนสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นยืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น คลื่นจึงเดินไปหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาจากตู้เย็นบ้าง
แก๊ก~
เขาเปิดเบียร์ดื่มหมดกระป๋องในคราวเดียว ก่อนจะบีบกระป๋องจนบี้แบนแล้วโยนใส่ถังขยะ โดยมีสายตาอึ้ง ๆ ของแซนด์จ้องมองไม่ละสายตา
“คุยกันเลยมั้ยครับ”
“อื้อ” แซนด์ทำใจมาตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องนอนแล้ว คิดวนไปเวียนมาว่าตนเองจะทำแบบนั้นกับเขาดีหรือเปล่า แต่พอนึกถึงสัญญาก็กลัวว่าคลื่นหยิบมันขึ้นมาพูดเพื่อกดให้เธอสำเหนียกว่าตนอยู่ต่ำกว่า
“กฏการมีความสัมพันธ์กับผมค่อนข้างเยอะ ถ้าคุณฟังแล้วโอเคให้บอกผ่าน แต่ถ้าสงสัยให้ถาม”
“ก็แค่มีเซ็กซ์มันจะมีรายละเอียดเยอะแยะอะไรขนาดนั้น”
“ฟังก่อนแล้วจะรู้” ชายหนุ่มขยับกายนั่งเกยไอส์แลนด์ แล้วจึงเริ่มพูดกฎสัมพันธ์ “ข้อแรก ระหว่างที่เรามีเซ็กซ์กัน ผมไม่อนุญาตให้คุณไปทำกับใคร”
“ผ่าน” อย่าว่าแต่ไปนอนกับคนอื่นเลย เกิดมาสามสิบสี่ปียังไม่เคยนอนกับผู้ชายสักคนด้วยซ้ำ ว่าที่สามีที่เคยจะแต่งงานกันก็ไม่แตะต้องตัวเธอ
“ข้อสอง ทุกอย่างจะต้องเก็บเป็นความลับ จะไม่มีใครรู้ว่าคุณกับผมเป็นอะไรกัน ผมชอบคนวางตัวดี”
“ผ่าน”
“ข้อสาม ผมมีรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนใคร มันค่อนข้างพิเศษ และผมหวังว่าคุณจะรับมันได้”
“รสนิยมพิเศษนี่หมายความว่ายังไง”
“BDSM”
เป็นรสนิยมที่เขาค้นพบตนเองตอนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนทำให้เขาเข้าไปอยู่ในคอมมิวนิตีที่มีแต่คนรสนิยมเดียวกัน เขาสนุกกับการเป็นฝ่ายควบคุม ชอบเห็นคนเจ็บปวดทรมาน
“คลื่นมีรสนิยมชอบความรุนแรงแบบนี้ใช่มั้ย…พี่เข้าใจถูกรึเปล่า” แซนด์เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจรสนิยมของคลื่น แต่เป็นเธอที่กลัวว่าจะทำตามความต้องการของเขาไม่ได้
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่การเพลย์ทุกครั้งต้องมาจากความยินยอม ไหวแค่ไหน ทำอะไรได้บ้าง”
“พี่ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลย…”
“เซ็กซ์ปกติของคุณเป็นแบบไหน”
หญิงสาวส่ายหัว “ไม่เคยมีเหมือนกัน”
“ไหนว่าเพิ่งเลิกกับว่าที่สามี” คลื่นถามด้วยความสงสัย จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเพิ่งเลิกกับคนรัก แต่มาบอกว่าไม่เคยมีเซ็กซ์มันเป็นไปได้หรือ
“ว่าที่สามีพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงน่ะ ที่เลิกกันเพราะเขานอกกายไปนอนกับผู้ชาย”
“งั้นมานี่ ผมจะพาคุณไปดูก่อน” ว่าจบชายหนุ่มก็คว้าข้อมือหญิงสาวเดินขึ้นมาบนชั้นสอง เดินผ่านห้องนอนมายังห้องแห่งความลับของตน
แซนด์รู้สึกประหม่าเมื่อต้องมายืนอยู่หน้าห้องที่ไม่คุ้นเคยขณะเจ้าตัวกดรหัสผ่านปลดล็อกประตูจำนวนหกตัว ไม่กี่วินาทีประตูก็เลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติ
“เข้าไปสิ” คลื่นกล่าวพร้อมกับดันหลังแซนด์เบา ๆ ส่งผลให้เธอจำเป็นต้องก้าวเท้าช้า ๆ เข้ามา ทุกอย่างมืดมิดจนแทบมองอะไรที่อยู่เบื้องหน้าไม่เห็นเลย
ได้ยินประตูปิดลงไม่นาน แสงไฟสีแดงภายในห้องก็สว่างขึ้น แซนด์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นเซ็กซ์ทอยส์จำนวนมากวางอยู่บนชั้นข้างกำแพง บางชิ้นเกิดมาสามสิบสี่ปียังไม่เคยผ่านตาเลย
โซ่ แส้ กุญแจมือ…
ทุกพื้นที่ในห้องเต็มไปด้วยของเล่นผู้ใหญ่ มุมหนึ่งก็น่ากลัว แต่อีกมุมหนึ่งก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“เห็นแล้วเป็นยังไง” ชายหนุ่มเดินมายืนซ้อนแผ่นหลังคนตัวเล็ก พลางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูของเธอ “น่าสนุกใช่มั้ย”
“…” ร่างบางรู้สึกมวนท้องกับสิ่งที่ได้เห็น และเสียงแหบพร่าที่ได้ยิน ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาปิดตาของเธอไว้
“หลับตาแล้วปล่อยใจฟัง…” เสียงทุ้มขับกล่อมให้หญิงสาวหลับตาลงอย่างง่ายดาย “…ตอนนี้ผมกำลังถอดเสื้อผ้าของคุณออก ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วร่างกาย คุณเริ่มอ้าขาให้ผมสัมผัสจุดอ่อนไหว”
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงนึกภาพตามที่เขาพูด แต่ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดพวกนั้นไม่น้อย ยิ่งไม่เห็นภาพจินตนาการก็ยิ่งเตลิด
“ข้างล่างของคุณแฉะจนเปียกแพนตี้ ก่อนที่ผมจะถอดมันออกแล้วสอดปลายนิ้วเข้าไปในร่องของคุณ”
คลื่นยกยิ้มมุมปากเมื่อเริ่มได้ยินเสียงครางตามสัญชาตญาณออกมาจากปากแซนด์ “คุณตอดนิ้วผมแน่นมาก อยากให้ผมไปต่อรึเปล่า”
คำพูดของคลื่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนนิ้วของเขาอยู่ในร่างกายจริง ๆ ต่อให้ไม่ได้สัมผัสข้างล่างแซนด์ก็รู้ว่าตอนนี้แพนตี้ที่สวมเปียกชื้นไปหมดแล้ว
“อื้อ…”
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบอกผม”
“มะ…มวนท้อง”
ร่างสูงค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากใบหน้าคนตัวเล็ก จับเธอหันกลับมาหาตน “ลืมตาขึ้นได้แล้วครับ”
แซนด์กัดริมฝีปากพร้อมกับลืมตาขึ้นตามคำสั่ง ครั้นได้สบตากับคลื่นใบหน้าก็พลันร้อนผ่าว ไม่กล้าสู้หน้าเขาเลย มันน่าอายที่ตนเองมีอารมณ์เพราะคำพูดของเขา
“ผมว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีนะ”
“เหรอ”
“ถ้าให้ผมเดาตอนนี้คุณคงมีอารมณ์กับเสียงของผม แต่ถ้าคุณตกลงเพลย์กันมันจะยิ่งสนุกกว่านี้” ชายหนุ่มกล่าวพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดเหงื่อบนไรผมของอีกฝ่าย อากาศในห้องนี้อยู่ในระดับเย็นเฉียบ แต่เธอกลับเหงื่อกาฬแตก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าอุณหภูมิร่างกายเธอสูงขึ้น
“มันจะเจ็บมั้ย”
“เจ็บในระดับที่ทนได้ ถ้าคุณไม่ไหวก็แค่พูดเซฟเวิร์ดขึ้นมา เราจะตกลงกันอีกที”
ดวงตากลมโตหันมองอุปกรณ์รูปร่างแปลกตาบนผนังพร้อมกับขบคิดอย่างหนัก ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าอยากลองดูกันสักตั้ง “พี่ตกลง”
“ดีครับ ตัดสินใจได้ดี”
ปลายนิ้วเรียวยาวราวกับผู้หญิงเกลี่ยผิวแก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเชยปลายคางของเธอขึ้น“งั้นวันนี้เริ่มเบา ๆ ก่อนแล้วกัน”“วันนี้เลยเหรอ” ไหนตอนแรกเขาบอกแค่คุย สักพักก็มาทำให้เธอปั่นป่วน แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มปฏิบัติอีกแล้ว“ก็มีอารมณ์แล้วนี่”หากจะให้ยอมรับออกไปตามตรงคงกระดากอายไม่น้อย แต่มันก็เป็นอย่างที่คลื่นพูดจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ทั้งร่างมันวูบวาบไปหมดเลย“วันนี้ผมจะสอนขั้นเบสิกให้คุณก่อนแล้วกัน ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอบนเตียง” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเดินมายืนเลือกของเล่นที่จะใช้เป็นครั้งแรกกับอีกฝ่ายร่างบางตัวมองแผ่นหลังแกร่งด้วยความรู้สึกประหม่า พยายามใช้ความกล้ากดความรู้สึกเขินอายลงไป แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นจนหมด ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนเตียงอุปกรณ์ที่คลื่นเลือกคือผ้าคาดตาสีดำ กุญแจมือ และไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก ความพึงพอใจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่หันกลับมาเห็นว่าแซนด์ทำตามคำสั่ง ยอมรับเลยว่ามันน่ามองมากกว่าที่จินตนาการ“ถ้ารู้สึกไม่ไหวให้พูดว่า ‘คิมหันต์’ มันคือเซฟเวิร์ดของเรา แต่ถ้าคุณพูดคำอื่นผมจะให้ถือว่าคุณยังไหวและผมจะทำต่อไป เช็กล
หลายวันต่อมา…เลขานุการสาวเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในงานเปิดตัวศูนย์นำเข้ารถยนต์หรู ‘The Cerberus’ โดยมองไปที่เจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับผู้เข้าร่วมงานเป็นระยะเข้าใจว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ไม่คิดว่าจะชื่อเสียงมากมายถึงขั้นสามารถรวมซูเปอร์สตาร์และนักธุรกิจทรงอำนาจของเมืองไทยไว้ในงานนี้ได้“เอ่อ…สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ” แซนด์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเห็นป้ายชื่อคล้องคอของงานเลยเข้ามาขอความช่วยเหลือ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ“ช่วยถ่ายรูปผมกับลูกสาวคู่กับรถหน่อยได้มั้ยครับ”“ยินดีค่ะ” ริมฝีปากคลี่ยิ้มให้คุณพ่อกับลูกสาวตัวน้อยอย่างใจดี รับสมาร์ตโฟนมาจากเขาแล้วก้าวขาถอยหลังออกมาเล็กน้อย “ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะคะ”“ครับ”“หนึ่ง สอง…สาม” แซนด์กดถ่ายภาพให้สองพ่อสองภาพ แล้วเอียงใบหน้าถามพูดกับพวกเขาต่อ “เรียบร้อยค่ะ อยากถ่ายกับคันอื่นอีกมั้ยคะ”รถยนต์ที่เดอะเซอร์เบอร์รัสนำมาจัดแสดงโชว์ในวันเปิดตัว ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดของค่ายนั้น ๆ บางคันเป็นคันต้นแบบที่เปิดตัวที่นี่ครั้งแรกโดยเฉพาะ“ป๊าคะ หนูอยากถ่ายกับคันนั้นด้วยค่ะ” เด็กผู้หญิงชี้นิ้วไปยังรถ
เขาหยุดความคิดของตนโดยการลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปทิ้งบุหรี่ในที่ของมัน จากนั้นจึงเดินผ่านเธอกลับเข้ามาในโชว์รูม เพราะยังเหลือแขกบางส่วนที่สนใจจะจองรถยนต์ในราคาโปรโมชั่นพิเศษ“คุณแซนด์ล่ะคะท่านประธาน”“นั่งพักอยู่ข้างนอกครับ มีอะไรรึเปล่า”“ดิฉันไม่เห็นเธอก็เลยถามดูค่ะ ว่าแต่สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณแซนด์ทำงานโอเคมั้ยคะ”“ถ้าเปรียบเทียบกับคุณคงสู้ไม่ได้หรอก แต่ผมว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว” คลื่นคอมเมนต์ถึงเลขานุการคนใหม่ของตนตามตรง แซนด์ทำงานได้ตรงมาตรฐานที่เขาวางไว้ เพียงแต่จีน่าทำเกินมาตรฐานไปเท่านั้น “พรุ่งนี้คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ ปล่อยให้เธอเรียนรู้ด้วยตัวเอง”“อันที่จริงดิฉันอยากลาพักร้อนก่อนคลอดแค่สามเดือนนะคะ”“ตอนนี้ถ้าจำเป็นต้องพักก็พักเถอะ ผมไม่อยากโดนไอ้เจฟมันด่าว่าใช้งานภรรยาของมันหนักเกินไป” เจฟเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมเดอะสฟิงซ์ และเป็นสามีของจีน่าด้วย“เจฟเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอคะ สงสัยต้องดุสักหน่อย”“ไม่เคยหรอกครับ แต่ตอนนี้มันมองผมตาเขม็งอยู่”จีน่าเหลือบสายตามองสามีตนเองจนอีกฝ่ายต้องลนลานหันหน้าหนี ทั้งสอง
“เชื่อได้เหรอ?”“ถ้าขัดคำสั่งจะหัก”“เป็นเจ้านายที่เผด็จการดีนะ” แซนด์เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะขยับปากมุบมิบต่อว่าอีกฝ่าย“บ่นอะไรครับ ไม่ใช่ว่าด่าผมอยู่หรอกใช่มั้ย” คลื่นหรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างจับผิด เมื่อเห็นรอยยิ้มในแววตาก็มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอด่าเขา“ยุ่ง”“กล้าหมิ่นประมาทเจ้าหนี้เหรอ”“จะเดินมาทำไม” หญิงสาวก้าวขาถอยหลังทันทีที่ชายหนุ่มก้าวขาเร็ว ๆ มาหาเธอ ตัดสินใจจะวิ่งหนีไปยืนฝั่งตรงข้ามแต่ยังช้ากว่าที่เขารวบตัวเธอด้วยแขนเพียงข้างเดียว “โอ๊ย! ปล่อยพี่”“เมื่อกี้ว่าอะไรผม”“พี่ยังไม่พูดอะไรเลย”“ไปหลอกหมาไป” คลื่นตอกกลับไป พร้อมกับอุ้มแซนด์นั่งบนไอส์แลนด์ แล้วแทรกกายเข้าไปยืนกลางหว่างขาเธอ“อะไรของคลื่นเนี่ย จะกินมั้ยข้าวน่ะ”เขาใช้สายตามองเธอโดยไม่ตอบอะไร ปล่อยมือออกจากเอวคอดมาเท้าไอส์แลนด์ เพื่อกักขังเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน แววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาหญิงสาวนั่งแทบไม่ติดที่ รู้สึกเหมือนหายนะกำลังมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น“ปล่อย ข้าวสุกแล้วมั้ง”“สุกอะไร เพิ่งหุงเมื่อกี้”“หุงแบบด่วนไง”“ถ้าสุกก็คงได้ยินเสียงมันเตือนเอง” ชายหนุ่มยกมือม้วนผมยาวสีเบอกันดีเล่นอย่างมันมือ แล้วจึงพูดต่อ “ที่ผม
วันต่อมา…‘ผมออกไปทำธุระ จะกลับช่วงบ่าย’ข้อความจากคลื่นทำให้แซนด์ได้มีโอกาสหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเล่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตื่นนอน เธอตอบเขากลับไปด้วยประโยคสั้น ๆ แล้วตั้งใจว่าจะลุกไปทำอาหารกลางวันกินหญิงสาวถูกรั้งไว้ด้วยเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ค่อยติดตามใครในอินสตาแกรมนอกจากคนรู้จัก ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนโพสต์รูปนั้นเป็นใครเธอกดเข้าไปดูโพสต์ล่าสุดของพี่สะใภ้ตามปกติ แต่ดันสะดุดกับโพสต์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นภาพแขไขถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าหนังจระเข้ แซนด์จำได้ว่านั่นเป็นชุดวันเดียวกับที่เธอย้ายออกจากบ้านตงิดใจจึงกดอ่านคอมเมนต์ที่หล่อนโต้ตอบกับเพื่อนตนเอง วงคิ้วเหนือดวงตาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นการสนทนาหนึ่งเข้าjnngy : ว้าย~ หนังจระเข้เลยเหรอแม่kaekhai : ใช่จ้า เพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ เลย #สามีสายเปย์niinaa : ทำบุญวัดไหนถึงจะได้สามีแบบนี้คะเนี่ย สามีแห่งชาติมากเวอร์แซนด์ถึงกับสบถ ‘เหอะ’ ในลำคออย่างโมโห ว่าอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นกระเป๋าใบใหม่ คนอย่างแขไขถ้ามีกระเป๋าแพง ๆ แบบนี้อยู่กับตัว ไม่มีทางที่จะไม่อวดลงโซเชียลแต่ประเด็นกระเป๋าใบนี้มีราคาประมาณสี่ล้านบาทในราคารีเซล หรือต
ชายหนุ่มบังเอิญเจอร้านขนมหน้าตาน่ากินระหว่างออกมาทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เลยตั้งใจโทรศัพท์ไปถามคนที่อยู่ในเพนต์เฮาส์ แต่เธอดันไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไร้ซึ่งการตอบรับกลับมาคิดว่าเธอคงนอนกลางวันจึงหยุดรบกวนการพักผ่อน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีป๊อปอัปเตือนการเปิดเพลย์รูมที่ส่งมาจากเพนต์เฮาส์ก็เด้งขึ้นมาหน้าจอ ส่งผลให้เขารู้ว่าเธอเข้าไปในห้องนั้นคลื่นซื้อขนมเสร็จก็ตรงกลับมาที่บ้านเลยทันที วางทิ้งไว้บนไอส์แลนด์ในห้องครัว ก่อนจะเดินขึ้นมาบนยังเพลย์รูมอย่างไม่รีบร้อนเมื่อเปิดประตูห้องดังกล่าว คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแซนด์ช่วยตนเองอยู่บนเตียง เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนเธอจะไม่กล้าลองสักเท่าไร“เสร็จไปกี่รอบแล้ว”“คะ…คลื่น” เสียงทุ้มทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อ เบิกตาโตด้วยความตกใจ“หยุดทำไมล่ะ ทำต่อสิ”แซนด์กัดริมฝีปากแรง ๆ จนห้อเลือด ยืนมองอยู่แบบนี้ใครจะไปกล้าทำกัน รู้สึกอายจนอยากจะมุดหนีเข้าใต้เตียงอยู่แล้ว“กล้าขัดคำสั่งผมงั้นเหรอ” น้ำเสียงชายหนุ่มเข้มขึ้นกว่าตอนแรก ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเท้ามือลงบนเตียงแล้วโน้มเข้าหาเธอ “ดี…ผมชอบคนอวดดี”“อึก…” ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ แววตาของค
ผิวขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉับพลัน เจ็บปวดจนน้ำตาไหลริน แต่อีกฝ่ายกลับชอบใจที่เห็นเธอดิ้นเร่าอย่างทรมาน อารมณ์กระสันเริ่มสูงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นคลื่นลากแส้ผ่านรอยแยกกลางกายหญิงสาว ส่งผลให้เธอยิ่งตัวสั่นเทา เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะฟาดแม้ใส่ตนเมื่อไรเพียะ!“จะ…เจ็บคลื่น ฮึก!”เพียะ!“ฉันบอกให้เรียกว่าอะไร!” เจ้านายหนุ่มตวาดถามเสียงแข็งกร้าว เมื่อสัตว์เลี้ยงขัดคำสั่งของเขา“ขะ….ขอโทษค่ะ”“อย่าคิดจะขัดคำสั่งฉันอีก เพราะฉันไม่คิดใจดีกับเธอ” เขากล่าวอย่างเด็ดขาด ก่อนจะจับร่างบางพลิกกลับมานอนหงาย ก้าวขาขึ้นไปนั่งกลางหว่างขา มองใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจลากสายตาลงมามองทรวงอกที่กระเพื่อมไปมาตามแรงสะอื้น จากนั้นจึงยื่นมือไปนวดเคล้นสลับกับเขี่ยยอดอก เมื่อความเจ็บปวดทุเลาลงความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ ส่งผลให้แซนด์บิดเร่าร่างกายไปมาบนเตียงเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้ายั่วยวนขนาดไหน ในสายตาคลื่นเธอไม่ต่างอะไรกับสุนัขเพศเมียกำลังติดสัดเลยสักนิดเดียว ซ้ำเบื้องล่างยังชุ่มฉ่ำทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสสักนิดเดียวสงสัยต้องทำให้รู้เสียแล้วว่าอย่าไปทำแบบนี้
“เดินไปข้างล่างไหวมั้ย”“น่าจะไหวมั้ง” ตั้งแต่เพลย์เสร็จเท้าเธอยังไม่ได้แตะพื้นเลย คลื่นอุ้มเธอไปอาบน้ำแล้วยังอุ้มกลับมาที่เตียง เขาให้หมดแทบทุกอย่าง“น่าจะไหวแปลว่าไม่ไหว” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง ช้อนร่างบางขึ้นจากเตียงนอนแล้วพาเดินออกมาจากเพลย์รูม ตั้งแต่ว่าจะพาเธอไปส่งที่ห้องนอน แต่พอเหลือไปเห็นกล่องขนมหวานจึงแวะไปตรงนั้นก่อน“ขนมใครน่ะ มีคนมาเหรอ”“เปล่า ผมซื้อมาฝากคุณ”แซนด์เอียงคอมองอีกอย่างไม่เชื่อสายตา ถามกับตนเองว่าคลื่นน่ะนะที่จะซื้อขนมมาฝากเธอ ปกติร้องหาแต่อาหารจากเธอ“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น ผมซื้อมาจริง ๆ”“งั้นพี่ขอกินนะ พี่หิว” ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกมาหาอะไรกิน กลายเป็นว่าได้ขึ้นไปเปิดประสบการณ์ใหม่บนเพลย์รูมเสียอย่างนั้น“อืม”คลื่นยอมปล่อยแซนด์ยืนบนพื้น พลางยกมือประคองแผ่นหลังบางไว้ห่าง ๆ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว ด้วยกังวลว่าขาแข็งจะเผลออ่อนแรงจนล้มคะมำไปบนพื้น“ซื้อมาจากไหนอะ อร่อยดี” หญิงสาวถามทั้งที่ยังเคี้ยวโดนัตแก้มตุ่ย ไม่รู้ว่าคลื่นจำได้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนชอบกินขนมหวาน ยิ่งหวานมากก็ยิ่งชอบ แถมโดนัตที่เขาซื้อมาก็เป็นแบบที่เธอโปรดปรานมาก แบบที่มีน้ำตาลเคลือบหนา ๆ“
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้
“แกอย่าใช้อารมณ์สิแซนด์”“แซนด์ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยพี่ภู ทั้งหมดที่แซนด์พูดมันเป็นความจริง แล้วมันก็ทำให้แซนด์รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าพี่มองเห็นแซนด์เป็นตัวตลกในสายตา”“ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ทุกอย่างมันจะพังหมดเลยนะ”“ทุกอย่างที่ว่าคืออะไรคะ ชีวิตพี่ ชีวิตเมีย อนาคตบริษัทเหรอ แล้วชีวิตแซนด์ล่ะ แซนด์ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองเหมือนกันนะ” แซนด์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น “การช่วยเหลือครั้งนั้นคือครั้งสุดท้ายค่ะ แซนด์ไม่มีเงินให้ใครถลุงแล้ว เงินที่พี่ภูใช้ไปอย่างสุขสบายมันหมดไปพร้อมความไว้ใจของแซนด์นั่นแหละ”หญิงสาวยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพราะคิดว่าตนเองพูดจบทั้งหมดทุกเรื่องแล้ว ภูธเนศสมควรได้รับบทเรียนราคาแพงเทียบเท่ากับเงินที่ได้จากเธอไปพรึ่บ!แซนด์สะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีลูกบอลโยนลงมาบนพื้น รีบหันมองหาที่มาของมัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่หลังกำแพงบ้านข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเดจาวูแต่ต่างกันตรงที่คนนั้นไม่ได้มองเธอผ่านช่องของกำแพง“เล่นอะไรของคลื่นเนี่ย”“พี่มีผัวยังครับ”“ไดอะล็อกแปลก ๆ นะ”“พี่ชื่ออะไรครับ”เธอยิ้มก่อนจะตอบ “พี่ชื่อแซนด์ แล้วเราล่ะ”“ผมชื่อคลื่น อายุสามสิบ”“พี่สา
หนึ่งเดือนต่อมา…“เด็กแบเบาะนอนตลอดเวลาเลยเหรอคะคุณจีน่า”“ใช่ค่ะคุณแซนด์ กิน ร้อง ถ่าย มีแค่นี้เลย”“แก้มกลมจัง” แซนด์รู้สึกตกหลุมรักหนูน้อยตัวขาวผ่องในอ้อมแขนของจีน่า เพิ่งจะได้เห็นชัด ๆ ครั้งแรกหลังจากจีน่าคลอดเด็กน้อยออกมา ตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ได้แค่เห็นผ่านกระจกห้องอนุบาลเด็กทารก“คุณแซนด์ว่าหน้าเหมือนใครครับ ผมหรือจี”“แอบคล้ายทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะต้องรอให้ตัวเล็กโตกว่านี้หน่อย”“เหลือมึงละไอ้คลื่น กูเถียงกับจีมาทั้งวันละ”คลื่นตอบ “ไม่เหมือนมึง”“มึงเข้าข้างจีป้ะ หน้าเหมือนกูขนาดนี้”“ลูกมึงเหรอ ลูกมันเหรอจี”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเมา ๆ ด้วย” จีน่าเออออตามคลื่นไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งสามีตน เวลาเห็นเจฟงอแงมันน่าเอ็นดูจะตายไป“ว่าแล้ว ก็ว่าไม่เหมือน”“จีทำไมพูดงี้ ไม่น่ารักเลย” คนถูกแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ภรรยาตนเอง ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกที“อันนี้เป็นเพื่อนกันหมดเลยเหรอ” แซนด์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติจีน่าจะพูดเป็นทางการกับคลื่นมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าที่คิด“เจฟกับคลื่นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหา’ ลัยที่เม’ กาค่ะคุณแซนด์ พอเรียนจบก็ถูกดึงตัว
หลังจากเดินทางไปพบผู้กระทำความผิดอย่างอวัชที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อย คลื่นต้องกลับมาปรึกษาหารือกับแขกเรื่องการเยียวยาต่อ กว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีก็มืดค่ำเข้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่ภูเก็ตหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ตอนเช้ากริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~‘K.Da’“ว่าไงครับคุณดา” คลื่นรับสายพี่สาวต่างแม่ของตนอย่างสุภาพ(พี่เพิ่งได้ข่าวว่าสามมันสร้างเรื่องเหรอ)“ครับ”(แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ สำนึกผิดรึยัง)“อยู่ในคุก ผมไม่ยอมความ”(ดีแล้วล่ะ สามมันจะได้โตสักที อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เออว่าแต่พี่หนึ่งกับพี่สองติดต่อไปมั้ย)“ไม่ครับ น่าจะกลัวโดนหางเลขไปด้วย”(ทีแบบนี้ล่ะ ตัดหางปล่อยวัดมันเชียว)“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่มั้ย”(เปล่า พี่จะบอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน มาด้วยล่ะ)“แต่งงาน? มีคนเอาด้วยเหรอ” ไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวมากถึงขั้นรู้ว่าเธอมีผู้ชายที่กำลังคบหาถึงขั้นจะแต่งงาน(ไอ้เด็กนี่!)“ส่งการ์ดเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าว่างผมจะไป”(คลื่นต้องมาให้ได้นะ พี่เหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว)“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก“เมื่อก