คลื่นขับรถวนหาร้านขายเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเจอ นำชื่อยาที่อคิราห์บอกไปบอกเภสัชกร และซื้อยาพาราเซตามอลมาเพิ่มอีกหนึ่งแผงจากนั้นรีบกลับมาที่เพนต์เฮาส์ รินน้ำอุณหภูมิห้องจากเครื่องกรองแล้วเดินมาเคาะประตูห้องนอนหญิงสาว แต่ทว่าเธอกลับมาเปิดให้เสียที“ผมขอเข้าไปนะครับ” เขาเอ่ยขออนุญาตแล้วตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนของแซนด์ ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจรู้ว่าเจ้าตัวเป็นคนขี้ร้อน แต่จะเปิดแอร์ต่ำขนาดนี้ไปทำไมกัน เขาเอื้อมมือไปหมุนที่ปรับอุณหภูมิให้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงเดินมาหาคนป่วยคนเตียง“แซนด์”“อื้อ” หญิงสาวครางพลางเอียงใบหน้าหนีสัมผัสจากฝ่ามือเย็นสวนทางกับอุณหภูมิร่างกาย ค่อย ๆ เปิดปรือดวงตา “มาแล้วเหรอ”“ครับ ผมซื้อยาที่ควรกินมาให้ ตื่นขึ้นมากินยาก่อน”คลื่นวางของในมือลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก้มลงไปพยุงคนตัวเล็กขึ้นนั่ง ก่อนจะหยิบยาในถุงสีขาวไปใส่ไว้ในอุ้งมือเล็ก“กินครับ” หญิงสาวตบยาใส่ปาก แล้วทำท่าจะนอนโดยไม่ได้กินน้ำ แต่ยังช้ากว่าชายหนุ่มที่กระตุกแขนห้ามเธอเอาไว้แล้วออกคำสั่ง “กินน้ำให้หมดแก้ว จะได้ไม่เจ็บคอ”พิษไข้ขับกล่อมให้เจ้าตัวยอมทำตามอย่างว่าง
สองสัปดาห์ต่อมา…เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่หญิงสาวทำงานในตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัท เธอปรับตัวเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี เริ่มมีคนรู้จักเธอผ่านการติดต่องานแทนเจ้านาย(คุณแซนด์อยู่ที่โต๊ะรึเปล่าครับ)“อยู่ค่ะ” แซนด์ยกหูโทรศัพท์ตอบกลับไปทันที เมื่อได้ยินเสียงคลื่นดังออกมา “คุณคลื่นต้องการอะไรคะ”(เข้ามาหาผมในห้องหน่อย)“ค่ะ”มือเรียววางหูโทรศัพท์ลงที่เดิม พลางหยัดกายลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาเคาะประตูห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของตน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเพราะได้รับการอนุญาตแล้วห้องทำงานในโรงแรมเดอะสฟิงซ์จะแตกต่างจากเดอะเซอร์เบอร์รัสค่อนข้างมาก จะมีขนาดใหญ่กว่า วิวทิวทัศน์ก็ดีมากกว่า อีกทั้งรอบด้านยังเป็นกระจกแทบทั้งหมด“คุณคลื่นต้องการอะไรคะ”“แผลคุณหายดีรึยัง?”“อ้อ หายดีแล้วค่ะ” เขาคงจะหมายถึงแผลถูกแส้ฟาดในตอนที่เพลย์กันครั้งก่อน และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ชวนเธอเพลย์อีก คงอยากให้แน่ใจก่อนว่าสภาพร่างกายเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว“เดี๋ยวจะมีคนมาพบผมใช่มั้ย”“ทางนั้นเลื่อนไปเป็นช่วงบ่ายโมงครึ่ง”“อืม”“คุณคลื่นจะสั่งงานอะไรฉันอีกมั้ยคะ”“ผมจะลงไปตรวจห้องอาหารตอนเที่ยงและจะกินข้าวที่นั
หลังได้ที่นั่งทั้งสองก็รับเมนูอาหารมาจากพนักงาน ดีที่ตอนพนักงานยืนรอรับออร์เดอร์คลื่นไม่เล่นอะไรแผลง ๆ จนถูกจับได้เธอคิดเช่นนั้นได้เพียงเสี้ยววินาที สิ่งที่อยู่ในกายก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งแรก มิหนำซ้ำยังสั่นต่อเนื่อง“อึก!” หญิงสาวก้มหน้าเข้าหาเมนูเพื่อใช้มันปิดบังใบหน้าแปลกประหลาดของตน เธอกำลังระแวงสุดขีด ถ้าคนอื่นเห็นไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน“สั่งอาหารสิครับ ผมสั่งเรียบร้อยแล้ว”เธอพยายามปรับเสียงตนเองด้วยการกลืนน้ำลายคงคอแห้งผาก ก่อนจะพูดชื่อเมนูอาหารง่าย ๆ มาหนึ่งชื่อโดยไม่สนใจว่าจะอยากกินหรือเปล่า ขอแค่ให้พนักงานเดินออกไปจากตรงนี้ก็พอ“อะ...เอาสปาเกตตีคาโบนาร่าค่ะ”“รับอะไรอีกมั้ยครับ”“ไม่ค่ะ เอาเท่านี้”“ครับ” พนักงานหนุ่มมองใบหน้าชื้นเหงื่อของแซนด์ด้วยความสงสัย แต่โชคดีที่เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องลามก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป“ระวังสีหน้าด้วยสิ คุณอยากให้คนอื่นรู้ว่าเป็นผู้หญิงลามกเหรอครับ”ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอคงไม่มีทางทำเรื่องน่าอายในที่สาธารณะแบบนี้แน่นอน เริ่มระแวงสายตาคนรอบข้าง ทั้งที่พวกเขาก็แค่มองมาผ่าน ๆ“ทำไมไม่ตอบล่ะครับ”“ขะ…ขอโทษค่ะ”คลื่นคลี
ในจังหวะที่แก่นกายใหญ่พ่นน้ำรักใส่ถุงยางอนามัย เขาฟาดฝ่ามือเข้ากับบั้นท้ายกลมกลึงเต็มแรงจนมันเปลี่ยนสีแดงเถือก ก่อนจะโน้มร่างกายเข้าหาคนตัวเล็กอีกรอบ“รู้ใช่มั้ยว่าบทลงโทษมันคงไม่จบแค่นี้”“…รู้ค่ะ”“พร้อมมั้ยครับ” คลื่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม แต่คนฟังกลับคิดว่าน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแซนด์กำลังคิดว่าตนเองบ้าไปแล้วถึงได้รู้สึกตื่นเต้นกับน้ำเสียงที่คาดเดาอะไรไม่ได้ของเขา แม้ว่าเขาจะกำลังถอดเข็มขัดหนังมาพันไว้ที่มือ คำตอบที่เธอกล่าวออกไปก็คือ…“พร้อมค่ะ”“งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ”หญิงสาวในชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายด้วยท่าทีปกติ ทั้งที่หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าตนถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจนระบมไปทั้งตัว เบื้องล่างยังกระตุกถี่ ๆ คล้ายกับมีบางอย่างเสียบคาไว้ตลอดเวลาทว่างานก็ต้องเป็นงาน เธอยังอยู่ในเวลางาน และจำเป็นต้องเดินมารับแขกของผู้เจ้านายที่ห้องรับรองของโรงแรม“สวัสดีค่ะคุณกิตติภัทร” ตอนที่แซนด์ได้ยินชื่อกิตติภัทรก็ตงิดใจแปลก ๆ สุดท้ายความสงสัยก็จางหายไป เพราะไม่ใช่แค่คุ้นชื่อ แต่เขายังเป็นผู้ชายที่เคยทำเรื่องเลว ๆ กับเธอด้วย“คะ…คุณแซนด์?” กิตติภัทรทำ
“ช่วงนี้เป็นไงบ้างสาว ไม่เห็นส่งข่าวคราวให้เพื่อนรู้”“ก็เรื่อย ๆ” แซนด์ว่าพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูด“แล้วเรื่องเงินสรุปเรียบร้อยมั้ย”“ก็เรียบร้อยดี”เมื่อพูดถึงเรื่องเงินอารมณ์ก็ไม่ดีขึ้นมาในทันที เพราะเมื่อวานแซนด์เพิ่งเห็นรูปภาพเที่ยวญี่ปุ่นในอินสตาแกรมของพี่สะใภ้ ซ้ำยังมีรูปหิ้วถุงแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อรวมอยู่ด้วยแซนด์ไม่แน่ใจว่าเป็นรูปเก่าเอามารีอัปโหลดใหม่หรือว่าเป็นรูปใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น จึงตัดสินใจแวะเข้าไปดูที่บ้านให้เห็นกับตา สรุปคนขับรถประจำตระกูลบอกว่าภูธเนศกับแขไขไปเที่ยวกันจริง กว่าจะกลับก็อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าบอกตรง ๆ ว่าเธอสับสนกับการใช้เงินของพี่ชายตนเองที่สุด ส่งข้อความมาบอกเธอว่าขอเลื่อนจ่ายเงินของเดือนนี้ไปก่อน เพราะคิดว่าหาเงินไม่ทัน ทำให้เธอต้องเอาเงินเก็บส่วนหนึ่งมาจ่ายหนี้ให้คลื่น แต่ที่ไหนได้เจ้าตัวกลับบินไปใช้เงินมือเติบกับภรรยา“ฉันบอกแล้วว่าคลื่นใจดี”ใจดีกับผีน่ะสิ ถ้าไม่ทำสัญญาประหลาดนั้นก็คงไม่ได้เงินมาใช้หนี้โดยไม่มีดอกเบี้ยหรอก หญิงสาวอยากจะตอบเพื่อนไปแบบนี้ แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าเห็นด้วย“อื้อ ก็ใจดีอยู่”“แล้วนี่แกทำงานที่ไหนอยู่
“อย่ามาหัวหมอ”“แล้วใครมันหัวหมอก่อน?” คนตัวเล็กช้อนสายตามองอีกฝ่ายขณะหยิบวัตถุดิบทำอาหารออกมาจากตู้เย็น เมนูที่เธอเลือกทำก็คงกะเพราเช่นเคย เพราะทำง่ายและเสร็จเร็วที่สุดคลื่นขี้เกียจต่อปากต่อคำจึงหยุดพูด ปิดโทรทัศน์แล้วเดินมาหาแซนด์ที่ห้องครัว “คุณไปไหนมา”“ไปหาเพื่อน”“เพื่อน?”“น้ำหวานนั่นแหละ”“อ้อ สนิทกันมากเหรอ”“เพื่อนตั้งแต่อนุบาล”“ทำไมผมไม่รู้ว่าคุณมีเพื่อนคนนี้”“มันย้ายไปเรียนต่างจังหวัดตอนม.สี่ คลื่นเข้ามาตอนม.ต้นก็คงไม่เจอมันหรอก” คลื่นไม่ได้รู้จักเพื่อนของเธอทุกคน เช่นเดียวกับเธอที่ไม่ได้รู้จักเพื่อนของเขาทั้งหมด จะมีแค่คนที่ตัวติดกับเขาช่วงหนึ่ง แต่จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร “แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ”“ถ้าออกจะเห็นเหรอ”“ถามดี ๆ นะเนี่ย กวนตีนเอาอะไร”“เอาคุณ”“พอเลย เมื่อคืนก็เยอะแล้ว” แซนด์รีบห้ามด้วยกลัวว่าคลื่นจะทำเช่นนั้นจริง ไม่รู้ตั้งกี่ชั่วโมงที่เธออยู่บนเตียงในห้องเพลย์กับเขา เห็นว่าเป็นวันหยุดไม่ได้เลย จ้องแต่จะเคี่ยวกรำกันอย่างเดียว“ผมยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้เล่นกับคุณ”ไม่บอกก็รู้ ของเล่นที่คลื่นเอามาใช้กับเธอยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่อยู่ในเพลย์รูมเลย บางอันเ
หลังจากกิจกรรมเร่าร้อนจบลงเพียงแค่ในห้องครัว คลื่นก็ได้กินข้าวสมใจอยาก ทำตามสัญญาที่บอกว่าจะไม่สอดใส่เป็นอย่างดี ทั้งที่รู้สึกอยากจะบดขยี้แซนด์เสียเต็มประดาก็ตามที“ไม่กินเหรอ”“พี่กินกับน้ำหวานมาแล้ว คลื่นกินเสร็จก็เอาใส่ซิงก์ไว้นะ เดี๋ยวพี่มาล้างเอง”“จะไปไหนครับ” ปล่อยมือออกจากช้อนแล้วเอื้อมไปคว้าเอวบางแทบจะทันทีที่เธอจะเดินออกไป“เอากระเป๋าไปเก็บในห้อง”“เสร็จแล้วก็ออกมา”“อืม” แซนด์พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันหลังเดินมาที่ห้องนอนส่วนตัว เมื่อประตูปิดลงหญิงสาวก็ทรุดตัวนั่งบนเตียงช่วงนี้เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายสกินชิปมากผิดปกติ ไม่ว่าจะเดินไปไหน ทำอะไรก็มักจะคอยตามติดเหมือนเป็นเงาตามตัว ซึ่งมันแตกต่างจากช่วงแรก ๆ ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในเพนต์เฮาส์มีหลายคืนที่ได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน บางครั้งเขานอนค้างไปในเพลย์รูม แซนด์คิดว่าตนไม่ได้รู้สึกไปเองว่าคลื่น…ยังรู้สึกกับเธอเหมือนเมื่อก่อน‘คลื่นรักพี่แซนด์’‘เป็นแฟนกับคลื่นนะ’นั่นคือคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ ตอนนั้นคลื่นก็พยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอเหมือนตอนนี้ แต่เจ้าตัวคงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแซน
วันต่อมา…@ภูเก็ตเดอะสฟิงซ์ภูเก็ตเป็นสาขาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ติดริมทะเล รองลงมาเป็นสาขาเชียงใหม่ ส่วนสาขากรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศเสียมากกว่าทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในโรงแรมก็เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด ทั้งที่ไม่ใช่ช่วงไฮซีซัน ในฐานะเจ้าของบริษัทต้องรู้สึกพึงพอใจอยู่แล้วคืนแรกคลื่นเข้าพักในโรงแรมของตนเพื่อลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยตามที่แจ้งกับผู้จัดการสาขาไป ส่วนอีกสองคืนหลังที่เหลือเขาจะขึ้นไปพักผ่อนบนเรือสำราญ ‘Rising Sun’ ของอนลที่มาจอดเทียบท่าชั่วคราวบนเรือมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เล่นสนุก ทั้งสนามเทนนิส กาสิโน และสระว่ายน้ำ อันที่จริงคลื่นเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เขาอยากให้แซนด์ได้สัมผัสประสบการณ์ชวนสยิวในสถานที่ใหม่ ๆ ดูบ้าง รับรองว่าเธอจะจำวันนี้ได้อย่างไม่ลืมเลือน“สวัสดีครับท่านประธาน”“ครับ”“เดินทางมาไม่เหนื่อยใช่มั้ยครับ”“ไม่ครับ” คลื่นตอบกลับไปด้วยสีหน้าปกติ ต่อให้นิสัยส่วนตัวจะไม่ใช่คนเคร่งขรึมอะไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาต้องเป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือ“ผมเตร
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้
“แกอย่าใช้อารมณ์สิแซนด์”“แซนด์ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยพี่ภู ทั้งหมดที่แซนด์พูดมันเป็นความจริง แล้วมันก็ทำให้แซนด์รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าพี่มองเห็นแซนด์เป็นตัวตลกในสายตา”“ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ทุกอย่างมันจะพังหมดเลยนะ”“ทุกอย่างที่ว่าคืออะไรคะ ชีวิตพี่ ชีวิตเมีย อนาคตบริษัทเหรอ แล้วชีวิตแซนด์ล่ะ แซนด์ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองเหมือนกันนะ” แซนด์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น “การช่วยเหลือครั้งนั้นคือครั้งสุดท้ายค่ะ แซนด์ไม่มีเงินให้ใครถลุงแล้ว เงินที่พี่ภูใช้ไปอย่างสุขสบายมันหมดไปพร้อมความไว้ใจของแซนด์นั่นแหละ”หญิงสาวยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพราะคิดว่าตนเองพูดจบทั้งหมดทุกเรื่องแล้ว ภูธเนศสมควรได้รับบทเรียนราคาแพงเทียบเท่ากับเงินที่ได้จากเธอไปพรึ่บ!แซนด์สะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีลูกบอลโยนลงมาบนพื้น รีบหันมองหาที่มาของมัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่หลังกำแพงบ้านข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเดจาวูแต่ต่างกันตรงที่คนนั้นไม่ได้มองเธอผ่านช่องของกำแพง“เล่นอะไรของคลื่นเนี่ย”“พี่มีผัวยังครับ”“ไดอะล็อกแปลก ๆ นะ”“พี่ชื่ออะไรครับ”เธอยิ้มก่อนจะตอบ “พี่ชื่อแซนด์ แล้วเราล่ะ”“ผมชื่อคลื่น อายุสามสิบ”“พี่สา
หนึ่งเดือนต่อมา…“เด็กแบเบาะนอนตลอดเวลาเลยเหรอคะคุณจีน่า”“ใช่ค่ะคุณแซนด์ กิน ร้อง ถ่าย มีแค่นี้เลย”“แก้มกลมจัง” แซนด์รู้สึกตกหลุมรักหนูน้อยตัวขาวผ่องในอ้อมแขนของจีน่า เพิ่งจะได้เห็นชัด ๆ ครั้งแรกหลังจากจีน่าคลอดเด็กน้อยออกมา ตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ได้แค่เห็นผ่านกระจกห้องอนุบาลเด็กทารก“คุณแซนด์ว่าหน้าเหมือนใครครับ ผมหรือจี”“แอบคล้ายทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะต้องรอให้ตัวเล็กโตกว่านี้หน่อย”“เหลือมึงละไอ้คลื่น กูเถียงกับจีมาทั้งวันละ”คลื่นตอบ “ไม่เหมือนมึง”“มึงเข้าข้างจีป้ะ หน้าเหมือนกูขนาดนี้”“ลูกมึงเหรอ ลูกมันเหรอจี”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเมา ๆ ด้วย” จีน่าเออออตามคลื่นไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งสามีตน เวลาเห็นเจฟงอแงมันน่าเอ็นดูจะตายไป“ว่าแล้ว ก็ว่าไม่เหมือน”“จีทำไมพูดงี้ ไม่น่ารักเลย” คนถูกแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ภรรยาตนเอง ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกที“อันนี้เป็นเพื่อนกันหมดเลยเหรอ” แซนด์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติจีน่าจะพูดเป็นทางการกับคลื่นมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าที่คิด“เจฟกับคลื่นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหา’ ลัยที่เม’ กาค่ะคุณแซนด์ พอเรียนจบก็ถูกดึงตัว
หลังจากเดินทางไปพบผู้กระทำความผิดอย่างอวัชที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อย คลื่นต้องกลับมาปรึกษาหารือกับแขกเรื่องการเยียวยาต่อ กว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีก็มืดค่ำเข้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่ภูเก็ตหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ตอนเช้ากริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~‘K.Da’“ว่าไงครับคุณดา” คลื่นรับสายพี่สาวต่างแม่ของตนอย่างสุภาพ(พี่เพิ่งได้ข่าวว่าสามมันสร้างเรื่องเหรอ)“ครับ”(แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ สำนึกผิดรึยัง)“อยู่ในคุก ผมไม่ยอมความ”(ดีแล้วล่ะ สามมันจะได้โตสักที อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เออว่าแต่พี่หนึ่งกับพี่สองติดต่อไปมั้ย)“ไม่ครับ น่าจะกลัวโดนหางเลขไปด้วย”(ทีแบบนี้ล่ะ ตัดหางปล่อยวัดมันเชียว)“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่มั้ย”(เปล่า พี่จะบอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน มาด้วยล่ะ)“แต่งงาน? มีคนเอาด้วยเหรอ” ไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวมากถึงขั้นรู้ว่าเธอมีผู้ชายที่กำลังคบหาถึงขั้นจะแต่งงาน(ไอ้เด็กนี่!)“ส่งการ์ดเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าว่างผมจะไป”(คลื่นต้องมาให้ได้นะ พี่เหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว)“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก“เมื่อก