@DVice Club
สถานบันเทิงยอดฮิตตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับของเหล่านักท่องราตรีทุกช่วงวัย มีบริการหลากโซนหลายสไตล์ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการตามความต้องการ
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้นต่อเนื่องชวนใจเต้น ผีเสื้อราตรีหญิงชายต่างปลดปล่อยความรู้สึกและร่างกายไปกับท่วงทำนองสนุกๆ ที่ดีเจประจำคลับเปิดเพื่อสร้างความครึกครื้นอย่างเมามัน
เคร้ง~
เสียงแก้วใสต่างดีไซน์กระทบกัน ดังขึ้นบริเวณโซนเคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกครึกโครม
หญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูดูน่ารักขัดกับสถานที่ มองแก้วในมือเล็กน้อยก่อนตัดสินใจจรดริมฝีปากบางลงบนปากแก้วที่บรรจุค็อกเทลรสหวานซ่อนเปรี้ยว มีฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อน ๆ ให้ไหลผ่านลำคอทีละนิด
“แค่กๆ ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ” น้ำหนาวหันไปทำหน้าเหยเกใส่พริกแกงที่นั่งเท้าคางมองเธออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อสัมผัสถึงแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมมาในน้ำสีชมพูอ่อน
เธอไม่ชอบดื่ม แต่ตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครโผล่มาสักคน เลยต้องยอมดื่มเป็นเพื่อนเพื่อนตัวแสบตามคำชวน แต่ตอนนี้รู้สึกคิดผิดมาก เพราะมันไม่ได้อร่อยเหมือนขนมแบบที่เพื่อนล่อลวงสักนิด
“ไม่อร่อยเหรอ งั้นชิมของเรามั้ย? เผื่อชอบ” พริกแกงยื่นแก้วในมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย น้ำหนาวรีบส่ายหัวพรืด ถ้าฟังไม่ผิด ของในแก้วมีชื่อว่า ดราย มาร์ตินี ดูจากสีแล้ว ถ้าเธอดื่มเจ้าแก้วนี้สักอึกสองอึก มีหวังสลบคอพับอยู่ตรงนี้แน่นอน
“ไม่ต้องมาหลอกเลย หนาวไม่เชื่อพริกแล้วค่ะ”
“เอ้า ไม่ได้หลอกซะหน่อย มันอร่อยจริง ฮ้า~ สดชื่น” พริกแกงกระดกเครื่องดื่มในมือรวดเดียวจนหมด หน้าสวยหยีตาลงยามรู้สึกถึงความซาบซ่าน จนต้องส่งเสียงแสดงความถูกอกถูกใจในรสชาติอันร้อนแรงที่ไหลผ่านลำคอ
เพียะ!
“โอ๊ย เจ็บนะ ตีเราทำไมเนี่ยหนาว”
“ทำเสียงอะไรก็ไม่รู้ น่าเกลียดนะพริก เห็นมั้ย คนอื่นมองหมดแล้ว” คนโดนตีลูบแขนป้อยๆ พลางมองตามสายตาคนขี้บ่นไป เห็นมีผู้ชายรอบตัวมองอยู่จริงๆ แต่นั่นแหละ คนพวกนั้นไม่ได้มีอิทธิพลอะไรสำหรับเธอสักนิด ใครจะคิดหรือจะมองอย่างไร
เธอไม่สนใจหรอก ชีวิตใครชีวิตมัน
“พริกสวยไง เขาเลยมอง ขอแบบเดิมอีกแก้วค่ะ” พริกแกงขยิบตาให้คนทำหน้ายู่อย่างทะเล้น ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม
“ทำไมต้องเป็นเราสองคนตลอดเลยนะที่ต้องรอ” หลังจากเลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมง ดื่มหมดไปสามแก้ว แต่เพื่อนอีกสองคนยังไม่มีทีท่าจะโผล่มาสักที พริกแกงเลยเริ่มบ่นอุบอิบ
“นั่นสิคะ ข้าวฟ่างกับแผ่นดินมัวทำอะไรกันอยู่นะ”
“กินกันอยู่ล่ะมั้ง” พูดขำๆ พร้อมหยิบแก้วตรงหน้าขึ้นจิบ
“พริกแกง!”
“จะเสียงดังทำไมเล่า เราแค่พูดเล่นเอง ทำจริงจังไปได้”
“พริกเป็นผู้หญิงนะ ไม่ควรพูดอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ เดี๋ยวมีคนได้ยินก็เอาไปลือเสียๆ หายๆ อีก พริกก็รู้ ที่นี่เด็กมหา’ลัยเดียวกับเรามาเที่ยวกันเยอะจะตาย”
“ค่าๆ คุณแม่” พริกแกงอมยิ้ม ยื่นนิ้วเรียวเขี่ยแก้มคนทำหน้าดุ แต่ไร้ความน่ากลัวอย่างหยอกเย้า
รู้ดีว่าน้ำหนาวหวังดี หลายครั้งที่เธอถูกนำไปเป็นหัวข้อเรื่องซุบซิบในเพจมหา’ลัย มันก็มีทั้งจริงและมั่วปนกันไปหมด
น้ำหนาวถึงอยากให้ระวังตัว แต่ทำไงได้ เธอก็เป็นแบบนี้ ไม่แคร์อะไรพวกนั้นอยู่แล้วความแตกต่างตรงนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่าทั้งคู่สนิทกันได้อย่างไร คนหนึ่งแสบสมชื่อ ทั้งยังไม่ยอมใคร เจอใครร้ายใส่ก็พร้อมสู้ยิบตา ส่วนอีกคนนิ่งเงียบ พูดน้อยต่อยไม่หนัก เพราะไม่สู้ใครเลย ใครว่าอะไรก็เออออว่าไปตามนั้น จะพูดมากสุดตอนอยู่กับพริกแกงสองคน แต่เพราะนิสัยต่างกันนี่แหละ ถึงทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ และสนิทกันมาจนทุกวันนี้
“นั่นไง เดินกัดกันมาโน่นแล้ว” พริกแกงเอ่ยพร้อมปรายตามองคู่รักคู่กัด ที่กำลังเดินถกเถียงกันมาตลอดทางอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเดินมาถึงเธอ ทั้งคู่ก็ยังไม่หยุดปะทะฝีปากกัน
“นายนั่นแหละ ลีลาอยู่ได้”
“เธอนั่นแหละ เปลี่ยนอยู่ได้ชุดเนี่ย ใส่อะไรมันก็เหมือนๆ กันหมดนั่นแหละ”
“อย่ามาปากดีนะดิน นายแหละ นั่นก็โป๊ นี่ก็ไม่เอา โน่นก็ไม่ได้”
“ก็คนมันหวงปะวะ ใครจะอยากให้แฟนตัวเองใส่ชุดแหวกหน้าเว้าหลังให้ผู้ชายคนอื่นมอง”
“พี่แทนแฟนยัยพริกไง ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”
“เขารักพริกแกงเท่าที่ฉันรักเธอหรือไง? ข้าวฟ่าง!” แผ่นดินเริ่มเสียงดังมากขึ้น ขณะพูดก็หันมองเพื่อนสาวตัวดีที่ใส่ชุดปาดไหล่สีดำตัดผิวขาวอมชมพูสั้นเหนือเข่า แหวกข้างอวดเรียวขาขาววาบหวิว ชายใดเห็นเป็นต้องใจเต้นโครมคราม เขาเองก็เช่นกัน
ไม่ใช่ว่าพิศวาสหรอกนะ แต่โมโห เพื่อนเป็นแบบนี้ แฟนตัวเองถึงอยากทำตาม ทำให้เขาต้องเหนื่อยห้ามอยู่ประจำ
“นี่ๆ คู่รักวาทกรรมคะ จะทะเลาะกันก็ทะเลาะไป อย่าดึงฉันกับแฟนเข้าไปเกี่ยวค่า อีกอย่างที่ไม่ห้าม ไม่ใช่เพราะเขาไม่รัก แต่เพราะรักมากต่างหากถึงได้ตามใจ คนสวยแซ่บก็แบบนี้แหละนะ” พูดพร้อมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ซ้ำยังแกล้งเชิดหน้าสวยๆ เหมือนดังปากอวดอ้างไปทางเพื่อนทั้งสอง จนทั้งคู่หยุดถกเถียงกัน หันมาตอบรับเพื่อนสาวตัวแสบด้วยความหมั่นไส้
“คร้าบบบบบ แม่คนสวย”
“จ้ะ! แม่คนแซ่บ”
เมื่อจำนวนคนเยอะขึ้น ทั้งหมดจึงพากันย้ายมานั่งโซนที่จัดไว้สำหรับแก๊งเพื่อน ทุกคนต่างสั่งเครื่องดื่มที่ตัวเองชื่นชอบ แน่นอนว่าชายคนเดียวในกลุ่มอย่างแผ่นดินเลือกที่จะสั่ง
“น้ำเปล่าแก้วครับ”
“ทำไมกินน้ำเปล่าล่ะจ๊ะ คุณแผ่นดิน” ปากถามเหมือนสงสัย แต่พริกแกงกลับยกยิ้มทะเล้น
“ยังจะถาม เธอกับยัยข้าวดื่มกันทีไร เมาหมดสภาพเหมือนหมาทุกที ส่วนยัยหนาวก็ขับรถไม่ได้ ถ้าฉันเมาอีกคน ใครจะขับรถพาพวกเธอเสด็จกลับล่ะครับ คุณเพื่อนและคุณแฟน~”
“พูดดี”
“พูดถูก”
เคร้ง~
สองสาวพูดพร้อมกันก่อนชนแก้วอย่างถูกอกถูกใจในคำตอบ มีเพียงน้ำหนาวที่นั่งดื่มน้ำเปล่าในมือ เหลือบสายตามองเพื่อนเงียบๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี พอสองคู่รักมา เธอก็เข้าสู่โลกส่วนตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นตัดขาดโลกภายนอกเหมือนทุกครั้ง
นอกจากพริกแกง เธอไม่ได้สนิทกับสองคู่รักสักเท่าไหร่นัก แม้จะย้ายมาอยู่คอนโดฯ เดียวกับข้าวฟ่างได้เป็นเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้สุงสิงอะไรกัน เธออยู่ส่วนของเธอ ส่วนข้าวฟ่างก็มักใช้เวลาอยู่กับแฟนหนุ่มอย่างแผ่นดิน
“ว่าแต่พี่แทนสุดหล่อของฉันไม่มาแล้วเหรอ ยัยพริก ไหนว่านัดพี่เขามาด้วย” ข้าวฟ่างถาม พร้อมเรียกของฉันอย่างไม่อายปากด้วยใบหน้าแป้นแล้น แทนไทคือรุ่นพี่สุดหล่อที่เธอปลื้ม และทุกคนรู้ข้อนี้ดี เลยไม่เคยมีปัญหาใดๆ
“มาๆ เดี๋ยวคงตามมาแหละ”
“กรี๊ด คิดถึงอ่า อยากเจอจะแย่แล้ว ไม่ได้เจอนาน” ข้าวฟ่างทำท่าดีดดิ้นดีอกดีใจจนแฟนหนุ่มที่นึกหมั่นไส้ในความกระดี๊กระด๊าเกินหน้าเกินตา
“เบาๆ ครับคุณเมีย นอโผล่แล้ว”
“ว้าย~ ใครเมียนายยะ”
“เฮ้ย จะให้พูดจริงๆ ดิ?” ตอบกลับด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม
แล้วสงครามของคู่รักก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง พริกแกงได้แต่นั่งกุมขมับ มองเพื่อนถกเถียงกันด้วยความเหนื่อยใจ ไม่มีวันไหนที่คู่รักคู่นี้ไม่มีประเด็น ไม่รู้ว่าจะบ่นหรือชื่นชมก่อนดี
ชื่นชมที่ขยันหาเรื่องมาตีกันได้ไม่ซ้ำเนี่ย!
ถึงจะชิน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะขยันตีกันอะไรขนาดนั้น แค่เห็นยังปวดหัวแทน
ขณะที่สงครามระหว่างข้าวฟ่างกับแผ่นดินกำลังมาคุได้ที่ ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเรียบง่าย ทว่ากลับโดดเด่นสะดุดตาก็ปรากฏขึ้นเรียกสายตารอบข้างให้หยุดมอง พร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้คนที่ยิ้มมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว
แทนไทเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนของแฟนสาว ทำให้ข้าวฟ่างที่กำลังไล่บิดเอวแผ่นดินอย่างเอาเป็นเอาตาย กับแผ่นดินที่กำลังพยายามปัดป้องมือไม่ให้โดนหยิก เป็นต้องหยุดชะงักและยุติสงครามลง แล้วพร้อมใจกันเงยหน้ามองใบหน้าผู้มาใหม่
“พี่แทน...”
ขวับเสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมายนั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอดถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้า
Rrrrrr~โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังลั่นห้อง ปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ตื่นขึ้นมาเพราะความรำคาญมือบางควานสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งถึงเจอต้นตอขัดความสุข พริกแกงดันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนเพ่งมองหน้าจอมือถือใครบังอาจมารบกวนกันนะ“หือ ข้าวฟ่าง? โทร. มาทำไมแต่เช้า” ชื่อบนจอทำคิ้วเรียวขมวดมุ่น ปกติหลังจากดื่มกันอย่างหนักจะไม่ค่อยมีใครโทร.หาสักเท่าไหร่ เพราะแฮงก์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรนิ้วเรียวสไลด์หน้าจอรับสาย พร้อมทั้งกดเปิดสปีกเกอร์โฟน กรอกเสียงงัวเงียตอบกลับปลายสายด้วยสภาพยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาดี“อือ~ มีอะไรคะคุณเพื่อน หายแฮงก์แล้วเหรอถึงโทร. มาเนี่ย?”[ยังจะมานั่งใจเย็นอยู่อีกนะ เธอเห็นเพจซุบซิบของมหา’ลัยหรือยัง ยัยพริก]“ฮะ? ยังเลย มีอะไรอะ?”[ตายห่า งั้นดูด่วนเลยค่ะเพื่อน ด่วนที่แปลว่าเดี๋ยวนี้!]ความร้อนรนผสมกับความรีบร้อนในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท ทำให้คนงัวเงียรีบลุกไปหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเปิด กดเข้าแอปพลิเคชันดังแล้วค้นหา ‘ใต้เตียงมหา’ลัย SC’ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเมาท์มอยเรื่องราวคาวๆ ของคนในรั้วมหา’ลัย ซึ่งพริกแกงเป็นหน
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปฉันพาตัวเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะเรียบร้อยได้ พร้อมลากรองเท้าสีดำสูงสี่นิ้วคู่โปรด มาหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทสีทึบขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายสิบชั้นคำพูดมากมายที่อาจารย์พยายามสาธยายให้ฟังก่อนหน้านี้เท่าที่พอจะจำได้ผุดขึ้นมาในหัว ทูนิกซ์ เป็นบริษัทชั้นนำ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ท่านกำชับนักกำชับหนาว่าต้องทำตัวให้ดี อย่าทำให้มหา’ลัยและอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา ให้ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมาะสมกับการเป็นเด็กฝึกงานฉันถึงต้องไปรื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหากระโปรงตัวยาวที่เคยใส่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสมัยเรียนปีหนึ่งมาใส่“มารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใส พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คุณพี่หน้าคม อกตู้มตรงหน้า“น้องพัชริกา ฮาร์ตลีย์ใช่มั้ยคะ?”“ใช่ค่ะ” ยิ้มตอบเห็นฉันชื่อไทยสไตล์ขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วฉันมีแด๊ดดี้เป็นคนอังกฤษนะ และด้วยเหตุนี้แหละครอบครัวถึงไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศแทนการทำธุรกิจในประเทศไทยพี่พนักงานสาวหน้าคมยกหูโทรศัพท์ตรงเคาน์เตอร์กดต่อสายภายในหาใครบางคน พี่เขาพูดกับป
หลังยืนโบกมือยิ้มหวานส่งพี่แทนเสร็จ ฉันก็รีบยกกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อนถ้าได้กินยาเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยการขับรถกลับเองเด็ดขาด ฉะนั้นตอนนี้ต้องหาตัวช่วย และคนที่จะช่วยฉันได้ก็มีอยู่ไม่กี่คนควานหาโทรศัพท์เจอ ฉันรีบกดต่อสายหาเบอร์ที่บันทึกไว้ยามฉุกเฉินทันที เราทุกคนในกลุ่ม ล้วนจัดให้เบอร์ของเพื่อน ๆ เป็นเบอร์โทรฉุกเฉิน สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับ ไม่รอช้าฉันรีบกรอกเสียงออดอ้อนไปตามสายขอความช่วยเหลือ“ข้าว~ มารับฉันหน่อยสิ”[ข้าวหลับ] ทว่าแทนที่จะเป็นเสียงหวานตอบกลับมา กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุ ๆ เจือความหงุดหงิดแทน ทำให้ต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยกขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจออีกครั้งก็โทร. ถูกนี่นา แล้วทำไมถึงเป็นเสียงคนอื่น ปกติเวลานี้ข้าวฟ่างน่าจะยังอยู่ห้องตัวเองไม่ออกไปไหนนี่?“นั่นใครน่ะ” ฉันถามเสียงแข็งกลับไป[อะไร? เพ้อหนักแล้วนะเธอน่ะ ฉันแผ่นดินไง ผัวยัยข้าว เพื่อนสนิทที่หล่อที่สุดของเธอตั้งแต่ม.สี่ อย่าบอกนะว่าลืม ฉันกับยัยข้าวมาหัวหิน เธอลืมหรือไง ทำไมต้องตกใจ?] อ่า จริงด้วย ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคู่รักพากันไปสวีตที่หัวหินน่ะแต่ว่านะ คำ
“นายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลใบหน้าคมคายละสายตาจากทุกสิ่งรอบกายตวัดมองผู้มาใหม่ ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารอมาทั้งวันซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เขาเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมคว้ามันมาเปิดออกอย่างเบามือ หยิบของด้านในออกมาอย่างใจเย็นและทะนุถนอมจนว่างเปล่าภาพหญิงสาววัยมหา’ลัย ใบหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติขับผิวขาวอมชมพู กำลังแย้มยิ้มให้บางสิ่งอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสนั้นทำคนยิ้มยากเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวสวย...ยิ่งโตยิ่งสวยไร้ที่ติ ทว่าติดตรงที่เธอมีเจ้าของหัวใจแต่จะโทษใครได้ ในเมื่อก่อนหน้าเธอเคยเฝ้ารอและพยายามตามหาเขามาโดยตลอด ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด และเป็นฝ่ายเลือกหนีหายไปจากเธอนานหลายปีตอนนั้นพวกเรายังเด็ก จึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างง่ายๆ ว่าสิ่งที่ทำเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดถามความเห็นของเธอสักคำ สมควรแล้วที่ตอนนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองเธออยู่ไกลจากอีกฟากโลก ทั้งที่อยากเจอกันใจแทบขาดและรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้“แล้วเรื่องของมันล่ะ?”“ยังไม่ชัวร์ครับนาย มันค่อนข้างระวังตัว แต่มีโอกาสเป็นอย่างที่นายคิดสูง หรือเราให้คนของคุณเจย์ช่วยอีก
มินิคูเปอร์สีจังเกิลกรีนคันเล็ก หักเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเข้า Tiara Grand Hotel โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตัวอาคารออกแบบสไตล์กรีก-โรมันถูกประดับตกแต่งด้วยแมกไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัดพริกแกง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เจ้าของร่างบางสัดส่วนชวนฝัน พร้อมด้วยใบหน้ารูปไข่สวยหวานผสานความเซ็กซี่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมโตสุกใส ขนตางอนยาวเรียงแพสวย จมูกเชิดรั้นรับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดีช่วยดึงดูดสายตาผู้ชายมองตามจนเหลียวหลัง ส่วนผู้หญิงด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉาเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหลังตรงดุจนางพญา เท้าเรียวเยื้องย่างมาบนรองเท้าส้นแหลมสีดำแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจ สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณพริก”“สวัสดีค่ะ” เรียวปากอิ่มยกยิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวเช่นทุกครั้งสองเท้าบางก้าวไปเบื้องหน้า สายตาสาดส่องมองหาใครบางคน ก่อนตากลมจะทอประกาย มุมปากยกยิ้มอ่อนเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแสนคุ้นตา ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประช
@มหาวิทยาลัย“พริก...”“...”“พริกแกง!”เพียะ!“เล่นบ้าอะไรน้ำหนาว เราตกใจหมด”“ไม่ได้เล่นซะหน่อย เราเรียกพริกตั้งนานแล้วนะ แต่พริกไม่สนใจเราเลย” ร่างเล็กกว่าทำหน้ายู่ใส่ พลางลูบรอยแดงบนแขนตัวเองป้อยๆไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอเรียกพริกแกงตั้งแต่เห็นหลังกันไกลๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งอีกคนก็ไม่หันมามอง เหมือนกำลังสนใจอะไรสักอย่างถึงต้องเดินเข้ามาสะกิด แต่ไม่คิดว่าพริกแกงจะตกใจแรง จนหันกลับมาฟาดเต็มเหนี่ยว เล่นเอาซะแขนชาแน่ะ“แหะๆ เราขอโทษนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่พริกมองอะไรอยู่เหรอ” น้ำหนาว บอกปัดอย่างไม่ถือสา ขยับมาใกล้แล้วเอ่ยถามต่อ เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนระมัดระวังตัวอย่างพริกแกงเหม่อลอยได้ขนาดนี้คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวฉบับสาวเหนือย่นแทบชนกัน หลังจากชะเง้อมองจุดที่พริกแกงเคยให้ความสนใจด้วยความสงสัยต้นไม้ ถังขยะ และนักศึกษาไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา? แล้วเพื่อนสาวคนสวยของเธอกำลังมองอะไรอยู่นะ หรือว่า...พริกแกงมีจิตสัมผัสเหรอ!?“ก็...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ?”“หนาวไม่เห็นเหรอ รถสีดำคันนั้นไง”“สีดำ...คันไหนคะ?”“นั่นไง อะ อ้าว หายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังจอดอยู่ตรงนั้นอยู่เลย” ดวงตาเบิกโพ
- ด้านพริกแกง -“รอนานมั้ยครับ”“ไม่เลยค่ะ” คนเสียงใสยกยิ้มตอบ“ขอโทษทีนะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้เราเลย”พริกแกงไม่ได้พูดอะไรกลับไป มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบ อันที่จริง เขาไม่ควรพูดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้กันหรอก มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลังคบกันได้หกเดือนต่างหากเธอพอจะเข้าใจเหตุผล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอกำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หลายครั้งที่นัดของเราต้องล่ม เพราะคำว่าติดงานด่วนของเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจัดสรรเวลาไม่ได้สักที“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย คิดถึงจะแย่” ใบหน้าคมเข้มหันมายกยิ้มละมุนให้แฟนสาว เขาไม่ได้รับรู้ความในใจของเธอ เพียงแต่เห็นว่าคนข้างกายเงียบไปจึงยกมือลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ ในตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว“ถ้าคิดถึงก็มาหาพริกบ่อยๆ สิคะ จะได้หายคิดถึง”“พี่จะพยายามนะครับ”แทนไทกับพริกแกงอายุห่างกันเพียงสองปี แต่เขากลับชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ถ้าถามว่าชอบไหม? ก็ตอบได้แค่ชอบมาก มันอบอุ่น มันนุ่มฟูในหัวใจ ยามที่เขาแบ่งเวลามาอยู่ด้วยกันผู้ชายแบบนี้แหละที่เธอต้องการและตามหามาตลอด แม้จะติดขัดเรื่องของเวลาไปบ้าง แต่โดยร