Share

Ep. 4 | ฝากฝัง (100%)

ขวับ

เสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย

นั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร

“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”

“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร

“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ

“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”

“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ

“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอด

ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้าใจ และไม่อยากบีบบังคับให้เธอต้องอึดอัดมากเกินไป

“เล่นตัวนัก ระวังเถอะจะโดนทิ้ง” ทว่าคำพูดหยอกเย้าของแผ่นดิน กลับทำให้พริกแกงหันไปมองตาเขียว

“พี่แทนไม่ใช่แก!”

“ครับ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน จะนานแค่ไหน พี่ก็รอ” แทนไทเลื่อนมือไปกุมมือเล็กแล้วบีบเบาๆ เหมือนเป็นการยืนยันในคำพูด

“สั่งได้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”

Phikkaeng Part

พวกเราชาวเอกซ์โทรเวิร์ตดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน โดยมีอินโทรเวิร์ตอย่างน้ำหนาวปิดปากหาวเป็นช่วงๆ หลังจากรู้ว่ามีเจ้ามือเลี้ยง ข้าวฟ่างก็สั่งเมนูแนะนำมากินแทบทุกอย่าง พี่แทนเองก็ไม่มีขัด แถมยังช่วยสั่งเพิ่มให้อีก

แฟนใครก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งรวย ใจดีสุดๆ

เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงเที่ยงคืน ฉันเริ่มมีอาการมึนๆ เพราะวันนี้ดื่มค่อนข้างหนัก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ลืมธุระสำคัญที่ต้องคุยกับพี่แทนไทให้ได้

“พี่แทนคะ”

“ครับ?”

“พริกมีเรื่องจะขอร้องพี่แทน...สักเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันเกาะแขนเขา พลางเอนศีรษะซบไหล่กว้างอย่างออดอ้อน พี่แทนยกมือขึ้นมาจับผมฉันเล่น ตบท้ายด้วยการหยิกแก้มกันเบาๆ อย่างหยอกเย้า

เสียงก็นุ่ม มือก็นิ่ม ><

“ว่ามาสิครับ สำหรับพริก ไม่ต้องขอร้องหรอก พี่ยินดีทำให้เสมอ”

“คือ...เรื่องฝึกงานน่ะค่ะ” ไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะ กลัวจะเป็นการรบกวนเขามากเกินไป แต่ถ้าไม่ขอให้พี่แทนช่วย ฉันก็ไม่เห็นใครที่ช่วยได้แล้วเหมืนกัน

“น้องพริกจะมาฝึกที่โรงแรมพี่เหรอครับ มาเลย พี่ยินดีมากๆ” สีหน้าพี่แทนดูดีใจสุดๆ เล่นเอาฉันแทบไม่กล้าพูดต่อ แต่ถ้าไม่คุยวันนี้ ก็คงหมดโอกาสจะคุยแล้ว ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง!

“ปะ...เปล่าค่ะ พริกได้ที่ฝึกแล้ว”

“อ้าว แล้วน้องพริกจะขออะไรพี่ล่ะครับ”

“พริกจะรบกวนพี่ให้...ช่วยรับน้ำหนาวไปฝึกงานที่โรงแรมหน่อยได้มั้ยคะ ยัยหนาวเป็นคนไม่ค่อยทันใคร ถ้าให้ไปที่อื่น พริกก็เป็นห่วง แต่ถ้าเป็นพี่แทน พริกก็สบายใจค่ะ นะคะ นะ~” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ไม่พอยังเขย่าแขนเขาเบาๆ พร้อมทำตาปริบๆ ชนิดที่คิดว่ากะมัดมือชก ไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธได้

พี่แทนหันไปมองน้ำหนาวที่มองมาทางเราทั้งสองตาแป๋ว แล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้ฉัน

“ได้ครับ ถึงจะไม่ได้มีแพลนรับเด็กฝึกงาน แต่ถ้าเป็นคำขอของพริก พี่ทำให้ได้อยู่แล้ว”

“น่ารักที่สุด จุ๊บ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ฉันก็ตกรางวัลให้คนใจดีด้วยการหอมแก้มขวาเขาไปหนึ่งที แต่ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงหนึ่งดันดังแทรกขึ้นมา

“ไปด้วย~”

“อ้าวๆ ไหนเราตกลงกันแล้วไงข้าว ว่าเธอจะไปฝึกใกล้บริษัทพ่อฉัน” เอาแล้ว แผ่นดินงอแงขึ้นมา เมื่อจู่ๆ ข้าวฟ่างก็เปลี่ยนเป้าหมาย ส่วนฉันที่พอรู้มาบ้างจากแผ่นดินว่าข้าวฟ่างมีบริษัทที่เล็งไว้แล้วถึงไม่ห่วง แต่ไม่รู้ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ไปได้

“มาคิดๆ ดูแล้ว มันก็จริงแบบที่ยัยพริกบอก น้ำหนาวน่าเป็นห่วงจะตาย กล้าปล่อยเพื่อนไว้คนเดียวเหรอดิน?”

“แต่เราคุยกันแล้วไงข้าว”

“คุยกันแล้วก็เปลี่ยนได้ ไม่รู้อะ ฉันเอาแบบนี้แหละ”

“ยัย! เพราะเธอเลย ยัยพริก” เมื่อค้านแฟนไม่ได้ แผ่นดินก็หันมามองหน้าฉันอย่างคาดโทษ ก่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างจำยอม เพราะมันเองก็ห่วงน้ำหนาวไม่ต่างจากใคร แต่ไหงมันดันมาจบที่พาลใส่ฉันล่ะยะ

ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย ไอ้บ้านี่

“เอาละครับๆ ไม่ต้องเถียงกัน น้องข้าวไปกับน้องหนาวก็ดี น้องพริกจะได้สบายใจไง แต่...พี่ช่วยรับเพื่อนพริกมาฝึกงานตั้งสองคน รางวัลแค่นี้คงไม่พอ พี่ขอรางวัลเพิ่มได้มั้ยครับ?”

เอ๊ะ!?

“คะ?” ฉันหลุดถามเสียงเบาอย่างมึนงง ก่อนเอ่ยถามต่อ “รางวัลอะไรคะ?” พี่แทนจะมาเอารางวัลอะไรอีกล่ะ กรณียัยข้าวฟ่างเขาก็ออกปากรับเองไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย

“รางวัลนี้ไงครับ” ขณะที่กำลังมึนงง สองมือของเขาก็ประคองแก้มฉันให้หันหน้าไปมองกัน ก่อนจะมอบรางวัลแสนหวานให้ที่ปาก จนได้ยินเสียงดัง จุ๊บ ออกมาเบาๆ

ใช่! ปาก! พี่แทนจูบฉัน เราจูบกันท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมา ทำเอาใจเต้นแรงแทบกระเด้งออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เราทำอะไรกันแบบนี้ในที่สาธารณะ

ก็แน่อยู่แล้ว ใครจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะ

ส่วนที่ทำลงไปเมื่อกี้ ขอยกความผิดให้พี่แทนคนเดียวแล้วกัน!

ไม่รู้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือเพราะอยากตอบแทนความใจดีและความรักที่เขามีให้เสมอมากันแน่ ฉันถึงได้นั่งนิ่งไม่ผลักไสเขาออก ยินยอมรับรสจูบจากคนรักแต่โดยดี จนสมองพร่าเบลอ

ทว่าในขณะที่จูบแสนหวานกำลังไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้น

เพล้ง

โครม!

พลั่ก

จู่ๆ เสียงแก้วตกแตกก็ดังขึ้นติดๆ กัน ตามมาด้วยเสียงโต๊ะล้มดังสนั่น จากมุมมืดด้านหลังไม่ห่างจากโต๊ะพวกเรานัก ทำให้ฉันตกใจ ดึงสติที่หลุดจากร่างกลับเข้ามาได้

“พะ...พอแล้วค่ะ” ฉันผลักอกพี่แทนออก รับรู้ได้เลยว่าใบหน้ากำลังร้อนวูบวาบ และมันยิ่งร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากระซิบแหบพร่าแผ่วเบาข้างใบหู

“ไปห้องพี่มั้ยครับ”

เพียะ

ฉันฟาดเข้าให้ที่ไหล่หนาเต็มแรง จะไม่ให้ฟาดได้อย่างไร ก็แฟนตัวดีไม่พูดเปล่า ยังจับมือฉันไปสัมผัสบางส่วนของเขาที่กำลังแข็งปึ๋งปั๋ง ไม่นิ่มเหมือนปาก แม้มันจะโดนแค่เฉี่ยวๆ แต่ฉันกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน

“พะ...พูดอะไรก็ไม่รู้ พริกไม่คุยด้วยแล้ว ปะกลับกันได้แล้ว ดึกแล้ว พริกง่วงแล้วเนี่ย” แกล้งเอามือปิดปากทำท่าง่วงเต็มประดา ทั้งที่ความจริงแล้วตาสว่างสุดๆ ใครมันจะไปง่วงลง หลังเจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนหายเมาเป็นปลิดทิ้งขนาดนั้น

“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ”

“ไม่ต้องเลย กลับไปเลยค่ะ พี่มีประชุมตอนเช้า พริกจำได้”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ค่ะ เราคุยกันแล้วนะคะ” ฉันลูบแก้มคนที่ทำหน้าเหมือนแมวอดกินอาหารเปียกเป็นการปลอบใจ ก่อนจะหันไปหาบรรดาเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้นั่งแข็งเป็นหุ่นในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่พี่แทนล็อกหน้าฉันหันไปรับจูบ

“ลุกสิยะ นั่งอ้าปากค้างอะไรกันอยู่ได้ แมลงเม่าเข้าไปวางไข่แล้วมั้งนั่น!!” ฉันเอ็ดเพื่อนกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกมาโดยไม่รอใคร

ฉันอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว!

สับเท้าไวๆ เพื่อหนีการถูกแซว แต่ไม่ลืมเหลือบไปมองจุดที่เกิดเสียงดังโครมคราม ทว่าบริเวณนั้นค่อนข้างมืด จึงมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดนัก

แต่ความอยากรู้ดันเอาชนะความเขินอาย ฉันหยุดเดินแล้วหรี่ตามองมุมที่ว่านั้น เห็นเพียงแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงสองคน

หนึ่งในสองกำลังวุ่นวายกับการเจรจา จบด้วยยื่นแบล็กการ์ดให้พนักงานของร้าน ส่วนอีกคนนั่งหันหลังให้ฉัน ท่าทางไม่สนใจใคร ไม่ว่าสายตารอบข้างจะพุ่งไปหาเขามากมายแค่ไหนก็ตาม

เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ

ถ้าไม่ได้เขา ก็ไม่รู้ว่าการมอบรางวัลเมื่อครู่ มันจะจบลงที่ตรงไหนเหมือนกัน

- End Phikkaeng Part –

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status