ขวับ
เสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย
นั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร
“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”
“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร
“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ
“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”
“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ
“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอด
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้าใจ และไม่อยากบีบบังคับให้เธอต้องอึดอัดมากเกินไป
“เล่นตัวนัก ระวังเถอะจะโดนทิ้ง” ทว่าคำพูดหยอกเย้าของแผ่นดิน กลับทำให้พริกแกงหันไปมองตาเขียว
“พี่แทนไม่ใช่แก!”
“ครับ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน จะนานแค่ไหน พี่ก็รอ” แทนไทเลื่อนมือไปกุมมือเล็กแล้วบีบเบาๆ เหมือนเป็นการยืนยันในคำพูด
“สั่งได้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”
Phikkaeng Part
พวกเราชาวเอกซ์โทรเวิร์ตดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน โดยมีอินโทรเวิร์ตอย่างน้ำหนาวปิดปากหาวเป็นช่วงๆ หลังจากรู้ว่ามีเจ้ามือเลี้ยง ข้าวฟ่างก็สั่งเมนูแนะนำมากินแทบทุกอย่าง พี่แทนเองก็ไม่มีขัด แถมยังช่วยสั่งเพิ่มให้อีก
แฟนใครก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งรวย ใจดีสุดๆ
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงเที่ยงคืน ฉันเริ่มมีอาการมึนๆ เพราะวันนี้ดื่มค่อนข้างหนัก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ลืมธุระสำคัญที่ต้องคุยกับพี่แทนไทให้ได้
“พี่แทนคะ”
“ครับ?”
“พริกมีเรื่องจะขอร้องพี่แทน...สักเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันเกาะแขนเขา พลางเอนศีรษะซบไหล่กว้างอย่างออดอ้อน พี่แทนยกมือขึ้นมาจับผมฉันเล่น ตบท้ายด้วยการหยิกแก้มกันเบาๆ อย่างหยอกเย้า
เสียงก็นุ่ม มือก็นิ่ม ><
“ว่ามาสิครับ สำหรับพริก ไม่ต้องขอร้องหรอก พี่ยินดีทำให้เสมอ”
“คือ...เรื่องฝึกงานน่ะค่ะ” ไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะ กลัวจะเป็นการรบกวนเขามากเกินไป แต่ถ้าไม่ขอให้พี่แทนช่วย ฉันก็ไม่เห็นใครที่ช่วยได้แล้วเหมืนกัน
“น้องพริกจะมาฝึกที่โรงแรมพี่เหรอครับ มาเลย พี่ยินดีมากๆ” สีหน้าพี่แทนดูดีใจสุดๆ เล่นเอาฉันแทบไม่กล้าพูดต่อ แต่ถ้าไม่คุยวันนี้ ก็คงหมดโอกาสจะคุยแล้ว ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง!
“ปะ...เปล่าค่ะ พริกได้ที่ฝึกแล้ว”
“อ้าว แล้วน้องพริกจะขออะไรพี่ล่ะครับ”
“พริกจะรบกวนพี่ให้...ช่วยรับน้ำหนาวไปฝึกงานที่โรงแรมหน่อยได้มั้ยคะ ยัยหนาวเป็นคนไม่ค่อยทันใคร ถ้าให้ไปที่อื่น พริกก็เป็นห่วง แต่ถ้าเป็นพี่แทน พริกก็สบายใจค่ะ นะคะ นะ~” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ไม่พอยังเขย่าแขนเขาเบาๆ พร้อมทำตาปริบๆ ชนิดที่คิดว่ากะมัดมือชก ไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธได้
พี่แทนหันไปมองน้ำหนาวที่มองมาทางเราทั้งสองตาแป๋ว แล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้ฉัน
“ได้ครับ ถึงจะไม่ได้มีแพลนรับเด็กฝึกงาน แต่ถ้าเป็นคำขอของพริก พี่ทำให้ได้อยู่แล้ว”
“น่ารักที่สุด จุ๊บ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ฉันก็ตกรางวัลให้คนใจดีด้วยการหอมแก้มขวาเขาไปหนึ่งที แต่ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงหนึ่งดันดังแทรกขึ้นมา
“ไปด้วย~”
“อ้าวๆ ไหนเราตกลงกันแล้วไงข้าว ว่าเธอจะไปฝึกใกล้บริษัทพ่อฉัน” เอาแล้ว แผ่นดินงอแงขึ้นมา เมื่อจู่ๆ ข้าวฟ่างก็เปลี่ยนเป้าหมาย ส่วนฉันที่พอรู้มาบ้างจากแผ่นดินว่าข้าวฟ่างมีบริษัทที่เล็งไว้แล้วถึงไม่ห่วง แต่ไม่รู้ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ไปได้
“มาคิดๆ ดูแล้ว มันก็จริงแบบที่ยัยพริกบอก น้ำหนาวน่าเป็นห่วงจะตาย กล้าปล่อยเพื่อนไว้คนเดียวเหรอดิน?”
“แต่เราคุยกันแล้วไงข้าว”
“คุยกันแล้วก็เปลี่ยนได้ ไม่รู้อะ ฉันเอาแบบนี้แหละ”
“ยัย! เพราะเธอเลย ยัยพริก” เมื่อค้านแฟนไม่ได้ แผ่นดินก็หันมามองหน้าฉันอย่างคาดโทษ ก่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างจำยอม เพราะมันเองก็ห่วงน้ำหนาวไม่ต่างจากใคร แต่ไหงมันดันมาจบที่พาลใส่ฉันล่ะยะ
ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย ไอ้บ้านี่
“เอาละครับๆ ไม่ต้องเถียงกัน น้องข้าวไปกับน้องหนาวก็ดี น้องพริกจะได้สบายใจไง แต่...พี่ช่วยรับเพื่อนพริกมาฝึกงานตั้งสองคน รางวัลแค่นี้คงไม่พอ พี่ขอรางวัลเพิ่มได้มั้ยครับ?”
เอ๊ะ!?
“คะ?” ฉันหลุดถามเสียงเบาอย่างมึนงง ก่อนเอ่ยถามต่อ “รางวัลอะไรคะ?” พี่แทนจะมาเอารางวัลอะไรอีกล่ะ กรณียัยข้าวฟ่างเขาก็ออกปากรับเองไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
“รางวัลนี้ไงครับ” ขณะที่กำลังมึนงง สองมือของเขาก็ประคองแก้มฉันให้หันหน้าไปมองกัน ก่อนจะมอบรางวัลแสนหวานให้ที่ปาก จนได้ยินเสียงดัง จุ๊บ ออกมาเบาๆ
ใช่! ปาก! พี่แทนจูบฉัน เราจูบกันท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมา ทำเอาใจเต้นแรงแทบกระเด้งออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เราทำอะไรกันแบบนี้ในที่สาธารณะ
ก็แน่อยู่แล้ว ใครจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะ
ส่วนที่ทำลงไปเมื่อกี้ ขอยกความผิดให้พี่แทนคนเดียวแล้วกัน!
ไม่รู้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือเพราะอยากตอบแทนความใจดีและความรักที่เขามีให้เสมอมากันแน่ ฉันถึงได้นั่งนิ่งไม่ผลักไสเขาออก ยินยอมรับรสจูบจากคนรักแต่โดยดี จนสมองพร่าเบลอ
ทว่าในขณะที่จูบแสนหวานกำลังไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้น
เพล้ง
โครม!
พลั่ก
จู่ๆ เสียงแก้วตกแตกก็ดังขึ้นติดๆ กัน ตามมาด้วยเสียงโต๊ะล้มดังสนั่น จากมุมมืดด้านหลังไม่ห่างจากโต๊ะพวกเรานัก ทำให้ฉันตกใจ ดึงสติที่หลุดจากร่างกลับเข้ามาได้
“พะ...พอแล้วค่ะ” ฉันผลักอกพี่แทนออก รับรู้ได้เลยว่าใบหน้ากำลังร้อนวูบวาบ และมันยิ่งร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากระซิบแหบพร่าแผ่วเบาข้างใบหู
“ไปห้องพี่มั้ยครับ”
เพียะ
ฉันฟาดเข้าให้ที่ไหล่หนาเต็มแรง จะไม่ให้ฟาดได้อย่างไร ก็แฟนตัวดีไม่พูดเปล่า ยังจับมือฉันไปสัมผัสบางส่วนของเขาที่กำลังแข็งปึ๋งปั๋ง ไม่นิ่มเหมือนปาก แม้มันจะโดนแค่เฉี่ยวๆ แต่ฉันกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“พะ...พูดอะไรก็ไม่รู้ พริกไม่คุยด้วยแล้ว ปะกลับกันได้แล้ว ดึกแล้ว พริกง่วงแล้วเนี่ย” แกล้งเอามือปิดปากทำท่าง่วงเต็มประดา ทั้งที่ความจริงแล้วตาสว่างสุดๆ ใครมันจะไปง่วงลง หลังเจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนหายเมาเป็นปลิดทิ้งขนาดนั้น
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ”
“ไม่ต้องเลย กลับไปเลยค่ะ พี่มีประชุมตอนเช้า พริกจำได้”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ เราคุยกันแล้วนะคะ” ฉันลูบแก้มคนที่ทำหน้าเหมือนแมวอดกินอาหารเปียกเป็นการปลอบใจ ก่อนจะหันไปหาบรรดาเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้นั่งแข็งเป็นหุ่นในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่พี่แทนล็อกหน้าฉันหันไปรับจูบ
“ลุกสิยะ นั่งอ้าปากค้างอะไรกันอยู่ได้ แมลงเม่าเข้าไปวางไข่แล้วมั้งนั่น!!” ฉันเอ็ดเพื่อนกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกมาโดยไม่รอใคร
ฉันอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว!
สับเท้าไวๆ เพื่อหนีการถูกแซว แต่ไม่ลืมเหลือบไปมองจุดที่เกิดเสียงดังโครมคราม ทว่าบริเวณนั้นค่อนข้างมืด จึงมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดนัก
แต่ความอยากรู้ดันเอาชนะความเขินอาย ฉันหยุดเดินแล้วหรี่ตามองมุมที่ว่านั้น เห็นเพียงแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงสองคน
หนึ่งในสองกำลังวุ่นวายกับการเจรจา จบด้วยยื่นแบล็กการ์ดให้พนักงานของร้าน ส่วนอีกคนนั่งหันหลังให้ฉัน ท่าทางไม่สนใจใคร ไม่ว่าสายตารอบข้างจะพุ่งไปหาเขามากมายแค่ไหนก็ตาม
เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ
ถ้าไม่ได้เขา ก็ไม่รู้ว่าการมอบรางวัลเมื่อครู่ มันจะจบลงที่ตรงไหนเหมือนกัน
- End Phikkaeng Part –
Rrrrrr~โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังลั่นห้อง ปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ตื่นขึ้นมาเพราะความรำคาญมือบางควานสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งถึงเจอต้นตอขัดความสุข พริกแกงดันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนเพ่งมองหน้าจอมือถือใครบังอาจมารบกวนกันนะ“หือ ข้าวฟ่าง? โทร. มาทำไมแต่เช้า” ชื่อบนจอทำคิ้วเรียวขมวดมุ่น ปกติหลังจากดื่มกันอย่างหนักจะไม่ค่อยมีใครโทร.หาสักเท่าไหร่ เพราะแฮงก์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรนิ้วเรียวสไลด์หน้าจอรับสาย พร้อมทั้งกดเปิดสปีกเกอร์โฟน กรอกเสียงงัวเงียตอบกลับปลายสายด้วยสภาพยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาดี“อือ~ มีอะไรคะคุณเพื่อน หายแฮงก์แล้วเหรอถึงโทร. มาเนี่ย?”[ยังจะมานั่งใจเย็นอยู่อีกนะ เธอเห็นเพจซุบซิบของมหา’ลัยหรือยัง ยัยพริก]“ฮะ? ยังเลย มีอะไรอะ?”[ตายห่า งั้นดูด่วนเลยค่ะเพื่อน ด่วนที่แปลว่าเดี๋ยวนี้!]ความร้อนรนผสมกับความรีบร้อนในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท ทำให้คนงัวเงียรีบลุกไปหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเปิด กดเข้าแอปพลิเคชันดังแล้วค้นหา ‘ใต้เตียงมหา’ลัย SC’ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเมาท์มอยเรื่องราวคาวๆ ของคนในรั้วมหา’ลัย ซึ่งพริกแกงเป็นหน
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปฉันพาตัวเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะเรียบร้อยได้ พร้อมลากรองเท้าสีดำสูงสี่นิ้วคู่โปรด มาหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทสีทึบขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายสิบชั้นคำพูดมากมายที่อาจารย์พยายามสาธยายให้ฟังก่อนหน้านี้เท่าที่พอจะจำได้ผุดขึ้นมาในหัว ทูนิกซ์ เป็นบริษัทชั้นนำ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ท่านกำชับนักกำชับหนาว่าต้องทำตัวให้ดี อย่าทำให้มหา’ลัยและอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา ให้ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมาะสมกับการเป็นเด็กฝึกงานฉันถึงต้องไปรื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหากระโปรงตัวยาวที่เคยใส่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสมัยเรียนปีหนึ่งมาใส่“มารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใส พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คุณพี่หน้าคม อกตู้มตรงหน้า“น้องพัชริกา ฮาร์ตลีย์ใช่มั้ยคะ?”“ใช่ค่ะ” ยิ้มตอบเห็นฉันชื่อไทยสไตล์ขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วฉันมีแด๊ดดี้เป็นคนอังกฤษนะ และด้วยเหตุนี้แหละครอบครัวถึงไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศแทนการทำธุรกิจในประเทศไทยพี่พนักงานสาวหน้าคมยกหูโทรศัพท์ตรงเคาน์เตอร์กดต่อสายภายในหาใครบางคน พี่เขาพูดกับป
หลังยืนโบกมือยิ้มหวานส่งพี่แทนเสร็จ ฉันก็รีบยกกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อนถ้าได้กินยาเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยการขับรถกลับเองเด็ดขาด ฉะนั้นตอนนี้ต้องหาตัวช่วย และคนที่จะช่วยฉันได้ก็มีอยู่ไม่กี่คนควานหาโทรศัพท์เจอ ฉันรีบกดต่อสายหาเบอร์ที่บันทึกไว้ยามฉุกเฉินทันที เราทุกคนในกลุ่ม ล้วนจัดให้เบอร์ของเพื่อน ๆ เป็นเบอร์โทรฉุกเฉิน สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับ ไม่รอช้าฉันรีบกรอกเสียงออดอ้อนไปตามสายขอความช่วยเหลือ“ข้าว~ มารับฉันหน่อยสิ”[ข้าวหลับ] ทว่าแทนที่จะเป็นเสียงหวานตอบกลับมา กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุ ๆ เจือความหงุดหงิดแทน ทำให้ต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยกขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจออีกครั้งก็โทร. ถูกนี่นา แล้วทำไมถึงเป็นเสียงคนอื่น ปกติเวลานี้ข้าวฟ่างน่าจะยังอยู่ห้องตัวเองไม่ออกไปไหนนี่?“นั่นใครน่ะ” ฉันถามเสียงแข็งกลับไป[อะไร? เพ้อหนักแล้วนะเธอน่ะ ฉันแผ่นดินไง ผัวยัยข้าว เพื่อนสนิทที่หล่อที่สุดของเธอตั้งแต่ม.สี่ อย่าบอกนะว่าลืม ฉันกับยัยข้าวมาหัวหิน เธอลืมหรือไง ทำไมต้องตกใจ?] อ่า จริงด้วย ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคู่รักพากันไปสวีตที่หัวหินน่ะแต่ว่านะ คำ
“นายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลใบหน้าคมคายละสายตาจากทุกสิ่งรอบกายตวัดมองผู้มาใหม่ ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารอมาทั้งวันซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เขาเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมคว้ามันมาเปิดออกอย่างเบามือ หยิบของด้านในออกมาอย่างใจเย็นและทะนุถนอมจนว่างเปล่าภาพหญิงสาววัยมหา’ลัย ใบหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติขับผิวขาวอมชมพู กำลังแย้มยิ้มให้บางสิ่งอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสนั้นทำคนยิ้มยากเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวสวย...ยิ่งโตยิ่งสวยไร้ที่ติ ทว่าติดตรงที่เธอมีเจ้าของหัวใจแต่จะโทษใครได้ ในเมื่อก่อนหน้าเธอเคยเฝ้ารอและพยายามตามหาเขามาโดยตลอด ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด และเป็นฝ่ายเลือกหนีหายไปจากเธอนานหลายปีตอนนั้นพวกเรายังเด็ก จึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างง่ายๆ ว่าสิ่งที่ทำเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดถามความเห็นของเธอสักคำ สมควรแล้วที่ตอนนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองเธออยู่ไกลจากอีกฟากโลก ทั้งที่อยากเจอกันใจแทบขาดและรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้“แล้วเรื่องของมันล่ะ?”“ยังไม่ชัวร์ครับนาย มันค่อนข้างระวังตัว แต่มีโอกาสเป็นอย่างที่นายคิดสูง หรือเราให้คนของคุณเจย์ช่วยอีก
มินิคูเปอร์สีจังเกิลกรีนคันเล็ก หักเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเข้า Tiara Grand Hotel โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตัวอาคารออกแบบสไตล์กรีก-โรมันถูกประดับตกแต่งด้วยแมกไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัดพริกแกง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เจ้าของร่างบางสัดส่วนชวนฝัน พร้อมด้วยใบหน้ารูปไข่สวยหวานผสานความเซ็กซี่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมโตสุกใส ขนตางอนยาวเรียงแพสวย จมูกเชิดรั้นรับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดีช่วยดึงดูดสายตาผู้ชายมองตามจนเหลียวหลัง ส่วนผู้หญิงด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉาเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหลังตรงดุจนางพญา เท้าเรียวเยื้องย่างมาบนรองเท้าส้นแหลมสีดำแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจ สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณพริก”“สวัสดีค่ะ” เรียวปากอิ่มยกยิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวเช่นทุกครั้งสองเท้าบางก้าวไปเบื้องหน้า สายตาสาดส่องมองหาใครบางคน ก่อนตากลมจะทอประกาย มุมปากยกยิ้มอ่อนเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแสนคุ้นตา ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประช
@มหาวิทยาลัย“พริก...”“...”“พริกแกง!”เพียะ!“เล่นบ้าอะไรน้ำหนาว เราตกใจหมด”“ไม่ได้เล่นซะหน่อย เราเรียกพริกตั้งนานแล้วนะ แต่พริกไม่สนใจเราเลย” ร่างเล็กกว่าทำหน้ายู่ใส่ พลางลูบรอยแดงบนแขนตัวเองป้อยๆไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอเรียกพริกแกงตั้งแต่เห็นหลังกันไกลๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งอีกคนก็ไม่หันมามอง เหมือนกำลังสนใจอะไรสักอย่างถึงต้องเดินเข้ามาสะกิด แต่ไม่คิดว่าพริกแกงจะตกใจแรง จนหันกลับมาฟาดเต็มเหนี่ยว เล่นเอาซะแขนชาแน่ะ“แหะๆ เราขอโทษนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่พริกมองอะไรอยู่เหรอ” น้ำหนาว บอกปัดอย่างไม่ถือสา ขยับมาใกล้แล้วเอ่ยถามต่อ เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนระมัดระวังตัวอย่างพริกแกงเหม่อลอยได้ขนาดนี้คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวฉบับสาวเหนือย่นแทบชนกัน หลังจากชะเง้อมองจุดที่พริกแกงเคยให้ความสนใจด้วยความสงสัยต้นไม้ ถังขยะ และนักศึกษาไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา? แล้วเพื่อนสาวคนสวยของเธอกำลังมองอะไรอยู่นะ หรือว่า...พริกแกงมีจิตสัมผัสเหรอ!?“ก็...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ?”“หนาวไม่เห็นเหรอ รถสีดำคันนั้นไง”“สีดำ...คันไหนคะ?”“นั่นไง อะ อ้าว หายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังจอดอยู่ตรงนั้นอยู่เลย” ดวงตาเบิกโพ
- ด้านพริกแกง -“รอนานมั้ยครับ”“ไม่เลยค่ะ” คนเสียงใสยกยิ้มตอบ“ขอโทษทีนะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้เราเลย”พริกแกงไม่ได้พูดอะไรกลับไป มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบ อันที่จริง เขาไม่ควรพูดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้กันหรอก มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลังคบกันได้หกเดือนต่างหากเธอพอจะเข้าใจเหตุผล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอกำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หลายครั้งที่นัดของเราต้องล่ม เพราะคำว่าติดงานด่วนของเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจัดสรรเวลาไม่ได้สักที“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย คิดถึงจะแย่” ใบหน้าคมเข้มหันมายกยิ้มละมุนให้แฟนสาว เขาไม่ได้รับรู้ความในใจของเธอ เพียงแต่เห็นว่าคนข้างกายเงียบไปจึงยกมือลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ ในตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว“ถ้าคิดถึงก็มาหาพริกบ่อยๆ สิคะ จะได้หายคิดถึง”“พี่จะพยายามนะครับ”แทนไทกับพริกแกงอายุห่างกันเพียงสองปี แต่เขากลับชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ถ้าถามว่าชอบไหม? ก็ตอบได้แค่ชอบมาก มันอบอุ่น มันนุ่มฟูในหัวใจ ยามที่เขาแบ่งเวลามาอยู่ด้วยกันผู้ชายแบบนี้แหละที่เธอต้องการและตามหามาตลอด แม้จะติดขัดเรื่องของเวลาไปบ้าง แต่โดยร
@DVice Clubสถานบันเทิงยอดฮิตตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับของเหล่านักท่องราตรีทุกช่วงวัย มีบริการหลากโซนหลายสไตล์ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการตามความต้องการเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้นต่อเนื่องชวนใจเต้น ผีเสื้อราตรีหญิงชายต่างปลดปล่อยความรู้สึกและร่างกายไปกับท่วงทำนองสนุกๆ ที่ดีเจประจำคลับเปิดเพื่อสร้างความครึกครื้นอย่างเมามันเคร้ง~เสียงแก้วใสต่างดีไซน์กระทบกัน ดังขึ้นบริเวณโซนเคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกครึกโครมหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูดูน่ารักขัดกับสถานที่ มองแก้วในมือเล็กน้อยก่อนตัดสินใจจรดริมฝีปากบางลงบนปากแก้วที่บรรจุค็อกเทลรสหวานซ่อนเปรี้ยว มีฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อน ๆ ให้ไหลผ่านลำคอทีละนิด“แค่กๆ ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ” น้ำหนาวหันไปทำหน้าเหยเกใส่พริกแกงที่นั่งเท้าคางมองเธออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อสัมผัสถึงแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมมาในน้ำสีชมพูอ่อนเธอไม่ชอบดื่ม แต่ตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครโผล่มาสักคน เลยต้องยอมดื่มเป็นเพื่อนเพื่อนตัวแสบตามคำชวน แต่ตอนนี้รู้สึกคิดผิดมาก เพราะมันไม่ได้อร่อยเหมือนขนมแบบที่เพื่อนล่อลวงสักนิด“ไม่อร่อยเหรอ งั้นชิมของเรามั้ย? เผื่อชอ