ร่างบางนอนทอดกายยาวบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น นิ้วเรียวจับกระดาษบนมือพลิกทีละแผ่นอย่างเชื่องช้า สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษรไม่ให้มีตกหล่น ปากอิ่มอมยิ้มแก้มปริ เมื่อได้มองภาพในอดีตเมื่อสิบกว่าปีก่อน
เธอไม่เคยลืมเรื่องในวันนั้น หากวันไหนว่าง เธอยังหยิบมันขึ้นมาอ่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ความรู้สึกที่ถูกบันทึกผ่านตัวหนังสือในไดอารีสุดรักสุดหวง ยังคงชัดเจนในความทรงจำไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนก็ตาม
เธออยากเจอเขาอีกครั้ง...
Rrrr~
เสียงมือถือที่วางอยู่ไม่ไกลดังขัดจังหวะขึ้น พริกแกงละสายตาจากสมุดบันทึก เหลือบมองชื่อบนหน้าจอ
“แผ่นดิน?” ความสงสัยพาคิ้วเรียวย่นแทบชนกัน วันนี้เพื่อนชายคนสนิทมาแปลก ปกติจะไม่ค่อยโทร. หากันเลยตั้งแต่มีแฟน นั่นทำให้เธอรีบกดรับสายทันที
“มีอะไรจ๊ะคุณเพื่อน~” เสียงหวานลากยาวท้ายประโยคอย่างอารมณ์ดี อีกนัยหนึ่งก็กำลังแซวชายแท้ของกลุ่ม ที่มักจะคุยกับเธอในไลน์กลุ่มมากกว่าเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว
แต่ก็เข้าใจได้ แผ่นดินมีแฟน ถึงแม้แฟนของเขาจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ตาม แต่อีกฝ่ายคงไม่อยากทำให้ข้าวฟ่างไม่สบายใจ
[วันนี้เธอว่างมั้ย?]
“หา? ทำไม มีอะไร” น้ำเสียงตึงเครียดของปลายสาย ทำให้คนได้ยินผุดลุกขึ้นนั่ง เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
[ข้าวเป็นไข้ทับระดู ฝากดูแลหน่อยได้มั้ย? เดี๋ยวไปรับ แล้วจะพาไปส่งคอนโดฯ ข้าวฟ่าง ฉันมีธุระด่วนต้องไปคุยกับพ่อ ไม่อยากให้ยัยนั่นอยู่คนเดียว เป็นห่วง]
“โธ่เอ๊ย ตกใจหมด นึกว่าเป็นอะไร” พริกแกงถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร
แผ่นดินนี่น้า~ ทำเป็นว่าคนอื่นคลั่งรัก แต่ตัวเองหนักกว่าใครเลย
“น้ำหนาวล่ะ” ที่ถามไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่อยากไป แต่สองคนนั้นอยู่คอนโดฯ เดียวกัน แค่คนละชั้นเอง เรื่องด่วนแบบนี้ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือจากน้ำหนาวก่อนล่ะ? เดี๋ยวค่อยให้เธอตามไปสมทบทีหลังก็ได้นี่นา
อีกอย่างเธออยากให้ทุกคนสนิทกัน คุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนที่ทุกคนเป็นกับเธอ แต่ดูเหมือนมันจะยากสักหน่อย รู้สึกระหว่างน้ำหนาวกับข้าวฟ่าง เหมือนมีกำแพงบางอย่างกั้นอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
[ข้าวบอกหนาวไม่ว่าง สรุปเธอสะดวกมั้ย?]
“นี่คุณเพื่อน แล้วจะดุเพื่อ? จะมารับก็มาค่า~ ถึงแล้วกริ๊ง ๆ มาละกัน เดี๋ยวลงไปจ้า” คนตัวเล็กเอ็ดเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงติดตลกไปที แต่ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี
หลังกดวางสาย พริกแกงจัดแจงเก็บสมุดบันทึกเข้าลิ้นชัก แล้วล็อกอย่างดี เป็นเพราะช่วงนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญแวะมาหา
บ่อย ๆ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แผ่นดินโทร. กลับมาอีกครั้ง เพื่อบอกว่าเขาจอดรถรออยู่ด้านล่างแล้ว เธอจึงรีบคว้ากระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่ เปิดประตูเตรียมออกไปข้างนอก
“จะไปไหน?”
“เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย” กายเล็กสะดุ้งตัวโยน หัวใจหล่นวูบตกไปอยู่ตาตุ่ม มือเรียวยกขึ้นตบอก เรียกขวัญตัวเองเบา ๆ ไม่วายหันไปมองค้อนใส่คนหน้ามึนที่ยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ เหมือนดีใจที่ได้แกล้งกันสำเร็จ
Phikkaeng Part
เมื่อกี้น่ะไม่ตกใจก็บ้าแล้ว ตายูนิกซ์เล่นมายืนจังก้าหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นในท่ากำลังจะเคาะประตูเลย แต่เพราะตอนดึงประตูเปิด มัวแต่ก้มหน้าก้มตาค้นหาของในกระเป๋าทำให้ไม่ทันมอง โชคดีที่ไม่หลุดกรี๊ดออกไปให้เพื่อนบ้านมามุง
อีกอย่าง ถ้าเขาไม่ทักขึ้นมาก่อน มีหวังฉันได้เดินเอาหน้าไปซุกอกเขาแหง ๆ ว่าแต่ตาบ้านี่ไม่มีการมีงานทำเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาเหรอ ถึงโผล่หน้ามาให้เห็นได้ทุกวี่ทุกวันน่ะ
“พี่...” เสียงทุ้มกดต่ำ ย้ำเตือนข้อตกลง
เรียกผิดไม่ได้เลยนะ ชิ!
“นั่นแหละ พี่มาทำไม” ขี้เกียจเถียงด้วย เถียงไปไม่เคยชนะ แถมบางครั้งยังเจ็บใจอีกต่างหาก เพราะฝีปากไม่คมเท่าเขา
เห็นหน้าหล่อ ๆ ดูสุขุมแบบนี้ แต่คำพูดแต่ละคำแสบมาก!
“มาหาน้ำกินไง เธอบอกจะเลี้ยงน้ำฉันทุกวัน” คิดเองเออเองอยู่คนเดียวน่ะสิ ฉันยังไม่เคยพูดสักคำ แล้วเขาก็อ้างแบบนี้ทุกวันด้วยนะ หน้ามึนมาก
บ้านฉันขายเครื่องประดับ ไม่ได้ขายน้ำสักหน่อย แล้วดูเขาสิ บังคับคนอื่นให้เรียกพี่ แต่กลับแทนตัวเองว่าฉัน? สองมาตรฐานชัด ๆ แต่ช่างเถอะ อย่าถามหาความเท่าเทียมจากผู้ชายชื่อยูนิกซ์เลย
เพราะคุณจะไม่มีวันเถียงชนะไงล่ะ
และใช่ค่ะ! หลังจากวันนั้น เขาก็แวะเวียนมาห้องฉันทุกวัน แถมมาถูกจังหวะตลอด โผล่มาตอนอยู่ห้องทุกครั้ง ทำตัวเหมือนคอยสะกดรอยตามกันไปได้ แม้ว่าจะพยายามห้ามแต่เขามันเกินต้าน พอปิดทางไม่ให้เข้า เขาก็มายืนบื้ออยู่หน้าประตูไม่ไปไหน สุดท้ายคนที่ต้องยอมแพ้ก็เป็นฉันเอง
ถึงเขาจะชอบยียวนกวนบาทา แต่ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา (เขาบังคับให้ฉันต้องรู้จัก) เขาไม่เคยทำตัวรุ่มร่ามเลยสักครั้ง นั่นเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวที่ค้นพบ น่าดีใจไหมล่ะ?
แล้วที่น่าแปลกอีกอย่าง คือการที่เขามาหาฉันทุกวัน แต่นอกจากครั้งแรก เราก็ไม่เคยมีข่าวย่องขึ้นห้องด้วยกันอีกเลย ส่วนข่าวนั้นก็ถูกลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือคนตรงหน้าแน่ ๆ ฉันมีความรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา
บางมุมดูเข้าถึงง่าย บางมุมกลับดูลึกลับจนดูน่าขนลุกอย่างประหลาด แต่กลับรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้ ฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่า ปวดหัวอยู่แต่โอเคดีล่ะมั้ง (?)
“วันนี้ไม่ได้ พริกมีธุระ”
“ธุระอะไร”
“เพื่อนป่วย พริกจะไปดูเพื่อน”
“แล้วเพื่อนดูแลตัวเองไม่ได้?” ไอ้ผู้ชายไร้ความอ่อนโยน มองมุมไหนเขาก็ไม่เข้าใกล้สเปกฉันสักนิด รอยยิ้มหาไม่เจอ ความเป็นสุภาพบุรุษหาแล้วไม่มี ความใจดีไม่ต้องถาม ถึงจะทำให้ใจสาวไม่โสดคนนี้เต้นแรงได้ แต่นั่นมันตอนเขายั่วโมโหต่างหาก!
ถ้าคิดจะจีบฉัน บอกเลยไม่มีวันจีบติดแน่นอน!
“พอดีมีน้ำใจค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนรออยู่”
~ End Phikkaeng Part ~
ร่างสูงยืนมองแผ่นหลังคนตัวเล็กที่ห่างไปเรื่อย ๆ ดวงตาสีดำที่เคยนิ่งเรียบต่อหน้าเธอกลับไหววูบ แสดงความรู้สึกที่พยายามปกปิดมาตลอด
อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ใจต้องการ เขาต้องพยายามเตือนตัวเองอยู่ตลอด ว่าเธอคือน้องสาวของเพื่อนสนิท
เป็นได้แค่พี่น้อง เขาเป็นคนย้ำกับเพื่อนเอง ว่าสถานะเขากับเธอเป็นได้เท่านั้น แต่นั่นมันเมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหน
มารู้ตัวอีกที ก็หลังจากเริ่มทำใจกับเรื่องของตัวเองได้แล้ว เธอ...ผู้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้เขาข้ามผ่านมันมา
ทว่าวันที่เขาพร้อมเจอเธออีกครั้ง เธอกลับมีเจ้าของหัวใจ เขาไม่โทษเธอและเข้าใจดี ถึงเลือกจะไม่เข้ามาวุ่นวาย ทำเพียงแอบส่งคนของตัวเองตามดูแลเธออยู่ห่าง ๆ อย่างเป็นห่วง
แต่นั่นกลับทำให้รู้ว่า แทนไทมันไม่ได้รักเธอเหมือนปากพูด เพราะถ้ามันรัก คงไม่หักหลังเธอแบบที่มันกำลังทำอยู่หรอก
สถานการณ์ตอนนี้มันอาจดูถูกที่ ผิดเวลา ถูกชะตา แต่ผิดศีลธรรม ในสายตาใครหลายคน สำหรับตัวเขานั้นไม่เป็นไร ห่วงก็แต่ความรู้สึกของคนตัวเล็กเท่านั้น
รู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ เธอไม่ชอบหรืออาจจะเข้าขั้นเกลียดขี้หน้ากันด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันทำให้ได้อยู่ใกล้ชิด เพื่อคอยทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาก็ยอม...
พอคนตัวเล็กขึ้นลิฟต์ไปจนลับสายตา ยูนิกซ์ก็คว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาต่อสายหาบอดีการ์ดคนสนิทของตัวเองทันที
“ตามเธอไป อย่าให้คลาดสายตา ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา คงรู้นะว่าจะเป็นยังไง”
“ไม่ได้ขึ้นไปส่งนะ รีบว่ะ”“ไม่เป็นไร รีบไปเหอะ เดี๋ยวคุณลุงรอนาน”“ฝากด้วย จะพยายามรีบกลับ”“ย่ะ ขับรถดี ๆ” แผ่นดินขับรถมาส่งเพื่อนสาวลงหน้าคอนโดฯ ข้าวฟ่างเรียบร้อย เขาขับรถออกไปอย่างรีบร้อนครอบครัวของเขาทำธุรกิจขนส่งภายในประเทศ จึงไม่แปลกที่จะโดนเรียกตัวไปประชุมอยู่บ่อย ๆ ในฐานะลูกชายที่ต้องเข้าไปรับช่วงต่อจากคนเป็นพ่อ ในอนาคตอันใกล้คนตัวเล็กเดินหอบหิ้วข้าวของที่แวะซื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ด้วยความทุลักทุเล ทั้งเธอและข้าวฟ่างตัวนิดเดียว ไม่รู้เพื่อนชายจะซื้อของกินมาทำไมนักหนา ทั้งอาหาร น้ำ ขนม และผลไม้ เยอะจนสองมือเล็กถือเกือบไม่หมด“รอด้วยค่ะ” ส่งเสียงบอกคนในลิฟต์ เมื่อเห็นว่าประตูใกล้จะปิดลง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินถึงแล้ว “ชั้น 15 ค่ะ ขอบคุณนะคะ^^” เอ่ยขอบคุณคนที่กดเปิดประตูรอ แล้วเดินเข้าไปชิดด้านใน เพราะคนอื่นกดชั้นที่ถึงก่อนเธอลิฟต์ตัวเล็กเคลื่อนตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเปิดอีกครั้งบนชั้น 14 หญิงสาวทั้งสองเดินออกไป ทั้งลิฟต์จึงเหลือแค่พริกแกงคนเดียว เธอจึงขยับมายืนใกล้ทางออกมากขึ้น วางของในมือข้างหนึ่งลง เพื่อจะได้กดปุ่มปิดได้ถนัด แล้วก้มตัวลงหยิบของขึ้นมาถือเหมือนเดิม
เท้าเล็กย่ำลงบนพื้นของชั้น 34 อย่างอ่อนแรง ตาคู่หวานฉ่ำน้ำนัยน์ตาสั่นไหว อกข้างซ้ายจุกหน่วงจนเริ่มรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ไม่ไหวเลยคำถามมากมายเกิดขึ้นภายในหัวที่ผ่านมาเราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอ? ไม่เคยทะเลาะกัน เข้าใจกันและกันเสมอ แล้วเขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนล่ะเปลี่ยนไปเพราะอะไร เป็นเพราะเธอ เป็นเพราะเขา หรือเป็นเพราะเรารักกันไม่มากพอ?“ไปไหนมา” เสียงเข้มจากบุคคลปริศนาทักขึ้น ทั้งที่เขายังหลับตากอดอกหันหลังพิงกำแพงเขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเธอ?ร่างบางหยุดชะงัก รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ด้วยไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ พริกแกงทำเป็นไม่สนใจคนคนนั้น แล้วแสร้งเดินเลยไปแตะนิ้วชี้ลงบนประตูเพื่อปลดล็อกตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเขา เธออยากอยู่เงียบ ๆ เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามในใจของตัวเองทว่ามีหรือที่เขาจะยอม ยูนิกซ์ใช้ความสูงและความไวที่เหนือกว่ายืนขวางทางไว้ ซ้ำยังยกแขนขึ้นขวางหน้าเธอ มืออีกข้างก็เชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา“ร้องไห้?”“อย่ามายุ่ง” ปัดมือใหญ่ทิ้ง“พี่ถามดี ๆ นะพริก”“แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหน!”“พริก...”
“อยากรับลมเย็น ๆ หน่อยมั้ย อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง ก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองบนตักเขาไม่ชอบเห็นเธอเศร้า ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ เธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า“จะพาออกไประเบียงเหรอ?” คนน้องถามเสียงขึ้นจมูก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลหลังได้ยินประโยคสั้น ๆ ทว่ากระแทกใจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนประโยคต่อมาจะทำให้ความรู้สึกดี ๆ เมื่อครู่มันหายวับไปกับตา“หรือจะบนเตียงดีล่ะ?”“คุกคามมาก! เลิกแกล้งกันสักทีได้มั้ย”“โอเค ๆ ไม่แกล้งละ ขอโทษ แต่จะพาไปข้างนอก ไม่ไกลหรอก แถว ๆ นี้แหละ”“บอกมาก่อนว่าที่ไหน ถ้าไม่บอกก็ไม่ไป”“ทำไมต้องทำเหมือนระแวง ไปห้องฉันนี่แหละ โอเคยัง?”“นั่นยิ่งน่ากลัว อีกอย่าง คนดี ๆ ที่ไหนจะถ่อสังขารไปห้องคนอื่นตอนดึก ๆ ดื่น ๆ น่ะ”“ฉันไง”“นายมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ฉันไม่นับ”“ไปเถอะน่า” เขาไม่สนใจว่าเธออยากพูดอะไรต่อ มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กลากออกมานอกห้อง กดลิฟต์ลงไปชั้น 1 จูงมือเดินอ้อมไปด้านหลังโซนจอดรถของลูกบ้าน VIP ทะลุออกมาอีกด้านจนเจอประตูเหล็กบานใหญ่ ซึ่งต้องกรอกรหัสถึงหกหลักถึงจะเข้าไปได้ พอเปิดเข้าไปด้านใน
พริกแกงเอื้อมมือเกาะขอบกระจก ยื่นหน้าออกไปรับลมเย็น ๆ เป็นเพราะเพนต์เฮาส์ฝั่งนี้ติดกับแม่น้ำ ลมจึงสดชื่นมากกว่าฝั่งอื่น พอปล่อยให้ลมปะทะหน้า ได้อยู่กับตัวเองสักพัก ก็ทำให้มีเวลาคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตขึ้นมาหลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวจากช่วงที่ผ่านมา ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่า กำลังโดนนอกใจ จากแฟนที่คบหากันมาเป็นปีถ้าถามทำไมถึงไม่เลิก รักมากเหรอ คงต้องบอกว่า ‘รัก’ แต่ไม่มากขนาดนั้น เพียงแต่มีบางอย่างที่ทำให้ระหว่างเรามีช่องว่างต่อกัน แต่ไม่รู้สิ่งนั้นคืออะไร และเธอก็กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกันเธอกำลังพยายามเข้าใจ พยายามบอกตัวเองว่ามีความสุข ทั้งที่บางครั้งก็อยากถามเขาเหมือนกันว่า เธอสำคัญกับเขาบ้างไหม?เขาดูรักดูใส่ใจและคอยทะนุถนอม นั่นคือเรื่องจริง เธอไม่เถียง แต่มันเหมือนกับเป็นโปรโมชันในช่วงแรกเท่านั้น เพราะหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดสองมือบางประสานกันบนขอบกั้น ตาคู่สวยค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ หยาดน้ำใสที่พยายามสะกดกลั้นไหลเป็นทางอาบแก้มขาวถ้าเรื่องทุกอย่างกระจ่าง เธอก็พร้อมตัดทุกความสัมพันธ์กับคนที่จงใจทำลายความรู้สึกทันทีเรื่องอื่นพออภัยได้ แต่เรื่องนอกใ
- วันต่อมา -พริกแกงยืนรอยูนิกซ์อยู่หน้าคอนโดฯ ตามเวลานัด ใบหน้าสวยหันซ้ายหันขวากวาดสายตามองหาคนที่นัดไว้ ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาใช้รถส่วนตัวคันไหน เท่าที่เห็นกับตามาเมื่อวาน มันมีหลายคันจนเธอจำได้ไม่หมดไม่นานรถคันหรูสีดำสัญชาติอิตาลี ที่มีสัญลักษณ์รูปม้าโชว์เด่นเป็นสง่าก็ขับมาจอดเทียบร่างบาง เขาเห็นเธอมีท่าทีลังเลเหมือนไม่มั่นใจว่าใช่เขาหรือเปล่า จึงลงจากรถรีบสาวเท้าไปหาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อเปิดประตูรถให้“ยืนงงอะไร? แดดร้อนจะตายทำไมไม่รีบขึ้นรถ”“เอ้า ก็ใครจะรู้ว่าเป็นรถพี่ล่ะ” ทำหน้ายู่ใส่ใครจะรู้ เขาไม่ได้บอกเธอนี่นาว่ากำลังมา หรือเอารถสีไหนคันไหนยี่ห้ออะไรมารับน่ะ ขืนเปิดขึ้นไปมั่วซั่ว อาจหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเอาได้พอน้องนั่งที่เรียบร้อย เขาจึงปิดประตูรถแล้วกลับไปประจำตำแหน่งคนขับ พอเหลือบสายตาไปมองคนข้างกาย เห็นเธอยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงเอี้ยวตัวมาจัดการให้ แถมด้วยบทสวดสั้นไปหนึ่งยก“อยากตายนักเหรอ รู้มั้ยว่าขึ้นรถแล้วไม่คาดเข็มขัดฯ มันอันตรายแค่ไหน”“บ่นอีกแล้วโอเค หนูรู้แล้ว แค่กำลังเก็บของเฉย ๆ” เวลาโดนคนในครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่ว่ากล่าวตักเตือน เธอมักแทนตัวเองแบบนี้เส
“กูบอกให้ปล่อย!” เสียงเข้มของยูนิกซ์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเอามือสกปรกออกจากเธอประมาท...เป็นเพราะเขาไม่ตามเธอมาด้วยตั้งแต่แรก ด้วยอยากให้เธอเคลียร์กับแฟนตามลำพัง หวังรอดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ พอพริกแกงวิ่งไปได้ครึ่งทาง ลูกน้องคนสนิทดันโทร. มา เขาจึงเสียเวลาคุยธุระอยู่สักพักไม่คิดว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่คลาดสายตา จะทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหากเป็นแฟนยังพอทนได้ แต่ไอ้หน้าจืดนี่มันเป็นใคร ถึงได้กล้ามาแตะต้องเธอ!“มึงเป็นใคร มาเสือกอะไรเรื่องของกู”“มึงนั่นแหละ กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของกู”“คนของมึงวิ่งมาหากูเอง”“ฉันแค่ทักคนผิด ไม่ได้จะมาหาแก! กรี๊ด” ภาพที่น้องกรีดร้องด้วยความตกใจ ยามโดนกระชากไปอยู่ในอ้อมกอดคนแปลกหน้า จนไหล่บางเซไปกระทบอกของอีกฝ่าย ทำเขาใจกระตุก นึกอยากกระชากตัวมันมาต่อยสักหมัดสองหมัด แต่เขาไม่อยากใช้ความรุนแรงต่อหน้าคนตัวเล็ก จึงต้องข่มอารมณ์ไว้“หอมว่ะ” ไอ้นั่นมันก้มสูดดมกลิ่นหอมบนผมนุ่มของเธอหมับผลัวะ!ยูนิกซ์เหลืออดเต็มทน เขากระชากมือกร้านที่กำลังจะสัมผัสแก้มน้องออก ดึงร่างบางมาหลบด้านหลัง ก่อนจะซัดกำปั้นหนักเข้าเบ้าหน้าด้านซ้ายของอีกฝ่ายสุดแร
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป‘พี่ไม่ชอบให้ใครมาทำคนของพี่เจ็บ’‘พริกอยากให้พวกมันเป็นยังไงล่ะ ถ้าพริกอยากให้มันเจ็บ พี่ก็จะทำให้มันเจ็บ หรือถ้าอยากให้พวกมันหายไป พี่ก็ทำได้ พวกนั้นจะไม่มีวันมากวนใจพริกได้อีก ขอแค่บอกพี่’ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น น้ำเสียง แววตา คำพูด และการกระทำนั้นของยูนิกซ์ก็คอยวนเวียนอยู่ในหัวมาตลอด จนฉันแทบไม่ได้หลับได้นอน“คุณพัชริกา”ขอบตาก็เลยดำปี๋เหมือนหมีแพนด้า“คุณพัชริกา”ยังดีที่ยังมีคอนซีลเลอร์ช่วยชีวิตไว้ ไม่งั้นคงไม่กล้าออกไปไหนแน่นอน“พริกแกง...”“อ๊ะ! คะ” โธ่ สติหลุดอีกแล้วยัยพริกเอ๊ยฉันขานรับหน้าตั้งตอนที่เพื่อนร่วมคณะฯ อย่างฟ้าใสกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู พลางเขี่ยขาเรียกสติ ทั้งยังส่งซิกให้มองหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมนั่งตรงข้ามเราทั้งคู่วันนี้เป็นการเริ่มชีวิตฝึกงานวันแรก แต่ฉันดันมานั่งเหม่อซะได้ เพราะตาบ้ายูนิกซ์คนเดียวเลย!ไม่รู้เมื่อวานผีอะไรเข้าสิง เขาถึงได้พูดจาอะไรแปลก ๆ ทำเอาใจเต้นโครมครามผิดจังหวะมาจนถึงตอนนี้แล้วบริษัทนี้มันอะไรกัน ปกติคนจัดการเรื่องนักศึกษาฝึกงานควรเป็นหน้าที่ของ HR สิ ทำไมท่านประธานถึงต้องลงมาพูดคุยด้วยตัวเองอีกล่ะท่านประธา
ยูนิกซ์ทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แล้วคว้าแขนฉันเดินตัวปลิวไปเข้าห้องทำงานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องท่านประธาน ซึ่งมีขนาดกว้างพอ ๆ กัน ต่างกันตรงที่โทนสี ดูเหมือนสีเทาในห้องของตายูนิกซ์ จะให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตามากกว่าแต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นี้เขาทำอะไรประเจิดประเจ้อมาก โชคดีที่ไม่มีใครเห็นพวกเรา นอกจากเลขาของท่านประธาน ไม่อย่างนั้นคงตกเป็นขี้ปากชาวออฟฟิศตั้งแต่วันแรก“เธอนั่งตรงนั้น” เจ้าของห้องชี้ไปตรงโต๊ะใกล้ประตู ฉันจึงเดินไปตามเขาบอกอย่างว่าง่ายโดยไม่พูดอะไรหลังจากนี้ไปเขาคือเจ้านายอีกคน เขาบอกอะไรก็ต้องทำ ด้วยสถานะ ‘นักศึกษาฝึกงาน’ ภายใต้การดูแลของเขา อนาคตของฉันจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับปลายปากกาของเขานี่แหละแต่จะว่าไป? ทำไมเขาให้เลขามานั่งในห้องล่ะ พี่จันทร์ฉายเป็นถึงเลขาท่านประธานยังประจำอยู่หน้าห้องเลย แล้วฉันที่เป็นนักศึกษาฝึกงาน เขาทำแบบนี้มันเกินหน้าเกินตาไปหรือเปล่า“บอสคะ”“เรียกเหมือนเดิมได้ ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคน”“ฝึกเรียกอยู่ค่ะ พริกจะได้ชิน ไม่อยากเรียกผิดต่อหน้าคนอื่น”“ผิดก็ไม่เห็นเป็นไร” ไม่เป็นอะไรก็บ้าแล้วพ่อคุณ...ฉันเถียงในใจ ได้แต่มองเขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัว
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล
- สองเดือนต่อมา -พิธีมงคลสมรสระหว่างสองตระกูลนักธุรกิจดังถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เทียร์ร่าแกรนด์สาขาย่อยถูกเหมาพื้นที่ทั้งโรงแรม เพื่อเฉลิมฉลองวันมงคลของน้องชายเพียงคนเดียวของท่านประธานพัชริกา ฮาร์ตลีย์ (พริกแกง) ❤ ยูนิกซ์ เรเลอร์ตัน (ยู)ทั่วทั้งงานเนืองแน่นไปด้วยสักขีพยานรักจากคนชั้นสูง ถือเป็นงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปถ่ายสุดหวานของคู่บ่าวสาวประดับประดาอยู่ทั่วทั้งห้องบอลรูมมิหนำซ้ำไดอารีทุกเล่มที่พริกแกงจดบันทึก ยังถูกนำมาจัดแสดงเรียงรายตลอดทางเดินเข้างาน ยาวไปจนถึงเวทีกลางซึ่งถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลายชนิดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายไม่ว่าจะเป็น…ดอกยิปโซสื่อถึงรักแรกพบที่ทั้งสองมีให้กันตั้งแต่สิบสองปีก่อนดอกเยอบีราเปี่ยมไปด้วยความสดใสร่าเริง แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งเหมือนเจ้าสาวอย่างพริกแกง หรืออีกนัยหนึ่ง เธอคือแสงอาทิตย์แห่งชีวิตของฉัน เหมือนที่ยูนิกซ์ที่ยึดเอาพริกแกงเป็นสิ่งเหนี่ยวนำให้เขากลับมารักตัวเองอีกครั้งดอกกุหลาบขาวคือความรักบริสุทธิ์ที่ทั้งสองมอบให้กันเป็นนิจนิรันดร์ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตดอกไม้ในวันแห่งความรักที่มีความหมายว่า โปรดอย่าลืมฉัน เหมือน
คนติดงานที่ฉันเฝ้ารอ กำลังเดินฝ่าวงล้อมสาวสวยที่ส่งสายตาแพรวพราวพร้อมขย้ำเหยื่อมาให้ ไม่รู้เขาตอบอะไร พวกหล่อนถึงมองมาทางฉันด้วยสีหน้าหงอย ๆ พลันล่าถอยออกไป“เงียบปากไปเลย” กระแทกเท้าหมายจะเหยียบรองเท้าหนังมันวาวของบัณฑิตชาย แต่คนเยอะสิ่งอย่างแผ่นดินกลับหลบทัน“ไวกว่าชนะ” ฉันเลิกต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิท แล้วหันมาฉีกยิ้มให้แฟนสุดหล่อ ปกติก็หล่อมากอยู่แล้ว แต่วันนี้พอได้แต่งตัวจัดเต็มด้วยชุดที่ฉันเลือกให้ ก็ยิ่งหล่อขึ้นเป็นสิบเท่า“ยินดีด้วยครับที่รัก”“ขอบคุณนะคะ” ฉันคว้าช่อกุหลาบขาวขนาดใหญ่ ที่แซมด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองสดจำนวนสามดอกไว้ตรงกลางเข้ามากอดแนบอกอย่างแสนรักแฟนฉันน่ะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก ขัดกับใบหน้านิ่ง ๆ ที่ชอบแสดงให้คนอื่นเห็น เขาชอบสื่อความนัยผ่านดอกไม้ เหมือนกับรอยสักรูปดอกเดซีของเขา จึงพลอยทำให้ฉันไปหาความรู้มาบ้างอย่างดอกไม้ช่อนี้ กุหลาบขาว หมายถึงความรักบริสุทธิ์และสง่างาม ทั้งยังหมายถึงรักนิรันดร์ได้อีกด้วย ส่วนดอกทานตะวันหมายถึงความซื่อสัตย์ ความรักมั่นคง และ...การรักเดียวใจเดียวฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมดอกกุหลาบต้องมีสิบสองดอก และทานตะวันสามดอกนี้ มันอาจจะมีหรือไ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” พริกแกงถามขึ้นหลังวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ขณะลอบสังเกตแฟนตัวสูงที่ทำหน้าหดหู่ไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน“เฮียเซ็ง”“เซ็งเรื่องอะไรคะ”“วันนี้หนูมาฝึกงานวันสุดท้ายแล้ว”“จริงด้วย...”“นั่นแหละที่เฮียเซ็ง” อยู่ด้วยกันทุกวัน มาทำงานพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน กินข้าวหรือทำอะไรก็มักทำด้วยกันเสมอ แต่วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้มีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยกัน อดนึกเซ็งไม่ได้ ความเคยชินกำลังทำร้ายใจของเขายอมรับว่าติดแฟนเด็กมาก การมีเธออยู่ใกล้ ๆ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา อยากยิ้มอยากหัวเราะ และมีแรงจะสู้กับทุกอย่างไม่ว่าจะเจอกับปัญหาหนักหน่วงแค่ไหน“อย่างอแงสิคะ ถึงหนูจะไม่ได้มาทำงานด้วย แต่เรายังอยู่ด้วยกันทุกวันนะ”“แต่นอนคนละห้อง” ท่ากอดอกเหมือนเด็กขี้งอนทำให้ปากอิ่มส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ยื่นนิ้วเขี่ยแก้มคนหน้าบึ้งเล่นเบา ๆ“แก่แล้วนะ ทำงอนเป็นเด็ก ๆ ไปได้”“คำก็แก่สองคำก็แก่ ห่างกันแค่หกปีเอง”“ตั้งหกปี”“ที่รัก...”“ล้อเล่นค่ะที่รัก มา ๆ กอดกัน ๆ วันนี้อยากกินอะไรคะ? เดี๋ยวหนูเลี้ยงเอง ส่งท้ายการทำงานวันสุดท้าย เดี๋ยวสั่งพิซซ่ามาให้พี่ ๆ ในออฟฟิศด้วยดีกว่าเนอะ”“เลี้ยงเ