Rrrrrr~
โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังลั่นห้อง ปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ตื่นขึ้นมาเพราะความรำคาญ
มือบางควานสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งถึงเจอต้นตอขัดความสุข พริกแกงดันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนเพ่งมองหน้าจอมือถือ
ใครบังอาจมารบกวนกันนะ
“หือ ข้าวฟ่าง? โทร. มาทำไมแต่เช้า” ชื่อบนจอทำคิ้วเรียวขมวดมุ่น ปกติหลังจากดื่มกันอย่างหนักจะไม่ค่อยมีใครโทร.หาสักเท่าไหร่ เพราะแฮงก์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร
นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอรับสาย พร้อมทั้งกดเปิดสปีกเกอร์โฟน กรอกเสียงงัวเงียตอบกลับปลายสายด้วยสภาพยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาดี
“อือ~ มีอะไรคะคุณเพื่อน หายแฮงก์แล้วเหรอถึงโทร. มาเนี่ย?”
[ยังจะมานั่งใจเย็นอยู่อีกนะ เธอเห็นเพจซุบซิบของมหา’ลัยหรือยัง ยัยพริก]
“ฮะ? ยังเลย มีอะไรอะ?”
[ตายห่า งั้นดูด่วนเลยค่ะเพื่อน ด่วนที่แปลว่าเดี๋ยวนี้!]
ความร้อนรนผสมกับความรีบร้อนในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท ทำให้คนงัวเงียรีบลุกไปหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเปิด กดเข้าแอปพลิเคชันดังแล้วค้นหา ‘ใต้เตียงมหา’ลัย SC’ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเมาท์มอยเรื่องราวคาวๆ ของคนในรั้วมหา’ลัย ซึ่งพริกแกงเป็นหนึ่งในขาประจำ ที่มักมีหน้าไปปรากฏอยู่บนเพจนั้นจนเจ้าตัวเอือมระอา
หลังจากหายเมาขี้ตา คนเพิ่งตื่นรีบกดเสิร์ชหาชื่อเพจที่ว่าทันที ตาคู่สวยกวาดสายตาไล่ดูด้วยความว่องไว ภาพแรกที่ปรากฏบนหน้าจอไอแพด คือภาพของหญิงสาวในชุดเดรสสีดำเปิดไหล่สุดเซ็กซี่ กับชายหนุ่มเชิ้ตสีน้ำเงิน หากมองเพียงรูปลักษณ์คงไม่มีอะไร ทว่าที่ทำให้น่าตกใจคือคนในรูปนั้นกำลังประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน ชวนหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง พอเลื่อนสายตาอ่านแคปชันก็เห็นแฮชแท็ก #แม่คาสโนวี่ไม่ทิ้งลาย ติดสอยห้อยตามอยู่ด้านล่าง
แม้จะเห็นหน้าคนในรูปไม่ชัด แต่จากแฮชแท็กที่ใช้และภาพที่เห็น ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากตัวเอง
แถมยิ่งอ่านข้อความบนแคปชันที่ใส่สีตีไข่ พาดหัวเรียกยอดไลก์อย่าง “เอาอีกแล้ว แม่คาสโนวี่ผู้ร้อนแรงไม่ต่างจากชื่อ กินหนุ่มหล่อปริศนาคาผับหรู หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่งจูงมือรุ่นน้องปีหนึ่งขึ้นคอนโดฯ ของฝ่ายชาย” ทำให้เธอกดปิดหน้าจออย่างเสียอารมณ์
เหนื่อยหน่ายกับเรื่องฉาวๆ ของสังคมมหา’ลัยอันน่าปวดหัว ไอ้ที่ว่าขึ้นคอนโดฯ กับรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ เธอแค่บังเอิญไปเจอน้องคนนั้นที่รถเสียระหว่างทางกลับต่างหาก ถึงได้อาสาขอไปส่ง เพราะเห็นเป็นทางผ่านพอดี อีกอย่างเธอส่งแค่ทางเข้าคอนโดฯ เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปเหยียบด้านในสักหน่อย ไม่รู้ทำไมแอดมินเพจถึงได้เขียนเนื้อหาแบบมโนไปไกลขนาดนั้น
แล้วในรูปเอาอะไรมาปริศนา? นั่นมันแฟนเธอชัดๆ รู้ว่าผู้หญิงคือเธอ แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายคือพี่แทนไท ให้มันได้แบบนี้สิ!
[นี่! เงียบไปเลย ยังอยู่ไหมพริกแกง] ข้าวฟ่างถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเงียบเสียงไป
“อยู่ๆ ฉันแค่...แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
[เดี๋ยวๆ พริกแกงอย่ากลบเกลื่อน โอเคจริงใช่ปะวะ]
“อื้อ โอเคสิ ทำไมต้องไม่โอเคด้วยล่ะ”
[ดีแล้ว แล้วเมื่อคืนเป็นอะไร เมาเหรอ? ปกติเธอกับพี่แทนไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้นี่] ข้าวฟ่างถามสิ่งที่สงสัย รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ รู้นิสัยเพื่อนสนิทดี พริกแกงไม่ใช่คนชอบทำอะไรโจ่งแจ้งต่อหน้าคนอื่น แม้ต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่างพวกเธอก็ยังไม่เคยหลุดทำอะไรแบบนั้น
“หึ” มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะในลำคอตอบกลับปลายสาย อันที่จริงเรื่องนี้มันก็เป็นแค่การแสดงความรักแบบคู่รักทั่วไป แต่เพราะว่าเป็นเธอมันถึงได้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา อีกอย่างถึงเธอไม่ใช่คนเริ่ม ทว่าทุกครั้งที่แอดมินเพจเริ่มโพสต์ข่าวซุบซิบทีไร คนโดนเพ่งเล็งมักเป็นเธอเสมอ ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตาม
[เธอมีอะไรบอกพวกฉันได้นะ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้คนเดียว]
“...ข้าว หรือเพราะภายนอกฉันมันดูแรงเกินไปอะ ถึงมีแต่คนมองกันในแง่ลบตลอดเลย” เธอไม่ตอบ แต่เลือกตั้งคำถามกลับไปเสียงเบา เหมือนเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า
[เป็นไรวะ ความอ่อนไหวของคนใกล้ได้ผัวเหรอ] แผ่นดินที่ยืนฟังอยู่นาน แทรกขึ้นทันทีเมื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงไม่ปกติของเพื่อนสาว เขากับพริกแกงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร แต่เพราะสนิทกันมานาน ทำให้เขาเลือกจะแดกดันกลับไป มากกว่าส่งต่อคำพูดปลอบโยนหวานหู
“เพ้อเจ้อ ฉันแค่เหนื่อยๆ ย่ะ แค่นี้นะคู่รักคู่กรรม ฉันจะไปช็อปปิงหน่อย พี่ SA เพิ่งบอกเมื่อวานว่ามีกระเป๋าเข้าใหม่”
[ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย?]
“โนค่ะ ไม่อยากขัดเวลาพวกแก ได้ข่าวว่าเตรียมตัวจะไปเที่ยวทะเลกันไม่ใช่เหรอ? งั้นแค่นี้นะ บาย”
พริกแกงพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเป็นปกติ ก่อนจะกดตัดสายเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วงไปมากกว่านี้ อีกอย่างตอนนี้เธออยากอยู่เงียบๆ คนเดียว...
ตั้งแต่ก่อนจะคบกับแทนไท หรือแม้แต่หลังคบกับแฟนหนุ่มรุ่นพี่แล้วก็ตาม ชื่อของพริกแกงกับแผ่นดินก็ยังเป็นประเด็นเรื่องแอบแซ่บกันอยู่เนืองๆ ทั้งที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าแผ่นดินกับข้าวฟ่างคบหากัน แต่ทุกคนกลับปิดหูปิดตา แล้วเลือกมองแต่สิ่งที่อยากจะเห็น และต้องการจะเห็นเท่านั้น บางทีก็เขียนแคปชันมั่วๆ ไปยันว่า เป็นรักสามเศร้าของเหล่าเพื่อนสนิทโน่นแน่ะ จะบ้า!
Phikkaeng Part
@ห้างสรรพสินค้า
ฉันก้าวเดินบนรองเท้าสีขาวพื้นแดงรุ่นใหม่ มุ่งหน้าสู่ช็อปกระเป๋าแบรนด์ไฮเอนด์ในเวลาที่ห้างฯ ใกล้ปิดทำการ
ใช่แล้วค่ะ! ฉันมัวแต่นอนโง่ ๆ นอนนิ่ง ๆ ปล่อยความคิดให้ไหลไปเรื่อยเปื่อยคนเดียว กว่าจะเรียกสติกลับเข้าร่างได้ ก็กินเวลาจนเย็นย่ำค่ำมืด แล้วกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จอีก ทำเอาเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้แหละ
เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ
ฉันกวาดตามองสำรวจกระเป๋ารุ่นต่าง ๆ ก่อนสายตาจะเป็นประกาย เมื่อไปสะดุดตากับกระเป๋าหนังสีน้ำตาลขนาดพอดีใบหนึ่ง มันวางอยู่ตรงชั้นกระจกบริเวณทางเข้า น่าแปลกที่ฉันกลับไม่สังเกตเห็นมันในตอนที่เดินเข้ามา แต่อย่างว่า คนเราบางทีก็เป็นแบบนี้ ‘ชอบมองข้ามอะไรใกล้ตัวเสมอ’
“ขอดูใบนั้นค่ะ” ฉันบอกพี่พนักงานที่ยืนรอให้บริการ
ไม่นานกระเป๋าที่ต้องการก็มายั่วกิเลสอยู่ตรงหน้า ฉันรีบรับมันมาถือต่อจากพี่พนักงานแล้วลองคล้องแขน หันตัวไปส่องกระจกกระจกที่ตั้งวางอยู่ด้านข้าง เพื่อดูความเข้ากันได้ของฉันกับมัน
ขณะที่ฉันกำลังพลิกกระเป๋าไปมาเพื่อชื่นชมความงามและความประณีตในการผลิตของว่าที่ลูกรักใบใหม่ หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นตา เดินเคียงคู่มากับสาวในชุดเดรสสีครีม และกำลังจะเดินเลี้ยวไปทางหัวมุมพอดิบพอดี
“ฝากก่อนนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ” ไวเท่าความคิด ฉันรีบบอกพี่พนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด พร้อมทั้งยัดกระเป๋าใบนั้นใส่มือเธอที่กำลังยืนมองฉันด้วยสีหน้างุนงง
เหมือน! เหมือนมาก ผู้ชายคนนั้น...เหมือนพี่แทนของฉันมากเลย แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? สมองกำลังตั้งคำถามกับตัวเอง ส่วนขาก็พยายามออกแรงวิ่งเพื่อจะก้าวตามไปให้ทัน แต่เพราะมัวจดจ่อกับคนตรงหน้ามากไปจนไม่ทันระวัง เหตุไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น
พลั่ก
ฉันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เดินก็มองทางบ้าง” คู่กรณีตำหนิเสียงนิ่ง
เอ้า ตานี่ ก็คนกำลังรีบ ๆ อยู่นี่ ฉันคิดในใจ ส่วนปาก...
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
แวบแรกยอมรับนะว่าเสียงเขาหล่อ ตัวก็หอม แต่ฉันไม่มีเวลามาเพ้อฝันหรือโต้เถียงอะไรกับใครทั้งนั้น ฉันกำลังรีบ!
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีฉันรีบอยู่ ขอโทษอีกทีนะคะ” ฉันรีบรวบเอกสารของเขาที่ร่วงหล่นจากการโดนชนลวก ๆ ก่อนจะยัดทั้งหมดใส่มือเขา โดยไม่ได้แหงนมองหน้าคู่กรณีแม้แต่น้อย ทำเพียงกล่าวขอโทษเขาอีกครั้งแล้ววิ่งจากมา
แต่...
ไม่ทัน คนคนนั้นหายไปแล้ว หายไปแบบไร้ร่องรอย
โธ่ เป็นเพราะตานั่นแท้ ๆ ทำให้ฉันอดรู้เลยว่าผู้ชายคนนั้น ใช่พี่แทนไทไหม แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเขาใช่แฟนของฉันหรือเปล่าน่ะ?
แต่เอ๊ะ ใช่สิ โทร. หาเขา! แต่ถ้าโทร. ไป พี่เขาจะสงสัยไหม ปกติถ้าเขาบอกว่าติดงาน ฉันไม่เคยโทร.ไปกวนเลย และก่อนหน้านี้เขาแชตมาบอกไว้แล้ว ว่าติดคุยงานจนถึงดึก แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนพี่เขามากเลยนะ
เอาไงดี โทร. ดีไหม หรือไม่โทร. ดี? ฉันเดินไปเดินมาพลางเคาะมือถือกับมืออีกข้างอย่างใช้ความคิด ไม่เคยคิดหนักขนาดนี้มาก่อน แต่ด้วยอะไรหลายอย่างในช่วงนี้ ก็ทำให้อดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ก็คนมันสงสัยนี่!
สุดท้ายฉันก็กดต่อสายหาพี่แทน
[ว่าไงครับน้องพริก] สัญญาณรอสายดังไม่นาน เขาก็รับเสียงอบอุ่นที่แสนคิดถึงตอบกลับมาทันที
“พี่แทนทำอะไรอยู่คะ” ฉันกลั้นใจถามออกไป พร้อมกับพยายามตั้งใจฟังเสียงปลายสาย ถ้าคนนั้นเป็นพี่แทนจริง มันต้องมีเสียงอะไรเล็ดลอดเข้ามาบ้างแหละ
[ทำงานไงครับ เตรียมแผนงานของเดือนหน้าอยู่น่ะ ตอนเย็นพี่บอกน้องพริกไปแล้วนี่ครับ]
เออนั่นสิ ไม่เนียนเลยฉัน
เอาใหม่ ๆ
“คะ...คือพริกจะโทร. มาถามว่าคุณลุงคุณป้านัดกี่โมงนะคะ พอดีพริกลืมน่ะค่ะ ช่วงนี้มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องเตรียมเอกสารรายงานตัว” ฉันไม่ได้โกหกนะ เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัวกับบริษัทที่ต้องเข้าฝึกงานแล้ว
[เที่ยงครับ ร้านอาหารนานาชาติใกล้ ๆ บริษัทที่น้องพริกไปรายงานตัวเลยครับ]
“อ๋อ จริงด้วย ลืมได้ไงนะ แหะ ๆ” หัวเราะกลบเกลื่อน
[น้องพริกมีอะไรอีกมั้ยครับ พอดีพี่ต้องรีบเคลียร์งาน เลขาพี่รอเอกสารอยู่น่ะ ไว้เดี๋ยวพี่กลับถึงบ้านแล้วจะโทร. หานะ คิดถึงนะครับ]
แล้วเขาก็วางสายไปทันที
ฉันยืนมองรูปรูปคู่ของเราบนหน้าจอ พลางถามตัวเองว่ามันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เขาจะโกหกกัน?
ความทรงจำในวันที่เราตกลงเป็นแฟนกัน กลับมาฉายชัดในความทรงจำฉันอีกครั้ง
วันนั้น...วันที่พี่แทนไทรับปริญญา เขาเดินฝ่าวงล้อม ฝ่าสายตาของผู้คนมากมายเข้ามาหา เพื่อคุกเข่าขอฉันเป็นแฟน
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ น้องพริก”
“คะ...คือ”
“ถ้าไม่ตอบ พี่จะคิดว่าตกลงนะครับ”
“น้องพริก...”
“...คะ”
“ว่าไงครับ”
“พะ...พริก” ตอนนั้นความมั่นใจที่มีมากล้น มันกลับมลายหายไปหมด
“มองหน้าพี่”
“ไม่ต้องสนใจใคร สนแค่พี่ คิดว่ามีแค่เราสองคน” ตอนพี่แทนพูดคำนั้น ฉันรู้สึกเหมือนต้องมนตร์ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมาเต้นระบำอยู่นอกอก
“ไม่ต้องปิด พี่อยากได้ยิน” เขากระซิบเบาข้างใบหู ก่อนพูดย้ำอีกครั้ง “เป็นแฟนกับพี่นะครับ”
น้ำเสียงที่หนักแน่น แววตาที่จริงจัง และการกระทำที่ตอกย้ำว่าเขาพร้อมเปิดเผย ไม่แคร์และไม่เสียดายผู้หญิงมากมายที่หมายปองเขาอยู่ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันยิ้มรับ...และตอบตกลง
เราคบหากันมาระยะหนึ่ง ช่วงเวลานั้นเขาทำให้ฉันมั่นใจมาโดยตลอด แล้วทำไมตอนนี้ ฉันถึงได้หวาดระแวงเขาล่ะ?
แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันเหมือนตอนเริ่มศึกษาดูใจ แต่นั่นเป็นเพราะภาระงานที่หนักอึ้งไม่ใช่เหรอพริกแกง?
ทุกคนต่างมีหน้าที่
ฉันนี่บ้าจริง ๆ ทำไมถึงได้มานั่งสงสัยแฟนตัวเองซะได้
ที่ผ่านมา เขาก็แสดงชัดเจนตลอดว่ารักฉันมากขนาดไหนพริกแกง เธอนี่มันฟุ้งซ่านจริง ๆ พักค่ะ! เลิกคิดได้แล้ว!
~ End Phikkaeng Part ~
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปฉันพาตัวเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะเรียบร้อยได้ พร้อมลากรองเท้าสีดำสูงสี่นิ้วคู่โปรด มาหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทสีทึบขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายสิบชั้นคำพูดมากมายที่อาจารย์พยายามสาธยายให้ฟังก่อนหน้านี้เท่าที่พอจะจำได้ผุดขึ้นมาในหัว ทูนิกซ์ เป็นบริษัทชั้นนำ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ท่านกำชับนักกำชับหนาว่าต้องทำตัวให้ดี อย่าทำให้มหา’ลัยและอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา ให้ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมาะสมกับการเป็นเด็กฝึกงานฉันถึงต้องไปรื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหากระโปรงตัวยาวที่เคยใส่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสมัยเรียนปีหนึ่งมาใส่“มารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใส พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คุณพี่หน้าคม อกตู้มตรงหน้า“น้องพัชริกา ฮาร์ตลีย์ใช่มั้ยคะ?”“ใช่ค่ะ” ยิ้มตอบเห็นฉันชื่อไทยสไตล์ขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วฉันมีแด๊ดดี้เป็นคนอังกฤษนะ และด้วยเหตุนี้แหละครอบครัวถึงไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศแทนการทำธุรกิจในประเทศไทยพี่พนักงานสาวหน้าคมยกหูโทรศัพท์ตรงเคาน์เตอร์กดต่อสายภายในหาใครบางคน พี่เขาพูดกับป
หลังยืนโบกมือยิ้มหวานส่งพี่แทนเสร็จ ฉันก็รีบยกกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อนถ้าได้กินยาเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยการขับรถกลับเองเด็ดขาด ฉะนั้นตอนนี้ต้องหาตัวช่วย และคนที่จะช่วยฉันได้ก็มีอยู่ไม่กี่คนควานหาโทรศัพท์เจอ ฉันรีบกดต่อสายหาเบอร์ที่บันทึกไว้ยามฉุกเฉินทันที เราทุกคนในกลุ่ม ล้วนจัดให้เบอร์ของเพื่อน ๆ เป็นเบอร์โทรฉุกเฉิน สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับ ไม่รอช้าฉันรีบกรอกเสียงออดอ้อนไปตามสายขอความช่วยเหลือ“ข้าว~ มารับฉันหน่อยสิ”[ข้าวหลับ] ทว่าแทนที่จะเป็นเสียงหวานตอบกลับมา กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุ ๆ เจือความหงุดหงิดแทน ทำให้ต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยกขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจออีกครั้งก็โทร. ถูกนี่นา แล้วทำไมถึงเป็นเสียงคนอื่น ปกติเวลานี้ข้าวฟ่างน่าจะยังอยู่ห้องตัวเองไม่ออกไปไหนนี่?“นั่นใครน่ะ” ฉันถามเสียงแข็งกลับไป[อะไร? เพ้อหนักแล้วนะเธอน่ะ ฉันแผ่นดินไง ผัวยัยข้าว เพื่อนสนิทที่หล่อที่สุดของเธอตั้งแต่ม.สี่ อย่าบอกนะว่าลืม ฉันกับยัยข้าวมาหัวหิน เธอลืมหรือไง ทำไมต้องตกใจ?] อ่า จริงด้วย ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคู่รักพากันไปสวีตที่หัวหินน่ะแต่ว่านะ คำ
“นายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลใบหน้าคมคายละสายตาจากทุกสิ่งรอบกายตวัดมองผู้มาใหม่ ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารอมาทั้งวันซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เขาเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมคว้ามันมาเปิดออกอย่างเบามือ หยิบของด้านในออกมาอย่างใจเย็นและทะนุถนอมจนว่างเปล่าภาพหญิงสาววัยมหา’ลัย ใบหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติขับผิวขาวอมชมพู กำลังแย้มยิ้มให้บางสิ่งอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสนั้นทำคนยิ้มยากเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวสวย...ยิ่งโตยิ่งสวยไร้ที่ติ ทว่าติดตรงที่เธอมีเจ้าของหัวใจแต่จะโทษใครได้ ในเมื่อก่อนหน้าเธอเคยเฝ้ารอและพยายามตามหาเขามาโดยตลอด ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด และเป็นฝ่ายเลือกหนีหายไปจากเธอนานหลายปีตอนนั้นพวกเรายังเด็ก จึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างง่ายๆ ว่าสิ่งที่ทำเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดถามความเห็นของเธอสักคำ สมควรแล้วที่ตอนนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองเธออยู่ไกลจากอีกฟากโลก ทั้งที่อยากเจอกันใจแทบขาดและรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้“แล้วเรื่องของมันล่ะ?”“ยังไม่ชัวร์ครับนาย มันค่อนข้างระวังตัว แต่มีโอกาสเป็นอย่างที่นายคิดสูง หรือเราให้คนของคุณเจย์ช่วยอีก
มินิคูเปอร์สีจังเกิลกรีนคันเล็ก หักเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเข้า Tiara Grand Hotel โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตัวอาคารออกแบบสไตล์กรีก-โรมันถูกประดับตกแต่งด้วยแมกไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัดพริกแกง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เจ้าของร่างบางสัดส่วนชวนฝัน พร้อมด้วยใบหน้ารูปไข่สวยหวานผสานความเซ็กซี่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมโตสุกใส ขนตางอนยาวเรียงแพสวย จมูกเชิดรั้นรับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดีช่วยดึงดูดสายตาผู้ชายมองตามจนเหลียวหลัง ส่วนผู้หญิงด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉาเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหลังตรงดุจนางพญา เท้าเรียวเยื้องย่างมาบนรองเท้าส้นแหลมสีดำแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจ สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณพริก”“สวัสดีค่ะ” เรียวปากอิ่มยกยิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวเช่นทุกครั้งสองเท้าบางก้าวไปเบื้องหน้า สายตาสาดส่องมองหาใครบางคน ก่อนตากลมจะทอประกาย มุมปากยกยิ้มอ่อนเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแสนคุ้นตา ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประช
@มหาวิทยาลัย“พริก...”“...”“พริกแกง!”เพียะ!“เล่นบ้าอะไรน้ำหนาว เราตกใจหมด”“ไม่ได้เล่นซะหน่อย เราเรียกพริกตั้งนานแล้วนะ แต่พริกไม่สนใจเราเลย” ร่างเล็กกว่าทำหน้ายู่ใส่ พลางลูบรอยแดงบนแขนตัวเองป้อยๆไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอเรียกพริกแกงตั้งแต่เห็นหลังกันไกลๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งอีกคนก็ไม่หันมามอง เหมือนกำลังสนใจอะไรสักอย่างถึงต้องเดินเข้ามาสะกิด แต่ไม่คิดว่าพริกแกงจะตกใจแรง จนหันกลับมาฟาดเต็มเหนี่ยว เล่นเอาซะแขนชาแน่ะ“แหะๆ เราขอโทษนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่พริกมองอะไรอยู่เหรอ” น้ำหนาว บอกปัดอย่างไม่ถือสา ขยับมาใกล้แล้วเอ่ยถามต่อ เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนระมัดระวังตัวอย่างพริกแกงเหม่อลอยได้ขนาดนี้คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวฉบับสาวเหนือย่นแทบชนกัน หลังจากชะเง้อมองจุดที่พริกแกงเคยให้ความสนใจด้วยความสงสัยต้นไม้ ถังขยะ และนักศึกษาไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา? แล้วเพื่อนสาวคนสวยของเธอกำลังมองอะไรอยู่นะ หรือว่า...พริกแกงมีจิตสัมผัสเหรอ!?“ก็...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ?”“หนาวไม่เห็นเหรอ รถสีดำคันนั้นไง”“สีดำ...คันไหนคะ?”“นั่นไง อะ อ้าว หายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังจอดอยู่ตรงนั้นอยู่เลย” ดวงตาเบิกโพ
- ด้านพริกแกง -“รอนานมั้ยครับ”“ไม่เลยค่ะ” คนเสียงใสยกยิ้มตอบ“ขอโทษทีนะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้เราเลย”พริกแกงไม่ได้พูดอะไรกลับไป มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบ อันที่จริง เขาไม่ควรพูดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้กันหรอก มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลังคบกันได้หกเดือนต่างหากเธอพอจะเข้าใจเหตุผล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอกำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หลายครั้งที่นัดของเราต้องล่ม เพราะคำว่าติดงานด่วนของเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจัดสรรเวลาไม่ได้สักที“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย คิดถึงจะแย่” ใบหน้าคมเข้มหันมายกยิ้มละมุนให้แฟนสาว เขาไม่ได้รับรู้ความในใจของเธอ เพียงแต่เห็นว่าคนข้างกายเงียบไปจึงยกมือลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ ในตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว“ถ้าคิดถึงก็มาหาพริกบ่อยๆ สิคะ จะได้หายคิดถึง”“พี่จะพยายามนะครับ”แทนไทกับพริกแกงอายุห่างกันเพียงสองปี แต่เขากลับชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ถ้าถามว่าชอบไหม? ก็ตอบได้แค่ชอบมาก มันอบอุ่น มันนุ่มฟูในหัวใจ ยามที่เขาแบ่งเวลามาอยู่ด้วยกันผู้ชายแบบนี้แหละที่เธอต้องการและตามหามาตลอด แม้จะติดขัดเรื่องของเวลาไปบ้าง แต่โดยร
@DVice Clubสถานบันเทิงยอดฮิตตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับของเหล่านักท่องราตรีทุกช่วงวัย มีบริการหลากโซนหลายสไตล์ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการตามความต้องการเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้นต่อเนื่องชวนใจเต้น ผีเสื้อราตรีหญิงชายต่างปลดปล่อยความรู้สึกและร่างกายไปกับท่วงทำนองสนุกๆ ที่ดีเจประจำคลับเปิดเพื่อสร้างความครึกครื้นอย่างเมามันเคร้ง~เสียงแก้วใสต่างดีไซน์กระทบกัน ดังขึ้นบริเวณโซนเคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกครึกโครมหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูดูน่ารักขัดกับสถานที่ มองแก้วในมือเล็กน้อยก่อนตัดสินใจจรดริมฝีปากบางลงบนปากแก้วที่บรรจุค็อกเทลรสหวานซ่อนเปรี้ยว มีฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อน ๆ ให้ไหลผ่านลำคอทีละนิด“แค่กๆ ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ” น้ำหนาวหันไปทำหน้าเหยเกใส่พริกแกงที่นั่งเท้าคางมองเธออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อสัมผัสถึงแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมมาในน้ำสีชมพูอ่อนเธอไม่ชอบดื่ม แต่ตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครโผล่มาสักคน เลยต้องยอมดื่มเป็นเพื่อนเพื่อนตัวแสบตามคำชวน แต่ตอนนี้รู้สึกคิดผิดมาก เพราะมันไม่ได้อร่อยเหมือนขนมแบบที่เพื่อนล่อลวงสักนิด“ไม่อร่อยเหรอ งั้นชิมของเรามั้ย? เผื่อชอ
ขวับเสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมายนั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอดถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้า