Rrrrrr~
โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังลั่นห้อง ปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ตื่นขึ้นมาเพราะความรำคาญ
มือบางควานสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งถึงเจอต้นตอขัดความสุข พริกแกงดันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนเพ่งมองหน้าจอมือถือ
ใครบังอาจมารบกวนกันนะ
“หือ ข้าวฟ่าง? โทร. มาทำไมแต่เช้า” ชื่อบนจอทำคิ้วเรียวขมวดมุ่น ปกติหลังจากดื่มกันอย่างหนักจะไม่ค่อยมีใครโทร.หาสักเท่าไหร่ เพราะแฮงก์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร
นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอรับสาย พร้อมทั้งกดเปิดสปีกเกอร์โฟน กรอกเสียงงัวเงียตอบกลับปลายสายด้วยสภาพยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาดี
“อือ~ มีอะไรคะคุณเพื่อน หายแฮงก์แล้วเหรอถึงโทร. มาเนี่ย?”
[ยังจะมานั่งใจเย็นอยู่อีกนะ เธอเห็นเพจซุบซิบของมหา’ลัยหรือยัง ยัยพริก]
“ฮะ? ยังเลย มีอะไรอะ?”
[ตายห่า งั้นดูด่วนเลยค่ะเพื่อน ด่วนที่แปลว่าเดี๋ยวนี้!]
ความร้อนรนผสมกับความรีบร้อนในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท ทำให้คนงัวเงียรีบลุกไปหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเปิด กดเข้าแอปพลิเคชันดังแล้วค้นหา ‘ใต้เตียงมหา’ลัย SC’ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเมาท์มอยเรื่องราวคาวๆ ของคนในรั้วมหา’ลัย ซึ่งพริกแกงเป็นหนึ่งในขาประจำ ที่มักมีหน้าไปปรากฏอยู่บนเพจนั้นจนเจ้าตัวเอือมระอา
หลังจากหายเมาขี้ตา คนเพิ่งตื่นรีบกดเสิร์ชหาชื่อเพจที่ว่าทันที ตาคู่สวยกวาดสายตาไล่ดูด้วยความว่องไว ภาพแรกที่ปรากฏบนหน้าจอไอแพด คือภาพของหญิงสาวในชุดเดรสสีดำเปิดไหล่สุดเซ็กซี่ กับชายหนุ่มเชิ้ตสีน้ำเงิน หากมองเพียงรูปลักษณ์คงไม่มีอะไร ทว่าที่ทำให้น่าตกใจคือคนในรูปนั้นกำลังประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน ชวนหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง พอเลื่อนสายตาอ่านแคปชันก็เห็นแฮชแท็ก #แม่คาสโนวี่ไม่ทิ้งลาย ติดสอยห้อยตามอยู่ด้านล่าง
แม้จะเห็นหน้าคนในรูปไม่ชัด แต่จากแฮชแท็กที่ใช้และภาพที่เห็น ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากตัวเอง
แถมยิ่งอ่านข้อความบนแคปชันที่ใส่สีตีไข่ พาดหัวเรียกยอดไลก์อย่าง “เอาอีกแล้ว แม่คาสโนวี่ผู้ร้อนแรงไม่ต่างจากชื่อ กินหนุ่มหล่อปริศนาคาผับหรู หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่งจูงมือรุ่นน้องปีหนึ่งขึ้นคอนโดฯ ของฝ่ายชาย” ทำให้เธอกดปิดหน้าจออย่างเสียอารมณ์
เหนื่อยหน่ายกับเรื่องฉาวๆ ของสังคมมหา’ลัยอันน่าปวดหัว ไอ้ที่ว่าขึ้นคอนโดฯ กับรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ เธอแค่บังเอิญไปเจอน้องคนนั้นที่รถเสียระหว่างทางกลับต่างหาก ถึงได้อาสาขอไปส่ง เพราะเห็นเป็นทางผ่านพอดี อีกอย่างเธอส่งแค่ทางเข้าคอนโดฯ เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปเหยียบด้านในสักหน่อย ไม่รู้ทำไมแอดมินเพจถึงได้เขียนเนื้อหาแบบมโนไปไกลขนาดนั้น
แล้วในรูปเอาอะไรมาปริศนา? นั่นมันแฟนเธอชัดๆ รู้ว่าผู้หญิงคือเธอ แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายคือพี่แทนไท ให้มันได้แบบนี้สิ!
[นี่! เงียบไปเลย ยังอยู่ไหมพริกแกง] ข้าวฟ่างถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเงียบเสียงไป
“อยู่ๆ ฉันแค่...แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
[เดี๋ยวๆ พริกแกงอย่ากลบเกลื่อน โอเคจริงใช่ปะวะ]
“อื้อ โอเคสิ ทำไมต้องไม่โอเคด้วยล่ะ”
[ดีแล้ว แล้วเมื่อคืนเป็นอะไร เมาเหรอ? ปกติเธอกับพี่แทนไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้นี่] ข้าวฟ่างถามสิ่งที่สงสัย รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ รู้นิสัยเพื่อนสนิทดี พริกแกงไม่ใช่คนชอบทำอะไรโจ่งแจ้งต่อหน้าคนอื่น แม้ต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่างพวกเธอก็ยังไม่เคยหลุดทำอะไรแบบนั้น
“หึ” มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะในลำคอตอบกลับปลายสาย อันที่จริงเรื่องนี้มันก็เป็นแค่การแสดงความรักแบบคู่รักทั่วไป แต่เพราะว่าเป็นเธอมันถึงได้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา อีกอย่างถึงเธอไม่ใช่คนเริ่ม ทว่าทุกครั้งที่แอดมินเพจเริ่มโพสต์ข่าวซุบซิบทีไร คนโดนเพ่งเล็งมักเป็นเธอเสมอ ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตาม
[เธอมีอะไรบอกพวกฉันได้นะ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้คนเดียว]
“...ข้าว หรือเพราะภายนอกฉันมันดูแรงเกินไปอะ ถึงมีแต่คนมองกันในแง่ลบตลอดเลย” เธอไม่ตอบ แต่เลือกตั้งคำถามกลับไปเสียงเบา เหมือนเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า
[เป็นไรวะ ความอ่อนไหวของคนใกล้ได้ผัวเหรอ] แผ่นดินที่ยืนฟังอยู่นาน แทรกขึ้นทันทีเมื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงไม่ปกติของเพื่อนสาว เขากับพริกแกงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร แต่เพราะสนิทกันมานาน ทำให้เขาเลือกจะแดกดันกลับไป มากกว่าส่งต่อคำพูดปลอบโยนหวานหู
“เพ้อเจ้อ ฉันแค่เหนื่อยๆ ย่ะ แค่นี้นะคู่รักคู่กรรม ฉันจะไปช็อปปิงหน่อย พี่ SA เพิ่งบอกเมื่อวานว่ามีกระเป๋าเข้าใหม่”
[ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย?]
“โนค่ะ ไม่อยากขัดเวลาพวกแก ได้ข่าวว่าเตรียมตัวจะไปเที่ยวทะเลกันไม่ใช่เหรอ? งั้นแค่นี้นะ บาย”
พริกแกงพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเป็นปกติ ก่อนจะกดตัดสายเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วงไปมากกว่านี้ อีกอย่างตอนนี้เธออยากอยู่เงียบๆ คนเดียว...
ตั้งแต่ก่อนจะคบกับแทนไท หรือแม้แต่หลังคบกับแฟนหนุ่มรุ่นพี่แล้วก็ตาม ชื่อของพริกแกงกับแผ่นดินก็ยังเป็นประเด็นเรื่องแอบแซ่บกันอยู่เนืองๆ ทั้งที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าแผ่นดินกับข้าวฟ่างคบหากัน แต่ทุกคนกลับปิดหูปิดตา แล้วเลือกมองแต่สิ่งที่อยากจะเห็น และต้องการจะเห็นเท่านั้น บางทีก็เขียนแคปชันมั่วๆ ไปยันว่า เป็นรักสามเศร้าของเหล่าเพื่อนสนิทโน่นแน่ะ จะบ้า!
Phikkaeng Part
@ห้างสรรพสินค้า
ฉันก้าวเดินบนรองเท้าสีขาวพื้นแดงรุ่นใหม่ มุ่งหน้าสู่ช็อปกระเป๋าแบรนด์ไฮเอนด์ในเวลาที่ห้างฯ ใกล้ปิดทำการ
ใช่แล้วค่ะ! ฉันมัวแต่นอนโง่ ๆ นอนนิ่ง ๆ ปล่อยความคิดให้ไหลไปเรื่อยเปื่อยคนเดียว กว่าจะเรียกสติกลับเข้าร่างได้ ก็กินเวลาจนเย็นย่ำค่ำมืด แล้วกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จอีก ทำเอาเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้แหละ
เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ
ฉันกวาดตามองสำรวจกระเป๋ารุ่นต่าง ๆ ก่อนสายตาจะเป็นประกาย เมื่อไปสะดุดตากับกระเป๋าหนังสีน้ำตาลขนาดพอดีใบหนึ่ง มันวางอยู่ตรงชั้นกระจกบริเวณทางเข้า น่าแปลกที่ฉันกลับไม่สังเกตเห็นมันในตอนที่เดินเข้ามา แต่อย่างว่า คนเราบางทีก็เป็นแบบนี้ ‘ชอบมองข้ามอะไรใกล้ตัวเสมอ’
“ขอดูใบนั้นค่ะ” ฉันบอกพี่พนักงานที่ยืนรอให้บริการ
ไม่นานกระเป๋าที่ต้องการก็มายั่วกิเลสอยู่ตรงหน้า ฉันรีบรับมันมาถือต่อจากพี่พนักงานแล้วลองคล้องแขน หันตัวไปส่องกระจกกระจกที่ตั้งวางอยู่ด้านข้าง เพื่อดูความเข้ากันได้ของฉันกับมัน
ขณะที่ฉันกำลังพลิกกระเป๋าไปมาเพื่อชื่นชมความงามและความประณีตในการผลิตของว่าที่ลูกรักใบใหม่ หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นตา เดินเคียงคู่มากับสาวในชุดเดรสสีครีม และกำลังจะเดินเลี้ยวไปทางหัวมุมพอดิบพอดี
“ฝากก่อนนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ” ไวเท่าความคิด ฉันรีบบอกพี่พนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด พร้อมทั้งยัดกระเป๋าใบนั้นใส่มือเธอที่กำลังยืนมองฉันด้วยสีหน้างุนงง
เหมือน! เหมือนมาก ผู้ชายคนนั้น...เหมือนพี่แทนของฉันมากเลย แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? สมองกำลังตั้งคำถามกับตัวเอง ส่วนขาก็พยายามออกแรงวิ่งเพื่อจะก้าวตามไปให้ทัน แต่เพราะมัวจดจ่อกับคนตรงหน้ามากไปจนไม่ทันระวัง เหตุไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น
พลั่ก
ฉันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เดินก็มองทางบ้าง” คู่กรณีตำหนิเสียงนิ่ง
เอ้า ตานี่ ก็คนกำลังรีบ ๆ อยู่นี่ ฉันคิดในใจ ส่วนปาก...
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
แวบแรกยอมรับนะว่าเสียงเขาหล่อ ตัวก็หอม แต่ฉันไม่มีเวลามาเพ้อฝันหรือโต้เถียงอะไรกับใครทั้งนั้น ฉันกำลังรีบ!
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีฉันรีบอยู่ ขอโทษอีกทีนะคะ” ฉันรีบรวบเอกสารของเขาที่ร่วงหล่นจากการโดนชนลวก ๆ ก่อนจะยัดทั้งหมดใส่มือเขา โดยไม่ได้แหงนมองหน้าคู่กรณีแม้แต่น้อย ทำเพียงกล่าวขอโทษเขาอีกครั้งแล้ววิ่งจากมา
แต่...
ไม่ทัน คนคนนั้นหายไปแล้ว หายไปแบบไร้ร่องรอย
โธ่ เป็นเพราะตานั่นแท้ ๆ ทำให้ฉันอดรู้เลยว่าผู้ชายคนนั้น ใช่พี่แทนไทไหม แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเขาใช่แฟนของฉันหรือเปล่าน่ะ?
แต่เอ๊ะ ใช่สิ โทร. หาเขา! แต่ถ้าโทร. ไป พี่เขาจะสงสัยไหม ปกติถ้าเขาบอกว่าติดงาน ฉันไม่เคยโทร.ไปกวนเลย และก่อนหน้านี้เขาแชตมาบอกไว้แล้ว ว่าติดคุยงานจนถึงดึก แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนพี่เขามากเลยนะ
เอาไงดี โทร. ดีไหม หรือไม่โทร. ดี? ฉันเดินไปเดินมาพลางเคาะมือถือกับมืออีกข้างอย่างใช้ความคิด ไม่เคยคิดหนักขนาดนี้มาก่อน แต่ด้วยอะไรหลายอย่างในช่วงนี้ ก็ทำให้อดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ก็คนมันสงสัยนี่!
สุดท้ายฉันก็กดต่อสายหาพี่แทน
[ว่าไงครับน้องพริก] สัญญาณรอสายดังไม่นาน เขาก็รับเสียงอบอุ่นที่แสนคิดถึงตอบกลับมาทันที
“พี่แทนทำอะไรอยู่คะ” ฉันกลั้นใจถามออกไป พร้อมกับพยายามตั้งใจฟังเสียงปลายสาย ถ้าคนนั้นเป็นพี่แทนจริง มันต้องมีเสียงอะไรเล็ดลอดเข้ามาบ้างแหละ
[ทำงานไงครับ เตรียมแผนงานของเดือนหน้าอยู่น่ะ ตอนเย็นพี่บอกน้องพริกไปแล้วนี่ครับ]
เออนั่นสิ ไม่เนียนเลยฉัน
เอาใหม่ ๆ
“คะ...คือพริกจะโทร. มาถามว่าคุณลุงคุณป้านัดกี่โมงนะคะ พอดีพริกลืมน่ะค่ะ ช่วงนี้มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องเตรียมเอกสารรายงานตัว” ฉันไม่ได้โกหกนะ เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัวกับบริษัทที่ต้องเข้าฝึกงานแล้ว
[เที่ยงครับ ร้านอาหารนานาชาติใกล้ ๆ บริษัทที่น้องพริกไปรายงานตัวเลยครับ]
“อ๋อ จริงด้วย ลืมได้ไงนะ แหะ ๆ” หัวเราะกลบเกลื่อน
[น้องพริกมีอะไรอีกมั้ยครับ พอดีพี่ต้องรีบเคลียร์งาน เลขาพี่รอเอกสารอยู่น่ะ ไว้เดี๋ยวพี่กลับถึงบ้านแล้วจะโทร. หานะ คิดถึงนะครับ]
แล้วเขาก็วางสายไปทันที
ฉันยืนมองรูปรูปคู่ของเราบนหน้าจอ พลางถามตัวเองว่ามันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เขาจะโกหกกัน?
ความทรงจำในวันที่เราตกลงเป็นแฟนกัน กลับมาฉายชัดในความทรงจำฉันอีกครั้ง
วันนั้น...วันที่พี่แทนไทรับปริญญา เขาเดินฝ่าวงล้อม ฝ่าสายตาของผู้คนมากมายเข้ามาหา เพื่อคุกเข่าขอฉันเป็นแฟน
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ น้องพริก”
“คะ...คือ”
“ถ้าไม่ตอบ พี่จะคิดว่าตกลงนะครับ”
“น้องพริก...”
“...คะ”
“ว่าไงครับ”
“พะ...พริก” ตอนนั้นความมั่นใจที่มีมากล้น มันกลับมลายหายไปหมด
“มองหน้าพี่”
“ไม่ต้องสนใจใคร สนแค่พี่ คิดว่ามีแค่เราสองคน” ตอนพี่แทนพูดคำนั้น ฉันรู้สึกเหมือนต้องมนตร์ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมาเต้นระบำอยู่นอกอก
“ไม่ต้องปิด พี่อยากได้ยิน” เขากระซิบเบาข้างใบหู ก่อนพูดย้ำอีกครั้ง “เป็นแฟนกับพี่นะครับ”
น้ำเสียงที่หนักแน่น แววตาที่จริงจัง และการกระทำที่ตอกย้ำว่าเขาพร้อมเปิดเผย ไม่แคร์และไม่เสียดายผู้หญิงมากมายที่หมายปองเขาอยู่ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันยิ้มรับ...และตอบตกลง
เราคบหากันมาระยะหนึ่ง ช่วงเวลานั้นเขาทำให้ฉันมั่นใจมาโดยตลอด แล้วทำไมตอนนี้ ฉันถึงได้หวาดระแวงเขาล่ะ?
แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันเหมือนตอนเริ่มศึกษาดูใจ แต่นั่นเป็นเพราะภาระงานที่หนักอึ้งไม่ใช่เหรอพริกแกง?
ทุกคนต่างมีหน้าที่
ฉันนี่บ้าจริง ๆ ทำไมถึงได้มานั่งสงสัยแฟนตัวเองซะได้
ที่ผ่านมา เขาก็แสดงชัดเจนตลอดว่ารักฉันมากขนาดไหนพริกแกง เธอนี่มันฟุ้งซ่านจริง ๆ พักค่ะ! เลิกคิดได้แล้ว!
~ End Phikkaeng Part ~
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปฉันพาตัวเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะเรียบร้อยได้ พร้อมลากรองเท้าสีดำสูงสี่นิ้วคู่โปรด มาหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทสีทึบขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายสิบชั้นคำพูดมากมายที่อาจารย์พยายามสาธยายให้ฟังก่อนหน้านี้เท่าที่พอจะจำได้ผุดขึ้นมาในหัว ทูนิกซ์ เป็นบริษัทชั้นนำ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ท่านกำชับนักกำชับหนาว่าต้องทำตัวให้ดี อย่าทำให้มหา’ลัยและอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา ให้ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมาะสมกับการเป็นเด็กฝึกงานฉันถึงต้องไปรื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหากระโปรงตัวยาวที่เคยใส่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสมัยเรียนปีหนึ่งมาใส่“มารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใส พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คุณพี่หน้าคม อกตู้มตรงหน้า“น้องพัชริกา ฮาร์ตลีย์ใช่มั้ยคะ?”“ใช่ค่ะ” ยิ้มตอบเห็นฉันชื่อไทยสไตล์ขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วฉันมีแด๊ดดี้เป็นคนอังกฤษนะ และด้วยเหตุนี้แหละครอบครัวถึงไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศแทนการทำธุรกิจในประเทศไทยพี่พนักงานสาวหน้าคมยกหูโทรศัพท์ตรงเคาน์เตอร์กดต่อสายภายในหาใครบางคน พี่เขาพูดกับป
หลังยืนโบกมือยิ้มหวานส่งพี่แทนเสร็จ ฉันก็รีบยกกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อนถ้าได้กินยาเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยการขับรถกลับเองเด็ดขาด ฉะนั้นตอนนี้ต้องหาตัวช่วย และคนที่จะช่วยฉันได้ก็มีอยู่ไม่กี่คนควานหาโทรศัพท์เจอ ฉันรีบกดต่อสายหาเบอร์ที่บันทึกไว้ยามฉุกเฉินทันที เราทุกคนในกลุ่ม ล้วนจัดให้เบอร์ของเพื่อน ๆ เป็นเบอร์โทรฉุกเฉิน สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับ ไม่รอช้าฉันรีบกรอกเสียงออดอ้อนไปตามสายขอความช่วยเหลือ“ข้าว~ มารับฉันหน่อยสิ”[ข้าวหลับ] ทว่าแทนที่จะเป็นเสียงหวานตอบกลับมา กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุ ๆ เจือความหงุดหงิดแทน ทำให้ต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยกขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจออีกครั้งก็โทร. ถูกนี่นา แล้วทำไมถึงเป็นเสียงคนอื่น ปกติเวลานี้ข้าวฟ่างน่าจะยังอยู่ห้องตัวเองไม่ออกไปไหนนี่?“นั่นใครน่ะ” ฉันถามเสียงแข็งกลับไป[อะไร? เพ้อหนักแล้วนะเธอน่ะ ฉันแผ่นดินไง ผัวยัยข้าว เพื่อนสนิทที่หล่อที่สุดของเธอตั้งแต่ม.สี่ อย่าบอกนะว่าลืม ฉันกับยัยข้าวมาหัวหิน เธอลืมหรือไง ทำไมต้องตกใจ?] อ่า จริงด้วย ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคู่รักพากันไปสวีตที่หัวหินน่ะแต่ว่านะ คำ
รถสีเขียวคันเล็กวิ่งไปบนถนนสายหลักอย่างไม่เร่งรีบ ร่างสูงแอบชำเลืองมองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มตลอดการเดินทางเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเธอในมุมนี้อย่างใกล้ชิด ปกติถ้าไม่ได้มองจากระยะไกลก็เห็นกันผ่านรูปถ่ายเท่านั้นยอมรับว่าตอนเธอหลับโคตรน่ารักน่าทะนุถนอม แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงแอบมองเธอเงียบ ๆ ในที่ของตัวเอง ยังไม่มีสิทธิ์ทำอะไรไปมากกว่านั้นแม้หลายครั้งนึกอยากบอกบางสิ่งให้เธอรู้ แต่ด้วยนิสัยของเธอเท่าที่รู้มา การให้เธอรู้เองน่าจะดีที่สุด“พี่แทน” ปากเล็กพึมพำเสียงเบา แต่กลับได้ยินมันชัดเจน เขาชะงักไปเล็กน้อย มือใหญ่เผลอกำพวงมาลัยแน่นตอนได้ยินคำนั้นไม่ว่าจะหลับหรือตื่น หัวใจเธอก็มีแต่ผู้ชายคนนั้น ทั้งที่มันไม่สมควรได้รับมันแม้แต่เศษเสี้ยวด้วยซ้ำ!ยูนิกซ์ตัดสินใจตบไฟเลี้ยว หักพวงมาลัยเข้าจอดเทียบข้างทาง เขาค่อย ๆ จับหัวคนตัวเล็กที่เอนลงมาซบไหล่ตอนละเมอให้กลับไปพิงเบาะเหมือนเดิม ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและปิดให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมยาแก้แพ้ทั้งชนิดกินและชนิดทาหลายยี่ห้อ เพราะไม่รู้ลึกถึงขนาดว่าเธอใช้ยายี่ห้อไหนบ่อยที่สุด เท่าที่รู้มา เธอระมัดระวังตัวเป็นอย่างดีมาตลอ
ฉันเดินมาหยุดหน้าประตู เตรียมสแกนลายนิ้วมือเข้าห้อง แต่จำต้องหยุดชะงักเพราะหางตาดันเหลือบไปเห็นแขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่ไม่ไกล“นี่ห้องฉัน ห้องนายอยู่ทางไหน ช่วยเดินไปทางนั้นด้วย” ไหนว่าห้องอยู่ชั้นนี้ แล้วจะมายืนบื้อหน้าห้องคนอื่นทำไม“หิวน้ำ” เขากลับตอบหน้าตาย“ก็กลับไปกินห้องนายสิยะ”“ฉันช่วยเธอไว้นะ”“เดี๋ยวนะ นี่ทวงบุญคุณ?”“เปล่า แค่หิวน้ำ แค่นี้เธอหวง? สวยแต่ใจดำ?” ควรบอกอย่างไรว่าฉันไม่ได้ใจดำ แต่แค่น้ำอะ น้ำ! เดินกลับไปกินที่ห้องตัวเองก็ได้หรือเปล่า“คุณฟังฉันนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปลี่ยนสรรพนามให้เป็นทางการมากขึ้น มองหน้าเขาอย่างจริงจัง บอกให้เขารู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อจากนี้ค่อนข้างซีเรียสและได้ผล...เขาฟัง“เท่าที่ดู คุณก็รู้ฉันคือใคร เหมือนจะรู้จักกันด้วย? แต่ฉันอยากเตือนคุณให้อยู่ห่างจากฉันไว้จะดีกว่า เพราะคนที่จะเป็นข่าวกับฉันคนต่อไปอาจเป็นคุณนะ มันไม่ดีกับคุณหรอก และก็ไม่ดีกับฉันด้วย”“...”“คุณอาจต้องมีปัญหากับผู้หญิงของคุณ ส่วนฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องทะเลาะกัน โอเค?” ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่ชื่อฟ้าเป็นอะไรกับเขา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องเก็บมาใส่ใ
- วันต่อมา -Rrrr~เสียงเรียกเข้าจากไลน์ดังระงม ขัดความสุขของคนกำลังนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอารมณ์ เสียงฮัมเพลงอย่างสบายใจสะดุดไปชั่วครู่ ดวงตากลมโตกลอกขึ้นลง เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครมีไม่กี่คนหรอกที่ชอบแหกขี้ตาโทร. มาตั้งแต่เช้าแบบนี้ฉันยันร่างลุกขึ้น เดินออกมาฝั่งโซนแห้ง หยิบผ้ามาเช็ดตัวลวก ๆ คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมกาย รีบเดินออกมาหยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้กลางโซฟามันดังแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะออกมารับ กะว่าอาบน้ำเสร็จจะโทร. กลับ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงได้พากันกระหน่ำโทร. หาฉันไม่หยุดขนาดนี้สุดท้ายก็ต้องกดเข้าร่วมการวิดีโอคอลกลุ่ม ทันทีที่หน้าจอเปลี่ยนไป ภาพใบหน้าของเพื่อนทั้งสามก็ปรากฏขึ้น น้ำหนาวอยู่คนเดียว ส่วนแผ่นดินกับข้าวฟ่างโผล่หน้ามาอยู่ในจอเดียวกัน[กรี๊ดดดด ยัยพริก บอกพวกเรามาเลยนะ เธอลากหนุ่มหล่อที่ไหนไปกินบนคอนโดฯ ยะ] ยังไม่ทันได้พูดทักทายอะไรสักคำ ก็ต้องรีบยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหู ยัยข้าวฟ่างหลุดกรี๊ดออกมาสุดเสียง ทำเอาหูแทบอื้อ แถมยังพูดเรื่องเพ้อเจ้อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกต่างหากแค่ข้าวฟ่างเปิดประเด็นมาแบบนี้ ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไรที่ท
แกร๊ก“เข้ามา” ฉันยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าไม่มีใครเห็นแล้วแอบถ่ายพวกเราอีก พอแน่ใจว่าปลอดภัย ก็รีบคว้าแขนกระชากคนตัวสูงเข้ามาข้างใน จัดการดึงประตูปิดเสียงดังปึงปัง พร้อมลงกลอนประตูอีกชั้นเสร็จสรรพ“ตัวจริงเธอดูติดดินกว่าที่คิดนะ” เขาเหมือนคนละเมอเลย จู่ ๆ ก็พูดประโยคน่าระคายหูด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขึ้นมา ไม่พอยังกวาดสายตาสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกเสียมารยาทมาก!ฉันดูออก ในใจเขาคงกำลังแอบหัวเราะเยาะกับสภาพฉันตอนนี้แน่ หน้ามึน ๆ นั่นหลอกฉันไม่ได้หรอก รู้ทันแล้วย่ะ“จะคุยเรื่องอะไรก็รีบพูดม-”Rrrr~ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์ของฉันดันขัดขึ้นมาอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ! ดังมันทั้งวัน ปิดเครื่องซะเลยดีไหมนะแต่ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้ฉันหยุดบ่นในใจ แล้วเปลี่ยนเป็นอมยิ้มก่อนรีบกดรับฉันเหลือบมองแขกไม่ได้รับเชิญ ตานั่นนั่งเปิดทีวีดูเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจฉันที่เดินเลี่ยงออกมาแม้แต่น้อยสบายจริง ๆ พ่อคุณ! ทำอย่างกับเป็นห้องตัวเองเลยนะฉันเลิกสนใจเขา หันมาใส่ใจกับคนปลายสายแทน“ค่ะ พี่แทน”“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่....” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดแบบเดียวกับที่เล่าให้เพื
ร่างบางนอนทอดกายยาวบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น นิ้วเรียวจับกระดาษบนมือพลิกทีละแผ่นอย่างเชื่องช้า สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษรไม่ให้มีตกหล่น ปากอิ่มอมยิ้มแก้มปริ เมื่อได้มองภาพในอดีตเมื่อสิบกว่าปีก่อนเธอไม่เคยลืมเรื่องในวันนั้น หากวันไหนว่าง เธอยังหยิบมันขึ้นมาอ่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ความรู้สึกที่ถูกบันทึกผ่านตัวหนังสือในไดอารีสุดรักสุดหวง ยังคงชัดเจนในความทรงจำไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนก็ตามเธออยากเจอเขาอีกครั้ง...Rrrr~เสียงมือถือที่วางอยู่ไม่ไกลดังขัดจังหวะขึ้น พริกแกงละสายตาจากสมุดบันทึก เหลือบมองชื่อบนหน้าจอ“แผ่นดิน?” ความสงสัยพาคิ้วเรียวย่นแทบชนกัน วันนี้เพื่อนชายคนสนิทมาแปลก ปกติจะไม่ค่อยโทร. หากันเลยตั้งแต่มีแฟน นั่นทำให้เธอรีบกดรับสายทันที“มีอะไรจ๊ะคุณเพื่อน~” เสียงหวานลากยาวท้ายประโยคอย่างอารมณ์ดี อีกนัยหนึ่งก็กำลังแซวชายแท้ของกลุ่ม ที่มักจะคุยกับเธอในไลน์กลุ่มมากกว่าเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวแต่ก็เข้าใจได้ แผ่นดินมีแฟน ถึงแม้แฟนของเขาจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ตาม แต่อีกฝ่ายคงไม่อยากทำให้ข้าวฟ่างไม่สบายใจ[วันนี้เธอว่างมั้ย?]“หา? ทำไม มีอะไร” น้ำเสียงตึง
“ไม่ได้ขึ้นไปส่งนะ รีบว่ะ”“ไม่เป็นไร รีบไปเหอะ เดี๋ยวคุณลุงรอนาน”“ฝากด้วย จะพยายามรีบกลับ”“ย่ะ ขับรถดี ๆ” แผ่นดินขับรถมาส่งเพื่อนสาวลงหน้าคอนโดฯ ข้าวฟ่างเรียบร้อย เขาขับรถออกไปอย่างรีบร้อนครอบครัวของเขาทำธุรกิจขนส่งภายในประเทศ จึงไม่แปลกที่จะโดนเรียกตัวไปประชุมอยู่บ่อย ๆ ในฐานะลูกชายที่ต้องเข้าไปรับช่วงต่อจากคนเป็นพ่อ ในอนาคตอันใกล้คนตัวเล็กเดินหอบหิ้วข้าวของที่แวะซื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ด้วยความทุลักทุเล ทั้งเธอและข้าวฟ่างตัวนิดเดียว ไม่รู้เพื่อนชายจะซื้อของกินมาทำไมนักหนา ทั้งอาหาร น้ำ ขนม และผลไม้ เยอะจนสองมือเล็กถือเกือบไม่หมด“รอด้วยค่ะ” ส่งเสียงบอกคนในลิฟต์ เมื่อเห็นว่าประตูใกล้จะปิดลง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินถึงแล้ว “ชั้น 15 ค่ะ ขอบคุณนะคะ^^” เอ่ยขอบคุณคนที่กดเปิดประตูรอ แล้วเดินเข้าไปชิดด้านใน เพราะคนอื่นกดชั้นที่ถึงก่อนเธอลิฟต์ตัวเล็กเคลื่อนตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเปิดอีกครั้งบนชั้น 14 หญิงสาวทั้งสองเดินออกไป ทั้งลิฟต์จึงเหลือแค่พริกแกงคนเดียว เธอจึงขยับมายืนใกล้ทางออกมากขึ้น วางของในมือข้างหนึ่งลง เพื่อจะได้กดปุ่มปิดได้ถนัด แล้วก้มตัวลงหยิบของขึ้นมาถือเหมือนเดิม
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล
- สองเดือนต่อมา -พิธีมงคลสมรสระหว่างสองตระกูลนักธุรกิจดังถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เทียร์ร่าแกรนด์สาขาย่อยถูกเหมาพื้นที่ทั้งโรงแรม เพื่อเฉลิมฉลองวันมงคลของน้องชายเพียงคนเดียวของท่านประธานพัชริกา ฮาร์ตลีย์ (พริกแกง) ❤ ยูนิกซ์ เรเลอร์ตัน (ยู)ทั่วทั้งงานเนืองแน่นไปด้วยสักขีพยานรักจากคนชั้นสูง ถือเป็นงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปถ่ายสุดหวานของคู่บ่าวสาวประดับประดาอยู่ทั่วทั้งห้องบอลรูมมิหนำซ้ำไดอารีทุกเล่มที่พริกแกงจดบันทึก ยังถูกนำมาจัดแสดงเรียงรายตลอดทางเดินเข้างาน ยาวไปจนถึงเวทีกลางซึ่งถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลายชนิดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายไม่ว่าจะเป็น…ดอกยิปโซสื่อถึงรักแรกพบที่ทั้งสองมีให้กันตั้งแต่สิบสองปีก่อนดอกเยอบีราเปี่ยมไปด้วยความสดใสร่าเริง แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งเหมือนเจ้าสาวอย่างพริกแกง หรืออีกนัยหนึ่ง เธอคือแสงอาทิตย์แห่งชีวิตของฉัน เหมือนที่ยูนิกซ์ที่ยึดเอาพริกแกงเป็นสิ่งเหนี่ยวนำให้เขากลับมารักตัวเองอีกครั้งดอกกุหลาบขาวคือความรักบริสุทธิ์ที่ทั้งสองมอบให้กันเป็นนิจนิรันดร์ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตดอกไม้ในวันแห่งความรักที่มีความหมายว่า โปรดอย่าลืมฉัน เหมือน
คนติดงานที่ฉันเฝ้ารอ กำลังเดินฝ่าวงล้อมสาวสวยที่ส่งสายตาแพรวพราวพร้อมขย้ำเหยื่อมาให้ ไม่รู้เขาตอบอะไร พวกหล่อนถึงมองมาทางฉันด้วยสีหน้าหงอย ๆ พลันล่าถอยออกไป“เงียบปากไปเลย” กระแทกเท้าหมายจะเหยียบรองเท้าหนังมันวาวของบัณฑิตชาย แต่คนเยอะสิ่งอย่างแผ่นดินกลับหลบทัน“ไวกว่าชนะ” ฉันเลิกต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิท แล้วหันมาฉีกยิ้มให้แฟนสุดหล่อ ปกติก็หล่อมากอยู่แล้ว แต่วันนี้พอได้แต่งตัวจัดเต็มด้วยชุดที่ฉันเลือกให้ ก็ยิ่งหล่อขึ้นเป็นสิบเท่า“ยินดีด้วยครับที่รัก”“ขอบคุณนะคะ” ฉันคว้าช่อกุหลาบขาวขนาดใหญ่ ที่แซมด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองสดจำนวนสามดอกไว้ตรงกลางเข้ามากอดแนบอกอย่างแสนรักแฟนฉันน่ะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก ขัดกับใบหน้านิ่ง ๆ ที่ชอบแสดงให้คนอื่นเห็น เขาชอบสื่อความนัยผ่านดอกไม้ เหมือนกับรอยสักรูปดอกเดซีของเขา จึงพลอยทำให้ฉันไปหาความรู้มาบ้างอย่างดอกไม้ช่อนี้ กุหลาบขาว หมายถึงความรักบริสุทธิ์และสง่างาม ทั้งยังหมายถึงรักนิรันดร์ได้อีกด้วย ส่วนดอกทานตะวันหมายถึงความซื่อสัตย์ ความรักมั่นคง และ...การรักเดียวใจเดียวฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมดอกกุหลาบต้องมีสิบสองดอก และทานตะวันสามดอกนี้ มันอาจจะมีหรือไ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” พริกแกงถามขึ้นหลังวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ขณะลอบสังเกตแฟนตัวสูงที่ทำหน้าหดหู่ไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน“เฮียเซ็ง”“เซ็งเรื่องอะไรคะ”“วันนี้หนูมาฝึกงานวันสุดท้ายแล้ว”“จริงด้วย...”“นั่นแหละที่เฮียเซ็ง” อยู่ด้วยกันทุกวัน มาทำงานพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน กินข้าวหรือทำอะไรก็มักทำด้วยกันเสมอ แต่วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้มีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยกัน อดนึกเซ็งไม่ได้ ความเคยชินกำลังทำร้ายใจของเขายอมรับว่าติดแฟนเด็กมาก การมีเธออยู่ใกล้ ๆ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา อยากยิ้มอยากหัวเราะ และมีแรงจะสู้กับทุกอย่างไม่ว่าจะเจอกับปัญหาหนักหน่วงแค่ไหน“อย่างอแงสิคะ ถึงหนูจะไม่ได้มาทำงานด้วย แต่เรายังอยู่ด้วยกันทุกวันนะ”“แต่นอนคนละห้อง” ท่ากอดอกเหมือนเด็กขี้งอนทำให้ปากอิ่มส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ยื่นนิ้วเขี่ยแก้มคนหน้าบึ้งเล่นเบา ๆ“แก่แล้วนะ ทำงอนเป็นเด็ก ๆ ไปได้”“คำก็แก่สองคำก็แก่ ห่างกันแค่หกปีเอง”“ตั้งหกปี”“ที่รัก...”“ล้อเล่นค่ะที่รัก มา ๆ กอดกัน ๆ วันนี้อยากกินอะไรคะ? เดี๋ยวหนูเลี้ยงเอง ส่งท้ายการทำงานวันสุดท้าย เดี๋ยวสั่งพิซซ่ามาให้พี่ ๆ ในออฟฟิศด้วยดีกว่าเนอะ”“เลี้ยงเ