ฉันเดินมาหยุดหน้าประตู เตรียมสแกนลายนิ้วมือเข้าห้อง แต่จำต้องหยุดชะงักเพราะหางตาดันเหลือบไปเห็นแขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่ไม่ไกล
“นี่ห้องฉัน ห้องนายอยู่ทางไหน ช่วยเดินไปทางนั้นด้วย” ไหนว่าห้องอยู่ชั้นนี้ แล้วจะมายืนบื้อหน้าห้องคนอื่นทำไม
“หิวน้ำ” เขากลับตอบหน้าตาย
“ก็กลับไปกินห้องนายสิยะ”
“ฉันช่วยเธอไว้นะ”
“เดี๋ยวนะ นี่ทวงบุญคุณ?”
“เปล่า แค่หิวน้ำ แค่นี้เธอหวง? สวยแต่ใจดำ?” ควรบอกอย่างไรว่าฉันไม่ได้ใจดำ แต่แค่น้ำอะ น้ำ! เดินกลับไปกินที่ห้องตัวเองก็ได้หรือเปล่า
“คุณฟังฉันนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปลี่ยนสรรพนามให้เป็นทางการมากขึ้น มองหน้าเขาอย่างจริงจัง บอกให้เขารู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อจากนี้ค่อนข้างซีเรียส
และได้ผล...เขาฟัง
“เท่าที่ดู คุณก็รู้ฉันคือใคร เหมือนจะรู้จักกันด้วย? แต่ฉันอยากเตือนคุณให้อยู่ห่างจากฉันไว้จะดีกว่า เพราะคนที่จะเป็นข่าวกับฉันคนต่อไปอาจเป็นคุณนะ มันไม่ดีกับคุณหรอก และก็ไม่ดีกับฉันด้วย”
“...”
“คุณอาจต้องมีปัญหากับผู้หญิงของคุณ ส่วนฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องทะเลาะกัน โอเค?” ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่ชื่อฟ้าเป็นอะไรกับเขา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องเก็บมาใส่ใจ ฉันแค่ไม่อยากสร้างประเด็นเพิ่มอีก เรื่องในผับวันนั้นก็น่าปวดหัวพอแล้ว
ติ๊ด
พูดยาวเหยียด แต่เหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะในจังหวะที่ฉันกำลังตั้งหน้าตั้งตาพูด เขากลับถือวิสาสะคว้าข้อมือฉันเอานิ้วไปแตะลงบนแผง Digital Door Lock ด้วยความรวดเร็ว นั่นทำฉันควันแทบออกหู
ปากไม่ดีแล้วมารยาทยังไม่มีอีก!
“นี่! ฟังภาษาไทยรู้เรื่องมั้ยคุณ” ฉันก่นด่า พลางมองเขาตาเขียว ต้องพูดอย่างไรนะ คนมึนแบบเขาถึงจะเข้าใจ
“ฟัง แต่จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่มีแฟน และฉันก็ไม่กลัวที่จะเป็นข่าวกับเธอด้วย” พูดจบเขาก็ผลักประตูเตรียมจะเข้าไปด้านใน ฉันรีบเอาตัวไปขวางไว้ทันที
คุกคามกันเกินไปแล้ว!
อีกอย่างถึงจะยอมให้เขาขับรถมาส่งถึงที่ แต่ใครจะยอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาลอยหน้าลอยตาในห้องตัวเองล่ะ!?
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” เมื่อวัดขนาดตัวจากสายตาแล้ว อย่างไรฉันก็ตกเป็นรอง ฉะนั้นต้องหาอะไรคุยถ่วงเวลาไปก่อน
“แค่คนรู้จัก เลิกถามนั่นถามนี่สักที ขอน้ำกินหน่อย” อีตานี่ จะกินให้ได้เลยใช่ไหมน้ำเนี่ย ได้!
“งั้นรอตรงนี้ เดี๋ยวไปหยิบให้”
“อย่ามาเนียน” เขาว่าเสียงเรียบ เอามือจับประตูไว้ไม่ให้ฉันปิดได้ รู้ทันอีกว่าถ้าฉันเข้าไปแล้วจะไม่ออกมา แสนรู้จริง ๆ
“เฮ้อ คุณขอร้องละ ฉันเหนื่อย” รู้ว่าพูดไปก็ไม่เข้าหัวเขาหรอก แต่อยากพูดเผื่อไว้ เผื่อว่าต่อมสำนึกของเขาจะเพิ่งทำงาน บอกตามตรง เรียนมาทั้งวันยังไม่เหนื่อยเท่าอยู่กับหมอนี่ห้านาทีเลย
“ถ้าเธอไม่อยากเป็นข่าว ฉันว่าเธอให้ฉันเข้าไปจะดีกว่ามายืนอยู่ตรงนี้นะ” ฉันขมวดคิ้วงุนงง แต่ยอมมองตามสายตาเขาไป เห็นเพื่อนร่วมคลาสคนหนึ่งกำลังจะยกมือถือขึ้นมาถ่าย แต่พอรู้ว่าฉันเห็นเธอคนนั้นก็ยิ้มแห้ง แล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป
“รีบกินแล้วรีบออกไป”
สุดท้ายอีตาหน้ามึนคนนี้ก็ได้เข้ามานั่งในห้องฉัน
ส่วนฉันกำลังรับบทแม่บ้าน เดินไปหยิบน้ำมายื่นให้คนที่นั่งสบายอารมณ์อยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก เขารับขวดน้ำไปเปิด ยกขึ้นกระดกรวดเดียวเกือบหมดขวด
ทำไมไม่สำลักนะ จะสมน้ำหน้าให้!
“พอใจแล้วก็ออกไป” ไม่รู้ว่าหมอนี่ไปตายอดตายอยากมาจากไหน เสื้อผ้าที่ใส่ก็แพง ไม่น่าหิวโหยขนาดนั้นนะ
“ก็หิว”
“หิวก็ไปหาอะไรกิน ไม่ใช่มาตามกัน” อะไรของตานี่อีก
“ทำให้กินหน่อย”
“ทำไม่เป็น” ทอดไข่เจียวยังไหม้ อย่างอื่นคงไม่ต้องพูดถึง
“ฉันทำเองก็ได้”
“ที่นี่ไม่มีวัตถุดิบ” ฉันตอบเสียงแข็ง แม้ใจจะอยากไล่เขากลับ แต่ฉันไม่ได้โกหก ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำกับนมที่ไม่รู้หมดอายุไปหรือยัง
“ขอไปดูหน่อย” แต่แทนที่ไอ้บ้านั่นจะกลับห้อง เขากลับดันตัวลุกขึ้น มิหนำซ้ำยังจับตัวฉันที่ยืนขวางอยู่ให้หลบทาง แล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในโซนครัว
ตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของห้อง เพราะตอนนี้ยูนิกซ์กำลังเดินไปเปิดตู้เย็นหน้าตาเฉย
“วัน ๆ ไม่กินข้าวเลยเหรอ ทำไมปล่อยให้ตู้เย็นโล่งแบบนี้” เขาถือวิสาสะเปิดตู้เย็นบ้านคนอื่นไม่พอ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบผู้ชายนิสัยแบบนี้เลย
ไม่ใกล้เคียงสเปกฉันสักนิด!
“มารยาทน่ะมีมั้ย? รู้จักกันแค่วันเดียว มาทำแบบนี้ได้ไง” คนไร้มารยาทไม่ตอบ แต่กลับเดินไปทั่วห้องนั่งเล่นและห้องครัวของฉัน ลืมมารยาทไว้ที่บ้านเกิดเหรออยากจะถาม
“เหรอ? อาจจะมากกว่านั้นก็ได้นะ” เขาตอบหน้าตาย แล้วเดินกลับมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิม
“อย่ามาตลก” จะมากกว่านั้นได้อย่างไร คนนิสัยแบบนี้ถ้าเคยเจอกันมาก่อน แน่นอนว่าฉันลืมไม่ลงหรอก
“เธอเหมือนปลาทองเลย” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าคนกวนประสาทอย่างงุนงง “ความจำสั้น” ส่วนนายน่ะไร้มารยาท ไอ้บ้านี่!
คำเหน็บแนมจากเขาทำเอาฉันเจ็บใจพอควร แต่ตอนนี้สงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดเหมือนเราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้
หรือมีเหตุการณ์ไหนในชีวิตที่ฉันหลงลืมไป?
ฉันพยายามเค้นสมองนึกย้อนเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา จะว่าไปน้ำเสียงกับกลิ่นน้ำหอมนี้ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนเมื่อไม่นานมานี้ แต่คิดไม่ออกแฮะ
หรือเป็นเพราะตานี่ว่าฉันบ่อยจนฉันโง่ตามเขาพูดแล้วมั้ง!?
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีฉันรีบอยู่ ขอโทษอีกทีนะคะ” ไม่รู้ว่าจู่ ๆ ทำไมเขาถึงโรลเพลย์บทนี้ขึ้นมา แต่ประโยคนี้มันคุ้น ๆ อยู่นะ ฉันพยายามนึก ก่อนจะถึงบางอ้อ จนเผลอทำตาโต เมื่อนึกออก แล้วยกนิ้วชี้หน้าเขาอย่างลืมตัว
“นะ...นายคือคนที่ฉันชนวันนั้นเหรอ?” เป็นไปได้อย่างไร คนที่ฉันชนวันนั้นกับคนที่เสนอหน้ามาช่วยฉัน โดยไม่ได้ร้องขอในวันนี้ ดันเป็นคนคนเดียวกันซะได้
แล้วเขาไปโผล่ที่บริษัทนั้นได้ไง? แต่ดูจากหนังหน้าแล้ว อายุก็น่าจะพอ ๆ กันกับฉัน หรือไม่ก็มากกว่านิดหน่อย
เขาไปฝึกงานเหมือนกันเหรอ? หรือที่จริงเขาแอบตามฉันไปกันนะ โอ๊ย สับสนอะ รู้อย่างเดียวเลยว่าหมอนี่น่ะแปลกคน
ความสงสัยทำให้คำถามผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด และคนเดียวที่จะตอบได้ ก็คือคนหน้ามึนตรงหน้า!
“แล้วนายไปทำอะไรที่ทูนิกซ์”
“ทำงาน” ยูนิกซ์ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ แขนทั้งสองยกพาดโซฟาอย่างสบายอารมณ์
สบายจริง ๆ นะพ่อคุณ!
“อย่ามาโกหก คนไปทำงานที่ไหนเขาใส่เสื้อยืดกางเกงยีน” ฉันหรี่ตามองอย่างจับผิด ทูนิกซ์เป็นบริษัทชั้นนำ ไม่ใช่เอเจนซีอิสระ คงไม่ปล่อยพนักงานแบบนี้เข้าไปทำงานหรอก
“ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้ขนาดนั้น เดี๋ยวเข้าไปเธอจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
“เอ๊ะ ก็ฉันอยากรู้วันนี้!”
“วันนี้ไม่ให้รู้ ไปแล้วนะ ฉันต้องไปที่อื่นต่อ” เขาโพล่งขึ้นหลังยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“ขอบคุณที่เลี้ยงน้ำนะ ไว้จะมารบกวนใหม่”
หมอนี่เขายิ้มไม่เป็นเหรอ ประโยคขอบคุณอะไรจืดชืดชะมัดยาด แล้วปกติขอบคุณคนอื่นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ แบบนี้เหรอ?
“เฮ้ย นายเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป! กลับมาคุยกันก่อน”
ปึง
ไปแล้ว...
บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป นี่เขาเห็นห้องฉันเป็นอะไร พอพูดด้วยก็ดันไม่ฟังเสียงรั้งของกันแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นเปิดประตูห้อง เดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจฉันที่ยังค้างคา
แถมประโยคทิ้งท้ายนั่นมันอะไร เขาจะมาอีกเหรอ?
ตาบ้านี่ถามความสมัครใจของฉันหรือยัง!
- วันต่อมา -Rrrr~เสียงเรียกเข้าจากไลน์ดังระงม ขัดความสุขของคนกำลังนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอารมณ์ เสียงฮัมเพลงอย่างสบายใจสะดุดไปชั่วครู่ ดวงตากลมโตกลอกขึ้นลง เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครมีไม่กี่คนหรอกที่ชอบแหกขี้ตาโทร. มาตั้งแต่เช้าแบบนี้ฉันยันร่างลุกขึ้น เดินออกมาฝั่งโซนแห้ง หยิบผ้ามาเช็ดตัวลวก ๆ คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมกาย รีบเดินออกมาหยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้กลางโซฟามันดังแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะออกมารับ กะว่าอาบน้ำเสร็จจะโทร. กลับ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงได้พากันกระหน่ำโทร. หาฉันไม่หยุดขนาดนี้สุดท้ายก็ต้องกดเข้าร่วมการวิดีโอคอลกลุ่ม ทันทีที่หน้าจอเปลี่ยนไป ภาพใบหน้าของเพื่อนทั้งสามก็ปรากฏขึ้น น้ำหนาวอยู่คนเดียว ส่วนแผ่นดินกับข้าวฟ่างโผล่หน้ามาอยู่ในจอเดียวกัน[กรี๊ดดดด ยัยพริก บอกพวกเรามาเลยนะ เธอลากหนุ่มหล่อที่ไหนไปกินบนคอนโดฯ ยะ] ยังไม่ทันได้พูดทักทายอะไรสักคำ ก็ต้องรีบยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหู ยัยข้าวฟ่างหลุดกรี๊ดออกมาสุดเสียง ทำเอาหูแทบอื้อ แถมยังพูดเรื่องเพ้อเจ้อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกต่างหากแค่ข้าวฟ่างเปิดประเด็นมาแบบนี้ ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไรที่ท
แกร๊ก“เข้ามา” ฉันยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าไม่มีใครเห็นแล้วแอบถ่ายพวกเราอีก พอแน่ใจว่าปลอดภัย ก็รีบคว้าแขนกระชากคนตัวสูงเข้ามาข้างใน จัดการดึงประตูปิดเสียงดังปึงปัง พร้อมลงกลอนประตูอีกชั้นเสร็จสรรพ“ตัวจริงเธอดูติดดินกว่าที่คิดนะ” เขาเหมือนคนละเมอเลย จู่ ๆ ก็พูดประโยคน่าระคายหูด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขึ้นมา ไม่พอยังกวาดสายตาสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกเสียมารยาทมาก!ฉันดูออก ในใจเขาคงกำลังแอบหัวเราะเยาะกับสภาพฉันตอนนี้แน่ หน้ามึน ๆ นั่นหลอกฉันไม่ได้หรอก รู้ทันแล้วย่ะ“จะคุยเรื่องอะไรก็รีบพูดม-”Rrrr~ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์ของฉันดันขัดขึ้นมาอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ! ดังมันทั้งวัน ปิดเครื่องซะเลยดีไหมนะแต่ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้ฉันหยุดบ่นในใจ แล้วเปลี่ยนเป็นอมยิ้มก่อนรีบกดรับฉันเหลือบมองแขกไม่ได้รับเชิญ ตานั่นนั่งเปิดทีวีดูเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจฉันที่เดินเลี่ยงออกมาแม้แต่น้อยสบายจริง ๆ พ่อคุณ! ทำอย่างกับเป็นห้องตัวเองเลยนะฉันเลิกสนใจเขา หันมาใส่ใจกับคนปลายสายแทน“ค่ะ พี่แทน”“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่....” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดแบบเดียวกับที่เล่าให้เพื
ร่างบางนอนทอดกายยาวบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น นิ้วเรียวจับกระดาษบนมือพลิกทีละแผ่นอย่างเชื่องช้า สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษรไม่ให้มีตกหล่น ปากอิ่มอมยิ้มแก้มปริ เมื่อได้มองภาพในอดีตเมื่อสิบกว่าปีก่อนเธอไม่เคยลืมเรื่องในวันนั้น หากวันไหนว่าง เธอยังหยิบมันขึ้นมาอ่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ความรู้สึกที่ถูกบันทึกผ่านตัวหนังสือในไดอารีสุดรักสุดหวง ยังคงชัดเจนในความทรงจำไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนก็ตามเธออยากเจอเขาอีกครั้ง...Rrrr~เสียงมือถือที่วางอยู่ไม่ไกลดังขัดจังหวะขึ้น พริกแกงละสายตาจากสมุดบันทึก เหลือบมองชื่อบนหน้าจอ“แผ่นดิน?” ความสงสัยพาคิ้วเรียวย่นแทบชนกัน วันนี้เพื่อนชายคนสนิทมาแปลก ปกติจะไม่ค่อยโทร. หากันเลยตั้งแต่มีแฟน นั่นทำให้เธอรีบกดรับสายทันที“มีอะไรจ๊ะคุณเพื่อน~” เสียงหวานลากยาวท้ายประโยคอย่างอารมณ์ดี อีกนัยหนึ่งก็กำลังแซวชายแท้ของกลุ่ม ที่มักจะคุยกับเธอในไลน์กลุ่มมากกว่าเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวแต่ก็เข้าใจได้ แผ่นดินมีแฟน ถึงแม้แฟนของเขาจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ตาม แต่อีกฝ่ายคงไม่อยากทำให้ข้าวฟ่างไม่สบายใจ[วันนี้เธอว่างมั้ย?]“หา? ทำไม มีอะไร” น้ำเสียงตึง
“ไม่ได้ขึ้นไปส่งนะ รีบว่ะ”“ไม่เป็นไร รีบไปเหอะ เดี๋ยวคุณลุงรอนาน”“ฝากด้วย จะพยายามรีบกลับ”“ย่ะ ขับรถดี ๆ” แผ่นดินขับรถมาส่งเพื่อนสาวลงหน้าคอนโดฯ ข้าวฟ่างเรียบร้อย เขาขับรถออกไปอย่างรีบร้อนครอบครัวของเขาทำธุรกิจขนส่งภายในประเทศ จึงไม่แปลกที่จะโดนเรียกตัวไปประชุมอยู่บ่อย ๆ ในฐานะลูกชายที่ต้องเข้าไปรับช่วงต่อจากคนเป็นพ่อ ในอนาคตอันใกล้คนตัวเล็กเดินหอบหิ้วข้าวของที่แวะซื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ด้วยความทุลักทุเล ทั้งเธอและข้าวฟ่างตัวนิดเดียว ไม่รู้เพื่อนชายจะซื้อของกินมาทำไมนักหนา ทั้งอาหาร น้ำ ขนม และผลไม้ เยอะจนสองมือเล็กถือเกือบไม่หมด“รอด้วยค่ะ” ส่งเสียงบอกคนในลิฟต์ เมื่อเห็นว่าประตูใกล้จะปิดลง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินถึงแล้ว “ชั้น 15 ค่ะ ขอบคุณนะคะ^^” เอ่ยขอบคุณคนที่กดเปิดประตูรอ แล้วเดินเข้าไปชิดด้านใน เพราะคนอื่นกดชั้นที่ถึงก่อนเธอลิฟต์ตัวเล็กเคลื่อนตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเปิดอีกครั้งบนชั้น 14 หญิงสาวทั้งสองเดินออกไป ทั้งลิฟต์จึงเหลือแค่พริกแกงคนเดียว เธอจึงขยับมายืนใกล้ทางออกมากขึ้น วางของในมือข้างหนึ่งลง เพื่อจะได้กดปุ่มปิดได้ถนัด แล้วก้มตัวลงหยิบของขึ้นมาถือเหมือนเดิม
เท้าเล็กย่ำลงบนพื้นของชั้น 34 อย่างอ่อนแรง ตาคู่หวานฉ่ำน้ำนัยน์ตาสั่นไหว อกข้างซ้ายจุกหน่วงจนเริ่มรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ไม่ไหวเลยคำถามมากมายเกิดขึ้นภายในหัวที่ผ่านมาเราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอ? ไม่เคยทะเลาะกัน เข้าใจกันและกันเสมอ แล้วเขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนล่ะเปลี่ยนไปเพราะอะไร เป็นเพราะเธอ เป็นเพราะเขา หรือเป็นเพราะเรารักกันไม่มากพอ?“ไปไหนมา” เสียงเข้มจากบุคคลปริศนาทักขึ้น ทั้งที่เขายังหลับตากอดอกหันหลังพิงกำแพงเขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเธอ?ร่างบางหยุดชะงัก รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ด้วยไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ พริกแกงทำเป็นไม่สนใจคนคนนั้น แล้วแสร้งเดินเลยไปแตะนิ้วชี้ลงบนประตูเพื่อปลดล็อกตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเขา เธออยากอยู่เงียบ ๆ เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามในใจของตัวเองทว่ามีหรือที่เขาจะยอม ยูนิกซ์ใช้ความสูงและความไวที่เหนือกว่ายืนขวางทางไว้ ซ้ำยังยกแขนขึ้นขวางหน้าเธอ มืออีกข้างก็เชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา“ร้องไห้?”“อย่ามายุ่ง” ปัดมือใหญ่ทิ้ง“พี่ถามดี ๆ นะพริก”“แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหน!”“พริก...”
“อยากรับลมเย็น ๆ หน่อยมั้ย อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง ก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองบนตักเขาไม่ชอบเห็นเธอเศร้า ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ เธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า“จะพาออกไประเบียงเหรอ?” คนน้องถามเสียงขึ้นจมูก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลหลังได้ยินประโยคสั้น ๆ ทว่ากระแทกใจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนประโยคต่อมาจะทำให้ความรู้สึกดี ๆ เมื่อครู่มันหายวับไปกับตา“หรือจะบนเตียงดีล่ะ?”“คุกคามมาก! เลิกแกล้งกันสักทีได้มั้ย”“โอเค ๆ ไม่แกล้งละ ขอโทษ แต่จะพาไปข้างนอก ไม่ไกลหรอก แถว ๆ นี้แหละ”“บอกมาก่อนว่าที่ไหน ถ้าไม่บอกก็ไม่ไป”“ทำไมต้องทำเหมือนระแวง ไปห้องฉันนี่แหละ โอเคยัง?”“นั่นยิ่งน่ากลัว อีกอย่าง คนดี ๆ ที่ไหนจะถ่อสังขารไปห้องคนอื่นตอนดึก ๆ ดื่น ๆ น่ะ”“ฉันไง”“นายมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ฉันไม่นับ”“ไปเถอะน่า” เขาไม่สนใจว่าเธออยากพูดอะไรต่อ มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กลากออกมานอกห้อง กดลิฟต์ลงไปชั้น 1 จูงมือเดินอ้อมไปด้านหลังโซนจอดรถของลูกบ้าน VIP ทะลุออกมาอีกด้านจนเจอประตูเหล็กบานใหญ่ ซึ่งต้องกรอกรหัสถึงหกหลักถึงจะเข้าไปได้ พอเปิดเข้าไปด้านใน
พริกแกงเอื้อมมือเกาะขอบกระจก ยื่นหน้าออกไปรับลมเย็น ๆ เป็นเพราะเพนต์เฮาส์ฝั่งนี้ติดกับแม่น้ำ ลมจึงสดชื่นมากกว่าฝั่งอื่น พอปล่อยให้ลมปะทะหน้า ได้อยู่กับตัวเองสักพัก ก็ทำให้มีเวลาคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตขึ้นมาหลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวจากช่วงที่ผ่านมา ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่า กำลังโดนนอกใจ จากแฟนที่คบหากันมาเป็นปีถ้าถามทำไมถึงไม่เลิก รักมากเหรอ คงต้องบอกว่า ‘รัก’ แต่ไม่มากขนาดนั้น เพียงแต่มีบางอย่างที่ทำให้ระหว่างเรามีช่องว่างต่อกัน แต่ไม่รู้สิ่งนั้นคืออะไร และเธอก็กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกันเธอกำลังพยายามเข้าใจ พยายามบอกตัวเองว่ามีความสุข ทั้งที่บางครั้งก็อยากถามเขาเหมือนกันว่า เธอสำคัญกับเขาบ้างไหม?เขาดูรักดูใส่ใจและคอยทะนุถนอม นั่นคือเรื่องจริง เธอไม่เถียง แต่มันเหมือนกับเป็นโปรโมชันในช่วงแรกเท่านั้น เพราะหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดสองมือบางประสานกันบนขอบกั้น ตาคู่สวยค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ หยาดน้ำใสที่พยายามสะกดกลั้นไหลเป็นทางอาบแก้มขาวถ้าเรื่องทุกอย่างกระจ่าง เธอก็พร้อมตัดทุกความสัมพันธ์กับคนที่จงใจทำลายความรู้สึกทันทีเรื่องอื่นพออภัยได้ แต่เรื่องนอกใ
- วันต่อมา -พริกแกงยืนรอยูนิกซ์อยู่หน้าคอนโดฯ ตามเวลานัด ใบหน้าสวยหันซ้ายหันขวากวาดสายตามองหาคนที่นัดไว้ ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาใช้รถส่วนตัวคันไหน เท่าที่เห็นกับตามาเมื่อวาน มันมีหลายคันจนเธอจำได้ไม่หมดไม่นานรถคันหรูสีดำสัญชาติอิตาลี ที่มีสัญลักษณ์รูปม้าโชว์เด่นเป็นสง่าก็ขับมาจอดเทียบร่างบาง เขาเห็นเธอมีท่าทีลังเลเหมือนไม่มั่นใจว่าใช่เขาหรือเปล่า จึงลงจากรถรีบสาวเท้าไปหาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อเปิดประตูรถให้“ยืนงงอะไร? แดดร้อนจะตายทำไมไม่รีบขึ้นรถ”“เอ้า ก็ใครจะรู้ว่าเป็นรถพี่ล่ะ” ทำหน้ายู่ใส่ใครจะรู้ เขาไม่ได้บอกเธอนี่นาว่ากำลังมา หรือเอารถสีไหนคันไหนยี่ห้ออะไรมารับน่ะ ขืนเปิดขึ้นไปมั่วซั่ว อาจหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเอาได้พอน้องนั่งที่เรียบร้อย เขาจึงปิดประตูรถแล้วกลับไปประจำตำแหน่งคนขับ พอเหลือบสายตาไปมองคนข้างกาย เห็นเธอยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงเอี้ยวตัวมาจัดการให้ แถมด้วยบทสวดสั้นไปหนึ่งยก“อยากตายนักเหรอ รู้มั้ยว่าขึ้นรถแล้วไม่คาดเข็มขัดฯ มันอันตรายแค่ไหน”“บ่นอีกแล้วโอเค หนูรู้แล้ว แค่กำลังเก็บของเฉย ๆ” เวลาโดนคนในครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่ว่ากล่าวตักเตือน เธอมักแทนตัวเองแบบนี้เส
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล
- สองเดือนต่อมา -พิธีมงคลสมรสระหว่างสองตระกูลนักธุรกิจดังถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เทียร์ร่าแกรนด์สาขาย่อยถูกเหมาพื้นที่ทั้งโรงแรม เพื่อเฉลิมฉลองวันมงคลของน้องชายเพียงคนเดียวของท่านประธานพัชริกา ฮาร์ตลีย์ (พริกแกง) ❤ ยูนิกซ์ เรเลอร์ตัน (ยู)ทั่วทั้งงานเนืองแน่นไปด้วยสักขีพยานรักจากคนชั้นสูง ถือเป็นงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปถ่ายสุดหวานของคู่บ่าวสาวประดับประดาอยู่ทั่วทั้งห้องบอลรูมมิหนำซ้ำไดอารีทุกเล่มที่พริกแกงจดบันทึก ยังถูกนำมาจัดแสดงเรียงรายตลอดทางเดินเข้างาน ยาวไปจนถึงเวทีกลางซึ่งถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลายชนิดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายไม่ว่าจะเป็น…ดอกยิปโซสื่อถึงรักแรกพบที่ทั้งสองมีให้กันตั้งแต่สิบสองปีก่อนดอกเยอบีราเปี่ยมไปด้วยความสดใสร่าเริง แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งเหมือนเจ้าสาวอย่างพริกแกง หรืออีกนัยหนึ่ง เธอคือแสงอาทิตย์แห่งชีวิตของฉัน เหมือนที่ยูนิกซ์ที่ยึดเอาพริกแกงเป็นสิ่งเหนี่ยวนำให้เขากลับมารักตัวเองอีกครั้งดอกกุหลาบขาวคือความรักบริสุทธิ์ที่ทั้งสองมอบให้กันเป็นนิจนิรันดร์ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตดอกไม้ในวันแห่งความรักที่มีความหมายว่า โปรดอย่าลืมฉัน เหมือน
คนติดงานที่ฉันเฝ้ารอ กำลังเดินฝ่าวงล้อมสาวสวยที่ส่งสายตาแพรวพราวพร้อมขย้ำเหยื่อมาให้ ไม่รู้เขาตอบอะไร พวกหล่อนถึงมองมาทางฉันด้วยสีหน้าหงอย ๆ พลันล่าถอยออกไป“เงียบปากไปเลย” กระแทกเท้าหมายจะเหยียบรองเท้าหนังมันวาวของบัณฑิตชาย แต่คนเยอะสิ่งอย่างแผ่นดินกลับหลบทัน“ไวกว่าชนะ” ฉันเลิกต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิท แล้วหันมาฉีกยิ้มให้แฟนสุดหล่อ ปกติก็หล่อมากอยู่แล้ว แต่วันนี้พอได้แต่งตัวจัดเต็มด้วยชุดที่ฉันเลือกให้ ก็ยิ่งหล่อขึ้นเป็นสิบเท่า“ยินดีด้วยครับที่รัก”“ขอบคุณนะคะ” ฉันคว้าช่อกุหลาบขาวขนาดใหญ่ ที่แซมด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองสดจำนวนสามดอกไว้ตรงกลางเข้ามากอดแนบอกอย่างแสนรักแฟนฉันน่ะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก ขัดกับใบหน้านิ่ง ๆ ที่ชอบแสดงให้คนอื่นเห็น เขาชอบสื่อความนัยผ่านดอกไม้ เหมือนกับรอยสักรูปดอกเดซีของเขา จึงพลอยทำให้ฉันไปหาความรู้มาบ้างอย่างดอกไม้ช่อนี้ กุหลาบขาว หมายถึงความรักบริสุทธิ์และสง่างาม ทั้งยังหมายถึงรักนิรันดร์ได้อีกด้วย ส่วนดอกทานตะวันหมายถึงความซื่อสัตย์ ความรักมั่นคง และ...การรักเดียวใจเดียวฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมดอกกุหลาบต้องมีสิบสองดอก และทานตะวันสามดอกนี้ มันอาจจะมีหรือไ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” พริกแกงถามขึ้นหลังวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ขณะลอบสังเกตแฟนตัวสูงที่ทำหน้าหดหู่ไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน“เฮียเซ็ง”“เซ็งเรื่องอะไรคะ”“วันนี้หนูมาฝึกงานวันสุดท้ายแล้ว”“จริงด้วย...”“นั่นแหละที่เฮียเซ็ง” อยู่ด้วยกันทุกวัน มาทำงานพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน กินข้าวหรือทำอะไรก็มักทำด้วยกันเสมอ แต่วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้มีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยกัน อดนึกเซ็งไม่ได้ ความเคยชินกำลังทำร้ายใจของเขายอมรับว่าติดแฟนเด็กมาก การมีเธออยู่ใกล้ ๆ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา อยากยิ้มอยากหัวเราะ และมีแรงจะสู้กับทุกอย่างไม่ว่าจะเจอกับปัญหาหนักหน่วงแค่ไหน“อย่างอแงสิคะ ถึงหนูจะไม่ได้มาทำงานด้วย แต่เรายังอยู่ด้วยกันทุกวันนะ”“แต่นอนคนละห้อง” ท่ากอดอกเหมือนเด็กขี้งอนทำให้ปากอิ่มส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ยื่นนิ้วเขี่ยแก้มคนหน้าบึ้งเล่นเบา ๆ“แก่แล้วนะ ทำงอนเป็นเด็ก ๆ ไปได้”“คำก็แก่สองคำก็แก่ ห่างกันแค่หกปีเอง”“ตั้งหกปี”“ที่รัก...”“ล้อเล่นค่ะที่รัก มา ๆ กอดกัน ๆ วันนี้อยากกินอะไรคะ? เดี๋ยวหนูเลี้ยงเอง ส่งท้ายการทำงานวันสุดท้าย เดี๋ยวสั่งพิซซ่ามาให้พี่ ๆ ในออฟฟิศด้วยดีกว่าเนอะ”“เลี้ยงเ