@มหาวิทยาลัย
“พริก...”
“...”
“พริกแกง!”
เพียะ!
“เล่นบ้าอะไรน้ำหนาว เราตกใจหมด”
“ไม่ได้เล่นซะหน่อย เราเรียกพริกตั้งนานแล้วนะ แต่พริกไม่สนใจเราเลย” ร่างเล็กกว่าทำหน้ายู่ใส่ พลางลูบรอยแดงบนแขนตัวเองป้อยๆ
ไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอเรียกพริกแกงตั้งแต่เห็นหลังกันไกลๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งอีกคนก็ไม่หันมามอง เหมือนกำลังสนใจอะไรสักอย่างถึงต้องเดินเข้ามาสะกิด แต่ไม่คิดว่าพริกแกงจะตกใจแรง จนหันกลับมาฟาดเต็มเหนี่ยว เล่นเอาซะแขนชาแน่ะ
“แหะๆ เราขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่พริกมองอะไรอยู่เหรอ” น้ำหนาว บอกปัดอย่างไม่ถือสา ขยับมาใกล้แล้วเอ่ยถามต่อ เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนระมัดระวังตัวอย่างพริกแกงเหม่อลอยได้ขนาดนี้
คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวฉบับสาวเหนือย่นแทบชนกัน หลังจากชะเง้อมองจุดที่พริกแกงเคยให้ความสนใจด้วยความสงสัย
ต้นไม้ ถังขยะ และนักศึกษา
ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา? แล้วเพื่อนสาวคนสวยของเธอกำลังมองอะไรอยู่นะ หรือว่า...พริกแกงมีจิตสัมผัสเหรอ!?
“ก็...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ?”
“หนาวไม่เห็นเหรอ รถสีดำคันนั้นไง”
“สีดำ...คันไหนคะ?”
“นั่นไง อะ อ้าว หายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังจอดอยู่ตรงนั้นอยู่เลย” ดวงตาเบิกโพลง พลางร้องยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหก แต่น้ำหนาวกลับทำหน้างงงวยใส่ เป็นเชิงบอกว่า ‘ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา’
รถไฮเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้าน ที่มีน้อยคนนักจะได้ครอบครองมัน มองเพียงรูปลักษณ์ก็รู้แล้วว่าราคาแพงยับ ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พริกแกงใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะรถคันนั้นขับตามเธอมาตั้งแต่ออกจากคอนโดฯ
ตอนแรกเธอคิดว่าแค่บังเอิญ อาจจะไปทางเดียวกันเท่านั้น แต่พอจอดแวะซื้อของกินรองท้อง รถคันนั้นกลับจอดตามอยู่ไม่ไกลกัน ด้วยเป็นรถที่ไม่ได้มีให้เห็นทั่วไปบนท้องถนน เธอจึงจำได้แม่นว่าเป็นคันเดียวกันแน่ๆ
ตลอดทางที่ขับรถมามหา’ลัยในอกก็พลันใจเต้นระรัว กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าว่อกแว่กกดโทร. หาใคร ด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงประคองสติพาตัวเองขับมาถึงลานจอดรถมหา’ลัยได้ในที่สุด
อย่างแรกที่เธอทำคือรีบเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วลอบสังเกตดูว่ารถคันนั้นขับเข้ามาในมหา’ลัยหรือไม่ ทว่าชะเง้อคอมองอย่างไรก็ไม่เห็น แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ จึงเดินย้อนกลับไปดูว่ารถคนนั้นจอดอยู่ด้านนอกหรือเปล่า
เพราะหากไม่ใช่รถของนักศึกษา บุคลากร หรือคนที่มีสติกเกอร์ของมหา’ลัยจะไม่สามารถเข้ามาได้ แล้วก็เจอจริงๆ ด้วย!
รถคันนั้นจอดสนิทอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่มีคนลงมา ไม่มีคนขึ้นไป ทำให้มั่นใจว่าตามเธอมาไม่ผิดแน่ แต่ที่สงสัยคือตามเธอทำไม? ในชีวิตของเธอ ไม่ได้มีคนรู้จักที่ใช้รถไฮเปอร์คาร์คันหรูแบบนี้ซะหน่อย
“ไหนคะ” เสียงใสของน้ำหนาว ช่วยเรียกสติของพริกแกง ที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดให้กลับมาโฟกัสปัจจุบัน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองหน้าเพื่อนสนิทแล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก เราคงคิดมากไปเอง เข้าไปรอสองคนนั้นข้างในกันดีกว่าเนอะ” สุดท้ายก็ต้องชวนเปลี่ยนเรื่อง เพราะเพื่อนตัวเล็กยังแสดงท่าทีงุนงง พริกแกงก็เลยต้องลากแขนเพรียวให้เดินตามกันไปยังตึกคณะฯ ด้วยกัน
S-Class สถานศึกษาหลักสูตรนานาชาติที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากเข้ามาหาความรู้ ทว่าไม่ใช่ใครจะเข้ามาเรียนกันได้ง่ายๆ หากไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ก็ต้องมีเงินถุงเงินถัง หรือไม่ก็มีคอนเนกชันกว้างไกล อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นลูกหลานอาจารย์ในเครือฯ หรือต้องเรียนเก่งระดับหัวกะทิ เป็นอนาคตขององค์กรใหญ่ถึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งสำหรับพริกแกงแล้ว
เธอติ๊กถูกครบทุกข้อ
@คณะบริหารฯ
สองเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเกือบเดือน พากันนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนประจำกลุ่มใต้ตึกคณะ
น้ำหนาวต้องเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิดที่อยู่ทางภาคเหนือ ทั้งสองก็เลยชวนกันคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยเป็นการฆ่าเวลา อีกอย่างน้ำหนาวไปอยู่นู่นก็ติดต่อแทบไม่ได้ เลยมีเรื่องคุยกันพอให้หายคิดถึงเยอะแยะเต็มไปหมด
“ทำไมยังไม่มากันสักที จะถึงเวลาแล้วนะ” พริกแกงเริ่มบ่นอุบอิบหลังยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดูเวลา
เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบนาที ทางคณะฯ จะเริ่มประชุมชี้แจงรายละเอียดการฝึกงานแล้วด้วย เรื่องสำคัญมากขนาดนี้ แต่เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองชีวิตกลับเงียบหาย โทร. หาก็พากันไม่รับสายอีก
ให้มันได้อย่างนี้ อยากหยิกให้แขนเขียว พากันเหลวไหลนัก!
“มาแล้วจ้า มาแล้ว~” ข้าวฟ่าง ทักเสียงใสมาแต่ไกล ก่อนจะวิ่งถลาหน้าแป้นแล้นมาหย่อนสะโพกนั่งลงที่ประจำของตัวเอง
ผิดกับเพื่อนชายคนเดียวของแก๊งอย่าง แผ่นดิน ที่กำลังทำหน้าตาบึ้งบอกบุญไม่รับ กระแทกตัวลงนั่งตามเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ทักทายใคร แม้กระทั่งเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างพริกแกง
“ทรงนี้ ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ? ไม่สิๆ ต้องถามว่ารอบนี้เรื่องไหนดี” พริกแกงกลั้วหัวเราะถามอย่างรู้ทัน แผ่นดินหน้าบูดเป็นตูดแบบนี้ คงมีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้คนหล่อของกลุ่มตกอยู่ในสภาพนี้
ข้าวฟ่างกับแผ่นดิน สองคนนี้ตกลงเป็นแฟนกันหลังจากเธอคบกับพี่แทนไทได้ไม่นาน ท่ามกลางความมึนงงของเพื่อนคนอื่นว่า เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ทุกคนต่างรู้ดีว่าสองคนนี้เหมือนคู่ผัวเมีย ที่เข้ากันไม่ได้มาตั้งแต่สมัยยังเพื่อนกันด้วยซ้ำ เถียงกันทุกเรื่อง เห็นไม่ตรงกันทุกเหตุการณ์ ทว่ากลับคบกันมาได้นานเกือบปี
แม้ว่าแผ่นดินจะชอบขัดใจข้าวฟ่างไปบ้าง จนทำให้ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่น ถึงขั้นตีกันโดยไม่เลือกสถานที่ไปสักหน่อย แต่ถ้าแฟนสาวอยากได้อะไร เขาก็พร้อมหามาให้โดยไม่มีข้อแม้
เรียกหลงใหลไม่ลืมหูลืมตาเลยก็ว่าได้
“เชอะ/เหอะ” ราวกับถูกจี้จุด ต่างฝ่ายต่างสะบัดหน้าไปคนละทิศละทาง จนเพื่อนๆ ได้แต่มองอย่างเอือมระอา
“จะไม่บอก? ก็ได้~ ตามใจนะ ไปเคลียร์กันเองเลยค่ะ ปะ น้ำหนาวเราไปกันเถอะ” พริกแกงว่าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมหันไปคว้าแขนคนที่นั่งเขี่ยจอสมาร์ตโฟนฟังเพื่อนเถียงกันเงียบๆ ให้ลุกขึ้นตาม
“ยัยข้าวจะทิ้งฉัน...”
“ฮะ? /คะ?” แผ่นดินโพล่งขึ้นมาเสียงเศร้า ทำเอาสองคนที่กำลังจะลุกหนีรีบนั่งลงอีกครั้ง ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
แม้ว่าสองคนนี้มีความเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง หรือเถียงกันทุกเรื่องก็จริง แต่พอผ่านไปไม่ถึงวันก็ดีกันตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่จะหนักหน่วงถึงขั้นเลิกรากันสักที
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิยะ แผ่นดินมันเวอร์ ทิ้งบ้าทิ้งบออะไรล่ะ”
“หรือไม่จริง?”
“ก็ไม่จริงน่ะสิ แค่ไม่ไปฝึกงานบริษัทพ่อนาย ไม่ได้หมายความว่าจะเลิก สติค่ะ!”
“สรุป...ทั้งคู่ทะเลาะกัน เพราะเรื่องฝึกงานเนี่ยนะคะ?”
“ใช่/ใช่” คู่รักที่ตบตีกันอยู่ตอบพร้อมเพรียงเสียงดังฟังชัด
“เฮ้อ...อยากจะบ้า ฟังนะ! เรายังไม่รู้รายละเอียดเรื่องการฝึกงานด้วยซ้ำ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่เดียวกันได้มั้ย หรือเลือกที่ฝึกเองได้หรือเปล่า แล้วมานั่งทะเลาะกันเนี่ยนะ!” พริกแกงถอนหายใจยาวให้กับความไร้สาระของทั้งคู่ โดยมีน้ำหนาวนั่งพยักหน้าเห็นด้วย
“...เออว่ะ ลืมสนิทเลย”
แผ่นดินเฉลย นั่นก็ทำเอาพริกแกงกุมขมับ พลางกลอกตามองบน นึกอยากจะลุกไปตบตีเพื่อนตัวโย่งให้หัวโยก
พอเป็นเรื่องของข้าวฟ่าง คนฉลาดแบบแผ่นดินก็กลับกลายเป็นคนไร้หัวคิดไปเลยแฮะ เรื่องสำคัญแบบนี้ยังลืมได้ลง
“จบสักที! กินอะไรกันดี ข้าวอยากกินอะไร เดี๋ยวดินเลี้ยงเอง” หลังจากถูกพริกแกงเรียกสติไปตอนเช้า แผ่นดินคนที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงก็เหมือนจะกลายร่างเป็นอีกคน หนุ่มตัวสูงหันไปถามแฟนสาวอย่างเอาอกเอาใจ ขณะเดินออกจากห้องประชุม
ข้อสรุปเรื่องการฝึกงานของปีนี้ มีกฎเกณฑ์ใหม่ที่ระบุไว้ผู้หญิงและผู้ชายไม่สามารถไปฝึกงานที่เดียวกันได้ เพื่อป้องกันปัญหาหลายอย่างในอนาคต
แต่ข้อกำหนดพิเศษของปีนี้ คือบริษัทที่ทางมหา’ลัยจัดหามาให้ สามารถส่งนักศึกษาไปฝึกพร้อมกันได้มากสุดถึงสามคน แต่ให้โควตาจำนวนจำกัด ใครแจ้งความประสงค์ก่อนก็ได้โอกาสนั้นไป
แล้วแบบนี้สามสาวเพื่อนรักจะพลาดได้อย่างไร
“แหม พอรู้ว่างี่เง่าตีโพยตีพายไปก่อน ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะจ๊ะ คุณ! แผ่น! ดิน!” หน้าสวยยื่นเข้าใกล้ใบหูเพื่อนตัวสูง ประโยคหลังเน้นย้ำทุกคำ ทั้งช้าและชัด พลางเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ให้กับความเปลี่ยนอารมณ์ไวของเพื่อนตัวโตใจบาง
“อย่ามาแซว”
“ไม่ได้แซว เขาเรียกล้อย่ะ ไอ้คู่รักหลากอารมณ์ ชิ!”
“เขาเรียกมีสีสันในชีวิตคู่ ใครมันจะไปเหมือนคู่เธอล่ะคร้าบคุณพริก มีอารมณ์เดียว ไม่รู้จะคลั่งรักอะไรกันนักกันหนา ไร้สีสันชะมัด ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ?”
“โธ่เอ๊ย ถ้ามีสีสันแล้วเป็นแบบคู่แก ฉันขออยู่โหมดคลั่งรักแบบเดิมดีกว่า” พูดพร้อมเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้
“พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้วค่า คุณแฟนแอนด์คุณเพื่อน เดี๋ยวก็กลับมาเลือกบริษัทฝึกงานไม่ทันพอดี โตแล้วนะ ใช้ชีวิตแบบพอดีๆ บ้าง เพื่อนฉันนี่มีใครพอดีบ้างมั้ยเนี่ย?” สาวใต้ตาคมผิวขาวโพล่งบ่นขึ้นมาจนคนที่กำลังตีกันชะงักไป
“ไอ้บ้าแผ่นดินกับยัยพริกเอาแต่พูดๆๆ ไม่หยุด ส่วนน้ำหนาวก็เงียบจนคิดว่าเป็นใบ้ เฮ้อ ไม่ต้องมองค่ะ ก็พูดจริงอะ แล้วนี่สรุปจะกินอะไรกัน?” พอวีนเสร็จ ข้าวฟ่างก็กวาดสายตามองหน้าเพื่อนทีละคนอย่างขอคำตอบ อาจเพราะกำลังโมโหหิว ตอนนี้ก็เลยไม่ได้สนใจว่าคำพูดตัวเองจะทำร้ายความรู้สึกใคร ขอได้พูดตามใจตัวเองพอ
“อ่า โอเคๆ ไม่พูดมากแล้วก็ได้ แต่ว่าโทษทีนะ ฉันมีนัดกับพี่แทนไท ขอแยกตัววันหนึ่งน้า พลีส~”
“เบื่อพวกมีผัว”
แปะ
“โอ๊ย ตีทำไม เจ็บนะดิน!”
“พูดเหมือนตัวเองไม่มี เดี๋ยวคืนนี้จะโดน”
พริกแกงเลือกเมินคู่รักที่เตรียมก่อสมรภูมิรบตรงหน้า หันไปถามเพื่อนสาวอีกคนที่ยืนมองคนอื่นตาแป๋ว
“หนาวล่ะ ไปกินข้าวไหน?”
“หนาวว่าจะกินที่โรงอาหารนี่แหละ สะดวกดี อยากไปให้ทันเลือกเป็นคนแรกๆ ด้วย”
“ก็ดีนะ งั้นเราสามคนกินข้าวกันที่นี่แหละ”
เมื่อได้ข้อสรุปลงตัว ทั้งสามคนจึงแยกตัวเดินไปฝั่งโรงอาหาร ส่วนพริกแกงปลีกตัวมายืนรอแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่จุดนัดหมาย
รอสักพัก รถเบนซ์สีขาวสไตล์ผู้บริหารก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้า ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเรียบหรูคุ้นตา เดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อทำหน้าที่เปิดประตูรถให้คนรัก บริการเธออย่างดีจนได้รอยยิ้มหวานกลับไปแทนคำขอบคุณ ไม่นานรถคันงามก็พุ่งทะยานไปตามพิกัดร้านอาหารที่เขาโทร. จองไว้ล่วงหน้า
- อีกด้าน -
นัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทดูลุ่มลึกจับจ้องรถหรูคันผ่านกระจกติดฟิล์มดำชนิดพิเศษอย่างไม่ละสายตา มือหนายกโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน
“ออกไปแล้ว บอกคนของมึงจัดการได้เลย”
“เอาไงต่อดีครับนาย ตามไปมั้ยครับ” บอดี้การ์ดคนสนิทที่วันนี้รับหน้าที่พลขับถามขึ้น หลังเห็นผู้เป็นนายวางสายจากบุคคลปริศนาแล้วเอาแต่นิ่ง ไม่ยอมออกคำสั่งอะไรสักคำ ทั้งที่คนที่ตามมาตั้งแต่เช้า กำลังจะกลืนหายไปกับรถมากมายบนท้องถนน
“กลับ”
“ครับ? ไม่ตามคุณหนูไปแล้วเหรอครับ”
“ไม่ต้อง”
“ครับ”
ร่างสูงข้างคนขับไม่สนใจคนทำหน้ามึนงง เขาหลุบสายตามองสมุดบันทึกเล่มหนาในมือนิ่ง ปากหยักเหยียดยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าจอมดื้อรั้นของผู้ที่เคยเป็นเจ้าของมัน
“แล้วเจอกันนะ ตัวเล็ก”
- ด้านพริกแกง -“รอนานมั้ยครับ”“ไม่เลยค่ะ” คนเสียงใสยกยิ้มตอบ“ขอโทษทีนะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้เราเลย”พริกแกงไม่ได้พูดอะไรกลับไป มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบ อันที่จริง เขาไม่ควรพูดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้กันหรอก มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลังคบกันได้หกเดือนต่างหากเธอพอจะเข้าใจเหตุผล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้วเธอกำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หลายครั้งที่นัดของเราต้องล่ม เพราะคำว่าติดงานด่วนของเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจัดสรรเวลาไม่ได้สักที“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย คิดถึงจะแย่” ใบหน้าคมเข้มหันมายกยิ้มละมุนให้แฟนสาว เขาไม่ได้รับรู้ความในใจของเธอ เพียงแต่เห็นว่าคนข้างกายเงียบไปจึงยกมือลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ ในตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว“ถ้าคิดถึงก็มาหาพริกบ่อยๆ สิคะ จะได้หายคิดถึง”“พี่จะพยายามนะครับ”แทนไทกับพริกแกงอายุห่างกันเพียงสองปี แต่เขากลับชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ถ้าถามว่าชอบไหม? ก็ตอบได้แค่ชอบมาก มันอบอุ่น มันนุ่มฟูในหัวใจ ยามที่เขาแบ่งเวลามาอยู่ด้วยกันผู้ชายแบบนี้แหละที่เธอต้องการและตามหามาตลอด แม้จะติดขัดเรื่องของเวลาไปบ้าง แต่โดยร
@DVice Clubสถานบันเทิงยอดฮิตตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับของเหล่านักท่องราตรีทุกช่วงวัย มีบริการหลากโซนหลายสไตล์ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการตามความต้องการเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้นต่อเนื่องชวนใจเต้น ผีเสื้อราตรีหญิงชายต่างปลดปล่อยความรู้สึกและร่างกายไปกับท่วงทำนองสนุกๆ ที่ดีเจประจำคลับเปิดเพื่อสร้างความครึกครื้นอย่างเมามันเคร้ง~เสียงแก้วใสต่างดีไซน์กระทบกัน ดังขึ้นบริเวณโซนเคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกครึกโครมหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีชมพูดูน่ารักขัดกับสถานที่ มองแก้วในมือเล็กน้อยก่อนตัดสินใจจรดริมฝีปากบางลงบนปากแก้วที่บรรจุค็อกเทลรสหวานซ่อนเปรี้ยว มีฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อน ๆ ให้ไหลผ่านลำคอทีละนิด“แค่กๆ ไม่เห็นอร่อยเลยค่ะ” น้ำหนาวหันไปทำหน้าเหยเกใส่พริกแกงที่นั่งเท้าคางมองเธออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อสัมผัสถึงแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมมาในน้ำสีชมพูอ่อนเธอไม่ชอบดื่ม แต่ตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครโผล่มาสักคน เลยต้องยอมดื่มเป็นเพื่อนเพื่อนตัวแสบตามคำชวน แต่ตอนนี้รู้สึกคิดผิดมาก เพราะมันไม่ได้อร่อยเหมือนขนมแบบที่เพื่อนล่อลวงสักนิด“ไม่อร่อยเหรอ งั้นชิมของเรามั้ย? เผื่อชอ
ขวับเสียงหวานแฝงความประหม่า หลุดออกจากปากคนที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย เรียกสายตาของเพื่อนๆ ทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมายนั่งกันอยู่ตั้งนานน้ำหนาวแทบไม่พูดอะไร แต่พอแฟนเพื่อนสนิทโผล่มา ดันมีปากมีเสียงขึ้นมาเสียได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้อย่างไร“เป็นอะไรของแกยัยหนาว ผัวเพื่อนค่าสาว~”“ขอโทษค่ะ” คำพูดข้าวฟ่างทำให้น้ำหนาวก้มหน้างุด มองมือตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่ลืมตัว และเหมือนจะโชคดีที่พริกแกงดูไม่ได้ใส่ใจอะไร“บ้า ผัวเผออะไร ยังไม่ได้กันมะ” พริกแกงรีบฉวยแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกเพื่อปกปิดความรู้สึก ข้าวฟ่างเป็นคนพูดตรงและพูดแรง ข้อนี้เธอรู้ดีตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่หลังๆ ก็ชอบพูดแซวแบบนี้ตลอดเลย เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกน่ะ“พี่พร้อมเป็นนานแล้ว แต่น้องพริกน่ะสิ ไม่พร้อมสักที”“พี่แทน! พูดอะไรก็ไม่รู้” หันไปถลึงตาใส่แฟนรุ่นพี่แก้เก้อ“พูดความจริงครับ^^” แทนไทว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างแฟนสาว เขาไม่ได้พูดเพื่อแกล้ง เขาพร้อมมาตั้งแต่ตามจีบเธอแล้ว แต่เป็นพริกแกงเองต่างหากที่ปฏิเสธมาตลอดถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะพยายามทำความเข้า
Rrrrrr~โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังลั่นห้อง ปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ตื่นขึ้นมาเพราะความรำคาญมือบางควานสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งถึงเจอต้นตอขัดความสุข พริกแกงดันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนเพ่งมองหน้าจอมือถือใครบังอาจมารบกวนกันนะ“หือ ข้าวฟ่าง? โทร. มาทำไมแต่เช้า” ชื่อบนจอทำคิ้วเรียวขมวดมุ่น ปกติหลังจากดื่มกันอย่างหนักจะไม่ค่อยมีใครโทร.หาสักเท่าไหร่ เพราะแฮงก์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรนิ้วเรียวสไลด์หน้าจอรับสาย พร้อมทั้งกดเปิดสปีกเกอร์โฟน กรอกเสียงงัวเงียตอบกลับปลายสายด้วยสภาพยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาดี“อือ~ มีอะไรคะคุณเพื่อน หายแฮงก์แล้วเหรอถึงโทร. มาเนี่ย?”[ยังจะมานั่งใจเย็นอยู่อีกนะ เธอเห็นเพจซุบซิบของมหา’ลัยหรือยัง ยัยพริก]“ฮะ? ยังเลย มีอะไรอะ?”[ตายห่า งั้นดูด่วนเลยค่ะเพื่อน ด่วนที่แปลว่าเดี๋ยวนี้!]ความร้อนรนผสมกับความรีบร้อนในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท ทำให้คนงัวเงียรีบลุกไปหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเปิด กดเข้าแอปพลิเคชันดังแล้วค้นหา ‘ใต้เตียงมหา’ลัย SC’ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเมาท์มอยเรื่องราวคาวๆ ของคนในรั้วมหา’ลัย ซึ่งพริกแกงเป็นหน
@ทูนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปฉันพาตัวเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่สุดเท่าที่คนอย่างฉันจะเรียบร้อยได้ พร้อมลากรองเท้าสีดำสูงสี่นิ้วคู่โปรด มาหยุดยืนอยู่หน้าบริษัทสีทึบขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายสิบชั้นคำพูดมากมายที่อาจารย์พยายามสาธยายให้ฟังก่อนหน้านี้เท่าที่พอจะจำได้ผุดขึ้นมาในหัว ทูนิกซ์ เป็นบริษัทชั้นนำ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ท่านกำชับนักกำชับหนาว่าต้องทำตัวให้ดี อย่าทำให้มหา’ลัยและอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา ให้ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมาะสมกับการเป็นเด็กฝึกงานฉันถึงต้องไปรื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหากระโปรงตัวยาวที่เคยใส่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสมัยเรียนปีหนึ่งมาใส่“มารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใส พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้คุณพี่หน้าคม อกตู้มตรงหน้า“น้องพัชริกา ฮาร์ตลีย์ใช่มั้ยคะ?”“ใช่ค่ะ” ยิ้มตอบเห็นฉันชื่อไทยสไตล์ขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วฉันมีแด๊ดดี้เป็นคนอังกฤษนะ และด้วยเหตุนี้แหละครอบครัวถึงไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศแทนการทำธุรกิจในประเทศไทยพี่พนักงานสาวหน้าคมยกหูโทรศัพท์ตรงเคาน์เตอร์กดต่อสายภายในหาใครบางคน พี่เขาพูดกับป
หลังยืนโบกมือยิ้มหวานส่งพี่แทนเสร็จ ฉันก็รีบยกกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อนถ้าได้กินยาเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่คิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยการขับรถกลับเองเด็ดขาด ฉะนั้นตอนนี้ต้องหาตัวช่วย และคนที่จะช่วยฉันได้ก็มีอยู่ไม่กี่คนควานหาโทรศัพท์เจอ ฉันรีบกดต่อสายหาเบอร์ที่บันทึกไว้ยามฉุกเฉินทันที เราทุกคนในกลุ่ม ล้วนจัดให้เบอร์ของเพื่อน ๆ เป็นเบอร์โทรฉุกเฉิน สัญญาณรอสายดังไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับ ไม่รอช้าฉันรีบกรอกเสียงออดอ้อนไปตามสายขอความช่วยเหลือ“ข้าว~ มารับฉันหน่อยสิ”[ข้าวหลับ] ทว่าแทนที่จะเป็นเสียงหวานตอบกลับมา กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุ ๆ เจือความหงุดหงิดแทน ทำให้ต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยกขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจออีกครั้งก็โทร. ถูกนี่นา แล้วทำไมถึงเป็นเสียงคนอื่น ปกติเวลานี้ข้าวฟ่างน่าจะยังอยู่ห้องตัวเองไม่ออกไปไหนนี่?“นั่นใครน่ะ” ฉันถามเสียงแข็งกลับไป[อะไร? เพ้อหนักแล้วนะเธอน่ะ ฉันแผ่นดินไง ผัวยัยข้าว เพื่อนสนิทที่หล่อที่สุดของเธอตั้งแต่ม.สี่ อย่าบอกนะว่าลืม ฉันกับยัยข้าวมาหัวหิน เธอลืมหรือไง ทำไมต้องตกใจ?] อ่า จริงด้วย ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคู่รักพากันไปสวีตที่หัวหินน่ะแต่ว่านะ คำ
“นายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลใบหน้าคมคายละสายตาจากทุกสิ่งรอบกายตวัดมองผู้มาใหม่ ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารอมาทั้งวันซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เขาเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมคว้ามันมาเปิดออกอย่างเบามือ หยิบของด้านในออกมาอย่างใจเย็นและทะนุถนอมจนว่างเปล่าภาพหญิงสาววัยมหา’ลัย ใบหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติขับผิวขาวอมชมพู กำลังแย้มยิ้มให้บางสิ่งอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสนั้นทำคนยิ้มยากเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวสวย...ยิ่งโตยิ่งสวยไร้ที่ติ ทว่าติดตรงที่เธอมีเจ้าของหัวใจแต่จะโทษใครได้ ในเมื่อก่อนหน้าเธอเคยเฝ้ารอและพยายามตามหาเขามาโดยตลอด ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด และเป็นฝ่ายเลือกหนีหายไปจากเธอนานหลายปีตอนนั้นพวกเรายังเด็ก จึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างง่ายๆ ว่าสิ่งที่ทำเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดถามความเห็นของเธอสักคำ สมควรแล้วที่ตอนนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองเธออยู่ไกลจากอีกฟากโลก ทั้งที่อยากเจอกันใจแทบขาดและรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้“แล้วเรื่องของมันล่ะ?”“ยังไม่ชัวร์ครับนาย มันค่อนข้างระวังตัว แต่มีโอกาสเป็นอย่างที่นายคิดสูง หรือเราให้คนของคุณเจย์ช่วยอีก
มินิคูเปอร์สีจังเกิลกรีนคันเล็ก หักเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเข้า Tiara Grand Hotel โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ตัวอาคารออกแบบสไตล์กรีก-โรมันถูกประดับตกแต่งด้วยแมกไม้นานาชนิดสร้างความร่มรื่น ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัดพริกแกง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหา’ลัยเอกชนชื่อดัง เจ้าของร่างบางสัดส่วนชวนฝัน พร้อมด้วยใบหน้ารูปไข่สวยหวานผสานความเซ็กซี่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมโตสุกใส ขนตางอนยาวเรียงแพสวย จมูกเชิดรั้นรับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดีช่วยดึงดูดสายตาผู้ชายมองตามจนเหลียวหลัง ส่วนผู้หญิงด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉาเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหลังตรงดุจนางพญา เท้าเรียวเยื้องย่างมาบนรองเท้าส้นแหลมสีดำแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจ สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณพริก”“สวัสดีค่ะ” เรียวปากอิ่มยกยิ้มตอบอย่างไม่ถือตัวเช่นทุกครั้งสองเท้าบางก้าวไปเบื้องหน้า สายตาสาดส่องมองหาใครบางคน ก่อนตากลมจะทอประกาย มุมปากยกยิ้มอ่อนเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแสนคุ้นตา ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประช