หลังจากที่มอม้าออกไปจากห้องทำงานผมได้ไม่ถึงสิบนาที มันก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับคำถามร้อยแปดที่ผมต้องตอบมัน
“ตกลงเฮียเคยช่วยหงส์ไว้จริงๆ เหรอ อย่าบอกนะว่าเฮียแอบไปตามสืบเรื่องไอ้ดำ ผมบอกเฮียแล้วว่าเดี๋ยวจัดการเอง มันอันตราย”
เฮ้อ! ผมได้แต่ถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่การกลับมาอีกครั้งของมอม้า มาพร้อมการสวดในเรื่องที่ผมทำก่อนหน้ายาวเหยียด ทำยังกับผมกับมันเป็นคู่รักกัน
“กูขี้เกียจรอมึง นั่งรอแต่ในห้องเดี๋ยวง่อยแดก” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ
“เออ! ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ก็โชคดีที่เฮียไม่เจอมัน ไม่รู้ว่าเป็นกับดักล่อเฮียให้ไปติดกับหรือเปล่า”
“มึงเห็นกูเป็นไก่อ่อนขนาดนั้นเชียว?” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามัน
“ไม่ใช่แบบนั้น โว๊ย! เออ! เฮียแม่งเก่งอยู่แล้ว ผมรู้ว่าเฮียเอาตัวรอดได้ แต่เป็นห่วงเจ้านายนี่ผมผิดมากเหรอวะ!” ครั้งนี้ดูมอม้าจะหัวเสียอย่างมาก ผมรู้ว่ามันรักผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เหมือนที่ผมก็เห็นมันเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ เหมือนกัน
“เออๆ ต่อไปกูจะรายงานมึงก่อนทำ” สุดท้ายผมก็ยอมให้กับความง๊องแง๊งของมัน “แล้วเรื่องหงส์ทำไมเฮียถึงไม่ยอมรับการตอบแทนของเธอ”
จบเรื่องหนึ่ง ก็วกกลับมาเรื่องผู้หญิงคนนั้น อะไรมันจะแคร์เธอขนาดนั้นวะ หรือว่าแอบปิ้งๆ ผู้หญิงตาสีฟ้า
“เฮ้! เฮียอย่าคิด ห้ามคิด ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอเหอะ” มอม้าคงอ่านความคิดผมออก มันเลยรีบร้อนตัวบอกปัดไป
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ มึงคิดว่าจะตอบแทนอะไรกูได้ นอกจากเรื่องบนเตียง”
ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะมาตอบแทนอะไรผมที่มีทุกอย่างครบแบบนี้ นอกจากในหัวเธอคิดจะจับผมทางลัดมากกว่าการตอบแทนจริงๆ
“ผมว่าหงส์ไม่ใช่คนแบบนั้น เฮียแม่งระแวงผู้หญิงมากเกินไป” มอม้าใช้น้ำเสียงตำหนิผมแบบออกนอกหน้า
“แล้วมึงคิดว่ายัยนั่นจะตอบแทนกูได้ยังไง ไหนลองยกตัวอย่างสิ” ผมคาดคั้นให้มันลองยกเหตุผลหรืออะไรสักอย่างที่มันมองผู้หญิงคนนั้นให้ผมหายแครงใจ
“หงส์เป็นคนดี ถือเนื้อถือตัวแบบนั้น ผมว่าเธอคงไม่คิดเอาร่างกายตอบแทนแบบที่เฮียคิดหรอก แต่ไอ้เรื่องที่ว่าเธอจะตอบแทนยังไง ผมก็ไม่รู้ว่ะ”
เห็นมั้ย! มันยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าโง่ๆ แบบนั้นจะตอบแทนผมได้แบบไหน แล้วยังจะมาหาว่าผมคิดอกุศลกับเธออีก
“แต่เฮียจะด่วนสรุปเอาเองแบบนี้ไม่ได้ ผู้หญิงไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน”
ไอ้มอม้าเน้นประโยคท้ายแบบหนักแน่น ผมรู้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร
“ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด มึงอย่ามาพูดให้ดูดี ถ้าไม่เจอกับตัว” ผมขบกรามกรอด พูดเสียงรอดไรฟันออกไป
“เมื่อไหร่เฮียจะลืมเรื่องนั้นสักที นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วจะเก็บมันให้เป็นไฟสุมอกไปถึงเมื่อไหร่” มอม้าเริ่มจะหัวเสียใส่ผม เวลาเราคุยเรื่องพวกนี้ทีไร มันที่รู้อดีตทุกอย่างของผมดีกว่าคนอื่นๆ ก็มักจะเตือนสติผมแบบนี้ทุกครั้ง
“แต่ก็ยังดี ที่เฮียยังไม่ไล่เธอไป ผมจะถือโอกาสให้เธอดูแลเฮียทุกอย่าง”
ผมรีบหันขวับมองหน้าไอ้มอม้าที่ตัดสินใจเอากระดูกมาแขวนคอผมทั้งๆ ที่ผมก็อุตส่าห์คว้างมันจากคอตัวเองแล้วแท้ๆ
“มึงคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทัน” ผมชี้หน้ามอม้าอย่างคาดโทษ
มันคงคิดจะให้ยัยตาฟ้านั่นมาทำให้ผมคุ้นชินและเลิกหวาดระแวงผู้หญิง
“ไม่รู้ รู้ทันแล้วไง เฮียปล่อยให้ผมจัดการแล้ว ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”
ฉิบหาย!! กูจะบ้าตาย ไม่น่าพลั้งปากใจอ่อนให้กับความช่างเซ้าซี้ของมันเลย
“เอาที่มึงสบายใจ อย่าล้ำเส้นให้มาก แล้วก็ ยัยนั่นจะทนคนอย่างกูได้นานแค่ไหน กูไม่รับประกัน!” ผมพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็หันกลับมาสนใจงานที่ค้างกองพะเนินอยู่ตรงหน้าตามเดิม ส่วนไอ้มอม้ามันก็เดินออกไปจากห้องแทบจะทันที
ผมเป็นถึงเจ้าของคาสิโน แต่ต้องมานั่งเหนื่อยกับกองบัญชีตรงหน้า ไหนจะเจอลูกน้องกวนประสาทอย่างมอม้านี่อีก ถ้ารวมใบไม้ที่เป็นคนสนิทมือซ้ายผมอีกคนมาร่วมด้วยช่วยกันผมคงจะประสาทแดกตาย
ใครว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นมันสบายวะ ลองมาบริหารยุกกี้คาสิโนของผมดูแล้วคุณจะรู้ แม้แต่นรกยังไม่ทำให้คุณปวดหัวเท่ากับมอม้ากับใบไม้ลูกน้องผมเลย
[End part]
หลังจากที่ถูกเจ้าของห้องไล่ออกมาแบบไม่สนใจใยดี ฉันก็ได้แต่เดินคอตกตามมอม้ามายังชั้นล่าง“อย่าไปสนใจเฮียแกเลย เฮียแกก็เป็นแบบนี้แหละปากหมา แต่ใจดีนะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมองมอม้าแทบจะไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำว่าใจดีของเจ้านายเขาถ้าแบบคนในห้องนั้นเรียกใจดี แล้วคนบนโลกนี้จะมีใครใจร้ายเหรอ?“ไม่เชื่อฉันสินะ เดี๋ยวหงส์อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ใหม่ๆ ใครก็กลัวเฮียแกแบบนี้ทุกคน”“แล้วนายไม่กลัวเหรอ เห็นการพูดคุยในห้องแล้วดูท่าจะสนิทกันมาก” ฉันถามมอม้าพร้อมกับหน้าตาที่รอฟังคำตอบจากเขาแบบลุ้นๆ“ฉันกับเฮียยูน่ะรู้จักกันมาเกือบสิบปี เฮียแกเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมือนกัน”“งั้นนายก็มาทำงานที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขาเหมือนหงส์งั้นเหรอ แล้วทำไมทีหงส์พูดเขากลับไม่ต้องการ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ“เพราะแต่ก่อนเฮียเขาไม่ใช่คนแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช้เพราะ.. ช่างมันเถอะอย่ารู้ดีที่สุด” เหมือนมอม้ากำลังจะหลุดเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเฮียของเขาออกมาแต่ก็ตั้งสติได้เสียก่อนจึงหยุดคำพูดนั้นไว้“เออจริงสิ! หงส์ยังไม่รู้จักชื่อเฮียแกนี่หว่า” ถ้ามอม้าไม่พูดฉันก็ลืมถามไปเลยตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนหน้า ฉ
หลังจากที่ใช้เวลาเก็บกวาดห้องเก็บของไปถึงสองชั่วโมง ฉันก็ได้ห้องใหม่ที่ทั้งสะอาดและน่าอยู่ “เธอคือหงส์ใช่ไหม?” เสียงแหบๆ ของผู้หญิงดังขึ้นที่หน้าประตูห้องที่ฉันเปิดค้างเอาไว้“ค่ะ” ฉันหันไปตอบผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวได้เปรี้ยวเข็ดฟันสุดๆ เธอสวย หุ่นอวบอั๋น แถมท่าทางน่าจะใจดี ยืนส่งยิ้มหวานๆ มาให้“ฉันชื่อลิชา เรียกเจ๊ลิก็ได้ พอดีคุณมอม้าให้มาช่วยพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัวน่ะ” ผู้หญิงที่เพิ่งเรียกฉันเมื่อครู่แนะนำตัว พร้อมกับเดินเข้ามาภายในห้อง“หงส์ค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะเจ๊ลิ” ฉันยิ้มหวานแนะนำตัวกับลิชาลิชาพาฉันไปซื้อของที่ห้างไม่ไกลจากยุกกี้คาสิโนเท่าไหร่ เราใช้เวลาเดินทางแค่สิบห้านาทีด้วยการเดินเท้า และใช้เวลาเดินซื้อของอีกประมาณค่อนชั่วโมงได้ หมดเงินไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆ ทยอยคืนมอม้าแล้วกัน“หงส์เอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาหาเจ๊ที่โซนบาร์นะ ถ้ามาไม่ถูกลองถามเด็กๆ ที่แต่งตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟเอาก็ได้”“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบลิชา ปลีกตัวเอาของเข้ามาเก็บในห้องนอนตามที่เธอบอก โชคดีที่ห้องเก็บของนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย“เป็นไงมาไงถึงได้มากับคุณมอม้าได้ล่ะ” หลังจากเดินเข้า
“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปังกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที[Yuuki’s part]ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไร นี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็นผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้งก๊อกๆ“ขอเข้าไปนะคะ” ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนดังมาด้วยแอ้ด~ ประตูไม้สักใบเขื่องของผมถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่คนตัวเล็กที่หน้าตามอมแมมยกเข้ามา“สาบานว่ากินได้” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าตาของอาหารที่อยู่ในจานและมีฝาคลอบอยู่อีกที ที่ถามเพราะดูจากสภาพหน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเลอะซอสมะเขือเทศ และเศษหมูสับที่ติดผ้ากันเปื้อนเธออยู่ต่างหาก“อย่าดูถูกฝีมือหงส์นะคะ รับรองว่าหมูสับสามรสของหงส์อร่อยเหาะ”หงส์ยกจานข้าวในมือขึ้นสูงระดับไหล่ พร้อมกับการันตีเองคนเดียวว่าของที่ยกมาน
วันนี้เป็นวันที่สุดแสนจะน่าเบื่อของไฉ่หงคนนี้อีกตามเคย ตั้งแต่ที่ฉันตามหาตัวยูกิ ผู้ที่ช่วยชีวิตฉันเจอและได้เข้ามาทำงานที่ยุกกี้คาสิโนของเขา นี่ก็ผ่านมาเกือบจะสัปดาห์ได้แล้วแต่ฉันก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรที่เรียกว่าทดแทนบุญคุณเขาเลยนอกจากทำอาหารสามมื้อ ทำความสะอาดห้องนอนที่นานๆ ทียูกิจะอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไป พอจะไปช่วยงานในบาร์ที่ชั้นหนึ่งก็โดนลิชา เจ๊ใหญ่ที่คุมพนักงานของโซนบาร์เกือบสามสิบคนไล่ไม่ให้ช่วย ด้วยเหตุผลที่ว่า…‘คุณมอม้าสั่งไว้ ห้ามเธอทำนอกเหนือจากการดูแลคุณยูกิ’เฮ้อ! แบบนี้จะไม่ให้ฉันนั่งจับเจ่าเบื่อหน่ายอยู่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง“ฉิงเฉาตอนนี้นายเป็นยังไงบ้างนะ” พอสมองว่างเปล่าไม่รู้จะคิดเรื่องอะไร เลยฉุกคิดเรื่องของฉิงเฉาคนที่ช่วยพาฉันมาที่ประเทศไทยและหายตัวไปตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนนี้ ก็ใช่ว่าฉันจะเลิกตามหาเบาะแสของลูกน้องคนนี้หรอกนะ ฉันยังคงพยายามเอารูปวาดที่ตัวเองมีให้แขกที่มาใช้บริการที่นี่ดู แต่ทุกคนก็ยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่เคยเห็น’ ส่ายหน้ากันทุกคนก๊อก ก๊อกฉันที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องที่คงมีไม่กี่ค
ก๊อก ก๊อกจังหวะที่ผมกำลังอารมณ์เดือด เกือบจะอาละวาดให้ลูกน้องสองคนที่ก้มหน้ามองรองเท้าหลบสายตาวาวโรจน์ของผม ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“เข้ามา!” ผมตะโกนบอกบุคคลที่เคาะประตู“คุณหลั่นเทียน” ชายร่างสูงผิวคมเข้มเดินทะมัดทะแมงเข้ามาพร้อมกับโค้งศีรษะทำความเคารพผม“ได้เรื่องไหม?” ผมเอ่ยถาม ‘ปาเกา’ ที่มีศักดิ์เป็นบอดี้การ์ดมือขวาผมออกไป“มีคนแถวท่าเรือขนส่งของเราบอกว่าเห็นคุณหนูกับฉิงเฉาลงเรือส่งสินค้าเที่ยวเรือออกไปไทยเมื่อสองอาทิตย์ก่อนครับ”ปาเการายงานเรื่องที่ผมให้ไปสืบอย่างฉะฉานดีมาก! สมกับที่เป็นมือขวาผม ทำงานไม่เคยพลาด ไม่เหมือนไอ้สองตัวนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็ส่งสายตากดดันไล่ไอ้ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องให้รีบไสหัวออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ผมจะลงโทษพวกมันโทษฐานที่เลี้ยงเสียข้าวสุก“ยัยน้องไปกับฉิงเฉา?” ผมเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย‘ยัยน้อง’ เป็นคำที่ผมชอบใช้เรียกน้องสาวผมจนติดปากน่ะ ส่วน ‘ฉิงเฉา’ ที่ปาเกามันเอ่ยถึง คือลูกน้องคนสนิทของป๊าผม แถมมันยังพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับน้องสาวสุดที่รักผมด้วยฉิงเฉาเป็นคนมีฝีมือชั้นเชิงการต่อสู้ดีเยี่ยม เป็นคนไว้
ตู๊ด~[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไปผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดีเพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผมความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่ปัจจุบัน @ประเทศไทย“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ” แหมไอ้เพื่อนรัก ทีงี้รีบออกตัวแรง มันจะเทพไปไหน นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยสักคำ มันมานั่งในใจผมหรือไงถึงรู้ว่าผมกำลังนินทามันอยู่“มึงก็อย่าลีลา ถ้าไฉ่หงอยู่ที่นี่มึงรีบพาเธอมาหากู ก่อนที่พวกนั้นจะตามตัวเธอเจอ” ผมพูดรัวยาวออกไป ทั้งดีใจที่น้องอยู่ใกล้แค่เอื้อมโลกมันโคตรจะกลมไปมั้ยวะ!“ไฉ่หง?” ยูกิพึมพำชื่อน้องผมเบาๆ แต่สายตามันจับจ้องมาทางผมเป็นเชิงสงสัย “เออ! ชื่อน้องกูเอง หลัน ไฉ่หง” ผมบอกชื่อจริงน้องผมให้มันฟังชัดๆ“แต่เธอบอกชื่อหงส์ ไม่ใช่ไฉ่หง” ไอ้ยูกิยังคงยอกย้อน ลีลาเชื่องช้าเป็นเต่าไปได้ มันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมแทบจะระเบิดความเป็นห่วงน้องตัวเองออกมามากแค่ไหน“จะชื่ออะไรก็ชั่งแม่งเหอะ! สรุปเป็นคนในรูปใช่ไม่ใช่?” ผมเริ่มจะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้มันแข็งมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเริ่มจะหมั่นไส้ไอ้ยูกิกรายๆแม่งลีลาฉิบ!แต่แทนที่ไอ้ยูกิจะตอบผม มันหันไปมองหน้าไอ้มอม้าลูกน้องคนสนิทของมัน ลูกน้องมันก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป ผมได้แต่ทำหน้างงว่ามันสองคนแค่มองตากันแค่นี้ก็เข้าใจคำสั่งลูกพี่มันได้แล้วเหรอวะ แม่งเทพเชี่ยๆ“เธอตาสีฟ้า” จู่ๆ ไอ้ยูกิที่เอาแต่นั่งเงียบหล
[Yuuki’s part]ผมนั่งมองเหตุการณ์ก่อนหน้าของคู่พี่น้องตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมลืมบอกหลั่นเทียนไป ‘น้องสาวมันความจำเสื่อม’ ไอ้มอม้ามันบอกผมมาแบบนี้ก็นะ! ไอ้หลั่นเทียนมันก็รีบร้อนเกินไปทำให้ผมไม่มีเวลาบอก สุดท้ายมันเลยต้องยืนช็อคอยู่แบบนั้น“ไอ้เทียน มึงมานั่งก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนเธอออกไปก่อนไป”เหตุการณ์ดูท่าจะวุ่นวายไปกันใหญ่ ผมเลยเรียกสติหลั่นเทียนแล้วไล่ยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าในตอนแรกแต่สถานะตอนนี้เป็นน้องสาวเพื่อนร่วมธุรกิจผมออกไปก่อนไอ้มอม้าเป็นคนอาสาพาหงส์ออกไปจากห้อง ส่วนหลั่นเทียนก็เดินเหมือนคนสติหลุดมานั่งที่โซฟาตัวเดิม “ได้ไงวะ เกิดอะไรขึ้นกับน้องกู” หลั่นเทียนพร่ำเพ้อเหมือนคนสติหลุดลอย มันเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไม่เลิก“ไอ้มอม้าบอกน้องมึงจำเรื่องราวก่อนที่จะมาที่นี่ไม่ได้สักอย่าง” ผมเล่าเรื่องที่ไอ้มอม้าเคยเล่าให้ผมฟังมาเล่าต่อให้หลั่นเทียนฟังอีกทอด“จำไม่ได้? มึงคงไม่ได้หมายถึง...” หลั่นเทียนไม่เอ่ยต่อ มันคงยังไม่เชื่อว่าน้องมันความจำเสื่อม “ก็อย่างที่มึงเข้าใจ” ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรมันเรื่องพวกนี้ปลอบไปแล้วจะได้อะไร รู้ทั้งรู้ว่ามันคือเรื่องจริงจะให้มานั่งบอกว
“โอ๊ย อื้อ” คนขี้โกง!ยูกิใช้มือข้างไหนไม่รู้ขย้ำหน้าอกของฉันแรงมากจนฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจปนสั่นสะท้าน ไม่ใช่แค่บีบ เขากำลังใช้นิ้วมือค่อยๆ ลากวนกับส่วนที่ชูขันของฉันเป็นวงกลม แถมยังค่อยๆ ขยี้มันเหมือนกับนั่นคือดินน้ำมันที่ต้องการจะปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ“อื้อๆ” ทำได้เพียงร้องประท้วง เพราะเขายังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไปไม่ไหว หายใจไม่ทัน เหมือนเริ่มจะขาดอากาศไปเลี้ยงปอดและสมอง“อึก เฮือก” ราวกับรู้ว่าฉันกำลังต้องการอะไร ยูกิรีบผละริมผีปากออกมา แต่ก็แค่ชั่วครู่ “อือ” ไม่ใช่เสียงฉันยูกิครางแผ่วลอดออกมาตอนที่กำลังเล่นสนุกกับการไล่เกี่ยวกระหวัดและดูดดุนลิ้นเล็กของฉันในโพรงปากปึกๆ มือฉันเป็นอิสระอีกครั้ง รีบระดมทุบรัวไปทั้งแผ่นหลังข่วนได้ฉันข่วน จิกได้ฉันเลือกจิก เพื่อให้ยูกิละมือที่บีบเคล้นหน้าอกฉันจนแทบจะแหลกละเอียด ส่วนปากนั้นก็กอบโกยเอาความหวานฉ่ำที่ปนรสชาติแอลกอฮอล์ของฉันและเขาแลกเปลี่ยนกันผ่านทางน้ำลาย“อ๊ะ อย่านะ ยูกิ ฉันขอร้อง” ทั้งดิ้น ทั้งอ้อนวอน ยูกิก็ทำเพียงแค่มองและ...“ฉันบอกแล้ว นี่คือของขวัญวันเกิดเธอ”กึก เสียงเหมือนอะไรสักอย่างขาดผึง เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้พื้นที
“ใหญ่ อื้อ ชอบ” ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นประโยคบอกเล่าหรือแค่พูดกับตัวเองเดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ฉันบอกแค่ว่าชุดมันกำลังร่นลง แต่ทำไมตอนที่ฉันมองตามเสียงพูดยูกิถึงได้เห็นร่างกายช่วงบนที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดแบบนั้น“อย่ามอง คนฉวยโอกา..ส โอ๊ย!” เขากัดเนื้อที่ล้นออกมาจากกำมือที่กำลังกอบกุมมันอยู่ทั้งสองข้าง มันทั้งเจ็บ ชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูกร่างกายฉันอ่อนเปรี้ยทันทีที่ริมฝีปากหนาหยักลึกกำลังครอบครองยอดอกที่เต่งตึงของฉัน มืออีกข้างก็ทั้งบีบ นวด เคล้น คลึง เขาทำทุกอย่างเหมือนกับมันคือของเล่นที่นิ่มๆ ชนิดหนึ่ง“อืม~” ไม่! ฉันไม่อยากได้ยินเสียงน่าอายพวกนั้น ทั้งของฉันและของเขา“พอ อย่าเล่น เลิกแกล้งหงส์ได้แล้ว” ฉันยังคงปลอบใจตัวเองคนเกลียดขี้หน้ากัน เขาทำกันแบบนี้เหรอจำเป็นต้องใกล้ชิดขนาดอากาศไม่ให้ลอดผ่านแบบนี้ไหม?“ไม่ได้อยากทำ แต่เลิกไม่ได้ อาส์”สติฉันกำลังลางเลือนไม่รู้เมื่อกี้ยูกิพูดว่าอะไร จิตใจมันกำลังหวาดระแวงและเป็นกังวลว่าไอ้ชุดที่มันลงไปกองค้างปิดสะดืออยู่จะหลุดต่ำลงไปกว่านั้นตอนไหน ทั้งตัวฉันมีแค่เดรสสีชมพูตัวนี้ กับซับในที่เป็นเหมือนแพนตี้เหลือแค่สองชิ้นนี้เท่านั้น ถ้ามันหลุดออกห
ตุ้บ!ร่างเล็กของฉันถูกทิ้งลงบนเตียงหนาใหญ่ด้วยฝีมือของคนฉวยโอกาส“คุณจะทำอะไร” รีบกระถดตัวถอยไปทางหัวเตียง สอดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่ แต่มันคือเรื่องซวยของฉันตรงที่เตียงนอนของอยู่กิอยู่ติดกำแพงข้างหนึ่ง ส่วนข้างที่โล่งไม่มีอะไรขวางกั้นกลับมีร่างสูงยืนคุมเชิงอยู่อีกที“ฉันบอกแล้ว ให้เธอรีบไป แต่ก็ไม่!” ยูกิพูดรอดไรฟันแม้เสียงจะดูเหมือนกำลังโทษฉัน แต่สายตาที่กำลังมองสำรวจร่างฉันมันกำลังแผดเผาชุดที่สวมใส่อยู่ให้กระจุยกระจาย“ห.. หงส์จะไปแล้ว หงส์เชื่อคุณแล้ว” ตอบรับคำสั่งโดยไม่อิดออด ผละตัวเตรียมคลานลงจากเตียงนอนเพราะยูกิเริ่มขยับตัวเปิดทางให้ฉันแต่นั่นฉันคิดผิด... เขาไม่ได้เปิดทางให้หนีแต่…“จะไปไหน”“โอ๊ย! กรี้ด!” ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อยูกิทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับฉันในท่ากำลังคลานตัวมายังปลายเตียงฉันล้มในท่านอนคว่ำ ยูกิทาบทับฉันอยู่ด้านบนอีกทีตึกตัก ตึกตักไม่ใช่เสียงหัวใจที่เขินอาย แต่มันคือเสียงเตือนว่าท่านี้ไม่ปลอดภัย“ปล่อยหงส์เถอะค่ะ หงส์ไม่กล้าขัดคำสั่งคุณยูกิแล้ว”พูดไปก็พยายามดิ้นให้คนตัวใหญ่ที่อยู่ด้านบนหลุดพ้นจากแผ่นหลังตัวเองสักที ความอุ่นร้อนของผิวกายที่โผล่พ้นออ
หลังจากรับของขวัญวันเกิดจากคนที่มาร่วมงานที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะส่วนมากเป็นพนักงานของยุกกี้ กว่าจะเสร็จก็ปาไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ฉันเริ่มมึนหัวนิดหน่อยเพราะหลายคนชวนชนแก้วกับฉันทุกครั้งที่เอาของขวัญมาให้“ไหวมั้ยเรา” มอม้าเดินมานั่งยองๆ ข้างเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่งอยู่“ถ้ามีชนอีกคงไม่ไหว” ตอบด้วยความสัจจริง ถ้ามีอีกคนยื่นแก้วเหล้ามาให้มีหวังฉันล้มพับก่อนได้เป่าเค้กวันเกิดแน่นอน“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของเอฟวันดังขึ้น ก่อนหน้านี้ฉันได้รู้จักชื่อบุคคลสองคนที่ไม่คุ้นหน้าเรียบร้อยแล้ว แก้มใสเธอเป็นคนแนะนำให้รู้จักน่ะคนที่น้ำเสียงติดทะเล้นๆ เขาชื่อ ‘เอฟวัน’ส่วนอีกคนที่ฉันบอกว่าน่าจะอายุเยอะสุดชื่อ ‘ไททัน’“หงส์ ได้เวลาตัดเค้กแล้ว” แก้มใสเรียกขึ้นเพราะมัวแต่มองหน้าใครบางคนที่เอาแต่กระดกแอลกอฮอล์เข้าปากถึงกับสะดุ้งตัวนิดๆ “ค่ะ” ตอบรับเสร็จก็เดินไปตรงที่มีเค้กขนาดหลายปอนด์ตั้งตระหง่านแต่ทางที่จะเดินผ่านมันต้องผ่านยูกิก่อนไง แล้วเขาก็เหมือนจะแกล้งหรือทำเป็นไม่รู้ตัวว่าขายาวๆ ของเขากำลังขวางทางเดินฉันอยู่มันเป็นโต๊ะแบบล้อมวงกลมและเป็นเก้าอี้ตัวยาวๆ วางเรียงกันเป็นวงกลมมีทางออกแค่ทางเดียวคือเก้า
[Special’s part]หลังจากที่สามสาวก้าวเท้าขึ้นมายังชั้นดาดฟ้า สถานที่จัดงานที่ถูกเนรมิตให้เหมือนดั่งสรวงสวรรค์ เพลงคลาสสิคที่ดังคลอเบาๆ ชวนให้บรรยากาศหน้าจิบไวน์หรือของมึนเมาบริเวณรอบๆ ตรงสระว่ายน้ำมีเทียนวางล้อมรอบให้ความอบอุ่นและแสงสว่างรำไร หากมองไปทางริมระเบียงดาดฟ้าจะเห็นว่าถูกตกแต่งไปด้วยลูกโปร่งหลากหลายสีสันข้างผนังกำแพงด้านในมีผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาดตาถูกขึงตรึงไว้ด้วยหมุด พร้อมตัวอักษณ์สีส้มอ่อนๆ‘HAPPY BIRTHDAY TO CAIHONGสุขสันต์วันเกิดไฉ่หง’ทำให้เจ้าของวันเกิดที่กำลังกวาดตามองรอบๆ ยิ้มกว้างด้วยใบหน้าตื้นตัน“สวยมากอะหงส์ กรี้ด ตาอิจฉา” เสียงหวานๆ ของสิตาดังขึ้น เธอตื่นเต้นราวกับนี่เป็นงานวันเกิดตัวเองเสียอย่างนั้น“น้อยๆ หน่อย ออกหน้าออกตานะเธอ ป้ะ! ไปตรงนู้นกันดีกว่า” เสียงพี่ใหญ่อย่างลิชาเอ่ยขึ้น พร้อมกับคว้าข้อมือสองสาวอย่าง ไฉ่หงและสิตา เดินเข้ามาในงานเมื่อเจ้าของวันเกิดที่ทั้งสวย และโดดเด่นที่สุดในงานปรากฏตัวขึ้น ทำให้มีสายตาหลายสิบคู่กำลังมองมาที่เธอเป็นจุดๆ เดียวสาวสวยรูปร่างเพอเฟค หุ่นไซส์เอส ที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันและหนุ่มๆ หมายปอง แล้วไหนจะชุดที่ชายใดได้มองต้องกลื
เออ! นั่นดิ แล้วทำไมต้องเรียกวะ?“ฉันหมายถึงเอาโทรศัพท์เธอมาให้ฉันดูหน่อย”เหมือนจะสีข้างถลอก แถไปแบบน้ำขุ่นๆ“นี่ค่ะ” ไฉ่หงยื่นโทรศัพท์ราคาแพงมาให้ ผมลองกดๆ ดูก็ไม่เห็นจะมีอะไรยัยนี่คงมีเครื่องไว้ประดับแต่ไม่เคยใช้เลยสินะ รูปถ่ายในเครื่องก็ไม่มี เบอร์โทรก็มีแค่เบอร์ไอ้เทียนเบอร์เดียว แต่เดี๋ยวนะ...ผมกดไปดูบันทึกการโทรเข้า เห็นมีหนึ่งสายล่าสุดที่โทรเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่พอสังเกตดีๆ เบอร์นี้เป็นเบอร์โทรจากต่างประเทศและน่าจะเป็นฮ่องกงเพราะไอ้เทียนชอบใช้เบอร์ที่ขึ้นต้นคล้ายๆ กันโทรหาผมบ่อยๆ“นี่เบอร์ใคร?” ผมถามน้ำเสียงติดดุๆ“คุณยูกิรู้จัก?” เธอถามกลับ ติดดีใจหน่อยๆคิดว่าที่ผมถามเพราะผมรู้? บังเอิญไม่ใช่สมุดหน้าเหลืองน“ถามให้ตอบ ไม่ใช่ให้ย้อนถามคืน” ผมปรายตาดุๆ ส่งไปให้คนที่ยืนรอคำตอบผมด้วยใบหน้ามีความหวังเป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักมารยาท ได้ข่าวพรุ่งนี้ถึงจะครบยี่สิบเอ็ดปีเต็มไม่ใช่? ห่างกับผมตั้งเกือบสิบปี หลังๆ คะ ขา นี่ไม่มีลงท้ายด้วยเหอะ“หงส์ไม่ได้อยากย้อน หงส์แค่เห็นคุณยูกิมองเบอร์นั้นอยู่นานสองนาน ทำท่าทางเหมือนกำลังนึกอะไรในใจ เลยลองถามดูเผื่อจะเป็นเบอร์คนรู้จัก”ไฉ่หง
ก๊อก ก๊อกฉันเคาะห้องสองสามครั้ง เปิดประตูเข้าไปห้องทำงานยูกิ เขาเองก็เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมองฉันพร้อมเครื่องหมายคำถามมากมายบนใบหน้าหล่อเหลานั้น“เอ่อ... ขอบคุณสำหรับค่ารักษาค่ะ” คิดคำทักทายไม่ทันเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าที่คุ้นเคยแต่เหมือนห่างไกล“ลิชาไม่ได้บอก?” เขาคงหมายถึงคำสั่งที่ส่งผ่านเจ๊ลิชาที่ห้ามฉันมาทำงานจนกว่าจะหายดี“บอกค่ะแต่หงส์อยากมาสะสางงานที่คั่ง...”“งานมันไม่หนีไปไหน กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้วันเกิดเธอ”“ไอ้เทียนให้ฉันจัดงานให้”ฉันยังพูดไม่ทันจบ ยูกิก็พูดแทรกมาก่อนด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ“งานไม่หนี แต่วันต่อไปอาจจะไม่มีหงส์อยู่” เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยจะต่อกับบทสนทนาก่อนหน้าเท่าไหร่ไม่รู้สิ! มันเหมือนความรู้สึกที่เก็บกดมานานมันระเบิดออกมา ตู้ม! เดียว“หมายความว่าไง? ไอ้เทียนจะพาเธอกลับฮ่องกงแล้วว่างั้น” ยูกิถามเขาจ้องหน้าฉันเหมือนกับกำลังรอคอยคำตอบ“…” ฉันเงียบ จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ ในเมื่อสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้มันแค่ประชดบางทีเฮียเทียนอาจจะไม่ได้เป็นคนมาพาฉันกลับ แต่อาจจะเป็นคนที่เพิ่งโทรหาฉันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก็เป็นได้ฉันมั่นใจว่าฉันกับเขาเรารู้จักกัน ความรู้สึกล
“ไม่เอาแล้ว ดึกแล้ว นอนกันเถอะ เดี๋ยวถูกดุอีก”ฉันใช้น้ำเสียงไม่จริงจังพูดออกไป แล้วแกล้งหลับตาแอบมองปฏิกิริยาของคนที่กำลังทำหน้าเอ๋อๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย และจากนั้นก็เดินกลับไปนอนที่โซฟาปรับเบาะให้กลายเป็นเตียงนอนแล้วหลับไป ส่วนฉันสงสัยยาจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วเช่นกันเลยปล่อยให้ร่างกายชัดดาวน์ตัวเองไปตามธรรมชาติในที่สุดฉันก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักที นอนเหี่ยวเฉาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตั้งหนึ่งคืนเต็มๆ หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาในยุกกี้ที่ตอนนี้ยังไม่มีคนมาใช้บริการเพราะมันเพิ่งจะแปดโมงเช้า แต่พนักงานก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้นความรู้สึกแปลกๆ ทำให้เสียวสันหลังวาบ เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งรอบบริเวณที่ฉันยืนอยู่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา“ตาเอาของไปเก็บให้นะ หงส์ไปทานข้าวในครัวก่อนเลย เจ๊ลิชาคงเตรียมไว้ให้แล้ว” สิตาที่มาพร้อมกับฉันว่าเสร็จก็แย่งเอากระเป๋าของใช้ไปเก็บทันที“เป็นไรเรา หันซ้ายหันขวา มองหาใครอยู่เหรอ” เสียงมอม้าดังมาจากด้านหลัง เขากำลังเดินถึงบันไดขั้นสุดท้าย สงสัยเพิ่งลงมาจากชั้นสอง“หงส์รู้สึกแปลกๆ” ฉันตอบน้ำเสียงเบาหวิว ลูบแขนตัวเองป้อยๆ เพราะยังรู้สึกประหม่ากับความรู้สึกร้อนๆ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป“น้ำ!” รู้สึกปวดเมื่อยตัวไปหมดร่างกายต้องการน้ำเป็นสิ่งแรกหลังจากที่รู้สึกตัว“เอา! นี่จ๊ะ ดื่มน้ำก่อน” เสียงหวานๆ เรียกให้ฉันดื่มน้ำ“สิตา” ฉันเรียกเจ้าของใบหน้าสวยหวานเสียงแหบแห้ง“ดื่มก่อน” สิตายังคงพูดประโยคเดิมพร้อมกับยื่นน้ำที่มีหลอดดูดมาจ่อที่ริมฝีปากบาง พลันสมองก็หวนกลับไปนึกถึงตอนที่ยูกิกำลังทำแบบนี้ให้แปรด~ รับรู้ได้เลยว่าใบหน้าตอนนี้กำลังเห่อร้อน“หน้าแดง ไข้ขึ้นอีกไหมเนี่ย” เสียงร้อนรนของสิตาทำให้ฉันสะบัดหัวเบาๆ เพื่อลบภาพพวกนั้นทิ้งไป“ดีขึ้นแล้ว ไม่ปวดหัวด้วย” ฉันรีบบอกอาการของตัวเองทันทีที่เห็นเธอกำลังจะเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาล“แน่ใจนะ” ใบหน้าหวานถอดสีหน่อยๆ เหมือนกำลังกังวลอะไรในใจ“อื้ม หงส์ไม่เป็นไรแล้ว” ยิ้มสำทับคำพูดเพื่อให้คนหน้ามุ่ยผ่อนคลาย“เมื่อกี้สิตากลัวแทบตาย หงส์ดูเจ็บปวดทรมานมากเลยล่ะ”ฉันได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่ากำลังเจ็บปวดกับเรื่องที่มอม้าระบายออกมา แล้วหลังจากนั้น...“ไม่เอาสิ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว” สิตารีบจับไหล่ฉันแล้วเขย่าเบาๆ“เมื่อกี้หงส์ หงส์...”“ช่างมันเถอะ ดูนี่ สิตามี