หลังจากที่มอม้าออกไปจากห้องทำงานผมได้ไม่ถึงสิบนาที มันก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับคำถามร้อยแปดที่ผมต้องตอบมัน
“ตกลงเฮียเคยช่วยหงส์ไว้จริงๆ เหรอ อย่าบอกนะว่าเฮียแอบไปตามสืบเรื่องไอ้ดำ ผมบอกเฮียแล้วว่าเดี๋ยวจัดการเอง มันอันตราย”
เฮ้อ! ผมได้แต่ถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่การกลับมาอีกครั้งของมอม้า มาพร้อมการสวดในเรื่องที่ผมทำก่อนหน้ายาวเหยียด ทำยังกับผมกับมันเป็นคู่รักกัน
“กูขี้เกียจรอมึง นั่งรอแต่ในห้องเดี๋ยวง่อยแดก” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ
“เออ! ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ก็โชคดีที่เฮียไม่เจอมัน ไม่รู้ว่าเป็นกับดักล่อเฮียให้ไปติดกับหรือเปล่า”
“มึงเห็นกูเป็นไก่อ่อนขนาดนั้นเชียว?” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามัน
“ไม่ใช่แบบนั้น โว๊ย! เออ! เฮียแม่งเก่งอยู่แล้ว ผมรู้ว่าเฮียเอาตัวรอดได้ แต่เป็นห่วงเจ้านายนี่ผมผิดมากเหรอวะ!” ครั้งนี้ดูมอม้าจะหัวเสียอย่างมาก ผมรู้ว่ามันรักผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เหมือนที่ผมก็เห็นมันเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ เหมือนกัน
“เออๆ ต่อไปกูจะรายงานมึงก่อนทำ” สุดท้ายผมก็ยอมให้กับความง๊องแง๊งของมัน “แล้วเรื่องหงส์ทำไมเฮียถึงไม่ยอมรับการตอบแทนของเธอ”
จบเรื่องหนึ่ง ก็วกกลับมาเรื่องผู้หญิงคนนั้น อะไรมันจะแคร์เธอขนาดนั้นวะ หรือว่าแอบปิ้งๆ ผู้หญิงตาสีฟ้า
“เฮ้! เฮียอย่าคิด ห้ามคิด ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอเหอะ” มอม้าคงอ่านความคิดผมออก มันเลยรีบร้อนตัวบอกปัดไป
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ มึงคิดว่าจะตอบแทนอะไรกูได้ นอกจากเรื่องบนเตียง”
ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะมาตอบแทนอะไรผมที่มีทุกอย่างครบแบบนี้ นอกจากในหัวเธอคิดจะจับผมทางลัดมากกว่าการตอบแทนจริงๆ
“ผมว่าหงส์ไม่ใช่คนแบบนั้น เฮียแม่งระแวงผู้หญิงมากเกินไป” มอม้าใช้น้ำเสียงตำหนิผมแบบออกนอกหน้า
“แล้วมึงคิดว่ายัยนั่นจะตอบแทนกูได้ยังไง ไหนลองยกตัวอย่างสิ” ผมคาดคั้นให้มันลองยกเหตุผลหรืออะไรสักอย่างที่มันมองผู้หญิงคนนั้นให้ผมหายแครงใจ
“หงส์เป็นคนดี ถือเนื้อถือตัวแบบนั้น ผมว่าเธอคงไม่คิดเอาร่างกายตอบแทนแบบที่เฮียคิดหรอก แต่ไอ้เรื่องที่ว่าเธอจะตอบแทนยังไง ผมก็ไม่รู้ว่ะ”
เห็นมั้ย! มันยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าโง่ๆ แบบนั้นจะตอบแทนผมได้แบบไหน แล้วยังจะมาหาว่าผมคิดอกุศลกับเธออีก
“แต่เฮียจะด่วนสรุปเอาเองแบบนี้ไม่ได้ ผู้หญิงไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน”
ไอ้มอม้าเน้นประโยคท้ายแบบหนักแน่น ผมรู้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร
“ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด มึงอย่ามาพูดให้ดูดี ถ้าไม่เจอกับตัว” ผมขบกรามกรอด พูดเสียงรอดไรฟันออกไป
“เมื่อไหร่เฮียจะลืมเรื่องนั้นสักที นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วจะเก็บมันให้เป็นไฟสุมอกไปถึงเมื่อไหร่” มอม้าเริ่มจะหัวเสียใส่ผม เวลาเราคุยเรื่องพวกนี้ทีไร มันที่รู้อดีตทุกอย่างของผมดีกว่าคนอื่นๆ ก็มักจะเตือนสติผมแบบนี้ทุกครั้ง
“แต่ก็ยังดี ที่เฮียยังไม่ไล่เธอไป ผมจะถือโอกาสให้เธอดูแลเฮียทุกอย่าง”
ผมรีบหันขวับมองหน้าไอ้มอม้าที่ตัดสินใจเอากระดูกมาแขวนคอผมทั้งๆ ที่ผมก็อุตส่าห์คว้างมันจากคอตัวเองแล้วแท้ๆ
“มึงคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทัน” ผมชี้หน้ามอม้าอย่างคาดโทษ
มันคงคิดจะให้ยัยตาฟ้านั่นมาทำให้ผมคุ้นชินและเลิกหวาดระแวงผู้หญิง
“ไม่รู้ รู้ทันแล้วไง เฮียปล่อยให้ผมจัดการแล้ว ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”
ฉิบหาย!! กูจะบ้าตาย ไม่น่าพลั้งปากใจอ่อนให้กับความช่างเซ้าซี้ของมันเลย
“เอาที่มึงสบายใจ อย่าล้ำเส้นให้มาก แล้วก็ ยัยนั่นจะทนคนอย่างกูได้นานแค่ไหน กูไม่รับประกัน!” ผมพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็หันกลับมาสนใจงานที่ค้างกองพะเนินอยู่ตรงหน้าตามเดิม ส่วนไอ้มอม้ามันก็เดินออกไปจากห้องแทบจะทันที
ผมเป็นถึงเจ้าของคาสิโน แต่ต้องมานั่งเหนื่อยกับกองบัญชีตรงหน้า ไหนจะเจอลูกน้องกวนประสาทอย่างมอม้านี่อีก ถ้ารวมใบไม้ที่เป็นคนสนิทมือซ้ายผมอีกคนมาร่วมด้วยช่วยกันผมคงจะประสาทแดกตาย
ใครว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นมันสบายวะ ลองมาบริหารยุกกี้คาสิโนของผมดูแล้วคุณจะรู้ แม้แต่นรกยังไม่ทำให้คุณปวดหัวเท่ากับมอม้ากับใบไม้ลูกน้องผมเลย
[End part]
หลังจากที่ถูกเจ้าของห้องไล่ออกมาแบบไม่สนใจใยดี ฉันก็ได้แต่เดินคอตกตามมอม้ามายังชั้นล่าง“อย่าไปสนใจเฮียแกเลย เฮียแกก็เป็นแบบนี้แหละปากหมา แต่ใจดีนะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมองมอม้าแทบจะไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำว่าใจดีของเจ้านายเขาถ้าแบบคนในห้องนั้นเรียกใจดี แล้วคนบนโลกนี้จะมีใครใจร้ายเหรอ?“ไม่เชื่อฉันสินะ เดี๋ยวหงส์อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ใหม่ๆ ใครก็กลัวเฮียแกแบบนี้ทุกคน”“แล้วนายไม่กลัวเหรอ เห็นการพูดคุยในห้องแล้วดูท่าจะสนิทกันมาก” ฉันถามมอม้าพร้อมกับหน้าตาที่รอฟังคำตอบจากเขาแบบลุ้นๆ“ฉันกับเฮียยูน่ะรู้จักกันมาเกือบสิบปี เฮียแกเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมือนกัน”“งั้นนายก็มาทำงานที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขาเหมือนหงส์งั้นเหรอ แล้วทำไมทีหงส์พูดเขากลับไม่ต้องการ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ“เพราะแต่ก่อนเฮียเขาไม่ใช่คนแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช้เพราะ.. ช่างมันเถอะอย่ารู้ดีที่สุด” เหมือนมอม้ากำลังจะหลุดเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเฮียของเขาออกมาแต่ก็ตั้งสติได้เสียก่อนจึงหยุดคำพูดนั้นไว้“เออจริงสิ! หงส์ยังไม่รู้จักชื่อเฮียแกนี่หว่า” ถ้ามอม้าไม่พูดฉันก็ลืมถามไปเลยตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนหน้า ฉ
หลังจากที่ใช้เวลาเก็บกวาดห้องเก็บของไปถึงสองชั่วโมง ฉันก็ได้ห้องใหม่ที่ทั้งสะอาดและน่าอยู่ “เธอคือหงส์ใช่ไหม?” เสียงแหบๆ ของผู้หญิงดังขึ้นที่หน้าประตูห้องที่ฉันเปิดค้างเอาไว้“ค่ะ” ฉันหันไปตอบผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวได้เปรี้ยวเข็ดฟันสุดๆ เธอสวย หุ่นอวบอั๋น แถมท่าทางน่าจะใจดี ยืนส่งยิ้มหวานๆ มาให้“ฉันชื่อลิชา เรียกเจ๊ลิก็ได้ พอดีคุณมอม้าให้มาช่วยพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัวน่ะ” ผู้หญิงที่เพิ่งเรียกฉันเมื่อครู่แนะนำตัว พร้อมกับเดินเข้ามาภายในห้อง“หงส์ค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะเจ๊ลิ” ฉันยิ้มหวานแนะนำตัวกับลิชาลิชาพาฉันไปซื้อของที่ห้างไม่ไกลจากยุกกี้คาสิโนเท่าไหร่ เราใช้เวลาเดินทางแค่สิบห้านาทีด้วยการเดินเท้า และใช้เวลาเดินซื้อของอีกประมาณค่อนชั่วโมงได้ หมดเงินไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆ ทยอยคืนมอม้าแล้วกัน“หงส์เอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาหาเจ๊ที่โซนบาร์นะ ถ้ามาไม่ถูกลองถามเด็กๆ ที่แต่งตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟเอาก็ได้”“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบลิชา ปลีกตัวเอาของเข้ามาเก็บในห้องนอนตามที่เธอบอก โชคดีที่ห้องเก็บของนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย“เป็นไงมาไงถึงได้มากับคุณมอม้าได้ล่ะ” หลังจากเดินเข้า
“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปังกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที[Yuuki’s part]ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไร นี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็นผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้งก๊อกๆ“ขอเข้าไปนะคะ” ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนดังมาด้วยแอ้ด~ ประตูไม้สักใบเขื่องของผมถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่คนตัวเล็กที่หน้าตามอมแมมยกเข้ามา“สาบานว่ากินได้” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าตาของอาหารที่อยู่ในจานและมีฝาคลอบอยู่อีกที ที่ถามเพราะดูจากสภาพหน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเลอะซอสมะเขือเทศ และเศษหมูสับที่ติดผ้ากันเปื้อนเธออยู่ต่างหาก“อย่าดูถูกฝีมือหงส์นะคะ รับรองว่าหมูสับสามรสของหงส์อร่อยเหาะ”หงส์ยกจานข้าวในมือขึ้นสูงระดับไหล่ พร้อมกับการันตีเองคนเดียวว่าของที่ยกมาน
วันนี้เป็นวันที่สุดแสนจะน่าเบื่อของไฉ่หงคนนี้อีกตามเคย ตั้งแต่ที่ฉันตามหาตัวยูกิ ผู้ที่ช่วยชีวิตฉันเจอและได้เข้ามาทำงานที่ยุกกี้คาสิโนของเขา นี่ก็ผ่านมาเกือบจะสัปดาห์ได้แล้วแต่ฉันก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรที่เรียกว่าทดแทนบุญคุณเขาเลยนอกจากทำอาหารสามมื้อ ทำความสะอาดห้องนอนที่นานๆ ทียูกิจะอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไป พอจะไปช่วยงานในบาร์ที่ชั้นหนึ่งก็โดนลิชา เจ๊ใหญ่ที่คุมพนักงานของโซนบาร์เกือบสามสิบคนไล่ไม่ให้ช่วย ด้วยเหตุผลที่ว่า…‘คุณมอม้าสั่งไว้ ห้ามเธอทำนอกเหนือจากการดูแลคุณยูกิ’เฮ้อ! แบบนี้จะไม่ให้ฉันนั่งจับเจ่าเบื่อหน่ายอยู่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง“ฉิงเฉาตอนนี้นายเป็นยังไงบ้างนะ” พอสมองว่างเปล่าไม่รู้จะคิดเรื่องอะไร เลยฉุกคิดเรื่องของฉิงเฉาคนที่ช่วยพาฉันมาที่ประเทศไทยและหายตัวไปตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนนี้ ก็ใช่ว่าฉันจะเลิกตามหาเบาะแสของลูกน้องคนนี้หรอกนะ ฉันยังคงพยายามเอารูปวาดที่ตัวเองมีให้แขกที่มาใช้บริการที่นี่ดู แต่ทุกคนก็ยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่เคยเห็น’ ส่ายหน้ากันทุกคนก๊อก ก๊อกฉันที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องที่คงมีไม่กี่ค
ก๊อก ก๊อกจังหวะที่ผมกำลังอารมณ์เดือด เกือบจะอาละวาดให้ลูกน้องสองคนที่ก้มหน้ามองรองเท้าหลบสายตาวาวโรจน์ของผม ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“เข้ามา!” ผมตะโกนบอกบุคคลที่เคาะประตู“คุณหลั่นเทียน” ชายร่างสูงผิวคมเข้มเดินทะมัดทะแมงเข้ามาพร้อมกับโค้งศีรษะทำความเคารพผม“ได้เรื่องไหม?” ผมเอ่ยถาม ‘ปาเกา’ ที่มีศักดิ์เป็นบอดี้การ์ดมือขวาผมออกไป“มีคนแถวท่าเรือขนส่งของเราบอกว่าเห็นคุณหนูกับฉิงเฉาลงเรือส่งสินค้าเที่ยวเรือออกไปไทยเมื่อสองอาทิตย์ก่อนครับ”ปาเการายงานเรื่องที่ผมให้ไปสืบอย่างฉะฉานดีมาก! สมกับที่เป็นมือขวาผม ทำงานไม่เคยพลาด ไม่เหมือนไอ้สองตัวนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็ส่งสายตากดดันไล่ไอ้ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องให้รีบไสหัวออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ผมจะลงโทษพวกมันโทษฐานที่เลี้ยงเสียข้าวสุก“ยัยน้องไปกับฉิงเฉา?” ผมเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย‘ยัยน้อง’ เป็นคำที่ผมชอบใช้เรียกน้องสาวผมจนติดปากน่ะ ส่วน ‘ฉิงเฉา’ ที่ปาเกามันเอ่ยถึง คือลูกน้องคนสนิทของป๊าผม แถมมันยังพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับน้องสาวสุดที่รักผมด้วยฉิงเฉาเป็นคนมีฝีมือชั้นเชิงการต่อสู้ดีเยี่ยม เป็นคนไว้
ตู๊ด~[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไปผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดีเพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผมความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่ปัจจุบัน @ประเทศไทย“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ” แหมไอ้เพื่อนรัก ทีงี้รีบออกตัวแรง มันจะเทพไปไหน นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยสักคำ มันมานั่งในใจผมหรือไงถึงรู้ว่าผมกำลังนินทามันอยู่“มึงก็อย่าลีลา ถ้าไฉ่หงอยู่ที่นี่มึงรีบพาเธอมาหากู ก่อนที่พวกนั้นจะตามตัวเธอเจอ” ผมพูดรัวยาวออกไป ทั้งดีใจที่น้องอยู่ใกล้แค่เอื้อมโลกมันโคตรจะกลมไปมั้ยวะ!“ไฉ่หง?” ยูกิพึมพำชื่อน้องผมเบาๆ แต่สายตามันจับจ้องมาทางผมเป็นเชิงสงสัย “เออ! ชื่อน้องกูเอง หลัน ไฉ่หง” ผมบอกชื่อจริงน้องผมให้มันฟังชัดๆ“แต่เธอบอกชื่อหงส์ ไม่ใช่ไฉ่หง” ไอ้ยูกิยังคงยอกย้อน ลีลาเชื่องช้าเป็นเต่าไปได้ มันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมแทบจะระเบิดความเป็นห่วงน้องตัวเองออกมามากแค่ไหน“จะชื่ออะไรก็ชั่งแม่งเหอะ! สรุปเป็นคนในรูปใช่ไม่ใช่?” ผมเริ่มจะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้มันแข็งมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเริ่มจะหมั่นไส้ไอ้ยูกิกรายๆแม่งลีลาฉิบ!แต่แทนที่ไอ้ยูกิจะตอบผม มันหันไปมองหน้าไอ้มอม้าลูกน้องคนสนิทของมัน ลูกน้องมันก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป ผมได้แต่ทำหน้างงว่ามันสองคนแค่มองตากันแค่นี้ก็เข้าใจคำสั่งลูกพี่มันได้แล้วเหรอวะ แม่งเทพเชี่ยๆ“เธอตาสีฟ้า” จู่ๆ ไอ้ยูกิที่เอาแต่นั่งเงียบหล
[Yuuki’s part]ผมนั่งมองเหตุการณ์ก่อนหน้าของคู่พี่น้องตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมลืมบอกหลั่นเทียนไป ‘น้องสาวมันความจำเสื่อม’ ไอ้มอม้ามันบอกผมมาแบบนี้ก็นะ! ไอ้หลั่นเทียนมันก็รีบร้อนเกินไปทำให้ผมไม่มีเวลาบอก สุดท้ายมันเลยต้องยืนช็อคอยู่แบบนั้น“ไอ้เทียน มึงมานั่งก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนเธอออกไปก่อนไป”เหตุการณ์ดูท่าจะวุ่นวายไปกันใหญ่ ผมเลยเรียกสติหลั่นเทียนแล้วไล่ยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าในตอนแรกแต่สถานะตอนนี้เป็นน้องสาวเพื่อนร่วมธุรกิจผมออกไปก่อนไอ้มอม้าเป็นคนอาสาพาหงส์ออกไปจากห้อง ส่วนหลั่นเทียนก็เดินเหมือนคนสติหลุดมานั่งที่โซฟาตัวเดิม “ได้ไงวะ เกิดอะไรขึ้นกับน้องกู” หลั่นเทียนพร่ำเพ้อเหมือนคนสติหลุดลอย มันเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไม่เลิก“ไอ้มอม้าบอกน้องมึงจำเรื่องราวก่อนที่จะมาที่นี่ไม่ได้สักอย่าง” ผมเล่าเรื่องที่ไอ้มอม้าเคยเล่าให้ผมฟังมาเล่าต่อให้หลั่นเทียนฟังอีกทอด“จำไม่ได้? มึงคงไม่ได้หมายถึง...” หลั่นเทียนไม่เอ่ยต่อ มันคงยังไม่เชื่อว่าน้องมันความจำเสื่อม “ก็อย่างที่มึงเข้าใจ” ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรมันเรื่องพวกนี้ปลอบไปแล้วจะได้อะไร รู้ทั้งรู้ว่ามันคือเรื่องจริงจะให้มานั่งบอกว
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต
“มึงจะโทษว่าครึ่งหนึ่งที่มึงว่ามาจากยานรกนั่น! แม่ง...มึงมันไม่หมาไปหน่อยเหรอวะ!” เสียงคำรามลั่นระบายอารมณ์มาคุถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง“ก็ครึ่งหนึ่งไงวะ” ผมยังคงย้ำคำเดิม ความรู้สึกเดิมออกไปผลั้วะ ผลั้วะ!ครั้งนี้ไอ้เทียนรัวมาสองหมัดใส่เบ้าหน้าซ้ายขวาผมข้างละทีเจ็บใช่เล่นถุย! ผมถึงกับถุยน้ำลายปนเลือดเล็กน้อยทิ้งลงพื้นขาวสะอาดเลือดชั่วๆ ออกมาบ้างก็คงดี“มึงจะเอายังไงกับน้องกู” ไอ้เทียนสะบัดมือสองสามทีชกผมตั้งสามครั้ง ไม่เจ็บให้มันรู้ไปสิวะ มือมันแดงเถือกเหมือนกัน“ถ้าเธอเอ่ยปาก กูก็พร้อมรับผิดช...”วืด~ หมับ!ไอ้เทียนจะต่อยผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรับหมัดมันไว้ทันสามครั้งถือว่ามากพอแล้วกับเรื่องนี้ ผมทำน้องมัน ผมยอมให้มันชกผมแค่นั้นพอ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ปล่อยให้คนที่โดนผมกระทำเอาคืนผมเองดีกว่า“มึงไม่รู้อะไร” ไอ้เทียนสะบัดมือออกจากกำมือผมที่กุมหมัดมันไว้อีกที“น้องกูเป็นพวกใจแข็ง ถ้าตัดได้คือ ‘ตัด’ ”อึก~ ผมถึงกับกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคอกับประโยคของไอ้เทียน“ถ้าน้องกูฟื้นกูจะถามเอง”“ไม่ได้!” ผมถึงกับร้องท้วงทันทีที่มันพูดจบเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้องมัน ต่อให้มันเป็นพี่ชายก็ไม่ควร
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงคิดจะปิดกูอีกนานแค่ไหนวะ” ผมถามมันเสียงต่ำหลังจากที่ไอ้เทียนยอมเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ไฉ่หงความจำเสื่อมให้ฟังเกือบชั่วโมง ผมถึงกับหดหู่อย่างอธิบายไม่ถูก ขนาดผมคนนอกยังเจ็บปวดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยตอนนั้นไฉ่หงเธอจะรู้สึกยังไง แบบนี้สินะเธอถึงปิดกั้นความทรงจำของตัวเองทิ้งไปผมเหลือบตามองไอ้เทียนที่ตอนนี้นั่งดวงตาแดงก่ำ มันคงทั้งเจ็บแค้น เจ็บปวด ส่วนไอ้มอม้าถึงกับนิ่งเป็นรูปปั้นหิน หน้าตามันไม่บ่งบอกว่าเจ็บปวดก็จริง แต่สายตามันผมดูออกว่าเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้เมื่อกี้มากแค่ไหนหลังจากภายในห้องเงียบไปไม่นานไอ้เทียนเลยพูดขึ้นบ้าง“ทีนี้ก็ตามึงเล่า” มันคะยั้นคะยอผม“ผ่านมาร่วมเดือนมึงยังสืบไม่ได้ว่าฝีมือใคร?” ผมไม่ตอบโทษทีว่ะ! ตอนนี้เรื่องผมมันขี้ประติ๋วสำหรับมัน“นี่มึงจะเล่นตลกอะไรไอ้ยูกิ กูเล่าเรื่องกูให้มึงฟังแล้วอย่ามาเนียน” ไอ้เทียนชี้หน้าผมท่าทางเอาเรื่อง“กูไม่ได้กลบเกลื่อน กูแค่คิดว่าเรื่องของมึงมันสำคัญกว่าเรื่องของกู”เรื่องของผมถ้าบอกไปมันก็แค่คงซัดผมหมัดสองหมัดหรือไม่ก็กระทืบผมจมตีนก็เท่านั้น ซึ่งผมจะบอกมันตอนไหนก็ได้เปล่าวะ?“เออ! กูจะยอมมึงครั้
Rrrเสียงแผดร้องโทรศัพท์ดังลั่นดึงสติผมให้กลับมายังปัจจุบัน รีบเอื้อมมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดปิดเสียงเมื่อเห็นรายชื่อที่โทรเข้า‘มอม้า’ตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับใคร ยังตะหงิดใจเรื่องยาปลุกเซ็กเมื่อคืนอยู่ ถึงแม้ลึกๆ ในใจจะบอกว่าไอ้มอม้าแค่หมากตัวหนึ่งในการส่งแก้วใบนั้น แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ในเมื่อก่อนหน้ามันเหมือนพยายามจับคู่ผมกับไฉ่หงRrrเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นรอบที่สองด้วยเจ้าของเบอร์คนเดิม คิ้วขวาผมกระตุกยิบๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ค่อนไปในทางเลวร้ายเกิดขึ้น[ไอ้เฮียยูไหนวะ หงส์หายตัวไป]เฮือก~ ประโยคร้อนรนที่ถูกส่งออกมาหลังจากผมเลื่อนสัมผัสรับสายทำให้ร่างทั้งร่างผมชาดิก จะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะหายไปก่อนออกมาผมเป็นคนอุ้มเธอกลับห้องนอนเองแท้ๆ แต่ว่า.. นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ววะที่ผมนั่งจมอยู่กับอดีต“ไม่ตลก” ในที่สุดก็หาเสียงตัวเองเจอ[คิดว่าผมตลกหรือไง นี่มันไม่ปกตินะเฮีย] เสียงยียวนกวนส้นดังลอดออกมาอีกครั้ง แต่ยังคงความกลุ้มอกกลุ้มใจ“มึงก็ดูกล้องสิวะ เรื่องฉลาดๆ ไม่ท...”[เพราะเห็นไงว่าหงส์แค่ออกไปข้างนอก แต่นั่นมันชั่วโมงหนึ่งแล้วนะเฮีย]ผมยังด