“เอ่อ...” เธอพูดเสียงติดขัด หันไปมองหน้ามอม้าด้วยแววตาละห้อย
“เฮียอย่าทำหน้าตาเหมือนจะฆ่าหงส์แบบนั้นสิ” มอม้าบ่นให้ผมเสียงเอือมๆ ผมเลยมอบสายตาพิฆาตให้มันไป
“เล่ามา เสียเวลา” ขี้เกียจเปิดศึกน้ำลายกับไอ้ลูกน้องปีนเกลียวข้างๆ เลยหันไปไล่บี้เอากับผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าแทน
“คือ วันนั้นที่ตรอก ฉันไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่...” ยัยตัวเล็กพูดเสียงแผ่วเบา คล้ายกับกำลังนึกชื่อสถานที่
“ช่างสถานที่มัน เล่าเหตุการณ์มาเผื่อจำได้” ผมบอกปัดไปตามอารมณ์ที่เริ่มจะรำคาญการพูดคุยกับเพศแม่แบบนี้
“วันนั้นฉันกำลังจะโดนรุมข่มขืน แต่โชคดีที่คุณเข้ามาช่วยจัดการไว้ได้ทัน แต่ ฉันยังไม่ทันขอบคุณ คุณก็เดินหนีออกมาก่อน”
ฟังดูคุ้นๆ นะ เหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนผมจะไปตามหาไอ้หนอนบ่อนไส้ที่กล้ามาล้วงคองูเห่าถึงถิ่นด้วยการเอายามาปล่อยให้คนที่มาเสี่ยงดวงที่คาสิโนผม
ผมตามสืบจนรู้ว่ามันไปกลบดานอยู่แถวๆ อู่ขนส่งไทย-ฮ่องกง ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผมพอจะรู้จักมักจี่ รอมันอยู่เกือบสามชั่วโมงแต่ไม่เห็นแม้แต่วี่แววมัน
สงสัยจะมุดหัวอยู่ใต้ดินหรือไม่ก็หนีหางจุกตูดกลับไปฟ้องไอ้พ่อหมาที่ส่งหมาเลียแข้งแบบ ‘ไอ้ดำ’ มาเป็นไส้ศึกที่ถิ่นผมแล้ว
“แล้วยังไง เธอตามหาฉันเพื่อ?”
เข้าใจว่าเคยช่วย แต่ไม่เข้าใจเธอจะตามหาผมทำไม
“เอ้า! ผมก็บอกเฮียแล้วไงว่าน้องหงส์จะมาตอบแท..น” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามอม้าที่มันกำลังเสือกเล่าในสิ่งที่ผมไม่ได้ถาม “แฮ่ๆ ลืมตัว มันอึดอัด”
อึดอัดกับผีสิ! ผมใช้สายตาด่ามัน ส่ายหัวเบาๆ กับความขี้เสือกของไอ้มอม้า
“ตอบ!!” ผมหันไปดุผู้หญิงที่น่าจะชื่อหงส์อะไรสักอย่างที่มอม้ามันเรียก เธอถึงกับสะดุ้งตัวโหยงเพราะตกใจเสียงผม
“หงส์ จะมาตอบแทนค่ะ มีคนเคยบอกว่าบุญคุณต้องทดทะ...”
“ไม่ต้อง!! ฉันไม่อยากได้อะไร” เธอพูดยังไม่ทันจบประโยค ผมเลยพูดตัดความรำคาญ ไอ้ตอบทงตอบแทนห่าเหวอะไรผมไม่ต้องการ ถ้ารู้ว่าจะมาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ผมไม่ให้ไอ้มอม้าพาเข้ามาเด็ดขาด!
“เฮีย!” ไอ้มอม้าเรียกผมเสียงดัง
ปกติถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทมาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผม ยืนบนพื้นได้ไม่ถึงสามวิหรอกครับ นอนหมดสติที่พื้นแน่นอน
“แต่หงส์อยากตอบแทนบุญคุณจริงๆ นะคะ จะให้หงส์ทำอะไรก็ได้ หงส์ทำได้ทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ตอบแทนหงส์คงอยู่ไม่สุขแน่ๆ เลยค่ะ”
อา~ น่ารำคาญเป็นบ้า ผมเบื่อผู้หญิงได้ยินมั้ย!
“ก็บอกอยู่ว่าไม่ต้อง!” ผมยืนยันคำเดิม
การที่ผมเข้าไปช่วยเธอที่ตรอกมืดๆ วันนั้นเพราะรู้สึกหงุดหงิดที่ไปยืนรอไอ้ดำแล้วไม่เจอตัวมัน จังหวะที่จะเดินกลับมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตรอกตรงนั้น สองตาดันไปเห็นอะไรสนุกๆ น่ายืดเส้นยืดสาย เลยเดินเข้าไประบายอารมณ์หงุดหงิดนิดหน่อย
ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นบุญคุณช่วยชีวิตของยัยผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้
“แต่ว่า” ดื้อจริงๆ ทำไมยัยนี่ถึงได้น่าหงุดหงิดแบบนี้กันวะ!
“เอาน่าเฮีย น้องหงส์เขาอุตส่าห์ตามหาเฮียตั้งหลายวันเลยนะ ไม่รู้กว่าจะเจอผม เธอผ่านอะไรมาบ้าง รู้อยู่หรอกว่าเฮียไม่ชอบผู้หญิงเพราะ...”
ตุ้บ! ผมตบโต๊ะดังลั่นเพื่อเบรกสิ่งที่ไอ้มอม้ากำลังจะล้ำเส้นเอ่ยมันออกมา
สิ่งที่ผมไม่อยากให้ใครมากระตุ้นมันในสมองส่วนลึกที่กักเก็บมันเอาไว้
“เฮียก็อย่าใจร้ายสิ หยวนๆ ให้เธอหน่อยเหอะ เห็นแก่ผู้หญิงตาฟ้าๆ ตัวเล็กๆ ที่กระตือรือร้นเสาะหาเพื่อทะ...”
“เออ! เอาที่มึงสบายใจเลยไอ้มอม้า กูยกให้มึงจัดการ”
ด้วยความรำคาญไอ้มอม้าที่ผมรู้นิสัยมันดี ถ้ามันคิดจะยื่นมือช่วยใครมันจะช่วยให้ถึงที่สุด เลยปล่อยให้มันจัดการเองตามใจชอบไปเลยแล้วกัน
‘เอาที่มึงสบายใจ แล้วก็ไสหัวออกจากห้องกูซะ!’
ผมบอกมันทางสายตา เราสองคนแค่มองตาก็อ่านใจกันออกแล้วไง ก็นะ สนิทกันมาตั้งเกือบสิบปี สนิทยิ่งกว่าพวกไอ้กรุงโซลซะอีก มีหรือเรื่องแค่นี้ไอ้มอม้ามันจะเดาความคิดผมไม่ออก
หลังจากที่มอม้าออกไปจากห้องทำงานผมได้ไม่ถึงสิบนาที มันก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับคำถามร้อยแปดที่ผมต้องตอบมัน“ตกลงเฮียเคยช่วยหงส์ไว้จริงๆ เหรอ อย่าบอกนะว่าเฮียแอบไปตามสืบเรื่องไอ้ดำ ผมบอกเฮียแล้วว่าเดี๋ยวจัดการเอง มันอันตราย”เฮ้อ! ผมได้แต่ถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่การกลับมาอีกครั้งของมอม้า มาพร้อมการสวดในเรื่องที่ผมทำก่อนหน้ายาวเหยียด ทำยังกับผมกับมันเป็นคู่รักกัน“กูขี้เกียจรอมึง นั่งรอแต่ในห้องเดี๋ยวง่อยแดก” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ“เออ! ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ก็โชคดีที่เฮียไม่เจอมัน ไม่รู้ว่าเป็นกับดักล่อเฮียให้ไปติดกับหรือเปล่า”“มึงเห็นกูเป็นไก่อ่อนขนาดนั้นเชียว?” ผมปรายตาดุๆ มองหน้ามัน“ไม่ใช่แบบนั้น โว๊ย! เออ! เฮียแม่งเก่งอยู่แล้ว ผมรู้ว่าเฮียเอาตัวรอดได้ แต่เป็นห่วงเจ้านายนี่ผมผิดมากเหรอวะ!” ครั้งนี้ดูมอม้าจะหัวเสียอย่างมาก ผมรู้ว่ามันรักผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เหมือนที่ผมก็เห็นมันเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ เหมือนกัน“เออๆ ต่อไปกูจะรายงานมึงก่อนทำ” สุดท้ายผมก็ยอมให้กับความง๊องแง๊งของมัน “แล้วเรื่องหงส์ทำไมเฮียถึงไม่ยอมรับการตอบแทนของเธอ”จบเรื่องหนึ่ง ก็วกกลับมาเรื่องผู้หญิงคนนั้น อะไรมันจะแคร์เ
หลังจากที่ถูกเจ้าของห้องไล่ออกมาแบบไม่สนใจใยดี ฉันก็ได้แต่เดินคอตกตามมอม้ามายังชั้นล่าง“อย่าไปสนใจเฮียแกเลย เฮียแกก็เป็นแบบนี้แหละปากหมา แต่ใจดีนะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมองมอม้าแทบจะไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำว่าใจดีของเจ้านายเขาถ้าแบบคนในห้องนั้นเรียกใจดี แล้วคนบนโลกนี้จะมีใครใจร้ายเหรอ?“ไม่เชื่อฉันสินะ เดี๋ยวหงส์อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ใหม่ๆ ใครก็กลัวเฮียแกแบบนี้ทุกคน”“แล้วนายไม่กลัวเหรอ เห็นการพูดคุยในห้องแล้วดูท่าจะสนิทกันมาก” ฉันถามมอม้าพร้อมกับหน้าตาที่รอฟังคำตอบจากเขาแบบลุ้นๆ“ฉันกับเฮียยูน่ะรู้จักกันมาเกือบสิบปี เฮียแกเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมือนกัน”“งั้นนายก็มาทำงานที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขาเหมือนหงส์งั้นเหรอ แล้วทำไมทีหงส์พูดเขากลับไม่ต้องการ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ“เพราะแต่ก่อนเฮียเขาไม่ใช่คนแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช้เพราะ.. ช่างมันเถอะอย่ารู้ดีที่สุด” เหมือนมอม้ากำลังจะหลุดเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเฮียของเขาออกมาแต่ก็ตั้งสติได้เสียก่อนจึงหยุดคำพูดนั้นไว้“เออจริงสิ! หงส์ยังไม่รู้จักชื่อเฮียแกนี่หว่า” ถ้ามอม้าไม่พูดฉันก็ลืมถามไปเลยตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนหน้า ฉ
หลังจากที่ใช้เวลาเก็บกวาดห้องเก็บของไปถึงสองชั่วโมง ฉันก็ได้ห้องใหม่ที่ทั้งสะอาดและน่าอยู่ “เธอคือหงส์ใช่ไหม?” เสียงแหบๆ ของผู้หญิงดังขึ้นที่หน้าประตูห้องที่ฉันเปิดค้างเอาไว้“ค่ะ” ฉันหันไปตอบผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวได้เปรี้ยวเข็ดฟันสุดๆ เธอสวย หุ่นอวบอั๋น แถมท่าทางน่าจะใจดี ยืนส่งยิ้มหวานๆ มาให้“ฉันชื่อลิชา เรียกเจ๊ลิก็ได้ พอดีคุณมอม้าให้มาช่วยพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัวน่ะ” ผู้หญิงที่เพิ่งเรียกฉันเมื่อครู่แนะนำตัว พร้อมกับเดินเข้ามาภายในห้อง“หงส์ค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะเจ๊ลิ” ฉันยิ้มหวานแนะนำตัวกับลิชาลิชาพาฉันไปซื้อของที่ห้างไม่ไกลจากยุกกี้คาสิโนเท่าไหร่ เราใช้เวลาเดินทางแค่สิบห้านาทีด้วยการเดินเท้า และใช้เวลาเดินซื้อของอีกประมาณค่อนชั่วโมงได้ หมดเงินไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆ ทยอยคืนมอม้าแล้วกัน“หงส์เอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาหาเจ๊ที่โซนบาร์นะ ถ้ามาไม่ถูกลองถามเด็กๆ ที่แต่งตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟเอาก็ได้”“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบลิชา ปลีกตัวเอาของเข้ามาเก็บในห้องนอนตามที่เธอบอก โชคดีที่ห้องเก็บของนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย“เป็นไงมาไงถึงได้มากับคุณมอม้าได้ล่ะ” หลังจากเดินเข้า
“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปังกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที[Yuuki’s part]ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไร นี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็นผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้งก๊อกๆ“ขอเข้าไปนะคะ” ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนดังมาด้วยแอ้ด~ ประตูไม้สักใบเขื่องของผมถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่คนตัวเล็กที่หน้าตามอมแมมยกเข้ามา“สาบานว่ากินได้” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าตาของอาหารที่อยู่ในจานและมีฝาคลอบอยู่อีกที ที่ถามเพราะดูจากสภาพหน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเลอะซอสมะเขือเทศ และเศษหมูสับที่ติดผ้ากันเปื้อนเธออยู่ต่างหาก“อย่าดูถูกฝีมือหงส์นะคะ รับรองว่าหมูสับสามรสของหงส์อร่อยเหาะ”หงส์ยกจานข้าวในมือขึ้นสูงระดับไหล่ พร้อมกับการันตีเองคนเดียวว่าของที่ยกมาน
วันนี้เป็นวันที่สุดแสนจะน่าเบื่อของไฉ่หงคนนี้อีกตามเคย ตั้งแต่ที่ฉันตามหาตัวยูกิ ผู้ที่ช่วยชีวิตฉันเจอและได้เข้ามาทำงานที่ยุกกี้คาสิโนของเขา นี่ก็ผ่านมาเกือบจะสัปดาห์ได้แล้วแต่ฉันก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรที่เรียกว่าทดแทนบุญคุณเขาเลยนอกจากทำอาหารสามมื้อ ทำความสะอาดห้องนอนที่นานๆ ทียูกิจะอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไป พอจะไปช่วยงานในบาร์ที่ชั้นหนึ่งก็โดนลิชา เจ๊ใหญ่ที่คุมพนักงานของโซนบาร์เกือบสามสิบคนไล่ไม่ให้ช่วย ด้วยเหตุผลที่ว่า…‘คุณมอม้าสั่งไว้ ห้ามเธอทำนอกเหนือจากการดูแลคุณยูกิ’เฮ้อ! แบบนี้จะไม่ให้ฉันนั่งจับเจ่าเบื่อหน่ายอยู่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง“ฉิงเฉาตอนนี้นายเป็นยังไงบ้างนะ” พอสมองว่างเปล่าไม่รู้จะคิดเรื่องอะไร เลยฉุกคิดเรื่องของฉิงเฉาคนที่ช่วยพาฉันมาที่ประเทศไทยและหายตัวไปตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนนี้ ก็ใช่ว่าฉันจะเลิกตามหาเบาะแสของลูกน้องคนนี้หรอกนะ ฉันยังคงพยายามเอารูปวาดที่ตัวเองมีให้แขกที่มาใช้บริการที่นี่ดู แต่ทุกคนก็ยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่เคยเห็น’ ส่ายหน้ากันทุกคนก๊อก ก๊อกฉันที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องที่คงมีไม่กี่ค
ก๊อก ก๊อกจังหวะที่ผมกำลังอารมณ์เดือด เกือบจะอาละวาดให้ลูกน้องสองคนที่ก้มหน้ามองรองเท้าหลบสายตาวาวโรจน์ของผม ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“เข้ามา!” ผมตะโกนบอกบุคคลที่เคาะประตู“คุณหลั่นเทียน” ชายร่างสูงผิวคมเข้มเดินทะมัดทะแมงเข้ามาพร้อมกับโค้งศีรษะทำความเคารพผม“ได้เรื่องไหม?” ผมเอ่ยถาม ‘ปาเกา’ ที่มีศักดิ์เป็นบอดี้การ์ดมือขวาผมออกไป“มีคนแถวท่าเรือขนส่งของเราบอกว่าเห็นคุณหนูกับฉิงเฉาลงเรือส่งสินค้าเที่ยวเรือออกไปไทยเมื่อสองอาทิตย์ก่อนครับ”ปาเการายงานเรื่องที่ผมให้ไปสืบอย่างฉะฉานดีมาก! สมกับที่เป็นมือขวาผม ทำงานไม่เคยพลาด ไม่เหมือนไอ้สองตัวนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็ส่งสายตากดดันไล่ไอ้ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องให้รีบไสหัวออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ผมจะลงโทษพวกมันโทษฐานที่เลี้ยงเสียข้าวสุก“ยัยน้องไปกับฉิงเฉา?” ผมเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย‘ยัยน้อง’ เป็นคำที่ผมชอบใช้เรียกน้องสาวผมจนติดปากน่ะ ส่วน ‘ฉิงเฉา’ ที่ปาเกามันเอ่ยถึง คือลูกน้องคนสนิทของป๊าผม แถมมันยังพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับน้องสาวสุดที่รักผมด้วยฉิงเฉาเป็นคนมีฝีมือชั้นเชิงการต่อสู้ดีเยี่ยม เป็นคนไว้
ตู๊ด~[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไปผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดีเพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผมความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่ปัจจุบัน @ประเทศไทย“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ” แหมไอ้เพื่อนรัก ทีงี้รีบออกตัวแรง มันจะเทพไปไหน นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยสักคำ มันมานั่งในใจผมหรือไงถึงรู้ว่าผมกำลังนินทามันอยู่“มึงก็อย่าลีลา ถ้าไฉ่หงอยู่ที่นี่มึงรีบพาเธอมาหากู ก่อนที่พวกนั้นจะตามตัวเธอเจอ” ผมพูดรัวยาวออกไป ทั้งดีใจที่น้องอยู่ใกล้แค่เอื้อมโลกมันโคตรจะกลมไปมั้ยวะ!“ไฉ่หง?” ยูกิพึมพำชื่อน้องผมเบาๆ แต่สายตามันจับจ้องมาทางผมเป็นเชิงสงสัย “เออ! ชื่อน้องกูเอง หลัน ไฉ่หง” ผมบอกชื่อจริงน้องผมให้มันฟังชัดๆ“แต่เธอบอกชื่อหงส์ ไม่ใช่ไฉ่หง” ไอ้ยูกิยังคงยอกย้อน ลีลาเชื่องช้าเป็นเต่าไปได้ มันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมแทบจะระเบิดความเป็นห่วงน้องตัวเองออกมามากแค่ไหน“จะชื่ออะไรก็ชั่งแม่งเหอะ! สรุปเป็นคนในรูปใช่ไม่ใช่?” ผมเริ่มจะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้มันแข็งมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเริ่มจะหมั่นไส้ไอ้ยูกิกรายๆแม่งลีลาฉิบ!แต่แทนที่ไอ้ยูกิจะตอบผม มันหันไปมองหน้าไอ้มอม้าลูกน้องคนสนิทของมัน ลูกน้องมันก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป ผมได้แต่ทำหน้างงว่ามันสองคนแค่มองตากันแค่นี้ก็เข้าใจคำสั่งลูกพี่มันได้แล้วเหรอวะ แม่งเทพเชี่ยๆ“เธอตาสีฟ้า” จู่ๆ ไอ้ยูกิที่เอาแต่นั่งเงียบหล
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต
“มึงจะโทษว่าครึ่งหนึ่งที่มึงว่ามาจากยานรกนั่น! แม่ง...มึงมันไม่หมาไปหน่อยเหรอวะ!” เสียงคำรามลั่นระบายอารมณ์มาคุถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง“ก็ครึ่งหนึ่งไงวะ” ผมยังคงย้ำคำเดิม ความรู้สึกเดิมออกไปผลั้วะ ผลั้วะ!ครั้งนี้ไอ้เทียนรัวมาสองหมัดใส่เบ้าหน้าซ้ายขวาผมข้างละทีเจ็บใช่เล่นถุย! ผมถึงกับถุยน้ำลายปนเลือดเล็กน้อยทิ้งลงพื้นขาวสะอาดเลือดชั่วๆ ออกมาบ้างก็คงดี“มึงจะเอายังไงกับน้องกู” ไอ้เทียนสะบัดมือสองสามทีชกผมตั้งสามครั้ง ไม่เจ็บให้มันรู้ไปสิวะ มือมันแดงเถือกเหมือนกัน“ถ้าเธอเอ่ยปาก กูก็พร้อมรับผิดช...”วืด~ หมับ!ไอ้เทียนจะต่อยผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรับหมัดมันไว้ทันสามครั้งถือว่ามากพอแล้วกับเรื่องนี้ ผมทำน้องมัน ผมยอมให้มันชกผมแค่นั้นพอ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ปล่อยให้คนที่โดนผมกระทำเอาคืนผมเองดีกว่า“มึงไม่รู้อะไร” ไอ้เทียนสะบัดมือออกจากกำมือผมที่กุมหมัดมันไว้อีกที“น้องกูเป็นพวกใจแข็ง ถ้าตัดได้คือ ‘ตัด’ ”อึก~ ผมถึงกับกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคอกับประโยคของไอ้เทียน“ถ้าน้องกูฟื้นกูจะถามเอง”“ไม่ได้!” ผมถึงกับร้องท้วงทันทีที่มันพูดจบเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้องมัน ต่อให้มันเป็นพี่ชายก็ไม่ควร
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงคิดจะปิดกูอีกนานแค่ไหนวะ” ผมถามมันเสียงต่ำหลังจากที่ไอ้เทียนยอมเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ไฉ่หงความจำเสื่อมให้ฟังเกือบชั่วโมง ผมถึงกับหดหู่อย่างอธิบายไม่ถูก ขนาดผมคนนอกยังเจ็บปวดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยตอนนั้นไฉ่หงเธอจะรู้สึกยังไง แบบนี้สินะเธอถึงปิดกั้นความทรงจำของตัวเองทิ้งไปผมเหลือบตามองไอ้เทียนที่ตอนนี้นั่งดวงตาแดงก่ำ มันคงทั้งเจ็บแค้น เจ็บปวด ส่วนไอ้มอม้าถึงกับนิ่งเป็นรูปปั้นหิน หน้าตามันไม่บ่งบอกว่าเจ็บปวดก็จริง แต่สายตามันผมดูออกว่าเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้เมื่อกี้มากแค่ไหนหลังจากภายในห้องเงียบไปไม่นานไอ้เทียนเลยพูดขึ้นบ้าง“ทีนี้ก็ตามึงเล่า” มันคะยั้นคะยอผม“ผ่านมาร่วมเดือนมึงยังสืบไม่ได้ว่าฝีมือใคร?” ผมไม่ตอบโทษทีว่ะ! ตอนนี้เรื่องผมมันขี้ประติ๋วสำหรับมัน“นี่มึงจะเล่นตลกอะไรไอ้ยูกิ กูเล่าเรื่องกูให้มึงฟังแล้วอย่ามาเนียน” ไอ้เทียนชี้หน้าผมท่าทางเอาเรื่อง“กูไม่ได้กลบเกลื่อน กูแค่คิดว่าเรื่องของมึงมันสำคัญกว่าเรื่องของกู”เรื่องของผมถ้าบอกไปมันก็แค่คงซัดผมหมัดสองหมัดหรือไม่ก็กระทืบผมจมตีนก็เท่านั้น ซึ่งผมจะบอกมันตอนไหนก็ได้เปล่าวะ?“เออ! กูจะยอมมึงครั้
Rrrเสียงแผดร้องโทรศัพท์ดังลั่นดึงสติผมให้กลับมายังปัจจุบัน รีบเอื้อมมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดปิดเสียงเมื่อเห็นรายชื่อที่โทรเข้า‘มอม้า’ตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับใคร ยังตะหงิดใจเรื่องยาปลุกเซ็กเมื่อคืนอยู่ ถึงแม้ลึกๆ ในใจจะบอกว่าไอ้มอม้าแค่หมากตัวหนึ่งในการส่งแก้วใบนั้น แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ในเมื่อก่อนหน้ามันเหมือนพยายามจับคู่ผมกับไฉ่หงRrrเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นรอบที่สองด้วยเจ้าของเบอร์คนเดิม คิ้วขวาผมกระตุกยิบๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ค่อนไปในทางเลวร้ายเกิดขึ้น[ไอ้เฮียยูไหนวะ หงส์หายตัวไป]เฮือก~ ประโยคร้อนรนที่ถูกส่งออกมาหลังจากผมเลื่อนสัมผัสรับสายทำให้ร่างทั้งร่างผมชาดิก จะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะหายไปก่อนออกมาผมเป็นคนอุ้มเธอกลับห้องนอนเองแท้ๆ แต่ว่า.. นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ววะที่ผมนั่งจมอยู่กับอดีต“ไม่ตลก” ในที่สุดก็หาเสียงตัวเองเจอ[คิดว่าผมตลกหรือไง นี่มันไม่ปกตินะเฮีย] เสียงยียวนกวนส้นดังลอดออกมาอีกครั้ง แต่ยังคงความกลุ้มอกกลุ้มใจ“มึงก็ดูกล้องสิวะ เรื่องฉลาดๆ ไม่ท...”[เพราะเห็นไงว่าหงส์แค่ออกไปข้างนอก แต่นั่นมันชั่วโมงหนึ่งแล้วนะเฮีย]ผมยังด