ก๊อก ก๊อก
จังหวะที่ผมกำลังอารมณ์เดือด เกือบจะอาละวาดให้ลูกน้องสองคนที่ก้มหน้ามองรองเท้าหลบสายตาวาวโรจน์ของผม ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น
“เข้ามา!” ผมตะโกนบอกบุคคลที่เคาะประตู
“คุณหลั่นเทียน” ชายร่างสูงผิวคมเข้มเดินทะมัดทะแมงเข้ามาพร้อมกับโค้งศีรษะทำความเคารพผม
“ได้เรื่องไหม?” ผมเอ่ยถาม ‘ปาเกา’ ที่มีศักดิ์เป็นบอดี้การ์ดมือขวาผมออกไป
“มีคนแถวท่าเรือขนส่งของเราบอกว่าเห็นคุณหนูกับฉิงเฉาลงเรือส่งสินค้าเที่ยวเรือออกไปไทยเมื่อสองอาทิตย์ก่อนครับ”
ปาเการายงานเรื่องที่ผมให้ไปสืบอย่างฉะฉาน
ดีมาก! สมกับที่เป็นมือขวาผม ทำงานไม่เคยพลาด ไม่เหมือนไอ้สองตัวนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็ส่งสายตากดดันไล่ไอ้ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องให้รีบไสหัวออกไปจากห้องนี้ก่อนที่ผมจะลงโทษพวกมันโทษฐานที่เลี้ยงเสียข้าวสุก
“ยัยน้องไปกับฉิงเฉา?” ผมเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย
‘ยัยน้อง’ เป็นคำที่ผมชอบใช้เรียกน้องสาวผมจนติดปากน่ะ ส่วน ‘ฉิงเฉา’ ที่ปาเกามันเอ่ยถึง คือลูกน้องคนสนิทของป๊าผม แถมมันยังพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับน้องสาวสุดที่รักผมด้วย
ฉิงเฉาเป็นคนมีฝีมือชั้นเชิงการต่อสู้ดีเยี่ยม เป็นคนไว้ใจได้ มันกับน้องสาวผมค่อนข้างจะสนิทกันเสียด้วยซ้ำ
“คุณหลั่นเทียนจะเอายังไงต่อดี ตามไปค้นหาคุณหนูที่ไทยเลยมั้ยครับ” สงสัยผมนิ่งเงียบนานไปมันเลยถามผมด้วยอาการร้อนรนแทน
“ถ้ายัยน้องอยู่กับฉิงเฉา อย่างน้อยก็โล่งใจไปเปาะหนึ่ง” ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“แล้วอาการเฉินฮ่งเป็นยังไงบ้าง” เมื่อเรื่องน้องสาวคืบหน้าไปในทางที่ดี เธอยังคงมีชีวิตอยู่ผมเลยถามถึงบุคคลที่สำคัญไม่ต่างจากน้องสาวผมออกไป
“คุณเฉินยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครับ เท่าที่ผมไปถามอาการจากหมอที่นั่น อาการคุณเฉินหนักมาก น่าจะใช้เวลาพักฟื้นอีกเป็นสัปดาห์”
ปาเกามันทำงานได้ละเอียดรอบคอบดีจริงๆ ผมพยักหน้าให้กับการรายงานที่พอใจให้มันไปสองสามที สองขาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน ค่อยๆ หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้บุนวมสีแดงสด ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง พลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์สุดสลดเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ย้อนกลับไปช่วงที่เกิดเหตุการณ์สลดค่ำคืนสีชาดวันนั้น ผมอยู่ที่ไทย ผมร่วมหุ้นกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไทยแลกเปลี่ยนลูกค้าที่ชอบเสี่ยงดวงกัน โดยบางทีคนที่เคยเล่นที่คาสิโนผมก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศบินไปเล่นที่อื่นดู
ผมก็จะเป็นคนจัดส่งคนกลุ่มนั้นผ่านทางเรือขนส่งของครอบครัวผมไปให้เพื่อนที่ร่วมหุ้นกันที่ไทยคอยดูแล ได้ประโยชน์กันทั้งสามฝ่าย
เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย ถ้าไม่ใช่เข้ากระเป๋าผม ครอบครัวผม และไอ้เพื่อนที่ไทย
และช่วงที่เกิดเรื่องบังเอิญว่าผมรู้สึกเครียดกับงานเลยอยากไปพักร้อนที่ไทย ทว่าพอผมกลับมาฮ่องกงเมื่อห้าวันก่อน ผมกลับพบกับเรื่องที่แสนจะเลวร้าย เมื่อครอบครัวผมถูก ‘แก๊งค์ฉลามดำ’ เข้าถล่มราบคาบเป็นหน้ากลอง
น้องสาวเพียงคนเดียวของผมหายไป ผมจึงสั่งลูกน้องของตัวเองที่มีอยู่ระดมกันตามหาให้ควั่ก ผลสุดท้ายก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง ว่าน้องผมยังมีบุญวาสนาหนีรอดเงื้อมมือพวกหมาลอบกัดได้
ถึงแม้วันนั้นจะได้ ‘เฉินฮ่ง’ ลูกชายเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศเข้ามาช่วยไล่พวกแก๊งค์ฉลามดำไปได้แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะมันดันมาช้าไปก้าวเดียว
แต่อย่างน้อยการปะทะกันของแก๊งค์ฉลามดำกับพวกเฉินฮ่งก็ทำให้พวกหมาลอบกัดนั้นสังเวยชีวิตเซ่นครอบครัวผมได้มากโขอยู่เหมือนกัน แต่เฉินฮ่งเองก็พลาดท่าถูกยิงไปหลายนัด อาการมันก็อย่างที่ปาเกามันเพิ่งเล่าไปนั่นแหละ
กรอด~ ยิ่งคิดผมยิ่งแค้น! สองมือกำหมัดแน่น เส้นเลือดเขียวปูดโปนเกร็งขัดไปทั้งมือ แค้นนี้ผมต้องชำระ แต่ตอนนี้ผมต้องหาตัวแก้วตาดวงใจที่เหลือรอดเพียงคนเดียวให้พบเสียก่อน
“ช่วยจัดแจงของไปเยี่ยมอาเฉินให้ฉันที ช่วงนี้เรื่องยัยน้องสำคัญกว่า ฉันต้องบินไปไทยให้เร็วที่สุด” ผมออกคำสั่งให้ปาเกามันเป็นธุระเรื่องทางนี้แทน ปาเกาเองก็ไม่อิดออดรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด ก่อนจะค้อมหัวเคารพผมแล้วเดินออกไปจากห้อง
ตอนนี้ภายในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง บรรยากาศชวนวังเวงเสียยิ่งกว่าอยู่ในป่าช้า กลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงตลบอบอวนอยู่ที่ปลายจมูก
ถึงแม้บ้านทั้งหลังจะถูกทำความสะอาดไปจนหมดจดแล้วก็ตาม แต่กลิ่นความเศร้าสลดยังคงไม่จางหาย ผมสลัดความหดหู่ที่กำลังบั่นทอนความเข้มแข็งออกไปจากหัวสมอง แวบหนึ่งผมก็นึกถึงเพื่อนร่วมธุรกิจที่อยู่ในไทยขึ้นมาได้ ไม่รอช้ารีบหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหามันทันที
ตู๊ด~[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไปผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดีเพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผมความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่ปัจจุบัน @ประเทศไทย“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ” แหมไอ้เพื่อนรัก ทีงี้รีบออกตัวแรง มันจะเทพไปไหน นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยสักคำ มันมานั่งในใจผมหรือไงถึงรู้ว่าผมกำลังนินทามันอยู่“มึงก็อย่าลีลา ถ้าไฉ่หงอยู่ที่นี่มึงรีบพาเธอมาหากู ก่อนที่พวกนั้นจะตามตัวเธอเจอ” ผมพูดรัวยาวออกไป ทั้งดีใจที่น้องอยู่ใกล้แค่เอื้อมโลกมันโคตรจะกลมไปมั้ยวะ!“ไฉ่หง?” ยูกิพึมพำชื่อน้องผมเบาๆ แต่สายตามันจับจ้องมาทางผมเป็นเชิงสงสัย “เออ! ชื่อน้องกูเอง หลัน ไฉ่หง” ผมบอกชื่อจริงน้องผมให้มันฟังชัดๆ“แต่เธอบอกชื่อหงส์ ไม่ใช่ไฉ่หง” ไอ้ยูกิยังคงยอกย้อน ลีลาเชื่องช้าเป็นเต่าไปได้ มันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมแทบจะระเบิดความเป็นห่วงน้องตัวเองออกมามากแค่ไหน“จะชื่ออะไรก็ชั่งแม่งเหอะ! สรุปเป็นคนในรูปใช่ไม่ใช่?” ผมเริ่มจะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้มันแข็งมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเริ่มจะหมั่นไส้ไอ้ยูกิกรายๆแม่งลีลาฉิบ!แต่แทนที่ไอ้ยูกิจะตอบผม มันหันไปมองหน้าไอ้มอม้าลูกน้องคนสนิทของมัน ลูกน้องมันก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป ผมได้แต่ทำหน้างงว่ามันสองคนแค่มองตากันแค่นี้ก็เข้าใจคำสั่งลูกพี่มันได้แล้วเหรอวะ แม่งเทพเชี่ยๆ“เธอตาสีฟ้า” จู่ๆ ไอ้ยูกิที่เอาแต่นั่งเงียบหล
[Yuuki’s part]ผมนั่งมองเหตุการณ์ก่อนหน้าของคู่พี่น้องตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมลืมบอกหลั่นเทียนไป ‘น้องสาวมันความจำเสื่อม’ ไอ้มอม้ามันบอกผมมาแบบนี้ก็นะ! ไอ้หลั่นเทียนมันก็รีบร้อนเกินไปทำให้ผมไม่มีเวลาบอก สุดท้ายมันเลยต้องยืนช็อคอยู่แบบนั้น“ไอ้เทียน มึงมานั่งก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนเธอออกไปก่อนไป”เหตุการณ์ดูท่าจะวุ่นวายไปกันใหญ่ ผมเลยเรียกสติหลั่นเทียนแล้วไล่ยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าในตอนแรกแต่สถานะตอนนี้เป็นน้องสาวเพื่อนร่วมธุรกิจผมออกไปก่อนไอ้มอม้าเป็นคนอาสาพาหงส์ออกไปจากห้อง ส่วนหลั่นเทียนก็เดินเหมือนคนสติหลุดมานั่งที่โซฟาตัวเดิม “ได้ไงวะ เกิดอะไรขึ้นกับน้องกู” หลั่นเทียนพร่ำเพ้อเหมือนคนสติหลุดลอย มันเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไม่เลิก“ไอ้มอม้าบอกน้องมึงจำเรื่องราวก่อนที่จะมาที่นี่ไม่ได้สักอย่าง” ผมเล่าเรื่องที่ไอ้มอม้าเคยเล่าให้ผมฟังมาเล่าต่อให้หลั่นเทียนฟังอีกทอด“จำไม่ได้? มึงคงไม่ได้หมายถึง...” หลั่นเทียนไม่เอ่ยต่อ มันคงยังไม่เชื่อว่าน้องมันความจำเสื่อม “ก็อย่างที่มึงเข้าใจ” ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรมันเรื่องพวกนี้ปลอบไปแล้วจะได้อะไร รู้ทั้งรู้ว่ามันคือเรื่องจริงจะให้มานั่งบอกว
กลัว! ร่างกายฉันมันบอกแบบนั้น แต่ความรู้สึกลึกๆ กลับบอกว่าไม่ได้กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทำงานยูกิก่อนหน้า ทำให้ฉันหวนกลับไปนึกถึงเรื่องเลวร้ายในตรอกเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเศษสวะสองคนนั้น!“หงส์ หงส์! คุณไฉ่หง!” ฉันรับรู้ถึงแรงเขย่าจากใครบางคน พร้อมกับเสียงเรียกที่เหมือนดังอยู่ไกลๆ แต่พอเริ่มตั้งสติได้กลับพบว่าเสียงนั่นดังอยู่ตรงหน้านี่เอง“พะ พี่มอม้า คนนั้น...” อาการตื่นกลัวที่เกิดขึ้นยังคงไม่หมดไป ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนคนจะเป็นลม“ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ คุณหลั่นเทียนไม่ใช่คนไม่ดี” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากมอม้าฉุกให้เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำฉันแวบขึ้นมา‘หลั่นเทียน’ ทำไมชื่อนี้รู้สึกคุ้นๆอันที่จริงถ้าฉันตัดเรื่องเหตุการณ์ที่กำลังจะถูกข่มขืนในตรอกก่อนหน้าออก ไม่เอามารวมกับเหตุการณ์ในห้องทำงานยูกิ ฉันเองก็ไม่ได้กลัวสัมผัสของผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่ กลับกัน... ฉันกลับรู้สึกโหยหาและคุ้นเคยกับอ้อมกอดนั้นมากกว่า“หงส์สับสน หงส์ไม่รู้ว่าหงส์กลัวหรือว่าอุ่นใจกันแน่” ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ พูดพึมพำกับตัวเอง“ต้องเป็นอย่างหลังอยู่แล้ว นั่นพี่ชายคุณไฉ่หงนะ” มอม้าปลอบใจฉัน มื
“ไม่ใช่นั่งตรงนั้นสิ ตอนนี้เธอเป็นถึงน้องสาวคุณหลั่นเทียนเพื่อนเฮียนะ ต้องนั่งบนโซฟา” มอม้าว่าให้พร้อมกับพาฉันมานั่งข้างๆ ผู้ชายตาตี๋ๆฉันหันไปมองหน้ายูกิที่นั่งฝั่งตรงข้ามพวกเรา แวบหนึ่งฉันมองเห็นคำด่าทอในสายตาคนเย็นชา ‘ปัญญาอ่อน’ หรือไม่ก็ ‘ซื่อบื้อ’“ถามจริง! ก่อนหน้านี้น้องกูอยู่ที่นี่ทำหน้าทีไรวะ” คนที่นั่งข้างๆ ฉันถามยูกิน้ำเสียงแลไม่ค่อยสบอารมณ์“ถามมัน!”แทนที่คนถูกถามจะตอบ เขากลับโบ๊ยมาให้ลูกน้องตัวเองแทน“ผมให้คุณไฉ่หงดูแลเฮียยูกิฮะ” เสียงตอบที่ฉะฉานของมอม้าทำให้คนที่นั่งข้างๆ ฉันพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ก็มีความงงงวยปะปนอยู่“แล้วทำไมน้องกูทำท่าทางไม่เห็นจะเหมือนคนดูแลมึงเลย ยัยน้องทำเหมือนกับตัวเองเป็นคนใช้ซะมากกว่า”ฉึก! แทงใจดำเลย“เข้าเรื่องเหอะ กูอยากพักผ่อน” คนถูกถามยังคงไม่ตอบ แต่กลับเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแทน “เออๆ” ผู้ชายข้างๆ ตอบเพื่อนเขาในประโยคแรกและหันมาคุยกับฉัน“นี่ยัยน้อง” ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย หลังจากที่เขาเรียกฉันคือ... ไม่ได้เรียกเฉยๆ ไง แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนเกือบจะตัวติดกัน“เอ่อ...” ฉันตั้งสติไม่ทัน ไม่รู้จะเริ่มคุยกับเขาว่ายังไง เลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ“ไม่ต้อ
“อย่าให้มันมากไปไอ้มอม้า นี่คาสิโนกู” เสียงเยือกเย็นของยูกิดังขึ้นน้ำเสียงเขากดต่ำไม่พอใจกับการตัดสินใจเอาเองของมอม้าอย่างมาก“เฮียอย่าปากแข็งเลยว่ะ! รู้ทั้งรู้ว่าสถานะคุณไฉ่หงตอนนี้เป็นยังไง ยังจะให้เธอไปนอนในห้องเก็บของเก่าๆ นั่นต่ออีกเหรอ”“ห้องเก็บของ!” สิ้นคำพูดมอม้า เฮียเทียนก็โพล่งขึ้นเหมือนกับไม่พอใจแย่แล้ว! ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมีศึกน้ำลายของทั้งสามคนนี้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หงส์อยู่ที่เดิมก็ได้” ประโยคนี้ฉันพูดกับมอม้า“ห้องเก็บของนั่นไม่ได้แย่มากมายอะไรหรอกค่ะเฮีย หงส์อยู่ได้ มันมีของใช้ของอำนวยความสะดวกเกือบจะครบครัน เพราะงั้นสบายมาก” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้พี่ชาย เพื่อที่จะให้เขาสบายใจกับที่พักพิงของตนเองเฮียเทียนหันไปมองหน้ายูกิเหมือนกับคาดคั้นให้เขาพูดอะไรบ้าง“เอาที่พวกมึงสบายใจไปเลย! ยกเว้นชั้นสาม!” ยูกิพูดไว้เพียงเท่านั้นเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งสนใจเอกสารบนโต๊ะนั้นไม่สนใจพวกเราสามคนที่นั่งอยู่โซนรับแขกอีกเลยหมับ! ฝ่ามือหนาแต่อบอุ่นของเฮียเทียนดึงสายตาที่เอาแต่จ้องมองคนเย็นชาหันมาสนใจพี่ชายตัวเองอีกครั้ง“ทนหน่อยนะหงส์ เฮียจะรีบจัดการเรื่องที่ฮ่องกงให้เรียบร
หลังจากที่ทั้งเจ๊ลิชากับสิตาที่มาช่วยฉันย้ายห้องออกไปได้เกือบยี่สิบนาที ฉันก็แหงนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้อง ที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเกือบจะสองทุ่มแล้ว“ตายแล้ว!” ฉันอุทานออกมาด้วยอารามตกใจ นี่มันเลยเวลาที่ยูกิต้องทานอาหารเย็นแล้วนี่นา ปกติยูกิต้องทานไม่เกินทุ่มครึ่ง ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งลงไปที่ครัวเตรียมอาหารง่ายๆ และรีบตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานยูกิทันทีก๊อก ก๊อกส่งสัญญานแจ้งเจ้าของห้องว่าผู้มาเยือนกำลังจะเข้าไปแล้วเรียบร้อย ฉันก็ไม่ต้องรอให้คนข้างในอนุญาตถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูแล้วเข้าไปทันที“คุณยูกิ” เมื่อพบว่าภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีคนที่เป็นเจ้าของอาหารจานนี้รออยู่ ฉันก็เริ่มที่จะส่งเสียงเรียกเขาเบาๆ สองสายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่ไม่ได้กว้างมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่พบสายตาสะดุดเข้ากับประตูห้องเชื่อมที่อยู่ข้างตู้หนังสือ ซึ่งถ้าเปิดมันออกข้างหลังประตูบานนั้นจะเป็นห้องนอนส่วนตัวของยูกิ“หรือว่าจะอยู่ในห้องนอน?” ไม่คิดเปล่า สองเท้าน้อยๆ ค่อยๆ ก้าวย่างตรงไปที่หน้าประตูห้องนอนนั้น ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่ต้องชะงักค้างไว้เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดอะไรสักอย่าง“อย่าไป อย่าไป”เสียงที่
“หงส์เป็นห่วงนี่คะ ว๊าย!” แค่เอ่ยคำว่าเป็นห่วงแค่นี้ คนใจร้ายถึงกับผลักฉันล้มลงพื้นอีกครั้ง“เก็บความเป็นห่วงของเธอไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่เคยอยากได้ไอ้ความเป็นห่วงจากผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น” น้ำเสียงและแววตาแข็งกระด้างนั้นมันช่างบาดลึกลงกลางอกข้างซ้ายฉันเสียจริงเจ็บ! ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เจ็บถึงเพียงนี้“ทำไมคุณยูกิต้องเย็นชากับหงส์ ทำเหมือนกับเคียดแค้นผู้หญิงทุกคนแบบนั้นด้วยคะ” ฉันข่มความหวาดกลัวและความเสียใจเอาไว้ เอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มานานแล้วออกไป“ยุ่ง! ไม่ใช่เรื่องของเธอ ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเรียกไอ้เทียนมารับเธอกลับฮ่องกงมันซะตอนนี้”พูดจบยูกิก็เดินผ่านร่างฉันเพื่อที่จะออกจากห้องนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคนไล่ฉันออกจากห้องเอง แต่เขากลับเป็นคนที่จะเดินออกไปแทน“หงส์ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีปมอะไรเกี่ยวกับผู้หญิง” เสียงของฉันทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปถึงประตูห้องหยุดชะงัก“แต่อยากให้คุณยูกิใช้เหตุผลบ้าง ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุก...”“หุบปาก! ถ้าเธอไม่รู้อะไร” ฉันยังไม่ทันบอกให้จบเลย ว่าผู้หญิงทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ถูกคนเอาแต่ใจไม่ฟังใครขัดขึ้นก่อน“ใช่! หงส์มันไม่รู้อะไ
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต
“มึงจะโทษว่าครึ่งหนึ่งที่มึงว่ามาจากยานรกนั่น! แม่ง...มึงมันไม่หมาไปหน่อยเหรอวะ!” เสียงคำรามลั่นระบายอารมณ์มาคุถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง“ก็ครึ่งหนึ่งไงวะ” ผมยังคงย้ำคำเดิม ความรู้สึกเดิมออกไปผลั้วะ ผลั้วะ!ครั้งนี้ไอ้เทียนรัวมาสองหมัดใส่เบ้าหน้าซ้ายขวาผมข้างละทีเจ็บใช่เล่นถุย! ผมถึงกับถุยน้ำลายปนเลือดเล็กน้อยทิ้งลงพื้นขาวสะอาดเลือดชั่วๆ ออกมาบ้างก็คงดี“มึงจะเอายังไงกับน้องกู” ไอ้เทียนสะบัดมือสองสามทีชกผมตั้งสามครั้ง ไม่เจ็บให้มันรู้ไปสิวะ มือมันแดงเถือกเหมือนกัน“ถ้าเธอเอ่ยปาก กูก็พร้อมรับผิดช...”วืด~ หมับ!ไอ้เทียนจะต่อยผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรับหมัดมันไว้ทันสามครั้งถือว่ามากพอแล้วกับเรื่องนี้ ผมทำน้องมัน ผมยอมให้มันชกผมแค่นั้นพอ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ปล่อยให้คนที่โดนผมกระทำเอาคืนผมเองดีกว่า“มึงไม่รู้อะไร” ไอ้เทียนสะบัดมือออกจากกำมือผมที่กุมหมัดมันไว้อีกที“น้องกูเป็นพวกใจแข็ง ถ้าตัดได้คือ ‘ตัด’ ”อึก~ ผมถึงกับกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคอกับประโยคของไอ้เทียน“ถ้าน้องกูฟื้นกูจะถามเอง”“ไม่ได้!” ผมถึงกับร้องท้วงทันทีที่มันพูดจบเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้องมัน ต่อให้มันเป็นพี่ชายก็ไม่ควร
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงคิดจะปิดกูอีกนานแค่ไหนวะ” ผมถามมันเสียงต่ำหลังจากที่ไอ้เทียนยอมเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ไฉ่หงความจำเสื่อมให้ฟังเกือบชั่วโมง ผมถึงกับหดหู่อย่างอธิบายไม่ถูก ขนาดผมคนนอกยังเจ็บปวดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยตอนนั้นไฉ่หงเธอจะรู้สึกยังไง แบบนี้สินะเธอถึงปิดกั้นความทรงจำของตัวเองทิ้งไปผมเหลือบตามองไอ้เทียนที่ตอนนี้นั่งดวงตาแดงก่ำ มันคงทั้งเจ็บแค้น เจ็บปวด ส่วนไอ้มอม้าถึงกับนิ่งเป็นรูปปั้นหิน หน้าตามันไม่บ่งบอกว่าเจ็บปวดก็จริง แต่สายตามันผมดูออกว่าเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้เมื่อกี้มากแค่ไหนหลังจากภายในห้องเงียบไปไม่นานไอ้เทียนเลยพูดขึ้นบ้าง“ทีนี้ก็ตามึงเล่า” มันคะยั้นคะยอผม“ผ่านมาร่วมเดือนมึงยังสืบไม่ได้ว่าฝีมือใคร?” ผมไม่ตอบโทษทีว่ะ! ตอนนี้เรื่องผมมันขี้ประติ๋วสำหรับมัน“นี่มึงจะเล่นตลกอะไรไอ้ยูกิ กูเล่าเรื่องกูให้มึงฟังแล้วอย่ามาเนียน” ไอ้เทียนชี้หน้าผมท่าทางเอาเรื่อง“กูไม่ได้กลบเกลื่อน กูแค่คิดว่าเรื่องของมึงมันสำคัญกว่าเรื่องของกู”เรื่องของผมถ้าบอกไปมันก็แค่คงซัดผมหมัดสองหมัดหรือไม่ก็กระทืบผมจมตีนก็เท่านั้น ซึ่งผมจะบอกมันตอนไหนก็ได้เปล่าวะ?“เออ! กูจะยอมมึงครั้
Rrrเสียงแผดร้องโทรศัพท์ดังลั่นดึงสติผมให้กลับมายังปัจจุบัน รีบเอื้อมมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดปิดเสียงเมื่อเห็นรายชื่อที่โทรเข้า‘มอม้า’ตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับใคร ยังตะหงิดใจเรื่องยาปลุกเซ็กเมื่อคืนอยู่ ถึงแม้ลึกๆ ในใจจะบอกว่าไอ้มอม้าแค่หมากตัวหนึ่งในการส่งแก้วใบนั้น แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ในเมื่อก่อนหน้ามันเหมือนพยายามจับคู่ผมกับไฉ่หงRrrเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นรอบที่สองด้วยเจ้าของเบอร์คนเดิม คิ้วขวาผมกระตุกยิบๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ค่อนไปในทางเลวร้ายเกิดขึ้น[ไอ้เฮียยูไหนวะ หงส์หายตัวไป]เฮือก~ ประโยคร้อนรนที่ถูกส่งออกมาหลังจากผมเลื่อนสัมผัสรับสายทำให้ร่างทั้งร่างผมชาดิก จะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะหายไปก่อนออกมาผมเป็นคนอุ้มเธอกลับห้องนอนเองแท้ๆ แต่ว่า.. นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ววะที่ผมนั่งจมอยู่กับอดีต“ไม่ตลก” ในที่สุดก็หาเสียงตัวเองเจอ[คิดว่าผมตลกหรือไง นี่มันไม่ปกตินะเฮีย] เสียงยียวนกวนส้นดังลอดออกมาอีกครั้ง แต่ยังคงความกลุ้มอกกลุ้มใจ“มึงก็ดูกล้องสิวะ เรื่องฉลาดๆ ไม่ท...”[เพราะเห็นไงว่าหงส์แค่ออกไปข้างนอก แต่นั่นมันชั่วโมงหนึ่งแล้วนะเฮีย]ผมยังด