กลัว! ร่างกายฉันมันบอกแบบนั้น แต่ความรู้สึกลึกๆ กลับบอกว่าไม่ได้กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทำงานยูกิก่อนหน้า ทำให้ฉันหวนกลับไปนึกถึงเรื่องเลวร้ายในตรอกเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเศษสวะสองคนนั้น!“หงส์ หงส์! คุณไฉ่หง!” ฉันรับรู้ถึงแรงเขย่าจากใครบางคน พร้อมกับเสียงเรียกที่เหมือนดังอยู่ไกลๆ แต่พอเริ่มตั้งสติได้กลับพบว่าเสียงนั่นดังอยู่ตรงหน้านี่เอง“พะ พี่มอม้า คนนั้น...” อาการตื่นกลัวที่เกิดขึ้นยังคงไม่หมดไป ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนคนจะเป็นลม“ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ คุณหลั่นเทียนไม่ใช่คนไม่ดี” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากมอม้าฉุกให้เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำฉันแวบขึ้นมา‘หลั่นเทียน’ ทำไมชื่อนี้รู้สึกคุ้นๆอันที่จริงถ้าฉันตัดเรื่องเหตุการณ์ที่กำลังจะถูกข่มขืนในตรอกก่อนหน้าออก ไม่เอามารวมกับเหตุการณ์ในห้องทำงานยูกิ ฉันเองก็ไม่ได้กลัวสัมผัสของผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่ กลับกัน... ฉันกลับรู้สึกโหยหาและคุ้นเคยกับอ้อมกอดนั้นมากกว่า“หงส์สับสน หงส์ไม่รู้ว่าหงส์กลัวหรือว่าอุ่นใจกันแน่” ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ พูดพึมพำกับตัวเอง“ต้องเป็นอย่างหลังอยู่แล้ว นั่นพี่ชายคุณไฉ่หงนะ” มอม้าปลอบใจฉัน มื
“ไม่ใช่นั่งตรงนั้นสิ ตอนนี้เธอเป็นถึงน้องสาวคุณหลั่นเทียนเพื่อนเฮียนะ ต้องนั่งบนโซฟา” มอม้าว่าให้พร้อมกับพาฉันมานั่งข้างๆ ผู้ชายตาตี๋ๆฉันหันไปมองหน้ายูกิที่นั่งฝั่งตรงข้ามพวกเรา แวบหนึ่งฉันมองเห็นคำด่าทอในสายตาคนเย็นชา ‘ปัญญาอ่อน’ หรือไม่ก็ ‘ซื่อบื้อ’“ถามจริง! ก่อนหน้านี้น้องกูอยู่ที่นี่ทำหน้าทีไรวะ” คนที่นั่งข้างๆ ฉันถามยูกิน้ำเสียงแลไม่ค่อยสบอารมณ์“ถามมัน!”แทนที่คนถูกถามจะตอบ เขากลับโบ๊ยมาให้ลูกน้องตัวเองแทน“ผมให้คุณไฉ่หงดูแลเฮียยูกิฮะ” เสียงตอบที่ฉะฉานของมอม้าทำให้คนที่นั่งข้างๆ ฉันพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ก็มีความงงงวยปะปนอยู่“แล้วทำไมน้องกูทำท่าทางไม่เห็นจะเหมือนคนดูแลมึงเลย ยัยน้องทำเหมือนกับตัวเองเป็นคนใช้ซะมากกว่า”ฉึก! แทงใจดำเลย“เข้าเรื่องเหอะ กูอยากพักผ่อน” คนถูกถามยังคงไม่ตอบ แต่กลับเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแทน “เออๆ” ผู้ชายข้างๆ ตอบเพื่อนเขาในประโยคแรกและหันมาคุยกับฉัน“นี่ยัยน้อง” ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย หลังจากที่เขาเรียกฉันคือ... ไม่ได้เรียกเฉยๆ ไง แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนเกือบจะตัวติดกัน“เอ่อ...” ฉันตั้งสติไม่ทัน ไม่รู้จะเริ่มคุยกับเขาว่ายังไง เลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ“ไม่ต้อ
“อย่าให้มันมากไปไอ้มอม้า นี่คาสิโนกู” เสียงเยือกเย็นของยูกิดังขึ้นน้ำเสียงเขากดต่ำไม่พอใจกับการตัดสินใจเอาเองของมอม้าอย่างมาก“เฮียอย่าปากแข็งเลยว่ะ! รู้ทั้งรู้ว่าสถานะคุณไฉ่หงตอนนี้เป็นยังไง ยังจะให้เธอไปนอนในห้องเก็บของเก่าๆ นั่นต่ออีกเหรอ”“ห้องเก็บของ!” สิ้นคำพูดมอม้า เฮียเทียนก็โพล่งขึ้นเหมือนกับไม่พอใจแย่แล้ว! ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมีศึกน้ำลายของทั้งสามคนนี้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หงส์อยู่ที่เดิมก็ได้” ประโยคนี้ฉันพูดกับมอม้า“ห้องเก็บของนั่นไม่ได้แย่มากมายอะไรหรอกค่ะเฮีย หงส์อยู่ได้ มันมีของใช้ของอำนวยความสะดวกเกือบจะครบครัน เพราะงั้นสบายมาก” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้พี่ชาย เพื่อที่จะให้เขาสบายใจกับที่พักพิงของตนเองเฮียเทียนหันไปมองหน้ายูกิเหมือนกับคาดคั้นให้เขาพูดอะไรบ้าง“เอาที่พวกมึงสบายใจไปเลย! ยกเว้นชั้นสาม!” ยูกิพูดไว้เพียงเท่านั้นเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งสนใจเอกสารบนโต๊ะนั้นไม่สนใจพวกเราสามคนที่นั่งอยู่โซนรับแขกอีกเลยหมับ! ฝ่ามือหนาแต่อบอุ่นของเฮียเทียนดึงสายตาที่เอาแต่จ้องมองคนเย็นชาหันมาสนใจพี่ชายตัวเองอีกครั้ง“ทนหน่อยนะหงส์ เฮียจะรีบจัดการเรื่องที่ฮ่องกงให้เรียบร
หลังจากที่ทั้งเจ๊ลิชากับสิตาที่มาช่วยฉันย้ายห้องออกไปได้เกือบยี่สิบนาที ฉันก็แหงนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้อง ที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเกือบจะสองทุ่มแล้ว“ตายแล้ว!” ฉันอุทานออกมาด้วยอารามตกใจ นี่มันเลยเวลาที่ยูกิต้องทานอาหารเย็นแล้วนี่นา ปกติยูกิต้องทานไม่เกินทุ่มครึ่ง ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งลงไปที่ครัวเตรียมอาหารง่ายๆ และรีบตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานยูกิทันทีก๊อก ก๊อกส่งสัญญานแจ้งเจ้าของห้องว่าผู้มาเยือนกำลังจะเข้าไปแล้วเรียบร้อย ฉันก็ไม่ต้องรอให้คนข้างในอนุญาตถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูแล้วเข้าไปทันที“คุณยูกิ” เมื่อพบว่าภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีคนที่เป็นเจ้าของอาหารจานนี้รออยู่ ฉันก็เริ่มที่จะส่งเสียงเรียกเขาเบาๆ สองสายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่ไม่ได้กว้างมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่พบสายตาสะดุดเข้ากับประตูห้องเชื่อมที่อยู่ข้างตู้หนังสือ ซึ่งถ้าเปิดมันออกข้างหลังประตูบานนั้นจะเป็นห้องนอนส่วนตัวของยูกิ“หรือว่าจะอยู่ในห้องนอน?” ไม่คิดเปล่า สองเท้าน้อยๆ ค่อยๆ ก้าวย่างตรงไปที่หน้าประตูห้องนอนนั้น ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่ต้องชะงักค้างไว้เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดอะไรสักอย่าง“อย่าไป อย่าไป”เสียงที่
“หงส์เป็นห่วงนี่คะ ว๊าย!” แค่เอ่ยคำว่าเป็นห่วงแค่นี้ คนใจร้ายถึงกับผลักฉันล้มลงพื้นอีกครั้ง“เก็บความเป็นห่วงของเธอไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่เคยอยากได้ไอ้ความเป็นห่วงจากผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น” น้ำเสียงและแววตาแข็งกระด้างนั้นมันช่างบาดลึกลงกลางอกข้างซ้ายฉันเสียจริงเจ็บ! ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เจ็บถึงเพียงนี้“ทำไมคุณยูกิต้องเย็นชากับหงส์ ทำเหมือนกับเคียดแค้นผู้หญิงทุกคนแบบนั้นด้วยคะ” ฉันข่มความหวาดกลัวและความเสียใจเอาไว้ เอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มานานแล้วออกไป“ยุ่ง! ไม่ใช่เรื่องของเธอ ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเรียกไอ้เทียนมารับเธอกลับฮ่องกงมันซะตอนนี้”พูดจบยูกิก็เดินผ่านร่างฉันเพื่อที่จะออกจากห้องนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคนไล่ฉันออกจากห้องเอง แต่เขากลับเป็นคนที่จะเดินออกไปแทน“หงส์ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีปมอะไรเกี่ยวกับผู้หญิง” เสียงของฉันทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปถึงประตูห้องหยุดชะงัก“แต่อยากให้คุณยูกิใช้เหตุผลบ้าง ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุก...”“หุบปาก! ถ้าเธอไม่รู้อะไร” ฉันยังไม่ทันบอกให้จบเลย ว่าผู้หญิงทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ถูกคนเอาแต่ใจไม่ฟังใครขัดขึ้นก่อน“ใช่! หงส์มันไม่รู้อะไ
ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม? เธอบอกเองว่าอยากช่วยให้ผมผ่อนคลาย และทางเดียวที่ผู้ชายใช้ผ่อนคลายก็ต้องเป็น... เรื่องบนเตียง“หงส์ไม่ได้เสนอ คุณยูกิอย่ามั่ว” ยังปากดีไม่เลิกไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปากดีเถียงผมมานานมากแล้วนานมากตั้งแต่...ฟึ่บ!ผมรีบผละตัวขึ้นจากการทาบทับร่างบางของไฉ่หง เมื่ออยู่ๆ สมองมันก็แวบภาพของคนที่ผมพยายามลืมมันไปแต่แม่งก็ไม่เคยหายไปสักที“รีบไสหัวไปก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!”สิ้นคำสั่งผม ไฉ่หงก็รีบร้อนลงจากเตียงนอนผม วิ่งออกไปจากห้องนี้แบบไม่หันหลังมองกลับมาสักเสี้ยวเดียวผมยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติให้กลับเข้าสู่กายเนื้อเกือบไปแล้ว ผมเกือบจะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของไอ้เทียนเพื่อนตัวเองแล้วไหมล่ะ จังหวะที่กำลังจะลุกจากเตียงเพื่อออกไปจัดการธุระข้างนอกที่ตอนนี้น่าจะได้เวลาแล้ว ตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างหล่นอยู่บนเตียงนอนที่ไฉ่หงเพิ่งจะลุกออกไปผมเอื้อมมือไปหยิบเจ้าถุงสีแดงที่ปักลายเป็นตัวอักษรภาษาจีนขึ้นมาดูรู้สึกคุ้นกับลายผ้าและตัวหนังสือที่ปักอยู่บนนั้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของมันอย่างแปลกประหลาด แต่ก็เลิกสนใจแล้วเลื่อนลิ้นชักข้างหัวเตียงออกมาแล้วเก็บเจ้าถ
ฟืด ฟืด เสียงเครื่องคั้นน้ำผลไม้คงดังมาก ทำให้ฉันไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังฉันในระยะเผาขน“ทำอะไร ไหนอาหารว่างฉัน”“ว๊าย!”ฉันสะดุ้งสุดตัว หลังจากที่เสียงคล้ายกระซิบดังแผ่วเบาอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ กระทบที่ลำคอเนียนฉันเบาๆ เรียกไรขนอ่อนทั่วกายลุกชัน“คุณยูกิ!” เมื่อตั้งสติได้ และเห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้นฉันก็รีบเรียกเขาด้วยเสียงสั่นเครือ “ทำไมต้องทำท่ากลัวฉันขนาดนั้น”‘ไม่กลัวสิแปลก’ ฉันไม่กล้าท้วงกลับ ได้แค่คิดในใจหลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำหรือแม้แต่เฉียดกายเข้าใครเขาอีกเลย อาจจะเป็นเพราะยังโกรธเขาที่ไม่มีเหตุผล ไม่ฟังอะไรก่อนแล้วก็มาเอะอะทึกทักเอาเองถ้าวันนั้นเขาหยุดตัวเองไม่ทันอะไรจะเกิดขึ้นฉันไม่อยากจะคิด เพราะงั้นอยู่ห่างๆ ยูกิไว้น่าจะปลอดภัยที่สุด“คุณยูกิจะรับด้วยมั้ยล่ะคะ หงส์ทำน้ำแครอทให้เฮียเทียน” ฉันสูดลมเข้าปอดลึกๆ ระงับอาการตื่นตระหนกให้คงที แล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความน้อยใจอยู่ในนั้น“ไม่น่าถาม ไอ้เทียนยังกินได้ แล้วทำไมต้องถามฉันด้วยวะ” น้ำเสียงเอาแต่ใจดังขึ้น คล้ายกับไม่พอใจกับคำถามของฉัน“หงส์ไม่รู้นี่ค่ะ แค่ถ
“ว่าไงยัยน้อง”“คะ?” ฉันที่ไม่ได้ฟังเฮียเทียนพูดก่อนหน้าเลยไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองถามอะไร ได้แต่ส่งเสียงคล้ายกับงุงงงออกไป“เฮียถามว่าเราโอเคมั้ยที่เฮียจะให้เราเป็นเลขาไอ้ยูกิ น้องก็เรียนสาขานี้มาอยู่แล้วเรื่องแค่นี้หมูมาก น้องจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระมันด้วยไง”เหมือนถูกพี่ชายตัวเองมัดมือชกเลยแฮะ!ฉันยังไม่ตอบคำถามพี่ชายตัวเอง แต่เลือกที่จะเหลือบมองคนที่เป็นว่าที่เจ้านายคนใหม่ที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวตัวที่อยู่ถัดจากฉันแทน“เอ่อ คือว่า หงส์” เพราะถูกสายตากดดันจากยูกิที่มองฉันอยู่ก่อน ทำให้คิดคำตอบพี่ชายตัวเองไม่ทัน ได้แต่ละล่ำละลักออกไป“ลีลา ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ” คำพูดประชดที่ปนความหงุดหงิดถูกส่งมาให้ฉันเม้มปากแน่น “หงส์ไม่ได้ลีลา แล้วหงส์ก็ยินดีทำ!” คำพูดแรกฉันตอบโดยไม่เลิกจ้องหน้ายูกิสักวินาที ประโยคหลังฉันหันไปตอบพี่ชายตัวเองเสียงดังฟังชัด“เยี่ยมมากน้องรัก” เฮียเทียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจในคำตอบรับนี้“แล้วมึงจะกลับวันไหน” เสียงยูกิที่เงียบอยู่พักหนึ่งถามเฮียเทียน“คืนนี้! กูต้องรีบกลับไปสืบเรื่องสำคัญ ไม่อยากปล่อยไว้นาน” สีหน้าเฮียเทียนเคร่งเครียดมาก มีเรื่องอะไรสำคัญขนาด
“ว่ามา” หนียังไงผมก็หนีมันไม่พ้น งั้นก็เปิดอกคุยเลยแล้วกัน“ที่มึงต่อยไอ้มอม้าจริงๆ แล้ว มึงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”หึ! มุมปากผมยกขึ้นเล็กน้อยให้กับคำถามที่ผมเองก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว“ไม่รู้ว่ะ!” ที่ตอบไปคือเรื่องจริงผมไม่รู้ที่ผมต่อยไอ้มอม้าไปสาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่เพราะไอ้มอม้าเกือบจะเผลอพูดเรื่องอดีตของผม หรือ เพราะ... ยัยนั่น“มึงรู้! มึงอย่าแกล้งไม่รู้” สายตาคาดคั้นจากกรุงโซลส่งมาให้ผม“อาจจะ” ผมตอบมันเสียงเรียบ“แบบไหน?” ตอบสองคำ มันก็ถามผมกลับมาสองคำ เออดีจริงเพื่อนกู“แบบว่า มันขัดอารมณ์กู ผลลัพธ์มันต่างจากที่กูอยากให้เป็น กูอยากเห็นยัยหน้าจืดนั่นล้มลงไปมากกว่าอยู่ในอ้อมกอดไอ้มอม้า... มั้ง”แล้วนี่ทำไมผมต้องมานั่งอธิบายอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเองให้ไอ้กรุงโซลมันฟังด้วยวะ แต่พอได้พูดอะไรออกไปบ้าง ปากมันกลับเหมือนเขื่อนที่ถูกเปิดระบายน้ำเพราะมันไม่ยอมหยุดพูดแค่สิ่งที่ไอ้กรุงโซลถาม“กูมักเห็นภาพ ‘เธอ’ ซ้อนอยู่ในตัวยัยนั่น” ผมตอบไปตามที่ผมรู้สึกเอาแบบแมนๆ เลยนะ ก่อนหน้านี้ผมเคยแอบมองไฉ่หงอยู่หลายครั้ง และบางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองละสายตาจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ มันเหมือนเธอมีแรงด
[Krungseoul’s part]แม่งเอ๊ย! ไอ้เหี้ยยูกิ ไอ้เพื่อนเวร เมื่อกี้ถ้ามอม้าลูกน้องคนสนิทของมันไม่มารับตัวผู้หญิงคนนั้นไว้ ป่านนี้ยัยนั่นคงล้มก้นจ้ำเบ้าไปแล้วแถมแม่งยังส่อสันดานเลว ฟิวส์ขาดชกลูกน้องตัวเองทั้งๆ ที่มันไม่เคยทำนิสัยเถื่อนแบบนั้นมาก่อนแอ้ด ปัง! ผมเปิดประตูห้องนอนไอ้ยูกิด้วยแรงกระชากทั้งหมดที่มี“ออกไป!” เสียงขับไสไล่ส่งดังลอดไรฟันของไอ้หัวชมพูฟรุ้งฟริ้งที่ไม่เข้ากับหน้าตาบูดบึ้งตะคอกใส่ผม“มึงเป็นบ้าอะไรวะ! เมื่อกี้มันไม่ใช่มึงเลย” ผมไม่สนใจคำไล่ของมัน เลือกพูดประโยคคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบออกไปแทน“มึงดูมันพูด!”“จี้จุดมึง?” ผมไม่รอให้มันพูดอะไรต่อ รีบสวนทันทีผลลัพธ์เหรอ? ได้รับสายตาเชือดเฉือนดุจมีดแหลมคมส่งมาไงล่ะ“มึงอยากโดนอีกคน?” คิดว่าผมกลัว?คำขู่เหมือนเด็กสองขวบ เราคบกันมาสิบปีได้แล้วมั้ง! ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไร จะทำจริงหรือไม่จริง“มานี่มา!” ผมเดินไปนั่งโซฟากลางห้องนอนมัน พร้อมกับตบเบาะโซฟาข้างๆ ตัวเองเรียกให้มันมานั่งคุยกันแบบใกล้ชิด ไอ้ยูกิยอมเดินมาตามที่ผมเรียก แต่ดันเสือกนั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทน“ถามจริง มึงเฮิร์ทอะไร? กูว่ามึงทำเกินไปนะเว้ย!” พ
หมับ! คำพูดต่อไปของฉันถูกขัดด้วยฝ่ามือเรียวบางแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น “มองตาเจ้สิ! หงส์เห็นอะไรในดวงตาคู่นี้” เหมือนถูกสะกดจิตฉันจ้องมองตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยตรงหน้า สายตาที่เป็นมิตร ไม่ได้มีความหวังร้ายเลยแม้เศษเสี้ยว“ที่พูดไปก่อนหน้าคือเรื่องจริง คุณแก้มอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ” ย้ำให้เธอฟังอีกชัดๆ เกรงว่าการที่เธอให้จ้องตาเพื่อพิสูจน์ความจริงในคำตอบก่อนหน้า“เข้าใจผิด?” แก้มเลิกคิ้ว เอียงคอจ้องมองหน้าฉัน“ค่ะ ก็หงส์คิดว่าคุณแก้มกับคุณยูกิ เอ่อ เป็น...”“…” คนรอฟังเงียบไม่เอ่ยขัดคล้ายรอฟังให้ฉันพูดให้จบแต่ฉันกลับไม่กล้าเอ่ยคำพูดต่อไป ‘ก็คุณแก้มกับคุณยูกิเป็นแฟนกันนี่คะ’“คิกๆ” ฉันที่เบือนหน้าหันไปมองทางอื่นได้ไม่ถึงสองวิฯ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังออกมาจากผู้หญิงหุ่นบอบบาง“คุณแก้มขำอะไรเหรอคะ?”“ก็ขำความคิดเราไงล่ะ ถ้าให้เดาหงส์คงกำลังคิดว่าเจ้กับเฮียยูกิเป็นแฟนหรือว่าคนรักกันใช่ไหมล่ะ”“…” ฉันได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบ“ฉันมีลูกเธอก็เห็นใช่ไหม? เด็กที่อยู่ในห้องนั้นน่ะ” พยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง “เด็กคนนั้นชื่อทิวลิป ส่วนพ่อของเด็กคือ...”“ฉันไง? กรุงโซลสุดหล่อสามีสุดที่รักของแก้มใส”
‘อบอุ่น’ ฉันไม่เคยเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของยูกิเลยสักครั้ง จนนาทีนี้ ที่มีเด็กน้อยตัวอวบๆ ผิวขาวใส น่าตาน่ารักวิ่งเข้ามาหาเขาในห้องทำงานจะเรียกว่าครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ฉันสัมผัสได้ว่าบนใบหน้าของผู้ชายที่เคยเย็นชามีสีสันขึ้นมา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่บนนั้น บอกตามตรง ฉันไม่อาจละสายตาจากภาพของยูกิที่ดูอบอุ่นนั้นได้เลยเปาะ!“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งตัวเผลอลุกจากเก้าอี้กะทันหันเมื่อใบหูเหมือนได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังอยู่ใกล้ๆ พอตั้งสติได้ทำให้รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าตัวเองเกือบจะชนเข้ากับใบหน้าคมเข้มของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเฮือก! ลมหายใจติดขัดขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ เมื่อสายตาเพ่งพินิจดูดีๆ พบว่าใบหน้านั้นคือใบหน้าของผู้ชายที่ฉันแอบมองอยู่ก่อนหน้านี้‘เขามาตอนไหน’“นึกว่าหลับในตายสะอีก!” เสียงแหบต่ำที่ดังรอดไรฟันทำให้สติฉันกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ รีบผละใบหน้าให้ออกห่างจากผู้ชายปากร้ายคนนี้“คะ คุณยูกิมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พยายามถามให้เสียงเป็นปกติที่สุด“นี่ไม่รู้สึกถึงอะไรรอบข้างเลยว่างั้น?” คนถูกถามไม่ตอบแต่เลือกที่จะส่งคำถามใหม่กลับมา ฉันจึงโฟกัสสายตาไปมองรอบห้องและพบว่าภายในห้องนี้ไม่ได้มีแ
[Yuuki’s part]แปลก! วันนี้ยัยซื่อบื้อดูเงียบผิดปกติ ทำตัวเหมือนกับโกรธ งอน อะไรผมสักอย่าง ทั้งๆ ที่ผมอุตส่าห์เป็นคนเดินเข้าไปคุยด้วยก่อนแล้วแท้ๆผมสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อขับไล่ภาพที่ตัวเองกำลังอุ้มไฉ่หงกลับไปที่ห้องนอนห้องถัดจากผมผ่านประตูลับที่ไม่มีใครรู้นอกจากตัวผมเอง รู้แบบนี้เมื่อคืนน่าจะปล่อยให้ยุงกัดให้ตาย! ไม่น่าแบกกลับไปนอนสบายๆ ที่ห้องเลย ให้ตายสิวะ!กำลังจะอ้าปากหาเรื่องชวนไฉ่หงทะเลาะ เสียงเล็กๆ ใสๆ ของผู้มาเยือนตัวน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“อายูกิ~”“มาได้ไงเรา หลานรักของอา” ผมรีบวิ่งไปอุ้มเด็กน้อยตาใสแป๋ว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเพื่อนรักอย่างไอ้กรุงโซลกับแก้มใสขึ้นมาฟัดแก้มนุ่มๆ เล่น“หวัดดีเฮีย”ผมพาทิวลิปมานั่งที่โซฟารับแขกได้ไม่นาน เสียงลูกน้องที่ผมเกือบจะลืมมันไปก็ดังขึ้น “กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้ว” ผมกัดไอ้ใบไม้ทันทีที่เห็นหน้ามัน‘ใบไม้’ เป็นลูกน้องคนสนิทผมอีกคน มันเป็นน้องชายแท้ๆ ไอ้มอม้าผมเคยช่วยพวกมันสองคนตอนที่กำลังจะถูกตำรวจจับข้อหาค้ายา แต่โชคดีเส้นผมใหญ่ และดูๆ แล้วเหมือนไอ้สองคนนี้มันไม่ได้ตั้งใจทำ เลยสงสารและเก็บมันมาใช้งาน“โด่เฮีย! ใครกันล่ะส่งผมไปตายแทน” ไอ
“เดี๋ยวฝันร้ายจะหายไปเองนะคะ เพี้ยง” ริมฝีปากกระจับสีชมพูได้รูปเผยอขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับท่าทางการเป่าลมออกจากปากเหมือนกับคำพูดสุดท้ายที่หลุดรอดออกมาก่อนหน้า“ยัยบ้าเอ๊ย!” ผมชักมือกลับ เลิกสนใจผู้หญิงที่กำลังนอนหลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวตรงหน้า หันหลังและสาวเท้ากลับไปยังห้องนอนตัวเองที่เพิ่งออกมาไม่กี่นาทีไม่อยากจะอยู่ตรงนั้นนานๆ เพราะมันรู้สึกกระอักกระอ่วนในหัวใจแปลกๆประโยคที่มันดังในความฝันผมเมื่อครั้งนั้น และเป็นประโยคที่ทำให้ฝันร้ายของผมหายไปทุกครั้งที่นึกถึงมัน‘เดี๋ยวฝันร้ายจะหายไปเองนะคะ เพี้ยง’ประโยคที่แสนธรรมดาแต่กลับมีอิทธิพลกับหัวใจมึงเพียงนี่เลยเหรอวะไอ้ยูกิ[End part]“อื้อ” รู้สึกเหมือนร่างกายมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แถมตอนนี้เหมือนกับร่างกายนอนอยู่บนอะไรนิ่มๆ‘ที่นอนเหรอ?’ เปลือกตาน้อยๆ สองข้างค่อยๆ เปิดออก กระพริบตาปริบๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อปรับแสงที่แยงเข้าสู่เลนส์ตาสิ่งแรกที่เห็นคือ เพดานสีขาวสะอาดตา บนเพดานมีดาวเรืองแสงที่ฉันให้เฮียเทียนช่วยติดไว้ก่อนเขาจะกลับฮ่องกง ถ้างั้นก็แสดงว่าฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนในห้องนอนตัวเอง?พรึ่บ! ร่างกายกับสมองสั่งการพร้อ
พวกเราใช้เวลาเดินทางจากสนามบินกลับมาที่ยุกกี้คาสิโนเกือบสองชั่วโมง เพราะการจราจรในช่วงค่ำๆ มันติดขัด หลังจากที่ก้าวขาขึ้นมาถึงชั้นสอง คนที่เดินนำหน้าฉันอย่างยูกิก็หันมาสั่งทางสายตากรายๆ ว่า ให้ฉันตามเขาเข้าไปที่ห้องทำงาน“เอ๊ะ! นี่มัน” เมื่อย่างก้าวเข้ามาในห้องทำงานได้เพียงแค่สามก้าว สายตาก็มองไปยังโต๊ะทำงานไม่เล็กไม่ใหญ่มาก วางอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานยูกิ“ฉันสั่งคนจัดไว้ ตอนเราไปส่งไอ้เทียน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดอะไร ฉันแค่อยากใช้งานเธอจนตัวสั่นต่างหาก” รอยยิ้มมุมปากที่เหมือนซาตานเจอเหยื่อชิ้นดี เรียกไรขนอ่อนในกายฉันลุกชัน“เริ่มวันนี้เลยเหรอคะ?” เหลือบมองนาฬิกาตรงผนังที่บ่งบอกว่าตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้วเลยถามเพื่อให้แน่ใจ“จำไม่ได้? ที่บอกตอนอยู่สนามบิน” ฟังจบฉันถึงกับอ้าปากค้างอยากจะเถียงเขาออกไปแต่ก็ทำได้เพียงกลืนคำเถียงนั้นลงคอ เดินกระแทกเท้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง สองมือน้อยๆ หยิบแฟ้มใบเขื่องสีฟ้าขึ้นมาเปิดดูจ๊อก~แค่สายตามองเห็นตัวเลขที่เต็มหน้ากระดาษ ทำเอาสมุนน้อยๆ ภายในท้องร้องประท้วงขึ้นมาแทบจะทันที ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า เพราะมัวแต่ง่วนกับการหาถุงผ้
“ว่าไงยัยน้อง”“คะ?” ฉันที่ไม่ได้ฟังเฮียเทียนพูดก่อนหน้าเลยไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองถามอะไร ได้แต่ส่งเสียงคล้ายกับงุงงงออกไป“เฮียถามว่าเราโอเคมั้ยที่เฮียจะให้เราเป็นเลขาไอ้ยูกิ น้องก็เรียนสาขานี้มาอยู่แล้วเรื่องแค่นี้หมูมาก น้องจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระมันด้วยไง”เหมือนถูกพี่ชายตัวเองมัดมือชกเลยแฮะ!ฉันยังไม่ตอบคำถามพี่ชายตัวเอง แต่เลือกที่จะเหลือบมองคนที่เป็นว่าที่เจ้านายคนใหม่ที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวตัวที่อยู่ถัดจากฉันแทน“เอ่อ คือว่า หงส์” เพราะถูกสายตากดดันจากยูกิที่มองฉันอยู่ก่อน ทำให้คิดคำตอบพี่ชายตัวเองไม่ทัน ได้แต่ละล่ำละลักออกไป“ลีลา ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ” คำพูดประชดที่ปนความหงุดหงิดถูกส่งมาให้ฉันเม้มปากแน่น “หงส์ไม่ได้ลีลา แล้วหงส์ก็ยินดีทำ!” คำพูดแรกฉันตอบโดยไม่เลิกจ้องหน้ายูกิสักวินาที ประโยคหลังฉันหันไปตอบพี่ชายตัวเองเสียงดังฟังชัด“เยี่ยมมากน้องรัก” เฮียเทียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจในคำตอบรับนี้“แล้วมึงจะกลับวันไหน” เสียงยูกิที่เงียบอยู่พักหนึ่งถามเฮียเทียน“คืนนี้! กูต้องรีบกลับไปสืบเรื่องสำคัญ ไม่อยากปล่อยไว้นาน” สีหน้าเฮียเทียนเคร่งเครียดมาก มีเรื่องอะไรสำคัญขนาด
ฟืด ฟืด เสียงเครื่องคั้นน้ำผลไม้คงดังมาก ทำให้ฉันไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังฉันในระยะเผาขน“ทำอะไร ไหนอาหารว่างฉัน”“ว๊าย!”ฉันสะดุ้งสุดตัว หลังจากที่เสียงคล้ายกระซิบดังแผ่วเบาอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ กระทบที่ลำคอเนียนฉันเบาๆ เรียกไรขนอ่อนทั่วกายลุกชัน“คุณยูกิ!” เมื่อตั้งสติได้ และเห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้นฉันก็รีบเรียกเขาด้วยเสียงสั่นเครือ “ทำไมต้องทำท่ากลัวฉันขนาดนั้น”‘ไม่กลัวสิแปลก’ ฉันไม่กล้าท้วงกลับ ได้แค่คิดในใจหลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำหรือแม้แต่เฉียดกายเข้าใครเขาอีกเลย อาจจะเป็นเพราะยังโกรธเขาที่ไม่มีเหตุผล ไม่ฟังอะไรก่อนแล้วก็มาเอะอะทึกทักเอาเองถ้าวันนั้นเขาหยุดตัวเองไม่ทันอะไรจะเกิดขึ้นฉันไม่อยากจะคิด เพราะงั้นอยู่ห่างๆ ยูกิไว้น่าจะปลอดภัยที่สุด“คุณยูกิจะรับด้วยมั้ยล่ะคะ หงส์ทำน้ำแครอทให้เฮียเทียน” ฉันสูดลมเข้าปอดลึกๆ ระงับอาการตื่นตระหนกให้คงที แล้วเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความน้อยใจอยู่ในนั้น“ไม่น่าถาม ไอ้เทียนยังกินได้ แล้วทำไมต้องถามฉันด้วยวะ” น้ำเสียงเอาแต่ใจดังขึ้น คล้ายกับไม่พอใจกับคำถามของฉัน“หงส์ไม่รู้นี่ค่ะ แค่ถ