ตู๊ด~
[ว่า?] คำทักทายที่แสนสั้นกระชับดังขึ้นหลังจากคนปลายสายกดรับ
“พรุ่งนี้จะแวะไปที่คาสิโน มีเรื่องด่วน”
[อื้ม! ตามนั้น] ปลายสายพูดไว้เพียงเท่านั้นก็กดตัดสายไป
ผมกับมันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคาสิโนมาถึงสี่ปี ที่มันไม่ถามว่าผมจะไปทำไมมันคงขี้เกียจมากกว่า เพราะยังไงผมไปถึงที่นู่นก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดี
เพราะมันเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ซักไซ้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ผมกับมันเลยไม่เคยมีปัญหาอะไรผิดใจกันมาจนถึงทุกวันนี้
“ยัยน้องพี่ชายคนนี้กำลังจะไปหาเธอแล้ว รอพี่ก่อนนะ น้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยรอพี่ไปรับกลับบ้านเรา” น้ำเสียงผมสั่นเครือมากผมรับรู้ได้
บางทีการเสแสร้งว่าเข้มแข็งต่อหน้าลูกน้องมันก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับผู้เป็นนายอย่างผมเสียทีเดียว มันกลับจะทำลายหัวใจผม
ความเข้มแข็งที่ซุกซ่อนความปวดร้าวและอ่อนแอไว้มากๆ มันก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่คอยกัดกินพละกำลัง บางทีก็เหมือนจะตายทั้งเป็นเสียให้ได้ นี่ผมเป็นผู้ชายยังรับกับเหตุการณ์เลวร้ายนี้แทบไม่ไหว แล้วน้องสาวผมล่ะ ตอนนี้เธอจะไม่สติแตกไปแล้วหรือไง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เธอเข้มแข็งอยู่แล้วน้องพี่
ปัจจุบัน @ประเทศไทย
“มึงรีบร้อนมาหากูมีอะไร ได้ข่าวเพิ่งกลับไปยังไม่ถึงอาทิตย์ดี” เสียงราบเรียบของเพื่อนร่วมธุรกิจเอ่ยถามผม
ก็อย่างที่มันว่าก่อนหน้านี้ผมมาพักที่นี่ และกลับไปยังไม่ถึงอาทิตย์ดี และเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนก็รีบร้อนโทรหามันเพื่อที่จะกลับมาสถานที่เดิมที่เพิ่งจากไป
“กูมีเรื่องให้ช่วย เรื่องสำคัญมากแต่ขอเป็นความลับที่สุด” ผมพยายามพูดช้าๆ ก็จริง แต่ในใจตอนนี้โคตรจะร้อนรนกับเรื่องที่สุมอยู่ในอกเป็นอย่างมาก
“มึงดูตื่นๆ แปลกๆ” ไอ้ยูกิมันคงจะมองสีหน้าและท่าทางผมออก
ลืมบอกไป เพื่อนร่วมธุรกิจผมคือ ‘ยูกิ’ เจ้าของยุกกี้คาสิโนที่ผมกำลังนั่งอยู่
ยูกิเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ หน้าตา ยกเว้นอย่างเดียว ‘หัวใจ’ ที่ตอนนี้คงด้านชาแทบเรียกว่าตายด้านเลยก็ว่าได้
“อื้ม!” ผมตอบมันกลับได้แค่คำเดียว เพราะต้องค่อยๆ ปรับลมหายใจให้เข้าที่เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือจากมันแบบไม่ต้องให้สะดุด
“...” ยูกิเงียบเสียงก็จริง แต่สายตามันกำลังจ้องหน้าผมแบบคนรอฟัง
“คืองี้นะ มึงพอมีเส้นสายหรือว่านักสืบดีๆ หรือเปล่า” ผมถามหาบุคคลที่จะช่วยเบาแรงพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก
“มึงกำลังจะตามหาคน?” ยูกิเลิกคิ้วข้างหนึ่งถามผมกลับ
“น้องสาวกูเอง” ผมเริ่มบอกสิ่งที่ทำให้ผมนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ออกไป
“น้องสาว?” ไอ้ยูกิเลิกคิ้วทวนคำบอกเล่าผมอีกครั้ง
ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนทางธุรกิจ แต่มันไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวผมเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ผมกับไอ้ยูกิก็อายุไล่เลี่ยกัน ผมอาจจะแก่เดือนกว่ามันสองสามเดือน
“เธอกำลังถูกตามล่า และมีคนบอกว่าเธอข้ามเรือมาที่ไทย” ผมค่อยๆ เล่าเรื่องราวออกมาทีละนิด ไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดกับครอบครัวผมทั้งหมดออกมา ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือตามหาน้องสาวให้เจอก่อน
“มีรูปมั้ย?” ไอ้ยูกิมันก็ดีตรงนี้ มันจะเป็นพวกไม่ค่อยเซ้าซี้ ถ้าจะช่วยคือช่วย ผมถึงคบกับมันมานานแบบนี้ไงล่ะ
ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีดำเพื่อหยิบเอามือถือเครื่องหรูออกมา กดเข้าไปที่คลังรูปภาพในตัวเครื่อง เปิดรูปสาวน้อยวัยใส สวมเสื้อเปิดไหล่สีแดงสด ใบหน้ายิ้มสดใส ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลอ่อนๆ ให้ไอ้ยูกิดู
หลังจากที่ไอ้ยูกิหยิบมือถือผมไปดู มันทำหน้านิ่ง แต่แววตาวูบไหวไปชั่ววิ พร้อมกับใบหน้าเชิดขึ้นไปมองลูกน้องมันที่ชื่อมอม้าที่ยืนขนาบข้างพร้อมกับส่งมือถือผมให้มันดู
“เฮ้ยเฮีย!” ทันทีที่ไอ้มอม้าเห็นรูปในมือถือผมก็ร้องอุทานเสียงลั่นห้อง
ใจผมเต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เดาเอาจากปฏิกริยาตอบโต้นั่นแสดงว่าสองคนนี้ต้องเคยเห็นน้องสาวผมแน่ๆ
“บอกกูมาถ้ามึงรู้หรือเคยเห็น” ผมรีบถามเสียงปนสั่น
“เอ่อ” เป็นมอม้าเองที่เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ชะงักไว้ พร้อมกับเบือนสายตามองลูกพี่มันที่นั่งหัวโด่ไขว่ห้างแต่หน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรในหัว
“อย่าเงียบสิวะ กูซีเรียส” ทนไม่ไหวกับอาการนิ่งเฉยของไอ้ยูกิ ผมเลยเร่งมันอีกทีเผื่อสติมันหลุดออกไปนอกโลก
“เฮีย!” ไอ้มอม้าช่วยผมเรียกสติลูกพี่มันอีกแรง “อยู่นี่” มันหมายถึงอะไร?
“ไฉ่หงอยู่ที่นี่เหรอ มึงพูดจริงหรือล้อเล่นวะ” ผมถามสิ่งที่คิดออกไปอย่างร้อนรน แต่ไอ้ยูกิตอบกลับเพียงแค่ใบหน้านิ่งเฉย เยือกเย็นตามแบบฉบับมัน
นี่สรุปมันจะกลายเป็นคนหน้านิ่ง หน้าเดียวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อดีตเหี้ยๆ มันก็ผ่านมาเกือบจะปีแล้ว มันน่าจะปล่อยวางได้แล้ว
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ”
“กูรู้มึงกำลังด่ากูในใจ” แหมไอ้เพื่อนรัก ทีงี้รีบออกตัวแรง มันจะเทพไปไหน นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยสักคำ มันมานั่งในใจผมหรือไงถึงรู้ว่าผมกำลังนินทามันอยู่“มึงก็อย่าลีลา ถ้าไฉ่หงอยู่ที่นี่มึงรีบพาเธอมาหากู ก่อนที่พวกนั้นจะตามตัวเธอเจอ” ผมพูดรัวยาวออกไป ทั้งดีใจที่น้องอยู่ใกล้แค่เอื้อมโลกมันโคตรจะกลมไปมั้ยวะ!“ไฉ่หง?” ยูกิพึมพำชื่อน้องผมเบาๆ แต่สายตามันจับจ้องมาทางผมเป็นเชิงสงสัย “เออ! ชื่อน้องกูเอง หลัน ไฉ่หง” ผมบอกชื่อจริงน้องผมให้มันฟังชัดๆ“แต่เธอบอกชื่อหงส์ ไม่ใช่ไฉ่หง” ไอ้ยูกิยังคงยอกย้อน ลีลาเชื่องช้าเป็นเต่าไปได้ มันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมแทบจะระเบิดความเป็นห่วงน้องตัวเองออกมามากแค่ไหน“จะชื่ออะไรก็ชั่งแม่งเหอะ! สรุปเป็นคนในรูปใช่ไม่ใช่?” ผมเริ่มจะควบคุมน้ำเสียงไม่ให้มันแข็งมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเริ่มจะหมั่นไส้ไอ้ยูกิกรายๆแม่งลีลาฉิบ!แต่แทนที่ไอ้ยูกิจะตอบผม มันหันไปมองหน้าไอ้มอม้าลูกน้องคนสนิทของมัน ลูกน้องมันก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป ผมได้แต่ทำหน้างงว่ามันสองคนแค่มองตากันแค่นี้ก็เข้าใจคำสั่งลูกพี่มันได้แล้วเหรอวะ แม่งเทพเชี่ยๆ“เธอตาสีฟ้า” จู่ๆ ไอ้ยูกิที่เอาแต่นั่งเงียบหล
[Yuuki’s part]ผมนั่งมองเหตุการณ์ก่อนหน้าของคู่พี่น้องตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมลืมบอกหลั่นเทียนไป ‘น้องสาวมันความจำเสื่อม’ ไอ้มอม้ามันบอกผมมาแบบนี้ก็นะ! ไอ้หลั่นเทียนมันก็รีบร้อนเกินไปทำให้ผมไม่มีเวลาบอก สุดท้ายมันเลยต้องยืนช็อคอยู่แบบนั้น“ไอ้เทียน มึงมานั่งก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนเธอออกไปก่อนไป”เหตุการณ์ดูท่าจะวุ่นวายไปกันใหญ่ ผมเลยเรียกสติหลั่นเทียนแล้วไล่ยัยเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าในตอนแรกแต่สถานะตอนนี้เป็นน้องสาวเพื่อนร่วมธุรกิจผมออกไปก่อนไอ้มอม้าเป็นคนอาสาพาหงส์ออกไปจากห้อง ส่วนหลั่นเทียนก็เดินเหมือนคนสติหลุดมานั่งที่โซฟาตัวเดิม “ได้ไงวะ เกิดอะไรขึ้นกับน้องกู” หลั่นเทียนพร่ำเพ้อเหมือนคนสติหลุดลอย มันเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองไม่เลิก“ไอ้มอม้าบอกน้องมึงจำเรื่องราวก่อนที่จะมาที่นี่ไม่ได้สักอย่าง” ผมเล่าเรื่องที่ไอ้มอม้าเคยเล่าให้ผมฟังมาเล่าต่อให้หลั่นเทียนฟังอีกทอด“จำไม่ได้? มึงคงไม่ได้หมายถึง...” หลั่นเทียนไม่เอ่ยต่อ มันคงยังไม่เชื่อว่าน้องมันความจำเสื่อม “ก็อย่างที่มึงเข้าใจ” ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรมันเรื่องพวกนี้ปลอบไปแล้วจะได้อะไร รู้ทั้งรู้ว่ามันคือเรื่องจริงจะให้มานั่งบอกว
กลัว! ร่างกายฉันมันบอกแบบนั้น แต่ความรู้สึกลึกๆ กลับบอกว่าไม่ได้กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทำงานยูกิก่อนหน้า ทำให้ฉันหวนกลับไปนึกถึงเรื่องเลวร้ายในตรอกเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเศษสวะสองคนนั้น!“หงส์ หงส์! คุณไฉ่หง!” ฉันรับรู้ถึงแรงเขย่าจากใครบางคน พร้อมกับเสียงเรียกที่เหมือนดังอยู่ไกลๆ แต่พอเริ่มตั้งสติได้กลับพบว่าเสียงนั่นดังอยู่ตรงหน้านี่เอง“พะ พี่มอม้า คนนั้น...” อาการตื่นกลัวที่เกิดขึ้นยังคงไม่หมดไป ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนคนจะเป็นลม“ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ คุณหลั่นเทียนไม่ใช่คนไม่ดี” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากมอม้าฉุกให้เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำฉันแวบขึ้นมา‘หลั่นเทียน’ ทำไมชื่อนี้รู้สึกคุ้นๆอันที่จริงถ้าฉันตัดเรื่องเหตุการณ์ที่กำลังจะถูกข่มขืนในตรอกก่อนหน้าออก ไม่เอามารวมกับเหตุการณ์ในห้องทำงานยูกิ ฉันเองก็ไม่ได้กลัวสัมผัสของผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่ กลับกัน... ฉันกลับรู้สึกโหยหาและคุ้นเคยกับอ้อมกอดนั้นมากกว่า“หงส์สับสน หงส์ไม่รู้ว่าหงส์กลัวหรือว่าอุ่นใจกันแน่” ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ พูดพึมพำกับตัวเอง“ต้องเป็นอย่างหลังอยู่แล้ว นั่นพี่ชายคุณไฉ่หงนะ” มอม้าปลอบใจฉัน มื
“ไม่ใช่นั่งตรงนั้นสิ ตอนนี้เธอเป็นถึงน้องสาวคุณหลั่นเทียนเพื่อนเฮียนะ ต้องนั่งบนโซฟา” มอม้าว่าให้พร้อมกับพาฉันมานั่งข้างๆ ผู้ชายตาตี๋ๆฉันหันไปมองหน้ายูกิที่นั่งฝั่งตรงข้ามพวกเรา แวบหนึ่งฉันมองเห็นคำด่าทอในสายตาคนเย็นชา ‘ปัญญาอ่อน’ หรือไม่ก็ ‘ซื่อบื้อ’“ถามจริง! ก่อนหน้านี้น้องกูอยู่ที่นี่ทำหน้าทีไรวะ” คนที่นั่งข้างๆ ฉันถามยูกิน้ำเสียงแลไม่ค่อยสบอารมณ์“ถามมัน!”แทนที่คนถูกถามจะตอบ เขากลับโบ๊ยมาให้ลูกน้องตัวเองแทน“ผมให้คุณไฉ่หงดูแลเฮียยูกิฮะ” เสียงตอบที่ฉะฉานของมอม้าทำให้คนที่นั่งข้างๆ ฉันพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ก็มีความงงงวยปะปนอยู่“แล้วทำไมน้องกูทำท่าทางไม่เห็นจะเหมือนคนดูแลมึงเลย ยัยน้องทำเหมือนกับตัวเองเป็นคนใช้ซะมากกว่า”ฉึก! แทงใจดำเลย“เข้าเรื่องเหอะ กูอยากพักผ่อน” คนถูกถามยังคงไม่ตอบ แต่กลับเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแทน “เออๆ” ผู้ชายข้างๆ ตอบเพื่อนเขาในประโยคแรกและหันมาคุยกับฉัน“นี่ยัยน้อง” ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย หลังจากที่เขาเรียกฉันคือ... ไม่ได้เรียกเฉยๆ ไง แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนเกือบจะตัวติดกัน“เอ่อ...” ฉันตั้งสติไม่ทัน ไม่รู้จะเริ่มคุยกับเขาว่ายังไง เลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ“ไม่ต้อ
“อย่าให้มันมากไปไอ้มอม้า นี่คาสิโนกู” เสียงเยือกเย็นของยูกิดังขึ้นน้ำเสียงเขากดต่ำไม่พอใจกับการตัดสินใจเอาเองของมอม้าอย่างมาก“เฮียอย่าปากแข็งเลยว่ะ! รู้ทั้งรู้ว่าสถานะคุณไฉ่หงตอนนี้เป็นยังไง ยังจะให้เธอไปนอนในห้องเก็บของเก่าๆ นั่นต่ออีกเหรอ”“ห้องเก็บของ!” สิ้นคำพูดมอม้า เฮียเทียนก็โพล่งขึ้นเหมือนกับไม่พอใจแย่แล้ว! ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมีศึกน้ำลายของทั้งสามคนนี้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หงส์อยู่ที่เดิมก็ได้” ประโยคนี้ฉันพูดกับมอม้า“ห้องเก็บของนั่นไม่ได้แย่มากมายอะไรหรอกค่ะเฮีย หงส์อยู่ได้ มันมีของใช้ของอำนวยความสะดวกเกือบจะครบครัน เพราะงั้นสบายมาก” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้พี่ชาย เพื่อที่จะให้เขาสบายใจกับที่พักพิงของตนเองเฮียเทียนหันไปมองหน้ายูกิเหมือนกับคาดคั้นให้เขาพูดอะไรบ้าง“เอาที่พวกมึงสบายใจไปเลย! ยกเว้นชั้นสาม!” ยูกิพูดไว้เพียงเท่านั้นเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งสนใจเอกสารบนโต๊ะนั้นไม่สนใจพวกเราสามคนที่นั่งอยู่โซนรับแขกอีกเลยหมับ! ฝ่ามือหนาแต่อบอุ่นของเฮียเทียนดึงสายตาที่เอาแต่จ้องมองคนเย็นชาหันมาสนใจพี่ชายตัวเองอีกครั้ง“ทนหน่อยนะหงส์ เฮียจะรีบจัดการเรื่องที่ฮ่องกงให้เรียบร
หลังจากที่ทั้งเจ๊ลิชากับสิตาที่มาช่วยฉันย้ายห้องออกไปได้เกือบยี่สิบนาที ฉันก็แหงนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้อง ที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเกือบจะสองทุ่มแล้ว“ตายแล้ว!” ฉันอุทานออกมาด้วยอารามตกใจ นี่มันเลยเวลาที่ยูกิต้องทานอาหารเย็นแล้วนี่นา ปกติยูกิต้องทานไม่เกินทุ่มครึ่ง ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งลงไปที่ครัวเตรียมอาหารง่ายๆ และรีบตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานยูกิทันทีก๊อก ก๊อกส่งสัญญานแจ้งเจ้าของห้องว่าผู้มาเยือนกำลังจะเข้าไปแล้วเรียบร้อย ฉันก็ไม่ต้องรอให้คนข้างในอนุญาตถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูแล้วเข้าไปทันที“คุณยูกิ” เมื่อพบว่าภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีคนที่เป็นเจ้าของอาหารจานนี้รออยู่ ฉันก็เริ่มที่จะส่งเสียงเรียกเขาเบาๆ สองสายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่ไม่ได้กว้างมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่พบสายตาสะดุดเข้ากับประตูห้องเชื่อมที่อยู่ข้างตู้หนังสือ ซึ่งถ้าเปิดมันออกข้างหลังประตูบานนั้นจะเป็นห้องนอนส่วนตัวของยูกิ“หรือว่าจะอยู่ในห้องนอน?” ไม่คิดเปล่า สองเท้าน้อยๆ ค่อยๆ ก้าวย่างตรงไปที่หน้าประตูห้องนอนนั้น ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่ต้องชะงักค้างไว้เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดอะไรสักอย่าง“อย่าไป อย่าไป”เสียงที่
“หงส์เป็นห่วงนี่คะ ว๊าย!” แค่เอ่ยคำว่าเป็นห่วงแค่นี้ คนใจร้ายถึงกับผลักฉันล้มลงพื้นอีกครั้ง“เก็บความเป็นห่วงของเธอไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่เคยอยากได้ไอ้ความเป็นห่วงจากผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น” น้ำเสียงและแววตาแข็งกระด้างนั้นมันช่างบาดลึกลงกลางอกข้างซ้ายฉันเสียจริงเจ็บ! ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เจ็บถึงเพียงนี้“ทำไมคุณยูกิต้องเย็นชากับหงส์ ทำเหมือนกับเคียดแค้นผู้หญิงทุกคนแบบนั้นด้วยคะ” ฉันข่มความหวาดกลัวและความเสียใจเอาไว้ เอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มานานแล้วออกไป“ยุ่ง! ไม่ใช่เรื่องของเธอ ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเรียกไอ้เทียนมารับเธอกลับฮ่องกงมันซะตอนนี้”พูดจบยูกิก็เดินผ่านร่างฉันเพื่อที่จะออกจากห้องนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคนไล่ฉันออกจากห้องเอง แต่เขากลับเป็นคนที่จะเดินออกไปแทน“หงส์ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีปมอะไรเกี่ยวกับผู้หญิง” เสียงของฉันทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวไปถึงประตูห้องหยุดชะงัก“แต่อยากให้คุณยูกิใช้เหตุผลบ้าง ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุก...”“หุบปาก! ถ้าเธอไม่รู้อะไร” ฉันยังไม่ทันบอกให้จบเลย ว่าผู้หญิงทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ถูกคนเอาแต่ใจไม่ฟังใครขัดขึ้นก่อน“ใช่! หงส์มันไม่รู้อะไ
ผมไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม? เธอบอกเองว่าอยากช่วยให้ผมผ่อนคลาย และทางเดียวที่ผู้ชายใช้ผ่อนคลายก็ต้องเป็น... เรื่องบนเตียง“หงส์ไม่ได้เสนอ คุณยูกิอย่ามั่ว” ยังปากดีไม่เลิกไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปากดีเถียงผมมานานมากแล้วนานมากตั้งแต่...ฟึ่บ!ผมรีบผละตัวขึ้นจากการทาบทับร่างบางของไฉ่หง เมื่ออยู่ๆ สมองมันก็แวบภาพของคนที่ผมพยายามลืมมันไปแต่แม่งก็ไม่เคยหายไปสักที“รีบไสหัวไปก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!”สิ้นคำสั่งผม ไฉ่หงก็รีบร้อนลงจากเตียงนอนผม วิ่งออกไปจากห้องนี้แบบไม่หันหลังมองกลับมาสักเสี้ยวเดียวผมยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติให้กลับเข้าสู่กายเนื้อเกือบไปแล้ว ผมเกือบจะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของไอ้เทียนเพื่อนตัวเองแล้วไหมล่ะ จังหวะที่กำลังจะลุกจากเตียงเพื่อออกไปจัดการธุระข้างนอกที่ตอนนี้น่าจะได้เวลาแล้ว ตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างหล่นอยู่บนเตียงนอนที่ไฉ่หงเพิ่งจะลุกออกไปผมเอื้อมมือไปหยิบเจ้าถุงสีแดงที่ปักลายเป็นตัวอักษรภาษาจีนขึ้นมาดูรู้สึกคุ้นกับลายผ้าและตัวหนังสือที่ปักอยู่บนนั้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของมันอย่างแปลกประหลาด แต่ก็เลิกสนใจแล้วเลื่อนลิ้นชักข้างหัวเตียงออกมาแล้วเก็บเจ้าถ
“ฉันส่งข้อความบอกคู่หมั้นเธอแล้วว่าเธอเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อ”วะ ว่าไงนะ! นี่มันมากไปแล้วนะ ฉันไปตัดสินใจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“มากไปแล้วนะยูกิ” ฉันเผลอตัวเรียกเขาด้วยชื่ออีกแล้วแต่แทนที่ยูกิจะใส่ใจในเรื่องนั้นเขากลับนิ่งเฉย แต่แวบหนึ่งฉันกลับเห็นความตื่นเต้นกับสิ่งที่ฉันเรียกเขาก่อนหน้าในแววตาคู่คมนั้น“มากตรงไหน ใครจะยอมให้เมียตัวเองไปกับอิแค่คู่หมั้น” ยูกิยังคงเรียกฉันด้วยสรรพนามน่าอายนั้น ตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง ฉันไม่...”“หรือจะให้ฉันจัดให้อีกสักครั้ง หรือจะเหมายันเช้าดี เธอจะได้จำได้สักทีว่าร่างกายของเธอเป็นของใคร”“อ๊ะ อย่าเข้ามานะ ถอยไป”ยูกิพูดจบก็คุกเข่าค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงที่มีฉันนั่งอยู่บนนี้ สายตาเขามีแววความสะใจอยู่ในนั้น เขากำลังสนุกที่ไล่ต้อนฉันได้สำเร็จ“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณอย่าเอาคำนั้นมาเรียกคนอื่นดีกว่า” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจฉันอีกแล้วฉันมีคู่หมั้นแล้ว เมื่อวันที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็น่าจะเห็น และอีกอย่างเฮียเทียนบอกฉันว่าเขาเล่าเรื่องฉันกับเฉินฮ่งให้ยูกิฟังแล้ว แล้วดูสิ่งที่เขากำลังทำ
“นี่จะไม่เอาอะไรไปเลยเหรอหงส์” เสียงสิตาถามฉันฉันออกมาจากโรงพยาบาลสองวันแล้วล่ะ และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่ยุกกี้คาสิโนแห่งนี้“ตอนมาก็มีแค่ตัวกับเสื้อผ้าชุดนี้ชุดเดียว อย่างอื่นมันไม่ใช่ของหงส์อยู่แล้วนี่”ถึงจะบอกสิตาไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกลับปวดหนึบแปลกๆรู้สึกโหวงๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่สอนฉันในหลายๆ อย่าง สถานที่ที่ทำให้ฉันได้เจอกับความรักครั้งใหม่ตอนที่ลืมคู่หมั้นตัวเอง และได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมที่บังอาจลืมแม้กระทั่งคู่หมั้นได้ลงคอ“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนเหรอ” เจ๊ลิชาที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ปลายเตียงถามฉันน้ำเสียงฟังดูหดหู่หลังจากที่ฉันกลับจากโรงพยาบาลฉันก็ได้คุยเรื่องเฉินฮ่งกับเฮียเทียน เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าฉันกับเฉินฮ่งเราเพิ่งหมั้นกันได้หกเดือนก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่และเขาก็ยังบอกอีกว่าที่เฉินฮ่งไม่ได้ออกตามหาฉันเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องทำ แต่ฉันจับผิดสีหน้าพี่ชายตัวเองได้ เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องกง“ไว้มีโอกาสเรานัดเจอกันที่อื่นดีไหมคะ” ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามเจ๊ลิชาบางทีการออกจากที่นี่ในวันนี้อ
“…” เจอผมด่าหน่อยทำเป็นเงียบปาก“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตัวดี” ผมชี้หน้าคาดโทษกรุงโซลสายตาดุกร้าวแม้จะสืบสาวราวเรื่องที่มาของยานรกนั่นได้แล้ว แต่พวกเราเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้อยู่ดี ผมกับไฉ่หงยังไงเราก็เป็นของกันและกันแล้ว“แล้วมึงจะเอายังไง” เฮียไททันหันไปถามไอ้เทียน“กูบอกมันแล้ว น้องกูว่าไงกูว่าตาม” ไอ้เทียนยืนยันคำเดิมที่เคยบอกผมให้ทุกคนฟัง “กูก็เคลียร์แล้ว” ผมรีบพูดออกไปคล้ายคนร้อนรน“เคลียร์? ไอ้สัส! เมื่อกี้มึงเรียกว่าเคลียร์เหรอวะ!” ไอ้เทียนขึ้นเสียงใส่ผมคำว่า ‘เคลียร์’ ของผมในสายตาไอ้เทียนคงเห็นว่าผมกำลังรังแกน้องมันอืม แต่ก็นะ เมื่อกี้ผมเกือบรังแกไฉ่หงอีกรอบอย่างที่มันคิดนั่นแหละ“เออ นั่นล่ะเรียกเคลียร์ น้องมึงยอมให้กูรับผิดชอบแล้ว”และนั่นคือบทสนทนาที่จบลงของลูกผู้ชายอย่างผม[End part]หลังจากพายุคลั่งของพวกผู้ชายหายไป ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มอม้ารับหน้าที่พาทิวลิปที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามฉันออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับแก้มใสสองคน“หงส์ เจ้ขอโทษ” เสียงขอโทษที่ฉันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ“...” ฉันเงียบแต
[Lantian’s part]“พอ แยกๆ” เสียงคมเข้มของไททันดังขึ้น“กูบอกมึงว่ายังไง กูบอกว่ายังไงห๊ะ!” ผมตะคอกหน้าไอ้ยูกิ แม้พวกเพื่อนๆ ของมันจะแยกพวกเราออกจากกันแล้วก็ตามผมว่าจะไม่ระเบิดอารมณ์กับมันแล้วนะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหว ใครเห็นผู้ชายคนอื่นกำลังคร่อมร่างน้องสาวตัวเองอยู่จะไม่ของขึ้นได้วะ ครั้งนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นเลยดูว่าผมใจเย็นไม่ใส่ใจอะไรใช่ไหม มันถึงได้กล้าหยามหน้าผมแบบนี้“ถุ้ย!” เสียงถ่มน้ำลายของไอ้ยูกิดังขึ้นมันยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปากที่ปริ่มออกมาเล็กน้อยออก สองตาคมเข้มของมันยังคงจ้องมองผม ไม่ใช่แววตาเกลียด โกรธ แต่มันมองผมด้วยสายตาธรรมดาๆ เหมือนกับชอบใจที่เห็นผมระเบิดอารมณ์ใส่มันแม่งเป็นมาโซคิสหรือไงวะ สงสัยจะชอบความเจ็บปวด“มึงขัดคำสั่งกู” ผมชี้หน้ายูกิ พร้อมจะกระโจนใส่มันอีกรอบแต่ติดตรงกรุงโซลมันรั้งแขนผมไว้ ส่วนอีกข้างเป็นเอฟวัน“คุยดีๆ สิวะ กัดกันยังกับน้องมึงถูกไอ้ยูกิจับกินงั้นแหละ” เสียงไททันที่อายุเยอะสุดพูดขึ้น ไอ้ห่า! สาบานว่ามึงไม่รู้ ดันมาเสือกพูดถูกจุดมากสัสสงสัยเมื่อกี้พวกมันคงไม่ทันเห็นว่าไอ้ยูกิกำลังคร่อมน้องสาวผมอยู่เพราะผมพรุ่งปรี่เข้าไปกระชากมันลงมาก่อนล่ะมั้ง “กร
เฮือก!สัมผัสกรุ่นร้อนจากริมฝีปากหนากำลังซุกไซ้อยู่ข้างซอกหู ความนุ่มชื้นของปลายลิ้นกำลังลากไล้ดูดดึงผิวเนื้อบริเวณลำคอระหงของฉัน“อ๊ะ! อย่าทำ อื้อ” ทั้งสั่งห้าม ทั้งข่มกลั้นเสียงครางที่น่าเกลียดของตัวเองสองตาเพ่งมองไปยังบานประตูห้องผู้ป่วย กลัวจะมีใครเปิดเข้ามาเห็นฉากที่น่าอายแบบนี้ “อื้อ เธอยังหอมเหมือนเดิม”ยูกิไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียนฉันตอนเอ่ยประโยคนั้น นั่นยิ่งทำให้ฉันเสียวซ่านจากการเสียดสีของริมฝีปากและลมหายใจกรุ่นร้อนที่ออกมาพร้อมคำพูดเขา“ฉันเกลียดคุณ” ข่มกัดฟันบอกเขาออกไปยูกิชะงักการกระทำ แต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็เริ่มรวบมือทั้งสองข้างฉันไปกุมไว้ที่มือหนาเพียงข้างเดียวของเขา มือที่ว่างก็เริ่มสอดแทรกเข้ามายังชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“อ๊ะ ไม่” ทั้งเสียงสั่งห้าม ทั้งเสียงน่าอายหลุดรอดจากปากฉันอีกครั้งไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว“หยุดฉันให้ได้สิไฉ่หง เก่งยั่วนักไม่ใช่ ครั้งเดียวเธอไม่นับเองนี่”งั้นสินะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ยูกิต้องการอะไร เขาต้องการให้ฉันบอกให้เขารับผิดชอบฉันสินะไม่มีทาง! ฉันเกลียดเขาแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมอบให้เขาม
“รีบตื่นขึ้นมาสิ มาปากเก่งด่าฉันอีกสิ ฉันอยากได้ยินเสียงด่าทอของเธอ”ความอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวหยักศกด้านหลังฉันช่างขัดกับคำพูดปากดีของยูกกิเสียจริง แต่การกระทำนั้นมันกำลังทำให้ความอ่อนแอเริ่มเล่นงานฉันอีกครั้งกึก พยายามกัดฟันไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเมื่อหลายชั่วโมงก่อน หลังจากที่เหตุการณ์เลวร้ายจบลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นมาอีกทีฉันกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง เนื้อตัวที่คาวไปด้วยคราบต่างๆ ก่อนที่จะหมดสติหายไปจากเรือนร่างบนตัวมีเสื้อแขนยาวของฉันเองสวมทับอยู่ บ่งบอกว่ามีคนอุ้มฉันมาที่ห้องเช็ดล้างคาบสกปรกเหล่านั้นและเปลี่ยนชุดนี้ให้ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งเสียใจ ดีใจ ที่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำร้ายน้ำใจของฉันคือคนๆ เดียวกับที่ดูแลฉันหลังจากทำเรื่องนั้นลงไปแต่จิตใจด้านลบมันมีมากกว่า ฉันเกลียดเขาไปแล้วความตื้นตันใจที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้มันหายไปตั้งแต่เขาย่ำยีฉันเมื่อคืน ฉันจะถือซะว่าได้ตอบแทนบุญคุณเขาไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันจะเลือกทางเดินของตัวเองและจะไม่กลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกทางใครทางมัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้ในต
“มึงจะโทษว่าครึ่งหนึ่งที่มึงว่ามาจากยานรกนั่น! แม่ง...มึงมันไม่หมาไปหน่อยเหรอวะ!” เสียงคำรามลั่นระบายอารมณ์มาคุถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง“ก็ครึ่งหนึ่งไงวะ” ผมยังคงย้ำคำเดิม ความรู้สึกเดิมออกไปผลั้วะ ผลั้วะ!ครั้งนี้ไอ้เทียนรัวมาสองหมัดใส่เบ้าหน้าซ้ายขวาผมข้างละทีเจ็บใช่เล่นถุย! ผมถึงกับถุยน้ำลายปนเลือดเล็กน้อยทิ้งลงพื้นขาวสะอาดเลือดชั่วๆ ออกมาบ้างก็คงดี“มึงจะเอายังไงกับน้องกู” ไอ้เทียนสะบัดมือสองสามทีชกผมตั้งสามครั้ง ไม่เจ็บให้มันรู้ไปสิวะ มือมันแดงเถือกเหมือนกัน“ถ้าเธอเอ่ยปาก กูก็พร้อมรับผิดช...”วืด~ หมับ!ไอ้เทียนจะต่อยผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรับหมัดมันไว้ทันสามครั้งถือว่ามากพอแล้วกับเรื่องนี้ ผมทำน้องมัน ผมยอมให้มันชกผมแค่นั้นพอ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ปล่อยให้คนที่โดนผมกระทำเอาคืนผมเองดีกว่า“มึงไม่รู้อะไร” ไอ้เทียนสะบัดมือออกจากกำมือผมที่กุมหมัดมันไว้อีกที“น้องกูเป็นพวกใจแข็ง ถ้าตัดได้คือ ‘ตัด’ ”อึก~ ผมถึงกับกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคอกับประโยคของไอ้เทียน“ถ้าน้องกูฟื้นกูจะถามเอง”“ไม่ได้!” ผมถึงกับร้องท้วงทันทีที่มันพูดจบเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้องมัน ต่อให้มันเป็นพี่ชายก็ไม่ควร
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงคิดจะปิดกูอีกนานแค่ไหนวะ” ผมถามมันเสียงต่ำหลังจากที่ไอ้เทียนยอมเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ไฉ่หงความจำเสื่อมให้ฟังเกือบชั่วโมง ผมถึงกับหดหู่อย่างอธิบายไม่ถูก ขนาดผมคนนอกยังเจ็บปวดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยตอนนั้นไฉ่หงเธอจะรู้สึกยังไง แบบนี้สินะเธอถึงปิดกั้นความทรงจำของตัวเองทิ้งไปผมเหลือบตามองไอ้เทียนที่ตอนนี้นั่งดวงตาแดงก่ำ มันคงทั้งเจ็บแค้น เจ็บปวด ส่วนไอ้มอม้าถึงกับนิ่งเป็นรูปปั้นหิน หน้าตามันไม่บ่งบอกว่าเจ็บปวดก็จริง แต่สายตามันผมดูออกว่าเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้เมื่อกี้มากแค่ไหนหลังจากภายในห้องเงียบไปไม่นานไอ้เทียนเลยพูดขึ้นบ้าง“ทีนี้ก็ตามึงเล่า” มันคะยั้นคะยอผม“ผ่านมาร่วมเดือนมึงยังสืบไม่ได้ว่าฝีมือใคร?” ผมไม่ตอบโทษทีว่ะ! ตอนนี้เรื่องผมมันขี้ประติ๋วสำหรับมัน“นี่มึงจะเล่นตลกอะไรไอ้ยูกิ กูเล่าเรื่องกูให้มึงฟังแล้วอย่ามาเนียน” ไอ้เทียนชี้หน้าผมท่าทางเอาเรื่อง“กูไม่ได้กลบเกลื่อน กูแค่คิดว่าเรื่องของมึงมันสำคัญกว่าเรื่องของกู”เรื่องของผมถ้าบอกไปมันก็แค่คงซัดผมหมัดสองหมัดหรือไม่ก็กระทืบผมจมตีนก็เท่านั้น ซึ่งผมจะบอกมันตอนไหนก็ได้เปล่าวะ?“เออ! กูจะยอมมึงครั้
Rrrเสียงแผดร้องโทรศัพท์ดังลั่นดึงสติผมให้กลับมายังปัจจุบัน รีบเอื้อมมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดปิดเสียงเมื่อเห็นรายชื่อที่โทรเข้า‘มอม้า’ตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับใคร ยังตะหงิดใจเรื่องยาปลุกเซ็กเมื่อคืนอยู่ ถึงแม้ลึกๆ ในใจจะบอกว่าไอ้มอม้าแค่หมากตัวหนึ่งในการส่งแก้วใบนั้น แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ในเมื่อก่อนหน้ามันเหมือนพยายามจับคู่ผมกับไฉ่หงRrrเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นรอบที่สองด้วยเจ้าของเบอร์คนเดิม คิ้วขวาผมกระตุกยิบๆ เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ค่อนไปในทางเลวร้ายเกิดขึ้น[ไอ้เฮียยูไหนวะ หงส์หายตัวไป]เฮือก~ ประโยคร้อนรนที่ถูกส่งออกมาหลังจากผมเลื่อนสัมผัสรับสายทำให้ร่างทั้งร่างผมชาดิก จะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะหายไปก่อนออกมาผมเป็นคนอุ้มเธอกลับห้องนอนเองแท้ๆ แต่ว่า.. นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ววะที่ผมนั่งจมอยู่กับอดีต“ไม่ตลก” ในที่สุดก็หาเสียงตัวเองเจอ[คิดว่าผมตลกหรือไง นี่มันไม่ปกตินะเฮีย] เสียงยียวนกวนส้นดังลอดออกมาอีกครั้ง แต่ยังคงความกลุ้มอกกลุ้มใจ“มึงก็ดูกล้องสิวะ เรื่องฉลาดๆ ไม่ท...”[เพราะเห็นไงว่าหงส์แค่ออกไปข้างนอก แต่นั่นมันชั่วโมงหนึ่งแล้วนะเฮีย]ผมยังด