“หนีไปลูก!! หนีไป!!” เสียงทุ้มร้องบอกลูกสาวเพียงคนเดียว ทั้งที่ตัวของเขานั้นถูกเท้าสกปรกเหยียบย่ำอยู่บนใบหน้า
หญิงสาวหันกลับมามองผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตา แต่เธอก็ต้องเอาชีวิตรอดเช่นกัน ...ในโลกความจริงของคนยากคนจนที่ไม่มีทางออกให้ชีวิตมากนักมันช่างโหดร้าย ร้านกาแฟโบราณเล็กๆ ที่พ่อตั้งใจสร้างขึ้นถูกทำลายเละเทะไปหมด ข้าวของพังเสียหายไม่เหลือชิ้นดี
หนี้นอกระบบไม่มีใครอยากจะเป็นหนี้กับคนปล่อยเงินกู้พวกนี้หรอก แต่ครอบครัวของเธอเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก การกู้ยืมเงินในธนาคารเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนที่มีรายได้เพียงน้อยนิดอย่างพ่อค้าแม่ขาย การกู้ยืมเงินนอกระบบจึงมักจะเป็นทางเลือกที่ครอบครัวของเธอเลือกทำ แต่...ไม่ว่าจะพยายามใช้หนี้มากเท่าไหร่ หนี้กลับยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างไร้สาเหตุ
หญิงสาวในชุดนักศึกษาที่พึ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยหมาดๆ ก็ได้วิ่งหนีเจ้าหนี้โหดอย่างไม่คิดชีวิต เธอตั้งใจเรียนจนได้เกรดนิยมตั้งแต่ปีหนึ่ง เพื่อที่จะได้หางานดีๆ ทำ และใช้หนี้บ้าๆ นี้ให้หมดสิ้นเสียที แต่..เจ้าหนี้ใจโฉดกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเท่าตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ด้วยความที่พ่อไม่ทันได้อ่านใบสัญญาเงินกู้ให้ละเอียด เพราะความดีใจที่สามารถกู้เงินได้ก้อนหนึ่งสำหรับคนไม่มีทางเลือกอย่างครอบครัวเธอ เงินก้อนนั้นที่ผู้เป็นพ่อเอาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ และส่งเสียเธอเรียน
“กรี๊ดดดดดดด!!! ปล่อยฉันนะ!! ไอ้พวกขี้โกง!!” เสียงกรีดร้องอย่างสุดเสียงของหญิงสาวที่ถูกชายฉกรรจ์จับได้หลังจากพยายามหนี แต่กลับไม่มีใครที่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเลย
พ่อค้าแม่ค้าต่างหวาดกลัวอิทธิพลมืดของเจ้าหนี้ ร่างบางของเธอถูกอุ้มขึ้นพาดบ่าพากลับไปจุดเดิม แม้ว่าเธอจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะพ้นเงื้อมือของชายคนนั้นได้เลย หญิงสาวทั้งทุบทั้งตีแผ่นหลังของชายคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง
“โอ้ย!! นังเด็กนี่!!”
เพี๊ยะ!! เธอถูกอุ้มมาวางไว้หน้ารถตู้ทึบ ก่อนฝ่ามือหนาของชายคนนั้นปะทะเข้าเต็มๆ ใบหน้าเรียวสวยจนหน้าหัน ความเจ็บแสบและชาไปทั่วใบหน้าทำให้น้ำตาไหลพราก เธอหันกลับไปมองชายคนนั้นตาขวางทั้งน้ำตา
“มองหน้ากูแบบนี้อยากโดนอีกทีเหรอ!!”
“อย่าทำอะไรลูกผม! ขอร้องล่ะครับ! อย่าทำอะไรลูกผมเลย!”
ผู้เป็นพ่อคลานเข่าเข้ามาจับเท้าคนที่ตบหน้าลูกสาวของตนเพื่อขอร้อง ก่อนที่สองมือประสานขึ้นไหว้ชายผู้นั้นทั้งน้ำตา แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยฟกช้ำ เสื้อผ้าอาภรณ์เปอะเปื้อนดินโคลนเต็มไปหมดก็ตาม ผู้เป็นลูกสาวเห็นสภาพพ่อเป็นอย่างนั้นก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งข้างพ่อของตัวเองพร้อมกับประคองผู้เป็นพ่อไว้
“โธ่ๆ มึงก็อย่ารุนแรงกับน้องเขานักสิวะ! เดี๋ยวจะเสียของ” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในรถตู้พูดขึ้นพร้อมกับโผล่หน้าเดินลงมาจากรถ หลุบตามองสองพ่อลูกอย่างนึกเวทนา แต่นั่นมันก็แค่ฉากหน้า! ก่อนที่สายตาของชายวัยกลางคนจะมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาอย่างหยาบคาย
“ผมก็จ่ายเจ้าสัวไปตามที่กำหนดแล้วนี่ครับ ทำไมเจ้าสัวถึงทำแบบนี้กับผม”
ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นอย่างอ้อนวอนพร้อมกับยกมือพนมไหว้ขอความเห็นใจจากชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยเกือบเท่าคนท้องตรงหน้า ผู้เป็นลูกสาวเหลือบตามองชายเจ้าหนี้หรือที่ใครๆ ก็ต่างเรียกเขาว่าเจ้าสัวอย่างนึกเคือง
“เอ็งจ่ายข้ามาไม่ครบดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเลยด้วยซ้ำ นี่ข้ายังปราณีนะ”
“แต่ผมจ่ายคืนให้หมดแล้วนะครับ ห้าแสนพร้อมดอกเบี้ย แต่ทำไม...”
“ไม่ได้จ่ายเงินก้อนนี่นา เอ็งผ่อนจ่ายมันก็ต้องมีดอกเบี้ยบ้างสิวะ รวมๆ แล้วเนี่ย...ล้านห้า”
“ไอ้คนชั่ว!! แกตั้งใจจะโกงพ่อฉันชัดๆ” ผู้เป็นลูกสาวแผดเสียงขึ้นอย่างโมโห มีที่ไหนกันยืมมาห้าแสนดอกเบี้ยเป็นล้าน มองดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะโกงพ่อเธอเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง พวกมันรู้ว่าพ่อของเธอยังไงก็จ่ายไม่ไหว
“จุ๊ๆ ไม่พูดแบบนี้จะดีกว่านะหนูน้ำหวาน พี่เนี่ย...ช่วยหนูกับพ่อสุดๆ แล้วนะ”
เจ้าสัวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม สายตายังคงจ้องมองหญิงสาวอย่างโลมเลีย ผู้เป็นพ่อเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับเขยิบเอาตัวเองมาบังลูกสาวไว้ ทั้งที่สองมือยังคงพนมไหว้เจ้าสัวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“งวดหน้าผมจะจ่ายให้ครับ ปล่อยผมกับลูกไปเถอะครับ”
“วันนี้เป็นวันครบกำหนดจ่ายครบพอดีตามที่เซ็นในสัญญา เอ็งต้องจ่ายวันนี้ ล้านห้า”
“ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับ ผมขอร้องล่ะเจ้าสัว...ผมจะจ่ายผ่อนจ่ายให้ครบ”
“ไม่ได้...ถ้าไม่มีจ่าย วันนี้ก็เอาลูกสาวเอ็งมาขัดดอก”
เสียงของเจ้าสัวพูดอย่างหนักแน่นเสียงแข็ง น้ำหวานรู้ในทันทีว่านี่เป็นการบีบบังคับให้พ่อยกเธอให้เขา ที่ผ่านมาเจ้าสัวก็มาเทียวไล้เทียวขื่อเธอตลอดทำไมถึงนึกไม่ได้กันนะว่าเขาต้องทำแบบนี้
“ไม่ได้ครับ! ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ให้เวลาผมเถอะครับ ได้โปรดเถอะครับ!”
น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลลงอาบสองแก้มอีกครั้ง ทั้งกราบทั้งไหว้ขอร้องเจ้าหนี้ตรงหน้า แต่เจ้าสัวกลับหันหลังให้ไม่ยอมรับไหว้ ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะจับผู้เป็นพ่อไว้แล้วลากตัวออกห่างลูกสาว ลูกน้องอีกกลุ่มก็หันมาจับลากตัวน้ำหวานขึ้นรถ
“กรี๊ดดดดดดด!!ปล่อยฉันนะ!! พ่อ!! ช่วยหนูด้วย!!”
“หวาน!! ลูก!! อั่ก!!”
“พ่อ!! ฮือๆ อย่าทำอะไรพ่อฉัน!!”
เสียงของสองพ่อลูกเรียกร้องหากันไม่ขาดปาก น้ำหวานพยายามวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อที่กำลังถูกรุมซ้อมแต่ก็โดนจับรั้งไว้และดันตัวเธอขึ้นรถตู้ไป ภาพสุดท้ายที่เธอมองเห็นคือผู้เป็นพ่อถูกเหยียบย่ำและพยายามคลานมาหาเธอแต่ก็ถูกกระทืบจนตัวสั่น มือของผู้เป็นพ่อพยายามที่จะเอื้อมมาหาลูกสาวครั้งแล้วครั้งเล่า
พูดก็พูดไม่ออกเพราะเลือดกบปากเต็มไปหมด น้ำหวานเองก็พยายามเอื้อมมือไปหาผู้เป็นพ่อและลงจะจากรถ แต่ประตูรถกลับปิดลงเสียก่อนแล้วรีบแล่นไปจากตรงนั้นทันที
“เป็นเด็กดีสิน้องหวาน พี่ไม่ทำอะไรน้องหรอก”
เจ้าสัวพูดพร้อมกับเอามือลูบไล้ใบหน้าสวยอย่างยิ้มๆ น้ำหวานปัดมือของเจ้าสัวอย่างไม่ไยดี ดวงตาจ้องมองอย่างโกรธเคืองแม้จะมีน้ำตาเต็มสองเบ้าตาก็ตาม เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวพวกลูกน้องของเจ้าสัวรวมถึงตัวเจ้าสัวเองต่างหัวเราะเหมือนกับมันเป็นเรื่องตลก
“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกพี่”
“ฉันเกลียดแก!! ไอ้แก่ชั่ว!”
“เอ...นังนี่!! พูดดีๆ ไม่ชอบ!! เดี๋ยวบั๊ด!!”
ชายวัยกลางคนง้างมือขึ้นทำท่าจะตบ แต่ก็ชะงักไว้เสียก่อน เพราะลูกน้องยื่นโทรศัพท์มาให้เขา น้ำหวานที่ยกมือขึ้นป้องกันตัวเองพร้อมกับหลับตาแน่นอย่างหวาดกลัวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อไม่รู้สึกถึงแรงตบ
“นายใหญ่โทรมาครับเจ้าสัว”
“อืม”
เจ้าสัวตอบรับแค่นั้นก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาแนบหู ใบหน้ากลมๆ ที่ทำขึงขังในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มขึ้นมาทันทีเมื่อพูดคุยกับคนปลายสาย ท่าทีเกรงใจนั้นทำให้หญิงสาวแปลกใจไม่น้อย พร้อมกับคิดว่ามีเครือข่ายใหญ่ของเจ้าสัวแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าท้าทายกฎหมายทำร้ายผู้คนแบบนี้
“ครับนาย...”
(งานประมูลครั้งนี้อย่าให้พลาด)
“ผมได้ของสวยๆ งามๆ ไปประมูลครับนาย ไม่พลาดแน่นอน”
เจ้าสัวพูดพร้อมกับปรายตามองหญิงสาวแล้วยกยิ้มขึ้น ก่อนจะวางสายไปหลังจากตอบรับสั้นๆ น้ำหวานเองก็พยายามที่เงี่ยหูฟังแต่ก็ฟังได้ไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่ามีงานประมูลอะไรสักอย่าง ความรู้สึกหวั่นใจก่อตัวขึ้น เหมือนกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอยังไงอย่างนั้น รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย...
เมื่อเจ้าสัววางสายก็หันไปหาน้ำหวานพร้อมกับแสดงสีหน้าเสียดายไม่น้อย มือหนาๆ เอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าเลื่อนลงมายังคอเพรียวสวยกลายๆ สายตาที่บ่งบอกความเสียดายอย่างที่สุด
“พี่ตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูน้องน้ำหวานอย่างดีเลยแท้ๆ”
“........”
“แต่...เห็นทีคงไม่ได้แล้วล่ะ หึๆ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะเหมือนคนโรคจิตดังขึ้น น้ำหวานมองดูชายวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่รถจะแล่นมายังบ้านหลังใหญ่ของเจ้าสัวที่ไม่ไกลจากตลาดที่พ่อของเธออยู่มากนัก หญิงสาวถูกคุมตัวเข้ามาในห้องนอนหรูหราอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังคงมัดมือของเธอไว้ไม่ปล่อย เจ้าสัวเดินเข้าห้องมาพร้อมกับคนรับใช้สองสามคน
“อย่าให้บอบช้ำ...เดี๋ยวจะเสียราคา”
“แก...คิดจะทำอะไร?!”
“โอ๋ๆ ไม่ต้องตกใจไปนะน้องหวาน พี่แค่จะพาน้องไปเปิดตัว”
“ฉันไม่ไป!!! ปล่อยฉันนะ!! คอยดูเถอะ! ฉันจะแจ้งตำรวจ!!”
“ฮ่าๆๆ น้องหวานก็ตลกดีนะ ไอ้ตำรวจที่น้องจะไปแจ้งนั่นแหละที่สั่งให้พาเธอไปประมูลขาย”
เจ้าสัวหัวเราะร่าพร้อมกับพูดให้เธอกระจ่าง น้ำหวานค่อนข้างที่จะช็อกเมื่อได้ยินอย่างนั้น ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีที่พึ่งขนาดนี้ แม้แต่ผู้คุมกฎหมายเธอก็ไม่สามารถขอร้องให้ช่วยเหลือได้ แล้วอย่างนี้เธอจะรอดออกไปได้ยังไงกัน นี่สินะ...เงินคือพระเจ้า เธอไม่มีเงินก็ไม่สามารถรอดได้อย่างปลอดภัย คนพวกนั้นจะช่วยเหลือแค่คนที่มีเงินเท่านั้นสินะ...
น้ำหวานนั่งเหม่อเลื่อนลอยอย่างหมดอาลัยตายยาก ปล่อยให้พวกคนรับใช้อาบน้ำแต่งตัวให้เธออย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะหนทางไหนก็ไม่รอด ถึงจะหนีออกไปได้ก็ไม่รอดอยู่ดี...นี่หรือชะตาชีวิตของเธอ...ชะตาชีวิตของคนยากจน...จบแบบนี้สินะ แม้จะภาวนาอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีใครช่วยเธอได้ ...แม้แต่พระเจ้าก็ยังละเลย...
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเธอก็ถูกพาขึ้นรถมายังสถานที่ที่เธอไม่รู้จัก มองไม่เห็นเสียด้วยซ้ำเพราะถูกปิดตาไว้ตลอดการเดินทางเหมือนเป็นสถานที่ลับ เธอถูกพามานั่งที่ไหนสักที่...ที่ที่มีเพียงชิงช้าให้เธอนั่ง สองมือถูกมัดติดกับเชือกชิงช้านั้น ดวงตาถูกปิดกั้นการมองเห็น ถึงจะหมดความศรัทธาแต่ก็ยังภาวนาให้ตัวเองรอด...แม้ความหวังจะริบรี่แค่ไหนก็ตาม
“สวัสดีทุกท่าน...วันนี้การประมูลของเรามีสินค้าที่น่าสนใจมากมาย...”
เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นผ่านไมค์ดังกึกก้องในห้องโถงใหญ่ น้ำหวานได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาวอีกหลายคนดังอยู่ไม่ไกลจากเธอมากนัก รู้แค่เพียงว่ามีเสียงไฟจากสปอตไลท์สาดส่องมายังที่ที่เธออยู่จนรู้สึกร้อน... น้ำหวานเม้มปากแน่นอย่างหมดหวัง...ความหวาดหลัวในใจเริ่มสุมในอก ก่อนจะได้ยินการเสียงจากไมค์ให้เริ่มการประมูล...
ด้านบนชั้นวีไอพีของห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา กลางเวทีค่อยๆ เปิดผ้าที่คลุมสินค้าออกทีละชิ้น สายตาคมจ้องมองไปยังเวทีด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือหนึ่งถือแก้ววิสกี้สีเข้มนั่งไขว่ห้างมองเวทีเหมือนกับมองการแสดงอย่างหนึ่ง ลูกน้องคนสนิทยืนข้างกายอย่างนอบน้อม
“ไม่มีสินค้าถูกใจบ้างเลยหรอครับนาย?”
“...อืม”
เสียงทุ้มตอบเพียงสั้นๆ สายตายังคงจ้องมองไปบนเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่บ่อยนักที่เขาจะมางานประมูลแบบนี้ แต่วันนี้เขาแค่เบื่อๆ อยากฆ่าเวลาเล่นๆ ไม่ได้หวังที่จะเจอสินค้าถูกใจ
การประมูลมีทั้งสินค้าโบราณ สินค้านำเข้าที่ผิดกฎหมาย ผู้หญิง และอื่นๆ การที่เขาได้รับเชิญมาก็ไม่แปลก ในเมื่อเขาคือผู้มีอิทธิพลที่ใครๆ ก็ต่างเกรงขาม แม้กระทั่งตำรวจยังสวามิภักดิ์กับเขา และที่สำคัญ...เขาเป็นเจ้าของห้องโถงประมูลตลาดมืดนี้
“สินค้าชิ้นที่6...เป็นสินค้าที่มีความสวย...สด บริสุทธิ์...อายุน้อยที่สุด”
ผ้าคลุมสีแดงถูกเปิดออก กรงนกสีทองกรงใหญ่ที่มีหญิงสาวผิวขาวผ่องในชุดสีขาวถูกปิดตาด้วยผ้าปิดตาสีแดง ใบหน้าเรียวรูปไข่ อกผายไหล่ผึ่งนั่งอยู่บนชิงช้าในกรงทอง มือเท้าถูกมัดติดกับเชือกชิงช้าและฐานกรง แม้น้ำตาไหลพรากลงอาบสองแก้มแต่กลับเม้มปากแน่นอย่างโกรธเคือง
มาเฟียหนุ่มยกยิ้มก่อนจะยันตัวจากพนักพิงโซฟาหรูขึ้นจ้องมองหญิงสาวในกรงทองนั้นอย่างสนใจ
“นายจะประมูลหรอครับ? ...นกตัวนี้ดูจะไม่เชื่องเลยนะครับ”
“หึ...ถ้าเชื่องมากก็น่าเบื่อแย่สิ...”
“ผมว่าไม่มีประโยชน์กับนายเลยนะครับ”
“ก็แค่ของเล่นแก้เบื่อ...ไม่เล่นแล้วก็แค่ขายต่อ”
.
.
การประมูลในตลาดมืดได้เริ่มต้นขึ้น หญิงสาวหน้าตาสะสวยอายุน้อยที่สุดในการประมูลครั้งนี้ ถูกขังอยู่ในกรงที่เหมือนกรงนก ร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัวที่ล้นอยู่ภายในใจ ต่อให้อธิษฐานต่อพระเจ้า ภาวนายังไงก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด...พระเจ้าช่วยลูกด้วย...เธอยังคงนั่งภาวนาอยู่อย่างนั้น ความหวังเล็กๆ ของเด็กสาวที่พึ่งจะอายุครบ20ได้ไม่กี่วัน...มันเริ่มริบรี่ลงไปทุกที“2ล้าน”“5ล้าน”“10ล้าน”“50ล้าน”เสียงของการประมูลราคาค่าตัวเธอดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะความสาวความสวย ผิวขาวเนียนผ่อง บวกกับความบริสุทธิ์ที่ติดตัวเธอมา เป็นที่ต้องการของชายแก่ ชายหนุ่ม มากหน้าหลายตา สายตาที่มองเธออย่างหื่นกระหาย...“100ล้าน”เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งพูดขึ้นจากที่ไกลๆ หญิงสาวที่โดนปิดตาอยู่หันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ผ้าปิดตาสีแดงทำให้ไม่สามารถมองห็นใบหน้าของคนที่กล้าประมูลราคาค่าตัวของเธอสูงขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครเธอก็ไม่คิดจะอยากขายตัวแบบนั้นแน่!
สี่ปีก่อน...ปัง!! ปังๆ!!เสียงปืนดังสนั่นทั่วโกดังในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด และโกดังเป็นโกดังที่ใกล้กับชุมชนและตลาดแถบสลัมติดชายน้ำลำคลองชลประทานของหมู่บ้านแห่งนี้ ชายชุดดำกลุ่มใหญ่สองกลุ่มที่เต็มไปด้วยปืนผาหน้าไม้อาวุธครบมือต่างพากันสาดกระสุนฟาดฟันอาวุธใส่กันและกัน สองชายหนุ่มที่ดูเหมือนกันจะเป็นหัวหน้ายืนสูบบุหรี่มวนใหญ่จ้องหน้ากันไปมาท่ามกลางผู้คนที่ต่อยตีกันอย่างนิ่งๆเมื่อมวนบุหรี่ถูกเผาไหม้มาถึงก้านม้วนก็ถูกโยนถึงลงพื้นก่อนที่หัวหน้าทั้งสองจะเดินเข้าหากันพร้อมกับแลกหมัดมวยใส่กันไม่หยุดยั้ง อาวุธที่ซ่อนติดตัวมาถูกควักเอาออกมาใช้ มีดสั้นของทั้งสองฟาดฟันกันไปมาจนรอยเลือดติดที่คมมีด ทั้งหัวหน้าและลูกน้องต่างทุลักทุเลกับความต่อสู้กันไม่หยุด“คนของกูเยอะกว่า...ยอมเถอะน่าไอ้แฟรงค์!”“มึง..ทรยศกู!”“ก็แค่ขายท่าเรือนิดๆ หน่อยๆ จะหวงอะไรนักวะ”“กูไม่เคยให้อภัยคนทรยศ”ทั้งสองพูดคุยกันทั้งๆ ที่คมมีดต่างจ่อไปที่คอของอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าบร
“ไปสืบเรื่องเจ้าสัวลีมา ช่วงนี้ธุรกิจเงินกู้ที่กูให้ดูแลมันแปลกๆ สืบเรื่องลุงวินัยที่ส่งลูกสาวเข้าประมูลด้วย”“ครับนาย”ธาวินตอบรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อทำตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย แฟรงค์ยังคงนั่งคิดเรื่องของวินัยพักหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างวินัยที่รักลูกสาวยิ่งกว่าอะไรดีจะยอมขายลูกสาวใช้หนี้ มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ๆตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะพาน้ำหวานมาทำมิดีมิร้ายอยู่แล้ว เพราะเขาก็ตกใจนิดหน่อยที่เด็กสาวในวันนั้นจะโตมาสวยสดงดงามขนาดนี้ทั้งที่ตอนเด็กเธอออกจะน่ารักสดใสแถมยังเรียกเขาว่าคุณอาอยู่เลย แต่กลับมาเจอในตลาดมืด ความสดใสในตอนนั้นมันหายไปหมดเสียแล้ว เหลือเพียงความก้าวร้าวดื้อด้าน...ไหนจะแววตาไม่ยอมใครตอนอยู่ในกรงทองนั้นอีก คุณอาที่เธอเรียกในตอนนั้น ปัจจุบันกลับโดนเธอเรียกคนสารเลวไปซะอย่างนั้น แน่นอนว่าเธออาจจะจำเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแฟรงค์คิดอย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานตรงไปยังห้องนอนของตน เพราะเขาสั่งให้ลูกน้องพาเธอไปรอที่ห้องของเขา และเธอคงคิดว่าเขาพาเธอมาเพื่อสนองตัณหา แต่เขาต
หมดช่วงเวลาเช้าที่น้ำหวานยอมกินข้าวต้มแต่โดยดี แถมยังยอมเรียกเขาว่าอาแฟรงค์อย่างไม่เต็มใจนัก แฟรงค์และธาวินก็ออกไปทำงานตามปกติ ถึงเขาจะเป็นมาเฟียที่มีเงินมากมายจนสบายไปทั้งชาติแต่แฟรงค์ก็ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างหนัก จะทิ้งให้บอดี้การ์ดไว้บางส่วนเพื่อเฝ้าที่บ้านเท่านั้นน้ำหวานมองเสื้อผ้าที่พวกลูกน้องของแฟรงค์เอามาให้ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงมีความเชื่อที่ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่ตัวเธอเองตอนนี้ก็ไม่มีเสื้อผ้าเลยสักชุดจึงต้องยอมรับเสื้อผ้าที่เขาซื้อมาให้ มันน่าแปลกที่เขาเลือกซื้อชุดชั้นในมาได้ตรงไซส์เธอพอดิบพอดี หรือว่าเพราะคืนนั้น...แค่เห็นก็รู้เลยงั้นหรือ“ตาแก่โรคจิตนั่น!!”น้ำหวานพูดออกมาอย่างนึกเคือง ถึงแม้เขาจะไม่ได้แตะต้องเธอแต่เขาก็จ้องมองเรือนร่างของเธออยู่ดี คงต้องมีสักคืนที่เธอไม่รอดเขาไปแน่ๆ เขาเป็นคนยังไง เธอไม่รู้นิสัยใจคอเลยสักนิด แล้วจะอยู่ร่วมบ้านกันได้ยังไง เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำหวานก็อาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเลือกชุดที่ลูกน้องของเขาเอามาให้ ไม่ว่าจะหาเท่
สองเท้าเล็กๆ ใส่รองเท้าคัชชูสีดำเข้ากับชุดเดรสสีดำที่เลือกใส่เพื่อปิดพลางตนเองในความมืด ทุกก้าวที่ย่างเท้าอย่างไม่มั่นคงและทุลักทุเลด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งหลบทั้งวิ่งตามซอกตรอกซอยมานานหลายชั่วโมง มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดของตรอกซอยเล็กๆหญิงสาวที่ดูใกล้จะหมดแรงเต็มทน มือข้างหนึ่งค้ำยันผนังตึกเพื่อพยุงตัวเองให้เดินไปทางตรอกเล็กๆ เธอไม่เคยหยุดพักเลย เพราะความคิดที่ว่าจะต้องหนีให้พ้นมันเป็นแรงผลักดันอยู่เต็มอก เธอเลือกวิ่งมาทางมหาวิทยาลัยของตัวเองที่เคยเรียนอยู่ แต่ก็ต้องหยุดเรียนกลางคันเพราะโดนจับตัวไปประมูลเสียก่อน แม้มันจะไกลแต่มันเป็นทางเดียวที่เธอพอจะรู้ทางน้ำหวานกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างเหนื่อยหอบอ้อมไปหลังมหาวิทยาลัยของตน เธอจำไม่ผิดหลังมหาวิทยาลัยมีร้านเหล้าผับบาร์มากมาย เธอมั่นใจว่าตัวเองวิ่งมาเกินสิบกิโลเมื่อมาถึงที่นี่ ยังดีที่สมัยเรียนปีหนึ่งตอนรับน้องเขาบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งมาราธอนของมหาวิทยาลัยหญิงสาววิ่งมาหยุดหน้าผับใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งถ้าเธอจำไม่ผิดเพื่อนๆ ของเธอชอบชวนมาเที่ยวแล้วนัดกันที่นี่ในแชทกลุ่ม เธออ่านแต่ก็ไม่เคยคิดจะมาด้วยจึงพอจำได้คร่าว
ธาวินขมวดคิ้วหันไปมองน้ำหวานเล็กน้อยอย่างคิดช่างใจก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าดังเดิม ภายในรถเริ่มเงียบสนิทเพราะสิ่งที่น้ำหวานพูด แฟรงค์เองก็ถึงกับเงียบไม่พูดอะไรต่อ จนรถแล่นเข้ามาถึงยังคฤหาสน์หลังเดิมที่เธอพึ่งหนีออกมาน้ำหวานเดินลงจากรถอย่างทุลักทุเล เธอเดินเซไปเซมาเข้าบ้านโดยไม่รอใคร แฟรงค์และธาวินมองหน้ากันก่อนที่แฟรงค์จะเดินตามเธอเข้าไปทีหลังน้ำหวานเดินเข้าห้องมาก็รีบปิดประตูล็อคกลอนก่อนที่เธอจะถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่ารอดพ้นเขาคนนั้นได้แล้ว เธอเดินไปยังเตียงด้วยสภาพที่ปกติไม่มีอาการคนเมาเลยสักนิด ตอนที่อยู่ในผับเธอใส่เพื่อนเธอใส่เหล้าแค่เล็กน้อยเท่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้ำอัดลมเสียมากกว่า หรือบางทีเพื่อนก็เปลี่ยนแก้วกับเธอตอนที่เขาเผลอเท่านั้นแกร๊ก.. เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น น้ำหวานรีบล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างไวไม่คิดว่าเขาจะเข้ามา เพราะปกติเขาจะไปนอนที่อื่นไม่ได้เข้ามาหาเธอเลยสักวัน แต่วันนี้กลับแปลก...หรือว่าเขาอาจจะเห็นว่าเธอเมาก็เลยจะฉวยโอกาสงั้นหรอแฟรงค์เดินเข้ามายังเตียงที่ที่น้ำหวานแสร้งทำเป็นนอนหลับอยู่ เขาหยุดอยู่ข้าง
เปลือกตาดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นรับแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ร่างบางเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าห่มคลุมปิดบังร่างอยู่ใช้แขนเรียวเล็กหยัดกายลุกขึ้น สายตามองไปรอบๆ ห้องที่ตนตื่นขึ้นมากลับไม่พบใครนอกจากเธอ ในห้องว่างเปล่าเหมือนจิตใจของเธอตอนนี้ ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ร่างของเธอเมื่อขยับพลิกตัวนั่งตรงไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง สะโพก ข้อมือ...แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าจะน่าเป็น...หัวใจภาพเหตุการณ์ที่แสนรุนแรงและน่ารังเกียจแล่นผ่านมาในความทรงจำ ทุกฉากทุกตอนเด่นชัดขึ้นมาในหัว...เธอค่อยๆ ยกแขนกอดตัวเอง...น้ำตาที่เหือดแห้งไปหลั่งไหลลงมาอีกครั้ง...สิบมือจิกลงบนไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองจนเป็นรอย...เกลียด...เกลียดร่างกายตัวเอง... เกลียดตัวเองที่ช่วงเวลาหนึ่งเธอรู้สึกดีกับสัมผัสของเขา...เธอกลายเป็นเด็กเลี้ยงของเขาอย่างเต็มตัว เป็นเด็กเสี่ยที่เธอไม่คิดอยากจะเป็นมากที่สุดในชีวิตนี้ ไม่ว่าลำบากแค่ไหนเธอก็สู้ด้วยสองมือสองเท้ามาตลอดก๊อกๆ“คุณผู้หญิงคะ...นายโทรมาบอกให้ฉันเรียกคุณไปทานข้าวค่ะ”เสียงเรียกของสาวใช้ดังขึ้นจากที่ย
“ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหม? ว่าอย่าคิดจะหนีฉันอีก!”“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดของคนอย่างนาย!”น้ำหวานตวาดเสียงแข็งตอบกลับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่นึกยำเกรงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสวยจ้องมองเขาตาแข็งนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและนึกรังเกียจชายหนุ่มตรงหน้าเสียเต็มปะดา ชายที่ซื้อเธอมาและยังย่ำยีกระชากพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปอย่างป่าเถื่อน เพราะเหตุนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกนึกเกลียดขี้หน้าเขาสายตาคู่คมจ้องมองสายตาที่ดูรังเกียจเดียดฉันท์ก็พอจะรู้ความคิดของเธอ เขาแสยะยิ้มขึ้นจ้องมองใบหน้าสวยไม่วางตา ยิ่งเห็นเธอทำท่ารังเกียจและพยายามจะแกะมือหนาของเขาที่จับปลายคางอยู่ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะเอาชนะความเกลียดชังของเธอ“รังเกียจฉันมากเหรอ?”“ใช่! น่าขยะแขยงที่สุด!!”“หึ...เก็บคำพูดนี้ของเธอไปพูดบนเตียงจะดีกว่า แล้วมาดูกันว่าเธอยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม?”สิ้นเสียงทุ้มของเขา แฟรงค์ก็เดินกลับขึ้นไปบนรถแต่ก็ยังไม่วายหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทที
น้ำหวานยิ้มออกมาอย่างดีใจ เมื่อได้ยินเขารับปากว่าจะไม่พรากชีวิตคนอื่นอีก แฟรงค์เองก็ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับไปเท่านั้น ทั้งที่ภายในหัวของเขากำลังคิดวุ่นวายกับเรื่องพ่อของเธออยู่“งั้น...ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนนะคะ”แฟรงค์พยักหน้ารับ น้ำหวานก็รีบลุกแล้วออกจากห้องไปสวนกับธาวินที่เดินเข้ามาพอดี“จัดการเรียบร้อยแล้วครับนาย”“อืม...มีอีกเรื่อง...”“เรื่องอะไรครับนาย”“เรื่องลุงวินัย”“อ๋อ...ครับ อีกไม่กี่วันก็จะครบร้อยวันแล้วนะครับนาย”“น้ำหวานเริ่มถามแล้ว...กูจะบอกเธอยังไงดีว่าพ่อของเธอโดนไอ้เจ้าสัวลีฆ่าตายแล้ว”“บอกไปตรงๆ สิครับ”“มึงคิดว่าเธอจะ....น้ำหวาน!!”น้ำหวานเดินเข้าห้องมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตามองเขาและธาวิน นั่นเดาไม่ยากเลยว่าเธอได้ยินที่เขากับธาวินพูดแล้ว น้ำหวานเดินโซซัดโซเซเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าแฟรงค์อย่างหมดแรง...
แฟรงค์ไปรับไปส่งน้ำหวานทุกวันไม่เคยขาด ไม่มีวันไหนสักวันที่จะไม่ไปรับ แต่ถึงเขาจะไปรับไปส่งเองเขาก็ยังสั่งให้ลูกน้องของตนไปเฝ้าจนไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้หรือแม้แต่เข้าไปจีบ ชุดนักศึกษาที่เธอเลือกซื้อมาเขาก็เอาไปเผาทิ้งหมด เพราะเขาซื้อชุดใหม่ไว้เผื่อแล้วในทุกๆ วันที่มหาวิทยาลัยก็เหมือนเช่นเคยในทุกๆ วันมาเป็นเดือนๆ แฟรงค์คอยดูแลทุกอย่างและเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี และที่สำคัญ...เขา...ไม่พลาดเลยทั้งเช้าทั้งเย็น ถ้าเป็นอาหารคงบอกว่าเขากินดุมาก แถมกินจุอีกต่างหาก...แต่เพราะมันเป็นเธอเนี่ยสิ กินเท่าไหร่ก็ไม่ยอมอิ่มเสียที จนล้าร่างหมดแล้ว ยิ่งตอนนี้...ช่วงปิดเทอมของมหาลัยเสียด้วย...“วันศุกร์นี้เตรียมตัวให้ดีล่ะ”“เตรียมตัว? ไปไหนคะ?”“ฉันจะจัดงานหมั้น”“งานหมั้น? คุณอาจะหมั้นเหรอ? กับใคร?”แฟรงค์ที่กำลังขับรถพาเธอมายังบริษัทหลังจากพาเธอออกไปทานอาหารกลางวันที่ห้างทิ้งธาวินให้ทำงานที่บริษัท แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ซื้อข้าวและขนมไปฝากลูกน้องคนสนิทด้วยอยู่ดี วันนี้เขามาเธอมาที่บริษ
“อื้อ!! อ๊า อ๊า....”เสียงครางหวานดังขึ้นเมื่อท่อนยักษ์แทรกเข้าไปจนสุด ความเสียวซ่านแล่นเข้าร่างผ่านช่องท้องจนร่างบางสั่นสะท้าน หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อได้ยินเสียงครางทุ้มต่ำร้องแผ่วข้างหู“ฮืมมมม....”ก่อนที่แฟรงค์จะหยัดตัวขึ้นจับไหล่เพรียวกดลงแล้วดึงรั้งเข้าหาตัว เป็นเหตุให้ร่างบางแอ่นบั้นท้ายงอนรับองศาแรงกระแทกได้พอดิบพอดี มือเล็กเกาะยึดกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวรับแรงกระแทกกระทั้นของเขา“อ๊า อ๊ะ อ๊า!”“ครางอีกสิคะ...ครางดังๆ ให้สมใจเธอที่ต้องการมัน”“อ๊า อ๊า..อื้อ!”“ดี! เด็กดี...อืมมมม...ต้องอย่างนั้น”“อาคะ! อ๊ะ!! ลึก! อ๊า!!”“ลึกไปเหรอคะ...อา...ก็หนูตอดอาแน่นเลย”ยิ่งคำพูดหวานเข้าหูยิ่งทำให้น้ำหวานตื่นตัว...เขารู้ดีว่าเธอชอบให้เขาพูดแบบนี้ ภายในตอบรับรัดตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาแน่นกว่าเดิม สะโพกสวนตอบรับแรงตอดรัดนั้นอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านแล
“ฮะ? จะลองทำไม?”“ถ้าใส่ไม่ได้จะได้ซื้อใหม่”“ทำไมจะใส่ไม่ได้ ฉันใส่ไซด์นี้ประจำอยู่แล้ว”“แน่ใจ?”น้ำหวานชะงักไป เพราะความจริงเธอใส่แต่เสื้อหลวมๆ กระโปรงพรีทเท่านั้น พึ่งจะมาซื้อเสื้อรัดรูปกระโปรงทรงเอใส่ก็ตอนตั้งใจจะกวนประสาทคุณอาหนุ่มเท่านั้น น้ำหวานหลบสายตาเล็กน้อย แฟรงค์เห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้น“เกิดเธอใส่ไม่ได้ ก็ไม่มีชุดใส่ไปเรียนวันจันทร์”“รู้แล้ว จะไปลองเดียวนี้แหละ!”พูดจบน้ำหวานก็หยิบชุดนักศึกษาเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อลองชุดที่เธอซื้อมา แฟรงค์หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟารอหญิงสาวอย่างเงียบๆ นึกจะขัดใจเขาต้องเตรียมรับมือให้ดี ไม่นานนักน้ำหวานก็ตะโกนออกมาจากห้องน้ำโดยที่ตัวเองไม่ยอมเดินออกมา“ใส่ได้ พอดีด้วย”น้ำหวานพูดพร้อมกับมองตัวเองในกระจก แต่มันจะขัดใจเธอไปเสียหน่อยเพระเสื้อมันรัดรูปพอดีตัวแต่หน้าอกหน้าใจแน่นจนกระดุมเกือบปริออกมา ส่วนกระโปรงแค่นั่งลงก็คงจะเลิกขึ้
น้ำหวานชะงักกับคำพูดของแฟรงค์ที่ถามเธอกลับ น้ำหวานดึงสติของตัวเองก่อนจะหลบสายตาของเขาก่อน พร้อมกับคิดว่า...นั่นสิ...เธอต้องการคำตอบอะไรเหรอ ในเมื่อเธอเป็นแค่คนที่เขาซื้อมาเป็นนางบำเรอ นั่นก็มีเหตุผลมากพอที่เขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี เหมือนกับเด็กเสี่ยที่ใครๆ เขาพูดกันนั่นแหละ แล้วเธอกำลังหวังอะไร“ไม่ต้องตอบแล้ว”“หือ? ทำไม....”“ฉันหิวแล้ว”น้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินนำเขาไปในทันที แฟรงค์ขมวดคิ้วอีกครั้งมองตามหลังของคนตัวเล็กไปอย่างไม่เข้าใจ“อะไรของเธอวะ”“แบบนี้เขาเรียกสาวงอนครับนาย”“มึงนี่รู้ดี รู้เยอะ เหมือนมีเมียซุกไว้”ธาวินยิ้มกริ่มลอบมองเจ้านายของตน แฟรงค์มองธาวินด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองลูกน้องที่ถือของพะรุงพะรังเพราะสาวเจ้าเลือกซื้อมาเหมือนจะไม่ได้ซื้ออีกแล้วทั้งชาติ“พวกมึงเอาของไปเก็บที่รถแล้วไปหาอะไรแดกซะ ค่อยมาเจอกูที่รถ”
จนแล้วจนรอดเขาก็เดินตามเธอเลือกชุดชั้นใน แถมยังเลือกซื้อแบบตามใจตัวเขาเองมาเป็นโหล กลายเป็นว่าคนที่เดินตามเขาและเขินเป็นเธอเอง เพราะพนักงานก็เชียร์ขายสุดโต่งกับชุดชั้นในวาบหวิวและยังหันมาแซวว่าเธอมีแฟนหล่อแถมยังนิสัยน่ารักเอาใจใส่อีก...ก็ใช่สิ พนักงานเหล่านั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไร้ปราณีและเป็นตาแก่โรคจิตแค่ไหน“พอใจหรือยังครับอีหนู”“อย่ามาเรียกแบบนั้นนะ”“เธอเรียกฉันว่าตาแก่โรคจิตเอง...เธอก็เป็นอีหนูของตาแก่คนนี้ไง”“ใครอยากเป็นอีหนูของคุณกัน”“ไม่อยากก็เป็นไปแล้วนี่ หรือจะให้ฉันรื้อฟื้นความจำอีกหลายๆ ครั้งถึงจะได้จำได้ขึ้นใจ”“ผู้ชายคิดแต่เรื่องทะลึ่งรึไง”“ใช่ ผู้ชายมันคิดแต่เรื่องทะลึ่งกับ...ผู้หญิงของตัวเอง”แฟรงค์พูดพร้อมยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้เธอ น้ำหวานผละศีรษะออกเล็กน้อยก่อนจะสบตากับเขาค้างอยู่นาน นัยน์ตาสีอ่อนของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แววตาดุดันน่ากลัวหายไปหมดแล้วเหลือแต่แววตาทะเล้นหยอกเย้าเธอ...รอยยิ้ม
น้ำหวานนั่งหน้ามุ่ยตลอดทางหลังจากที่นั่งรถออกมาจากมหาวิทยาลัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เหมือนเขาต้องการที่จะปั่นหัวเธอเล่นอย่างนั้นหรือ แต่มันก็ดูจะลงทุนมากไปเสียหน่อย...จะให้เชื่อก็ดูเหมือนเด็กหลอกง่าย เพราะเขาและเธอเจอกันได้ไม่ค่อยดีนัก อีกอย่างเขารู้สึกยังไงกับเธอก็ไม่รู้“ไปเรียนต้องมีกฎ”“หนูไม่ทำตามได้อยู่แล้วนี่ คุณอาเป็นคนส่งเรียน”“ก็ดี...ข้อแรก ฉันไปรับไปส่งทุกวัน”“ฮะ? ...แต่...”“ข้อสอง ไม่ว่าเธอจะไปทำอะไรที่ไหนต้องขออนุญาตฉัน”“...เจ้ากี้เจ้าการชะมัด.....”“ข้อสาม คำพูดของฉันถือเป็นที่สุด”“เผด็จการชัดๆ!”น้ำหวานกอดอกหันไปว่าคนที่นั่งข้างๆ แต่ดูเหมือเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเธอเลย ไม่หนำซ้ำยังยกยิ้มอย่างสะใจเสียอีก การที่จะจัดการเด็กดื้อชอบหนีต้องทำแบบนี้แหละธาวินที่นั่งข้างๆ คนขับลอบมองแฟรงค์ผ่านกระจกหน้ารถก่อนจะยกยิ้มพลางคิดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เจ้านายข
ขบวนรถหรูสีดำแล่นเข้าสู่มหาวิทยาลัยNNA ก่อนจะไปจอดหน้าตึกคณะบดีของมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อเชิ้ตสีดำเปิดแผงอกแกร่งให้เห็นเล็กน้อยเดินลงมาจากรถ พร้อมกับชายใส่สูทหน้าตาขึงขังที่เดินตามลงมาจากรถหรูคันอื่นๆ ก็รีบกรูเข้ามาหาชายในเสื้อเชิ้ตนั้นอย่างเคารพทุกสายตาจับจ้องไปที่แฟรงค์และธาวินที่ยืนตีคู่กันอยู่ข้างรถ สาวน้อยสาวใหญ่ในมหาวิทยาลัยต่างกรี๊ดกร๊าดกันเป็นแถวกับความหล่อแพ็คคู่และดูมีฐานะของพวกเขา ก่อนเสียงกรี๊ดนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบเมื่อน้ำหวานเดินลงมาจากรถด้วยทีท่าเก้ๆ กังๆ“ไปกันเถอะ”“อะ...เอ่อ...”“หืม? เป็นอะไรไป?”แฟรงค์หันกลับมามองน้ำหวานที่ก้มหน้าหงุด เธอเป็นเพียงหญิงสาวจากร้านขายกาแฟโบราณธรรมดาๆ ไม่ค่อยเป็นที่สนใจเท่าไหร่ เพราะเธอไม่เคยทำตัวโดดเด่น ถึงจะมีรุ่นพี่มาทาบทามเป็นดาวคณะแต่เธอก็ไม่เคยสนใจเลย ด้วยใบหน้าที่สะสวยเหมือนช้างเผือกในตลาดสลัมจะมีคนเข้ามาจีบบ้างก็ไม่แปลก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยเปิดตัวโอ่อ่าเวอร์วังแบบนี้มาก่อน เลยไม่ชินกับสายตาคนร
“อยากได้มันหรือยัง? หืม?”เสียงกระซิบแหบพร่าข้างใบหูเล็กอย่างจงใจ น้ำหวานยังคงส่ายหน้าทั้งที่ตอนนี้ร่างกายร้อนจนแทบจะระเบิดออกมา สติอันน้อยนิดของเธอบอกว่าต้องไม่ใช่ที่นี่ แต่ร่างกายกับไม่ฟังดูต้องการเขาเสียเหลือเกินแฟรงค์ยกยิ้มเมื่อเห็นว่าความคิดกับหัวใจของน้ำหวานดูไม่ตรงกันเสียเท่าไหร่ การตอบสนองจากร่างกายของเธอมันแสดงออกอย่างชัดเจน ใบหน้าสวยที่แดงเรื่อไปถึงใบหูพร้อมกับลมหายใจที่หอบกระเส่า ทำให้แฟรงค์มองว่าเธอดูน่ารักน่าเอ็นดูจนแทบจะอดใจไม่ไหว“ฉันให้โอกาสเธอตอบออีกครั้ง”“อะ...อื้อ...แต่..ที่นี่มันห้องทำงาน...อ๊ะ”“ฉันไม่สน...ตอนนี้ฉันสนแค่เธอ”“ตะ...แต่....”“ว่ายังไง? คำตอบน่ะ..”แฟรงค์พูดไปทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวและเนียนอกอิ่ม อยากจะใส่ชุดมายั่วยวนเขาก็ต้องเจอดีกันหน่อย น้ำหวานก็ยังคงไม่ตอบและได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น และแฟรงค์ไม่ใช่คนใจเย็นเขาจึงยกตัวเธอลงให้มานั่งกึ่งหลางระหว่างขาของเขาก่อนที่เขา