ธาวินขมวดคิ้วหันไปมองน้ำหวานเล็กน้อยอย่างคิดช่างใจก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าดังเดิม ภายในรถเริ่มเงียบสนิทเพราะสิ่งที่น้ำหวานพูด แฟรงค์เองก็ถึงกับเงียบไม่พูดอะไรต่อ จนรถแล่นเข้ามาถึงยังคฤหาสน์หลังเดิมที่เธอพึ่งหนีออกมา
น้ำหวานเดินลงจากรถอย่างทุลักทุเล เธอเดินเซไปเซมาเข้าบ้านโดยไม่รอใคร แฟรงค์และธาวินมองหน้ากันก่อนที่แฟรงค์จะเดินตามเธอเข้าไปทีหลัง
น้ำหวานเดินเข้าห้องมาก็รีบปิดประตูล็อคกลอนก่อนที่เธอจะถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่ารอดพ้นเขาคนนั้นได้แล้ว เธอเดินไปยังเตียงด้วยสภาพที่ปกติไม่มีอาการคนเมาเลยสักนิด ตอนที่อยู่ในผับเธอใส่เพื่อนเธอใส่เหล้าแค่เล็กน้อยเท่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้ำอัดลมเสียมากกว่า หรือบางทีเพื่อนก็เปลี่ยนแก้วกับเธอตอนที่เขาเผลอเท่านั้น
แกร๊ก.. เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น น้ำหวานรีบล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างไวไม่คิดว่าเขาจะเข้ามา เพราะปกติเขาจะไปนอนที่อื่นไม่ได้เข้ามาหาเธอเลยสักวัน แต่วันนี้กลับแปลก...หรือว่าเขาอาจจะเห็นว่าเธอเมาก็เลยจะฉวยโอกาสงั้นหรอ
แฟรงค์เดินเข้ามายังเตียงที่ที่น้ำหวานแสร้งทำเป็นนอนหลับอยู่ เขาหยุดอยู่ข้าง
เปลือกตาดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นรับแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ร่างบางเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าห่มคลุมปิดบังร่างอยู่ใช้แขนเรียวเล็กหยัดกายลุกขึ้น สายตามองไปรอบๆ ห้องที่ตนตื่นขึ้นมากลับไม่พบใครนอกจากเธอ ในห้องว่างเปล่าเหมือนจิตใจของเธอตอนนี้ ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ร่างของเธอเมื่อขยับพลิกตัวนั่งตรงไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง สะโพก ข้อมือ...แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าจะน่าเป็น...หัวใจภาพเหตุการณ์ที่แสนรุนแรงและน่ารังเกียจแล่นผ่านมาในความทรงจำ ทุกฉากทุกตอนเด่นชัดขึ้นมาในหัว...เธอค่อยๆ ยกแขนกอดตัวเอง...น้ำตาที่เหือดแห้งไปหลั่งไหลลงมาอีกครั้ง...สิบมือจิกลงบนไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองจนเป็นรอย...เกลียด...เกลียดร่างกายตัวเอง... เกลียดตัวเองที่ช่วงเวลาหนึ่งเธอรู้สึกดีกับสัมผัสของเขา...เธอกลายเป็นเด็กเลี้ยงของเขาอย่างเต็มตัว เป็นเด็กเสี่ยที่เธอไม่คิดอยากจะเป็นมากที่สุดในชีวิตนี้ ไม่ว่าลำบากแค่ไหนเธอก็สู้ด้วยสองมือสองเท้ามาตลอดก๊อกๆ“คุณผู้หญิงคะ...นายโทรมาบอกให้ฉันเรียกคุณไปทานข้าวค่ะ”เสียงเรียกของสาวใช้ดังขึ้นจากที่ย
“ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหม? ว่าอย่าคิดจะหนีฉันอีก!”“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดของคนอย่างนาย!”น้ำหวานตวาดเสียงแข็งตอบกลับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่นึกยำเกรงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสวยจ้องมองเขาตาแข็งนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและนึกรังเกียจชายหนุ่มตรงหน้าเสียเต็มปะดา ชายที่ซื้อเธอมาและยังย่ำยีกระชากพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปอย่างป่าเถื่อน เพราะเหตุนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกนึกเกลียดขี้หน้าเขาสายตาคู่คมจ้องมองสายตาที่ดูรังเกียจเดียดฉันท์ก็พอจะรู้ความคิดของเธอ เขาแสยะยิ้มขึ้นจ้องมองใบหน้าสวยไม่วางตา ยิ่งเห็นเธอทำท่ารังเกียจและพยายามจะแกะมือหนาของเขาที่จับปลายคางอยู่ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะเอาชนะความเกลียดชังของเธอ“รังเกียจฉันมากเหรอ?”“ใช่! น่าขยะแขยงที่สุด!!”“หึ...เก็บคำพูดนี้ของเธอไปพูดบนเตียงจะดีกว่า แล้วมาดูกันว่าเธอยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม?”สิ้นเสียงทุ้มของเขา แฟรงค์ก็เดินกลับขึ้นไปบนรถแต่ก็ยังไม่วายหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทที
ห้องทำงาน“ทำไมช้านัก”แฟรงค์พูดขึ้นหลังจากที่เห็นประตูห้องทำงานเปิดและลูกน้องคนสนิทโผล่หน้าเข้ามา แม้ว่ามือจะวุ่นวายกับเอกสารแต่ก็ยังไม่วายหันไปปรายตามองผู้มาเยือน ธาวินหันไปปิดประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนาย“ขอโทษครับนาย...น้ำหวานเธอ....”“อืม พอรู้”แฟรงค์ตอบทันควันไม่ทันที่ลูกน้องของตนจะพูดจบ ดูจากท่าทางที่อยู่ข้างล่างเมื่อครู่ก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงพยายามยื้อเวลาที่จะไม่เข้ามาเจอเขา หรือกลัวที่จะเจอเขานั่นเอง...ยัยเด็กนี่อ่านง่ายจะตาย...“แล้วนายจะไม่กลับห้องตอนนี้เหรอครับ”“ยัง”“หือ? ...ไม่ใช่ว่านายจะรีบไปทำโทษเธอหรือครับ?”ธาวินพูดอย่างยิ้มๆ เพราะเจ้านายของตอนพูดคาดโทษหญิงสาวไว้อย่างโจ่งแจ้ง แฟรงค์ตวัดสายตามองธาวินครู่หนึ่งทำเอาลูกน้องหนุ่มคนสนิทถึงกับรีบหุบยิ้มแล้วกระแอมเบาๆ“ฉันยุ่งอยู่”“คงยุ่งจริงๆ นั่นแหละครับ
ดวงตาสวยยังคงปิดอยู่ทั้งที่คิ้วเรียวสวยกลับขมวดแน่นเมื่อรู้สึกอึดอัดร่างเหมือนมีอะไรมารัดไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปลือกตาขึ้นมา ใบหน้าหล่อที่หลับตาพริ้มปรากฏต่อสายตาหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาสวยเบิกกว้างก่อนจะหลุบตามองร่างกายของตัวเองที่ตอนนี้ถูกเจ้าของใบหน้าหล่อนั้นกอดอยู่“กะ...กรี๊ดดดดดดดด!!”คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งโหยงเมื่อเสียงแหลมเล็กหวีดร้องปะทะเข้าโสตประสาทจนแสบหู ร่างบางเด้งตัวลุกพรวดขึ้นหลังจากที่กรีดร้องอย่างตกใจพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของตัวเองมิดเหมือนดักแด้ แฟรงค์เองก็งัวเงียยันตัวเองลุกขึ้นนั่งคิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหัวเสียเพราะเขายังนอนไม่เต็มตื่นและกำลังหลับสบายอยู่แท้ๆ“ทำไมเธอชอบทำเสียงแสบแก้วหูตลอดเลยวะ”“ใครใช้ให้นายมานอนกอดฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตล่ะ!”“ฮะ? ยังต้องขออนุญาตอีกเหรอ? เธอเป็นคนมากอดฉันเองนะ”“อย่ามาพูดมั่วๆ นะ! ใครมันจะหันไปกอดคนอย่างนายกัน”“เหรอ เป็นคนหันมากอดฉันก่อนแท้ๆ ฉันไม่ปล้ำเธอตอนหลับอยู่ก็บุญ
“ไม่ไป! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”น้ำหวานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีต่อต้าน ดวงตาสวยจ้องมองแฟรงค์เขม็งสายตาของเธอบ่งบอกถึงความไม่เชื่อใจเขาอย่างที่สุด แต่แฟรงค์กลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาที่ดูไม่เชื่อใจเขาเลยแม้แต่น้อย“ฉันเคยบอกแล้วนะ ว่าอย่าขัดคำสั่งฉัน!”แฟรงค์พูดเสียงเรียบและจ้องมองท่าทีดื้อดึงของหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งดังเดิม หลายคนอาจจะมองว่าเขาดุน่ากลัวแต่น้ำหวานกลับไม่สนใจสายตาดุนิ่งนั้นของเขา เพราะความรู้สึกเกลียดชังมันมีมากกว่าความกลัวน่ะสิ เกลียดที่เขาข่มเหงน้ำใจเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจกับเขา“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคุณ”“ต่อไปเรียกฉันว่าอา..”“อาเหรอ? เฮอะ...เป็นอาแบบไหนเหรอ? อาที่....”“ที่อะไรล่ะ? พูดให้จบสิ”น้ำหวานชะงักคำพูดกลืนลงคอไปทันที แต่แฟรงค์กลับยกยิ้มเลิกคิ้วขึ้นจ้องมองหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อให้น้ำหวานพูดต่อให้จบ เขาเองก็อยากฟังเหมือนกันว่าตอนนี้เธอคิ
แฟรงค์มองหน้าของน้ำหวานนิ่งเมื่อได้ยินในสิ่งที่เธอร้องขอ และเขาก็ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป แต่สายตาของหญิงสาวตรงหน้าดูคาดหวังกับเขามากพอสมควร“ว่าไง...คุณอาจะช่วยฉันไหม?”“ทำไมฉันต้องช่วยเธอ ในเมื่อเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองด้วยซ้ำ”“คุณพูดแค่คำเดิมๆ เอาง่ายๆ ไหม? ถ้าคุณแตะต้องตัวฉัน คุณก็ต้องช่วยฉันบ้าง อย่างน้อยก็ในฐานะเด็กของคุณ”“เหอะ....เธอยอมใช้ตัวเองเพื่อแลกเรื่องนี้? โดยการยอมมีอะไรกับฉันน่ะเหรอ?”“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น....เพราะยังไงฉันก็หนีคุณไม่พ้นไม่ใช่เหรอ”“ดี...ในเมื่อเธอเลือกทางนี้เองนะ อย่ามาร้องขอชีวิตทีหลังแล้วกัน”พูดจบแฟรงค์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที น้ำหวานมองตามหลังของชายหนุ่มก่อนจะหันกลับมานั่งคิดทบทวนอีกครั้งว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่เนี่ย แค่นึกถึงภาพคืนนั้น...ก็ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว...เกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้ว ความรุนแรงนั้นเธอจำได้ดี...น้ำหวานลุกขึ้นตามแฟรงค์ไปที่รถ แม้ว่าตอนนี้อาหารตรงหน้าจะน่ากินแค่ไหนเ
แฟรงค์เดินนำเข้าห้องนอนมาพร้อมแกะกระดุมเสื้อออกจนหมด ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ไกลจากประตูกระจกคิดระเบียง น้ำหวานเดินเข้าห้องมาอย่างช้าเก้ๆ กังๆ ลอบมองแฟรงค์อย่างหวาดหวั่นเป็นระยะชายหนุ่มนั่งจ้องมองน้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ สายตาของเธอก็ลอบมองมัดกล้ามอกและหน้าท้องของเขา ไหนจะรอยสักบนอก รอยแผลเป็นปะปรายตาร่างกายนั้นอีก คืนนั้นที่เธอไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่หลับตาแน่นสนิท“ทำสิ”คำสั่งสั้นๆ ทำเอาใจของหญิงสาวกระตุกวูบ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่เคยทำเองเลยสักครั้งเพราะครั้งแรกเขาก็เป็นคนบังคับขืนใจเธอเอง แต่...ในเมื่อเธอเลือกที่จะเดินทางนี้ก็ต้องทำใจเข้าสู้ล่ะ“...เอ่อ...ฉัน...”“ทำไม่เป็น?”“..........”“แล้วยังจะกล้าเสนอมาเป็นเด็กของฉันเนี่ยนะ”“มันก็....เรียนรู้กันได้หรอกน่า”“หึ...เธอคิดว่าฉันจะใจดีถึงขนาดมานั่งสอนเธอทำเรื่องอย่างว่าหรือไง?”“ใ
“อ๊ะ...ตรงนั้น...อื้อ...อย่า...”มือหนาที่บีบเต้าตึงเปลี่ยนเป้าหมายลูบไล้ลงล้วงเข้าไปในชุดเดรส ขาเรียวที่หนีบแน่นอย่างหวงแหนก็อ้าออกเพราะมือหนานั้นของเขาที่กำลังหยอกล้อจุดอ่อนไหวของเธอ“อะ...อื้อ...อาแฟรงค์...อ๊า”ปลายนิ้วของเขาเขี่ยไปมาตรงจุดนั้นจนแพนตี้ตัวน้อยเปียกแฉะไปหมด ความร้อนชื้นบวกความนุ่มนิ่มนั้นมันทำให้เขาฮึกเหิมแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้และพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด เพราะเขานึกอยากจะแกล้งเด็กปากดีนี่เสียหน่อย“พร้อมแล้วสินะ...บอกฉันสิว่าเธอต้องการมัน”“ฉะ...ฉัน...อื้อ”หญิงสาวแทบพูดไม่เป็นภาษา เอวบางร่อนรับมือหนานั้นตามสัญชาตญาณ นี่แค่เขาหยอกเย้าด้านนอกก็ทำให้อารมณ์เธอคุกรุ่นได้ขนาดนี้ ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวมือหนาก็เลื้อนเข้าไปในแพนตี้ตัวน้อย หยอกเย้าตุ่มไตนุ่มด้านในจนน้ำหวานเบิกตากว้าง“อ๊ะ...อาแฟรงค์!...อ๊า”เสียงครางหวานไม่แผ่วลงเลย พอๆ กับเสียงหอบหายใจกระเส่าของ
น้ำหวานยิ้มออกมาอย่างดีใจ เมื่อได้ยินเขารับปากว่าจะไม่พรากชีวิตคนอื่นอีก แฟรงค์เองก็ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับไปเท่านั้น ทั้งที่ภายในหัวของเขากำลังคิดวุ่นวายกับเรื่องพ่อของเธออยู่“งั้น...ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนนะคะ”แฟรงค์พยักหน้ารับ น้ำหวานก็รีบลุกแล้วออกจากห้องไปสวนกับธาวินที่เดินเข้ามาพอดี“จัดการเรียบร้อยแล้วครับนาย”“อืม...มีอีกเรื่อง...”“เรื่องอะไรครับนาย”“เรื่องลุงวินัย”“อ๋อ...ครับ อีกไม่กี่วันก็จะครบร้อยวันแล้วนะครับนาย”“น้ำหวานเริ่มถามแล้ว...กูจะบอกเธอยังไงดีว่าพ่อของเธอโดนไอ้เจ้าสัวลีฆ่าตายแล้ว”“บอกไปตรงๆ สิครับ”“มึงคิดว่าเธอจะ....น้ำหวาน!!”น้ำหวานเดินเข้าห้องมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตามองเขาและธาวิน นั่นเดาไม่ยากเลยว่าเธอได้ยินที่เขากับธาวินพูดแล้ว น้ำหวานเดินโซซัดโซเซเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าแฟรงค์อย่างหมดแรง...
แฟรงค์ไปรับไปส่งน้ำหวานทุกวันไม่เคยขาด ไม่มีวันไหนสักวันที่จะไม่ไปรับ แต่ถึงเขาจะไปรับไปส่งเองเขาก็ยังสั่งให้ลูกน้องของตนไปเฝ้าจนไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้หรือแม้แต่เข้าไปจีบ ชุดนักศึกษาที่เธอเลือกซื้อมาเขาก็เอาไปเผาทิ้งหมด เพราะเขาซื้อชุดใหม่ไว้เผื่อแล้วในทุกๆ วันที่มหาวิทยาลัยก็เหมือนเช่นเคยในทุกๆ วันมาเป็นเดือนๆ แฟรงค์คอยดูแลทุกอย่างและเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี และที่สำคัญ...เขา...ไม่พลาดเลยทั้งเช้าทั้งเย็น ถ้าเป็นอาหารคงบอกว่าเขากินดุมาก แถมกินจุอีกต่างหาก...แต่เพราะมันเป็นเธอเนี่ยสิ กินเท่าไหร่ก็ไม่ยอมอิ่มเสียที จนล้าร่างหมดแล้ว ยิ่งตอนนี้...ช่วงปิดเทอมของมหาลัยเสียด้วย...“วันศุกร์นี้เตรียมตัวให้ดีล่ะ”“เตรียมตัว? ไปไหนคะ?”“ฉันจะจัดงานหมั้น”“งานหมั้น? คุณอาจะหมั้นเหรอ? กับใคร?”แฟรงค์ที่กำลังขับรถพาเธอมายังบริษัทหลังจากพาเธอออกไปทานอาหารกลางวันที่ห้างทิ้งธาวินให้ทำงานที่บริษัท แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ซื้อข้าวและขนมไปฝากลูกน้องคนสนิทด้วยอยู่ดี วันนี้เขามาเธอมาที่บริษ
“อื้อ!! อ๊า อ๊า....”เสียงครางหวานดังขึ้นเมื่อท่อนยักษ์แทรกเข้าไปจนสุด ความเสียวซ่านแล่นเข้าร่างผ่านช่องท้องจนร่างบางสั่นสะท้าน หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อได้ยินเสียงครางทุ้มต่ำร้องแผ่วข้างหู“ฮืมมมม....”ก่อนที่แฟรงค์จะหยัดตัวขึ้นจับไหล่เพรียวกดลงแล้วดึงรั้งเข้าหาตัว เป็นเหตุให้ร่างบางแอ่นบั้นท้ายงอนรับองศาแรงกระแทกได้พอดิบพอดี มือเล็กเกาะยึดกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวรับแรงกระแทกกระทั้นของเขา“อ๊า อ๊ะ อ๊า!”“ครางอีกสิคะ...ครางดังๆ ให้สมใจเธอที่ต้องการมัน”“อ๊า อ๊า..อื้อ!”“ดี! เด็กดี...อืมมมม...ต้องอย่างนั้น”“อาคะ! อ๊ะ!! ลึก! อ๊า!!”“ลึกไปเหรอคะ...อา...ก็หนูตอดอาแน่นเลย”ยิ่งคำพูดหวานเข้าหูยิ่งทำให้น้ำหวานตื่นตัว...เขารู้ดีว่าเธอชอบให้เขาพูดแบบนี้ ภายในตอบรับรัดตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาแน่นกว่าเดิม สะโพกสวนตอบรับแรงตอดรัดนั้นอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านแล
“ฮะ? จะลองทำไม?”“ถ้าใส่ไม่ได้จะได้ซื้อใหม่”“ทำไมจะใส่ไม่ได้ ฉันใส่ไซด์นี้ประจำอยู่แล้ว”“แน่ใจ?”น้ำหวานชะงักไป เพราะความจริงเธอใส่แต่เสื้อหลวมๆ กระโปรงพรีทเท่านั้น พึ่งจะมาซื้อเสื้อรัดรูปกระโปรงทรงเอใส่ก็ตอนตั้งใจจะกวนประสาทคุณอาหนุ่มเท่านั้น น้ำหวานหลบสายตาเล็กน้อย แฟรงค์เห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้น“เกิดเธอใส่ไม่ได้ ก็ไม่มีชุดใส่ไปเรียนวันจันทร์”“รู้แล้ว จะไปลองเดียวนี้แหละ!”พูดจบน้ำหวานก็หยิบชุดนักศึกษาเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อลองชุดที่เธอซื้อมา แฟรงค์หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟารอหญิงสาวอย่างเงียบๆ นึกจะขัดใจเขาต้องเตรียมรับมือให้ดี ไม่นานนักน้ำหวานก็ตะโกนออกมาจากห้องน้ำโดยที่ตัวเองไม่ยอมเดินออกมา“ใส่ได้ พอดีด้วย”น้ำหวานพูดพร้อมกับมองตัวเองในกระจก แต่มันจะขัดใจเธอไปเสียหน่อยเพระเสื้อมันรัดรูปพอดีตัวแต่หน้าอกหน้าใจแน่นจนกระดุมเกือบปริออกมา ส่วนกระโปรงแค่นั่งลงก็คงจะเลิกขึ้
น้ำหวานชะงักกับคำพูดของแฟรงค์ที่ถามเธอกลับ น้ำหวานดึงสติของตัวเองก่อนจะหลบสายตาของเขาก่อน พร้อมกับคิดว่า...นั่นสิ...เธอต้องการคำตอบอะไรเหรอ ในเมื่อเธอเป็นแค่คนที่เขาซื้อมาเป็นนางบำเรอ นั่นก็มีเหตุผลมากพอที่เขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี เหมือนกับเด็กเสี่ยที่ใครๆ เขาพูดกันนั่นแหละ แล้วเธอกำลังหวังอะไร“ไม่ต้องตอบแล้ว”“หือ? ทำไม....”“ฉันหิวแล้ว”น้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินนำเขาไปในทันที แฟรงค์ขมวดคิ้วอีกครั้งมองตามหลังของคนตัวเล็กไปอย่างไม่เข้าใจ“อะไรของเธอวะ”“แบบนี้เขาเรียกสาวงอนครับนาย”“มึงนี่รู้ดี รู้เยอะ เหมือนมีเมียซุกไว้”ธาวินยิ้มกริ่มลอบมองเจ้านายของตน แฟรงค์มองธาวินด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองลูกน้องที่ถือของพะรุงพะรังเพราะสาวเจ้าเลือกซื้อมาเหมือนจะไม่ได้ซื้ออีกแล้วทั้งชาติ“พวกมึงเอาของไปเก็บที่รถแล้วไปหาอะไรแดกซะ ค่อยมาเจอกูที่รถ”
จนแล้วจนรอดเขาก็เดินตามเธอเลือกชุดชั้นใน แถมยังเลือกซื้อแบบตามใจตัวเขาเองมาเป็นโหล กลายเป็นว่าคนที่เดินตามเขาและเขินเป็นเธอเอง เพราะพนักงานก็เชียร์ขายสุดโต่งกับชุดชั้นในวาบหวิวและยังหันมาแซวว่าเธอมีแฟนหล่อแถมยังนิสัยน่ารักเอาใจใส่อีก...ก็ใช่สิ พนักงานเหล่านั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไร้ปราณีและเป็นตาแก่โรคจิตแค่ไหน“พอใจหรือยังครับอีหนู”“อย่ามาเรียกแบบนั้นนะ”“เธอเรียกฉันว่าตาแก่โรคจิตเอง...เธอก็เป็นอีหนูของตาแก่คนนี้ไง”“ใครอยากเป็นอีหนูของคุณกัน”“ไม่อยากก็เป็นไปแล้วนี่ หรือจะให้ฉันรื้อฟื้นความจำอีกหลายๆ ครั้งถึงจะได้จำได้ขึ้นใจ”“ผู้ชายคิดแต่เรื่องทะลึ่งรึไง”“ใช่ ผู้ชายมันคิดแต่เรื่องทะลึ่งกับ...ผู้หญิงของตัวเอง”แฟรงค์พูดพร้อมยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้เธอ น้ำหวานผละศีรษะออกเล็กน้อยก่อนจะสบตากับเขาค้างอยู่นาน นัยน์ตาสีอ่อนของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แววตาดุดันน่ากลัวหายไปหมดแล้วเหลือแต่แววตาทะเล้นหยอกเย้าเธอ...รอยยิ้ม
น้ำหวานนั่งหน้ามุ่ยตลอดทางหลังจากที่นั่งรถออกมาจากมหาวิทยาลัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เหมือนเขาต้องการที่จะปั่นหัวเธอเล่นอย่างนั้นหรือ แต่มันก็ดูจะลงทุนมากไปเสียหน่อย...จะให้เชื่อก็ดูเหมือนเด็กหลอกง่าย เพราะเขาและเธอเจอกันได้ไม่ค่อยดีนัก อีกอย่างเขารู้สึกยังไงกับเธอก็ไม่รู้“ไปเรียนต้องมีกฎ”“หนูไม่ทำตามได้อยู่แล้วนี่ คุณอาเป็นคนส่งเรียน”“ก็ดี...ข้อแรก ฉันไปรับไปส่งทุกวัน”“ฮะ? ...แต่...”“ข้อสอง ไม่ว่าเธอจะไปทำอะไรที่ไหนต้องขออนุญาตฉัน”“...เจ้ากี้เจ้าการชะมัด.....”“ข้อสาม คำพูดของฉันถือเป็นที่สุด”“เผด็จการชัดๆ!”น้ำหวานกอดอกหันไปว่าคนที่นั่งข้างๆ แต่ดูเหมือเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเธอเลย ไม่หนำซ้ำยังยกยิ้มอย่างสะใจเสียอีก การที่จะจัดการเด็กดื้อชอบหนีต้องทำแบบนี้แหละธาวินที่นั่งข้างๆ คนขับลอบมองแฟรงค์ผ่านกระจกหน้ารถก่อนจะยกยิ้มพลางคิดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เจ้านายข
ขบวนรถหรูสีดำแล่นเข้าสู่มหาวิทยาลัยNNA ก่อนจะไปจอดหน้าตึกคณะบดีของมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อเชิ้ตสีดำเปิดแผงอกแกร่งให้เห็นเล็กน้อยเดินลงมาจากรถ พร้อมกับชายใส่สูทหน้าตาขึงขังที่เดินตามลงมาจากรถหรูคันอื่นๆ ก็รีบกรูเข้ามาหาชายในเสื้อเชิ้ตนั้นอย่างเคารพทุกสายตาจับจ้องไปที่แฟรงค์และธาวินที่ยืนตีคู่กันอยู่ข้างรถ สาวน้อยสาวใหญ่ในมหาวิทยาลัยต่างกรี๊ดกร๊าดกันเป็นแถวกับความหล่อแพ็คคู่และดูมีฐานะของพวกเขา ก่อนเสียงกรี๊ดนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบเมื่อน้ำหวานเดินลงมาจากรถด้วยทีท่าเก้ๆ กังๆ“ไปกันเถอะ”“อะ...เอ่อ...”“หืม? เป็นอะไรไป?”แฟรงค์หันกลับมามองน้ำหวานที่ก้มหน้าหงุด เธอเป็นเพียงหญิงสาวจากร้านขายกาแฟโบราณธรรมดาๆ ไม่ค่อยเป็นที่สนใจเท่าไหร่ เพราะเธอไม่เคยทำตัวโดดเด่น ถึงจะมีรุ่นพี่มาทาบทามเป็นดาวคณะแต่เธอก็ไม่เคยสนใจเลย ด้วยใบหน้าที่สะสวยเหมือนช้างเผือกในตลาดสลัมจะมีคนเข้ามาจีบบ้างก็ไม่แปลก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยเปิดตัวโอ่อ่าเวอร์วังแบบนี้มาก่อน เลยไม่ชินกับสายตาคนร
“อยากได้มันหรือยัง? หืม?”เสียงกระซิบแหบพร่าข้างใบหูเล็กอย่างจงใจ น้ำหวานยังคงส่ายหน้าทั้งที่ตอนนี้ร่างกายร้อนจนแทบจะระเบิดออกมา สติอันน้อยนิดของเธอบอกว่าต้องไม่ใช่ที่นี่ แต่ร่างกายกับไม่ฟังดูต้องการเขาเสียเหลือเกินแฟรงค์ยกยิ้มเมื่อเห็นว่าความคิดกับหัวใจของน้ำหวานดูไม่ตรงกันเสียเท่าไหร่ การตอบสนองจากร่างกายของเธอมันแสดงออกอย่างชัดเจน ใบหน้าสวยที่แดงเรื่อไปถึงใบหูพร้อมกับลมหายใจที่หอบกระเส่า ทำให้แฟรงค์มองว่าเธอดูน่ารักน่าเอ็นดูจนแทบจะอดใจไม่ไหว“ฉันให้โอกาสเธอตอบออีกครั้ง”“อะ...อื้อ...แต่..ที่นี่มันห้องทำงาน...อ๊ะ”“ฉันไม่สน...ตอนนี้ฉันสนแค่เธอ”“ตะ...แต่....”“ว่ายังไง? คำตอบน่ะ..”แฟรงค์พูดไปทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวและเนียนอกอิ่ม อยากจะใส่ชุดมายั่วยวนเขาก็ต้องเจอดีกันหน่อย น้ำหวานก็ยังคงไม่ตอบและได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น และแฟรงค์ไม่ใช่คนใจเย็นเขาจึงยกตัวเธอลงให้มานั่งกึ่งหลางระหว่างขาของเขาก่อนที่เขา