บทที่ 55 เจอหน้ากันครั้งแรกหลายวันต่อมาคนโปรดเดินเรียบ ๆ มาหยุดอยู่ข้างประตู เธอดูลาดเลาดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงองศา เขาออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและยังไม่กลับเข้ามาในบ้านเลย จึงเป็นโอกาสทองที่เธอจะหลบหนี“ดีละ” หญิงสาวเปิดประตูบ้านออกช้า ๆ เพื่อให้เสียงเบามากที่สุด เมื่อเปิดช่องพอดีที่ตัวเองจะลอดออกมาได้แล้วจึงรีบก้าวขาออกมา ทว่าเธอไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วพ่อเลี้ยงองศานั้นกำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าบ้าน ด้วยเขายืนห่างจากประตูเกือบสามเมตรคนข้างในจึงไม่ได้้ยินเสียงพูดคุยกันตอนนี้พ่อเลี้ยงกับเพื่อนหันไปมองคนโปรดที่พยายามหลบหนีออกจากปากเป็นตาเดียว ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่รู้ตัวว่าพวกเขานั้นจับได้แล้ว“ฟู่~” หญิงสาวปาดเหงื่อออกจากกรอบหน้า แล้วปิดประตูให้สนิทอย่างเบามือเหมือนเดิม จากนั้นก็ย่องถอยหลังออกมาให้ห่าง “ว๊าย!” ทันทีที่หันหลังกลับมาก็ต้องตกใจขั้นสุด“เธอทำอะไรของเธอ”“พะ พ่อเลี้ยงมายืนตรงนี้ตอนไหน”“ก็นานแล้ว นานพอที่จะเห็นเธอแอบออกมาจากบ้านฉัน”“...”!“คิดว่าจะหนีออกไปไหนได้เหรอ”“เห็นแล้วทำไมไม่บอก! อยากแกล้งกันมากหรือไง”“นี่ฉันผิด?”“ใช่!”“สมกับเป็นคนของอี
บทที่ 56 เคลียร์ใจอีริคมองหน้าพ่อเลี้ยงองศาด้วยสายตาเคียดแต้น ก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟัน“ปล่อยตัวคนโปรด อย่าเอาเธอมาเกี่ยวเรื่องนี้”“ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนรักของนาย”“ฉันไม่…” ตั้งท่าจะปฏิเสธแล้วแท้ ๆ แต่กลับแสยะยิ้มมุมปากพร้อมกับเงยหน้ามองสบตากับอีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน “เรียกให้ถูกคือของเล่นชิ้นโปรด”“หึ! ของเล่นชิ้นโปรดงั้นเหรอ งั้นกูก็เล่นของเล่นชิ้นนี้ได้งั้นดิ”“อย่าแตะต้องเธอ” อีริคขบกรามแน่น“ยังไงวะ ก็ไหนบอกของเล่นไง แล้วคนอื่นเล่นไม่ได้เลย?”“ของเล่นที่แปลว่าของกูคนเดียว คนอื่นอย่าเสือก!”พ่อเลี้ยงแสยะยิ้มมุมปาก แม้ไม่ได้เจอกับอีริคหลายปีแต่สกิลปากดียังคงเสมอต้นเสมอปลาย“มึงมาปากดีในที่ของกู ไม่กลัวตายเลยว่างั้น”ทางพาเวลกับซินซินที่ได้ยินอีกฝ่ายขู่มาแบบนั้นจึงเดินเข้าไปยืนข้างอีริค บ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมอยู่เคียงข้างอีริคเสมอ“ปล่อยตัวคนโปรดมาดี ๆ”“ไม่”“มึงต้องการอะไร หรืออยากเอาคืนกู”“ก็ใช่”“แต่กูไม่เคยทำอะไรมึงก่อน เรื่องที่ผ่านมากูไม่เคยทำอะไรผิดต่อมึง มีแต่มึงที่เข้าใจผิดไปเองทั้งนั้น”“กูเข้าใจผิดยังไง ก็มึงแย่งคนของกูไปต่อหน้าต่อตา”“กูไม่ได้แย่งของของมึง ผู้หญิงมักม
บทที่ 57 รู้สึกผิด“คราวนี้ฉันพาน้องกลับได้แล้วใช่ไหม”“เดี๋ยวสิครับ ไหน ๆ ก็มาไร่ปาริฉัตรทั้งทีแล้วต้องกินข้าวด้วยกันสักมื้อสิ” ชรัณเอ่ยด้วยความปราบปลื้มยินดีที่เพื่อนทั้งสองเคลียร์ใจกันได้ และนับว่าเป็นโอกาสทองที่ทั้งสองได้มาเจอหน้ากันในรอบหลายปี จึงอยากชวนทุกคนกินข้าวพร้อมหน้ากันหน่อย“กินข้าวเหรอคะ” คนโปรดก้มมองอีริค ซึ่งเขาไม่ได้พูดอะไรแต่กำลังมองไปที่พ่อเลี้ยงองศา“อืม กินข้าวก็ดี”“เอ๋า นี่แกหิวจริงเหรอ” ซินซินไม่เข้าใจน้องชายที่ตกปากรับคำว่าจะกินข้าวที่ไร่ปาริฉัตร“อืม ฉันหิวจริง” อีริคพยักหน้าให้คำตอบกับพี่สาวอีกครั้ง จากนั้นพาเวลก็พาอีริคเดินตามพ่อเลี้ยงองศาไปยังสถานที่ที่เขาใช้พักผ่อนเวลาเครียดจากงาน ซึ่งเป็นเพลิงเล็ก ๆ ตั้งอยู่หลังบ้าน แต่วิวด้านหลังไม่ธรรมดาเลน เป็นภูเขาและทุ่งหญ้ากว้างขวาง สายลมพัดมากระทบใบหน้าพัดพากลิ่นหอมของหญ้ามาแตะจมูก“ถ้าฉันอยากได้ที่แถวนี้ นายพอจะมีที่ให้ซื้อไหม”“อยากมาเป็นคนเชียงใหม่ว่างั้น?” พ่อเลี้ยงถามอีริค“อืม อยากทำไว้พักผ่อน”“ก็พอมี แต่ไม่ใช่แถวนี้หรอก อยู่ลึกเข้าไปด้านในโน่น รถเข้าถึง ไฟฟ้าเข้าถึงแต่...”“แต่อะไร”“เจ้าของเก่าหวงมาก ก็เ
บทที่ 58 กลับสู่อ้อมกอด“จริง ๆ กูอยากให้มึงพักผ่อนที่นี่สักคืน แต่ก็เข้าใจว่าคงอยากกอดเมียอยู่บ้านตัวเอง” พ่อเลี้ยงหันหน้าไปคุยกับอีริค ขณะที่คู่สนทนานั่งจับมือคนโปรดอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร“เอาไว้วันหลังแล้วกัน มีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ”“ไม่อวยพรนะ แต่ขอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนที่คิดปองร้ายมึงแล้วกัน”“ก็ถือว่าเป็นคำอวยพรที่ดี เพราะงานที่จะกลับไปทำก็เกี่ยวกับความเป็นความตาย”“ต้องเสี่ยงมากไหมคะ”“ก็...พอสมควร” อีริคยิ้มให้คนโปรดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบผมเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงฉันจะยังนั่งวีลแชร์อยู่ แต่ก็มีปากสั่งงานได้เหมือนกัน”“แต่โปรดเพิ่งรู้ว่า...” คนโปรดหันไปมองพาเวลด้วยสีหน้าตกใจ “พี่พาเวลยังไม่ตาย พี่พาเวลยังอยู่”“หึหึ พาเวลยังไม่ตาย ฉันแค่ให้เล่นละครตบคาเธอนิดหน่อยแล้วก็ให้ไปทำงานพิเศษ”“ทำไมโกหกกันได้ลงคอคะ โปรดร้องไห้เสียใจกับพี่พาเวลตั้งหลายวัน ทั้งรู้สึกผิดอีก”“ฉันเองก็รู้สึกผิดที่ต้องหลบซ่อนเธอแบบนี้” พาเวลเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ “แต่ก็อยู่เคียงข้างนายตลอด เธอจะได้หายห่วง”“ขอบคุณนะคะ”“เอา ๆ ฉันว่าเราควรกลับได้แล้วนะ เดี๋ยวมืดค่ำไปมากกว่านี้จะเดินทางลำบากเอา”“อืม”
บทที่ 59 'โปรดเป็นเมียผม'“คุณริคคะ เอ่อ...เมื่อตอนอยู่บนเครื่อง โปรดได้ยินพี่ซินเรียกชื่อฮาน่า ใครกันเหรอคะ”“...” อีริคปรายตามองหน้าซินซินพร้อมจิ๊ปากใส่ “เธอยังไม่ต้องรู้ตอนนี้หรอก เอาไว้ฉันหายดีก่อน”“งั้นตอนนี้ก็กลับไปโรงพยาบาลนะคะ ให้พี่พาเวลพาไปตอนนี้เลย”ส่วนพาเวลาที่พยายามเร้าหรือเจ้านายอยู่หายหน พอได้รู้ว่านายกำลังจะกลับไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเขาก็รีบไปเตรียมรถให้พร้อม และมารอรับอีริคอยู่ที่ห้องห้องนั่งเล่น“พร้อมแล้วครับนาย”“ยิ้มแป้นเลยนะมึง”“หึหึ ก็ธรรมดาครับ ผมบังคับนายไม่ได้ แต่คราวนี้ผมรู้แล้วว่าต้องหันหน้าไปบอกใครให้พานายไปหาหมอ”“เอาใหญ่” มุมปากหนาบิดยิ้มเป็นเอกลักษณ์แล้วเงยหน้ามองคนตัวเล็ก “แล้วอาการเวียนศีรษะหายดียัง ถ้ายังไม่หายเดี๋ยวเข้าหาหมอพร้อมกันเลย”“ยังมึน ๆ อยู่ค่ะ บอกตามตรงเลยนะว่ากลิ่นน้ำพริกถ้วยนั้นติดจมูกโปรดอยู่ พอนึกถึงหน้าตามันแล้วก็จะอ้วก”“อืม”หลังจากนั้นพาเวลก็พาอีริคไปโรงพยาบาล หมอได้ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วให้เขาพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง“คราวนี้ไม่ดื้ิออยากกลับบ้านแล้วนะครับคุณริค”“หึหึ”“แน่นอนค่ะ เพราะโปรดจะกำชับเองว่าให้
บทที่ 60 สถานะมียคนโปรดยืนอึ้งกินอยู่กับที่ เธอเพิ่งเคยได้ยินคำคำนั้นจากปากอีริคครั้งแรก แม้ว่าอีริคพูดไปแล้วเกือบหนึ่งนาที แต่เสียงที่ดังก้องในหูเธอเหมือนว่าเขาเพิ่งพูดไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วนี้เอง“คุณริค”“เป็นเมีย?” ฮาน่าทวยคำพูดลูกชายอีกครั้ง ก่อนจะบิดยิ้มมุมปากเป็นอันรู้กัน “อ๋อเหรอ...ที่แท้หนูโปรดก็เป็นเมียลูกชายฉันนี่เอง”“มี๊” อีริคปรามแม่ทางสายตา “ผมขอเวลาคุยกับคนโปรดก่อน”“ได้ คุยกันให้ลงตัว แล้วมี๊จะกลับมาเอาคำตอบอีกทีหนึ่ง” ฮาน่าเดินเข้าไปใกล้ลูกชาย และอีริคก็รู้ว่าแม่นั้นจะหอมแก้มตนจึงเอียงตัวหลบ“มี๊อย่า”“จะอายทำไม หนูเป็นลูกมี๊นะ”อีริคเลิ่กลั่กใหญ่แล้วหันไปมองคนโปรด เธออมยิ้มมองสองแม่ลูกหยอกเย้ากันผ่านรอยยิ้มสดใส“มาให้หอมแก้มก่อน แล้วมี๊จะกลับ”“มี๊” อีริคส่ายหน้า แต่ก็ไม่วายถูกแม่จับใบหน้าให้นิ่งแล้วหอมแก้มไปฟอดใหญ่ จากนั้นฮาน่าก็เดินออกไปจากห้องพักฟื้น “เธอยิ้มอะไร”“ก็ยิ้มให้กับความน่ารักของคุณริคกับคุณฮาน่าไงคะ ที่แท้ฮาน่าที่ว่าก็คือแม่ของคุณริคนี่เอง”“อืม”“ทำไมเหรอคะ กลัวโปรดถูกคุณท่านพากลับต่างประเทศด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขั้นโกหกว่าโปรดเป็นเมีย”“เปล่า
บทที่ 61 เป็นห่วงเมียอีริคชะเง้อมองทางจนคอแทบเคล็ด แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าคนโปรดจะกลับมาเร็ว ๆ นี้เลย“ไหนหมอบอกว่าไปแป๊บเดียววะ ทำไมไปนานมากขนาดนี้”“นายใจเย็น ๆ ก่อนสิครับ ไปตรวจนะไม่ใช่ไปเข้าห้องน้ำ”“ไอ้พาเวล! มึงย้อนกูเหรอ”“ขออภัยครับนาย ผมว่าหมอก็คงกำลังตรวจอยู่นั่นแหละ อาจจะตรวจละเอียดหน่อยก็เลยช้า”“อืม งั้นพากูไปรอคนโปรดที่ห้อง”“ครับ เดี๋ยวผมไปบอกพยาบาลไว้ เผื่อหมอถามหานายและเผื่อคนโปรดถามหานาย”“อืม”เมื่อทำธุระเสร็จพาเวลก็พาอีริคกลับไปที่ห้องพักฟื้น รอนานหลายนาทีคนโปรดก็ไม่มาสักที คนที่กระวนกระวายใจเป็นอีริคที่พยายามชะเง้อมองประตูห้องพักอยู่ตลอด“นายครับ อ้าปากสิครับ”“ไม่กิน ปอกแอปเปิลอะไรของมึงเอาเนื้อออกไปซะเยอะ”“ผมตั้งใจแล้วนะครับนาย”“แดกเองเถอะ”“ครับ ๆ” พาเวลเอาของไปเก็บแล้วกลับมานั่งข้างเตียงผู้ป่วย ทำท่าจะบีบขาให้อีริคแต่เขากลับยกขาหนี “นายครับ นายจะลุ้นอะไรเดี๋ยวเธอตรวจเสร็จก็มาเอง”“ถ้ามึงไม่หยุดพูดนะ กูจะเอาลูกปืนยัดปากมึง”“...”! พาเวลปิดปากเงียบแล้วนั่งรอคนโปรดอยู่ในห้องกับอีริค จากที่ไม่ลุ้นตอนนี้เขาก็ลุ้นไปกับเจ้านายแล้วว่าเมื่อไหร่คนโปรดจะกลับมาสักที“ว่า
บทที่ 62 ความจริงอีริคยังไม่คลายความสงสัยจากอาการของคนโปรด เขาเดินมานั่งคิดทบทวนตัวเองอยู่ที่สวนข้างบ้าน หัวคิ้วหนาก็เริ่มขมวดยุ่งเมื่อนึกอะไรออก“เรามีอะไรกันกับโปรดไม่ได้ป้องกันสองครั้ง แต่มันจะท้องได้เหรอวะ” พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เขากับคนโปรดประสบอุบัติเหตุมาด้วยกันแล้วนั้น มันแทบจะเป็นไม่ได้เลย ร่างกายคนโปรดได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หากท้องก็คงหลุดไปแล้ว “หรือว่า…เธอจะท้องจริงวะ” อีริคพึมพำเสียงเบาโดยไม่รู้ว่าแม่ตัวเองนั้นเพิ่งเปิดประตูออกจากรถ“มานั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่ตรงนี้ทำไม มีเรื่องอะไรให้คิดอะไรขนาดนั้นลูก”“มี๊มาตอนไหนครับเนี่ย”“มี๊มานานแล้ว หนูไม่รู้สึกตัวเอง แล้วมี๊ถามว่าทำไมมานั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้”“ผม…ผมมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ"“อะไร ไหนเล่าสิ"“มี๊เคยเป็นอาการแบบนี้ไหมครับ” อีริคเริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับอาการที่คนโปรดเป็นให้แม่ตนเองฟังอย่างออกรส ทำเอาผู้เป็นแม่ถึงกับไม่กล้าวอกแวกไปมองทางอื่น และเธอยังนึกขำกับการเล่าไปและทำท่าทางของอาการอ้วกคนโปรดไป“หนูไปรังแกน้องหรือเปล่า"“มี๊ ผมปรึกษามี๊อยู่นะ"“ก็มี๊ถึงถามนี่ไง ริคไม่ได้กดดันอะไรน้องจนน้องเครียดใช่ไหม”“ไม