บทนำ
“ฟา... ฟาเบียน!”
“ว่าอย่างไรนะ?” ชายหนุ่มกะพริบตาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง ก่อนที่ชายคู่สนทนาจะถอนหายใจทิ้ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงอีกครั้งว่า
“ฉันบอกว่างานนี้เงินดีแน่นอน หมื่นยูโรเป็นอย่างต่ำ ได้ยินว่านายกำลังเร่งใช้เงินใช่ไหม? เพราะฉะนั้นงานนี้นายรับไว้น่าจะดีกว่านะ” ชายหนุ่มที่ชื่อ ‘ฟาเบียน’ เม้มปากเมื่อได้ยิน หากให้เทียบเงินยูโรเป็นค่าเงินบาท ก็คงประมาณสามแสนกว่าๆ นัยน์ตาสีดำสนิทหลุบลงมองมือที่กุมบนตัก ก่อนจะเงยหน้ามองลูกพี่ลูกน้องที่เดินทางมาตั้งรกรากที่ประเทศไทยจากประเทศอิตาลี ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงลังเลว่า
“แค่ทำหน้าที่คุ้มกันและขับรถให้ระหว่างเดินทางใช่ไหมครับ พี่กาวีโน่?” กาวีโน่ เป็นชายชาวอิตาลีที่มีคนรักเป็นชาวไทย และย้ายมาทำงานที่นี่เมื่อปีก่อน ซึ่งมีฐานะเป็นญาติของฟาเบียนคนตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“ใช่ เนื้องานก็เหมือนที่นายเคยทำมาตลอดนั่นแหละ แค่ครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้เท่านั้น” กาวีโน่พูดเสียงจริงจัง ทำเอาฟาเบียนถอนหายใจบีบมือบนตักแน่น ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่ตัดสินใจได้ว่า
“โอเค ผมรับงานนี้ แต่พี่กาวีโน่ ผมขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้ไหม? พี่ก็รู้ว่าผมกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน?” เมื่อได้ยินกาวีโน่ก็ยิ้มกว้างก่อนจะตบไหล่กว้างของฟาเบียนแล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“แน่นอน ฉันจะโอนให้ก่อนห้าพันยูโร แล้วที่เหลือค่อยมารับหลังงานเสร็จในสัปดาห์หน้า?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างขอบคุณ กาวีโน่โบกมือไปมาก่อนจะตบไหล่ฟาเบียนอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเมื่อการเจรจาจ้างงานชั่วคราวเสร็จสิ้นลง “แล้วเจอกันอีก 3 วันนะฟาเบียน”
“ได้ครับพี่ ขอบคุณมากครับ” ฟาเบียนยกมือไหว้ลาอีกฝ่าย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิงเมื่อเห็นว่ากาวีโน่เดินออกจากร้านกาแฟไปแล้ว ฟาเบียนหลุบตาลงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมามองหน้าจอฯ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน เมื่อเห็นยอดเงินโอนเข้าธนาคารระหว่างประเทศราวๆ ห้าพันยูโร หรือประมาณ หนึ่งแสนเก้าหมื่นบาท ฟาเบียนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นว่ามีสายโทรเข้ามา ฟาเบียนไม่ได้กดรับทันทีแต่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นสายเรียกเข้าอยู่อย่างนั้น ก่อนจะกดรับสายเมื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นสายที่สอง
“...............”
[พี่ฟา?] เสียงอ่อนโยนดังมาจากปลายสายเมื่อฟาเบียนกดรับแต่ไม่ยอมพูด ฟาเบียนทำเพียงครางรับในลำคอ เมื่อได้ยินดังนั้นคนปลายสายจึงเอ่ยด้วยเสียงกล้าๆ กลัวๆ ว่า [เรื่องเงิน....] ฟาเบียนมีดวงตาลดลงเมื่อได้ยินคำพูดจากปลายสาย ก่อนจะที่จะกำโทรศัพท์ที่วางไว้แนบหูแน่นแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มว่า
“อืม พี่ได้เงินแล้ว ฟ้าเอาไปก่อนแสนหนึ่งได้หรือเปล่า?” ริมฝีปากของฟาเบียนเม้มแน่นพลางกลั้นลมหายใจรอฟังเสียงจากปลาย แล้วกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินคำพูดจากปลายสายที่ว่า
[แสนหนึ่ง? มันก็ได้อยู่หรอกพี่ฟา แต่เงินมันยังขาดอีก-] แต่ยังไม่ทันที่ปลายสายจะเอ่ยจบฟาเบียนก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อนว่า
“ขาดอีกเท่าไร?” ฟาเบียนหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า พลางเม้มปากแน่น แล้วถอนหายใจเฮือก จนปลายสายเงียบไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาเหมือนกระซิบว่า
[อีกแสนกว่าๆ ] เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ลืมตา ก่อนจะยกยิ้มหยันที่มุมปาก แล้วฟาเบียนก็เอ่ยด้วยเสียงคล้ายกำลังหัวเราะหยันว่า
“แล้วทางนั้นเขาไม่ช่วยฟ้าออกหน่อยหรือ ไนว่าเป็นคู่แห่งโชคชะตา?” เมื่อได้ยินฟาเบียนเอ่ยจบ เสียงปลายสายก็เงียบไป ก่อนฟาเบียนจะยกมุมปากยิ้มแต่ดวงตากลับมีแววตาของความราบเรียบไร้อารมณ์ เมื่อได้ยินปลายสายตอบกลับมาว่า
[ฮึก พี่ฟา พี่ก็รู้ว่าเขาโกรธฟ้าเรื่องอะไรอยู่ เขาจะช่วยฟ้าได้อย่างไร ฮึก พี่ฟา?] ฟาเบียนกำโทรศัพท์ที่แนบหูแน่นจนมือแกร่งขึ้นข้อขาว ก่อนจะเบาแรงลงอย่างหมดแรง แล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังเด็ดขาดเย็นชาว่า
“ถ้าอย่างนั้นนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะช่วยฟ้าแล้วนะ พี่จะโอนให้ก่อนแสนห้า แล้วอีกแสนหนึ่งพี่จะโอนให้สัปดาห์หน้า ถ้าฟ้าไม่โอเคพี่ก็ไม่รู้แล้วว่าจะช่วยฟ้าได้อย่างไร” เมื่อได้ยิน ปลายสายก็ร้องไห้ขอบคุณฟาเบียนยกใหญ่ ก่อนจะที่เจ้าตัวบอกว่าจะรอเงินที่ฟาเบียนจะโอนมาให้ แล้วตัดสายไป ฟาเบียนจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ตัดสายทิ้งไปด้วยสายตาอยากจะคาดเดาอารมณ์ ก่อนจะยิ้มหยันเมื่อเห็นข้อความไลน์ขึ้นมาว่า
Fah :: พี่ฟา พี่จะโอนเงินให้ฟ้าวันนี้ไหม?
ฟาเบียนกดปลดล็อกโทรศัพท์ก่อนจะโอนเงินในบัญชีธนาคารต่างประเทศไปที่บัญชีของฟ้า แล้วส่งข้อความพร้อมสลิปไปทางไลน์ แต่อีกฝ่ายไม่ได้กดอ่านอยู่นาน นานจนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟมาถามฟาเบียนว่าต้องการรับอะไรเพิ่มอีกหรือไม่? ฟาเบียนส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป ทันได้ยินเสียงพนักงานคุยกันแว่วๆ ว่า
“ลูกครึ่งไหม? หล่อมาก!”
“ใช่ๆ ทั้งหล่อสูงแบบนี้ต้องเป็นอัลฟ่าแน่ๆ เลย!”
อัลฟ่า? ... ฟาเบียนพึมพำในใจเมื่อออกมาจากร้านก่อนจะเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ดูคาติสีดำด้าน แล้วสวมถุงมือหนัง และหมวกกันน็อกก่อนจะขึ้นคร่อมได้ยินเสียงหวีดเบาๆ ของหญิงสาวและหนุ่มน้อยยามเจ้าตัวขึ้นขี่รถแผ่วเบา ก่อนที่ฟาเบียนจะสตาร์ตรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเสียงหวีดร้องและกลิ่นของท่อไอเสียด้านหลัง
..............................
สนามบินสุวรรณภูมิ 22.52 น. ฟาเบียนในชุดสูทสีดำทั้งตัว ขยับสายหูฟัง แล้วยืนคาบบุหรี่ที่มุมปากขณะยืนพิงรถMercedes-Benz E-Class Saloon ราคากว่าสามล้านเกือบสี่ล้านที่ได้รับมาจากกาวีโน่เพื่อใช้ทำงานในครั้งนี้ ก่อนจะหลุบตาลงแล้วพ่นควันออกจากปากขึ้นท้องฟ้า แล้วขยี้ก้นบุหรี่เมื่อได้ยินเสียงมาจากวิทยุที่หูฟังว่า [นายท่านเดินทางมาถึงแล้ว เตรียมตัว] ฟาเบียนจ้องมองตัวเองที่กระจกหน้ารถเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาลูกอมรสนมเข้าปากแล้วเข้าไปสตาร์ตรถเพื่อรอออกเดินทาง ฟาเบียนรออย่างสงบราวสิบนาที ร่างของบอดีการ์ดในชุดคล้ายตนเองก็ปรากฏขึ้นเป็นโหล ฟาเบียนรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นว่าทางเข้าพิเศษปรากฏร่างของใครหลายคน ก่อนที่ชายคนหนึ่งที่เด่นสะดุดตาจะปรากฏตัวขึ้น
เส้นผมสีทองสว่าง สวมแว่นกันแดดราคาแพง และชุดสูทสีดำเนื้อดีที่ตัดเข้ารูป พร้อมกับบอดีการ์ดมากมายที่รุมล้อมเจ้าตัว ฟาเบียนสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะลงจากรถที่สตาร์ตติดเครื่องเพื่อเปิดแอร์รอรับ แล้วลงจากรถเดินไปเปิดประตูด้านหลัง แล้วโค้งตัวคำนับอีกฝ่ายที่เก็บแว่นดำในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ก่อนจะตวัดดวงตาเย็นชาไร้อารมณ์สีน้ำตาลทองมาจ้องมองตัวเอง แล้วก้มตัวลงไปนั่งด้านใน ฟาเบียนปิดประตู ก่อนจะพยักหน้าให้กาวีโน่ที่เลิกคิ้วทักทายตัวเองแล้วไปขึ้นรถอีกคัน ก่อนที่บอดีการ์ดตัวสูงอีกคนจะขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับทำให้ฟาเบียนต้องเข้าไปที่นั่งคนขับก่อนจะ เอ่ยระหว่างที่เดินไปขึ้นรถว่า “ที่ไหน?”
[โรงแรม XXX] ฟาเบียนครางตอบรับเมื่อได้ยินชื่อโรงแรมหรูของประเทศ ก่อนจะเข้าไปด้านในรถ แล้วเริ่มออกรถเมื่อเห็นว่าดวงตาสีทองนั้นกำลังจ้องมองตนเอง แล้วเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อถามฟาเบียนว่า
“เบต้าหรืออัลฟ่า?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็กลืนน้ำลายเมื่อเสียงของอีกฝ่ายดูดุดันและเข้มงวดมาก ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอย่างเสียงดังชัดเจนว่า
“อัลฟ่า ผมเป็นอัลฟ่าครับนายท่าน” เมื่อได้ยิน อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่หันไปมองด้านนอกหน้าต่างรถยนต์ ทำเอาฟาเบียนอดประหม่าไม่ได้กับความเย็นชานั้น ก่อนจะขับรถไปส่งอีกฝ่ายไปที่โรงแรม
...........................
ฟาเบียนพรูลมหายใจออก เมื่อเห็นว่าเจ้านายชั่วคราวของตนเองกำลังลงจากรถหน้าทางเข้าสนามบิน ฟาเบียนยืนกุมมือไว้ด้านหน้าจ้องมองแผ่นหลังสูงใหญ่นั่นกำลังเดินเข้าไป ก่อนที่ปลายเท้าของอีกฝ่ายจะหยุดที่หน้าทางเข้า แล้วหันกลับมามองฟาเบียนแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ว่า “อยากมาทำงานกับฉันไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ตกตะลึง ก่อนจะหัวใจเต้นแรงเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะจ้างงานตัวเองระยะยาว ฟาเบียนแอบเช็ดมือที่ชื้นเหงื่อเพราะความประหม่าที่ขากางเกง ก่อนจะยืดหลังตรงแล้วเอ่ยด้วยความยินดีว่า
“ครับ ผมอยากไปทำงานกับนายท่านครับ” เมื่อได้ยินคำตอบ อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรแต่กระดิกนิ้วให้ฟาเบียนเดินเข้าไปใกล้ ฟาเบียนไม่ลังเลแต่ก้มหัวรอรับฟังคำพูดของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“ฉันจะให้กาวีโน่ติดต่อไปอีก 2-3 วัน เตรียมตัว และเอกสารเดินทางให้พร้อม รายละเอียดไว้มาคุยเมื่อเดินทางไปถึงอิตาลีแล้ว” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ขยับจมูกเมื่อได้กลิ่นคล้ายไวน์แดงในระยะใกล้ชิด จนไม่ได้ตอบรับในทันที ก่อนจะได้ยินเสียงเข้มดุๆ ที่เอ่ยถามซ้ำด้วยความไม่อดทนว่า “เข้าใจไหม?”
“ครับ รับทราบครับนายท่าน!” ฟาเบียนที่ได้ยินก็รีบตอบรับ จนได้เห็นคิ้วเข้มของว่าที่เจ้านายคนใหม่ขมวดยุ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับเข้าไปในสนามบินพร้อมกับบอดีการ์ดคนอื่นๆ ที่พามาด้วยกัน ก่อนที่กาวีโน่จะเดินมาตบไหล่ตนเองแล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า
“บุญหล่นทับ! โชคดีจริงๆ ไอ้ฟา!”
“ผมก็ต้องขอบคุณพี่นั่นแหละที่แนะนำงานนี้ให้” ฟาเบียนเอ่ยขอบคุณกาวีโน่ ก่อนที่เจ้าตัวจะตบไหล่ฟาเบียนแรงๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงดีใจว่า
“ฮ่าๆ ใครจะคิดว่าฉันจ้างนายมาเป็นคนขับรถให้เจ้านาย แต่เจ้านายกลับจ้างนายไปเป็นลูกน้องจริงๆ ” ฟาเบียนยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร ก่อนจะคืนกุญแจรถให้กาวีโน่ แล้วเดินทางกลับบ้านด้วยรถโดยสารสาธารณะ ฟาเบียนจ้องมองทิวทัศน์ด้านนอก ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ที่สั่นขึ้นมากดดูข้อความ แล้วถอนหายใจเมื่อเห็นว่าใครกำลังส่งไลน์มาหาตัวเอง
Fah :: พี่ฟา พี่จะโอนเงินที่เหลือให้ฟ้าเมื่อไร?
Fah :: ฟ้ารออยู่นะพี่
Fah :: ส่งสติกเกอร์
“แม่ง...” ฟาเบียนเอ่ยสบถเสียงเบาในลำคอ เมื่อเห็นข้อความของฟ้า ก่อนจะกดเข้าแอปพลิเคชันธนาคารแล้วโอนเงินที่เหลือให้ฟ้า ก่อนจะส่งข้อความสุดท้ายพร้อมบล็อกอีกฝ่ายไปด้วยว่า
F :: นี่จะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พี่จะให้ฟ้า ต่อจากนี้ก็ดูแลตัวเองด้วย ลาก่อน
และใช่ ฟาเบียนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป แต่เลือกที่จะไปทำงานตามคำชวนของเจ้านายคนใหม่แทน และไม่ว่าฟ้าจะพยายามติดต่อฟาเบียนมากแค่ไหนก็ไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะในอีกไม่กี่วันต่อมาฟาเบียนก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือ และเดินทางไปอิตาลี เพื่อเริ่มต้นงานใหม่ และชีวิตใหม่
+++++
Lady Zombie
19/09/67
ใต้อาณัติครั้งที่ 1 Be not forgetful to entertain strangers: for thereby some have entertained angels unawares. (Hebrews 13:2)อย่าลืมที่จะต้อนรับบรรดาคนแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับพวกทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว (ฮีบรู13:2)+++++3 วันแล้วที่ฟาเบียนมาถึงอิตาลี โชคดีที่กาวีโน่เต็มใจทำเรื่องต่างๆ ให้และเดินทางมาพร้อมกับตนเอง และเพราะแบบนั้น หลังจากเดินเรื่องวีซ่าการทำงาน เรื่องเอกสาร เรื่องของที่อยู่อาศัย และสุดท้ายคือการตรวจสุขภาพทั้งทางจิตใจและทางกาย ก็ใช้เวลามากกว่า หนึ่งสัปดาห์ในการจัดการเรื่องต่างๆ จนเรียบร้อย และทั้งหมดจะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ลูกพี่ลูกน้องที่เคยทำงานที่นี่อย่างกาวีโน่คอยช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเมื่อกาวีโน่ต้องเดินทางกลับไทย ฟาเบียนจึงเต็มใจมาส่งอีกฝ่ายที่สนามบิน และหลังจากนั้นตนก็กลับไปที่คอนโดฯ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของตน และใช่ คอนโดฯ นี้ทั้งคอนโดฯ เป็นของบอดีการ์ดอะเลสซิโอที่ตนทำงานทั้งสิ้นหรือพูดให้เข้าใจอีกอย่างคือ ที่นี่เป็นที่พักของบอดีการ์ดที่ทำงานให้คุณแองเจโล อะเลสซิโอ เจ้านายคนใหม่ของฟาเบียน หลังเข้าอบรมกับบอดีการ์ดหน้าใหม่อีก 2 คน ฟา
ใต้อาณัติครั้งที่ 2 But I beseech you the rather to do this, that I may be restored to you the sooner. (Hebrews 13:19)แต่ข้าพเจ้าวิงวอนพวกท่านมากยิ่งขึ้นให้กระทำเช่นนี้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับคืนไปอยู่กับพวกท่านเร็วขึ้น (ฮีบรู 13:19)+++++ฟาเบียนทำงานมาได้ครึ่งปีแล้ว เป็นครึ่งปีที่ทำให้ชีวิตวุ่นวายจริงๆ นายท่านคนใหม่โดนลอบสังหารไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งในครึ่งปี และฟาเบียนที่ทำหน้าที่ขับรถตาม ได้เสี่ยงอันตรายไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และเพราะแบบนั้นทุกครั้งที่รอดมาได้ก็มักได้โบนัสเสมอ จนกระทั่งวันนี้ วันที่ฟาเบียนจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต เช้าวันนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเช้าวันอื่นๆ นายท่านไปทำงานที่บริษัทตอนเช้า เข้าคลับตอนเย็น และไปกาสิโนตอนดึก แต่ที่ต่างไปคือวันนี้นายท่านไม่ได้ไปที่กาสิโนแต่อยู่ที่คลับกับลูกค้า ฟาเบียนที่ทำหน้าที่รอที่รถกับเปโดรก็ต้องรอจนเปื่อย“หาว!” ฟาเบียนอ้าปากหาวพลางมองนาฬิกาบนข้อมือด้วยสายตาละห้อยแล้วเอ่ยกับเปโดรด้วยท่าทางอิดโรยว่า “สามวันแล้วนะครับที่นายท่านอยู่ที่คลับดึกขนาดนี้” เปโดรที่กำลังจิบกาแฟร้อนเป่าควันที่แก้วก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่ยี่หระนักว่า“นี่ยังถือว่าธร
ใต้อาณัติครั้งที่ 3 But without faith it is impossible to please him: for he that cometh to God must believe that he is, and that he is a rewarder of them that diligently seek him. (Hebrews 11:6)แต่โดยปราศจากความเชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นที่พอพระทัยพระองค์ เพราะว่าผู้ที่มาหาพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างขยันขันแข็ง (ฮีบรู 11:6)+++++ฟาเบียนออกจากโรงพยาบาลในอีกหนึ่งเดือนต่อมา จริงๆ ฟาเบียนออกมาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่โดนเรโมสั่งพักงานหนึ่งเดือนและกักบริเวณ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปก่อเรื่องอะไรอีกจนเสียงาน ทำให้ฟาเบียนทำได้เพียงต้องนอนแห้งในโรงพยาบาลอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนเนโรที่ขับรถเข้ามารับตัวเองออกจากโรงพยาบาลในวันนี้มีสีหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นาย ฟาเบียน นายจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะไม่แข่งรถด้วยอีกแล้ว!” ฟาเบียนที่ได้ยินก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่ช่วยตัวเองออกมาในวันที่เกิดเรื่อง ก่อนจะยักไหล่แล้วคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่า“ขอบคุณที่ช่วยออกม
ใต้อาณัติครั้งที่ 4 Therefore the ungodly shall not stand in the judgment, nor sinners in the congregation of the righteous. (Psalms 1:5)เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ในการพิพากษา หรือคนบาปทั้งหลายจะไม่ยืนอยู่ในชุมนุมชนของคนชอบธรรม (เพลงสดุดี 1:5)+++++มาเฟีย สองคำนี้ฟาเบียนได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะในหนังหรือภาพยนตร์ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน คำว่ามาเฟียก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวฟาเบียน จากสังคมที่เติบโตขึ้นมา จากสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านตัวเอง หรือแม้แต่ประสบการณ์ทำงานของฟาเบียนในบางครั้งก็มีคำว่า มาเฟีย มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ แต่ใครจะไปคิดว่าปัจจุบันฟาเบียนจะทำงานให้มาเฟียตลอดชีวิตจริงๆ ฟาเบียนคาบบุหรี่ไว้ที่ปากพลางกอดอกพิงกระโปรงรถ จ้องมองคริสติน กับเนโรกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยกัน ในขณะที่ยูตะกำลังนั่งกินขนมหวานเป็นกล่องที่สาม และตัวเองสูบบุหรี่เป็นมวนที่สอง วันนี้นายท่านอยู่ที่บริษัทนานกว่าทุกวัน ได้ยินเนโรบ่นว่ามีเรื่องของการซื้อสัมปทานอะไรสักอย่างที่แอฟริกาแต่ฟาเบียนไม่ได้สนใจหรอก นอกจากนึกไปถึงเรื่องที่เลขาจองบอกกับตัวเองในวันที่ผ่านการทดสอบ คำพูดธรรมดาที่เหมือนไม่มีอะไร แต่กลั
ใต้อาณัติครั้งที่ 5 The fear of the LORD is the beginning of knowledge: but fools despise wisdom and instruction. (Proverbs 1:7)ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นการเริ่มต้นแห่งความรู้ แต่บรรดาคนโง่ดูหมิ่นสติปัญญาและคำสั่งสอน (สุภาษิต 1:7)+++++ปีกว่าแล้วที่ฟาเบียนทำงานที่อะเลสซิโอ ทำหน้าที่เป็นคนรถติดตามเจ้านายไปในทุกที่ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ได้เห็นได้ยินในสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่คนดีๆ ไม่ทำกัน แต่เจ้านายของตนก็ทำ ทำให้ฟาเบียนเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ตัวเองพูดว่าเจ้านายตัวเองเหมือนเทวดา สีหน้าของเนโรถึงได้ดูบิดเบี้ยวแปลกๆ เพราะสำหรับฟาเบียนแล้วเจ้านายของตนคงเป็นเทวดาตกสวรรค์อย่างแน่นอน ต่อให้ดูภายนอกใจดีเข้าถึงง่ายได้มากแค่ไหน แต่ภายในกลับน่ากลัวและน่าขนลุกมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เป็นครบรอบวันทำงานหนึ่งปี ฟาเบียนจึงได้อยู่ที่นี่ ที่คฤหาสน์อะเลสซิโอ ไม่ใช่ว่าฟาเบียนอยากมาก็มาได้หรอกนะ แต่เป็นเพราะที่นี่กำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต่างหาก และหน้าที่ของฟาเบียนคือการยืนเฝ้าอยู่ที่บันไดขึ้นชั้น 3 ยืนอยู่แบบนี้มาสองชั่วโมงแล้ว และเป็นสองชั่วโมงที่ฟาเบียนอึดอัดที่สุดอีกต่างหาก“อ๊ะ อ๊า
ใต้อาณัติครั้งที่ 6 A soft answer turneth away wrath: but grievous words stir up anger. (Proverbs 15:1)คำตอบอ่อนหวานหันเหความโกรธไปเสีย แต่บรรดาคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำก็เร้าโทสะ (สุภาษิต 15:1)+++++หนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเจ้านายของฟาเบียน คือในตอนค่ำนายท่านจะไปที่คลับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยของมึนเมา และยา ใช่ ยาเสพติดเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของอะเลสซิโออย่างลับๆ ฟาเบียนรู้และเข้าใจดีแต่ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านั้น เพราะนั่นก็เป็นเรื่องของนายท่าน ฟาเบียนแค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเป็นพอก็พอ และเพราะแบบนั้นในวันนี้ฟาเบียนที่หน้าที่เฝ้าประตูด้านใน ทำได้เพียงจ้องมองภาพนายท่านกำลังคุยกับลูกค้าด้วยเสียงจริงจัง “คุณนิโคไลข้อเสนอของผมถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในอิตาลีแล้ว ไม่ทราบว่าคุณกำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” เสียงของแองเจโลเอ่ยด้วยโทนเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่สีหน้าของคู่สนทนากลับบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยตอบด้วยภาษาอังกฤษว่า“แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าทางอะเลสซิโอยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับทางเราแต่คุณโอเลสเตเองก็ยื่นข้อเสนอที่ดีไม่แพ้กันมาให้เราเช่นกัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่รู
ใต้อาณัติครั้งที่ 7 Pleasant words are as an honeycomb, sweet to the soul, and health to the bones. (Proverbs 16:24)บรรดาถ้อยคำที่ไพเราะเป็นเหมือนอย่างรวงผึ้ง มีรสหวานแก่จิตใจ และเป็นสุขภาพแก่กระดูกทั้งหลาย (สุภาษิต 16:24)+++++วันนี้เป็นอีกครั้งที่ฟาเบียนต้องฉายเดี่ยว เพราะริคกี้ไม่สบาย โอเคอัลฟ่าก็คนมีบ้างที่จะไม่สบาย เพราะฉะนั้นการลางานกะทันหันแบบนี้จึงมีมาไม่บ่อย โดยเฉพาะวันนี้ วันที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายเพราะเจ้านายกำลังเดินทางไปจีน ใช่ตามที่ทุกคนคิด ลูกค้าที่ชื่อนิโคไลไม่ตอบรับข้อเสนอของนายท่าน และเลือกไปที่ฝั่งไอ้อ้วนโอเลสเต (ที่เรียกแบบนั้นเพราะความแค้นส่วนตัว) เพราะฉะนั้นเจ้านายเลยทำได้เพียงต้องหาลูกค้าใหม่ และการหาลูกค้าใหม่ที่ว่าก็อยู่ที่ประเทศจีน เกาะมาเก๊า และฟาเบียนก็ต้องตามติดเจ้านายเป็นเงาตามตัว เพราะคุณวาเนสซ่า และเลขาจองไม่ได้ไปด้วย แต่ลูกพี่เรโมไปแทนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นการประชุมจึงจัดขึ้นเป็นระยะเนื่องจากแผนการเดินทางเอย การรักษาความปลอดภัยเอย และเรื่องของการเปลี่ยนเวร และเพราะวันที่เดินทางเป็นช่วงที่ริคกี้มันอยู่ในช่วงรัทและไม่สบายพอดี ฟาเบียนจึงทำได้เพียงต้
ใต้อาณัติครั้งที่ 8 That which is crooked cannot be made straight: and that which is wanting cannot be numbered. (Ecclesiastes 1:15)สิ่งที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ ฤและสิ่งที่ขาดอยู่จะถูกนับให้ครบไม่ได้ (ปัญญาจารย์ 1:15)+++++ฟาเบียนอยากตาย เอาจริงๆ ฟาเบียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมานอนที่โซฟาในห้องนั้นได้อย่างไร นอกจากเงินในบัญชีที่มากขึ้นหลายหมื่น บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้ฟาเบียนดื่มไปหลายสิบแก้วแลกกับเงินที่เพิ่มขึ้นในบัญชีจริงๆ ก่อนจะนั่งถอนหายใจแล้วเดินออกไปจัดการตัวเอง พลางฟังเพื่อร่วมงานบอกว่าเจ้านายค้างคืนที่นี่ ฟาเบียนเลยต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ก่อนจะเจ้านายจะตื่นราว 2 ชั่วโมง และขอยาแก้เมาค้างกับทางพนักงานที่นั่น แล้วฟาเบียนก็หาอะไรร้องท้องเบาๆ กิน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่จอดไว้ ดูเหมือนเนโรกับยูตะน่าจะกลับไปที่พักแล้ว ฟาเบียนเลยจัดการเช็กรถทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเตรียมเดินทางอีกครั้งเมื่อเจ้านายตื่นและเวลานั้นก็มาถึงที่หูฟังของฟาเบียนปรากฏเสียงของลูกพี่เรโมที่ดังขึ้นว่า[ฟาเบียนตื่นหรือยัง?]“ครับคุณเรโม ผมกำลังเช็กรถอยู่” ฟาเบียนตอบกลับวิทยุที่หู ก่อนจะเอ่ยฟังคำสั่งต่อไปอย่างตั้งใ
ใต้อาณัติครั้งสุดท้าย The grace of our Lord Jesus Christ be with you all. Amen. (Revelation 22:21)ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด เอเมน (วิวรณ์ 22:21)+++++“Sentino Alessio” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นในตอนที่รับลูกชายมาจากมือของพยาบาล ที่พาเข้ามาในห้องพักฟื้นหลังฟาเบียนตื่นแล้ว ใช่ ฟาเบียนคลอดโดยการผ่าคลอด ก่อนที่ฟาเบียนจะอมยิ้มจ้องมองลูกชายตัวแดงๆ ย่นๆ ในอ้อมกอดของแองเจโล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า“เซนติโนแปลว่าอะไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“นักบุญตัวน้อย ชื่อน่ารักใช่ไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มย่นๆ ของลูกชายก่อนที่คุณหมอมิลเลอร์จะเดินมาส่งผลใบตรวจเพศรองของลูกชายครั้งแรกเกิดให้แด๊ดดี้และป่าป๊าดู ฟาเบียนรับมาก่อนจะมองใบหน้าของแองเจโลที่กำลังกอดลูกด้วยท่าทางมีความสุข ก่อนที่แองเจโลจะเงยหน้ามองฟาเบียนแล้วเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร“ผลตรวจเซนติโนเป็นอีนิกม่าครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง พลางกดจูบที่หน้าผากของลูกชาย“เก่งมากเจ้าลูกชาย” ฟาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 19 And Adam knew Eve his wife; and she conceived, and bare Cain, and said, I have gotten a man from the LORD. (Genesis 4:1)และอาดัมได้ร่วมกับเอวาภรรยาของเขา และนางได้ตั้งครรภ์ และคลอดคาอิน และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” (ปฐมกาล 4:1)+++++วันนี้แองเจโลกลับบ้านมาไวกว่าทุกครั้ง แม้งานจะกองท่วมหัว แต่รู้ดีว่าฟาเบียนคงมีเรื่องอยากคุยกับตัวเองต่อแน่ๆ ในระหว่างที่เดินขึ้นชั้นบนก็เอ่ยกับเรโมไปด้วยว่า “วันนี้ฉันจะไม่เข้ากาสิโน กับไปที่คลับ นายจัดการดูแลไปก่อนเลย”“ครับ” แล้วเรโมก็หยุดตามแล้วหมุนตัวเดินไปทางอื่น ในขณะที่แองเจโลยกมือขึ้นดึงเนกไทลง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสามโดยมีริคกี้ตามมาเฝ้าที่ทางขึ้นบันไดเช่นเดิม และเมื่อเข้าไปในห้องแองเจโลก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดรออยู่ เลยเดินผ่านห้องนั่งเล่นในห้องนอน เข้าไปในห้องแล้วต้องพรูลมหายใจออกอย่างอึดอัดเมื่อกลิ่นฟีโรโมนกลิ่นกาแฟใส่นมภายในห้องมันคลุ้งไปหมด จนทำเอาเจ้าลูกชายเกือบตื่น ก่อนจะจ้องมองก้อนผ้าห่มบนเตียงด้วยสายตาอ่อนลง แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงเย็นยะเยือกของคนในผ้าห่มก็ดังขึ้นเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 18 So God created man in his own image, in the image of God created he him; male and female created he them. (Genesis 1:27)ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์เอง ในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างเขา พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง (ปฐมกาล 1:27)+++++เรโมจ้องมองภาพที่ลูกน้องตัวเองเดินขยี้ตาออกมาจากสนามบินพร้อมเจ้านายตัวเองที่กำลังโอบเอวอีกฝ่ายเดินออกมาอย่างรักใคร่ด้วยสายตาปลาตาย ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่หนีหายหน้าไปเดือนกว่าโดยไม่บอกใครสักคนนอกจากเลขาจอง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่ฟาเบียนจะขืนตัวแล้วเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวผมไปนั่งคันหลัง”“ไม่ต้อง มานั่งกับฉันนี่แหละ” แล้วฟาเบียนก็โดนเจ้านายตัวเองลากไปขึ้นเบาะหลังอย่างงงๆ โดยมีเรโมปิดประตูโบกมือไล่บอดีการ์ดคนอื่นๆ ให้รีบๆ แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางกลับคฤหาสน์อะเลสซิโอ โดยที่เรโมขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างริคกี้ที่กำลังเหลือบมองตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก เพราะภาพจากเบาะหลังคือ เจ้านายตัวเองกำลังพูดเสียงสองกับฟาเบียนที่กำลังบ่นว่าตัวเองง่วงแค่ไหนด้วยสายตาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 17 He hath led me, and brought me into darkness, but not into light. (Lamentations 3:2)พระองค์ได้ทรงนำข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าเข้ามาในความมืด แต่ไม่เข้าในความสว่าง (เพลงคร่ำครวญ 3:2)+++++“คุณอยากให้ผมใส่เจ้านี่ตลอดเลยใช่ไหมครับ?” ฟาเบียนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ปลอกคอและสายโซ่ที่แองเจโลถืออยู่ในมือ แองเจโลเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“แล้วได้ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ดึงสายโซ่มาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะเป็นฝ่ายใส่สายโซ่กับปลอกคอตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า“แล้วผมจะออกไปเดตกับคุณข้างนอกได้อย่างไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็มองใบหน้าของฟาเบียนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“ก็ไม่ต้องออกไป ฉันจะดูแลนายทั้งหมดเอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่แองเจโล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“แต่ผมอยากออกไปเดตกับคุณ มีหลายที่เลยที่ผมอยากไปกับคุณ ผมอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคุณ มากกว่าการอยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้” ใช่ สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่อยากกักขังคู่เอาไว้ใต้ปีกทำไมฟาเบียนจะไม่เข้าใจ ตนเองก็เคยมีความคิดนี้ แต่เพราะฟาเบียนไม่ได้ทำไม่ได้หมายความ
ใต้อาณัติครั้งที่ 16 And when the thousand years are expired, Satan shall be loosed out of his prison, (Revelation 20:7)และเมื่อเวลาหนึ่งพันปีนั้นล่วงไปแล้ว ซาตานจะได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกของมัน (วิวรณ์ 20:7)+++++แองเจโลจับลำคอของฟ้าที่กำลังฮีตด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจเลยว่ากลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายจะยั่วยวนมากแค่ไหน เพราะสำหรับอีนิกม่าอย่างแองเจโลแล้วนั้น ฟีโรโมนของโอเมก้าก็เหมือนน้ำหอมที่หวานเลี่ยนจนน่าพะอืดพะอมจนอยากอ้วกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแองเจโลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟีโรโมนโอเมก้าที่กำลังฮีต นอกจากความกรุ่นโกรธที่เห็นเมียตัวเองกำลังไปจูบกับคนอื่น ก่อนจะปรายตามองฟาเบียนที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ และฟีโรโมนที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง “แองเจโล?” เสียงพึมพำของอีกฝ่ายทำให้แองเจโลจิปาก ก่อนจะลากคอโอเมก้าที่กำลังฮีตออกจากห้องด้วยการคว้าหลังคอ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหน้าห้องนอน จนอีกฝ่ายกลิ้งกระเด็นกับพื้นอย่างหมดสภาพ“ฮึก ฮื่อ” อีกฝ่ายร้องไห้โฮเพราะกลิ่นฟีโรโมนของแองเจโลที่ฉุนจมูกจนน่าขนลุก และไหนจะโดนอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นล้มกับพื้นจนเจ็บไปทั้งตัวอีก
ใต้อาณัติครั้งที่ 15 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. (Revelation 21:4)และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของพวกเขา และจะไม่มีความตายอีกต่อไป หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ และจะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ อีกต่อไป เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ในกาลก่อนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)+++++“มีอะไรหรือฟา?” แองเจโลเอ่ยพลางจับแขนของฟาเบียนแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเหลือบตามองโอเมก้าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองด้วยสายตาอันตรายทำเอาอีกฝ่าย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสบตากับแองเจโล แต่สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติว่า“ไม่มีอะไรครับ แองเจโลไปหยิบของที่อยากทานก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไปครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ทำเอาฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนที่แรงบีบที่แขนจะแรงขึ้น แล้วหายไปเมื่อเจ้าตัวปลดมือออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“อย่านาน” แล้วแองเจโลก็จ้องเขม็งไปที่โอเมก้าร่างเล็กตรงหน้า แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพ
ใต้อาณัติครั้งที่ 14 Go thy way, eat thy bread with joy, and drink thy wine with a merry heart; for God now accepteth thy works. (Ecclesiastes 9:7)เจ้าจงไปตามทางของเจ้าเถิด จงรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความชื่นบาน และดื่มน้ำองุ่นของเจ้าด้วยใจร่าเริง เพราะบัดนี้พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานทั้งหลายของเจ้าแล้ว (ปัญญาจารย์ 9:7)+++++“ฟาอยากพักร้อนหรือ?” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นภายในห้องทำงานของบริษัทหลังจากมาทำงานในตอนเช้าวันนี้ ฟาเบียนยืนตรงหน้าเจ้านายแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ผมไม่ได้กลับไปที่บ้านเกิดนานแล้วครับ เลยอยากกลับบ้านไปพักร้อนสักพักครับ” นัยน์ตาของแองเจโลลดลงเมื่อได้ยิน ก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิง แล้วประสานมือไว้บนตัก พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“ถ้าอย่างนั้นฟาอยากพักร้อนนานเท่าไร หนึ่งสัปดาห์พอไหม?” ฟาเบียนเม้มปากเมื่อได้ยิน ก่อนจะเสหลบสายตาของเจ้านายที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“หนึ่งสัปดาห์.... ไม่ครับ ผมหมายถึง หนึ่งเดือน ผมอยากไปพักร้อนสักหนึ่งเดือนครับ” เมื่อพูดจบฟาเบียนก็ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับเจ้านายตัวเอง ต่างจากแองเจโลที่มีรอยยิ้มหยันยกข
ใต้อาณัติครั้งที่ 13 Live joyfully with the wife whom thou lovest all the days of the life of thy vanity, which he hath given thee under the sun, all the days of thy vanity: for that is thy portion in this life, and in thy labour which thou takest under the sun. (Ecclesiastes 9:9)จงอยู่กินด้วยความชื่นบานกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดวันทั้งหลายแห่งชีวิตของความอนิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดวันทั้งหลายแห่งความอนิจจังของเจ้า เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนของเจ้าในชีวิตนี้ และในงานหนักของเจ้าซึ่งเจ้ากระทำภายใต้ดวงอาทิตย์ (ปัญญาจารย์ 9:9)+++++ฟาเบียนที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวจ้องมองเจ้านายตัวเองกำลังใส่ปลอกคอที่ตัวเองเลือกเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้ด้วยสายตาอ่านยาก แววตาของเจ้านายดูเต็มไปด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกใส่ปลอกคอ มือที่ไม่ได้สวมถุงมือของนายท่านลูบไล้ที่ปลอกคอหนังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า “เหมาะกับนายมากจริงๆ ” ฟาเบียนที่ได้ยินก็จ้องมองเจ้านายตัวเองผ่านกระจก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“นายท่านชอบให้ผมใส่มันหรือครับ?” ฟา
ใต้อาณัติครั้งที่ 12 Surely oppression maketh a wise man mad; and a gift destroyeth the heart. (Ecclesiastes 7:7)แน่นอนการบีบบังคับกระทำให้คนที่มีสติปัญญาบ้าได้ และสินบนก็ทำลายใจ (ปัญญาจารย์ 7:7)+++++วันนี้เป็นวันหยุดของฟาเบียนที่ไม่ต้องทำงาน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันหยุดตัวเองถึงได้ตรงกับของยูตะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เป็นสาวกสาว 2D อย่างบ้าคลั่ง วันนี้ฟาเบียนที่มีเรื่องในใจเลยไม่ได้นอนอุตุอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนปกติ แต่มานั่งเล่นเกมกับยูตะที่ห้องอีกฝ่ายแทน แน่นอนว่าฟาเบียนแพ้ยับเพราะเอาแต่คิดเรื่องอื่นในใจจนเหม่อลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงของยูตะดังขึ้นว่า “กลับไปนอนไหม?” ยูตะเอ่ยถามเพื่อร่วมงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะหมอนี่เอาแต่เหม่อจนเล่นเกมไม่สนุกเอาเสียเลย ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะนอนเกลือกไปกับพื้น แล้วหลับตาทำเอายูตะส่ายหน้าระอา ก่อนจะเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจอีกฝ่ายฟาเบียนมีเรื่องในใจ ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฟาเบียนเอาแต่คิดและพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้านายท่าน ฟาเบียนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจอะไร ยังคงหน้าด้านหน้าทนมีความสัมพันธ์กับนายท่านต่อไป ฟาเบียนอยากท