ใต้อาณัติครั้งที่ 2 But I beseech you the rather to do this, that I may be restored to you the sooner. (Hebrews 13:19)
แต่ข้าพเจ้าวิงวอนพวกท่านมากยิ่งขึ้นให้กระทำเช่นนี้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับคืนไปอยู่กับพวกท่านเร็วขึ้น (ฮีบรู 13:19)
+++++
ฟาเบียนทำงานมาได้ครึ่งปีแล้ว เป็นครึ่งปีที่ทำให้ชีวิตวุ่นวายจริงๆ นายท่านคนใหม่โดนลอบสังหารไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งในครึ่งปี และฟาเบียนที่ทำหน้าที่ขับรถตาม ได้เสี่ยงอันตรายไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และเพราะแบบนั้นทุกครั้งที่รอดมาได้ก็มักได้โบนัสเสมอ จนกระทั่งวันนี้ วันที่ฟาเบียนจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต เช้าวันนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเช้าวันอื่นๆ นายท่านไปทำงานที่บริษัทตอนเช้า เข้าคลับตอนเย็น และไปกาสิโนตอนดึก แต่ที่ต่างไปคือวันนี้นายท่านไม่ได้ไปที่กาสิโนแต่อยู่ที่คลับกับลูกค้า ฟาเบียนที่ทำหน้าที่รอที่รถกับเปโดรก็ต้องรอจนเปื่อย
“หาว!” ฟาเบียนอ้าปากหาวพลางมองนาฬิกาบนข้อมือด้วยสายตาละห้อยแล้วเอ่ยกับเปโดรด้วยท่าทางอิดโรยว่า “สามวันแล้วนะครับที่นายท่านอยู่ที่คลับดึกขนาดนี้” เปโดรที่กำลังจิบกาแฟร้อนเป่าควันที่แก้วก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่ยี่หระนักว่า
“นี่ยังถือว่าธรรมดาเจ้าเด็กใหม่ ต้องเจอตอนสิ้นปีสิ ตอนนั้นนายจะต้องร้องขอชีวิตเลยล่ะ ฮ่าๆ ” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ส่ายหน้าแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ก่อนที่เปโดรจะเอ่ยต่อว่า “แต่โชคดีที่นายคงได้อยู่แค่ปีเดียว เพราะฉะนั้นทำใจให้สบายซะเถอะ” ฟาเบียนเหลือบตามองเปโดรที่จิบกาแฟเป็นแก้วที่สามด้วยขอบตาดำคล้ำ แล้วส่ายหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงส่งผ่านจากยูตะมาทางวิทยุว่า
[ลุงเปโดร ฟาเบียน มีเรื่องที่หน้าคลับมาสมทบด้วย] เมื่อได้ยินเปโดรก็ทิ้งแก้วกาแฟกระดาษลงถังขยะใกล้ๆ ก่อนจะที่ฟาเบียนจะดับบุหรี่แล้วเดินตามออกไปสมทบที่ด้านหน้าคลับพร้อมคนอื่นๆ และเพราะแบบนั้นจึงได้เห็นว่ามีคนกำลังลงจากรถมาจริงๆ มาพร้อมกับการ์ดไม่ต่ำกว่า 50 คน และคนที่ลงมาเป็นชายวัยกลางคนหัวล้าน พุงเบียร์แต่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหรา เจ้าตัวลงมาจากรถก่อนที่ลูกพี่เรโมจะเดินเข้าไปทำความเคารพแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า
“ไม่ทราบว่าท่านโอเลสเตมาที่นี่เพื่อพบนายท่านหรือครับ?” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายก็ยกยิ้มที่มีฟันทองคำก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“ใช่ ทำไมคนของอะเลสซิโอไม่ต้อนรับหรืออย่างไร?” เมื่อได้ยินเรโมก็ยืดตัวหลังตรงก่อนจะหลุบตาลงจ้อมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไร้อารมณ์ แล้วเอ่ยด้วยเสียงสุภาพว่า
“ไม่มีทางมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ ผมจะให้ผู้จัดการเตรียมห้อง-”
“ไม่ๆ วันนี้ฉันต้องการคุยกับผู้นำของอะเลสซิโอด้วยตัวเอง พาฉันไปที่ห้องนั้นหน่อยสิ?” เรโมจ้องมองอีกฝ่ายที่พูดด้วยความไม่ยี่หระขัดจังหวะตัวเองขณะพูด ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างสุภาพกลับไปว่า
“ต้องขอโทษด้วยครับ พอดีนายท่านกำลังติดประชุมกับลูกค้าอีกท่านหนึ่งอยู่ไม่-” แต่ยังไม่ทันที่เรโมพูดจบอีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นเสียก่อนอีกครั้งว่า
“คุณกรีนเบิร์กใช่ไหม? นั่นแหละๆ ฉันเองก็อยากเข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน” เมื่อได้ยินและเห็นรอยยิ้มกวนประสาทจากอีกฝ่าย เรโมก็ต้องลอบสูดลมหายใจเข้า เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอต่อยหน้าอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสุภาพว่า
“เห็นทีทางเราคงจะไม่สามารถทำให้ท่านโอเลสเตได้แล้วล่ะครับ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะเอียงศีรษะแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า
“ทำอย่างไรดีล่ะทางนี้เองก็อยากเข้าร่วมการพูดคุยด้วยเหมือนกัน?” เมื่อได้ยินเรโมก็จ้องมองอีกฝ่าย ก่อนจะยืดหลังตรงแล้วเดินถอยหลังออกไป พลางเอ่ยกับกลุ่มบอดีการ์ดของอะเลสซิโอด้วยเสียงจริงจังว่า
“คุ้มกันสถานที่ คนนอกไม่รับอนุญาตให้เข้าไปในคลับได้ตามอำเภอใจ!”
“ครับ!!!!” แม้แต่ฟาเบียนที่ยืนดูสถานการณ์เองก็ยังอดตะโกนตอบเสียงดังอย่างตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะกำหมัดแน่นเพื่อเตรียมพร้อมการปะทะ และเมื่ออีกฝ่ายกลับเข้าไปในรถก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ฝ่าเข้าไป!”
“ครับ!!!” แล้วทั้งสองกลุ่มก็ปะทะกันอย่างดุเดือด ฟาเบียนยกหมัดกระแทกใบหน้าของคู่ต่อสู้ ก่อนจะถีบอีกฝ่ายที่น่องจนล้มลงกับพื้น แล้วกระแทกศอกใส่จนล้มกับพื้น แล้วรีบเอียงตัวหลบหมัดจากฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะวาดขาแตะเข้าที่กลางเป้าอีกฝ่าย แล้วต่อยเสยเข้ามุมคางจนหงายหลัง ก่อนจะขยับตัวหลบลูกแตะจากด้านข้าง และเตรียมตัวตั้งรับหมัดของอีกฝ่ายที่กระแทกเข้ามาที่แขนอย่างแรง และฟาเบียนเองก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นเพราะสิ่งที่ฟาเบียนรู้คืออะดรีนาลินหลั่งออกมาเยอะมากจนฟาเบียนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากในขณะที่ฟาดทั้งมือทั้งเท้าใส่คู่ต่อสู้ที่ว่าอย่างสะใจ
และเพราะแบบนั้นเมื่อโอเลสเตเห็นว่าสถานการณ์ฝั่งตัวเองกำลังเสียเปรียบจึงได้ลงจากรถแล้วแย่งปืนที่เอวของบอดีการ์ดตัวเองออกมา แล้วเล็งไปที่ฟาเบียนที่เป็นจุดเด่นของกำลังฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะลั่นไกอย่างไม่คิดอะไร
ปัง!
เสียงของกระสุนปืนดังขึ้นทำให้สถานการณ์รอบๆ หยุดชะงักก่อนที่ทุกคนจะหยิบปืนออกมาแล้วชี้ไปที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่กับฟาเบียนที่กำลังจับร่างของเปโดรที่เข้ามารับกระสุนปืนแทนตัวเองจนเลือดท่วม ก่อนที่เสียงของเรโมจะดังขึ้นเพื่อออกคำสั่งว่า “เอาคนบาดเจ็บออกไป แล้วยิง!” หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นจนวุ่นวาย แต่ฟาเบียนทำเพียงแบกเปโดรออกมาจากวงล้อมของกระสุนปืน แล้ววิ่งกลับไปที่รถเป็นครั้งแรกที่ฟาเบียนมือสั่นใจสั่นไปหมด ฟาเบียนพาเปโดรเข้าไปที่เบาะหลัง ก่อนจะรีบขับรถออกจากคลับโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อพาเปโดรไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ท่ามกลางเสียงพึมพำของเปโดรที่ว่า
“อ่า... นายยังเด็ก ฉัน ...”
ผลั่วะ!
กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หมัดของเรโมก็กระแทกเข้าที่หน้าของฟาเบียนจนเลือดกำเดาไหลแล้ว “ใครใช้ให้นายออกจากที่นั่น?” เสียงของเรโมไม่ได้ตะคอกหรือตะโกน แต่กลับราบเรียบไร้อารมณ์จนฟาเบียนทำได้เพียงก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด ก่อนจะกำหมัดที่เปื้อนเลือดของเปโดรแล้วเอ่ยขอโทษเสียงเบา
“ขอโทษครับคุณเรโม” เรโมจ้องมองเด็กใหม่ที่เลือดท่วมตัว ด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะหันไปหาเนโรที่ตามมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า
“จัดการศพของเปโดรให้ดี แจ้งเรื่องนี้กับทางครอบครัวของอีกฝ่ายด้วย” เมื่อพูดจบเรโมก็หันมามองฟาเบียน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงคล้ายระอาใจเล็กๆ กับพฤติกรรมไม่คิดหน้าคิดหลังของฟาเบียน แล้วเอ่ยด้วยเสียงคล้ายสั่งสอนว่า “สัญญาระยะสั้นกับสัญญาระยะยาวมีหมายเหตุและข้อตกลงที่ไม่เหมือนกัน สำหรับเปโดรนายคิดว่าเขาจะดีใจหรืออย่างไรที่นายพามาที่นี่?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็นิ่งชะงักก่อนจะเงยหน้ามองเรโมด้วยสายตาตกตะลึง
“หมายความว่าอย่างไรครับ?” เรโมจ้องมองฟาเบียนด้วยสายตาราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“หมายความว่าสิ่งที่นายทำให้เปโดรมันจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากกว่าเดิมอย่างไรล่ะ เพราะฉะนั้นกลับไปซะ ฉันจะสั่งพักงานนายหนึ่งสัปดาห์” ฟาเบียนเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกำเดามองเรโมด้วยสายตาตกใจ
“แต่ผม-”
“ฉันรู้ว่านายกำลังจะพูดอะไร แต่จำได้ไหมว่าสัญญาระบุอะไรไว้? คำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยตรงอย่างฉันถือเป็นสิ่งเด็ดขาดรองจากคำสั่งของนายท่าน?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็กลืนน้ำลายก่อนจะกำหมัดแน่น แล้วคอตกปล่อยให้เลือดไหลออกจากจมูกหยดลงบนพื้นอย่างเศร้าซึม เรโมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วตบไหล่ฟาเบียนพลางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลงว่า “ก่อนกลับก็ไปทำแผลซะ แล้วมาทำงานหลังงานศพของเปโดร...” เมื่อพูดจบเรโมก็พยักหน้าให้เนโรไปจัดการเรื่องของเปโดร ในขณะที่ฟาเบียนกำหมัดแน่นยืนก้มหน้าปล่อยให้เลือดออกจากจมูกอยู่อย่างนั้น จนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาพาตัวไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อทำแผล
ฟาเบียนไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้เพียงแค่ในหัวมันตื้อตันไปหมด “ไม่มีแม้แต่คำลา...” ฟาเบียนเอ่ยพลางล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง ก่อนจะจ้องมองเพดานด้วยสายตาสั่นไหว ภาพของเปโดรที่เข้ามาบังกระสุนให้ตัวเองทำเอาฟาเบียนอดนึกถึงคำพูดหนึ่งของเปโดรตอนตัวเองเข้ามาทำงานแรกๆ ไม่ได้ว่า
“ใช่ ปกติจะเป็นประมาณนั้น บอดีการ์ดรอบนอกมักมีระยะสัญญาไม่ยาวนานนัก ปีหรือสองปี แต่ถ้านายสามารถทำงานจนผ่านพ้นได้จนครบ 1 ปีตามสัญญาโดยยังมีชีวิตอยู่ได้ นายอาจได้เลื่อนระดับสัญญาเป็นตลอดชีวิตเหมือนฉัน”
“สัญญาตลอดชีวิต?” ฟาเบียนเอ่ยพึมพำก่อนจะยกแขนปิดบังดวงตาที่กำลังแดงก่ำร้อนผ่าว ภาพใบหน้าของเปโดรที่เข้ามาบังกระสุนทำให้ฟาเบียนทำได้เพียงต้องยกแขนขึ้นมาปิดดวงตาเท่านั้น ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะความเพลีย ....
.............................
งานศพของเปโดรมีคนมาไม่มากนัก นอกจากครอบครัวแล้ว ก็มีเพียงเพื่อนบอดีการ์ดด้วยกันเท่านั้น และฟาเบียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น งานศพแบบคริสต์จัดอย่างเรียบง่าย ฟาเบียนวางดอกไม้สีขาวลงในโลงศพของเปโดร ก่อนจะเอ่ยลาอีกฝ่ายเสียงเบา แล้วเดินหันหลังกลับออกมา และในเวลาต่อมาก็ยืนไว้อาลัยให้เปโดรที่หน้าหลุมศพของอีกฝ่าย ท่ามกลางเสียงร้องไห้ และเสียงพูดคุยเล็กๆ ของคนที่มาร่วมงาน ฟาเบียนจ้องมองโลงศพของเปโดรค่อยๆ ถูกยกวางลงในหลุมด้วยสายตาเหม่อลอย ก่อนจะเม้มปากกลั้นก้อนสะอื้นเมื่อดินส่วนหนึ่งกำลังกระแทกบนฝาโลง เพื่อกลบฝังให้เปโดรนอนหลับด้านในนั้นอย่างสงบ ท่ามกลางเสียงสวดภาวนาของบาทหลวงที่ว่า
“ขอพระคุณจงดำรงอยู่กับพวกท่านทุกคนเถิด เอเมน” ฟาเบียนหลุบตาลงไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาอย่างที่คิด ก่อนจะเอ่ยลากับเปโดรเสียงเบา แล้วจ้องมองภรรยาและหลานสาวของเปโดรที่กอดกันร้องไห้ด้วยสายตาสั่นไหว ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบหน้าคนพวกนั้นด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเดินออกมาเมื่อพิธีสิ้นสุดลง ฟาเบียนนั่งพิงหน้าผากกับพวงมาลัยรถ ก่อนจะถอนลมหายใจร้อนๆ ออกมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“ผมขอโทษ....”
...................................
คืนวันนั้นฟาเบียนนอนไม่หลับทั้งคืน ก่อนจะตื่นมาด้วยร่างกายอิดโรย แล้วต้องประหลาดใจ เมื่อในโรงอาหารของคอนโดฯ มีร่างของเนโรและริคกี้กำลังจิบกาแฟทานอาหารเช้าด้วยสีหน้าสงบ และเป็นเนโรที่เอ่ยทักทายฟาเบียนอย่างเป็นกันเองว่า “สวัสดีตอนเช้าเพื่อน มาทานด้วยกันซิ” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เดินไปชงกาแฟอย่างเหม่อลอย ก่อนจะนั่งลงด้านข้างเนโร ฝั่งตรงข้ามกับริคกี้ ก่อนที่เนโรจะกอดคอฟาเบียนแล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่า “ทำใจซะเถอะ คนจะตายอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี” ฟาเบียนเงยหน้ามองเนโรด้วยสายตาที่หรี่ลงอย่างอันตราย ก่อนที่เนโรจะยกยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือยอมแพ้ พลางเอ่ยด้วยเสียงที่สลดลงว่า
“เฮ้เพื่อน! ขอโทษแล้วกันที่ฉันปลอบใครไม่เป็น” ก่อนที่เสียงของริคกี้จะเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าปลอบไม่เป็นก็แค่หุบปากเนโร มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย” เมื่อได้ยินเนโรก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระอะไร ก่อนจะนั่งทานอาหารเช้าต่อไป ก่อนที่ริคกี้จะมองไปทางฟาเบียนที่สภาพดูไม่ได้แล้วย่นคิ้ว พลางเอ่ยเตือนสติว่า “ถ้าไม่ไหวนายควรไปพักซะ ได้ยินว่าคุณเรโมให้นายพักงานได้หนึ่งสัปดาห์ใช่ไหม? ไปพักผ่อนซะสิ” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ส่ายหน้าก่อนจะจิบกาแฟที่ตัวไม่ชอบ สัมผัสรสชาติขมอมเปรี้ยวที่ปลายลิ้นแล้วย่นคิ้ว ก่อนที่เสียงของเนโรจะดังขึ้นว่า
“ถ้างั้นนายมาแข่งรถกับฉันไหมล่ะ วันนี้วันหยุดฉันพอดี?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองเนโรที่กำลังเคี้ยวอาหารหยับๆ ก่อนที่ริคกี้จะเอ่ยด้วยเสียงดุว่า
“ฉันบอกให้นายหุบปาก?!” เมื่อได้ยินเนโรก็เบ้ปากก่อนจะทำท่ารูดซิปปากอย่างล้อเลียนริคกี้ แต่แล้วทั้งสองคนก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟาเบียนเอ่ยขึ้นว่า
“เอาสิ เงินเดิมพันเท่าไรดี?”
“??????????” เมื่อได้ยินสีหน้าของเนโรก็แปลกไป ก่อนจะตบไหล่ฟาเบียน แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า “มันต้องแบบนี้สิเพื่อน สักหมื่นยูโรเป็นอย่างไร?”
“ได้ แล้วเราจะเริ่มแข่งกันที่ไหน?” เนโรที่ได้ยินก็ยิ้มเหี้ยม ก่อนจะเอ่ยกับฟาเบียนด้วยเสียงร่าเริงกว่าปกติว่า
“แน่นอนที่อะเลสซิโอมีสนามแข่งรถอยู่ด้วย เราจะไปที่นั่นกัน”
“ตกลง” ฟาเบียนตอบรับ ก่อนจะยกกาแฟที่ตัวเกลียดนักหนาขึ้นกระดก แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวไปกับเนโร ท่ามกลางสายตาระอาใจของริคกี้
“พวกนายนี่มัน!”
...........................
อย่างที่เนโรพูดที่อะเลสซิโอมีสนามแข่งจริงๆ เป็นสนามแข่งถูกกฎหมายกรังด์ปรีระดับประเทศที่พนักงานของอะเลสซิโอสามารถมาทำกิจกรรมได้ในวันหยุด นี่ก็ถือเป็นอีกสวัสดิการหนึ่งของเหล่าบอดีการ์ดก็ว่าได้ ฟาเบียนสวมชุดรัดรูปแข่งรถ ก่อนจะถือถุงมือจ้องมองรถแข่งสองคันที่ขับเข้ามาโดยพนักงาน ก่อนที่เนโรจะเดินถือหมวกกันน็อกมาหาตัวเองแล้วเอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้าว่า “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเพื่อน” เมื่อได้ยินฟาเบียนที่มีขอบตาคล้ำและอดนอนไม่ได้เอ่ยอะไรแค่พยักหน้า แล้วสวมถุงมือเตรียมตัวเข้าไปในรถเพื่อทำการแข่งขันกับเนโร
และการแข่งก็เริ่มต้นในเวลาต่อมา เมื่อหญิงสาวผมบลอนด์คนสวยยกมือขึ้นทิ้งผ้าเช็ดหน้าในมือลงกับพื้น รถของเนโรและฟาเบียนก็ขับออกจากเส้นสตาร์ตอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงโค้งแรกเนโรก็ผ่อนเครื่องก่อนจะเข้าโค้งอย่างสวยงาม แล้วต้องยิ้มค้างเมื่อเห็นว่าฟาเบียนบ้าบิ่นกว่าที่คิด หมอนั่นไม่แม้แต่จะแตะเบรกรถเพื่อเข้าโค้งแต่กลับเร่งความเร็วเหมือนกำลังไล่ตามจรวด และเนโรก็สบถเป็นภาษาบ้านเกิดเมื่อโค้งที่สองฟาเบียนก็ยังบ้าบิ่นเร่งความเร็วขึ้นอีก และในโค้งที่สามฟาเบียนที่เร่งความเร็วจนควบคุมรถไม่ได้เกิดชนเข้าที่ผนังกั้นท่ามกลางสายตาตกตะลึง และเสียงสบถของเนโรที่วิ่งเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่ายออกจากรถอย่างทุลักทุเล
“##$%^&*^%!!!!”
และใช่ ฟาเบียนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะรถคว่ำ... ทำเอาต้องหยุดงานยาว และโดนหักเงินเดือนครึ่งปีที่เหลือ พร้อมกับเนโรไปด้วย...
+++++
Lady Zombie
20/09/67
ใต้อาณัติครั้งที่ 3 But without faith it is impossible to please him: for he that cometh to God must believe that he is, and that he is a rewarder of them that diligently seek him. (Hebrews 11:6)แต่โดยปราศจากความเชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นที่พอพระทัยพระองค์ เพราะว่าผู้ที่มาหาพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างขยันขันแข็ง (ฮีบรู 11:6)+++++ฟาเบียนออกจากโรงพยาบาลในอีกหนึ่งเดือนต่อมา จริงๆ ฟาเบียนออกมาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่โดนเรโมสั่งพักงานหนึ่งเดือนและกักบริเวณ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปก่อเรื่องอะไรอีกจนเสียงาน ทำให้ฟาเบียนทำได้เพียงต้องนอนแห้งในโรงพยาบาลอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนเนโรที่ขับรถเข้ามารับตัวเองออกจากโรงพยาบาลในวันนี้มีสีหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นาย ฟาเบียน นายจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะไม่แข่งรถด้วยอีกแล้ว!” ฟาเบียนที่ได้ยินก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่ช่วยตัวเองออกมาในวันที่เกิดเรื่อง ก่อนจะยักไหล่แล้วคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่า“ขอบคุณที่ช่วยออกม
ใต้อาณัติครั้งที่ 4 Therefore the ungodly shall not stand in the judgment, nor sinners in the congregation of the righteous. (Psalms 1:5)เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ในการพิพากษา หรือคนบาปทั้งหลายจะไม่ยืนอยู่ในชุมนุมชนของคนชอบธรรม (เพลงสดุดี 1:5)+++++มาเฟีย สองคำนี้ฟาเบียนได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะในหนังหรือภาพยนตร์ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน คำว่ามาเฟียก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวฟาเบียน จากสังคมที่เติบโตขึ้นมา จากสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านตัวเอง หรือแม้แต่ประสบการณ์ทำงานของฟาเบียนในบางครั้งก็มีคำว่า มาเฟีย มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ แต่ใครจะไปคิดว่าปัจจุบันฟาเบียนจะทำงานให้มาเฟียตลอดชีวิตจริงๆ ฟาเบียนคาบบุหรี่ไว้ที่ปากพลางกอดอกพิงกระโปรงรถ จ้องมองคริสติน กับเนโรกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยกัน ในขณะที่ยูตะกำลังนั่งกินขนมหวานเป็นกล่องที่สาม และตัวเองสูบบุหรี่เป็นมวนที่สอง วันนี้นายท่านอยู่ที่บริษัทนานกว่าทุกวัน ได้ยินเนโรบ่นว่ามีเรื่องของการซื้อสัมปทานอะไรสักอย่างที่แอฟริกาแต่ฟาเบียนไม่ได้สนใจหรอก นอกจากนึกไปถึงเรื่องที่เลขาจองบอกกับตัวเองในวันที่ผ่านการทดสอบ คำพูดธรรมดาที่เหมือนไม่มีอะไร แต่กลั
ใต้อาณัติครั้งที่ 5 The fear of the LORD is the beginning of knowledge: but fools despise wisdom and instruction. (Proverbs 1:7)ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นการเริ่มต้นแห่งความรู้ แต่บรรดาคนโง่ดูหมิ่นสติปัญญาและคำสั่งสอน (สุภาษิต 1:7)+++++ปีกว่าแล้วที่ฟาเบียนทำงานที่อะเลสซิโอ ทำหน้าที่เป็นคนรถติดตามเจ้านายไปในทุกที่ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ได้เห็นได้ยินในสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่คนดีๆ ไม่ทำกัน แต่เจ้านายของตนก็ทำ ทำให้ฟาเบียนเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ตัวเองพูดว่าเจ้านายตัวเองเหมือนเทวดา สีหน้าของเนโรถึงได้ดูบิดเบี้ยวแปลกๆ เพราะสำหรับฟาเบียนแล้วเจ้านายของตนคงเป็นเทวดาตกสวรรค์อย่างแน่นอน ต่อให้ดูภายนอกใจดีเข้าถึงง่ายได้มากแค่ไหน แต่ภายในกลับน่ากลัวและน่าขนลุกมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เป็นครบรอบวันทำงานหนึ่งปี ฟาเบียนจึงได้อยู่ที่นี่ ที่คฤหาสน์อะเลสซิโอ ไม่ใช่ว่าฟาเบียนอยากมาก็มาได้หรอกนะ แต่เป็นเพราะที่นี่กำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต่างหาก และหน้าที่ของฟาเบียนคือการยืนเฝ้าอยู่ที่บันไดขึ้นชั้น 3 ยืนอยู่แบบนี้มาสองชั่วโมงแล้ว และเป็นสองชั่วโมงที่ฟาเบียนอึดอัดที่สุดอีกต่างหาก“อ๊ะ อ๊า
ใต้อาณัติครั้งที่ 6 A soft answer turneth away wrath: but grievous words stir up anger. (Proverbs 15:1)คำตอบอ่อนหวานหันเหความโกรธไปเสีย แต่บรรดาคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำก็เร้าโทสะ (สุภาษิต 15:1)+++++หนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเจ้านายของฟาเบียน คือในตอนค่ำนายท่านจะไปที่คลับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยของมึนเมา และยา ใช่ ยาเสพติดเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของอะเลสซิโออย่างลับๆ ฟาเบียนรู้และเข้าใจดีแต่ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านั้น เพราะนั่นก็เป็นเรื่องของนายท่าน ฟาเบียนแค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเป็นพอก็พอ และเพราะแบบนั้นในวันนี้ฟาเบียนที่หน้าที่เฝ้าประตูด้านใน ทำได้เพียงจ้องมองภาพนายท่านกำลังคุยกับลูกค้าด้วยเสียงจริงจัง “คุณนิโคไลข้อเสนอของผมถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในอิตาลีแล้ว ไม่ทราบว่าคุณกำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” เสียงของแองเจโลเอ่ยด้วยโทนเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่สีหน้าของคู่สนทนากลับบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยตอบด้วยภาษาอังกฤษว่า“แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าทางอะเลสซิโอยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับทางเราแต่คุณโอเลสเตเองก็ยื่นข้อเสนอที่ดีไม่แพ้กันมาให้เราเช่นกัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่รู
ใต้อาณัติครั้งที่ 7 Pleasant words are as an honeycomb, sweet to the soul, and health to the bones. (Proverbs 16:24)บรรดาถ้อยคำที่ไพเราะเป็นเหมือนอย่างรวงผึ้ง มีรสหวานแก่จิตใจ และเป็นสุขภาพแก่กระดูกทั้งหลาย (สุภาษิต 16:24)+++++วันนี้เป็นอีกครั้งที่ฟาเบียนต้องฉายเดี่ยว เพราะริคกี้ไม่สบาย โอเคอัลฟ่าก็คนมีบ้างที่จะไม่สบาย เพราะฉะนั้นการลางานกะทันหันแบบนี้จึงมีมาไม่บ่อย โดยเฉพาะวันนี้ วันที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายเพราะเจ้านายกำลังเดินทางไปจีน ใช่ตามที่ทุกคนคิด ลูกค้าที่ชื่อนิโคไลไม่ตอบรับข้อเสนอของนายท่าน และเลือกไปที่ฝั่งไอ้อ้วนโอเลสเต (ที่เรียกแบบนั้นเพราะความแค้นส่วนตัว) เพราะฉะนั้นเจ้านายเลยทำได้เพียงต้องหาลูกค้าใหม่ และการหาลูกค้าใหม่ที่ว่าก็อยู่ที่ประเทศจีน เกาะมาเก๊า และฟาเบียนก็ต้องตามติดเจ้านายเป็นเงาตามตัว เพราะคุณวาเนสซ่า และเลขาจองไม่ได้ไปด้วย แต่ลูกพี่เรโมไปแทนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นการประชุมจึงจัดขึ้นเป็นระยะเนื่องจากแผนการเดินทางเอย การรักษาความปลอดภัยเอย และเรื่องของการเปลี่ยนเวร และเพราะวันที่เดินทางเป็นช่วงที่ริคกี้มันอยู่ในช่วงรัทและไม่สบายพอดี ฟาเบียนจึงทำได้เพียงต้
ใต้อาณัติครั้งที่ 8 That which is crooked cannot be made straight: and that which is wanting cannot be numbered. (Ecclesiastes 1:15)สิ่งที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ ฤและสิ่งที่ขาดอยู่จะถูกนับให้ครบไม่ได้ (ปัญญาจารย์ 1:15)+++++ฟาเบียนอยากตาย เอาจริงๆ ฟาเบียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมานอนที่โซฟาในห้องนั้นได้อย่างไร นอกจากเงินในบัญชีที่มากขึ้นหลายหมื่น บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้ฟาเบียนดื่มไปหลายสิบแก้วแลกกับเงินที่เพิ่มขึ้นในบัญชีจริงๆ ก่อนจะนั่งถอนหายใจแล้วเดินออกไปจัดการตัวเอง พลางฟังเพื่อร่วมงานบอกว่าเจ้านายค้างคืนที่นี่ ฟาเบียนเลยต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ก่อนจะเจ้านายจะตื่นราว 2 ชั่วโมง และขอยาแก้เมาค้างกับทางพนักงานที่นั่น แล้วฟาเบียนก็หาอะไรร้องท้องเบาๆ กิน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่จอดไว้ ดูเหมือนเนโรกับยูตะน่าจะกลับไปที่พักแล้ว ฟาเบียนเลยจัดการเช็กรถทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเตรียมเดินทางอีกครั้งเมื่อเจ้านายตื่นและเวลานั้นก็มาถึงที่หูฟังของฟาเบียนปรากฏเสียงของลูกพี่เรโมที่ดังขึ้นว่า[ฟาเบียนตื่นหรือยัง?]“ครับคุณเรโม ผมกำลังเช็กรถอยู่” ฟาเบียนตอบกลับวิทยุที่หู ก่อนจะเอ่ยฟังคำสั่งต่อไปอย่างตั้งใ
ใต้อาณัติครั้งที่ 9 The morsel which thou hast eaten shalt thou vomit up, and lose thy sweet words. (Proverbs 23:8)อาหารชิ้นนั้นซึ่งเจ้าได้กินเข้าไปแล้ว เจ้าจะต้องสำรอกออกมา และเสียถ้อยคำอ่อนหวานของเจ้าเปล่า ๆ (สุภาษิต 23:8)+++++เมื่อเข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่แรกแองเจโลและฟาเบียนทำคือการกอดกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมปนเปกัน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ฟาเบียนเขย่งปลายเท้าเพื่อโอบรอบคอแองเจโลจนเสื้อโค้ตที่พาดไว้ที่ไหล่ลงจากพื้น พร้อมกับแองเจโลที่ถอดเอาถุงมือออก แล้วเขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะโอบหลังฟาเบียนแน่น แล้วดันอีกฝ่ายไปที่ประตู ก่อนที่ริมฝีปากที่กำลังดูดดึงหยอกเย้ากัน สัมผัสกันแผ่วเบาจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย แผ่นหลังของฟาเบียนติดกับประตูก่อนจะโอบรอบคอของเจ้านายตัวเองไม่ต่างจากแองเจโลที่กำลังพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวของฟาเบียน ก่อนที่ฟาเบียนจะเริ่มหายใจไม่ออกและเป็นฝ่ายผละออกจากการจูบ จนได้ยินเสียงจ๊วบพร้อมกับน้ำลายไปที่ไหลเยิ้มออกมารอบปากของทั้งคู่จนมันวาว“เดี๋ยวครับ?” ฟาเบียนผลักไหล่ของแองเจโลออกจากตัวเอง ก่อนจะมองแองเจโลที่กำลังเลียรอบริมฝีปากจนน้ำลายของทั้งคู่รวมกัน
ใต้อาณัติครั้งที่ 10 I thank my God, making mention of thee always in my prayers, (Philemon 1:4)ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้า โดยเอ่ยถึงท่านเสมอในคำอธิษฐานต่าง ๆ ของข้าพเจ้า (ฟีเลโมน 1:4)+++++ฟาเบียนกำลังเขิน โอเคแม้จะตัวใหญ่แต่พอโดนเจ้านายเดินกุมมือในตอนบ่ายแบบนี้ฟาเบียนก็อดเขินไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งที่ทำคือเดินจับมือนายท่านเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้โรงแรม โดยที่มีบอดีการ์ดเฝ้าอยู่รอบนอก ฟาเบียนแอบลอบมองใบหน้าของเจ้านายที่ราบเรียบขณะเดินก็เกิดคิดในใจว่าหรือเจ้านายไม่อยากออกข้างนอกหรือเปล่า จึงได้กลั้นใจเอ่ยถามออกไปว่า “นายท่านอยากกลับห้องที่โรงแรมเลยไหมครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็นิ่งไป ก่อนจะหลุบเปลือกตาจ้องมองคนที่กำลังประหม่าและเขินอาย ก่อนจะกระชับมือที่จับกันไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทำไม ฟาไม่อยากเดินเล่นกับฉันแล้วหรือ?” ฟาเบียนที่ได้ยินก็เลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ้อมแอ้มว่า“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่านายท่านจะเบื่อ”“เดินกับฟามีอะไรให้น่าเบื่อ? คิดมาก” แองเจโลเอ่ยติดตลกก่อนจะมองฟาเบียนด้วยสายตาอ่อนลง แล้วกระชับมือที่จับกันแน่นท่ามกลางสายตามากมายที่อยากใส่ใจ แต่ทั้ง
ใต้อาณัติครั้งสุดท้าย The grace of our Lord Jesus Christ be with you all. Amen. (Revelation 22:21)ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด เอเมน (วิวรณ์ 22:21)+++++“Sentino Alessio” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นในตอนที่รับลูกชายมาจากมือของพยาบาล ที่พาเข้ามาในห้องพักฟื้นหลังฟาเบียนตื่นแล้ว ใช่ ฟาเบียนคลอดโดยการผ่าคลอด ก่อนที่ฟาเบียนจะอมยิ้มจ้องมองลูกชายตัวแดงๆ ย่นๆ ในอ้อมกอดของแองเจโล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า“เซนติโนแปลว่าอะไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“นักบุญตัวน้อย ชื่อน่ารักใช่ไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มย่นๆ ของลูกชายก่อนที่คุณหมอมิลเลอร์จะเดินมาส่งผลใบตรวจเพศรองของลูกชายครั้งแรกเกิดให้แด๊ดดี้และป่าป๊าดู ฟาเบียนรับมาก่อนจะมองใบหน้าของแองเจโลที่กำลังกอดลูกด้วยท่าทางมีความสุข ก่อนที่แองเจโลจะเงยหน้ามองฟาเบียนแล้วเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร“ผลตรวจเซนติโนเป็นอีนิกม่าครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง พลางกดจูบที่หน้าผากของลูกชาย“เก่งมากเจ้าลูกชาย” ฟาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 19 And Adam knew Eve his wife; and she conceived, and bare Cain, and said, I have gotten a man from the LORD. (Genesis 4:1)และอาดัมได้ร่วมกับเอวาภรรยาของเขา และนางได้ตั้งครรภ์ และคลอดคาอิน และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” (ปฐมกาล 4:1)+++++วันนี้แองเจโลกลับบ้านมาไวกว่าทุกครั้ง แม้งานจะกองท่วมหัว แต่รู้ดีว่าฟาเบียนคงมีเรื่องอยากคุยกับตัวเองต่อแน่ๆ ในระหว่างที่เดินขึ้นชั้นบนก็เอ่ยกับเรโมไปด้วยว่า “วันนี้ฉันจะไม่เข้ากาสิโน กับไปที่คลับ นายจัดการดูแลไปก่อนเลย”“ครับ” แล้วเรโมก็หยุดตามแล้วหมุนตัวเดินไปทางอื่น ในขณะที่แองเจโลยกมือขึ้นดึงเนกไทลง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสามโดยมีริคกี้ตามมาเฝ้าที่ทางขึ้นบันไดเช่นเดิม และเมื่อเข้าไปในห้องแองเจโลก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดรออยู่ เลยเดินผ่านห้องนั่งเล่นในห้องนอน เข้าไปในห้องแล้วต้องพรูลมหายใจออกอย่างอึดอัดเมื่อกลิ่นฟีโรโมนกลิ่นกาแฟใส่นมภายในห้องมันคลุ้งไปหมด จนทำเอาเจ้าลูกชายเกือบตื่น ก่อนจะจ้องมองก้อนผ้าห่มบนเตียงด้วยสายตาอ่อนลง แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงเย็นยะเยือกของคนในผ้าห่มก็ดังขึ้นเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 18 So God created man in his own image, in the image of God created he him; male and female created he them. (Genesis 1:27)ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์เอง ในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างเขา พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง (ปฐมกาล 1:27)+++++เรโมจ้องมองภาพที่ลูกน้องตัวเองเดินขยี้ตาออกมาจากสนามบินพร้อมเจ้านายตัวเองที่กำลังโอบเอวอีกฝ่ายเดินออกมาอย่างรักใคร่ด้วยสายตาปลาตาย ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่หนีหายหน้าไปเดือนกว่าโดยไม่บอกใครสักคนนอกจากเลขาจอง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่ฟาเบียนจะขืนตัวแล้วเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวผมไปนั่งคันหลัง”“ไม่ต้อง มานั่งกับฉันนี่แหละ” แล้วฟาเบียนก็โดนเจ้านายตัวเองลากไปขึ้นเบาะหลังอย่างงงๆ โดยมีเรโมปิดประตูโบกมือไล่บอดีการ์ดคนอื่นๆ ให้รีบๆ แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางกลับคฤหาสน์อะเลสซิโอ โดยที่เรโมขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างริคกี้ที่กำลังเหลือบมองตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก เพราะภาพจากเบาะหลังคือ เจ้านายตัวเองกำลังพูดเสียงสองกับฟาเบียนที่กำลังบ่นว่าตัวเองง่วงแค่ไหนด้วยสายตาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 17 He hath led me, and brought me into darkness, but not into light. (Lamentations 3:2)พระองค์ได้ทรงนำข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าเข้ามาในความมืด แต่ไม่เข้าในความสว่าง (เพลงคร่ำครวญ 3:2)+++++“คุณอยากให้ผมใส่เจ้านี่ตลอดเลยใช่ไหมครับ?” ฟาเบียนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ปลอกคอและสายโซ่ที่แองเจโลถืออยู่ในมือ แองเจโลเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“แล้วได้ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ดึงสายโซ่มาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะเป็นฝ่ายใส่สายโซ่กับปลอกคอตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า“แล้วผมจะออกไปเดตกับคุณข้างนอกได้อย่างไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็มองใบหน้าของฟาเบียนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“ก็ไม่ต้องออกไป ฉันจะดูแลนายทั้งหมดเอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่แองเจโล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“แต่ผมอยากออกไปเดตกับคุณ มีหลายที่เลยที่ผมอยากไปกับคุณ ผมอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคุณ มากกว่าการอยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้” ใช่ สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่อยากกักขังคู่เอาไว้ใต้ปีกทำไมฟาเบียนจะไม่เข้าใจ ตนเองก็เคยมีความคิดนี้ แต่เพราะฟาเบียนไม่ได้ทำไม่ได้หมายความ
ใต้อาณัติครั้งที่ 16 And when the thousand years are expired, Satan shall be loosed out of his prison, (Revelation 20:7)และเมื่อเวลาหนึ่งพันปีนั้นล่วงไปแล้ว ซาตานจะได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกของมัน (วิวรณ์ 20:7)+++++แองเจโลจับลำคอของฟ้าที่กำลังฮีตด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจเลยว่ากลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายจะยั่วยวนมากแค่ไหน เพราะสำหรับอีนิกม่าอย่างแองเจโลแล้วนั้น ฟีโรโมนของโอเมก้าก็เหมือนน้ำหอมที่หวานเลี่ยนจนน่าพะอืดพะอมจนอยากอ้วกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแองเจโลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟีโรโมนโอเมก้าที่กำลังฮีต นอกจากความกรุ่นโกรธที่เห็นเมียตัวเองกำลังไปจูบกับคนอื่น ก่อนจะปรายตามองฟาเบียนที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ และฟีโรโมนที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง “แองเจโล?” เสียงพึมพำของอีกฝ่ายทำให้แองเจโลจิปาก ก่อนจะลากคอโอเมก้าที่กำลังฮีตออกจากห้องด้วยการคว้าหลังคอ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหน้าห้องนอน จนอีกฝ่ายกลิ้งกระเด็นกับพื้นอย่างหมดสภาพ“ฮึก ฮื่อ” อีกฝ่ายร้องไห้โฮเพราะกลิ่นฟีโรโมนของแองเจโลที่ฉุนจมูกจนน่าขนลุก และไหนจะโดนอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นล้มกับพื้นจนเจ็บไปทั้งตัวอีก
ใต้อาณัติครั้งที่ 15 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. (Revelation 21:4)และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของพวกเขา และจะไม่มีความตายอีกต่อไป หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ และจะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ อีกต่อไป เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ในกาลก่อนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)+++++“มีอะไรหรือฟา?” แองเจโลเอ่ยพลางจับแขนของฟาเบียนแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเหลือบตามองโอเมก้าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองด้วยสายตาอันตรายทำเอาอีกฝ่าย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสบตากับแองเจโล แต่สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติว่า“ไม่มีอะไรครับ แองเจโลไปหยิบของที่อยากทานก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไปครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ทำเอาฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนที่แรงบีบที่แขนจะแรงขึ้น แล้วหายไปเมื่อเจ้าตัวปลดมือออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“อย่านาน” แล้วแองเจโลก็จ้องเขม็งไปที่โอเมก้าร่างเล็กตรงหน้า แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพ
ใต้อาณัติครั้งที่ 14 Go thy way, eat thy bread with joy, and drink thy wine with a merry heart; for God now accepteth thy works. (Ecclesiastes 9:7)เจ้าจงไปตามทางของเจ้าเถิด จงรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความชื่นบาน และดื่มน้ำองุ่นของเจ้าด้วยใจร่าเริง เพราะบัดนี้พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานทั้งหลายของเจ้าแล้ว (ปัญญาจารย์ 9:7)+++++“ฟาอยากพักร้อนหรือ?” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นภายในห้องทำงานของบริษัทหลังจากมาทำงานในตอนเช้าวันนี้ ฟาเบียนยืนตรงหน้าเจ้านายแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ผมไม่ได้กลับไปที่บ้านเกิดนานแล้วครับ เลยอยากกลับบ้านไปพักร้อนสักพักครับ” นัยน์ตาของแองเจโลลดลงเมื่อได้ยิน ก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิง แล้วประสานมือไว้บนตัก พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“ถ้าอย่างนั้นฟาอยากพักร้อนนานเท่าไร หนึ่งสัปดาห์พอไหม?” ฟาเบียนเม้มปากเมื่อได้ยิน ก่อนจะเสหลบสายตาของเจ้านายที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“หนึ่งสัปดาห์.... ไม่ครับ ผมหมายถึง หนึ่งเดือน ผมอยากไปพักร้อนสักหนึ่งเดือนครับ” เมื่อพูดจบฟาเบียนก็ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับเจ้านายตัวเอง ต่างจากแองเจโลที่มีรอยยิ้มหยันยกข
ใต้อาณัติครั้งที่ 13 Live joyfully with the wife whom thou lovest all the days of the life of thy vanity, which he hath given thee under the sun, all the days of thy vanity: for that is thy portion in this life, and in thy labour which thou takest under the sun. (Ecclesiastes 9:9)จงอยู่กินด้วยความชื่นบานกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดวันทั้งหลายแห่งชีวิตของความอนิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดวันทั้งหลายแห่งความอนิจจังของเจ้า เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนของเจ้าในชีวิตนี้ และในงานหนักของเจ้าซึ่งเจ้ากระทำภายใต้ดวงอาทิตย์ (ปัญญาจารย์ 9:9)+++++ฟาเบียนที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวจ้องมองเจ้านายตัวเองกำลังใส่ปลอกคอที่ตัวเองเลือกเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้ด้วยสายตาอ่านยาก แววตาของเจ้านายดูเต็มไปด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกใส่ปลอกคอ มือที่ไม่ได้สวมถุงมือของนายท่านลูบไล้ที่ปลอกคอหนังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า “เหมาะกับนายมากจริงๆ ” ฟาเบียนที่ได้ยินก็จ้องมองเจ้านายตัวเองผ่านกระจก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“นายท่านชอบให้ผมใส่มันหรือครับ?” ฟา
ใต้อาณัติครั้งที่ 12 Surely oppression maketh a wise man mad; and a gift destroyeth the heart. (Ecclesiastes 7:7)แน่นอนการบีบบังคับกระทำให้คนที่มีสติปัญญาบ้าได้ และสินบนก็ทำลายใจ (ปัญญาจารย์ 7:7)+++++วันนี้เป็นวันหยุดของฟาเบียนที่ไม่ต้องทำงาน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันหยุดตัวเองถึงได้ตรงกับของยูตะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เป็นสาวกสาว 2D อย่างบ้าคลั่ง วันนี้ฟาเบียนที่มีเรื่องในใจเลยไม่ได้นอนอุตุอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนปกติ แต่มานั่งเล่นเกมกับยูตะที่ห้องอีกฝ่ายแทน แน่นอนว่าฟาเบียนแพ้ยับเพราะเอาแต่คิดเรื่องอื่นในใจจนเหม่อลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงของยูตะดังขึ้นว่า “กลับไปนอนไหม?” ยูตะเอ่ยถามเพื่อร่วมงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะหมอนี่เอาแต่เหม่อจนเล่นเกมไม่สนุกเอาเสียเลย ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะนอนเกลือกไปกับพื้น แล้วหลับตาทำเอายูตะส่ายหน้าระอา ก่อนจะเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจอีกฝ่ายฟาเบียนมีเรื่องในใจ ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฟาเบียนเอาแต่คิดและพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้านายท่าน ฟาเบียนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจอะไร ยังคงหน้าด้านหน้าทนมีความสัมพันธ์กับนายท่านต่อไป ฟาเบียนอยากท