ใต้อาณัติครั้งที่ 4 Therefore the ungodly shall not stand in the judgment, nor sinners in the congregation of the righteous. (Psalms 1:5)
เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ในการพิพากษา หรือคนบาปทั้งหลายจะไม่ยืนอยู่ในชุมนุมชนของคนชอบธรรม (เพลงสดุดี 1:5)
+++++
มาเฟีย สองคำนี้ฟาเบียนได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะในหนังหรือภาพยนตร์ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน คำว่ามาเฟียก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวฟาเบียน จากสังคมที่เติบโตขึ้นมา จากสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านตัวเอง หรือแม้แต่ประสบการณ์ทำงานของฟาเบียนในบางครั้งก็มีคำว่า มาเฟีย มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ แต่ใครจะไปคิดว่าปัจจุบันฟาเบียนจะทำงานให้มาเฟียตลอดชีวิตจริงๆ ฟาเบียนคาบบุหรี่ไว้ที่ปากพลางกอดอกพิงกระโปรงรถ จ้องมองคริสติน กับเนโรกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยกัน ในขณะที่ยูตะกำลังนั่งกินขนมหวานเป็นกล่องที่สาม และตัวเองสูบบุหรี่เป็นมวนที่สอง วันนี้นายท่านอยู่ที่บริษัทนานกว่าทุกวัน ได้ยินเนโรบ่นว่ามีเรื่องของการซื้อสัมปทานอะไรสักอย่างที่แอฟริกา
แต่ฟาเบียนไม่ได้สนใจหรอก นอกจากนึกไปถึงเรื่องที่เลขาจองบอกกับตัวเองในวันที่ผ่านการทดสอบ คำพูดธรรมดาที่เหมือนไม่มีอะไร แต่กลับตราตรึงในใจของฟาเบียนไม่มีวันลืม
“ฉันคิดว่านายคงเดาได้ว่าเรากำลังงานให้ใครหรืออะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่นายต้องรู้และจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เมื่อนายเข้ามาทำงานที่นี่อย่างเต็มตัวแล้ว ต่อให้ในอนาคตนายเสียใจกับการตัดสินใจนี้มากแค่ไหน นายก็หันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ ฟาเบียน นายแน่ใจไหมที่จะเซ็นสัญญาฉบับนี้?”
แน่นอนว่าฟาเบียนก็ยังคงเลือกที่จะเซ็นมัน ช่วยไม่ได้ที่ในชีวิตนี้ของฟาเบียนไม่มีอะไรให้เสียใจนอกจากเรื่องของรุ่นพี่เปโดรมากที่สุดอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อย้อนกลับมาคิดอีกกี่ครั้งฟาเบียนก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจเซ็นสัญญานั้น แน่นอนว่าฟาเบียนเองก็รู้ดีกว่าตัวเองกำลังเข้าไปพัวพันกับสิ่งที่อันตรายอยู่ แต่ช่วยไม่ได้ที่ฟาเบียนเป็นคนที่ไม่มีอะไรให้เสียอีกต่อไปแล้ว ฟาเบียนคายบุหรี่ออกจากปากแล้วใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่ที่พื้น ก่อนจะหยิบเอาลูกอมรสนมขึ้นมากิน แล้วเคี้ยวหยับๆ ก่อนที่เสียงของริคกี้จะดังขึ้นที่หูฟังของฟาเบียนว่า
[ฟาเบียน นายไปรอรับกาแฟที่หน้าบริษัทแล้วเอาขึ้นมาที่ห้องนายท่านให้หน่อย ฉันจ่ายเงินไว้แล้ว]
“รับทราบ” ฟาเบียนยืดตัวก่อนจะเดินออกไป พลางบอกกับคริสตินก่อนไปว่า “ฉันจะเอาของไปให้นายท่านที่ห้อง เดี๋ยวมานะ
“โอเค” คริสตินพยักหน้ารับก่อนที่ฟาเบียนจะเดินออกจากลานจอดรถไปที่หน้าบริษัท แล้วยืนรอกาแฟอย่างใจเย็น และเมื่อได้รับของฟาเบียนก็เดินถือเข้าไปที่ด้านใน คุยกับประชาสัมพันธ์ให้ช่วยเรื่องเปิดลิฟต์ที่ชั้นบน ก่อนจะเข้าไปในด้านในลิฟต์ แล้วจ้องมองตัวเลขที่กำลังไต่ขึ้นไปที่ชั้นสูง พลางเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือด้วยสายอ่านยาก 23.31 น. ฟาเบียนเดินออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงที่หมาย ก่อนจะเจอริคกี้ที่มายืนรอ แล้วรับของไป ฟาเบียนคิดว่าจะได้ออกไป แต่ริคกี้ส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า “มาเปลี่ยนกันหน่อย ฉันจะลงไปสูบบุหรี่” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ รอให้ริคกี้เอากาแฟไปให้นายท่าน แล้วตัวเองเอามือไพล่หลังรอที่ลิฟต์
เมื่อออกมาริคกี้ก็พยักหน้าให้ตัวเองก่อนจะพึมพำว่า “เดี๋ยวมา” แล้วลงไปสูบบุหรี่ ทิ้งให้ฟาเบียนยืนรอที่ลิฟต์อย่างเย็นใจ พลางจ้องมองไปรอบๆ ชั้นบนด้วยสายตาสนใจ ห้องกว้าง ดูหรูหรา และเงียบสงบ เป็นนายท่านก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ แม้จะมีเงินเยอะมากแต่ก็ทำงานหนักมากจริงๆ ฟาเบียนยืนอยู่แบบนั้นราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องทำงานของนายท่านก็เปิดออก พร้อมเลขาจองที่ออกมา แล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามพลางดันแว่นตาที่ดั้งจมูกไปด้วยว่า “ริคกี้ไปไหน?”
“หมอนั้นออกไปพักครับ เลขาจองมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ก่อนที่เลขาจองจะเขย่าเอกสารในมือแล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“มาช่วยจัดเอกสารหน่อย” และฟาเบียนก็ไปนั่งช่วยเลขาจองจัดการเอกสาร ส่วนใหญ่แค่แยกวันที่กับประเภทของเอกสาร และแน่นอนว่าฟาเบียนอ่านภาษาอิตาลีไม่ออกเลยไม่ได้สนใจในเนื้อหา หรือต่อให้สนใจฟาเบียนก็ไม่มีทางเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน ก่อนที่เสียงอินเตอร์คอมจะดังขึ้นว่า
[จอง ขอกาแฟอีกแก้ว]
“ครับนายท่าน” เลขาจองลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟก่อนจะเข้าไปเสิร์ฟที่ด้านในสักพัก แล้วออกมาพลางเดินมาหาฟาเบียนที่นั่งจัดเอกสารบนพื้นข้างโต๊ะเลขาจอง “ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยเดี๋ยวมา” ฟาเบียนพยักหน้ารับก่อนจะจัดเอกสารอย่างจริงจัง เมื่อเสร็จฟาเบียนก็ไม่ได้มองไปรอบๆ หรืออ่านเอกสารตามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง แต่เลือกที่จะกลับไปยืนที่เดิมอย่างสงบ แล้วรอเลขาจองออกมาจากห้องน้ำอย่างใจเย็น และเมื่อเลขาจองออกมาจากห้องน้ำก็ยกยิ้มมุมปากให้ตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าคล้ายให้ตัวเองเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า
“มานี่สิ นายท่านอยากพบนาย” เมื่อได้ยินสีหน้าของฟาเบียนก็เปลี่ยนไป ก่อนจะเดินตามเลขาจองเข้าไปที่ห้องทำงานของนายท่าน แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นว่าด้านในมีลูกพี่เรโม มือซ้ายของนายท่าน และคุณวาเนสซ่า อัลฟ่าหญิงคนสวยมือขวาของเจ้านาย แล้วตัวของนายท่านที่กำลังสูบซิการ์จ้องมองตัวเองด้วยสายตาราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนที่เสียงของเลขาจองจะดังขึ้นว่า “ยินดีต้อนรับเข้าสู่อะเลสซิโออย่างเป็นทางการ” เมื่อได้ยินสีหน้าของฟาเบียนก็เปลี่ยนไป ก่อนจะจ้องมองใบหน้าทุกคนแล้วเม้มปากแน่น พลางคิดว่าพฤติกรรมแปลกๆ ที่ผ่านมาของริคกี้ หรือเลขาจองทำให้ตัวเองเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนบททดสอบสุดท้ายของนายท่านจะเริ่มโดยที่ฟาเบียนไม่รู้ตัวแล้วจริงๆ
“ครับ” ฟาเบียนเออตอบรับในลำคอก่อนจะก้มหน้า แล้วต้องตกใจเมื่อเสียงของนายท่านดังขึ้นว่า
“ต่อไปนายจะเป็นบัดดี้กับริคกี้” เมื่อได้ยินคนในห้องก็แอบลอบมองใบหน้าของเจ้านายแต่ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่ฟาเบียนจะยิ้มแล้วเอ่ยด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“ครับนายท่าน!” แองเจโลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะโบกมือให้เจ้าตัวออกไป ก่อนที่เสียงของวาเนสซ่าจะเอ่ยหลังจากที่ฟาเบียนออกไปแล้วว่า
“บัดดี้ริคกี้มันฉันไม่ใช่หรือคะบอส?” เพราะเรโมต้องมาสำรวจเส้นทางข้างหน้าก่อนการเดินทางเสมอ ทำให้คนที่นั่งข้างคบขับเป็นวาเนสซ่ามาตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไป แองเจโลพ่นควันซิการ์ออกจากปาก ก่อนจะเหลือบตามองหญิงสาวเพียงคนเดียวอย่างเย็นชา
“ต่อไปนี้ก็ไปขับรถให้จอง” เมื่อได้ยินวาเนสซ่าก็กลอกตาก่อนจะเหลือบตามองเลขาจองที่ขยับแว่นแล้วยกยิ้มที่ไม่ถึงดวงตาว่า
“ฝากตัวด้วยนะครับคุณวาเนสซ่า” เมื่อได้ยินหญิงสาวก็คิ้วกระตุกก่อนจะย่นจมูกแล้วเกาแก้มอย่างหงุดหงิดที่ต้องไปจับคู่กับคนน่าเบื่ออย่างเลขาจอง ก่อนที่เสียงของเรโมจะเอ่ยขึ้นว่า
“ให้ผมหาคนมาแทนฟาเบียนที่รถคันที่สามไหมครับนายท่าน?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบา พลางมองไปที่กล้องวงจรปิดด้านนอกที่มีร่างของฟาเบียนกำลังยืนอมยิ้มอยู่ที่หน้าลิฟต์ด้วยสายตาอ่านยาก และได้แต่คิดในใจว่า ยิ้มเป็นเด็กไปได้
“อืม จัดการให้เรียบร้อยด้วย” แล้วทั้ง 4 คนก็พูดคุยกันต่อไปเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาคงเป็นเพียงการเลื่อนตำแหน่งงานเล็กๆ แต่สำหรับฟาเบียนแล้วนั้นเหมือนการได้รับการเลื่อนตำแหน่งก้าวใหญ่ๆ มากกว่า
.......................
และในวันต่อมาริคกี้ก็ยกยิ้มมุมปากตบไหล่ฟาเบียนที่กำลังยืนเคี้ยวลูกอมรสนมแล้วเอ่ยติดตลกว่า “ประหม่าหรืออย่างไร?” ฟาเบียนที่ยืนรอเจ้านายที่ด้านข้างริคกี้มีสีหน้าประหม่า ก่อนจะเคี้ยวลูกอมแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า
“แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขับรถให้นายท่าน แต่ผมก็อดประหม่าไม่ได้อยู่ดี” เมื่อได้ยินริคกี้ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะโค้งตัวทักทายแองเจโลที่เดินออกมาจากคฤหาสน์ตามหลังด้วยวาเนสซ่าที่เดินไปที่รถด้านหลังพลางโบกมือลาริคกี้ตาละห้อย ทำเอาริคกี้ยกยิ้มมุมปาก แล้วเปิดประตูด้านหลังให้นายท่าน ก่อนที่เสียงของแองเจโลจะดังขึ้นว่า
“เกร็งหรือ?” ฟาเบียนที่ยืนเกร็งกลืนน้ำลาย ก่อนจะกลืนลูกอมรสนมในปากลงคอทั้งๆ ที่เพิ่งกินได้ครึ่งก้อน แล้วเอ่ยด้วยเสียงติดประหม่าเล็กๆ ว่า
“นิดหน่อยครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็จ้องมองหน้าฟาเบียนที่กำลังเหงื่อออกหน้าซีด แล้วเอ่ยติดตลกว่า
“อย่าขับเองล่ะ ให้ริคกี้ขับเถอะถ้านายประหม่าขนาดนี้” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เม้มปากแอบยกมือชื้นเหงื่อเช็ดที่ขากางเกง ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของริคกี้ ก่อนที่แองเจโลจะเข้าไปในรถ ฟาเบียนโคลงศีรษะก่อนจะขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับ พร้อมกับริคกี้ที่เข้าที่ประจำ แล้วขับออกไป ฟาเบียนขยับจมูกเมื่อได้กลิ่นไวน์แดงจางๆ ในอากาศ ฟาเบียนกำมือบนตักแน่น ก่อนที่เสียงของแองเจโลจะเอ่ยขึ้นว่า “ทำไมยังเกร็งอยู่ล่ะ” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เม้มปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงประหม่าว่า
“ขอโทษครับ” จะไม่ให้ฟาเบียนเกร็งได้อย่างไร ในเมื่อฟีโรโมนไวน์แดงมันลอยอวลอยู่รอบๆ ปลายจมูกของตนเองอยู่แบบนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆ ที่ริคกี้ก็เป็นอัลฟ่า แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้กลิ่นเลยหรืออย่างไร? และเพราะแบบนั้นฟาเบียนจึงนั่งเกร็งไปตลอดทาง แน่นอนว่าการได้เข้ามานั่งในรถคันเดียวกับนายท่าน ก็หมายถึงฟาเบียนกลายเป็นคนติดตามนายท่านอย่างใกล้ชิดไปด้วย ทำให้ไม่ต้องนั่งรอที่รถในระหว่างวันอีกต่อไป แต่ขึ้นไปยืนรอเจ้านายที่หน้าลิฟต์ทางเข้าออกที่ชั้นบนกับริคกี้
“ที่ชั้นนี้มีห้องน้ำ ห้องพัก และห้องชงกาแฟ นายเปลี่ยนเวรกับฉันไปพักได้นะ” เมื่อได้ยินฟาเบียนก่อนจะพยักหน้ารับขอบคุณและจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ฟาเบียนก็คลายปมเนกไท ก่อนจะเป่าปากแล้วเช็ดเม็ดเหงื่อที่ลำคอที่ร้อนผ่าว ฟาเบียนไม่แน่ใจว่าทำไมริคกี้ถึงดูไม่เป็นอะไร หรือเพราะเจ้าตัวชินแล้ว? แต่ฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยกันเองไม่ควรทำให้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้หรือเปล่า ฟาเบียนกวักมือล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า แล้วเงยหน้ามองตนเองในกระจก ใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนด้วยหยาดน้ำ ดวงตาสีดำสนิทที่กำลังสั่นไหว และเส้นผมด้านหน้าที่เปียกน้ำ ฟาเบียนจ้องมองใบหน้าลูกครึ่งของตนเองด้วยสายลดลง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยพึมพำว่า
“หรือเพราะไม่ได้ปล่อยมานาน?” และใช่ ฟาเบียนอาจต้องหาวันหยุดไปปลดปล่อยตัวเองตามประสาอัลฟ่าสุขภาพดีบ้างสักวันหนึ่ง
.................................
เขาว่ากันว่าเมื่อเข้าใกล้อะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ฟาเบียนทำงานเป็นบัดดี้กับริคกี้ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว และได้เห็นอะไรที่เรียกได้ว่านองเลือดเป็นครั้งแรก... วันนี้นายท่านมาที่ท่าเรือ แต่ที่ต่างคือฟาเบียนไม่ได้ต้องไปรอที่รถด้านนอก แต่เดินตามกลุ่มเจ้านายไปที่ตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งที่เป็นเป้าหมาย ฟาเบียนกับริคกี้รออยู่ที่ประตูตู้คอนเทนเนอร์ด้านนอก ก่อนที่ฟาเบียนจะเม้มปากเมื่อได้ยินเสียงหมัด และเสียงกระแทกกับตู้คอนเทนเนอร์ ริคกี้แสยะมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงของผู้มีประสบการณ์ว่า “ใจเย็น นี่เพิ่งเริ่มต้น” ฟาเบียนเหลือบตามองริคกี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดสูบ ทำเอาฟาเบียนที่ได้ยินเสียงหมัดเสียงเตะในตู้คอนเทนเนอร์อดไม่ได้ที่หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบบ้าง เพื่อคลายความประหม่า
“เรียกคนมาเก็บกวาด” เสียงของลูกพี่เรโมดังขึ้นพร้อมประตูตู้ที่เปิดออก และกลิ่นเลือดที่โชยออกมา ฟาเบียนเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ภายใต้หน้ากากราบเรียบ ก่อนจะพยักหน้ารับและติดต่อไปที่ฝ่ายเก็บกวาด ก่อนที่เจ้านายจะเดินออกมาพร้อมกับถุงมือสีขาวที่เปื้อนเลือด เจ้าตัวถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออกแล้วโยนทิ้ง ก่อนจะหยิบคู่ใหม่ออกมาจากด้านในเสื้อสูท แล้วสวมเข้าที่นิ้วเรียว ก่อนจะเอ่ยกับเรโมและวาเนสซ่าที่ด้านหลังว่า
“ไปตามจับตัวคนที่มันสารภาพมาให้หมด อย่าให้ขาดไปแม้แต่เพียงคนเดียว”
“ครับนายท่าน/ค่ะนายท่าน” ทั้งเรโมและวาเนสซ่าต่างก็รับคำอย่างแข็งขัน ก่อนที่ฟาเบียนจะก้มหน้าลงเมื่อเจ้านายเดินผ่าน แน่นอนว่าฟาเบียนแอบเหลือบตามองไปด้านหลังแล้วเม้มปาก คนที่ถูกเจ้านายซ้อม ตอนนี้ฟาเบียนไม่รู้แล้วจริงๆ ว่ามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่ แต่ที่แน่ใจในตอนนี้คือ ตอนนี้ฟาเบียนสามารถเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าได้แล้ว และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แล้ว
แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่า ไม่มีคนดีๆ ที่ไหนอยู่ท่ามกลางคนชั่วได้ และฟาเบียนเองก็คงกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้วแน่ๆ ...
+++++
Lady Zombie
22/09/67
ใต้อาณัติครั้งที่ 5 The fear of the LORD is the beginning of knowledge: but fools despise wisdom and instruction. (Proverbs 1:7)ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นการเริ่มต้นแห่งความรู้ แต่บรรดาคนโง่ดูหมิ่นสติปัญญาและคำสั่งสอน (สุภาษิต 1:7)+++++ปีกว่าแล้วที่ฟาเบียนทำงานที่อะเลสซิโอ ทำหน้าที่เป็นคนรถติดตามเจ้านายไปในทุกที่ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ได้เห็นได้ยินในสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่คนดีๆ ไม่ทำกัน แต่เจ้านายของตนก็ทำ ทำให้ฟาเบียนเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ตัวเองพูดว่าเจ้านายตัวเองเหมือนเทวดา สีหน้าของเนโรถึงได้ดูบิดเบี้ยวแปลกๆ เพราะสำหรับฟาเบียนแล้วเจ้านายของตนคงเป็นเทวดาตกสวรรค์อย่างแน่นอน ต่อให้ดูภายนอกใจดีเข้าถึงง่ายได้มากแค่ไหน แต่ภายในกลับน่ากลัวและน่าขนลุกมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เป็นครบรอบวันทำงานหนึ่งปี ฟาเบียนจึงได้อยู่ที่นี่ ที่คฤหาสน์อะเลสซิโอ ไม่ใช่ว่าฟาเบียนอยากมาก็มาได้หรอกนะ แต่เป็นเพราะที่นี่กำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต่างหาก และหน้าที่ของฟาเบียนคือการยืนเฝ้าอยู่ที่บันไดขึ้นชั้น 3 ยืนอยู่แบบนี้มาสองชั่วโมงแล้ว และเป็นสองชั่วโมงที่ฟาเบียนอึดอัดที่สุดอีกต่างหาก“อ๊ะ อ๊า
ใต้อาณัติครั้งที่ 6 A soft answer turneth away wrath: but grievous words stir up anger. (Proverbs 15:1)คำตอบอ่อนหวานหันเหความโกรธไปเสีย แต่บรรดาคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำก็เร้าโทสะ (สุภาษิต 15:1)+++++หนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเจ้านายของฟาเบียน คือในตอนค่ำนายท่านจะไปที่คลับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยของมึนเมา และยา ใช่ ยาเสพติดเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของอะเลสซิโออย่างลับๆ ฟาเบียนรู้และเข้าใจดีแต่ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านั้น เพราะนั่นก็เป็นเรื่องของนายท่าน ฟาเบียนแค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเป็นพอก็พอ และเพราะแบบนั้นในวันนี้ฟาเบียนที่หน้าที่เฝ้าประตูด้านใน ทำได้เพียงจ้องมองภาพนายท่านกำลังคุยกับลูกค้าด้วยเสียงจริงจัง “คุณนิโคไลข้อเสนอของผมถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในอิตาลีแล้ว ไม่ทราบว่าคุณกำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” เสียงของแองเจโลเอ่ยด้วยโทนเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่สีหน้าของคู่สนทนากลับบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยตอบด้วยภาษาอังกฤษว่า“แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าทางอะเลสซิโอยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับทางเราแต่คุณโอเลสเตเองก็ยื่นข้อเสนอที่ดีไม่แพ้กันมาให้เราเช่นกัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่รู
ใต้อาณัติครั้งที่ 7 Pleasant words are as an honeycomb, sweet to the soul, and health to the bones. (Proverbs 16:24)บรรดาถ้อยคำที่ไพเราะเป็นเหมือนอย่างรวงผึ้ง มีรสหวานแก่จิตใจ และเป็นสุขภาพแก่กระดูกทั้งหลาย (สุภาษิต 16:24)+++++วันนี้เป็นอีกครั้งที่ฟาเบียนต้องฉายเดี่ยว เพราะริคกี้ไม่สบาย โอเคอัลฟ่าก็คนมีบ้างที่จะไม่สบาย เพราะฉะนั้นการลางานกะทันหันแบบนี้จึงมีมาไม่บ่อย โดยเฉพาะวันนี้ วันที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายเพราะเจ้านายกำลังเดินทางไปจีน ใช่ตามที่ทุกคนคิด ลูกค้าที่ชื่อนิโคไลไม่ตอบรับข้อเสนอของนายท่าน และเลือกไปที่ฝั่งไอ้อ้วนโอเลสเต (ที่เรียกแบบนั้นเพราะความแค้นส่วนตัว) เพราะฉะนั้นเจ้านายเลยทำได้เพียงต้องหาลูกค้าใหม่ และการหาลูกค้าใหม่ที่ว่าก็อยู่ที่ประเทศจีน เกาะมาเก๊า และฟาเบียนก็ต้องตามติดเจ้านายเป็นเงาตามตัว เพราะคุณวาเนสซ่า และเลขาจองไม่ได้ไปด้วย แต่ลูกพี่เรโมไปแทนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นการประชุมจึงจัดขึ้นเป็นระยะเนื่องจากแผนการเดินทางเอย การรักษาความปลอดภัยเอย และเรื่องของการเปลี่ยนเวร และเพราะวันที่เดินทางเป็นช่วงที่ริคกี้มันอยู่ในช่วงรัทและไม่สบายพอดี ฟาเบียนจึงทำได้เพียงต้
ใต้อาณัติครั้งที่ 8 That which is crooked cannot be made straight: and that which is wanting cannot be numbered. (Ecclesiastes 1:15)สิ่งที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ ฤและสิ่งที่ขาดอยู่จะถูกนับให้ครบไม่ได้ (ปัญญาจารย์ 1:15)+++++ฟาเบียนอยากตาย เอาจริงๆ ฟาเบียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมานอนที่โซฟาในห้องนั้นได้อย่างไร นอกจากเงินในบัญชีที่มากขึ้นหลายหมื่น บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้ฟาเบียนดื่มไปหลายสิบแก้วแลกกับเงินที่เพิ่มขึ้นในบัญชีจริงๆ ก่อนจะนั่งถอนหายใจแล้วเดินออกไปจัดการตัวเอง พลางฟังเพื่อร่วมงานบอกว่าเจ้านายค้างคืนที่นี่ ฟาเบียนเลยต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ก่อนจะเจ้านายจะตื่นราว 2 ชั่วโมง และขอยาแก้เมาค้างกับทางพนักงานที่นั่น แล้วฟาเบียนก็หาอะไรร้องท้องเบาๆ กิน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่จอดไว้ ดูเหมือนเนโรกับยูตะน่าจะกลับไปที่พักแล้ว ฟาเบียนเลยจัดการเช็กรถทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเตรียมเดินทางอีกครั้งเมื่อเจ้านายตื่นและเวลานั้นก็มาถึงที่หูฟังของฟาเบียนปรากฏเสียงของลูกพี่เรโมที่ดังขึ้นว่า[ฟาเบียนตื่นหรือยัง?]“ครับคุณเรโม ผมกำลังเช็กรถอยู่” ฟาเบียนตอบกลับวิทยุที่หู ก่อนจะเอ่ยฟังคำสั่งต่อไปอย่างตั้งใ
ใต้อาณัติครั้งที่ 9 The morsel which thou hast eaten shalt thou vomit up, and lose thy sweet words. (Proverbs 23:8)อาหารชิ้นนั้นซึ่งเจ้าได้กินเข้าไปแล้ว เจ้าจะต้องสำรอกออกมา และเสียถ้อยคำอ่อนหวานของเจ้าเปล่า ๆ (สุภาษิต 23:8)+++++เมื่อเข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่แรกแองเจโลและฟาเบียนทำคือการกอดกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมปนเปกัน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ฟาเบียนเขย่งปลายเท้าเพื่อโอบรอบคอแองเจโลจนเสื้อโค้ตที่พาดไว้ที่ไหล่ลงจากพื้น พร้อมกับแองเจโลที่ถอดเอาถุงมือออก แล้วเขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะโอบหลังฟาเบียนแน่น แล้วดันอีกฝ่ายไปที่ประตู ก่อนที่ริมฝีปากที่กำลังดูดดึงหยอกเย้ากัน สัมผัสกันแผ่วเบาจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย แผ่นหลังของฟาเบียนติดกับประตูก่อนจะโอบรอบคอของเจ้านายตัวเองไม่ต่างจากแองเจโลที่กำลังพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวของฟาเบียน ก่อนที่ฟาเบียนจะเริ่มหายใจไม่ออกและเป็นฝ่ายผละออกจากการจูบ จนได้ยินเสียงจ๊วบพร้อมกับน้ำลายไปที่ไหลเยิ้มออกมารอบปากของทั้งคู่จนมันวาว“เดี๋ยวครับ?” ฟาเบียนผลักไหล่ของแองเจโลออกจากตัวเอง ก่อนจะมองแองเจโลที่กำลังเลียรอบริมฝีปากจนน้ำลายของทั้งคู่รวมกัน
ใต้อาณัติครั้งที่ 10 I thank my God, making mention of thee always in my prayers, (Philemon 1:4)ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้า โดยเอ่ยถึงท่านเสมอในคำอธิษฐานต่าง ๆ ของข้าพเจ้า (ฟีเลโมน 1:4)+++++ฟาเบียนกำลังเขิน โอเคแม้จะตัวใหญ่แต่พอโดนเจ้านายเดินกุมมือในตอนบ่ายแบบนี้ฟาเบียนก็อดเขินไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งที่ทำคือเดินจับมือนายท่านเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้โรงแรม โดยที่มีบอดีการ์ดเฝ้าอยู่รอบนอก ฟาเบียนแอบลอบมองใบหน้าของเจ้านายที่ราบเรียบขณะเดินก็เกิดคิดในใจว่าหรือเจ้านายไม่อยากออกข้างนอกหรือเปล่า จึงได้กลั้นใจเอ่ยถามออกไปว่า “นายท่านอยากกลับห้องที่โรงแรมเลยไหมครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็นิ่งไป ก่อนจะหลุบเปลือกตาจ้องมองคนที่กำลังประหม่าและเขินอาย ก่อนจะกระชับมือที่จับกันไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทำไม ฟาไม่อยากเดินเล่นกับฉันแล้วหรือ?” ฟาเบียนที่ได้ยินก็เลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ้อมแอ้มว่า“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่านายท่านจะเบื่อ”“เดินกับฟามีอะไรให้น่าเบื่อ? คิดมาก” แองเจโลเอ่ยติดตลกก่อนจะมองฟาเบียนด้วยสายตาอ่อนลง แล้วกระชับมือที่จับกันแน่นท่ามกลางสายตามากมายที่อยากใส่ใจ แต่ทั้ง
ใต้อาณัติครั้งที่ 11 Be not ye therefore like unto them: for your Father knoweth what things ye have need of, before ye ask him. (Matthew 6:8) *The Model Prayer (Luke 11:1-4) *เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายอย่าเป็นเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าพระบิดาของพวกท่านทรงทราบว่าพวกท่านต้องการสิ่งใดบ้าง ก่อนที่พวกท่านทูลขอจากพระองค์แล้ว (มัทธิว 6:8) *แบบอย่างแห่งการอธิษฐาน (ลูค 11:1-4) *+++++เมื่อตอนเย็นมาถึงดินเนอร์ของฟาเบียนก็ต้องยกเลิกเมื่อสินค้าที่มาจากตะวันออกกลางมีปัญหา เจ้านายก็จำต้องไปดูที่ท่าเรืออีกครั้งด้วยตัวเอง ฟาเบียนที่แม้จะเข้าใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจว่างานก็สำคัญ วันนี้ฟาเบียนติดตามนายท่าน พร้อมริคกี้ ส่วนลูกพี่และเรโมไปดูงานที่คลับและคุณวาเนสซ่าเคลียร์งานที่บริษัทกับเลขาจอง ทำให้ตอนนี้คนที่ติดตามนายท่านคือบอดีการ์ดส่วนหนึ่ง ฟาเบียนและริคกี้ตามลำดับ เมื่อมาถึงริคกี้อาสาจะเฝ้าที่รถเพื่อไม่ให้มีคนลอบเข้ามาทำอะไรกับรถพร้อมคนอื่นๆ ฟาเบียนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลังนายท่านเข้าไปในโกดัง คนที่ดูแลสินค้าเป็นชาวอเมริกันชื่อ พอล หมอนั่นรีบเข้ามาโค้งคำนับเจ้านายทันทีที่เห
ใต้อาณัติครั้งที่ 12 Surely oppression maketh a wise man mad; and a gift destroyeth the heart. (Ecclesiastes 7:7)แน่นอนการบีบบังคับกระทำให้คนที่มีสติปัญญาบ้าได้ และสินบนก็ทำลายใจ (ปัญญาจารย์ 7:7)+++++วันนี้เป็นวันหยุดของฟาเบียนที่ไม่ต้องทำงาน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันหยุดตัวเองถึงได้ตรงกับของยูตะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เป็นสาวกสาว 2D อย่างบ้าคลั่ง วันนี้ฟาเบียนที่มีเรื่องในใจเลยไม่ได้นอนอุตุอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนปกติ แต่มานั่งเล่นเกมกับยูตะที่ห้องอีกฝ่ายแทน แน่นอนว่าฟาเบียนแพ้ยับเพราะเอาแต่คิดเรื่องอื่นในใจจนเหม่อลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงของยูตะดังขึ้นว่า “กลับไปนอนไหม?” ยูตะเอ่ยถามเพื่อร่วมงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะหมอนี่เอาแต่เหม่อจนเล่นเกมไม่สนุกเอาเสียเลย ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะนอนเกลือกไปกับพื้น แล้วหลับตาทำเอายูตะส่ายหน้าระอา ก่อนจะเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจอีกฝ่ายฟาเบียนมีเรื่องในใจ ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฟาเบียนเอาแต่คิดและพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้านายท่าน ฟาเบียนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจอะไร ยังคงหน้าด้านหน้าทนมีความสัมพันธ์กับนายท่านต่อไป ฟาเบียนอยากท
ใต้อาณัติครั้งสุดท้าย The grace of our Lord Jesus Christ be with you all. Amen. (Revelation 22:21)ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด เอเมน (วิวรณ์ 22:21)+++++“Sentino Alessio” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นในตอนที่รับลูกชายมาจากมือของพยาบาล ที่พาเข้ามาในห้องพักฟื้นหลังฟาเบียนตื่นแล้ว ใช่ ฟาเบียนคลอดโดยการผ่าคลอด ก่อนที่ฟาเบียนจะอมยิ้มจ้องมองลูกชายตัวแดงๆ ย่นๆ ในอ้อมกอดของแองเจโล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า“เซนติโนแปลว่าอะไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“นักบุญตัวน้อย ชื่อน่ารักใช่ไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มย่นๆ ของลูกชายก่อนที่คุณหมอมิลเลอร์จะเดินมาส่งผลใบตรวจเพศรองของลูกชายครั้งแรกเกิดให้แด๊ดดี้และป่าป๊าดู ฟาเบียนรับมาก่อนจะมองใบหน้าของแองเจโลที่กำลังกอดลูกด้วยท่าทางมีความสุข ก่อนที่แองเจโลจะเงยหน้ามองฟาเบียนแล้วเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร“ผลตรวจเซนติโนเป็นอีนิกม่าครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง พลางกดจูบที่หน้าผากของลูกชาย“เก่งมากเจ้าลูกชาย” ฟาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 19 And Adam knew Eve his wife; and she conceived, and bare Cain, and said, I have gotten a man from the LORD. (Genesis 4:1)และอาดัมได้ร่วมกับเอวาภรรยาของเขา และนางได้ตั้งครรภ์ และคลอดคาอิน และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” (ปฐมกาล 4:1)+++++วันนี้แองเจโลกลับบ้านมาไวกว่าทุกครั้ง แม้งานจะกองท่วมหัว แต่รู้ดีว่าฟาเบียนคงมีเรื่องอยากคุยกับตัวเองต่อแน่ๆ ในระหว่างที่เดินขึ้นชั้นบนก็เอ่ยกับเรโมไปด้วยว่า “วันนี้ฉันจะไม่เข้ากาสิโน กับไปที่คลับ นายจัดการดูแลไปก่อนเลย”“ครับ” แล้วเรโมก็หยุดตามแล้วหมุนตัวเดินไปทางอื่น ในขณะที่แองเจโลยกมือขึ้นดึงเนกไทลง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสามโดยมีริคกี้ตามมาเฝ้าที่ทางขึ้นบันไดเช่นเดิม และเมื่อเข้าไปในห้องแองเจโลก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดรออยู่ เลยเดินผ่านห้องนั่งเล่นในห้องนอน เข้าไปในห้องแล้วต้องพรูลมหายใจออกอย่างอึดอัดเมื่อกลิ่นฟีโรโมนกลิ่นกาแฟใส่นมภายในห้องมันคลุ้งไปหมด จนทำเอาเจ้าลูกชายเกือบตื่น ก่อนจะจ้องมองก้อนผ้าห่มบนเตียงด้วยสายตาอ่อนลง แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงเย็นยะเยือกของคนในผ้าห่มก็ดังขึ้นเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 18 So God created man in his own image, in the image of God created he him; male and female created he them. (Genesis 1:27)ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์เอง ในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างเขา พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง (ปฐมกาล 1:27)+++++เรโมจ้องมองภาพที่ลูกน้องตัวเองเดินขยี้ตาออกมาจากสนามบินพร้อมเจ้านายตัวเองที่กำลังโอบเอวอีกฝ่ายเดินออกมาอย่างรักใคร่ด้วยสายตาปลาตาย ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่หนีหายหน้าไปเดือนกว่าโดยไม่บอกใครสักคนนอกจากเลขาจอง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่ฟาเบียนจะขืนตัวแล้วเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวผมไปนั่งคันหลัง”“ไม่ต้อง มานั่งกับฉันนี่แหละ” แล้วฟาเบียนก็โดนเจ้านายตัวเองลากไปขึ้นเบาะหลังอย่างงงๆ โดยมีเรโมปิดประตูโบกมือไล่บอดีการ์ดคนอื่นๆ ให้รีบๆ แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางกลับคฤหาสน์อะเลสซิโอ โดยที่เรโมขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างริคกี้ที่กำลังเหลือบมองตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก เพราะภาพจากเบาะหลังคือ เจ้านายตัวเองกำลังพูดเสียงสองกับฟาเบียนที่กำลังบ่นว่าตัวเองง่วงแค่ไหนด้วยสายตาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 17 He hath led me, and brought me into darkness, but not into light. (Lamentations 3:2)พระองค์ได้ทรงนำข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าเข้ามาในความมืด แต่ไม่เข้าในความสว่าง (เพลงคร่ำครวญ 3:2)+++++“คุณอยากให้ผมใส่เจ้านี่ตลอดเลยใช่ไหมครับ?” ฟาเบียนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ปลอกคอและสายโซ่ที่แองเจโลถืออยู่ในมือ แองเจโลเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“แล้วได้ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ดึงสายโซ่มาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะเป็นฝ่ายใส่สายโซ่กับปลอกคอตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า“แล้วผมจะออกไปเดตกับคุณข้างนอกได้อย่างไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็มองใบหน้าของฟาเบียนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“ก็ไม่ต้องออกไป ฉันจะดูแลนายทั้งหมดเอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่แองเจโล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“แต่ผมอยากออกไปเดตกับคุณ มีหลายที่เลยที่ผมอยากไปกับคุณ ผมอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคุณ มากกว่าการอยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้” ใช่ สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่อยากกักขังคู่เอาไว้ใต้ปีกทำไมฟาเบียนจะไม่เข้าใจ ตนเองก็เคยมีความคิดนี้ แต่เพราะฟาเบียนไม่ได้ทำไม่ได้หมายความ
ใต้อาณัติครั้งที่ 16 And when the thousand years are expired, Satan shall be loosed out of his prison, (Revelation 20:7)และเมื่อเวลาหนึ่งพันปีนั้นล่วงไปแล้ว ซาตานจะได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกของมัน (วิวรณ์ 20:7)+++++แองเจโลจับลำคอของฟ้าที่กำลังฮีตด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจเลยว่ากลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายจะยั่วยวนมากแค่ไหน เพราะสำหรับอีนิกม่าอย่างแองเจโลแล้วนั้น ฟีโรโมนของโอเมก้าก็เหมือนน้ำหอมที่หวานเลี่ยนจนน่าพะอืดพะอมจนอยากอ้วกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแองเจโลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟีโรโมนโอเมก้าที่กำลังฮีต นอกจากความกรุ่นโกรธที่เห็นเมียตัวเองกำลังไปจูบกับคนอื่น ก่อนจะปรายตามองฟาเบียนที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ และฟีโรโมนที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง “แองเจโล?” เสียงพึมพำของอีกฝ่ายทำให้แองเจโลจิปาก ก่อนจะลากคอโอเมก้าที่กำลังฮีตออกจากห้องด้วยการคว้าหลังคอ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหน้าห้องนอน จนอีกฝ่ายกลิ้งกระเด็นกับพื้นอย่างหมดสภาพ“ฮึก ฮื่อ” อีกฝ่ายร้องไห้โฮเพราะกลิ่นฟีโรโมนของแองเจโลที่ฉุนจมูกจนน่าขนลุก และไหนจะโดนอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นล้มกับพื้นจนเจ็บไปทั้งตัวอีก
ใต้อาณัติครั้งที่ 15 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. (Revelation 21:4)และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของพวกเขา และจะไม่มีความตายอีกต่อไป หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ และจะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ อีกต่อไป เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ในกาลก่อนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)+++++“มีอะไรหรือฟา?” แองเจโลเอ่ยพลางจับแขนของฟาเบียนแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเหลือบตามองโอเมก้าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองด้วยสายตาอันตรายทำเอาอีกฝ่าย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสบตากับแองเจโล แต่สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติว่า“ไม่มีอะไรครับ แองเจโลไปหยิบของที่อยากทานก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไปครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ทำเอาฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนที่แรงบีบที่แขนจะแรงขึ้น แล้วหายไปเมื่อเจ้าตัวปลดมือออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“อย่านาน” แล้วแองเจโลก็จ้องเขม็งไปที่โอเมก้าร่างเล็กตรงหน้า แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพ
ใต้อาณัติครั้งที่ 14 Go thy way, eat thy bread with joy, and drink thy wine with a merry heart; for God now accepteth thy works. (Ecclesiastes 9:7)เจ้าจงไปตามทางของเจ้าเถิด จงรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความชื่นบาน และดื่มน้ำองุ่นของเจ้าด้วยใจร่าเริง เพราะบัดนี้พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานทั้งหลายของเจ้าแล้ว (ปัญญาจารย์ 9:7)+++++“ฟาอยากพักร้อนหรือ?” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นภายในห้องทำงานของบริษัทหลังจากมาทำงานในตอนเช้าวันนี้ ฟาเบียนยืนตรงหน้าเจ้านายแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ผมไม่ได้กลับไปที่บ้านเกิดนานแล้วครับ เลยอยากกลับบ้านไปพักร้อนสักพักครับ” นัยน์ตาของแองเจโลลดลงเมื่อได้ยิน ก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิง แล้วประสานมือไว้บนตัก พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“ถ้าอย่างนั้นฟาอยากพักร้อนนานเท่าไร หนึ่งสัปดาห์พอไหม?” ฟาเบียนเม้มปากเมื่อได้ยิน ก่อนจะเสหลบสายตาของเจ้านายที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“หนึ่งสัปดาห์.... ไม่ครับ ผมหมายถึง หนึ่งเดือน ผมอยากไปพักร้อนสักหนึ่งเดือนครับ” เมื่อพูดจบฟาเบียนก็ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับเจ้านายตัวเอง ต่างจากแองเจโลที่มีรอยยิ้มหยันยกข
ใต้อาณัติครั้งที่ 13 Live joyfully with the wife whom thou lovest all the days of the life of thy vanity, which he hath given thee under the sun, all the days of thy vanity: for that is thy portion in this life, and in thy labour which thou takest under the sun. (Ecclesiastes 9:9)จงอยู่กินด้วยความชื่นบานกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดวันทั้งหลายแห่งชีวิตของความอนิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดวันทั้งหลายแห่งความอนิจจังของเจ้า เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนของเจ้าในชีวิตนี้ และในงานหนักของเจ้าซึ่งเจ้ากระทำภายใต้ดวงอาทิตย์ (ปัญญาจารย์ 9:9)+++++ฟาเบียนที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวจ้องมองเจ้านายตัวเองกำลังใส่ปลอกคอที่ตัวเองเลือกเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้ด้วยสายตาอ่านยาก แววตาของเจ้านายดูเต็มไปด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกใส่ปลอกคอ มือที่ไม่ได้สวมถุงมือของนายท่านลูบไล้ที่ปลอกคอหนังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า “เหมาะกับนายมากจริงๆ ” ฟาเบียนที่ได้ยินก็จ้องมองเจ้านายตัวเองผ่านกระจก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“นายท่านชอบให้ผมใส่มันหรือครับ?” ฟา
ใต้อาณัติครั้งที่ 12 Surely oppression maketh a wise man mad; and a gift destroyeth the heart. (Ecclesiastes 7:7)แน่นอนการบีบบังคับกระทำให้คนที่มีสติปัญญาบ้าได้ และสินบนก็ทำลายใจ (ปัญญาจารย์ 7:7)+++++วันนี้เป็นวันหยุดของฟาเบียนที่ไม่ต้องทำงาน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันหยุดตัวเองถึงได้ตรงกับของยูตะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เป็นสาวกสาว 2D อย่างบ้าคลั่ง วันนี้ฟาเบียนที่มีเรื่องในใจเลยไม่ได้นอนอุตุอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนปกติ แต่มานั่งเล่นเกมกับยูตะที่ห้องอีกฝ่ายแทน แน่นอนว่าฟาเบียนแพ้ยับเพราะเอาแต่คิดเรื่องอื่นในใจจนเหม่อลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงของยูตะดังขึ้นว่า “กลับไปนอนไหม?” ยูตะเอ่ยถามเพื่อร่วมงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะหมอนี่เอาแต่เหม่อจนเล่นเกมไม่สนุกเอาเสียเลย ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะนอนเกลือกไปกับพื้น แล้วหลับตาทำเอายูตะส่ายหน้าระอา ก่อนจะเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจอีกฝ่ายฟาเบียนมีเรื่องในใจ ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฟาเบียนเอาแต่คิดและพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้านายท่าน ฟาเบียนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจอะไร ยังคงหน้าด้านหน้าทนมีความสัมพันธ์กับนายท่านต่อไป ฟาเบียนอยากท