ใต้อาณัติครั้งที่ 3 But without faith it is impossible to please him: for he that cometh to God must believe that he is, and that he is a rewarder of them that diligently seek him. (Hebrews 11:6)
แต่โดยปราศจากความเชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นที่พอพระทัยพระองค์ เพราะว่าผู้ที่มาหาพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างขยันขันแข็ง (ฮีบรู 11:6)
+++++
ฟาเบียนออกจากโรงพยาบาลในอีกหนึ่งเดือนต่อมา จริงๆ ฟาเบียนออกมาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่โดนเรโมสั่งพักงานหนึ่งเดือนและกักบริเวณ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปก่อเรื่องอะไรอีกจนเสียงาน ทำให้ฟาเบียนทำได้เพียงต้องนอนแห้งในโรงพยาบาลอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนเนโรที่ขับรถเข้ามารับตัวเองออกจากโรงพยาบาลในวันนี้มีสีหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นาย ฟาเบียน นายจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะไม่แข่งรถด้วยอีกแล้ว!” ฟาเบียนที่ได้ยินก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่ช่วยตัวเองออกมาในวันที่เกิดเรื่อง ก่อนจะยักไหล่แล้วคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่า
“ขอบคุณที่ช่วยออกมาในวันนั้น” เนโรเหล่ตามองฟาเบียนก่อนจะจิปากอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิดใจว่า
“นายมันจริงๆ เลยให้ตายสิ!” ฟาเบียนพิงศีรษะกับเบาะรถก่อนจะมองออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงไม่ยี่หระนักว่า
“เนโร นายผ่านสัญญาระยะสั้นมาแล้วหรือยัง?” เมื่อได้ยินคำถาม คิ้วของเนโรก็ย่นลงก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่คิดมากอะไรว่า
“แน่นอน ทำไมนายถึงถามฉันล่ะ?” เมื่อได้ยินสีหน้าของฟาเบียนก็แปลกไป ก่อนจะเม้มปากแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า
“ต้องทำอย่างไรถึงได้ต่อสัญญาระยะยาวหรือ?” เมื่อได้ยินเนโรก็ขมวดคิ้วมองฟาเบียนเหมือนมองคนบ้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“นายป่วยหรือเพื่อน? หรือไอ้ที่เฉียดตายมาสองครั้งมันทำนายบ้าไปแล้วจริงๆ ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เม้มปาก ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยซังกะตายว่า
“คงแบบนั้น ฉันคงบ้าไปแล้วที่คิดจะทำงานที่นี่ต่อ” เมื่อได้ยินเนโรก็หัวเราะจนท้องแข็งก่อนจะปาดน้ำตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงไม่คิดอะไรมากว่า
“โอเค ตอนแรกฉันคิดว่านายบ้า แต่ตอนนี้นายแม่งโคตรบ้าเลยเพื่อน!” เนโรหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหยุดหัวเราะแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงจริงจังว่า “ไม่มีคนปกติดีที่ไหนอยากทำงานที่นี่ต่อหลังเจอเรื่องแบบนายมาหรอกนะ”
“แล้วทำไมนายถึงต่อสัญญาล่ะ?” เมื่อได้ยินคำถามของฟาเบียนที่ย้อนถามตัวเอง เนโรก็ยักไหล่ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทีเล่นทีจริงว่า
“เพราะเงินไงเพื่อน ชีวิตนี้ใครจ่ายเงินให้ฉัน ฉันก็มองว่าเขาเป็นพระเจ้าที่ต้องคอยรับใช้อยู่อย่างไรเล่า” เนโรพูดติดตลก แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับไม่ได้ดูติดตลกแม้แต่น้อยมันแฝงไปด้วยความจริงจัง ทำเอาฟาเบียนมองเนโรค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“นั่นสิ ตอนนี้เรากำลังรับใช้พระเจ้าจริงๆ ” เมื่อได้ยินเนโรก็ยกยิ้มมุมปากกับมุกตลกที่ไม่ตลกของฟาเบียน แม้ชื่อของเจ้านายจะแปลว่า เทวดา แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้านายของพวกตนต้องเป็นเทวดาที่แสนอ่อนโยนหรือใจดี หากให้พูดเนโรคงนิยามเจ้านายของตัวเองว่าคงเป็น เทวดาตกสวรรค์มากกว่า...
“นายปล่อยมุกได้ห่วยแตกมากจริงๆ ฟาเบียน” ฟาเบียนยักไหล่ ก่อนจะเอ่ยถามซ้ำสองว่า
“บอกฉันหน่อยสิว่าฉันจะต่อสัญญาระยะยาวได้อย่างไร” เนโรเหล่ตามองฟาเบียน ก่อนจะย่นคิ้วแล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“นายจริงจัง?” เมื่อเห็นว่าฟาเบียนพยักหน้าตอบรับพลางมองตัวเองด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวคล้ายตัดสินใจได้แล้ว เนโรก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิดว่า “ฉันบอกก่อนนะว่าถ้านายทำสัญญานั้นแล้ว นายจะไม่สามารถถอนตัวออกจากที่นี่ได้อย่างง่ายๆ นายคิดดีแล้วหรือ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะมองเสี้ยวหน้าของเนโรที่กำลังขับรถแล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“ใช่ ฉันตัดสินใจแล้ว” เมื่อได้ยินเนโรก็จิปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์นักว่า
“โอเค ฉันรู้แล้วว่านายบ้า การต่อสัญญาทำได้เมื่อนายสิ้นสุดสัญญาฉบับแรก และต้องผ่านการทดสอบจากเลขาจอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ขมวดคิ้ว ชายชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานเป็นเลขาระเบียบจัดให้กับนายท่าน คนที่ทำงานทุกอย่างได้เรียบร้อยราวกับใช้ไม้บรรทัดตีเส้นไว้ คนที่ไม่ว่าฟาเบียนจะมองกี่ครั้งก็คิดว่าเจ้าตัวไม่น่าจะใช่เบต้าแต่ควรเป็นอัลฟ่ามากกว่า ใช่ เลขาจองเป็นเบต้า... เบต้าที่แข็งแกร่งกว่าอัลฟ่าทั่วไป
“เลขาจอง?” เนโรเหลือบตามองฟาเบียนอย่างเห็นใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทำอะไรไม่ถูกว่า
“ใช่ และการทดสอบของเลขาจองไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านได้ง่ายๆ ” ฟาเบียนที่ได้ยินก็ย่นคิ้ว แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเนโรก็เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “เพราะฉะนั้นนายเตรียมใจเอาไว้ด้วยล่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นอัลฟ่าอย่างนาย” ฟาเบียนที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วมองเนโรแต่เนโรส่ายหน้าหวือไม่ตอบอะไรเพิ่ม จนกระทั่งถึงคอนโดฯ
“เอาล่ะ ลูกพี่เรโมเรียกนายไปพบด้วย เพราะฉะนั้นเลิกมองหน้าฉันเหมือนตั้งคำถามได้แล้ว” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เอ่ยขอบคุณเนโรที่มารับตัวเองออกจากโรงพยาบาล ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบนเพื่อไปพบกับเรโม
.......................
“นายเป็นคนแรกเลยนะที่ได้พักงานติดๆ กันแบบนี้” เสียงของเรโมเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองฟาเบียนที่ก้มหน้ารับคำอย่างสงบ ก่อนที่จะเอ่ยต่อว่า “เพราะฉะนั้นนายคิดอย่างไรเรื่องลาออกจากงานก่อนหมดสัญญา แน่นอนว่าทางเราจะดูแลเรื่องเงินที่เหลืออีกครึ่งปีให้เอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เงยหน้ามองเรโมด้วยสายตาตกใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงร้อนรนว่า
“คุณเรโม ผมไม่ได้อยากลาออกครับ ผมอยากทำงานต่อ!” เรโมที่ได้ยินก็ย่นคิ้วก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า
“จากผลงานของนายที่ผ่านมา นายคิดว่าฉันอยากจ้างนายต่อหรืออย่างไร?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เม้มปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสำนึกผิดว่า
“ผมขอโทษครับ” เรโมโบกมือไม่ได้ใส่ใจกับการขอโทษของฟาเบียน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เริ่มหงุดหงิดว่า
“นายไม่เหมาะกับงานที่นี่ ฉันจะพูดอย่างไรดี ฉันหมายถึงนิสัยของนายไม่เหมาะที่จะทำงานเป็นบอดีการ์ดของอะเลสซิโอ” ฟาเบียนเงยหน้ามองเรโมทันทีที่พูดจบ ก่อนจะกัดกระพุ้งแก้มเพื่อเรียกสติ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า
“ผมจะปรับตัวครับ” เรโมที่ได้ยินมองฟาเบียนด้วยสายตาราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า
“ฟาเบียน ที่นายต้องการทำงานต่อ เพราะรู้สึกผิดกับเปโดรใช่ไหม?” ฟาเบียนที่ได้ยินก็เบิกตากว้างเล็กๆ ก่อนจะเม้มปากไม่ได้พูดอะไร ทำเอาเรโมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะเห็นคนแบบฟาเบียนมามากมาย แล้วเอ่ยต่อว่า “จริงสินะ ถ้าอย่างนั้นนายยิ่งไม่เหมาะที่จะทำงานที่นี่ เพราะฉะนั้นลาออกไปเถอะ เพื่อประวัติการทำงานที่ดีของตัวเอง” ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า
“ผมไม่อยากลาออกครับ ผมอยากทำงานต่อ ให้โอกาสผมได้ไหมครับคุณเรโม?” ฟาเบียนแทบจะยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เรโมจะโบกมือไม่สนใจ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทำอะไรไม่ถูกว่า
“นายเป็นคนแรกเลยนะที่ดื้อด้านแบบนี้”
“.............” ฟาเบียนที่ได้ยินก็คอตก ก่อนที่เรโมจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“เอาแบบนี้ ถ้านายอยากทำงานต่อไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรให้ได้ ฉันจะติดต่อเลขาจองให้ทำสัญญาฉบับที่สองของนายในเวลานี้เลย แต่ ...ถ้านายผ่านการทดสอบของเลขาจองไม่ได้ นายจะต้องถูกตราหน้าในประวัติการทำงานว่าถูกไล่ออกนะ? นายโอเคใช่ไหม?”
“!!!!!!!!!!!!” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึงก่อนจะยกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยตอบรับอย่างดีใจว่า “แน่นอนครับผมจะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน!!!”
“.................” เรโมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาเลขาจอง แล้วได้เห็นคำว่าโอเคกลับมา พร้อมกับวันและเวลาสถานที่ที่ทำการทดสอบ พลางเอ่ยกับฟาเบียนด้วยเสียงจริงจังว่า “อีก 3 วันจะถึงวันทดสอบ นายไม่ต้องไปทำงาน แต่เตรียมตัวอยู่ที่นี่แหละ”
“ครับคุณเรโม” ฟาเบียนตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะถูกเรโมไล่ออกไป ฟาเบียนที่ยิ้มแย้มก็ค่อยๆ หุบยิ้มลงก่อนจะเม้มปากแล้วเดินกลับห้องไปด้วยสายตาและการตัดสินใจที่แน่วแน่
...........................
“ฟาเบียน?” เสียงเย็นชาของผู้นำแห่งอะเลสซิโอเอ่ยขึ้นในห้องทำงาน พลางเงยหน้ามองเรโมด้วยสายตาราบเรียบไร้อารมณ์ “ใคร?” เมื่อได้ยินเรโมไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะบอดีการ์ดมีเป็นร้อย ไม่แปลกที่เจ้านายจะจำชื่อของบอดีการ์ดคนหนึ่งไม่ได้
“คนที่เปโดรช่วยชีวิตไว้ครับ” เมื่อได้ยินเจ้าตัวก็พยักหน้ารับ คล้ายจะบอกว่าแล้วอย่างไรต่อ? ก่อนที่เรโมจะเอ่ยต่อว่า “เขาต้องการทำงานระยะยาวกับเราครับ” เมื่อได้ยินสีหน้าของแองเจโลก็เปลี่ยนไป ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยเสียงสนใจว่า
“แล้วอย่างไรต่อ?” เมื่อได้ยินเรโมก็เอ่ยต่อด้วยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ต่อไปว่า
“ผมเลยให้เลขาจองทำการทดสอบครับ” แล้วแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนที่เรโมจะเอ่ยต่อว่า “และเขาก็ผ่านการทดสอบครับ” เมื่อได้ยินสีหน้าของแองเจโลก็เปลี่ยนเป็นสนใจ ก่อนจะเอนหลังกับเก้าอี้พนักพิง แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า
“น่าสนใจ แล้วนายจะให้เขาทำงานที่ฝ่ายไหน?” เมื่อได้ยินเรโมก็เม้มปาก ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงทำอะไรไม่ได้ว่า
“คงเป็นตำแหน่งเดิมที่เคยทำครับ เพราะไม่มีตำแหน่งไหนว่างอีกแล้วนอกจากตำแหน่งนั้น” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้าก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสนใจว่า
“หมอนั่น เป็นอัลฟ่าใช่ไหม?” เมื่อได้ยินเรโมก็พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่แองเจโลจะพยักหน้ารับ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำให้เรโมเข้ามารายงานเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ ต่อ ก่อนจะกลับออกไปในเวลาต่อมา
............................
การทดสอบของเลขาจองไม่ใช่เรื่องตลก ฟาเบียนที่ผ่านมันมาได้ทำได้เพียงรักษาแผลที่หน้าท้อง พักงานติดกันเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะได้เปลี่ยนเป็นสัญญาตลอดชีวิต บอกได้คำเดียวว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาโหดหินมาก ตอนนี้ฟาเบียนเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่เนโรหรือคนอื่นๆ เอ่ยถึงเลขาจองถึงทำหน้าสยองกันทุกคน และเพราะแบบนั้นฟาเบียนเลยได้เริ่มงานอีกครั้งในสัปดาห์ต่อมา ที่หน้าที่เดิม ตำแหน่งเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคงเป็นคนที่นั่งร่วมทางด้วย “สวัสดีฉันชื่อคริสติน จะเป็นบัดดี้นายในวันนี้”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมฟาเบียน” อีกฝ่ายเป็นชาวอเมริกันที่ทำงานแทนฟาเบียนตอนที่ต้องพักงานยาวติดๆ กัน และหน้าที่ขับรถในครั้งนี้จึงกลายเป็นของฟาเบียนเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นว่า
“โอเค ฉันได้ยินเรื่องนายมาบ้าง เพราะฉะนั้นหน้าที่คนขับเป็นนายคนเดิม โอเคไหม?” ฟาเบียนพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบเอากุญแจรถมาจากคริสติน แล้วขึ้นไปประจำตำแหน่งที่ตัวเองเคยทำเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนเดินออกมาจากคฤหาสน์แล้ว โดยมีคริสตินเข้าไปนั่งประจำที่ข้างคนขับ “หวังว่านายจะไม่ซิ่งจนพาฉันเข้าโรงพยาบาลหรอกนะ” คริสตินพูดติดตลก ทำเอาฟาเบียนขำไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า
“แน่นอน นี่เวลาทำงานนะ” เมื่อได้ยินคริสตินก็ยกยิ้ม ก่อนจะจ้องมองฟาเบียนแกะลูกอมรสนมเข้าปาก แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “นายติดลูกอมหรือ?”
“ประมาณนั้นผมแค่กินเพราะมันทำให้มีสมาธินะ” เมื่อได้ยินคริสตินก็พยักหน้ารับ ก่อนจะพยักหน้าเมื่อรถคันแรกเริ่มเคลื่อนตัวออกไป ก่อนที่ฟาเบียนจะขับตามไปอย่างสงบ
.......................
การทำงานวันแรกหลังจากได้พักงานติดต่อกันสามครั้งทำให้ฟาเบียนรู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย และคริสตินเป็นผู้ฟังที่ดี หมอนั่นเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยพูด ทำให้ฟาเบียนที่เหมือนจะเป็นพวกเดียวกันทำอะไรไม่ถูก เรียกได้ว่าการทำงานวันนี้ค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย ก่อนที่ฟาเบียนจะพ่นควันออกจากปาก พลางเท้ามือกับราวระเบียงห้องแล้วจ้องมองท้องฟ้าสีดำด้านบนด้วยสายตาเหม่อลอย แล้วขบคิดถึงเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดิน
ในเป็นความจริงที่ฟาเบียนทำงานต่อเพราะรู้สึกผิดกับเปโดร แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือฟาเบียนอยากรู้ อยากรู้ว่าสิ่งที่เปโดรทำในสัญญาฉบับที่สองมีอะไรบ้าง และฟาเบียนก็ได้รู้ และมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยแม้แต่น้อย และคงมีเพียงแค่คนบ้าเท่านั้นที่จะเซ็นสัญญาฉบับนี้ และใช่ ไม่ว่าจะเปโดรที่ตายไป หรือเนโร แม้แต่ตัวของฟาเบียนเองก็คงบ้า เพราะสัญญาฉบับที่สองระบุเอาไว้ว่า
‘.... เมื่อฝ่าย B เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่จะได้รับการชดเชยเป็นจำนวนเงินมากกว่า 10,000,000 ยูโรต่อญาติที่ได้ระบุไว้ในตัวสัญญา’
ใช่สิบล้านยูโรหรือราวๆ สามร้อยล้านบาทไทย เพราะฉะนั้นเม็ดเงินนั้นทำให้ครอบครัวของเปโดรไม่ลำบากอย่างแน่นอน และใช่ ในช่องของการใส่ชื่อญาติฟาเบียนใส่ชื่อของพี่กาวีโน่และภรรยาของเปโดรไปทั้งหมด ช่วยไม่ได้ที่ฟาเบียนไม่มีญาติหรือคนใกล้ชิดคนอื่นแล้วนอกจากพี่กาวีโน่ที่ไทย เพราะฉะนั้นเมื่อฟาเบียนตายคนที่รับเงินจำนวนนี้จะเป็นครอบครัวของพี่กาวีโน่ และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นของภรรยาของเปโดร เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจ เพราะฉะนั้นฟาเบียนจึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเปโดรถึงยอมตายได้ และใช่ คนอื่นๆ ก็คงยอมตายได้เพราะเม็ดเงินพวกนี้มันมหาศาลจริงๆ
เพราะเชื่อในพระเจ้าที่เรียกว่า ‘เงิน’
+++++
Lady Zombie
21/09/67
ใต้อาณัติครั้งที่ 4 Therefore the ungodly shall not stand in the judgment, nor sinners in the congregation of the righteous. (Psalms 1:5)เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ในการพิพากษา หรือคนบาปทั้งหลายจะไม่ยืนอยู่ในชุมนุมชนของคนชอบธรรม (เพลงสดุดี 1:5)+++++มาเฟีย สองคำนี้ฟาเบียนได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะในหนังหรือภาพยนตร์ แม้แต่ในชีวิตประจำวัน คำว่ามาเฟียก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวฟาเบียน จากสังคมที่เติบโตขึ้นมา จากสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านตัวเอง หรือแม้แต่ประสบการณ์ทำงานของฟาเบียนในบางครั้งก็มีคำว่า มาเฟีย มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ แต่ใครจะไปคิดว่าปัจจุบันฟาเบียนจะทำงานให้มาเฟียตลอดชีวิตจริงๆ ฟาเบียนคาบบุหรี่ไว้ที่ปากพลางกอดอกพิงกระโปรงรถ จ้องมองคริสติน กับเนโรกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยกัน ในขณะที่ยูตะกำลังนั่งกินขนมหวานเป็นกล่องที่สาม และตัวเองสูบบุหรี่เป็นมวนที่สอง วันนี้นายท่านอยู่ที่บริษัทนานกว่าทุกวัน ได้ยินเนโรบ่นว่ามีเรื่องของการซื้อสัมปทานอะไรสักอย่างที่แอฟริกาแต่ฟาเบียนไม่ได้สนใจหรอก นอกจากนึกไปถึงเรื่องที่เลขาจองบอกกับตัวเองในวันที่ผ่านการทดสอบ คำพูดธรรมดาที่เหมือนไม่มีอะไร แต่กลั
ใต้อาณัติครั้งที่ 5 The fear of the LORD is the beginning of knowledge: but fools despise wisdom and instruction. (Proverbs 1:7)ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นการเริ่มต้นแห่งความรู้ แต่บรรดาคนโง่ดูหมิ่นสติปัญญาและคำสั่งสอน (สุภาษิต 1:7)+++++ปีกว่าแล้วที่ฟาเบียนทำงานที่อะเลสซิโอ ทำหน้าที่เป็นคนรถติดตามเจ้านายไปในทุกที่ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ได้เห็นได้ยินในสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่คนดีๆ ไม่ทำกัน แต่เจ้านายของตนก็ทำ ทำให้ฟาเบียนเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ตัวเองพูดว่าเจ้านายตัวเองเหมือนเทวดา สีหน้าของเนโรถึงได้ดูบิดเบี้ยวแปลกๆ เพราะสำหรับฟาเบียนแล้วเจ้านายของตนคงเป็นเทวดาตกสวรรค์อย่างแน่นอน ต่อให้ดูภายนอกใจดีเข้าถึงง่ายได้มากแค่ไหน แต่ภายในกลับน่ากลัวและน่าขนลุกมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เป็นครบรอบวันทำงานหนึ่งปี ฟาเบียนจึงได้อยู่ที่นี่ ที่คฤหาสน์อะเลสซิโอ ไม่ใช่ว่าฟาเบียนอยากมาก็มาได้หรอกนะ แต่เป็นเพราะที่นี่กำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต่างหาก และหน้าที่ของฟาเบียนคือการยืนเฝ้าอยู่ที่บันไดขึ้นชั้น 3 ยืนอยู่แบบนี้มาสองชั่วโมงแล้ว และเป็นสองชั่วโมงที่ฟาเบียนอึดอัดที่สุดอีกต่างหาก“อ๊ะ อ๊า
ใต้อาณัติครั้งที่ 6 A soft answer turneth away wrath: but grievous words stir up anger. (Proverbs 15:1)คำตอบอ่อนหวานหันเหความโกรธไปเสีย แต่บรรดาคำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำก็เร้าโทสะ (สุภาษิต 15:1)+++++หนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเจ้านายของฟาเบียน คือในตอนค่ำนายท่านจะไปที่คลับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยของมึนเมา และยา ใช่ ยาเสพติดเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของอะเลสซิโออย่างลับๆ ฟาเบียนรู้และเข้าใจดีแต่ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่านั้น เพราะนั่นก็เป็นเรื่องของนายท่าน ฟาเบียนแค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเป็นพอก็พอ และเพราะแบบนั้นในวันนี้ฟาเบียนที่หน้าที่เฝ้าประตูด้านใน ทำได้เพียงจ้องมองภาพนายท่านกำลังคุยกับลูกค้าด้วยเสียงจริงจัง “คุณนิโคไลข้อเสนอของผมถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในอิตาลีแล้ว ไม่ทราบว่าคุณกำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” เสียงของแองเจโลเอ่ยด้วยโทนเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่สีหน้าของคู่สนทนากลับบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยตอบด้วยภาษาอังกฤษว่า“แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าทางอะเลสซิโอยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับทางเราแต่คุณโอเลสเตเองก็ยื่นข้อเสนอที่ดีไม่แพ้กันมาให้เราเช่นกัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่รู
ใต้อาณัติครั้งที่ 7 Pleasant words are as an honeycomb, sweet to the soul, and health to the bones. (Proverbs 16:24)บรรดาถ้อยคำที่ไพเราะเป็นเหมือนอย่างรวงผึ้ง มีรสหวานแก่จิตใจ และเป็นสุขภาพแก่กระดูกทั้งหลาย (สุภาษิต 16:24)+++++วันนี้เป็นอีกครั้งที่ฟาเบียนต้องฉายเดี่ยว เพราะริคกี้ไม่สบาย โอเคอัลฟ่าก็คนมีบ้างที่จะไม่สบาย เพราะฉะนั้นการลางานกะทันหันแบบนี้จึงมีมาไม่บ่อย โดยเฉพาะวันนี้ วันที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายเพราะเจ้านายกำลังเดินทางไปจีน ใช่ตามที่ทุกคนคิด ลูกค้าที่ชื่อนิโคไลไม่ตอบรับข้อเสนอของนายท่าน และเลือกไปที่ฝั่งไอ้อ้วนโอเลสเต (ที่เรียกแบบนั้นเพราะความแค้นส่วนตัว) เพราะฉะนั้นเจ้านายเลยทำได้เพียงต้องหาลูกค้าใหม่ และการหาลูกค้าใหม่ที่ว่าก็อยู่ที่ประเทศจีน เกาะมาเก๊า และฟาเบียนก็ต้องตามติดเจ้านายเป็นเงาตามตัว เพราะคุณวาเนสซ่า และเลขาจองไม่ได้ไปด้วย แต่ลูกพี่เรโมไปแทนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นการประชุมจึงจัดขึ้นเป็นระยะเนื่องจากแผนการเดินทางเอย การรักษาความปลอดภัยเอย และเรื่องของการเปลี่ยนเวร และเพราะวันที่เดินทางเป็นช่วงที่ริคกี้มันอยู่ในช่วงรัทและไม่สบายพอดี ฟาเบียนจึงทำได้เพียงต้
ใต้อาณัติครั้งที่ 8 That which is crooked cannot be made straight: and that which is wanting cannot be numbered. (Ecclesiastes 1:15)สิ่งที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ ฤและสิ่งที่ขาดอยู่จะถูกนับให้ครบไม่ได้ (ปัญญาจารย์ 1:15)+++++ฟาเบียนอยากตาย เอาจริงๆ ฟาเบียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมานอนที่โซฟาในห้องนั้นได้อย่างไร นอกจากเงินในบัญชีที่มากขึ้นหลายหมื่น บ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้ฟาเบียนดื่มไปหลายสิบแก้วแลกกับเงินที่เพิ่มขึ้นในบัญชีจริงๆ ก่อนจะนั่งถอนหายใจแล้วเดินออกไปจัดการตัวเอง พลางฟังเพื่อร่วมงานบอกว่าเจ้านายค้างคืนที่นี่ ฟาเบียนเลยต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ก่อนจะเจ้านายจะตื่นราว 2 ชั่วโมง และขอยาแก้เมาค้างกับทางพนักงานที่นั่น แล้วฟาเบียนก็หาอะไรร้องท้องเบาๆ กิน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่จอดไว้ ดูเหมือนเนโรกับยูตะน่าจะกลับไปที่พักแล้ว ฟาเบียนเลยจัดการเช็กรถทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเตรียมเดินทางอีกครั้งเมื่อเจ้านายตื่นและเวลานั้นก็มาถึงที่หูฟังของฟาเบียนปรากฏเสียงของลูกพี่เรโมที่ดังขึ้นว่า[ฟาเบียนตื่นหรือยัง?]“ครับคุณเรโม ผมกำลังเช็กรถอยู่” ฟาเบียนตอบกลับวิทยุที่หู ก่อนจะเอ่ยฟังคำสั่งต่อไปอย่างตั้งใ
ใต้อาณัติครั้งที่ 9 The morsel which thou hast eaten shalt thou vomit up, and lose thy sweet words. (Proverbs 23:8)อาหารชิ้นนั้นซึ่งเจ้าได้กินเข้าไปแล้ว เจ้าจะต้องสำรอกออกมา และเสียถ้อยคำอ่อนหวานของเจ้าเปล่า ๆ (สุภาษิต 23:8)+++++เมื่อเข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่แรกแองเจโลและฟาเบียนทำคือการกอดกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมปนเปกัน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ฟาเบียนเขย่งปลายเท้าเพื่อโอบรอบคอแองเจโลจนเสื้อโค้ตที่พาดไว้ที่ไหล่ลงจากพื้น พร้อมกับแองเจโลที่ถอดเอาถุงมือออก แล้วเขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะโอบหลังฟาเบียนแน่น แล้วดันอีกฝ่ายไปที่ประตู ก่อนที่ริมฝีปากที่กำลังดูดดึงหยอกเย้ากัน สัมผัสกันแผ่วเบาจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย แผ่นหลังของฟาเบียนติดกับประตูก่อนจะโอบรอบคอของเจ้านายตัวเองไม่ต่างจากแองเจโลที่กำลังพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวของฟาเบียน ก่อนที่ฟาเบียนจะเริ่มหายใจไม่ออกและเป็นฝ่ายผละออกจากการจูบ จนได้ยินเสียงจ๊วบพร้อมกับน้ำลายไปที่ไหลเยิ้มออกมารอบปากของทั้งคู่จนมันวาว“เดี๋ยวครับ?” ฟาเบียนผลักไหล่ของแองเจโลออกจากตัวเอง ก่อนจะมองแองเจโลที่กำลังเลียรอบริมฝีปากจนน้ำลายของทั้งคู่รวมกัน
ใต้อาณัติครั้งที่ 10 I thank my God, making mention of thee always in my prayers, (Philemon 1:4)ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้า โดยเอ่ยถึงท่านเสมอในคำอธิษฐานต่าง ๆ ของข้าพเจ้า (ฟีเลโมน 1:4)+++++ฟาเบียนกำลังเขิน โอเคแม้จะตัวใหญ่แต่พอโดนเจ้านายเดินกุมมือในตอนบ่ายแบบนี้ฟาเบียนก็อดเขินไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งที่ทำคือเดินจับมือนายท่านเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้โรงแรม โดยที่มีบอดีการ์ดเฝ้าอยู่รอบนอก ฟาเบียนแอบลอบมองใบหน้าของเจ้านายที่ราบเรียบขณะเดินก็เกิดคิดในใจว่าหรือเจ้านายไม่อยากออกข้างนอกหรือเปล่า จึงได้กลั้นใจเอ่ยถามออกไปว่า “นายท่านอยากกลับห้องที่โรงแรมเลยไหมครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็นิ่งไป ก่อนจะหลุบเปลือกตาจ้องมองคนที่กำลังประหม่าและเขินอาย ก่อนจะกระชับมือที่จับกันไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทำไม ฟาไม่อยากเดินเล่นกับฉันแล้วหรือ?” ฟาเบียนที่ได้ยินก็เลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ้อมแอ้มว่า“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่านายท่านจะเบื่อ”“เดินกับฟามีอะไรให้น่าเบื่อ? คิดมาก” แองเจโลเอ่ยติดตลกก่อนจะมองฟาเบียนด้วยสายตาอ่อนลง แล้วกระชับมือที่จับกันแน่นท่ามกลางสายตามากมายที่อยากใส่ใจ แต่ทั้ง
ใต้อาณัติครั้งที่ 11 Be not ye therefore like unto them: for your Father knoweth what things ye have need of, before ye ask him. (Matthew 6:8) *The Model Prayer (Luke 11:1-4) *เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายอย่าเป็นเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าพระบิดาของพวกท่านทรงทราบว่าพวกท่านต้องการสิ่งใดบ้าง ก่อนที่พวกท่านทูลขอจากพระองค์แล้ว (มัทธิว 6:8) *แบบอย่างแห่งการอธิษฐาน (ลูค 11:1-4) *+++++เมื่อตอนเย็นมาถึงดินเนอร์ของฟาเบียนก็ต้องยกเลิกเมื่อสินค้าที่มาจากตะวันออกกลางมีปัญหา เจ้านายก็จำต้องไปดูที่ท่าเรืออีกครั้งด้วยตัวเอง ฟาเบียนที่แม้จะเข้าใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจว่างานก็สำคัญ วันนี้ฟาเบียนติดตามนายท่าน พร้อมริคกี้ ส่วนลูกพี่และเรโมไปดูงานที่คลับและคุณวาเนสซ่าเคลียร์งานที่บริษัทกับเลขาจอง ทำให้ตอนนี้คนที่ติดตามนายท่านคือบอดีการ์ดส่วนหนึ่ง ฟาเบียนและริคกี้ตามลำดับ เมื่อมาถึงริคกี้อาสาจะเฝ้าที่รถเพื่อไม่ให้มีคนลอบเข้ามาทำอะไรกับรถพร้อมคนอื่นๆ ฟาเบียนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลังนายท่านเข้าไปในโกดัง คนที่ดูแลสินค้าเป็นชาวอเมริกันชื่อ พอล หมอนั่นรีบเข้ามาโค้งคำนับเจ้านายทันทีที่เห
ใต้อาณัติครั้งสุดท้าย The grace of our Lord Jesus Christ be with you all. Amen. (Revelation 22:21)ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด เอเมน (วิวรณ์ 22:21)+++++“Sentino Alessio” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นในตอนที่รับลูกชายมาจากมือของพยาบาล ที่พาเข้ามาในห้องพักฟื้นหลังฟาเบียนตื่นแล้ว ใช่ ฟาเบียนคลอดโดยการผ่าคลอด ก่อนที่ฟาเบียนจะอมยิ้มจ้องมองลูกชายตัวแดงๆ ย่นๆ ในอ้อมกอดของแองเจโล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า“เซนติโนแปลว่าอะไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“นักบุญตัวน้อย ชื่อน่ารักใช่ไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มย่นๆ ของลูกชายก่อนที่คุณหมอมิลเลอร์จะเดินมาส่งผลใบตรวจเพศรองของลูกชายครั้งแรกเกิดให้แด๊ดดี้และป่าป๊าดู ฟาเบียนรับมาก่อนจะมองใบหน้าของแองเจโลที่กำลังกอดลูกด้วยท่าทางมีความสุข ก่อนที่แองเจโลจะเงยหน้ามองฟาเบียนแล้วเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร“ผลตรวจเซนติโนเป็นอีนิกม่าครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง พลางกดจูบที่หน้าผากของลูกชาย“เก่งมากเจ้าลูกชาย” ฟาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 19 And Adam knew Eve his wife; and she conceived, and bare Cain, and said, I have gotten a man from the LORD. (Genesis 4:1)และอาดัมได้ร่วมกับเอวาภรรยาของเขา และนางได้ตั้งครรภ์ และคลอดคาอิน และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” (ปฐมกาล 4:1)+++++วันนี้แองเจโลกลับบ้านมาไวกว่าทุกครั้ง แม้งานจะกองท่วมหัว แต่รู้ดีว่าฟาเบียนคงมีเรื่องอยากคุยกับตัวเองต่อแน่ๆ ในระหว่างที่เดินขึ้นชั้นบนก็เอ่ยกับเรโมไปด้วยว่า “วันนี้ฉันจะไม่เข้ากาสิโน กับไปที่คลับ นายจัดการดูแลไปก่อนเลย”“ครับ” แล้วเรโมก็หยุดตามแล้วหมุนตัวเดินไปทางอื่น ในขณะที่แองเจโลยกมือขึ้นดึงเนกไทลง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสามโดยมีริคกี้ตามมาเฝ้าที่ทางขึ้นบันไดเช่นเดิม และเมื่อเข้าไปในห้องแองเจโลก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดรออยู่ เลยเดินผ่านห้องนั่งเล่นในห้องนอน เข้าไปในห้องแล้วต้องพรูลมหายใจออกอย่างอึดอัดเมื่อกลิ่นฟีโรโมนกลิ่นกาแฟใส่นมภายในห้องมันคลุ้งไปหมด จนทำเอาเจ้าลูกชายเกือบตื่น ก่อนจะจ้องมองก้อนผ้าห่มบนเตียงด้วยสายตาอ่อนลง แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงเย็นยะเยือกของคนในผ้าห่มก็ดังขึ้นเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 18 So God created man in his own image, in the image of God created he him; male and female created he them. (Genesis 1:27)ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์เอง ในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างเขา พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง (ปฐมกาล 1:27)+++++เรโมจ้องมองภาพที่ลูกน้องตัวเองเดินขยี้ตาออกมาจากสนามบินพร้อมเจ้านายตัวเองที่กำลังโอบเอวอีกฝ่ายเดินออกมาอย่างรักใคร่ด้วยสายตาปลาตาย ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่หนีหายหน้าไปเดือนกว่าโดยไม่บอกใครสักคนนอกจากเลขาจอง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่ฟาเบียนจะขืนตัวแล้วเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวผมไปนั่งคันหลัง”“ไม่ต้อง มานั่งกับฉันนี่แหละ” แล้วฟาเบียนก็โดนเจ้านายตัวเองลากไปขึ้นเบาะหลังอย่างงงๆ โดยมีเรโมปิดประตูโบกมือไล่บอดีการ์ดคนอื่นๆ ให้รีบๆ แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางกลับคฤหาสน์อะเลสซิโอ โดยที่เรโมขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างริคกี้ที่กำลังเหลือบมองตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก เพราะภาพจากเบาะหลังคือ เจ้านายตัวเองกำลังพูดเสียงสองกับฟาเบียนที่กำลังบ่นว่าตัวเองง่วงแค่ไหนด้วยสายตาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 17 He hath led me, and brought me into darkness, but not into light. (Lamentations 3:2)พระองค์ได้ทรงนำข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าเข้ามาในความมืด แต่ไม่เข้าในความสว่าง (เพลงคร่ำครวญ 3:2)+++++“คุณอยากให้ผมใส่เจ้านี่ตลอดเลยใช่ไหมครับ?” ฟาเบียนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ปลอกคอและสายโซ่ที่แองเจโลถืออยู่ในมือ แองเจโลเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“แล้วได้ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ดึงสายโซ่มาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะเป็นฝ่ายใส่สายโซ่กับปลอกคอตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า“แล้วผมจะออกไปเดตกับคุณข้างนอกได้อย่างไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็มองใบหน้าของฟาเบียนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“ก็ไม่ต้องออกไป ฉันจะดูแลนายทั้งหมดเอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่แองเจโล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“แต่ผมอยากออกไปเดตกับคุณ มีหลายที่เลยที่ผมอยากไปกับคุณ ผมอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคุณ มากกว่าการอยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้” ใช่ สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่อยากกักขังคู่เอาไว้ใต้ปีกทำไมฟาเบียนจะไม่เข้าใจ ตนเองก็เคยมีความคิดนี้ แต่เพราะฟาเบียนไม่ได้ทำไม่ได้หมายความ
ใต้อาณัติครั้งที่ 16 And when the thousand years are expired, Satan shall be loosed out of his prison, (Revelation 20:7)และเมื่อเวลาหนึ่งพันปีนั้นล่วงไปแล้ว ซาตานจะได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกของมัน (วิวรณ์ 20:7)+++++แองเจโลจับลำคอของฟ้าที่กำลังฮีตด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจเลยว่ากลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายจะยั่วยวนมากแค่ไหน เพราะสำหรับอีนิกม่าอย่างแองเจโลแล้วนั้น ฟีโรโมนของโอเมก้าก็เหมือนน้ำหอมที่หวานเลี่ยนจนน่าพะอืดพะอมจนอยากอ้วกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแองเจโลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟีโรโมนโอเมก้าที่กำลังฮีต นอกจากความกรุ่นโกรธที่เห็นเมียตัวเองกำลังไปจูบกับคนอื่น ก่อนจะปรายตามองฟาเบียนที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ และฟีโรโมนที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง “แองเจโล?” เสียงพึมพำของอีกฝ่ายทำให้แองเจโลจิปาก ก่อนจะลากคอโอเมก้าที่กำลังฮีตออกจากห้องด้วยการคว้าหลังคอ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหน้าห้องนอน จนอีกฝ่ายกลิ้งกระเด็นกับพื้นอย่างหมดสภาพ“ฮึก ฮื่อ” อีกฝ่ายร้องไห้โฮเพราะกลิ่นฟีโรโมนของแองเจโลที่ฉุนจมูกจนน่าขนลุก และไหนจะโดนอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นล้มกับพื้นจนเจ็บไปทั้งตัวอีก
ใต้อาณัติครั้งที่ 15 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. (Revelation 21:4)และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของพวกเขา และจะไม่มีความตายอีกต่อไป หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ และจะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ อีกต่อไป เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ในกาลก่อนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)+++++“มีอะไรหรือฟา?” แองเจโลเอ่ยพลางจับแขนของฟาเบียนแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเหลือบตามองโอเมก้าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองด้วยสายตาอันตรายทำเอาอีกฝ่าย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสบตากับแองเจโล แต่สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติว่า“ไม่มีอะไรครับ แองเจโลไปหยิบของที่อยากทานก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไปครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ทำเอาฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนที่แรงบีบที่แขนจะแรงขึ้น แล้วหายไปเมื่อเจ้าตัวปลดมือออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“อย่านาน” แล้วแองเจโลก็จ้องเขม็งไปที่โอเมก้าร่างเล็กตรงหน้า แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพ
ใต้อาณัติครั้งที่ 14 Go thy way, eat thy bread with joy, and drink thy wine with a merry heart; for God now accepteth thy works. (Ecclesiastes 9:7)เจ้าจงไปตามทางของเจ้าเถิด จงรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความชื่นบาน และดื่มน้ำองุ่นของเจ้าด้วยใจร่าเริง เพราะบัดนี้พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานทั้งหลายของเจ้าแล้ว (ปัญญาจารย์ 9:7)+++++“ฟาอยากพักร้อนหรือ?” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นภายในห้องทำงานของบริษัทหลังจากมาทำงานในตอนเช้าวันนี้ ฟาเบียนยืนตรงหน้าเจ้านายแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ผมไม่ได้กลับไปที่บ้านเกิดนานแล้วครับ เลยอยากกลับบ้านไปพักร้อนสักพักครับ” นัยน์ตาของแองเจโลลดลงเมื่อได้ยิน ก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิง แล้วประสานมือไว้บนตัก พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“ถ้าอย่างนั้นฟาอยากพักร้อนนานเท่าไร หนึ่งสัปดาห์พอไหม?” ฟาเบียนเม้มปากเมื่อได้ยิน ก่อนจะเสหลบสายตาของเจ้านายที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“หนึ่งสัปดาห์.... ไม่ครับ ผมหมายถึง หนึ่งเดือน ผมอยากไปพักร้อนสักหนึ่งเดือนครับ” เมื่อพูดจบฟาเบียนก็ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับเจ้านายตัวเอง ต่างจากแองเจโลที่มีรอยยิ้มหยันยกข
ใต้อาณัติครั้งที่ 13 Live joyfully with the wife whom thou lovest all the days of the life of thy vanity, which he hath given thee under the sun, all the days of thy vanity: for that is thy portion in this life, and in thy labour which thou takest under the sun. (Ecclesiastes 9:9)จงอยู่กินด้วยความชื่นบานกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดวันทั้งหลายแห่งชีวิตของความอนิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดวันทั้งหลายแห่งความอนิจจังของเจ้า เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนของเจ้าในชีวิตนี้ และในงานหนักของเจ้าซึ่งเจ้ากระทำภายใต้ดวงอาทิตย์ (ปัญญาจารย์ 9:9)+++++ฟาเบียนที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัวจ้องมองเจ้านายตัวเองกำลังใส่ปลอกคอที่ตัวเองเลือกเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้ด้วยสายตาอ่านยาก แววตาของเจ้านายดูเต็มไปด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกใส่ปลอกคอ มือที่ไม่ได้สวมถุงมือของนายท่านลูบไล้ที่ปลอกคอหนังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า “เหมาะกับนายมากจริงๆ ” ฟาเบียนที่ได้ยินก็จ้องมองเจ้านายตัวเองผ่านกระจก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“นายท่านชอบให้ผมใส่มันหรือครับ?” ฟา
ใต้อาณัติครั้งที่ 12 Surely oppression maketh a wise man mad; and a gift destroyeth the heart. (Ecclesiastes 7:7)แน่นอนการบีบบังคับกระทำให้คนที่มีสติปัญญาบ้าได้ และสินบนก็ทำลายใจ (ปัญญาจารย์ 7:7)+++++วันนี้เป็นวันหยุดของฟาเบียนที่ไม่ต้องทำงาน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันหยุดตัวเองถึงได้ตรงกับของยูตะ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เป็นสาวกสาว 2D อย่างบ้าคลั่ง วันนี้ฟาเบียนที่มีเรื่องในใจเลยไม่ได้นอนอุตุอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนปกติ แต่มานั่งเล่นเกมกับยูตะที่ห้องอีกฝ่ายแทน แน่นอนว่าฟาเบียนแพ้ยับเพราะเอาแต่คิดเรื่องอื่นในใจจนเหม่อลอยไปไกล จนกระทั่งเสียงของยูตะดังขึ้นว่า “กลับไปนอนไหม?” ยูตะเอ่ยถามเพื่อร่วมงานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะหมอนี่เอาแต่เหม่อจนเล่นเกมไม่สนุกเอาเสียเลย ฟาเบียนที่ได้ยินก็เม้มปาก ก่อนจะนอนเกลือกไปกับพื้น แล้วหลับตาทำเอายูตะส่ายหน้าระอา ก่อนจะเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจอีกฝ่ายฟาเบียนมีเรื่องในใจ ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ฟาเบียนเอาแต่คิดและพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้านายท่าน ฟาเบียนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจอะไร ยังคงหน้าด้านหน้าทนมีความสัมพันธ์กับนายท่านต่อไป ฟาเบียนอยากท