ความทะเยอทะยานในสายตาของเธอ ปรากฏออกมาชัดเจนอย่างไม่ปิดบัง ฟู่เย่เฉินรู้สึกว่าวิญญาณที่ตายไปแล้วของตัวเองถูกปลุกขึ้น ตอนนี้เขาและเสิ่นอวี๋ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเสิ่นอวี๋ทำสำเร็จก็เท่ากับเขาสำเร็จด้วยเช่นกัน สถานะแม่ของผู้หญิงยกระดับได้ผ่านการมีลูกชาย เขาเองก็ทำได้เหมือนกัน สถานะพ่อของเขาก็จะยกระดับผ่านการมีลูกได้! ......ตอนกลางคืนเวลาสี่ทุ่ม รถโรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆขับเข้ามาลานหน้าบ้านตระกูลฟู่ คืนนี้ฟู่สือถิงไปร่วมงานเลี้ยงเหตุผลที่เขาตอบรับร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้ เป็นเพราะมีผู้ประกอบการธุรกิจโดรนอันดับหนึ่งในสามของประเทศเข้าร่วมด้วย เขาต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทฉินอันอันทางอ้อม ข้อมูลที่ได้รับจากงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะสร้างฉินกรุ๊ปขึ้นมาใหม่ แต่ช่องทางการตลาดในประเทศกลับเจออุปสรรค บริษัทเทคโนโลยีเอเอ็นนั้นยอดเยี่ยมมากที่ต่างประเทศ ด้านคำวิจารณ์ปากต่อปากและชื่อเสียงก็เป็นเลิศ ทว่าเมื่อฉินอันอันกลับประเทศ เธอไม่ได้ใช้ชื่อยี่ห้อบริษัทเทคโนโลยีเอเอ็น แต่เป็นฉินกรุ๊ป ถึงแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน แต่ยี่ห้อไม่เหมือนกัน ราคาก
”ใช่แล้ว! ขอแค่ให้เงินฉัน ฉันก็ยอมขายได้ทุกอย่างนั่นแหละ!” เธอโมโหหน้าดำหน้าแดง และเสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง!” ความโกรธเดือดพล่านรุนแรงในดวงตาของเขา “เคลียร์พื้นที่!” เขาออกคำสั่ง บอดี้การ์ดจึงไล่คนทุกคนในร้านอาหารที่กำลังมองดูอย่างตื่นเต้นออกไปทันที รวมไปถึงประธานหลูที่ทรุดตัวนั่งนิ่งอยู่บนพื้นด้วย ทันใดนั้นก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนในร้านอาหารขนาดใหญ่ ฉินอันอันผลักหน้าอกของเขาอย่างแรง “ฟู่สือถิง! คุณมันอันธพาล! ไอ้คนเลว!” เธอใช้แรงทั้งหมดที่มี แต่กลับไม่สามารถขยับตัวเขาได้แม้แต่น้อย “คุณอยากขายไม่ใช่เหรอ? ผมก็จะช่วยคุณซื้อนี่ไง!” ฝ่ามือใหญ่ของเขาเอื้อมมาด้านหน้าเธอแล้วฉีกเสื้อของเธอออกเธอตกใจจนหน้าซีดแล้วร้องขอความเมตตาทันที “อย่าแตะต้องฉัน! ฟู่สือถิง! ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย!” “คนอื่นแตะต้องคุณได้ ผมทำไม่ได้งั้นเหรอ?! เพราะผมไม่ได้ให้เงินคุณใช่ไหม?” เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิง!เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วนำธนบัตรทั้งหมดที่อยู่ข้างในทั้งหมดออกมาแล้วโยนใส่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตื่นตระหนกของเธอ! จากนั้น มีเสียงดัง ‘แคว
ตระกูลหลี หลีเสี่ยวเถียนหยิบเสื้อยืดให้ฉินอันอัน“เธอไปทำบ้าอะไรมาเนี่ย? ต่อให้เล่นมวยปล้ำก็คงไม่ถึงขึ้นกระดุมหลุดหรอกใช่ไหม?” หลีเสี่ยวเถียนดูสงสัยแล้วคาดเดา “ฉินอันอัน นี่เธอไปทะเลาะกับใครมาใช่ไหม?!” ฉินอันอันสวมเสื้อยืดและพูดอย่างไม่พอใจ “ใช่เลย! ถูกเธอจับได้แล้ว” “สู้แพ้เหรอ? เห็นสภาพทุลักทุเลของเธอแล้วปวดใจจริง ๆ เลย หรือเธอจะจ้างบอดี้การ์ดดีไหม?” หลีเสี่ยวเถียนเทน้ำอุ่นให้เธอ “ดีร้ายยังไงตอนนี้เธอก็เป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่าร้อยล้านเลยนะ เธอจำเป็นที่จะต้องจ้างบอดี้การ์ดแล้วล่ะ เธอดูฟู่สือถิงสิ เขาก็จ้างบอดี้การ์ดตั้งเยอะ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน บอดี้การ์ดก็ไปด้วยทุกที่ ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินมาว่าบอดี้การ์ดของเขาทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ยอดฝีมืออันดับต้น ๆ…”ฉินอันอันหัวเราะเยาะ “เพราะงั้นฉันเลยไม่ต้องเสียเงินจ้างบอดี้การ์ดยังไงล่ะ” หลีเสี่ยวเถียน “ทำไมล่ะ?” หลังถามจบ เธอก็เข้าใจแล้ว “ฟู่สือถิงป่วยใช่ไหมเนี่ย? ทำไมเขาต้องจงใจหาเรื่องเธอด้วย?” ฉินอันอันดื่มน้ำแล้ววางแก้วน้ำลง “เสี่ยวเถียน ขอบคุณนะที่ให้ฉันยืมเสื้อ ฉันกลับบริษัทก่อนล่ะ” ไมค์โทรหาเธอ ถามว่าการเจรจาเป็
ฟู่สือถิงเปิดถุงออก มองแวบเดียวก็เห็นเสื้อเชิ้ตและเงินสดอยู่ข้างใน เสียง ‘หวือ’ ดังขึ้นถุงสีดำถูกเขาโยนทิ้งจนปลิว! “เอาไปทิ้งซะ!” เสียงของเขาดังอย่างเย็นชา “ได้ครับ” โจวจื่ออี้รีบหยิบถุงขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป ……ที่ย่านการค้า หลังจากที่ไมค์พาฉินอันอันไปที่ร้านเสื้อผ้าสตรีแล้ว เขาก็เอาเสื้อผ้าแบบใหม่ให้เธอลองทีละตัว “เธออย่าทำให้ตัวเองลำบาก ต้องลองใส่ก่อนถึงจะรู้ว่าเหมาะหรือเปล่า” ไมค์ดันเธอไปที่ห้องลองชุด “คุณผู้หญิง แฟนของคุณดีกับคุณมากจริง ๆ ค่ะ มีผู้ชายไม่กี่คนที่จะละเอียดรอบคอบขนาดนี้!” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ให้ฉันเข้าไปช่วยคุณเปลี่ยนไหม?” ฉินอันอันส่ายหัวอย่างแรง “ฉันเปลี่ยนเองได้” ตลอดช่วงบ่าย ไมค์พาฉินอันอันไปช้อปปิ้งทั่วย่านการค้า ท้ายรถเต็มไปด้วยถุงกระดาษเขาไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าให้ฉินอันอัน ยังซื้อให้เสี่ยวหาน รุ่ยลา และจางหยุนรวมถึงซื้อให้ตัวเขาเองด้วย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินอันอันไปช้อปปิ้งกับเขา แต่น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ฉินอันอันหิวไส้แทบขาดจนลากเขาเข้าไปในร้านอาหารที่เจอ คิดแต่จะกินให้อิ่มแล้วค่อยกลับ “ฉินอันอัน เธอรีบ ๆ กินเลย กิน
โจวจื่ออี้รู้สึกราวกับถูกตีจนหน้าบวม คนบางคนบอกว่าจะไม่มางานวันเกิดของฉินอันอันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาเงียบ ๆ ได้ล่ะ? ที่เคยพูด คือการผายลมทิ้งแค่นั้นรึไง? เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้เดินก้าวยาว ๆ ไปหาฟู่สือถิงแล้วถามถึงสถานการณ์ ฟู่สือถิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแล้วพูดโกหกอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย “บังเอิญผ่านมาเลยแวะมาดู” “เหอะ ๆ ผมนึกว่าคุณกลัวจนไม่กล้ามาแล้ว!” ไมค์เดินเข้ามาแล้วดึงฟู่สือถิงไปที่โต๊ะไวน์ “วันนี้พวกเราทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดเทพธิดาฉินอันอันของผม ดังนั้น ข้อแรกอย่าด่าทอใคร ข้อสองห้ามใช้ความรุนแรง ความสุขเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!” พูดแล้วไมค์ก็หยิบแก้วไวน์เปล่ามาวางตรงหน้าฟู่สือถิง จากนั้นเขาก็หยิบขวดไวน์ขึ้นมา เปิดเสียงดังปังแล้วเติมใส่แก้วจนเต็ม! ฉินอันอัน “…” ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น จะดื่มแล้วเหรอ? ฉินอันอันมองเห็นกลุ่มคนที่นำโดยไมค์ และผู้อำนวยการผู้จัดการแต่ละแผนกกำลังจ้องมองฟู่สือถิงเหมือนหมาป่าที่หิวโหยอย่างไรอย่างนั้น เธอมองเห็นแผนการของพวกเขาได้ในชั่วพริบตา เธอก้าวไปข้างหน้า ตั้งใจจะหยุดพวกเขา หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอไว้ “เธอไม่ต้องยุ่งกั
ข้างในมีรูปถ่ายต่าง ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเธอ สิ่งนี้เป็นของขวัญอันล้ำค่ามาก “เพราะว่าเราเป็นเพื่อนซี้กันไงล่ะ! โทรศัพท์ที่ฉันใช้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ในเครื่องนอกจากรูปฉันก็เป็นรูปเธอเยอะที่สุดเลยนะ” หลีเสี่ยวเถียนมองเธอด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง “พวกเรามาเป็นเพื่อนซี้กันชั่วชีวิตเถอะ!” ฉินอันอันยกแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับเธอ “รวยแล้วอย่าลืมกันนะ!” หลังจากจิบไวน์แล้วฉินอันอันก็วางแก้วลง ทันใดนั้นมีคนมาตบที่ไหล่ เธอหันไปมองด้านข้าง เห็นใบหน้าขึ้นสีแดงประดับรอยยิ้มของเซิ่งเป่ย “คุณฉิน มานี่สิ!” เซิ่งเป่ยชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ “ไปควบคุมพนักงานของคุณเลย ไม่งั้นพวกเขาจะมอมเหล้าพวกเราใหญ่แล้ว” เซิ่งเป่ยมีสีหน้าย่ำแย่ “พี่เซิ่ง พี่คอแข็งระดับหนึ่งต่อสิบเลยนะคะไม่มีปัญหาหรอก!” หลีเสี่ยวเถียนแซว เซิ่งเป่ยถอนใจ “นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้แก่แล้ว…” ฉินอันอันลุกขึ้นแล้วตามเซิ่งเป่ยไปที่โต๊ะถัดไปเซิ่งเป่ยให้เธอนั่งลงตรงที่นั่งของไมค์ และที่นั่งของไมค์อยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอเหลือบมองฟู่สือจากหางตา เขาเองกำลังมองเธอด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว ฉินอันอันถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัด ด
ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ของเขาเอื้อมออกมาจับมือของเธอที่ถือโทรศัพท์อยู่ มือเธออ่อนลงแล้วปล่อยโทรศัพท์ มือใหญ่ของเขาหดกลับทันที สิ่งนี้ได้ยืนยันการคาดเดาของเซิ่งเป่ย เขากำลังสาธยายอยู่เช่นนี้เพื่อพูดให้เธอฟัง เหล่าผู้อำนวยการและผู้จัดการถึงกับอึ้ง! ‘ให้ตายเถอะ!’ ‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ‘‘ประธานกับฟู่สือถิง…มีความสัมพันธ์กัน!’ แก้มฉินอันอันร้อนผ่าว เธอหยิบเหยือกน้ำผลไม้แล้วเทให้ตัวเอง ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ โชคยังดีที่วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของเธอ ‘ใครอยากจะฟังเขาบรรยายในวันเกิดกันล่ะ น่ารำคาญจริง ๆ’ ขณะที่เขาพูดถึงเคล็ดลับความสำเร็จของเขา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมยกแก้วดื่มกับทุกคน ดูเหมือนว่าเขายังไม่ลืมว่าคืนนี้มีขึ้นเพื่อการฉลองวันเกิดเธอ ฉินอันอันกินข้าวสองชาม ผลไม้หนึ่งจานแล้ว เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ยังพูดไม่จบ เธอยกมือขึ้นท้าวศีรษะแล้วจ้องเขาตรง ๆ ลูกกระเดือกของเขาเลื่อนขึ้นลงและมองกลับมาที่เธอ “ฉินอันอัน ที่ผมเพิ่งพูดไป คุณจำได้หรือเปล่า?” “พวกเรามาดื่มกันเถอะ!” เธอหลับตาลงแล้วหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเทให้ตัวเองจากนั้นก็เทให้เขาต่อ “พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ยั
”สือถิง คุณดื่มน้ำก่อนนะคะ!” เสิ่นอวี๋ให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วป้อนน้ำใส่ปากเขา “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอึดอัดมาก คุณดื่มน้ำหน่อยนะคะจะได้รู้สึกดีขึ้น” ......ห้องจัดเลี้ยง ฉินอันอันมีสติมากขึ้นแล้ว แต่เธอรู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนที่ไม่เมา เธอจะไม่ไปเกี่ยวพันอะไรกับฟู่สือถิงอีกแล้ว! หากเป็นแบบนี้ต่อไป มีแต่ยิ่งถลำลึกลงเรื่อย ๆ เท่านั้น “อันอัน เสิ่นอวี๋คนนั้นจองหองชะมัด!” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาหาแล้วปลอบใจเธอ “อย่าไปใส่ใจคำพูดนั้นเลยนะ เธอก็ไม่เคยส่องกระจกเลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง พูดอย่างกับคนอื่นทำเรื่องบังคับขู่เข็ญฟู่สือถิงอย่างนั่นแหละ” ฉินอันอันหยิบกระเป๋าขึ้นมาวางแผนจะกลับ “ฉันไม่ได้โกรธเธอ ฉันโกรธตัวเอง” “เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย” “ฉันมันน่าตลกเกินไปแล้ว” ฉินอันอันบ่นพึมพำและหัวเราะเยาะตัวเอง “คิดไม่ถึงว่าฉันยังเพ้อฝันถึงเขาอยู่… หลีเสี่ยวเถียน ถ้าต่อไปฉันเจอเขาอีก เธอต้องด่าฉันแรง ๆเลยนะ!” หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกลำบากใจ แต่เพื่อไม่ให้เธอต้องปวดใจแบบนี้อีก ดังนั้นจึงพยักหน้ารับปาก “ฉันจะส่งเธอกลับบ้านนะ !” หลีเสี่ยวเถียนพยุงเธอ “เธอไม่ต้องห่วงคนอื่นหรอก เ