ฟู่สือถิงเปิดถุงออก มองแวบเดียวก็เห็นเสื้อเชิ้ตและเงินสดอยู่ข้างใน เสียง ‘หวือ’ ดังขึ้นถุงสีดำถูกเขาโยนทิ้งจนปลิว! “เอาไปทิ้งซะ!” เสียงของเขาดังอย่างเย็นชา “ได้ครับ” โจวจื่ออี้รีบหยิบถุงขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป ……ที่ย่านการค้า หลังจากที่ไมค์พาฉินอันอันไปที่ร้านเสื้อผ้าสตรีแล้ว เขาก็เอาเสื้อผ้าแบบใหม่ให้เธอลองทีละตัว “เธออย่าทำให้ตัวเองลำบาก ต้องลองใส่ก่อนถึงจะรู้ว่าเหมาะหรือเปล่า” ไมค์ดันเธอไปที่ห้องลองชุด “คุณผู้หญิง แฟนของคุณดีกับคุณมากจริง ๆ ค่ะ มีผู้ชายไม่กี่คนที่จะละเอียดรอบคอบขนาดนี้!” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ให้ฉันเข้าไปช่วยคุณเปลี่ยนไหม?” ฉินอันอันส่ายหัวอย่างแรง “ฉันเปลี่ยนเองได้” ตลอดช่วงบ่าย ไมค์พาฉินอันอันไปช้อปปิ้งทั่วย่านการค้า ท้ายรถเต็มไปด้วยถุงกระดาษเขาไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าให้ฉินอันอัน ยังซื้อให้เสี่ยวหาน รุ่ยลา และจางหยุนรวมถึงซื้อให้ตัวเขาเองด้วย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินอันอันไปช้อปปิ้งกับเขา แต่น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ฉินอันอันหิวไส้แทบขาดจนลากเขาเข้าไปในร้านอาหารที่เจอ คิดแต่จะกินให้อิ่มแล้วค่อยกลับ “ฉินอันอัน เธอรีบ ๆ กินเลย กิน
โจวจื่ออี้รู้สึกราวกับถูกตีจนหน้าบวม คนบางคนบอกว่าจะไม่มางานวันเกิดของฉินอันอันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาเงียบ ๆ ได้ล่ะ? ที่เคยพูด คือการผายลมทิ้งแค่นั้นรึไง? เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้เดินก้าวยาว ๆ ไปหาฟู่สือถิงแล้วถามถึงสถานการณ์ ฟู่สือถิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแล้วพูดโกหกอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย “บังเอิญผ่านมาเลยแวะมาดู” “เหอะ ๆ ผมนึกว่าคุณกลัวจนไม่กล้ามาแล้ว!” ไมค์เดินเข้ามาแล้วดึงฟู่สือถิงไปที่โต๊ะไวน์ “วันนี้พวกเราทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดเทพธิดาฉินอันอันของผม ดังนั้น ข้อแรกอย่าด่าทอใคร ข้อสองห้ามใช้ความรุนแรง ความสุขเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!” พูดแล้วไมค์ก็หยิบแก้วไวน์เปล่ามาวางตรงหน้าฟู่สือถิง จากนั้นเขาก็หยิบขวดไวน์ขึ้นมา เปิดเสียงดังปังแล้วเติมใส่แก้วจนเต็ม! ฉินอันอัน “…” ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น จะดื่มแล้วเหรอ? ฉินอันอันมองเห็นกลุ่มคนที่นำโดยไมค์ และผู้อำนวยการผู้จัดการแต่ละแผนกกำลังจ้องมองฟู่สือถิงเหมือนหมาป่าที่หิวโหยอย่างไรอย่างนั้น เธอมองเห็นแผนการของพวกเขาได้ในชั่วพริบตา เธอก้าวไปข้างหน้า ตั้งใจจะหยุดพวกเขา หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอไว้ “เธอไม่ต้องยุ่งกั
ข้างในมีรูปถ่ายต่าง ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเธอ สิ่งนี้เป็นของขวัญอันล้ำค่ามาก “เพราะว่าเราเป็นเพื่อนซี้กันไงล่ะ! โทรศัพท์ที่ฉันใช้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ในเครื่องนอกจากรูปฉันก็เป็นรูปเธอเยอะที่สุดเลยนะ” หลีเสี่ยวเถียนมองเธอด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง “พวกเรามาเป็นเพื่อนซี้กันชั่วชีวิตเถอะ!” ฉินอันอันยกแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับเธอ “รวยแล้วอย่าลืมกันนะ!” หลังจากจิบไวน์แล้วฉินอันอันก็วางแก้วลง ทันใดนั้นมีคนมาตบที่ไหล่ เธอหันไปมองด้านข้าง เห็นใบหน้าขึ้นสีแดงประดับรอยยิ้มของเซิ่งเป่ย “คุณฉิน มานี่สิ!” เซิ่งเป่ยชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ “ไปควบคุมพนักงานของคุณเลย ไม่งั้นพวกเขาจะมอมเหล้าพวกเราใหญ่แล้ว” เซิ่งเป่ยมีสีหน้าย่ำแย่ “พี่เซิ่ง พี่คอแข็งระดับหนึ่งต่อสิบเลยนะคะไม่มีปัญหาหรอก!” หลีเสี่ยวเถียนแซว เซิ่งเป่ยถอนใจ “นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้แก่แล้ว…” ฉินอันอันลุกขึ้นแล้วตามเซิ่งเป่ยไปที่โต๊ะถัดไปเซิ่งเป่ยให้เธอนั่งลงตรงที่นั่งของไมค์ และที่นั่งของไมค์อยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอเหลือบมองฟู่สือจากหางตา เขาเองกำลังมองเธอด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว ฉินอันอันถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัด ด
ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ของเขาเอื้อมออกมาจับมือของเธอที่ถือโทรศัพท์อยู่ มือเธออ่อนลงแล้วปล่อยโทรศัพท์ มือใหญ่ของเขาหดกลับทันที สิ่งนี้ได้ยืนยันการคาดเดาของเซิ่งเป่ย เขากำลังสาธยายอยู่เช่นนี้เพื่อพูดให้เธอฟัง เหล่าผู้อำนวยการและผู้จัดการถึงกับอึ้ง! ‘ให้ตายเถอะ!’ ‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ‘‘ประธานกับฟู่สือถิง…มีความสัมพันธ์กัน!’ แก้มฉินอันอันร้อนผ่าว เธอหยิบเหยือกน้ำผลไม้แล้วเทให้ตัวเอง ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ โชคยังดีที่วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของเธอ ‘ใครอยากจะฟังเขาบรรยายในวันเกิดกันล่ะ น่ารำคาญจริง ๆ’ ขณะที่เขาพูดถึงเคล็ดลับความสำเร็จของเขา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมยกแก้วดื่มกับทุกคน ดูเหมือนว่าเขายังไม่ลืมว่าคืนนี้มีขึ้นเพื่อการฉลองวันเกิดเธอ ฉินอันอันกินข้าวสองชาม ผลไม้หนึ่งจานแล้ว เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ยังพูดไม่จบ เธอยกมือขึ้นท้าวศีรษะแล้วจ้องเขาตรง ๆ ลูกกระเดือกของเขาเลื่อนขึ้นลงและมองกลับมาที่เธอ “ฉินอันอัน ที่ผมเพิ่งพูดไป คุณจำได้หรือเปล่า?” “พวกเรามาดื่มกันเถอะ!” เธอหลับตาลงแล้วหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเทให้ตัวเองจากนั้นก็เทให้เขาต่อ “พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ยั
”สือถิง คุณดื่มน้ำก่อนนะคะ!” เสิ่นอวี๋ให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วป้อนน้ำใส่ปากเขา “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอึดอัดมาก คุณดื่มน้ำหน่อยนะคะจะได้รู้สึกดีขึ้น” ......ห้องจัดเลี้ยง ฉินอันอันมีสติมากขึ้นแล้ว แต่เธอรู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนที่ไม่เมา เธอจะไม่ไปเกี่ยวพันอะไรกับฟู่สือถิงอีกแล้ว! หากเป็นแบบนี้ต่อไป มีแต่ยิ่งถลำลึกลงเรื่อย ๆ เท่านั้น “อันอัน เสิ่นอวี๋คนนั้นจองหองชะมัด!” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาหาแล้วปลอบใจเธอ “อย่าไปใส่ใจคำพูดนั้นเลยนะ เธอก็ไม่เคยส่องกระจกเลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง พูดอย่างกับคนอื่นทำเรื่องบังคับขู่เข็ญฟู่สือถิงอย่างนั่นแหละ” ฉินอันอันหยิบกระเป๋าขึ้นมาวางแผนจะกลับ “ฉันไม่ได้โกรธเธอ ฉันโกรธตัวเอง” “เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย” “ฉันมันน่าตลกเกินไปแล้ว” ฉินอันอันบ่นพึมพำและหัวเราะเยาะตัวเอง “คิดไม่ถึงว่าฉันยังเพ้อฝันถึงเขาอยู่… หลีเสี่ยวเถียน ถ้าต่อไปฉันเจอเขาอีก เธอต้องด่าฉันแรง ๆเลยนะ!” หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกลำบากใจ แต่เพื่อไม่ให้เธอต้องปวดใจแบบนี้อีก ดังนั้นจึงพยักหน้ารับปาก “ฉันจะส่งเธอกลับบ้านนะ !” หลีเสี่ยวเถียนพยุงเธอ “เธอไม่ต้องห่วงคนอื่นหรอก เ
ใบหน้าของฉินอันอันกระแทกหน้าอกของเขาทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาชั่วขณะปลายจมูกของเธอแดง แสบตา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างรวดเร็ว เสิ่นอวี๋ล่ะ? ทำไมมีเขาอยู่ในห้องแค่คนเดียว? เขาเมามากแบบนี้ ไม่มีคนดูแล? เธอใช้สองมือขวางหน้าอกของเขาและจะผลักเขาออก แต่เขากลับกอดเธอแน่นขึ้น “อันอัน…อย่าทิ้งผมไป…” เขายกร่างเธอขึ้นมาในอากาศและขอร้องเสียงแผ่วเบาด้วยดวงตาสีแดง “ผมคิดถึงคุณมาก…คิดถึงคุณทุกวัน…” เขาพูดพึมพำแล้วอุ้มเธอไปที่ห้องนอน ฉินอันอันมองดูเขาที่สายตามึนเมาและสับสน หัวใจราวกับถูกมีดกรีด เขาเมาแล้ว!เมามากด้วย! ว่ากันว่าคนเราเมาแล้วจะพูดความจริง เขาเรียกเธออันอัน หมายความว่าเขายังมีเธออยู่ในใจใช่หรือเปล่า? เขาอุ้มเธอมาวางไว้บนเตียงใหญ่ ร่างกดทับเธอไว้ ดวงตาลึกล้ำของเขา มองเธอด้วยความรักและคิดถึง “ฟู่สือถิง ปล่อยฉันนะ!” ฉินอันอันหายเขาลึก ๆ ยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าเขา พยายามปลุกสติสัมปชัญญะของเขา “คืนนี้คุณไม่กลับบ้าน อิ๋นอิ๋นกำลังร้องไห้ ป้าจางโทรมาหาฉัน ให้ฉันมาบอก…” ก่อนที่เธอจะพูดคำสุดท้ายออกมา ริมฝีปากบางของเขาก็ปิดปากของเธอไว้ เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เธอพูดชื่ออิ๋นอิ๋นแ
เธอไม่ต้องการได้ยินเสียงใด ๆ ก็ตามที่พวกเขาทำอีกต่อไป เสียงเหล่านี้เยาะเย้ยเธออยู่ตลอดเวลา มันเย้ยหยันว่าเธอคือแฟนของฟู่สือถิงแล้วอย่างไร? ผู้หญิงที่เขารักคือฉินอันอันต่างหาก! เธอเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอตายด้านไปแล้ว ร่างของเธอราวกับก้อนน้ำแข็ง แข็งทื่อและเย็นเฉียบ รุ่งเช้า เวลาตีสอง ในที่สุดประตูห้องนอนก็เปิดออก ฉินอันอันลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอออกมา เมื่อเห็นเสิ่นอวี๋นั่งอยู่ที่โซฟา เท้าของเธอก็หยุดชะงักทันที “คุณฉิน แฟนของฉันมีประโยชน์มากเลยใช่ไหม?” เสียงของเสิ่นอวี๋สั่นเทา ในดวงตามีความเกลียดชังปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและหันไปทางเธอ “ฉันห่างจากเขาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคุณจะฉวยโอกาสเข้ามา! คุณรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเมาแล้ว จิตใจสับสน! คุณกลับมายั่วยวนเขา! ทำไมคุณถึงเลวขนาดนี้!” ฉินอันอันอยากจะอธิบาย แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร มันก็ดูซีดเซียวและไร้พลังไปหมด! คิดไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งเธอจะถูกคนรั้งตัวเอาไว้บนเตียง! น่าขันจริง ๆ “ขอโทษ” “ขอโทษแล้วมีประโยชน์อะไร?” น้ำตาร้อน ๆ สองสายไหลออกมาจากหางตาของเสิ่นอวี๋ “ฉันรู้ว่าฉันได้เขามาด้วยว
“คุณหมอเสิ่น ผมขอโทษจริง ๆ” ฟู่สือถิงปรับอารมณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขากลับมาเฉยชาดั่งเช่นปกติ “เมื่อคืนเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอสงบสติอารมณ์สัดหน่อย!” หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องนอนไป สีหน้าเสิ่นอวี๋แข็งทื่อ เดิมทีเธอนึกว่าพอตัวเองบีบน้ำตาออกมาแล้ว ฟู่สือถิงจะเจ็บปวดใจจนเข้ามากอดแล้วปลอบเธอแต่ทำไมท่าทางของเขาถึงยังเฉยเมยแบบนี้? คิดไม่ถึงว่าจะเดินออกไปเฉย ๆ! เมื่อคืนตอนที่เขากอดฉินอันอัน ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย! เสิ่นอวี๋เชิดหน้าตรงแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะทำให้เธอใจสลายและเจ็บปวด แต่ผลลัพธ์คือเรื่องดี เธอหาโทรศัพท์แล้วโทรหาฟู่เย่เฉิน “ฉันทำสำเร็จแล้ว” ฟู่เย่เฉินหัวเราะออกมา “คุณหมอเสิ่น คุณยอดเยี่ยมมาก! ต่อไปถ้ามีอะไรที่ผมทำได้ คุณแค่สั่งมาได้เลย! ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง” เสิ่นอวี๋เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงฟู่เย่เฉินถ้าหากฟู่สือถิงจะคล้อยตามเธอได้สักครึ่งของฟู่เย่เฉินก็คงดี “ฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ? อาของคุณถึงไม่เคยมองฉันเลย” เสิ่นอวี๋พูดอย่างเศร้าใจ ฉันเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา เขาก็ไม่มีปฏ