ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ของเขาเอื้อมออกมาจับมือของเธอที่ถือโทรศัพท์อยู่ มือเธออ่อนลงแล้วปล่อยโทรศัพท์ มือใหญ่ของเขาหดกลับทันที สิ่งนี้ได้ยืนยันการคาดเดาของเซิ่งเป่ย เขากำลังสาธยายอยู่เช่นนี้เพื่อพูดให้เธอฟัง เหล่าผู้อำนวยการและผู้จัดการถึงกับอึ้ง! ‘ให้ตายเถอะ!’ ‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ‘‘ประธานกับฟู่สือถิง…มีความสัมพันธ์กัน!’ แก้มฉินอันอันร้อนผ่าว เธอหยิบเหยือกน้ำผลไม้แล้วเทให้ตัวเอง ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ โชคยังดีที่วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของเธอ ‘ใครอยากจะฟังเขาบรรยายในวันเกิดกันล่ะ น่ารำคาญจริง ๆ’ ขณะที่เขาพูดถึงเคล็ดลับความสำเร็จของเขา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมยกแก้วดื่มกับทุกคน ดูเหมือนว่าเขายังไม่ลืมว่าคืนนี้มีขึ้นเพื่อการฉลองวันเกิดเธอ ฉินอันอันกินข้าวสองชาม ผลไม้หนึ่งจานแล้ว เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ยังพูดไม่จบ เธอยกมือขึ้นท้าวศีรษะแล้วจ้องเขาตรง ๆ ลูกกระเดือกของเขาเลื่อนขึ้นลงและมองกลับมาที่เธอ “ฉินอันอัน ที่ผมเพิ่งพูดไป คุณจำได้หรือเปล่า?” “พวกเรามาดื่มกันเถอะ!” เธอหลับตาลงแล้วหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเทให้ตัวเองจากนั้นก็เทให้เขาต่อ “พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ยั
”สือถิง คุณดื่มน้ำก่อนนะคะ!” เสิ่นอวี๋ให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วป้อนน้ำใส่ปากเขา “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอึดอัดมาก คุณดื่มน้ำหน่อยนะคะจะได้รู้สึกดีขึ้น” ......ห้องจัดเลี้ยง ฉินอันอันมีสติมากขึ้นแล้ว แต่เธอรู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนที่ไม่เมา เธอจะไม่ไปเกี่ยวพันอะไรกับฟู่สือถิงอีกแล้ว! หากเป็นแบบนี้ต่อไป มีแต่ยิ่งถลำลึกลงเรื่อย ๆ เท่านั้น “อันอัน เสิ่นอวี๋คนนั้นจองหองชะมัด!” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาหาแล้วปลอบใจเธอ “อย่าไปใส่ใจคำพูดนั้นเลยนะ เธอก็ไม่เคยส่องกระจกเลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง พูดอย่างกับคนอื่นทำเรื่องบังคับขู่เข็ญฟู่สือถิงอย่างนั่นแหละ” ฉินอันอันหยิบกระเป๋าขึ้นมาวางแผนจะกลับ “ฉันไม่ได้โกรธเธอ ฉันโกรธตัวเอง” “เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย” “ฉันมันน่าตลกเกินไปแล้ว” ฉินอันอันบ่นพึมพำและหัวเราะเยาะตัวเอง “คิดไม่ถึงว่าฉันยังเพ้อฝันถึงเขาอยู่… หลีเสี่ยวเถียน ถ้าต่อไปฉันเจอเขาอีก เธอต้องด่าฉันแรง ๆเลยนะ!” หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกลำบากใจ แต่เพื่อไม่ให้เธอต้องปวดใจแบบนี้อีก ดังนั้นจึงพยักหน้ารับปาก “ฉันจะส่งเธอกลับบ้านนะ !” หลีเสี่ยวเถียนพยุงเธอ “เธอไม่ต้องห่วงคนอื่นหรอก เ
ใบหน้าของฉินอันอันกระแทกหน้าอกของเขาทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาชั่วขณะปลายจมูกของเธอแดง แสบตา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างรวดเร็ว เสิ่นอวี๋ล่ะ? ทำไมมีเขาอยู่ในห้องแค่คนเดียว? เขาเมามากแบบนี้ ไม่มีคนดูแล? เธอใช้สองมือขวางหน้าอกของเขาและจะผลักเขาออก แต่เขากลับกอดเธอแน่นขึ้น “อันอัน…อย่าทิ้งผมไป…” เขายกร่างเธอขึ้นมาในอากาศและขอร้องเสียงแผ่วเบาด้วยดวงตาสีแดง “ผมคิดถึงคุณมาก…คิดถึงคุณทุกวัน…” เขาพูดพึมพำแล้วอุ้มเธอไปที่ห้องนอน ฉินอันอันมองดูเขาที่สายตามึนเมาและสับสน หัวใจราวกับถูกมีดกรีด เขาเมาแล้ว!เมามากด้วย! ว่ากันว่าคนเราเมาแล้วจะพูดความจริง เขาเรียกเธออันอัน หมายความว่าเขายังมีเธออยู่ในใจใช่หรือเปล่า? เขาอุ้มเธอมาวางไว้บนเตียงใหญ่ ร่างกดทับเธอไว้ ดวงตาลึกล้ำของเขา มองเธอด้วยความรักและคิดถึง “ฟู่สือถิง ปล่อยฉันนะ!” ฉินอันอันหายเขาลึก ๆ ยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าเขา พยายามปลุกสติสัมปชัญญะของเขา “คืนนี้คุณไม่กลับบ้าน อิ๋นอิ๋นกำลังร้องไห้ ป้าจางโทรมาหาฉัน ให้ฉันมาบอก…” ก่อนที่เธอจะพูดคำสุดท้ายออกมา ริมฝีปากบางของเขาก็ปิดปากของเธอไว้ เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เธอพูดชื่ออิ๋นอิ๋นแ
เธอไม่ต้องการได้ยินเสียงใด ๆ ก็ตามที่พวกเขาทำอีกต่อไป เสียงเหล่านี้เยาะเย้ยเธออยู่ตลอดเวลา มันเย้ยหยันว่าเธอคือแฟนของฟู่สือถิงแล้วอย่างไร? ผู้หญิงที่เขารักคือฉินอันอันต่างหาก! เธอเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอตายด้านไปแล้ว ร่างของเธอราวกับก้อนน้ำแข็ง แข็งทื่อและเย็นเฉียบ รุ่งเช้า เวลาตีสอง ในที่สุดประตูห้องนอนก็เปิดออก ฉินอันอันลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอออกมา เมื่อเห็นเสิ่นอวี๋นั่งอยู่ที่โซฟา เท้าของเธอก็หยุดชะงักทันที “คุณฉิน แฟนของฉันมีประโยชน์มากเลยใช่ไหม?” เสียงของเสิ่นอวี๋สั่นเทา ในดวงตามีความเกลียดชังปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและหันไปทางเธอ “ฉันห่างจากเขาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคุณจะฉวยโอกาสเข้ามา! คุณรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเมาแล้ว จิตใจสับสน! คุณกลับมายั่วยวนเขา! ทำไมคุณถึงเลวขนาดนี้!” ฉินอันอันอยากจะอธิบาย แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร มันก็ดูซีดเซียวและไร้พลังไปหมด! คิดไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งเธอจะถูกคนรั้งตัวเอาไว้บนเตียง! น่าขันจริง ๆ “ขอโทษ” “ขอโทษแล้วมีประโยชน์อะไร?” น้ำตาร้อน ๆ สองสายไหลออกมาจากหางตาของเสิ่นอวี๋ “ฉันรู้ว่าฉันได้เขามาด้วยว
“คุณหมอเสิ่น ผมขอโทษจริง ๆ” ฟู่สือถิงปรับอารมณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขากลับมาเฉยชาดั่งเช่นปกติ “เมื่อคืนเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอสงบสติอารมณ์สัดหน่อย!” หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องนอนไป สีหน้าเสิ่นอวี๋แข็งทื่อ เดิมทีเธอนึกว่าพอตัวเองบีบน้ำตาออกมาแล้ว ฟู่สือถิงจะเจ็บปวดใจจนเข้ามากอดแล้วปลอบเธอแต่ทำไมท่าทางของเขาถึงยังเฉยเมยแบบนี้? คิดไม่ถึงว่าจะเดินออกไปเฉย ๆ! เมื่อคืนตอนที่เขากอดฉินอันอัน ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย! เสิ่นอวี๋เชิดหน้าตรงแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะทำให้เธอใจสลายและเจ็บปวด แต่ผลลัพธ์คือเรื่องดี เธอหาโทรศัพท์แล้วโทรหาฟู่เย่เฉิน “ฉันทำสำเร็จแล้ว” ฟู่เย่เฉินหัวเราะออกมา “คุณหมอเสิ่น คุณยอดเยี่ยมมาก! ต่อไปถ้ามีอะไรที่ผมทำได้ คุณแค่สั่งมาได้เลย! ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง” เสิ่นอวี๋เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงฟู่เย่เฉินถ้าหากฟู่สือถิงจะคล้อยตามเธอได้สักครึ่งของฟู่เย่เฉินก็คงดี “ฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ? อาของคุณถึงไม่เคยมองฉันเลย” เสิ่นอวี๋พูดอย่างเศร้าใจ ฉันเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา เขาก็ไม่มีปฏ
เขามีวิธีจัดการเสิ่นอวี๋หลายรูปแบบ แต่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับฉินอันอันได้อย่างไร? หลังจากเมื่อคืนนี้เขายิ่งมั่นใจว่า เขายังคงรักฉินอันอันอยู่ เขาโกหกตัวเองไม่ได้ เขาลืมเธอไม่ได้หลังจากออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับป้าจางและอิ๋นอิ๋น “คุณผู้ชายคะ เมื่อคืนอิ๋นอิ๋นรอคุณทั้งคืนเลยค่ะ” ป้าจางเอ่ยปาก ทันใดนั้นใบหน้าของฉินอันอันปรากฎขึ้นมาในใจของเขา! เขายังจำได้เลือนรางว่าฉินอันอันไปหาเขาเมื่อคืนนี้และบอกเขาว่าอิ๋นอิ๋นกำลังร้องไห้ ขอให้เขากลับไป! หัวใจของเขาบีบรัดแน่นในทันที เมื่อคืนนี้ฉินอันอันไปหาเขาหรือเปล่า?! เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเธอมาหาเขาที่ห้อง! พวกเขาสองคนแนบชิดกันบนเตียงขนาดนั้น…แต่ว่าทำไมพอตื่นมา ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างเขาเป็นเสิ่นอวี๋? “เมื่อคืนนี้ดิฉันโทรหาคุณไม่ติด ดังนั้นเลยโทรหาอันอัน เธอรับปากว่าจะไปแจ้งคุณ แต่ว่าเมื่อคืนคุณก็ไม่กลับบ้าน…เธอคงไม่เจอคุณ” ป้าจางคาดเดา อิ๋นอิ๋นร้องไห้ทั้งคืนจนถึงตีสาม ร้องจนหมดแรงแล้วจริง ๆ ถึงยอมหยุด ป้าจางเหนื่อยจนเหลือจะทน ทันใดนั้นในใจของฟู่สือถิงก็ตกใจอีกรอบ! จู่ ๆ แสงในดวงตาของเขาก็มืดลง เสียงขาดห้วง “เธอไปหาฉันแล้ว…ฉัน
‘ขออภัย เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’ ฉินอันอันปิดเครื่อง ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก แต่กลับดูเหมือนห่างไกลกัน ในคฤหาสน์ รุ่ยลาบอกเสี่ยวหานว่าฟู่สือถิงมา เสี่ยวหานจึงรีบนำโดรนจากห้องทันที “พี่! จะทำอะไรคะ?” รุ่ยลาลืมตากลมโตของเธอแล้วถามอย่างสงสัย เสี่ยวหาน “ไล่เขาออกไป!” “โอ้ พี่ให้หนูช่วยไหม?” รุ่ยลาต้องการช่วย เสี่ยวหานนำสายยางมาและบอกให้เธอถือมันไว้ ...... ฟู่สือถิงยืนตัวสูงอยู่ด้านนอกประตูคฤหาสน์ วันนี้เขาต้องเจอฉินอันอันให้ได้ ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา โดรนค่อย ๆ บินออกมาจากระเบียงชั้นสองอย่างช้า ๆ หลังจากที่บอดี้การ์ดเห็นโดรน เขาก็ขมวดคิ้ว “อะไรวะนั่น?!” ถ้าโดรนที่เห็นเป็นแค่โดรนธรรมดา ๆ บอดี้การ์ดก็คงไม่แปลกใจ แต่โดรนที่บินผ่านลำนี้มีสายยางเชื่อมต่ออยู่! ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองโดรน โดรนตัวนี้มีรูปร่างที่ล้ำสมัยมาก โดดเด่นด้วยไฟหลากสีสันและอินเทรนด์! ขณะที่เขากำลังคิดว่าใครเป็นคนควบคุมโดรนตัวนี้ ก็มีเสียง ‘ซ่า!’ ดังขึ้น ละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า! โดรนหยุดอยู่ตรงเหนือศีรษะของฟู่สือถิ
แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะทิ้งอคติที่มีต่อเขา......“ประธาน เรากลับกันเถอะครับ!” บอดี้การ์ดแนะนำเขา “เสื้อผ้าของคุณเปียกไปหมดแล้ว ถ้าคุณไม่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณอาจจะเป็นหวัดได้นะครับ” เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงแม้วันนี้พระอาทิตย์จะอยู่บนท้องฟ้า แต่อุณหภูมิก็ต่ำกว่ามาสักพักแล้ว “ฉันไม่หนาว” เสียงของฟู่สือถิงหนักแน่น บอดี้การ์ดเห็นว่าเขาดื้อรั้ง จึงรู้ว่าเขาไม่เปลี่ยนใจแน่นอน จึงทำได้เพียงยืนรออยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนเขา ไม่นานหลังจากนั้น รถคาเยนน์คันสีแดงก็ขับเข้ามาช้า ๆ และจอดข้าง ๆ ฟู่สือถิง หน้าต่างเลื่อนลง ไมค์โผล่หน้าออกมา “อ้าว! คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ?” ไมค์ตกใจเมื่อเห็นเขาตัวเปียกทั้งตัว “ที่นี่ฝนตกเหรอ!” บอดี้การ์ดมองเขาสายตาโกรธเคือง “เจ้าเด็กเสี่ยวหานตัวแสบนั่นแหละที่สาดน้ำใส่!” ไมค์ “โอ้...พี่หานของฉันนี่ร้ายจริง ๆ! มักทำสิ่งที่ฉันอยากทำแต่ไม่กล้าทำ!” บอดี้การ์ดจ้องเขม็ง ไมค์กระแอมเบา ๆ แล้วลงจากรถ “พวกคุณดูโง่เง่ามากที่ยืนอยู่แบบนี้! ผมพาพวกคุณเข้าไปเอง!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็เดินไปที่ประตูคฤหาสน์ ฟู่สือถิงลังเลอยู่ครู่ก่อนจะเดิน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง